ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Forbidden library

    ลำดับตอนที่ #1 : The forbidden book No.1 l Shinosaki Shihori

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 61



    [THE FORBIDDEN BOOK No.1]

    หนังสือต้องห้ามเล่มหมายเลขหนึ่ง

    เล่าขานถึงเรื่องราวของหญิงสาวผู้ผ่านอะไรในชีวิตมามากมาย

    ตกลงสู่วังวนแห่งการต่อสู้ไม่มีที่สิ้นสุด ประดุจอยู่ในสนามรบที่ไม่เคยร้างลาศึก

    ผู้มีพันธนาการอันเป็นนิสัยรักพนันและหนี้มหาศาล รั้งไม่ให้เธอหลุดออกจากวังวนไม่จบสิ้น

    เมื่อไหร่กันหนอเมื่อไหร่กัน...ที่เธอนั้นจะได้หลุดจากสงครามแห่งชีวิตของเธอเสียที

     

    [THE GAMBLING-ADDICTED WHO VOYAGES THROUGH LIFE]



     

     (http://elkind.hatenablog.com/entry/2017/09/27/153700)


    “I may lose in the battle, but I will be the one who win the war.

    No pain, no gain. That’s the rule of the world.”

     

    - Shinosaki Shihori -

     

     




    "นอกจากสวดภาวนาก็ไม่มีทางอื่นให้คุณหนีแล้วล่ะ"

    “ฮึ...ก็ถ้าสวดชินบัญชรกับแผ่เมตตาครบพันจบแล้วทำให้หนีพ้นนายได้ ฉันคงทำไปนานแล้ว”

    “แล้วจะบอกอะไรให้...”

    “ชั่วชีวิตที่ผ่านมา ปัญหาที่ฉันแก้ไม่ได้มีอยู่แค่สามอย่าง หนึ่งคือเรื่องดวง สองคือเรื่องนิสัยบ้าพนัน

    และสุดท้าย...คือเรื่องของนาย


    -------------------------------------------------------


    “การจะได้อะไรสักอย่างมามันก็ต้องเสี่ยงเดิมพันกันบ้าง โอกาสอาจจะน้อยแต่ก็ยังไม่เป็นศูนย์...แต่ถ้าไม่กล้าที่จะเสี่ยง มันก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้อะไรมาแม้แต่อย่างเดียวเลยไม่ใช่รีไง

    ------------------------------------------------------

    Set: [set1] Life is a battlefield / อาคาชิ เซย์จูโร่



    นามสกุล-ชื่อ: Shinosaki Shihori [ชิโนซากิ ชิโฮริ]

     [篠咲 志歩理][しのさき しほリ]



    ชื่อเล่น: Shiho [ชิโฮะ]



    ความหมายของชื่อ: 

    ชิโนซากิ – ต้นไผ่ที่งอกงาม

    ชิโฮริ – เส้นทางเดินแห่งความถูกต้องที่เปี่ยมด้วยความตั้งใจอันแรงกล้า

    ชิโฮะ - เส้นทางเดินที่เปี่ยมด้วยความตั้งใจอันแรงกล้า



    อายุ: 28



    ลักษณะรูปร่าง: หญิงสาวผู้มีรูปร่างหน้าตางดงามหมดจดแฝงความหวานละมุน แม้ไม่งามโดดเด่นเปล่งประกายมากมาย แต่ก็สะกดสายตาใครหลายคนได้ไม่ยากเย็นนัก ดูแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าอายุของเธอเฉียดเข้าใกล้เลขสามเข้าไปทุกทีแล้ว เมื่อดูจากผิวสีนวลราวน้ำนมแฝงเลือดฝาดให้พอมีชีวิตชีวา อาจจะหยาบกร้านไปบ้างเพราะไม่ค่อยได้บำรุงเท่าใดนักจนน่าเสียดาย เรือนร่างโปร่งเพรียวที่เหมือนจะแตกสลายหากกระทบกระเทือนรุนแรงนั้นมีส่วนเว้าโค้งอย่างพอดี ทั้งหน้าอก สะโพก บั้นท้าย รวมไปถึงแขนขาที่ยาวเรียวแลดูบอบบางนั่นอีก แต่ไม่อาจปฏิเสธว่าสิ่งที่แรกที่ผู้คนเห็นเธอจากภายนอกคือใบหน้าอันงดงามนั้นที่แม้ไม่ได้แต่งเติมก็สะกดสายตาอยู่แล้ว เครื่องหน้าแต่ละอย่างที่ประกอบขึ้นมาล้วนแล้วแต่ลงตัว ทั้งจมูกโด่งนิดๆ ริมฝีปากเรียวบางสีอ่อน แก้มที่มีสีเลือดฝาดจางๆ เรือนผมสีน้ำเงินที่ดูราวกับไพลินเลอค่าที่ล้อมกรอบใบหน้าไว้ในทรงหน้าม้าปัด เป็นลอนอ่อนๆตามธรรมชาติที่ปล่อยทิ้งสลวยยาวจรดเอว ก็ยิ่งขับให้ดวงหน้ายิ่งเด่น แต่หากถามว่าสิ่งไหนโดดเด่นออกมาเหนืออื่นใดคงเป็นดวงตาสีฟ้าเข้มล้ำลึกมีประกายยากจะอ่านคู่นั้น มองแล้วคล้ายจะนำสีสันของห้วงนภาในยามสดใสมาไว้ในดวงตา และคงจะงามกว่านี้หากมันไม่ได้หรี่ปรือหรือราบเรียบราวกับเฉยชา เบื่อหรือง่วงงุแทบจะตลอดเวลาภายใต้แพขนตาหนายาวและการล้อมกรอบของคิ้วเรียวยาวดังคันศรนั้น มีกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆติดตามร่างจนเป็นกลิ่นประจำตัว สูง 167 เซนติเมตร น้ำหนัก 50 กิโลกรัม รวมแล้วก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอเป็นสาวงามผู้หนึ่ง

     

    เพียงแต่ว่าความงดงามที่มีอาจจะเสียของอยู่สักหน่อย รูปร่างที่เพรียวบอบบางชวนให้ถนอมนั้นมักถูกซ่อนไว้ให้เสื้อยืดสบายๆ ยังดีที่กางเกงขาสั้นที่ชอบใส่ยังโชว์เรียวขาสวยออกมาบ้าง ทั้งที่หากแต่งตัวให้สมเป็นหญิงสาวกว่านี้เสียหน่อยคงมีเสน่ห์ขึ้นมา แต่เจ้าตัวนิยม เสื้อยืด กางเกง และคีบแตะในการออกไปไหนมาไหนมากกว่าจะสวมเดรส กระโปรง หรือเสื้อผ้าที่ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมใส่กัน รองเท้าประเภทมีส้นหรูหราหรืออย่าหวังจะได้เงินเธอมาก เพราะต่อให้ต้องออกงานใส่ชุดเดรสอย่างเก่งที่สุดก็ใส่ส้นแค่สองนิ้ว มากกว่านั้นเซย์โนโอนลี่ ชอบใส่รองเท้าส้นแบนมากกว่า ส่วนเครื่องประทินโฉมใดๆโปรดอย่าได้ถาม จะมีก็ต่อเมื่อจำเป็นและเพื่อนต้องมาแต่งให้เท่านั้น

     

    อีกอย่างที่จะทำให้ความงามนี้เสียของอาจเป็นการแสดงสีหน้าของเจ้าตัวก็เป็นได้ ใบหน้าของเธอมักไม่ค่อยบ่งบอกเท่าไหร่ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ใด ดวงตาที่ว่างามนั้นมีความเรียบเฉยฉาบประกายลึกล้ำไว้เป็นนิจ เรียวปากบางเหมือนจะยกโค้งเป็นรอยยิ้มเพียงเบาบางทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ยิ้มเลย และมักจะแย้มยิ้มที่เป็นดังฤดูร้อนเจิดจ้ายามเมื่อยินดีจากใจจริง ยิ้มมุมปากดูลึกลับแฝงนัยซ่อนเร้นยามเจ้าตัวปรารถนาจะเล่นสนุกดุจฤดูใบไม้ร่วง ยิ้มเย็นชาประดุจเหมันต์ยามโกรธาเท่านั้น และหากยามต้องการแสดงอารมณ์เมื่อใด ประกายดั่งดาราในแววตานั้นจะเผยออกมาตามแต่อารมณ์ในยามนั้น หากตื่นเต้นดีใจก็จะเปล่งประกายยิ่งกว่าดวงดาวหมู่ใด หากโกรธมันจะนิ่งเย็นและแวววาวอย่างเงียบๆ

    ทั้งหมดนี้เองคือภายนอกของชิโนซากิ ชิโฮริ....



    ลักษณะนิสัย: 

    หากจะต้องนิยาม “ชิโนซากิ ชิโฮริ” ให้สั้นและได้ใจความมากที่สุด คงไม่มีคำไหนเหมาะสมไปกว่า “แมว” สิ่งมีชีวิตลึกลับที่ยากจะเดาใจที่สุดสปีชีส์หนี่งในจักรวาลอีกแล้ว...

    ความเหมือนแมวของชิโฮรินั้นมาตั้งแต่บุคลิกภายนอก คือเป็นพวกทำตัวสบายๆ ทั้งที่ความจริงแล้วได้รับการอบรมมาดี จะทำตัวสง่างามเรียบร้อยหน่อยก็ได้ แต่พอดีไม่อยากไง นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ทำก็เทเลย คือเธอเป็นพวกไม่แคร์สื่อค่ะ ตราบเท่าที่สิ่งที่เธอทำไม่ผิดกฎหมายถึงขั้นต้องเข้าซังเตล่ะก็...ใครจะทำไมไม่ทราบ? ส่วนใครจะเอาเรื่องของเธอไปหนักหัวมันก็เรื่องของเขา เธอมีเรื่องให้คิดมากพอแล้ว ไม่จำเป็นและไม่มีการมาเสียเวลากับเรื่องจุกจิกที่เธอไม่ได้สนใจหรอก แถมด้วยความที่ว่าเธอมีความรู้ในด้านกฎหมายถึงขั้นที่สอบเนติผ่านเป็นทนายได้ อย่ามาเถียงอะไรทำนองนี้กับเธอเลย ไม่ชนะหรอกจะบอกให้

     

    แต่ถึงกระนั้น ชิโฮริก็ไม่ได้เป็นคนไร้มารยาทแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าต้องเข้าใจก่อนว่าคำว่ากาลเทศะของเธอนั้นสงวนไว้ใช้กับคนที่จำเป็นและเธอเห็นสมควรเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนอื่นคนไกลคนทั่วไปอย่าหวัง...แถมยังเป็นพวกเลือกปฏิบัติอีกต่างหาก อย่าแปลกใจที่เธอสามารถน้วยอ้อนเพื่อนสนิท แล้วคล้อยหลังมาหลับในใส่บุคคลทั่วไปหรือผู้ที่เธอไม่อยากเสวนาด้วยได้ในเวลาต่างกันไม่ถึงนาที แบบ...อือ จะบอกว่าแม่นางอารมณ์แปรปรวนก็ไม่เชิงหรอก...ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเธอ...เอ่อ พูดยาก ต้องเข้าใจก่อนว่าเธอมีหลายโหมด ตัวอย่างเช่นถ้าวันนั้นของเดือนมา แม่คุณจะเปิดโหมดดุ แค่มีอะไรไปสะกิดต่อมหน่อยแม่นางจะตาขวางทันที แต่ถ้าเกิดวันนั้นถูกล็อตเตอรี่อารมณ์ดีประหนึ่งไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์มา ชิโฮริก็จะยอมปล่อยผ่านเรื่องเล็กน้อยที่ทำให้ตัวเองหงุดหงิดไปได้ง่ายๆเลยล่ะ ว่าง่ายๆปัจจัยสำคัญที่สุดคือ...ตัวเองนั่นแหละที่จะตัดสินใจยังไง ซึ่งขอบอกเลยว่า...แทบจะทำนายไม่ได้โดยสิ้นเชิงค่ะ...บอกแล้วนางเดาใจยาก...

     

    ถามว่าโดยทั่วไปแล้วชิโฮริจะอยู่ในโหมดไหน มีสามโหมดหลักโดยพื้นฐานแบบไม่ขึ้นกับอารมณ์เท่าไหร่ โหมดแรกคือ...โหมดเฉื่อยประหนึ่งแมวขี้เกียจ ในโหมดนี้อารมณ์น้องก็จะติดสโลว์ไลฟ์ ว่าง่ายๆ ขี้เกียจนั่นเอง โดยโหมดนี้มักเกิดบ่อยสุดตอนสายๆหลังตื่นเพราะง่วง พื้นอารมณ์ช่วงนี้จะทรงๆไม่ดีและไม่แย่ แต่จะขี้รำคาญมากขึ้น ดังนั้นไม่ควรไปติดต่อธุระอะไรกับนางในโหมดนี้หากไม่จำเป็น เดี๋ยวเจอตาขวางใส่ หากจำเป็นกรุณาใช้เพื่อนเธอไปติดต่อแทนจะเวิร์คกว่า อย่างที่บอกไปค่ะว่าเลือกปฏิบัติ ดังนั้นหากเป็นเพื่อน(ที่มีอยู่หยิบมือที่เธอสนิทด้วยจริงๆ)หรือคนที่นับถือ(สิบนิ้วนับยังไม่ถึง) อย่างเก่งจะแค่อารมณ์บูดหรือฟึดฟัดใส่พอเป็นพิธีเท่านั้นก็หาย แต่ถ้าคนอื่นล่ะก็...เราไม่ขอรับรองว่านอกจากตาขวางแล้ว คุณจะเจอกรงเล็บคมกริบที่มีชื่อว่า คำพูดอันเสียดแทงใจ เล่นงานหรือไม่

     

    สอง...โหมดจริงจังแบบติสท์ๆ หรือโหมดทำงาน โหมดนี้เปิดได้ตอนชิโฮริตื่นและมีอารมณ์ทำงานเท่านั้นประหนึ่งแมวที่ตีไม้ล่อที่ชื่อว่าเดดไลน์งานอย่างกระตือรือร้น ในโหมดนี้จะเป็นพวกทุ่มสมาธิทุกอย่างแค่งานอย่างเดียว สมองแอกทีฟกับงานขั้นสุด ชนิดที่ว่าถ้าไฟไหม้บ้านก็คงตายอยู่ในนั้นเพราะมัวแต่ปั่นงานนั่นแหละ โหมดนี้รับรู้สิ่งรอบตัวเป็นศูนย์ทุกกรณี ต่างจากปกติที่เป็นคนช่างสังเกตลิบลับ และจะออกจากโหมดนี้ได้เมื่องานถึงเป้าหรือหัวตันจนหมดอารมณ์ทำเท่านั้น แต่เชื่อเถอะว่าสุดท้ายงานจะเสร็จ อย่าแปลกใจถ้าคุณเธอจะพูดพึมพำออกมาอยู่คนเดียวหรืออยู่ๆก็ลุกเดินไปมาแล้วกลับไปทำงานต่อ บอกเลยว่าปกติมากๆ เพราะบางทีการพูดหรือเดินไปมามันทำให้เธอหัวแล่น แต่เธอเป็นคนที่ทำงานละเอียดรอบคอบมาก หากเข้าข่ายงานตัวเองเมื่อไหร่หากไม่พอใจจะแก้เรื่อยๆจนกว่าตัวเองจะพอใจนั่นแหละ และต่อให้โหมดแรกมันเฉื่อยได้โล่แค่ไหน ขอแค่เดดไลน์มางานจะเดินจนต้องเปิดโหมดนี้ทันที จริงๆเห็นอย่างนี้ก็มีความรับผิดชอบพอตัวนะ แค่ปกติความขี้เกียจมันมาบังไว้ ต้องมีอะไรมากระตุ้นแรงๆเท่านั้นเองถึงจะยอมเบิกเนตรเอาความสามารถออกมาทำ

     

    สาม...โหมดเป็นผู้เป็นคน(?)...ต้องขออธิบายไว้ก่อนว่า...โหมดที่กล่าวมาก่อนหน้า มักจะไม่ค่อยมีใครได้เห็นเท่าไหร่ยกเว้นคนสนิท เพราะมันคือโหมดที่ออกมาตอนเธออยู่บ้านซะเป็นส่วนใหญ่ มีหลงออกมาให้เห็นบ้างแต่ไม่บ่อย ดังนั้นโหมดที่สามนี้จะเป็นโหมดที่คนนอกเห็นบ่อยที่สุด...คือ...เอาสองโหมดก่อนหน้ามารวมกันแล้วหารครึ่ง เป็นโหมดกึ่งชิลกึ่งจริงจัง แต่เอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากของโหมดนี้คือ...ประสาทสัมผัสจะไวมาก สัญชาตญาณตื่นเต็มตัว คืออย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าช่างสังเกต เวลาหัวตันแล้วออกไปที่อื่นเปลี่ยนบรรยากาศหรือเพื่อนลากออกไปทำอะไรสักอย่างจะเป็นคนที่สามารถเก็บดีเทลทุกอย่างรอบข้างเข้าสมองเพื่อนำไปเป็นไอเดียได้แม้ว่าภายนอกเธอจะทำเป็นเหมือนอ่านหนังสือ เม้ามอยกับเพื่อนหรือนั่งจิบชากาแฟแบบไม่แคร์เวิร์ลก็ตาม ประหนึ่งเป็นแมวที่นอนหมอบเงียบๆ ดูเหมือนไร้พิษสง แต่ความจริงแล้วกำลังจับตาดูทุกสิ่งอย่างเงียบงัน ความจำเธอดีพอที่จะไม่ต้องใช้สมุดจดเพื่อกันลืม แต่สุดท้ายก็มักจะกลับไปรวมไอเดียใส่สมุดคร่าวๆ ที่บ้านอยู่ดี อนึ่งขอบอกไว้ตรงนี้ว่าเธอเป็นคนลายมือสวยมาก ไม่ว่าจะเขียนหวัดแค่ไหนก็สวยต่างจากนักเขียนหลายท่านที่ลายมือยิ่งกว่าลายแทงอีก

     

    ทั้งหมดนี้คือภาวะปกติที่สามารถพบเห็นได้ค่อนข้างบ่อย ส่วนโหมดลับน่ะเหรอ?

    อืม...ก่อนจะถึงตรงนั้น เรามารู้จักเธอเพิ่มอีกสักนิดดีกว่า...

     

    อย่างที่เคยบอกไปว่าชิโฮริเป็นคนที่เดาใจยาก แม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่อะไรก็เถอะ ความจริงซับซ้อนพอสมควรเลย สาเหตุหลักๆเลยมาจากความคิดของเธอที่คิดออกจะไม่เหมือนชาวบ้านไปเสียหน่อย เรียกว่ามีมุมมองที่แตกต่างไปจากคนอื่นหรือคิดนอกกรอบมากกว่าจะหลุดโลก และแม้ว่าเรื่องส่วนใหญ่ในชีวิตเธอจะใช้อารมณ์ความรู้สึกหรือสัญชาตญาณมาขับเคลื่อน (เพราะหากใช้เหตุผลมากกว่านี้ชีวิตอาจจะไม่บัดซบเท่าทุกวันนี้ก็เป็นได้ แถมเป็นคนสัญชาตญาณดีแต่ทำเสียของเพราะบางทีก็ดื้อไม่เข้าเรื่องอีก) นึกอยากทำอะไรก็ทำ แต่พอมาเรื่องผลงาน ในฐานะนักเขียนนวนิยายสืบสวนที่ต้องมีเหตุผลในกลอุบาย เธอก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว...เนื่องด้วยเป็นคนมีไหวพริบเข้าใจอะไรได้รวดเร็ว ฉลาดแต่บางทีก็ลืมเฉลียวทำตามใจจนเกิดเรื่องกับตัวเองมาไม่ใช่น้อย แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดมาได้ทุกครั้งแหละน่า...ไม่ใช่มีดวงหรืออะไรนะ เพราะเป็นคนอ่านคนและสถานการณ์ออกต่างหากล่ะ

     

    ด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้ชิโฮริดูเป็นพวก...อืม ไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่ เป็นพวกเรื่อยๆ แต่ขอบอกไว้เลยว่าหากมีสิ่งที่กระตุ้นความสนใจเธอได้เมื่อไหร่หรือเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความชอบส่วนตัวจะดึงความสามารถออกมาได้เต็มที่มาก คือเป็นพวกขี้เกียจแต่ถ้าเลือกจะจับงานไหนเมื่อไหร่จะทุ่มสุดแรง เหมือนแมวที่เจอกัญชาแมวนั่นแหละ เจอเมื่อไหร่พุ่งใส่ทันที ห้ามยากด้วย...

     

    แล้วกัญชาแมว เอ้ย ของที่กระตุ้นความสนใจของชิโฮริได้คืออะไรน่ะเหรอ? หลักๆคืออะไรที่มันชวนติดตามและลุ้นระทึก เช่น นิยายสืบสวนที่เธอแต่งเป็นอาชีพเพราะเดาทางไม่ค่อยได้ แถมชอบหักมุมให้คนอ่านเงิบเล่น และที่เห็นชัดๆอีกอย่างหนึ่งก็คงจะเป็นการพนันนี่แหละมั้ง...ด้วยความที่ว่าเล่นเกมมาตั้งแต่เด็กด้วยก็เลยมีนิสัยชอบเสี่ยงชอบแข่งซ่อนอยู่ลึกๆ ซึ่งเจ้าตัวก็รู้หรอกแต่ไม่ยอมรับออกมาตรงๆก็เท่านั้น หลักการของเธอสำหรับคือ...ไม่ลองก็ไม่รู้ กับ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆในโลก ขยายความคือ...หากเราไม่ลงเล่น เราก็ไม่มีทางเสียเงินอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็จะไม่มีทางได้เงินเลยเพราะไม่ยอมเอาอะไรไปเสี่ยงนี่แหละ เรียกการพนันว่าเป็นการลงทุน(ที่มีความเสี่ยง) แต่ต้องชี้แจงไว้ก่อนว่า...ชิโฮริเป็นพวกไม่มีดวงด้านนี้เท่าไหร่ คือเกมประเภทใช้สมองเนี่ยโอกาสชนะเธอเยอะนะเพราะเล่นมาเยอะ เก่ง จับทางได้ แต่พวกที่ใช้ดวงนี่เตรียมตัวเซย์กู๊ดบายเงินได้ ดวงไม่ค่อยดี เล่นกับเพื่อนสิบตาชนะแค่ตาสองตาเอง แต่ก็ยังดื้อรั้นจะเล่นต่อไปจนเป็นหนี้ยันทุกวันนี้แล ก็เขาบอกกันว่าจะต้องมีวันของเรา มันก็ต้องมีสักวันที่เล่นได้สิ...

     

    ดวงอย่างเดียวที่ชิโฮริมีดีคงเป็นดวงเรื่องมิตรสหายนี่แหละที่มีน้อยแต่แสนดีเหลือเกิน หนึ่งในนั้นเป็นเสมือนครอบครัวแท้ๆ ของเธอด้วยซ้ำ คือการจะเข้าหาเธอนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มันมีหลายปัจจัยเอามากๆ ความถูกชะตากับสัญชาญาณเธอก็มีส่วนด้วย แล้วเธอก็ไม่ใช่พวกเฟรนด์ลี่ บางทีไม่ค่อยเซนซิทีฟกับความรู้สึกคนรอบตัวเท่าไหร่กรณีตัวเองไม่ได้อินไปด้วย (แต่ถ้าอินด้วยก็โอเค) แถมไม่เชื่อใจใครง่ายๆอีก  แม้ว่าเวลาเจอคนคอเดียวกันจะคุยกันได้แต่ก็ใช่ว่าจะสนิทเลยง่ายๆ กว่าจะสนิทกันได้มันใช้เวลาอยู่แล้ว แต่ถ้าสนิทได้เธอก็กล้าจะทุ่มให้หมดเช่นเดียวกับที่พวกเขาทุ่มให้เธอได้ เคยบอกว่าเธอไม่ค่อยแคร์ใครก็มีแต่กลุ่มนี้แหละที่เธอจะแคร์ ปกติเธอไม่ใช่แม่พระศิราณี เรื่องของใครคนนั้นก็ต้องจัดการเองเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนสำคัญ ชิโฮริพร้อมเสมอหากพวกเขาเอ่ยปากขอ (บางทีมาก่อนจะขอด้วยซ้ำ แล้วแต่กรณีไป) เธอไม่ใช่คนใจดีไปทั่ว แต่ก็แค่เลือกที่จะดีกับคนที่ดีด้วยเท่านั้นเอง เนื้อในจริงๆเป็นคนน่ารักนะ หลายคนเลยบอกว่าอยู่กับเธอแล้วสบายใจ แถมเห็นใจเพื่อนด้วย แต่เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ายัยนี่เลือกปฏิบัติน่ะ...เพราะงั้นคนนอกอย่าหวัง...

     

    จะเห็นได้ว่าจากที่กล่าวมานั้น ชิโฮริมีความเป็นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ผสมผสานกันอย่างแปลกๆ ส่วนที่เป็นเด็กก็คงไม่พ้นความดื้อรั้นในบางเรื่อง ขี้อ้อนนิดๆ การบ่นหงุงหงิงระบายในเรื่องเล็กๆน้อยๆ และความตรงไปตรงมาในบางครั้ง แต่คนที่ได้เห็นความเป็นเด็กของเธอนั้นมักจะเป็นคนสนิทเสียมากกว่าจะเป็นคนนอก ถือเป็นหนึ่งในโหมดลับของชิโฮริ เวลาอยู่กับคนสนิทและไว้ใจจริงๆ จะเป็นคนที่แสดงความเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ รู้สึกอย่างไรทั้งสีหน้าท่าทางจะบอกหมด ในโหมดนี้จะอารมณ์ดีมาก ยิ้มหัวเราะค่อนข้างบ่อยยกเว้นมีประเด็นซีเรียสกันอยู่ เหมือนแมวที่เดินมาหงายท้องให้คนที่ไว้ใจเกามันนั่นแหละ เพราะเธอมั่นใจว่าคนกลุ่มนี้จะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจไง จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแน่ชัดว่าหากคนกลุ่มนี้ทำให้เสียใจจะบาดเจ็บสาหัสมากๆ ทำใจนานยิ่งกว่าเจอมรสุมชีวิตด้านอื่นอีก เพราะส่วนลึกๆน่ะเป็นคนที่ขี้เหงาและต้องการคนที่เข้าใจจริงๆด้วยแหละนะ...เห็นแข็งแกร่งสู้ชีวิตมาแบบนี้ก็มีมุมอ่อนแอเปราะบางนะ

     

    ในส่วนที่เป็นผู้ใหญ่นั้น เรื่องแรกที่ต้องกล่าวคือ...ชิโฮริจริงๆแล้วเป็นคนใจเย็น อาจจะงงว่าทำไมที่บ่นๆนี่ยังบอกว่าใจเย็นได้ คือเธอก็พูดไปงั้นแหละ จะอ้อนกลายๆ ก็ไม่ผิดเท่าไหร่ ความจริงในข้อนี้พิสูจน์ได้เมื่อเธอเจอมรสุมใหญ่ในชีวิต คือบ่นน่ะบ่นแน่ แต่ก็ไม่ได้แค่บ่นไปวันๆไม่ทำอะไร ที่จริงคือบ่นแค่สามสี่วันก็เลิกแล้ว (และอย่างที่บอกคือจะบ่นให้แค่คนสนิทฟังเท่านั้น) ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์จำเป็นในชีวิตได้ คือเป็นพวกถ้ามีเรื่องอะไรที่ตัวเองแก้หรือกำหนดไม่ได้เกิดขึ้นจะทำใจค่อนข้างเร็ว จะเรียกว่าปล่อยวางเร็วก็ได้ อดทนมากในระดับหนึ่งด้วย ไม่งั้นชีวิตเธอคงไม่อยู่รอดมาจนปัจจุบันได้ รู้จักเก็บสีหน้าในยามจำเป็น แถมถ้าถึงขั้นสุดจะให้เล่นละครก็ยังทำได้เลย ใช้เงินได้อย่างคุ้มค่า ไม่ถึงกับตระหนี่ถี่เหนียว คือรู้ว่าควรจ่ายกับอะไรไม่ควรจ่ายกับอะไร (แต่ต้องเน้นย้ำอีกแหละว่าการพนันเป็นข้อยกเว้น รู้ว่าไม่ควร แต่ก็ยังเล่นยังเปย์...) ที่สำคัญคือชิโฮริเป็นคนที่ “เล่นเกมเป็น” คือสถานการณ์ในชีวิตบางทีมันก็ต้องเลือก และพอเลือกไปแล้วมันย้อนคืนไม่ได้เหมือนเกมที่เราเล่นกันในจอ เพราะชีวิตคือเกมที่เล่นได้เพียงครั้งเดียว การตัดสินใจทุกอย่างจะส่งผลต่อไปในอนาคตเสมอ แล้วเราก็ต้องยอมรับผลของมันให้ได้ เพราะฉะนั้นเห็นแบบนี้ชิโฮริจะเป็นคนที่รอบคอบในการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆมาก (ส่วนเรื่องเล็กๆน้อยๆ อาทิ มื้อนี้กินอะไรสามารถหลับตาจิ้มได้ทันทีกรณีสิ้นคิด เพราะเป็นพวกชอบลองของใหม่ด้วย ไม่ลองก็ไม่รู้ไง...แต่ก็แล้วแต่อารมณ์อีกนั่นแหละ) จะทำเหมือนทั่วไปคือเล่นไปตามสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ(กรณีรับมือกับบุคคลหรือสถานการณ์ที่มีบุคคลเป็นตัวแปรหลักๆ) แต่เอาจริงคือในใจซุ่มรอหาทางตลบหลังเรียบร้อยแล้ว และก็อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าประสาทสัมผัสไว ช่างสังเกต  แถมเก็บรายละเอียดทุกเม็ด ดังนั้นเปิดช่องเมื่อไหร่โดนสวนแน่นอน แถมสวนทีต้องให้แรงกว่าเดิมเพราะเป็นค่าเสียเวลาชีวิตด้วยแหละนะ...มองไปมองมาก็เหมือนแมวที่ซุ่มรอตะครุบเหยื่อนั่นแหละ แถมบางทียังอัพเกรดตัวเองจากแมวเป็นเสือด้วย...ซึ่งนี่คือโหมดลับอีกโหมดที่ใครเจอเป็นอันรู้กันว่า...เจอดีเข้าให้แล้ว...

     

    ...ด้วยเหตุนี้เองจีงไม่สมควรไปทำให้ชิโฮริโกรธเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะโดนสวนคืนแบบทบต้นทบดอกอย่างที่กล่าวไปแล้ว อาจโดนติดบัญชีหนังหมาในหัวทันที ใครติดบัญชีนี้คือโดนเหม็นขี้หน้าตลอดชีพแบบไม่มีทางเลือกอื่น สามีเก่าของเธอก็อยู่ในบัญชีนี้เช่นกัน คือปกติเธอไม่ใช่คนโกรธใครง่ายขนาดนั้น ที่บางทีเห็นดูดุๆ นั่นคือแค่หงุดหงิดอารมณ์ไม่ดีเฉยๆ และต่อให้โกรธขึ้นมาหากไม่คอขาดบาดตายก็ไม่เข้าบัญชีนี้หรอก ถึงจะไม่ได้ใจดี แต่ชิโฮริก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำและเจ้าคิดเจ้าแค้นมากขนาดเกลียดทุกคนที่ตัวเองเคยโกรธหรอกนะ

     

    ส่วนหากเสียใจ ชิโฮริจะเข้าโหมดเก็บตัวไม่ยุ่งไม่สุงสิงกับใครไปเลยระยะหนึ่งจนกว่าจะดีขึ้น ซึ่งก็แอบอันตรายเพราะบางทีเวลาเธอเก็บตัวทำงานก็แบบนี้ ทำให้แยกยากว่าเธอเสียใจอยู่หรือเปล่า

     

    สิ่งสุดท้ายที่ต้องขอพูดเกี่ยวกับเธอคนนี้...คือเรื่องการพูดจา ชิโฮริปกติแล้วเป็นคนที่พูดตรงเอาเรื่องอนึ่งเนื่องจากขี้เกียจพูดเวิ่นเว้อยืดยาว ปากนับว่าตรงกับใจพอสมควร แต่ก็ใช่ว่าเธอจะเปิดเผยทุกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้คนอื่นเขารู้กันหมด มีมุมกวนประสาทและจิกกัดซ่อนอยู่ในคำพูดเป็นระยะเสมอหากสังเกตดีๆ แล้วบางทีถ้าเกิดนึกอยากกวนประสาทคนขึ้นมาก็จะเปลี่ยนวิธีพูดเป็นนัยๆ สองแง่ง่ามได้ให้คนฟังไปคิดเองจนปวดหัวเล่น อีกทั้งเป็นคนที่โกหกหน้าตายเอามากๆ ก็ขืนจับได้ง่ายๆแล้วจะเอาอะไรไปเอาคืนคนที่ทำเธอก่อนล่ะ...จริงมั้ย?

     



    ชีวประวัติ: 

     

    [Life is…?]

     

    To me, life is ‘a game

    The game that can be played only once

    ‘The game with endless battles to conquer in the place we called ‘the world’’

    Win or lose, right or wrong…who knows?

    So…shall we begin?

     

    ชีวิตคืออะไรน่ะเหรอ?

    สำหรับฉัน...ชีวิตคือ เกม

    เกมที่เล่นได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

    เกมที่เต็มไปด้วยการต่อสู้อันไร้ที่สิ้นสุดเพื่อหาที่อยู่ให้กับตนเองในสถานที่ที่เราเรียกว่าโลก

    ชนะหรือแพ้ ถูกหรือผิด ใครจะรู้?

    ...เอาล่ะ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีไหม?...

     

    [1]

    Life is a blessing from god.

    ...ชีวิตคือของขวัญจากพระเจ้า...

     

    นั่นคือสิ่งครอบครัวชิโนซากินิยามถึงชีวิตยามเมื่อเธอ ชิโนซากิ ชิโฮริ ลืมตาดูโลก

    เนื่องจากคุณแม่ของชิโฮริ ชิโนซากิ ชิโอเนะ นั้นมีปัญหาเรื่องมีบุตรยากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

    เมื่อชิโฮริถือกำเนิดมาจึงถือว่าเป็นข่าวดียิ่งกว่าข่าวใดทั้งปวง ราวกับสวรรค์ตอบรับคำขอของพวกเขาแล้ว

    บ้านชิโนซากินั้นจัดว่าอยู่ในฐานะมีอันจะกิน กล่าวได้ว่าร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้ สามารถเลี้ยงดูลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างเธอได้สุขสบายไม่มีขาดตกบกพร่องสิ่งใด

    อาจยกเว้นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น...

    “คุณย่าอากิเอะ นี่ก็เย็นแล้วนะ...คุณพ่อคุณแม่ยังไม่กลับอีกเหรอคะ?”

    หญิงชรารุ่นคราวคุณย่าคุณยายพยายามไม่แสดงสีหน้าลำบากใจ ส่งยิ้มละไมแล้วลูบหัวเด็กหญิงอย่างเบามือราวกับจะปลอบประโลม ก่อนจะหันไปหยิบกล่องเกม

    “พวกท่านยังติดธุระน่ะจ้ะ อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วล่ะ...ตอนนี้มาเล่นเกมกับยายดีกว่า”

    ด้วยความที่คุณพ่อเป็นตำรวจสืบสวนสอบสวนระดับสารวัตร และคุณแม่เป็นทนายความมีชื่อเสียง งานของพวกเขาจึงค่อนข้างล้นมือ แม้จะพยายามแบ่งเวลามาให้ลูกสาวแล้วก็ตามแต่ก็ยังมีเวลาที่ทั้งคู่ติดงานตรงกันอยู่ดี ทำให้บ่อยครั้งที่ต้องฝากชิโฮริไว้กับเพื่อนข้างห้องที่พ่อแม่เขารู้จักกันตั้งแต่สมัยย้ายเข้าอพาร์ทเม้นต์มาใหม่ๆ เป็นประจำตั้งแต่ชิโฮริอายุได้ห้าขวบ จนแทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่เลิกเรียนมาแล้วเธอจะตรงมายังห้องข้างๆ

    เจ้าของห้องดังกล่าวคือ ทาเคอุจิ อากิเอะ หญิงชราวัยเจ็ดสิบกว่าผู้เป็นที่รักของคนทั้งอพาร์ทเม้นต์เนื่องจากเจ้าตัวไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร อีกทั้งเวลามีงานส่วนกลางอะไรก็เข้ามาช่วยเหลือเป็นประจำ ซ้ำยังอัธยาศัยดีอีกด้วย เธอมักจะสอนชิโฮริเล่นเกมเสมอเพื่อฆ่าเวลาว่างอันล้นเหลือของตน และอยากให้เวลาที่ใช้ในการรอคอยพ่อแม่กลับมาห้องของแม่หนูผู้น่าสงสารกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ซึ่งมันก็เป็นผล

    ชิโฮริชอบเกมเหล่านั้นมาก และด้วยความที่หัวไวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้เธอเข้าใจและเล่นเกมเหล่านั้นได้อย่างชำนาญ ไม่ว่าจะเป็นไพ่ การ์ดเกม หมากรุก หรือบอร์ดเกม เธอล้วนเก่งไปเสียหมด

    “ว้า...ชิโฮะจังนี่เก่งจริงๆ เลย ย่าสู้ไม่ได้แล้วเนี่ย”

    หญิงชรายิ้มร่าเมื่อเด็กหญิงทิ้งไพ่ใบสุดท้ายในมือลงมา เป็นสัญญาณว่าเกมนี้ได้จบลงแล้ว

    “เพราะคุณย่าอากิเอะออมมือให้ต่างหากค่ะ”

    “แหมๆ ดูพูดเข้า...ถ่อมตัวจริงนะ”

    เสียงออดห้องดังขึ้นขัดคำพูดถัดไปของหญิงชราได้ดียิ่ง “สงสัยคุณพ่อคุณแม่หนูมารับแล้วล่ะ”

    ทาเคอุจิว่าพลางเดินไปเปิดประตู ในขณะที่ชิโฮริเก็บเกมใส่กล่องให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมกลับบ้าน แต่เมื่อหันหลังกลับมา สิ่งแรกที่เห็นคือเด็กชายรุ่นคราวเดียวกันคนหนึ่งที่มองลงมายังเธอ

    “ย่าฮะ ยัยนี่ใครอ่ะ” / “อากิเอะซังคะ นี่ใครเหรอ”

    สองเสียงประสานกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำเอาคนกลางอย่างทาเคอุจิหัวเราะร่า

    “หนูชิโฮะจ๊ะ นี่หลานชายย่าเอง...แนะนำตัวสิอาคิโตะ”

    เด็กชายทำท่าเหมือนขัดใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก “ทาเคอุจิ อาคิโตะ เธอล่ะ”

    “ชิโนซากิ ชิโฮริ”

    เด็กสองคนมองหน้ากันอยู่สักพัก ก่อนที่อาคิโตะจะลดสายตาลงมามองเกมที่เธอยังถือค้างอยู่ในมือ

    “เธอเล่นเป็นด้วยเหรอ เกมนั้นน่ะ”

    “เป็นสิ...เพิ่งชนะคุณย่านายไปเมื่อกี้เลยด้วย”

    “เหรอ? ถ้างั้น...” อาคิโตะยิ้มกริ่ม ทรุดตัวลงนั่ง “มาแข่งกันสักตามั้ย”

    ชิโฮริมองนาฬิกา แล้วเบนสายตาไปมองหน้าต่าง ฟ้ามืดแล้ว แต่พ่อแม่เธอก็ยังไม่มีท่าทีจะมา

    เด็กหญิงอมยิ้ม พลางเทไพ่ที่เพิ่งเก็บเข้ากล่องไปออกมาจัดเรียงใหม่

    “อย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”

     

     

    [2]

    Life was like a box of chocolate.

    You never know what you’re gonna get.

    ...ชีวิตก็เป็นเหมือนกับกล่องช็อกโกแลต ตรงที่คุณไม่รู้เลยว่าคุณจะได้หยิบได้อะไรมาบ้าง...

    [Forest Gump*]

     

    นั่นเป็นคำพูดที่ชิโฮริได้ยินมาจากภาพยนตร์*สักเรื่องเมื่อสมัยประถม ตอนดูโทรทัศน์ที่ห้องของทาเคอุจิ แม้ว่าจะไม่บ่อยเท่าแต่ก่อนเพราะชิโฮริเริ่มแอบติดสอยห้อยตามพ่อไปเวลามีคดีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นก็ตาม...ถึงจะโดนไล่กลับมาตลอดก็เถอะ

    “ไม่เห็นจะเข้าใจตรงไหน สมัยนี้กล่องขนมมันก็มีบอกหมดนั่นแหละไว้หน้าตาแบบไหนเป็นรสอะไร” อาคิโตะว่า พลางหยิบช็อกโกแลตเข้าปาก ก่อนจะเบ้หน้า “แหวะ รสส้มนี่หว่า”

    ชิโฮริหัวเราะคิกคักกับท่าทีของเพื่อน “เห็นมะ แค่เอาภาพข้างกล่องออกกับสลับที่นิดหน่อย นายก็ไม่รู้แล้วว่ากำลังกินรสอะไร คำพูดนั้นตรงจะตาย”

    ตั้งแต่อาคิโตะย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ ทั้งสองก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างงงๆ ผ่านการเล่นเกม และเมื่อเข้าโรงเรียนประถมที่เดียวกันก็ยิ่งทำให้ทั้งคู่ตัวติดกันยิ่งกว่าเดิมอีกจนหลายคนเข้าใจผิดไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ทั้งสองคนก็หาได้แคร์ไม่ หากมีใครมาถาม ทั้งคู่ก็จะยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าทั้งสองเป็นแค่ เพื่อนสมัยเด็ก กันเท่านั้น

    เด็กชายทำหน้าบอกบุญไม่รับ ก่อนคว้ารีโมทปิดโทรทัศน์แก้เก้อ

    “จะอะไรก็ช่างเถอะ ว่าแต่วันนี้จะเล่นอะไรดี”

    “หมากรุกมั้ยล่ะ”

    “เจ็บใจที่รอบล่าสุดเธอเสร่อเดินคิงออกมาให้โดนฉันเช็กเมทเล่นล่ะสิ”

    อาคิโตะยักคิ้ว ในขณะที่ชิโฮริเบะปากเล็กน้อย

    “ก็จะแก้มือรอบนี้ไง”

    “ก็ได้...ตามใจเธอแล้วกัน” แต่เหมือนกับอาคิโตะเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก จึงพูดเสริมว่า “แต่เล่นธรรมดาๆ มันน่าเบื่อออก เอางี้มั้ย มาพนันกันดีกว่า”

    “พนัน?” ชิโฮริขมวดคิ้ว สำหรับลูกของผู้รักษากฎหมายแล้ว คำนี้ค่อนข้างดึงดูดเธออย่างประหลาด เหมือนว่าหัวใจจะเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำนั้น แต่เธอก็ถามไปด้วยน้ำเสียงปกติว่า “พนันอะไรล่ะ?”

    “ใครแพ้เลี้ยงชีสเค้กร้านหน้าสถานี”

    “จะบ้าเหรอ! เค้กร้านนั้นหมดตั้งแต่ยังไม่สิบโมงเลยนะ”

    ชีสเค้กหน้าสถานีที่ว่านั้นเป็นร้านดังประจำจังหวัด แถมผลิตจำนวนจำกัดต่อวัน ขายหมดเกลี้ยงทุกวันตั้งแต่ยังไม่สิบโมง ที่สำคัญคือร้านนี้ดันไม่รับจอง ต้องต่อแถวซื้อเองเท่านั้น ซึ่งคนละแวกนี้เขารู้กันดีว่าถ้าคุณไม่แหกขี้ตาตื่นไปต่อแถวตั้งแต่ตีห้าก็อย่าหวังจะได้ทานเลย

    “ไม่งั้นจะเรียกพนันหรือไง? เอางี้ ฉันต่อให้ ถ้าฉันแพ้นะเลี้ยงข้าวเธอแถมอีกมื้อเลย”

    “แต่ถ้าย่านายรู้...”

    อาคิโตะหน้าตึง ด้วยรู้ดีว่าคุณย่าเขาแม้จะรักการเล่นเกมเท่าไหร่ก็ไม่ยอมพนันเด็ดขาดแม้แต่เยนเดียว แน่นอนว่าต้องไม่ยอมให้เขาที่เป็นหลานเล่นพนันแน่ คิดได้ดังนั้นเด็กชายโน้มหน้าลงมากระซิบใกล้ๆหูเด็กหญิง

    “ก็อย่าให้ย่ารู้สิ ให้มันเป็นความลับของเราสองคนก็พอ...”

    ชิโฮริเหลือบตามองเพื่อนเล็กน้อย รอยยิ้มกวนประสาทกับแววตาถือดีนิดๆบนใบหน้านั่นช่างชวนให้รู้สึกอยากเอาเท้าลูบเหลือเกิน...

    เด็กหญิงหลับตา เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะลืมตา...

    คำตอบมันก็แน่อยู่แล้ว...

    “อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”

    ผลคือชิโฮริต้องแหกขี้ตาตื่นไปต่อแถวในวันหยุดสุดสัปดาห์จนได้...

    ให้ตายเถอะ! รอบหน้าเธอต้องชนะให้ได้เลยคอยดูสิ!!!

    แล้วก็กลายเป็นเหมือนธรรมเนียมที่เธอและเขาจะต้องเล่นพนันอะไรเล็กๆน้อยๆกันอยู่เรื่อย

    โดยผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ

    ...และหากคุณพอเดาได้ว่าชีวิตของชิโฮริจะต้องเจอกับอะไรบ้างในอนาคต...

    ...ก็ขอบอกไว้เลยว่าความฉิบหายของชีวิตมันก็มักจะเริ่มมาจากจุดเล็กๆแบบนี้เสมอนั่นแหละ...

    ...แต่ชีวิตก็เป็นเหมือนกล่องช็อกโกแลต ใครจะรู้...บางทีเธออาจจะไม่เจออะไรเลยก็ได้...

    ...ยังไงซะคนเราก็ไม่รู้อนาคตอยู่แล้ว จริงไหมล่ะ...

     

     

    [3]

    Sometimes, life is out of control.

    บางครั้ง...ชีวิตของคนเราก็อยู่นอกเหนือการควบคุมใดๆ

     

    ชิโฮริรู้สึกถึงคำนี้เป็นครั้งแรก...เมื่อตอนมัธยมต้นปีสอง

    วันที่อาคิโตะมาเคาะหน้าห้องเธอสุดแรงกลางดึก และเมื่อชิโฮริเปิดประตูออกมาก็เห็นใบหน้าของเขาที่ซีดเซียวและร้อนรนอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ที่รู้จักกันมาหลายปี

    มันมาพร้อมกับคำพูดที่เธอยังคงจำได้จนทุกวันนี้

    “คุณย่า...อยู่ๆก็ล้มไป...แล้วก็ไม่...ไม่ขยับเลย...”

    ประโยคเดียวที่ทำให้คืนนั้นวุ่นวายขึ้นมาทันที คุณย่าของอาคิโตะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที และหลังจากนั่งรอกับอาคิโตะอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอยู่นานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ คุณหมอก็เดินออกมาจากห้อง ดวงตาผ่านทางแว่นใสฉายแววไม่สู้ดี ก่อนจะพูดเสียงอู้อี้ผ่านผ้าปิดปาก

    “ญาติผู้ป่วยใช่ไหมครับ?”

    “ครับ...”

     “ขอแสดงความเสียใจด้วย...ญาติของคุณเสียชีวิตแล้วครับ...”

    วินาทีนั้น ชิโฮริรู้สึกในอกโหวงวูบ ดวงตาร้อนผ่าวพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าทาเคอุจิ อากิเอะ จะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรกับเธอแม้แต่น้อย แต่สำหรับเธอแล้ว...อากิเอะเป็นเสมือนผู้ปกครองแท้ๆ ที่ทำหน้าที่สมเป็นผู้ปกครองยิ่งกว่าพ่อแม่แท้ๆ ของเธอเสียอีก

    ชิโฮริยกสองมือปิดหน้าร้องไห้เงียบๆ ก่อนจะรู้สึกถึงน้ำหนักที่ทับลงบนบ่า และความชื้นที่แผ่ขยายจากจุดนั้น จากระยะระหว่างร่องนิ้วที่ปิดดวงตาที่แดงช้ำ เธอเห็นอาคิโตะซบหน้าลงบนไหล่เธอ ตัวสั่นน้อยๆ เหมือนพยายามข่มกลั้นเสียงร้องไห้อย่างสุดความสามารถ

    “ย่า...”

    นั่นเป็นคำเดียวที่ชิโฮริฟังออกจากเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ของเขา

    ...และความตายในครั้งนี้เองก็นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง...

    “หา? ลูกพี่ลูกน้องนายจะมาอยู่ด้วย”

    หลังจากจบงานศพ อาคิโตะที่เริ่มปรับอารมณ์ได้แล้วก็มาบอกว่าต่อจากนี้ห้องเขาจะมีคนย้ายมาอยู่เพิ่ม ซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง เนื่องจากทางพ่อแม่เห็นว่าอาคิโตะยังเพิ่งมัธยมต้น ควรจะส่งคนมาดูแลจนกว่าจะโตกว่านี้ ซึ่งดูจากสีหน้าอาคิโตะแล้ว...บอกได้แค่ว่าไม่เห็นด้วยสุดๆ

    “เออ...”

    “แล้ว...เป็นคนยังไงล่ะ?”

    อาคิโตะกลอกตา น้ำเสียงฟังดูเหนื่อยหน่าย “เป็นคนประเภทที่เธอไม่ควรยุ่งด้วยที่สุด”

    คิ้วเรียวขมวดมุ่น “หา? หมายความว่าไง?”

    “หมายความตามนั้น อีกอย่างฉันกับมันไม่ถูกกันด้วย เธอเจอแล้วจะรู้เอง”

    แน่นอนว่าชิโฮริไม่เข้าใจ...จนกระทั่งได้เจอกับตัวเอง

    ทาเคอุจิ ฟุบุกิครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

    ชายหนุ่มวัยยี่สิบที่หล่อเหลาราวเทพบุตร แถมด้วยดีกรีนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง

    “ขอบคุณที่คอยดูแลอาคิโตะนะครับ ชิโฮริจัง” เขายิ้ม ดวงตาฉายแววอ่อนโยน

    ชิโฮริแอบขมวดคิ้วในใจ นี่เธอต้องระวังเขาจริงๆเหรอเนี่ย หรือแค่เพราะอาคิโตะไม่ถูกกับเขากันนะ

    แต่น่าแปลกที่อะไรบางอย่างในตัวของเด็กสาวกลับบอกว่า...

    เขาอันตราย...มากด้วย...

    จริงเหรอ?

    ก็คงต้องมารอดูกันต่อไป...

     

     

    [4]

    Life changes all the time.

    ชีวิตนั้นไม่เคยหยุดเปลี่ยนแปลง...

     

    นับตั้งแต่ฟุบุกิย้ายเข้ามา ชิโฮริรู้สึกว่าการแวะไปยังห้องนั้นเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างไรชอบกล

    ...ยังไงซะก็เป็นห้องของผู้ชายนี่นา...แต่ก่อนที่ไปได้อย่างสนิทใจก็เพราะมีคุณย่าอาคิเอะอยู่ด้วย...

    แต่ตอนนี้ช่วงเวลาแบบนั้น...ไม่มีอีกต่อไปแล้ว...

    ดังนั้น ตั้งแต่ชิโฮริขึ้นชั้นมัธยมมา เธอก็ตามพ่อไปยังที่เกิดเหตุบ่อยขึ้น ด้วยความที่ว่าสนใจในการไขคดีของตำรวจสืบสวนไม่เปลี่ยนแปลง แต่พอไปๆ มาๆ กลับรู้สึกว่าทุกอย่างมันกลับซ้ำซากเหลือเกิน อาจจะเพราะว่าชิโฮริหัวไวและเล่นเกมประเภทลับสมองใช้ไหวพริบมาตลอดตั้งแต่เล็ก เธอจึงเข้าใจอะไรได้ค่อนข้างเร็วและคิดวิเคราะห์ได้ดีเยี่ยม ทำให้เธอมองรูปคดีออกได้เร็วพอๆ กับเจ้าหน้าที่เลยทีเดียว

    ด้วยความเบื่อหน่ายนี้เอง ชิโฮริจึงลองหาอะไรแปลกใหม่ด้วยการลองหานิยายสืบสวนสอบสวนอ่าน ซึ่งๆ ก็ดึงดูดความสนใจเธอได้อย่างดีเยี่ยม พอๆกับที่การเล่นพนันเล่นๆกับอาคิโตะกลายเป็นนิสัยเพื่อคลายความเบื่อหน่ายของทั้งสองคนไปเสียแล้ว...

    สมัยมัธยมปลายห้องของชิโฮริเต็มไปด้วยนิยายและการ์ตูนสืบสวนสอบสวน รวมไปถึงซีรีส์สืบสวนทั้งของญี่ปุ่นและฝรั่งจนเต็มห้อง แต่หนังสือกับซีรีส์ไม่ได้ออกใหม่ทุกวัน...

    ดังนั้น...ชิโฮริจึงเริ่มลองเขียนนิยายเล่นๆเอง โดยมีอาคิโตะมาคอยวิจารณ์ตอนที่แวะเวียนไปเล่นด้วยอาทิตย์ละสองสามหน...เหมือนเคยนั่นแหละ ก็แค่...บ่อยน้อยลงเท่านั้นเอง...

    ยังไงซะก็เรียนมัธยมเดียวกันอยู่แล้วนี่นา...

    “ทริกอะไรของเธอเนี่ยทำไมเฉลยแล้วดูง่ายจัง...”

    “เอ้า...ก็เพราะเรียบง่ายแต่จับไม่ได้ไงถึงได้น่าตกใจน่ะ”

    อาคิโตะกลอกตาไปมา ในขณะที่ฟุบุกิเดินเข้ามาแล้วชะโงกลงมาอ่าน ก่อนจะหันมายิ้มให้เธอ

    “ผมว่าเป็นบทเฉลยที่น่าตื่นเต้นมากครับ ชิโฮริจังน่าจะมีพรสวรรค์ด้านนี้นะ”

    “ไร้สาระ...นายจะไปไหนก็ไปน่าฟุบุกิ” อาคิโตะขมวดคิ้ว โบกมือไล่ลูกพี่ลูกน้องที่เปลี่ยนจากนักศึกษากลายเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์เต็มตัวแล้ว “ว่างมากนักรึไง”  

    หากแต่เด็กสาวกลับแย้มยิ้ม “จริงเหรอคะ?”

    “ผมจะโกหกไปทำไมล่ะครับ” ฟุบุกิยิ้มตอบ ก่อนจะทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “อ้อ...ถ้าชอบด้านสืบสวน ผมมีนิยายซีรีส์เรื่องปริศนาฆาตกรรมที่เป็นหนังสือหายากด้วย ถ้าสนใจผมจะเอามาให้ยืมนะ”

    “ซีรีส์ของอ.ยูกิเนะที่ไม่มีตีพิมพ์แล้วน่ะเหรอคะ!?

    นัยน์ตาเด็กสาวเป็นประกายระยิบระยับทันตา ซีรีส์ที่ว่าเป็นระดับตำนานแห่งวงการสืบสวนเลยก็ว่าได้ เธอลองไปตามหาทั้งที่หน้าร้านหนังสือและเว็บไซต์มาแล้ว แต่สนนราคานั้นแพงแสนแพงจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด ครั้นจะหายืมก็พบว่ามักถูกยืมไปหรือไม่ก็หายไปแล้ว...

    “ครับ” อีกฝ่ายยิ้มละไม “ตอนนี้เพื่อนพี่เขายืมไปอยู่ รอสักอาทิตย์หน้าค่อยมาเอานะครับ”

    “ขอบคุณมากเลยค่ะ!

    และเพราะเรื่องนี้เองที่ทำให้ชิโฮริสนิทสนมกับฟุบุกิมากกว่าเดิม เนื่องจากชอบอ่านหนังสือประเภทเดียวกัน ในขณะที่อาคิโตะนั้นไม่ใช่ บางครั้งเธอก็ไปเที่ยวกับเขาบ้างเป็นครั้งคราวโดยไม่มีอาคิโตะไปด้วย แม้จะมีมารู้ทีหลังก็เถอะ...

    “เธอจะไปกับมันทำไมเนี่ยชิโฮะ บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าไปยุ่งกับมันน่ะ!

    “แค่ไปห้องสมุดเอง...คิดมากไปได้น่าอาคิ”

    “...เรื่องของเธอแล้วกัน” เด็กหนุ่มถอนหายใจ ทำหน้าเบื่อหน่ายคล้ายว่าคร้านจะพูดแล้ว

    “นี่นายหงุดหงิดฉัน?”

    “เออสิ ไอ้เราอุตส่าห์หวังดีเลยเตือน”

    “...แล้วพี่เขามีอะไรต้องระวังกันแน่ บอกแต่ให้ระวังๆเนี่ย หือ?”

    ชิโฮริยิงคำถามกลับ ทำเอาอาคิโตะเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากในที่สุด

    “...ก็”

    “ชิโฮริจัง” เสียงของฟุบุกิตัดโอกาสที่อาคิโตะจะตอบไปจนหมดสิ้น เมื่อหันไปก็เห็นชายหนุ่มส่งยิ้มละมุนละไมเช่นเดิมมาให้ พลางยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลขนาดเอสี่มาตรงหน้า “นี่”

    เด็กสาวรับมันมาด้วยสีหน้างงงวย “นี่อะไรเหรอคะ”

    ฟุบุกิหัวเราะเบาๆ “เปิดสิแล้วจะรู้...”

    ชิโฮริกับอาคิโตะมองหน้ากัน ก่อนจะลดลงไปมองที่ซองเอกสารอย่างพร้อมเพรียง

    “จากสำนักพิมพ์?” อาคิโตะขมวกคิ้วเมื่อเห็นชื่อคนส่ง “เธอสั่งหนังสือไว้เหรอ?”

    “อ๋อ...ฉันส่งประกวดนิยายไปเล่นๆแหละ ว่าจะบอกนายสักพักแล้วแต่ลืม”

    ชิโฮริพูดเหมือนไม่มีอะไร ในขณะที่แกะซองแล้วดึงเอกสารข้างในออกมา

    “หา? ประกวดนิยาย?”

    “ก็เล่นๆ แหละ ยังไงซะ...” เสียงของเด็กสาวเงียบลง ทำเอาอาคิโตะหันมามอง เมื่อเห็นเพื่อนนัยน์ตาเบิกกว้าง อ้าปากพะงาบๆ จึงตัดสินใจชะโงกหน้าไปอ่านด้วย และก็ร้องเสียงหลง

    “เฮ้ย! เธอได้รางวัลที่หนี่งนี่หว่า!

    “เออ...ขนาดฉันเองยังไม่อยากจะเชื่อเลย”

    ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ชิโฮริตอนนี้ก็ยิ้มแก้มแทบฉีกจะถึงหูแล้ว ก่อนจะหันไปหาผู้ที่นำข่าวดีนี้มาให้

    “ขอบคุณพี่ฟุบุกิมากเลยนะคะที่คอยแนะนำมาโดยตลอด”

    “ถ้าเพื่อชิโฮริจังแล้ว...แค่นี้เล็กน้อยครับ”

    “แล้วเธอจะเอาไงต่อ” อาคิโตะพูดแทรกขึ้นมา “จะเขียนต่อหรือจะพอ?”

    “ฉันว่าจะเขียนต่อแหละ...น่าสนุกดีออกแบบนี้”

    และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของชิโฮริในฐานะนักเขียนนวนิยายสืบสวนนามปากกา ‘Yuki Riho’[ยูกิ ริโฮะ]

    ซึ่งภายหลังจะกลายเป็นความตลกร้ายชนิดที่ใครเจอคงขำไม่ออกแม้แต่นิดเดียว...

     

    [5]

    Sometimes, life sucks.

    บางทีชีวิตมันก็บัดซบเกินจะบรรยาย...

     

    ความบัดซบแรกของชิโฮริก็คือ...การที่พ่อแม่ตัวเองรู้ว่าลูกเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนเนี่ยแหละ

    ...เปล่า ท่านไม่ได้ห้าม ไม่เลย...แค่ทะเลาะกันห้องแตกไปประมาณอาทิตย์นึงจนเธอต้องย้ายมาหนีนอนห้องอาคิโตะไปเป็นอาทิตย์เท่านั้นเอ๊ง...

    สุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่า เขียนได้ แต่เกรดเฉลี่ยที่ตกลงกันมันสูงขึ้น มหาลัยที่ต้องสอบเข้าให้ได้ต้องเป็นมหาลัยท็อปประเทศ ไม่งั้นขาดกัน จำเริญดีจริงๆ

    “ก็ตอนนี้มันหัวเลี้ยวหัวต่อนี่นา พ่อแม่เธอคงเป็นห่วงแหละ”

    อาคิโตะพูด สายตาจมกับกองหนังสือตรงหน้า ตอนนี้ใกล้โค้งสุดท้ายของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปทุกที เด็กม.ปลายปีสามอย่างพวกเธอที่แทบไม่มีการเรียนการสอนแล้วก็จมกองหนังสือไปตามระเบียบ

    “เออ...พ่อแม่ฉันไม่ชิลๆเหมือนของนายนี่”

    เด็กหนุ่มยักคิ้ว “ว่าแต่เมื่อไหร่จะกลับบ้านกลับช่อง คิดจะอยู่ถาวรเลยรึไง”

    “กลับห้องไปสุดท้ายก็อ่านซีรีส์ไม่ก็นอน อยู่นี่แหละดีแล้ว มีนายกับพี่ฟุบุกิคุมให้อ่านหนังสือ”

    อาคิโตะไม่ได้ว่าอะไร ในขณะที่มุมปากของฟุบุกิกลับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กๆ

    หลังจากนั้นหลังผ่านการสอบอันแสนทรหด...ผลก็ออกมาจนได้

    “เป็นไง...” ชิโฮริเอ่ยถามเมื่อเห็นอาคิโตะดูผลจากหน้าจอคอม เขาหันมามองเธอช้าๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “...ฉันได้มหาลัย T ส่วนเธอได้มหาลัย K

    “...เหรอ...เสียดาย...”

    ...ทั้งสองเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ แต่ที่บอกว่าเสียดาย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองจะไม่ได้อยู่ในรั้วสถาบันเดียวกัน อย่างที่เคยเป็นมาตลอด...

    “ยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะครับ” ฟุบุกิที่เข้ามาทีหลังเอ่ย ก่อนจะหันไปหาชิโฮริ “พี่เป็นศิษย์เก่ามหาลัย K เหมือนกัน มีอะไรให้ช่วยก็บอกผมได้นะครับ ชิโฮริจัง”

    “ค่ะ...”

    และอีกปัญหาที่เพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อกี้...

    พ่อแม่เธอเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย T นี่หว่า...แถมเป็นพวกรักสถาบันเข้าเลือดอีก...

    งานนี้จะโดนตัดออกจากกองมรดกมั้ยเนี่ย...

     

    ความบัดซบที่สอง...เออ ถูกตัดจากกองมรดกจริงๆด้วย...

    มันทำให้ไลฟ์สไตล์ชิโฮริเปลี่ยนไปพอสมควรเลย

    ตลกร้ายที่ว่านิยายสืบสวนที่พ่อแม่เธอห้ามนักหนาว่าไม่ให้เขียน กลายเป็นเงินก้อนสำคัญที่ใช้ซัพพอร์ตชีวิตมหาวิทยาลัยของเธอไปซะอย่างนั้น ร่วมกับการทำงานพิเศษที่คาเฟ่บอร์ดเกมที่อาคิโตะไม่รู้ไปหามาให้จากไหนเหมือนกัน แต่ก็ต้องขอบคุณมันเพราะเป็นงานที่ตอบโจทย์เธอดีเหลือเกิน...

    ถึงแม้ว่าเธอจะชอบเอาเงินเก็บไปพนันผลาญเล่นจนเดือนชนเดือนมาหลายรอบแล้วก็ตาม ก็บางทีมันก็ได้นี่นา ลงทุนน่ะลงทุนเข้าใจหน่อย...

    ช่วงที่เธอเรียนที่มหาวิทยาลัย K ฟุบุกิมักจะมาหาเธอบ่อยๆ เพราะที่ทำงานเขาอยู่แถวนั้น ในขณะที่อาคิโตะเรียนอยู่อีกที่เลยหาเวลาเจอกันยากหน่อย แม้ว่าจะเจอกันเกือบทุกสุดสัปดาห์ก็เถอะ

    เขาเรียนวิศวะ เธอเรียนนิติศาสตร์ เธอว่างกว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ เพราะต้องไปอ่านเอาเอง...

    จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงนี้เธอจะสนิทกับฟุบุกิมากขึ้นเรื่อยๆ...

    ตอนแรกชิโฮริก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาหลังๆ สายตาบางอย่างของอีกฝ่าย...มันมีประกายอะไรบางอย่างที่อ่านไม่ออก ไม่เหมือนเวลาที่อาคิโตะมองเธอ ไม่เหมือนแก็งเพื่อนผู้หญิงมองกัน...

    แต่ก่อนที่เธอจะรู้คำตอบนั้น...ความบัดซบที่ร้ายกาจก็เข้ามาเยือนในชีวิต...

    ด้วยโทรศัพท์เพียงหนึ่งสาย และคำพูดไม่กี่ประโยคเท่านั้น

    “...ชิโฮะ...พ่อ...พ่อนอกใจแม่...”

    มันน่าแปลกที่แม่ที่บอกว่าจะตัดขาดเธอโทรมา แต่เธอก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดจะตัดสาย โดยเฉพาะเมื่อเสียงอีกฝ่ายดูตระหนกและอ่อนล้าเหลือเกินแบบนี้...

    “เอ่อ...ใจเย็นๆ นะคะแม่...แล้ว...”

    “มะ...แม่จะทำยังไงต่อดี...”

    “ก็...” ชิโฮริยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ปลายสายก็แทรกขึ้นมา

    “...แม่...แม่ฆ่าเขาไปแล้ว...”

    ณ วินาทีนั้น สมองของหญิงสาวไม่รับรู้สิ่งใดอื่นอีกต่อไปแล้ว...

     

     

    [6]

    Sometimes, life loves to play some cruel jokes.

    บางทีชีวิตก็ชอบเล่นตลกร้ายกับเราอยู่เรื่อย...

     

    เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนชีวิตเหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทำอะไรก็ราบรื่น แต่อีกพวกกลับเหมือนเดินในดงหนาม กว่าจะได้แต่ละอย่างมาช่างแสนยากเย็น แถมหนทางยังเต็มไปด้วยอุปสรรค

    แน่นอนว่าชิโฮริเข้าข่ายหลังอย่างไม่ต้องสงสัย...

    หลังจากเหตุสะเทือนขวัญ พ่อเสียชีวิต แม่กลายเป็นบ้าต้องเข้าจิตเวช ผลคือเธอต้องแบกรับหน้าที่ค่าใช้จ่ายของครอบครัวไปโดยปริยาย ตลกร้ายดีจริงๆ...

    แต่ความตลกร้ายของชีวิตมันไม่จบแค่นั้นเนี่ยสิ...

    ช่วงแรกๆที่รู้ข่าว ชิโฮริเหนื่อยมากและต้องวิ่งวุ่นทำโน่นนี่ไปทั่ว ยังดีที่เธอสอบเนติผ่านแล้วไม่งั้นชีวิตคงบัดซบหนักกว่าเก่า แต่ถึงสอบได้ไปเธอก็ไม่คิดจะเป็นทนายเหมือนแม่อยู่ดี ก็แค่เรียนให้ตามที่ตกลงกันเท่านั้น...สุดท้ายเป็นไงล่ะ? รู้งี้ยอมกบฎเลือกอักษรแต่แรกดีกว่า...

    ในช่วงนั้นชิโฮริทั้งเหนื่อยทั้งเครียดไม่รู้จะปรึกษาใคร อาคิโตะเองก็คร่ำเคร่งกับการเรียนปีสุดท้าย เธอไม่อยากรบกวนเพื่อน และเจ้าตัวก็พยายามมาช่วยบ้างแล้ว แต่มันยุ่งจริงๆ เลยทำได้แค่ส่งข้อความหากันตลอดเท่านั้น เลยกลายเป็นว่าคนที่เธอระบายด้วยส่วนใหญ่เป็นฟุบุกิเสียอย่างนั้น...นอกนั้นก็เล่นพนันไปเรื่อยเพื่อคลายเครียดจนเริ่มจะมีหนี้...

    และก็เพราะแบบนี้...ความตลกร้ายอีกอย่างจึงบังเกิด...

    เมื่อวันหนึ่งชิโฮริตื่นมาในสภาพเปลือยล่อนจ้อนข้างๆ ฟุบุกิที่มีสภาพไม่ต่างกัน

    โอเค...เธอจะได้ว่าคืนก่อนเธอเครียด เมา แล้วจำได้ว่าเขาเป็นคนพามาส่ง...

    แต่หลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย...เวรกรรมดีแท้...

    มีเพียงอาการปวดหนึบที่บริเวณสะโพกเท่านั้นที่เป็นคำใบ้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน...

    “...ตื่นแล้วเหรอครับ ชิโฮริจัง”

    “...พี่ฟุบุกิ...เมื่อคืน...”

    สายตาของเขากวาดมองเธอ ก่อนจะยิ้มแห้ง “เหมือนจะใช่นะครับ”

    ชิโฮริถอนหายใจ พยายามคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรดี แต่แล้วเธอก็โดนรวบเข้าไปกอด

    “รังเกียจเหรอครับ?”

    “...เปล่าค่ะ ก็แค่เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น”

    “...ถึงพี่จะชอบชิโฮริจังก็ยังไม่ควรเหรอครับ?”

    “...แต่...”

    “...หรือชิโฮริจังชอบอาคิโตะครับ?”

    ชิโฮริส่ายหน้า ความสัมพันธ์ของเธอและอาคิโตะยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน

    ไม่ว่าเมื่อไหร่ ยังไง...พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนสมัยเด็ก...เพื่อนสนิท...เพื่อนที่ดีที่สุด...

    ไม่เคยเป็นอะไรมากไปกว่านั้นเลย...

    “ฉันกับอาคิโตะ...เราเป็นเพื่อนกันค่ะ...”

    อ้อมกอดรัดแน่นขึ้นเล็กน้อย “งั้นรับผมไว้พิจารณาหน่อยได้มั้ยครับ ในเมื่อชิโฮริจังก็ไม่มีใครในใจ”

    “...ฉันยังมีภาระมากมายต้องทำค่ะ เรื่องแบบนี้...”

    “เฮ้อ...ทำไมถึงหัวดื้อจังน้า...”

    น้ำเสียงของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นไม่น่าไว้ใจ เมื่อหันไปก็แทบช็อกเมื่อเห็นคลิปที่เธอกับฟุบุกิกำลังนัวเนียกันอยู่บนหน้าจอมือถือของเขา รอยยิ้มที่เคยอ่อนโยนบัดนี้กลายเป็นเจ้าเล่ห์ยากหยั่งถึง

    “แบบนี้จะรับพิจารณาไหมครับ?”

    แบบนี้เอามีดมาแทงกันเถอะ...โอ้ยชีวิต!!!

    เล่นกันแบบนี้ใช่ไหม...ได้!

    “ค่ะ...”

    ในเมื่อเขาเริ่มเล่นเกม...เธอก็จะเล่นด้วย...

    เธออาจแพ้ศึกนี้...แต่ขอให้รู้ไว้...

    หนหน้าเธอจะเป็นฝ่ายกำชัยแน่นอน...

     

    เมื่ออาคิโตะรู้เรื่อง สิ่งแรกที่ทำคือเขาทิ้งงานทุกอย่างบึ่งมาหาเธอถึงที่ อ้อ...ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่อพาร์ทเม้นต์เดียวกับอาคิโตะแล้วนะตั้งแต่เกิดเรื่อง เธอย้ายออกมาอยู่ที่อื่นเพราะว่าค่าเช่าที่มันแพงน่ะ

    และสิ่งที่เขาทำเป็นอย่างแรกเมื่อมาถึง...คือต่อยลูกพี่ลูกน้องตัวเองจนหน้าคว่ำ

    “แกทำแบบนี้กับชิโฮะได้ยังไง!!!

    “เอ๋...คนรักกันจะทำอะไรแบบนี้มันก็ปกติไม่ใช่เหรอ...เนอะ ชิโฮริจัง?”

    สายตาสองคู่เบนมาทางเธอ หนึ่งสับสนปนเจ็บปวด อีกหนึ่งอ่อนหวานแฝงแววข่มขู่

    “...นี่เธอชอบมันจริงๆเหรอชิโฮะ”

    “ชิโฮริจัง...ทำไมไม่บอกไปล่ะครับ”

    “อาคิ...ฉัน...”

    อาคิโตะเดินมาจับบ่าเธอ ในดวงตาของเขามีทั้งความเศร้าและเจ็บปวดปนเปกันแทบล้นทะลัก

    “...เธอไม่ต้องพูดแล้ว” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะกอดเธอไว้แน่นๆ น้ำเสียงสั่นระริก “...ขอให้มีความสุขนะ ชิโฮะ”

    ชิโฮริน้ำตารื้น กอดเพื่อนรักไว้แน่น พูดอะไรไม่ออกนอกจากคำว่า “...อือ”

    ขอโทษ...ขอโทษนะอาคิโตะ...ที่ไม่เชื่อนายตั้งแต่แรก...

    เธอได้แต่ร่ำร้องในใจ...

    นี่คือผลของการประมาทและไม่ฟังคำเตือน...เธอผิดเอง...

    และเธอต้องชดใช้มันด้วยเวลาชีวิตของเธอ...มันก็เท่านั้น...

     

     

    [7]

    Life is war.

    ชีวิตคือสงคราม...

     

    หลังจากนั้นชิโฮริและฟุบุกิก็ได้แต่งงานกัน แม้จะจัดแค่งานเล็กๆก็เถอะ...

    พร้อมๆกับที่ความสัมพันธ์ของเธอและอาคิโตะก็เหมือนจะไหลลงเหว...

    เธอเข้าใจเขา...เพราะเธอแต่งงานมีสามีแล้ว จะให้ไปสนิทกับผู้ชายคนอื่นเกินหน้าก็ไม่ดี ยิ่งเป็นคนที่เขาเกลียดขี้หน้าด้วย...ห่างกันแบบนี้บางทีอาจจะดีแล้ว...

    แต่ปัญหามันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวเนี่ยสิ...

    “จะออกไปทำงานเหรอคะ?”

    “อืม...กลับดึกหน่อยนะ นอนไปได้เลยไม่ต้องรอ เดี๋ยวปิดงานแล้วผมมาชดเชยให้”

    “เรื่องนั้นช่างเถอะค่ะ ไปดีมาดีแล้วกัน”

    เขาและเธอทำงานเวลาไม่ค่อยจะตรงกัน แม้จะบอกว่าทำที่บ้านได้ก็เถอะ

    เธอเป็นนักเขียน เขาเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์...โลกส่วนตัวสูงเลยพอกัน...

    เรื่องนี้จึงไม่น่ามีปัญหา ถ้าไม่ติดที่ว่า...

    “แก...เมื่อวานฉันเห็นแฟนแกไปดื่มกับสาวแหละ”

    ยามาบุกิ ฮานาบิ หนึ่งในเพื่อนรักสมัยมหาลัยเอ่ยเมื่อนัดมาเจอกันหลังไม่ได้เจอกันมาสองสามปีหลังจากเรียนจบและงานแต่งของเธอ เรียกว่าเป็นเพื่อนหญิงที่สนิทที่สุด และไว้ใจรองลงมาจากอาคิโตะเลยก็ไม่ผิด

    “เหรอ...สงสัยลูกค้ามั้ง...”

    ฮานาบิเหลียวซ้ายขวา ก่อนจะกระซิบ “ลูกค้าบ้าอะไรนั่งตักแฟนคนอื่นวะ...”

    “แกถ่ายรูปมามะ”

    เพื่อนสาวทำหน้าลำบากใจ “เอ่อ...จะดีเหรอแก...”

    “เอามาเหอะน่า...ฉันอยากรู้ความจริง...”

    “เออได้...”

    ทันทีที่ภาพปรากฏที่หน้าจอ มุมปากชิโฮริก็กระตุกเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย...

    อ้อ...ที่แท้ก็แบบนี้เอง...

    “ขอบใจมากนะที่มาบอก สงสัยต้องเคลียร์กันยาว...”

    ชิโฮริลุกขึ้นยืน สีหน้าคล้ายลำบากใจ

    “มีอะไรก็บอกกันได้นะ แกมีฉันเสมอนะชิโฮะ”

    “ขอบใจมากนะฮานะ ฉันดีใจจริงๆที่มีเพื่อนอย่างแก...”

    เมื่อลับสายตาเพื่อนแล้ว ชิโฮริก็จัดการอะไรกับมือถือเล็กน้อย อมยิ้มเบาบาง

    เอาล่ะ...ได้เวลาโต้กลับแล้ว...

     

    เมื่อฟุบุกิกลับบ้านในคืนนั้น ห้องมืดสนิท...ไม่น่าแปลกใจเพราะเขาบอกให้ชิโฮริไปนอนแล้ว

    แต่แล้วไฟในห้องกลับเปิดพรึ่บ และชิโฮริยืนพิงอยู่ที่กำแพง หน้าตาไร้ความง่วงงุนโดยสิ้นเชิง

    “กลับมาแล้วเหรอคะ”

    “อ้าว...ยังตื่นรอผมอยู่เหรอครับเนี่ย?”

    “...ค่ะ...แต่ว่าแปลกจังน้า...”

    ฟุบุกิเลิกคิ้ว “มีอะไรหรือครับ?”

    “เสื้อตัวที่ใส่ออกไปวันนี้มันคนละตัวกับตัวนี้นี่คะ? ไปทำอะไรมาเหรอ?”

    “อ้อ...พอดีว่ากาแฟหกใส่เลยต้องไปซื้อมาเปลี่ยนน่ะ...”

    ชิโฮริพยักหน้าเรียบๆ คล้ายว่าไม่ติดใจ ก่อนจะพูดต่อ

    “กาแฟร้านไหนเหรอคะ ถ้าอร่อยจะได้ลองไปซื้อบ้าง”

    “ร้าน Bleu Latte ที่ซอยข้างที่ทำงานน่ะครับ”

    “อ้อ...คนเสิร์ฟท่าทางจะซุ่มซ่ามน่าดูเลยนะคะนั่น...”

    “นั่นสิ...แย่เลยน้า...”

    “ถึงว่าสิ...มีรอยลิปสติกติดอยู่ที่ปกเสื้อด้วย...”

    สีหน้าของฟุบุกิเปลี่ยนเป็นตะลึงและซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะคว้าปกเสื้อมาดู

    ...มันไม่มีรอยอะไรเลย...

    “อ้าว? ไม่มีเหรอ สงสัยตาจะฝาด อืม...แล้วเสื้อตัวที่ว่า...อยู่ไหนละคะ? จะได้เอาไปแช่เตรียมซัก”

    ฟุบุกิขยับตัวเล็กน้อย “เอ้อ...ตายล่ะ...สงสัยลืมไว้ที่ร้านเสื้อ”

    “ร้านไหนล่ะคะ เดี๋ยวไปเอาให้ก็ได้”

    “อย่าเลย เธอยุ่งไม่ใช่เหรอ”

    ชิโฮริยิ้มบางๆ “เพิ่งปิดต้นฉบับไปเมื่อตอนบ่ายเองค่ะ...ตอนนี้ฉันว่าง..”

    “ว่างพอจะมาจับผิดพี่เหรอครับ?”

    “จับผิด?” หญิงสาวทวนคำ ขมวดคิ้ว “พูดอะไรน่ะคะ แค่ถามว่าเสื้ออยู่ไหนคือจับผิดเหรอ...อีกอย่าง คนไม่ได้ทำผิดน่ะ...เขาจะไม่กลัวการจับผิดนะคะ หรือพี่กำลังทำเรื่องที่ฉันรู้ไม่ได้?”

    “ไม่นี่ครับ..”

    “ยังไงก็เถอะค่ะ...” ชิโฮริหาวหวอดเป็นอันตัดจบทุกประเด็น “ดึกแล้ว ไปอาบน้ำนอนเถอะ”

    หญิงสาวพูดแล้วก็เดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้สามียืนนิ่งอยู่ตรงนั้นงงๆ...

     

    และเธอก็ทิ้งระเบิดในสัปดาห์ถัดมา...

    วันนั้นชิโฮริบอกว่ากองบรรณาธิการชวนไปเที่ยวฉลองเปิดตัวผลงานใหม่ เธอเลยจะไปต่างจังหวัดราวๆสองสามวัน...และก็อย่างสำนวนว่า...

    แมวไม่อยู่...หนูร่าเริง...

    ฟุบุกิพากิ๊กของเขามานอนที่ห้องจริงๆ

    ถามว่าทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอ?

    ก็ไม่ใช่เขาคนเดียวสักหน่อยที่โกหกเป็นน่ะ...

    กองบรรณาธิการชวนเธอไปเที่ยวน่ะเป็นความจริง แค่เธอขอตามไปทีหลังก็เท่านั้นเอง...

    ชิโฮริกลั้นยิ้มแทบตายตอนเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของสามีและชู้รักตอนรู้ว่าเธอยังอยู่ในห้อง แถมยังต้องแสดงบทภรรยาผู้อาภัพที่รู้ว่าสามีนอกใจทั้งที่เชื่อใจกันมาโดยตลอด...

    ซึ่งมีแต่เธอและเขาเท่านั้นที่รู้ว่ามันตอแหลสิ้นดี

    และคลิปแบล็กเมล์กลับก็ถือกำเนิดด้วยประการฉะนี้...

    “ว่าไงคะที่รัก สนุกมั้ย?”

    “อะ...เอ่อ...”

    ชิโฮริเบือนหน้า คล้ายว่าเจ็บปวดเหลือทนที่จะมอง “ฉันอุตส่าห์เชื่อใจพี่แท้ๆ...แต่...”

    “เอ่อ...ไม่ใช่นะชิโฮริจัง...”

    “อ้อเหรอ...”

    เสียงเย้ยหยันดังขึ้นเหมือนจะตอกย้ำ และเมื่อหันไปก็เห็นอาคิโตะกับฮานาบิยืนอยู่ที่ประตู

    “...ไอ้นิสัยตอแหลตีสองหน้าของนายเนี่ย...เห็นกี่ทีก็อยากจะอ้วกจริงๆ”

    “...อาคิโตะ...นี่นาย...”

    “คิดรึไงว่าฉันจะกล้าทิ้งเพื่อนให้อยู่กับเสือร้ายอย่างแก” เขายิ้มเหี้ยม “กล้ามากที่แบล็กเมล์ชิโฮะ แล้วก็โง่มากด้วย...”

    “พูดเรื่องอะไรของนายน่ะ...”

    “รู้ทั้งรู้ว่ายัยนี่เป็นนักเขียนนิยายสืบสวน รายละเอียดเก็บยิบจะตายแล้วยังจะกล้ามีกิ๊กเนอะ...อ้อใช่...” อาคิโตะหัวเราะฝืดๆ “ไอ้นิสัยที่ชอบแย่งของรักฉันก็ด้วย...เหมือนที่คิดไม่มีผิด”

    “อย่าบอกนะว่า...” ฮานาบิปิดปาก มองสามคนสำคัญในห้องสลับกันไปมา “ที่เข้าใกล้แล้วก็แบล็กเมล์ชิโฮะ...ก็เพราะ...”

    “ยัยนั่นเป็นเพื่อนรักฉัน เป็นคนที่สำคัญที่สุด...ของฉัน...” อาคิโตะยิ้มเศร้าๆ หันไปมองชิโฮริที่ยิ้มกลับมาให้เป็นเชิงเข้าใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพยักเพยิดไปทางหญิงสาวที่ทำหน้าช็อกอยู่บนเตียง “...คราวนี้ฉันก็เลยแกล้งทำเป็นสนใจยัยนั่น แล้วทำให้นายรู้...ผลก็เห็นๆ กันอยู่...”

    หญิงสาวผู้โชคร้ายคนนี้เคยมีเรื่องกับชิโฮริสมัยมัธยม เพราะเธอชอบอาคิโตะแต่แทบไม่ได้ชิดใกล้ ในขณะที่ชิโฮริได้อยู่ใกล้เขาตลอดเวลา เลยหาทางแอบกลั่นแกล้ง แน่ล่ะว่าอาคิโตะตอนนั้นด่าเปิงไปเรียบร้อย แต่การแกล้งยังไม่จบลงง่ายๆ อาคิโตะเลยไม่เสียใจเลยสักนิดที่ทำลงไปแบบนี้ อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้สั่งให้เธอไปคั่วลูกพี่ลูกน้องเขาเสียหน่อยนี่นา

    “พี่ไม่ได้รักฉันหรอก...พี่แค่อยากเอาชนะอาคิโตะก็เท่านั้นเอง...” ชิโฮริพูดเบาๆ “ส่วนนี่...”

    ในมือเธอถือคลิปเหมือนที่เขาทำในวันนั้น เพียงแต่ครั้งนี้เป็นเธอที่ถือไพ่เหนือกว่า

    ก่อนจะพูดช้าๆ ชัดๆ โยนกระดาษแผ่นหนึ่งไปไว้บนเตียง

    “ลบคลิปนั่นทุกที่ เซ็นใบหย่า แล้วค่อยมาคุยกันนะคะ ไม่งั้นก็ไปเจอกันที่ศาลเลยค่ะ”

    แล้วหญิงสาวก็หมุนตัวออกไปพร้อมเพื่อนรักทั้งสอง...

    เป็นอันจบสงครามที่เรียกว่า การใช้ชีวิตคู่ด้วยประการฉะนี้...

     

    [8]

    Life must go on.

    ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป...

     

    หลังจากหย่าแล้ว ชีวิตของชิโฮริก็กลับสู่วงจรอุบาทว์อย่างที่มันควรจะเป็นอีกครั้ง...

    ที่จริงมันก็ไม่ได้อุบาทว์นักหรอก...ถ้าช่วงที่เครียดเรื่องฟุบุกิ เธอไม่ได้เล่นพนันจนมีหนี้ก้อนเบ้อเริ่มอะนะ...แถมกลายเป็นว่าสุดท้ายเรื่องดันไปศาล เสียเวลาเสียตังค์ค่าทนายกันยกใหญ่กว่าเรื่องจะจบ

    เพิ่งรู้สึกขอบคุณแม่ที่บังคับให้เรียนนิติศาสตร์ก็ตอนนี้นี่แหละ...

     ตอนนี้ชิโฮริกับฟุบุกิหย่าขาดกันอย่างสิ้นเชิง นามสกุลเธอกลับมาเป็นชิโนซากิอีกครั้ง และเธอก็ได้อาคิโตะเพื่อนรักคืนมา เพราะตอนแต่งงานพวกเธอต้องติดต่อกันให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้ฟุบุกิระแคะระคาย...ซึ่งก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

    นี่คงเป็นเรื่องดีไม่กี่เรื่องจากการหย่าในครั้งนี้

    “ยัยนี่...ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีเลย...”

    อาคิโตะถอนหายใจ แต่จะว่ามากก็ไม่ได้ เพราะคนที่ทำให้ยัยเพื่อนคนนี้ติดพนันก็คือเขานี่นา และยิ่งเมื่อเห็นเพื่อนรักหน้าเจื่อนก็ทำใจด่าต่อไม่ลง

    “เออ...ก็...ฉันผิดเอง...พอใจยัง?”

    “...แต่ยังซื้อล็อตเตอรี่ทุกเดือนเนี่ยนะ?”

    ชิโฮริกลอกตา ยอมแพ้มันจริงๆ “แบบ...จะให้เลิกขาดเลยก็ยากอ่ะอาคิ นิดๆน่า...”

    “เออ ช่างเหอะ เดือนละพันเยน...แต่พยายามเลิกให้ได้ล่ะ ชิโฮะ”

    “พูดอย่างกับมันเลิกง่ายนักน่ะ...”

    “การงานเธอก็เรื่อยๆ ถ้าตั้งใจเก็บเงินหน่อย ระหว่างที่ต้องจ่ายค่ารักษาแม่เธอคงใช้หนี้ได้...เอ่อ...ในสักห้าปี”

    ชิโฮริตาเหลือก “ห้าปี! เสียค่าดอกเบี้ยแพงตายเลยงานนี้...ถ้าพนันได้ล่ะก็...”

    “เลิกคิดเรื่องพนันไปเดี๋ยวนี้เลย...ก็ถ้าไม่มีดอกเบี้ยก็ทำได้ใช่มั้ยล่ะ?”

    “บริษัทเงินกู้ที่ไหนเขาไม่เก็บดอกเบี้ยบ้าง?” หญิงสาวหลับตาอย่างเหนื่อยใจ แต่จะว่าไปช่วงเดือนหลังๆนี่...ไม่เห็นพวกนั้นส่งใบแจ้งหนี้มาให้เลย หรือว่ารู้แล้วว่าเธอไม่มีปัญญาจ่ายตอนนี้หว่า...

    “...แล้วใครบอกให้เธอไปจ่ายพวกบริษัทนั่นกัน จ่ายฉันนี่แหละ ดอกเบี้ยไม่ต้อง”

    “ฮะ?”

    ชิโฮริอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อหู “อย่าบอกนะว่า...”

    อาคิโตะยิ้ม ชูเอกสารขึ้นมาแกว่งเล่น

    “เออ...ฉันไปเคลียร์หนี้ที่พวกนั้นแทนละ เอามาจ่ายที่ฉันนี่แหละ”

    “...เมื่อกี้นายเท่มากเลยรู้ตัวมั้ยเนี่ย”

    “เพิ่งรู้เหรอ? แต่ถึงจะชม ฉันก็ไม่ลดหนี้ให้หรอกนะ แล้วอย่าไปกู้อีกล่ะ พอแล้ว ไม่ช่วยแล้ว”

    หญิงสาวย่นปาก “ขี้งก”

    แล้วทั้งสองก็ประสานเสียงหัวเราะกัน มีเพื่อนดีมันก็แบบนี้แหละ

    “ที่เหลือก็นิสัยบ้าพนันของเธอ...”

    “ยากกว่าหาแฟนให้นายอีกมั้งเนี่ย”

    อาคิโตะทำหน้าหงิก “ฉันไม่อยากมีเองต่างหาก หน้าอย่างฉันทำไมจะไม่มีปัญญาหา”

    ไม่ปฏิเสธว่าอาคิโตะเพื่อนเธอมันหน้าตาดี...ฉลาดฉิบหาย แถมบ้านรวย แต่เสียใจด้วยนะสาวๆ...

    ผู้หญิงที่ใกล้ชิดเขาที่สุดคือเธอผู้อยู่ในเฟรนด์โซน เช่นเดียวกับที่ชิโฮริวางเขาไว้ในเฟรนด์โซนของเธอ (และสาบานได้ว่ามันไม่ได้เป็นเกย์แน่นอน เธอคบมันมานานพอจะรู้ว่ามันแค่ไม่สนใจใครเลยก็เท่านั้น เห็นว่าคบแฟนไปถ้าไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้นก็ขอโสดดีกว่า)

    ก็พวกเธอเป็นเพื่อนกันนี่นา...แถมรู้นิสัยยันตับไตไส้พุงดีเกินกว่าจะเอามาเป็นแฟนแล้ว...

    “เอางี้” ชิโฮริดีดนิ้ว “ได้ยินว่าศาลเจ้าไทโยขอพรแล้วศักดิ์สิทธิ์มาก ลองไปกันมั้ย?”

    “หา? เธอไปได้ยินมาจากไหนเนี่ย” อาคิโตะทำหน้าพิลึก

    “ฮานาบิบอกมา เห็นว่าไปขอแฟนผ่านไปอาทิตย์นึงก็เจอเลย”

    “เดี๋ยวนี้เธอเชื่อเรื่องแบบนี้แล้วเหรอ?”

    หญิงสาวไหวไหล่ “ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายนี่ ถ้าได้ก็ดีไป ไม่ได้ก็เสมอตัว”

    “เออได้ ไปขอให้แก้นิสัยได้...ไม่สิ อย่างเธอมันต้องเจอคนที่เอาเธออยู่ ดัดสันดานเธอได้”

    “โอ้โห...คงจะมีหรอกเนอะ”

    “ลองดูก็ไม่เสียหายไม่ใช่เรอะไง”

    เยี่ยม เอาคำพูดเธอมาโต้กลับเธอ

    “ได้...ลองก็คงไม่เสียหายหรอก จริงมั้ยล่ะ?”

     

    หลังจากนั้นทั้งสองก็ไปขอพรที่ศาลเจ้าจริงๆ...แต่ทว่า...

    “แล้วนี่ตกลงเธอขออะไรไป?”

    หญิงสาวกลอกตา มือจัดผมที่ยุ่งเหยิงจากการเบียดคนมหาศาล “ขอให้ชีวิตดีขึ้น...แล้วนายล่ะ?”

    “อ้าว...แทนที่จะขอเรื่องแก้นิสัย...ส่วนของฉันน่ะเหรอ? บอกไปก็ไม่ขลังน่ะสิ”

    “อะไรเนี่ย...ไม่แฟร์นี่นา บอกมาเลยนะ”

    “เรื่องอะไร...เธอติดหนี้ฉันอยู่นะ ขอใช้สิทธิเจ้าหนี้ไม่ตอบแล้วกัน แล้วลดให้หมื่นเยน”

    “อะไรเนี่ย...โกงอ่ะ...”

    หนี้ติดเป็นล้าน (พูดให้ชัดคือสิบล้านเยนถ้วน) ลดให้หมื่นเยน ไม่ค่อยอ่ะ...ไม่ต่างเล้ย...

    ชิโฮริบ่นอุบ ในขณะที่อาคิโตะแอบอมยิ้มแกมขอโทษในใจ...

    แล้วจะบอกได้ยังไงล่ะว่าคำขอของเขาคือ...

    ให้ชิโนซากิ ชิโฮริเจอคนที่มาคุมนิสัยบ้าพนันของมันและนิสัยโอเคได้สักทีน่ะ...

    เพราะงั้นให้มันเป็นความลับแหละดีแล้ว...

     

     

    ...โปรดติดตามต่อในเนื้อเรื่อง...

     

    สิ่งที่ชอบ: 

    - เกมทุกประเภท โดยเฉพาะเกมที่ต้องใช้สมอง [เพราะมันทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อ มันสนุก เวลาได้เล่นทีจะติดลมยาว]

    - การเสี่ยงโชค [เหตุผลและอาการเหมือนข้อเกมเลยค่ะ]

    - นวนิยายหรือซีรีส์ประเภทจิตวิทยาและสืบสวนสอบสวน [เพราะมันสนุกดีไง เอามาใช้กับงานของเธอได้เดียว ก็...ถ้าเจอเรื่องที่ชอบก็นั่งดูมันข้ามวันข้ามคืน]

    - กาแฟ ชา ช็อกโกแลต แต่ต้องแบบขมๆ นะ [เพราะเธอรู้สึกว่ามันถูกปาก อีกอย่าง ของมีคาเฟอีนพวกนี้ทำให้เธอตื่นปั่นงานได้...ชอบจนต้องทานของพวกนี้ทุกวัน วันไหนไม่ได้ทานจะหงุดหงิด]

    - กลิ่นดอกลาเวนเดอร์ [เพราะมันทำให้จิตใจเธอสงบ หลับสบาย เจอก็จะมีสมาธิ น้ำหอมประจำตัวเธอเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ ทั้งที่ปกติไม่ชอบ แต่กลิ่นนี้มันโอเคจริงๆ ทั้งสบู่แชมพูเธอกลิ่นนี้หมดเลยจนกลิ่นติดตัวไปเรียบร้อยแม้ไม่ได้อาบน้ำ (ฮานาบิยกให้เพราะมีกลิ่นที่ชอบมากกว่า อย่าคิดเชียวว่าอย่างชิโฮริจะยอมซื้อของพรรค์นี้เอง)]

    - การได้อยู่อย่างสงบๆ หรือใช้เวลาชิลๆ กับเพื่อนสนิท [เพราะเป็นพวกมีความสุขกับความเงียบเป็นที่สุด แต่เพื่อนๆเองก็เป็นความสุขของเธอเหมือนกัน จะเอนจอยช่วงเวลาเหล่านั้นมาก]

    - เสียงกรีดร้อง(?)ตอบรับจากแฟนผลงานเธอ [เพราะเป็นพวกชอบแทรกการหักมุมแบบแสบๆคันๆ หรือฉากชวนฟินเป็นบางครั้งเข้านิยายตัวเอง ดังนั้นถ้ารีแอคชั่นจากเอฟซีดี เธอจะดีใจมาก เจอแล้วก็จะยิ้มน้อยๆไปทั้งวัน]

     

    สิ่งที่ไม่ชอบ: 

    - สีชมพู [เพราะรู้สึกว่าเป็นสีที่หวานจนเลี่ยน จะเลี่ยงมันให้มากที่สุด เจอแล้วมักจะแอบกลอกตาเงียบๆ แต่รสนิยมใครรสนิยมมันล่ะนะ]

    - การแต่งตัวแต่งหน้าให้สมเป็นผู้หญิง [เพราะมันยุ่งยากน่ารำคาญน่ะสิ กว่าจะแต่งเสร็จล่อไปเป็นชั่วโมง ถ้าเจอจะกลอกตาทำหน้าเหม็นเบื่อ และพยายามเลี่ยงมัน]

    - การไปปาร์ตี้หรือออกงานสังคม [เพราะเป็นพวกชอบอยู่เงียบๆมากกว่าจะออกไปลั้ลลา หากไม่จำเป็นส่วนใหญ่มักจะไม่ไป แล้วแต่อารมณ์ด้วย]

    - การโดนเร่งให้เร็วๆ หรือการโดนย้ำให้ทำอะไรซ้ำๆ [เพราะมันน่ารำคาญ! พูดครั้งเดียวก็รู้เรื่องแล้ว อีกอย่างมันก็เร็วแค่นี้แหละ เฮ้ออออ ถ้าเจอจะทำหูทวนลมใส่]

    - อากาศแบบเอ็กซ์ทรีม ร้อนจัด หนาวจัด [เพราะไม่ชอบไง คือเธอพอใจกับอากาศปกติน่ะเข้าใจมั้ย ถ้าเจออากาศแบบนี้เตรียมหมกตัวอยู่บ้านยาวๆเลย]

     

    สิ่งที่เกลียด: 

    - เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท [เพราะจากเคสฟุบุกิ เธอเลยขยาดมันไปเลย จะดื่มจริงๆคือต้องมีคนที่เธอไว้ใจมากๆอยู่ด้วยเท่านั้น ถ้าเจอหากไม่คอขาดบาดตายจะเลี่ยงไม่กินสุดชีวิต]

    - การโดนตีกรอบ โดนบังคับ [เพราะชีวิตเธอโดนแบบนั้นมาตอนสมัยที่พ่อยังอยู่ ชีวิตของใครก็ควรจะเป็นคนนั้นกำหนดเองไม่ใช่รึไงกัน หากเจอคือไม่เมินไปเลยก็ทำตรงข้ามประชดมันเลย]

    - การมีคนมายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัว [เพราะเธอโลกส่วนตัวแอบสูง จะไม่พอใจมากหากมีคนมารุกล้ำโดนที่เธอไม่ได้อยาก ถ้าสนิทกันมันก็อีกเรื่องนะ แต่ไม่สนิทจะมาเจ๋ออะไร ถ้าเจออะไรมองแรงแล้วสวนไปให้จุก]

    - การถูกมองว่าน่าสงสาร [เพราะเธอไม่ต้องการมัน มองว่าเธอสมเพชยังดีกว่าสงสาร เธอทำตัวเองเธอรู้ดี ที่เธอต้องการคือถ้าไม่คิดจะช่วยอะไรก็อย่ามายุ่งเลย หากเจอจะตอกกลับไปว่าไม่อยากได้รับมัน]

     

     

    สิ่งที่กลัว: 

    - การถูกคนที่รักหักหลังหรือทรยศ (เพราะตลอดชีวิตของเธอ เธอเห็นคนรอบตัวพังทลายเพราะเรื่องนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว และคนสำคัญของเธอมีน้อยและรักมากๆ ดังนั้นเธอจึงกลัวเสมอในเรื่องนี้ หากเจอก็ขังตัวเองอยู่คนเดียวไปเลยจนกว่าจะทำใจได้)

    - ตัวตลก (เพราะเคยดูหนังผีที่มีตัวตลกแล้วหลอนมาก คือเธอนั่งดูหนังฆาตกรรมเลือดสาดได้สบาย แต่ตัวตลกนี่ขอที ไม่เอาด้วยหรอก ถ้าเจอจะหันหลังแล้วเผ่นทันที ไม่อยู่แล้วแถวนั้น ถ้าเพื่อนอยู่ก็เกาะมันแน่นๆ แล้วลากออกไปด้วยกัน)

     

    สิ่งที่แพ้: 

    - บุ้ง (เจอแล้วจะมีผื่นขึ้นบริเวณที่โดน ให้เอามันออกแล้วทาพวกยาแก้คันเดี๋ยวก็หายเอง)

     

    งานอดิเรก: อ่านหนังสือ / นอน / เล่นเกม / โทรศัพท์หรือส่งข้อความไปกวนตีนอาคิโตะ / เฝ้าสังเกตผู้คน

     

    ลักษณะการพูด: ชิโฮริมีน้ำเสียงที่จะติดไปทางโทนต่ำมากกว่าหญิงสาวทั่วไปอยู่หน่อย แต่กลับนุ่มนวลฟังสบายเหมือนเชลโล่ยามส่งเสียง แต่ด้วยความที่เจ้าตัวพูดเรียบๆ ดูไม่ค่อยยี่หระต่ออะไรหรือพูดอะไรค่อนข้างดาเมจชาวบ้านยกเว้นคนสนิท ทำให้ความไพเราะที่ว่าสามารถโดนมองข้ามได้อย่างง่ายดาย ปกติจะไม่ค่อยแสดงอารมณ์ทางน้ำเสียงเท่าไหร่นักนอกจากจะอยากให้อีกฝ่ายรู้ หรือไม่ก็อยู่กับคนสนิท พูดสุภาพได้ตามเห็นสมควร แต่ก็มีความนัยสื่อว่าคนที่เธอพูดสุภาพด้วยนั้นไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเธอมากมายเหมือนกัน (น้อยรายมากที่คนที่เธอจะสนิทใจทั้งที่พูดสุภาพด้วย เช่น คุณย่าอากิเอะ) แม้จะเรียกชื่อแล้วก็เถอะ

    แทนตัวเองว่า “ฉัน” มักเรียกคนอื่นด้วยสรรพนาม “เธอ” “นาย” “คุณ” ตามแต่เวลาและอารมณ์จะพาไป มากกว่าจะเป็นนามสกุลของคู่สนทนา แต่หากเรียกชื่อมักจะแปลว่าเธอโอเคด้วยในระดับนึง แต่ถ้าสนิทจริงๆ จะมีชื่อเล่นที่เธอตั้งให้เองโดยอัตโนมัติ

    อนึ่งต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่าเธอมีวาจาเป็นอาวุธ...

    และมีประโยคติดปากอยู่สองสามประโยค คือ

    “ไม่ลองก็ไม่รู้นี่นา”

    (กรณีเห็นว่าน่าสนใจและไม่เป็นพิษภัยอะไรถ้าจะลอง หรือตอนเล่นพนันก็เถอะ)

    “อย่าเสียใจภายหลังแล้วกัน” (มักมาพร้อมรอยยิ้มมุมปากชวนพิศวงเบาๆ)

    และ “น่ารำคาญ...”

     

    ตัวอย่าง

     

    [แนะนำตัว – เรื่องทั่วไป]

    “...ชิโนซากิ ชิโฮริ” แนะนำตัวด้วยเสียงนิ่งๆ แล้วก็เหม่อมองอะไรไปเรื่อยโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายมีธุระอะไรกับเธอหรือไม่

    “อ่า...ว่างแบบนี้มันดีจริงๆ” (พูดพลางแผ่ตัวลงไปนอนอย่างสบายอารมณ์)

     

    [อยู่กับเพื่อนสนิท]

    “อะไรเนี่ย เล่นจั่วได้ไพ่ใบนั้นมาตอนนี้...ดวงนายดีเกินไปแล้วนะอาคิ” (ตอนเล่นเกมกับอาคิ)

    “ฮานะ...ฉันมีเรื่องที่อยากรู้น่ะ ช่วยสืบให้หน่อยสิ” (คุยกับฮานาบิ)

     

    [อยู่กับบก.]

    “นี่...คุณบก. นิยายมันไม่ใช่ว่าเสกออกมาได้นะ นี่ฉันอดนอนมาจะสามวันแล้ว รอหน่อยสิ...”

    (ตอนปั่นงานใกล้เดดไลน์แล้วโดนเร่ง)

    “เฮ้อ...อย่าเยอะได้มั้ยคุณพี่ มันน่ารำคาญนะ” (ตอนโดนจู้จี้)

     

    [ตอนเล่นพนัน]

    “ให้ตายสิ...ขออีกตาแล้วพอแล้วละกัน” (และคุณก็รู้ว่ามันไม่จบแค่ตานั้นหรอก...)

     

    [ตอนโกรธ]

    “...มีอะไรจะแก้ตัวไหม?” (เสียงเย็นๆ ตอนจับผู้กระทำผิดได้คาหนังคาเขา)

    “อ้อ...เหรอ” (น้ำเสียงกวนประสาทสุดๆ หน้าตาบอกมากว่าไม่เชื่อหรอก)

     

    [ตอนโดนทักว่าเป็นแฟนกับอาคิโตะรอบที่ล้าน]

    “ถ้าพวกเธอจะมโนให้เป็นก็ตามสบาย” (กลอกตาประมาณว่าเอาที่แกสบายใจละกัน)

     

     

     

    เพิ่มเติม: 

    - ชิโฮริเกิดวันที่ 12 มกราคม (ราศีมังกร) เลือดกรุ๊ป AB+

    - ถึงจะติดหนี้ แต่ชิโฮริก็ไม่ได้เที่ยวเกาะใครกิน ใครมาสงสารเธอขอบอกเลยว่าไม่ต้องการ ขนาดกินข้าวยังจ่ายเงินเองเลย (ยกเว้นอาคิโตะกับฮานาบิที่ไม่ค่อยยอมให้เธอจ่าย เป็นอันรู้กันว่าถ้านัดสองคนนี้กินข้าวถ้าคิดจะหารต้องออกเงินให้ไว แต่บางทีก็จะยอมให้เลี้ยง แล้วแต่อารมณ์อีก)

    - ชิโฮริขี้ร้อนและขี้หนาวพอควร อย่าแปลกใจที่หน้าร้อนและหน้าหนาวจะได้งานเยอะเพราะเธอจะหมกตัวอยู่แต่ในห้อง (ยกเว้นเพื่อนมันจะมาลากไปเที่ยว ซึ่งบางทีสุดท้ายลงเอยด้วยการนั่งเล่นเกมอยู่ในห้องเธอเองก็มี)

    - ชิโฮริไม่ค่อยเชื่อเรื่องพระเจ้าอะไรเท่าไหร่นัก เพราะคิดว่าถ้าพระเจ้ามีจริงเรื่องรอบตัวเธอบางอย่างคงไม่แย่ขนาดนี้ สำหรับโชค...คือการพนันในสายตาเธอคือเรื่องความเป็นไปได้อย่างนึง แน่นอนว่าดวงมีส่วน คือไม่ได้เชื่อมากขนาดนั้น แต่ก็ไม่ถึงกับไม่เชื่อเลย คือเธอเชื่อว่าดวงก็ถือเป็นความสามารถอย่างนึงด้วย

    - ชิโฮริไม่ศรัทธาในความรักของชายหญิงเท่าไหร่ เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเองมันห่วยแตกมาก เธอจะศรัทธาในความรักเชิงมิตรภาพมากกว่า และเป็นคนที่รักใครแล้วก็รักเลยแบบนั้นนั่นแหละ อีกอย่างคือ...เป็นคนที่ไม่เชิงว่าใสซื่อ มีมุมซื่อๆอ่ะใช่ แต่ไม่ได้เป็นพวกมีเรดาห์ด้านนี้แบบมองปราดเดียวรู้เลย ต้องให้เวลาเธอสักหน่อย แต่ที่แน่ๆคือเป็นคนที่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย (แต่เขียนฉากพระนางจีบกันแล้วคนอ่านฟินไปสามบ้านแปดบ้านได้ไงก็ไม่รู้)

    - แม้จะบอกว่าลายมือชิโฮริสวย แต่ทักษะการวาดภาพฝีมือเท่าเด็กอนุบาล ที่จริงคืออะไรที่มันเป็นทักษะทางศิลปะล้วนห่วยแตก (ยกเว้นวรรณศิลป์ที่เก่งกาจอลังการจนเป็นนักเขียนได้) ร้องเพลงก็เพี้ยนหลงคีย์ เล่นดนตรีก็ไม่ได้เรื่อง วาดรูประบายสีไม่ต้องพูดถึง และอีกอย่างที่ห่วยน้อยกว่าหน่อยก็คืองานบ้าน คือห้องเธอนี่จัดว่ารกเลยล่ะ ของกระจายทั่วบ้าน แต่กลับหาของเจอหมดทุกอย่าง แต่พอทำความสะอาดที่นานๆทีจะทำแล้วชอบหาของไม่เจอซะงั้น อาหารทำได้แค่อาหารง่ายๆ เย็บปักถักร้อยนี่ลาก่อนเลย...นอกนั้นแล้วด้านวิชาการชิโฮริเก่งหมด (แค่ขี้เกียจ) พละแค่พอไปวัดไปวาได้

    - นามปากกาของชิโฮริคือ “ยูกิ ริโฮะ” โดยริโฮะมาจากชื่อของตัวเอง ส่วนยูกิก็แค่ชอบชื่อนี้เลยเอามาด้วย ผลงานทั้งหมดเป็นแนวสืบสวนเป็นหลักแทรกแนวอื่นเข้าไปเสริม โดยมีผลงานเปิดตัวคือเรื่อง “ลางสังหาร” [Omen to slay] [KorosuKizashi]ที่ชนะเลิศการประกวดจากสนพ.สมัยเธออยู่ชั้นม.ปลาย ส่วนผลงานที่โด่งดังที่สุดคือซีรีส์นักสืบมิมาจิที่ต้องไปพัวพันกับคดีต่างๆเป็นปมยุ่งเหยิงอยู่เรื่อย แม้ปัจจุบันจะมีแค่สามเล่มก็ตาม ประกอบด้วย

    - วงกตคำลวง [Labyrinth of lie] [Uso no Meikyuu] (เล่มแรก)

    - สัจจาพิพากษา [Trial of truth] [Shinjitsu no Saiban] (เล่มกลาง)

    - หนทางมรณา [Route of death] [Shi no Machi] (เล่มสาม)

    โดยชื่อของนักสืบที่เป็นตัวเอก “มิมาจิ อากิเอะ” เธอจงใจตั้งเพื่อระลึกถึงคุณย่าอากิเอะ

    ปัจจุบันมักเขียนเรื่องสั้นเล่มต่อเล่มหรือไม่ก็สองเล่มจบเสียมากกว่า นิยายซีรีส์ปัจจุบันที่เขียนอยู่มีแค่นักสืบมิมาจิเท่านั้น และได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนๆเรื่อยมา

    อ้อ...เธอเป็นนักเขียนสไตล์ไม่เปิดเผยหน้าตาชื่อแซ่ ดังนั้นไม่แปลกใจที่เหล่าแฟนคลับหลายคนอยากจะรู้หน้าค่าตาเธอเหลือเกิน แน่นอนว่าบก.รักษาความลับนี้ยิ่งชีพ เนื่องจากรู้ว่าเธอค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัวเอาเรื่องเลย

    - มาถึงพาร์ทที่หลายคนรอคอย...

    Support characters zone

    Major:



    Takeuchi Akito [ทาเคอุจิ อาคิโตะ] (28)

    Status: Alive – Healthy

    Relationship: เพื่อนสนิทคนสำคัญที่สุดของชิโฮริ สนิทสนมและไว้ใจกันมาก ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ไม่ได้มีความรู้สึกรักชอบกันแบบคนรักแต่อย่างใด อาคิโตะเองก็เหมือนกัน บอกว่า “แค่เห็นหน้าก็หมดอารมณ์ทำเรื่องอย่างว่าแล้ว” (เพราะเห็นอีกฝ่ายโป๊มาตั้งแต่ประถมแล้ว ไม่มีอะไรให้อายกันแล้ว หน้าด้านทั้งคู่ด้วย) (ที่จริงคือเพราะคิดแบบเดียวกันว่าอีกคนสำคัญมากแต่ไม่ใช่ในแง่นั้น ประกอบกับรู้สันดานกันดีเกินไปจนทำใจเป็นแฟนกันไม่ได้ ขำตาย...) แต่คนมักเข้าใจผิดอยู่เรื่อยว่าคู่นี้มันมีอะไรในกอไผ่ ซึ่งมันไม่มีจริงๆ นอนซบนอนกอดกันได้แบบไม่คิดอะไรและไม่มีเหตุเสื่อมเสียอะไรใดๆทั้งสิ้นได้หน้าตาเฉย แค่บางทีเผลอใช้อีกฝ่ายเป็นไม้กันหมาเพราะรำคาญคนที่มาวอแวแค่นั้นเอ๊ง...

    Facts:

    - ปัจจุบันเป็นโปรแกรมเมอร์และช่วยพ่อแม่ดูแลธุรกิจที่ญี่ปุ่น (ธุรกิจส่งออก-นำเข้าอุปกรณ์เทคโนโลยี)

    - ตระกูลทาเคอุจิรวยมาก (ก็ใช้หนี้สิบล้านแทนเพื่อนได้แบบขนหน้าแข้งไม่ร่วงก็เรียกว่ารวยล่ะ) แต่พ่อแม่อาคิโตะทำงานต่างประเทศไม่ค่อยกลับญี่ปุ่น (เขาเป็นลูกคนเดียว) ตอนแรกก็อยู่กับคุณลุงที่เป็นพี่ชายของพ่อ แต่สาเหตุที่อาคิโตะย้ายมาอยู่กับคุณย่าคือไม่อยากอยู่กับฟุบุกิ(ลูกของลุง)ที่จ้องจะแย่งสิ่งที่เขารักตลอดเวลา จนได้มาเจอกับชิโฮริตามประวัติ

    - ที่ใช้หนี้แทนและขอพรแบบนั้นให้ เพราะอาคิโตะรู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ชวนให้ชิโฮริเล่นพนันจนนิสัยเสีย...ที่จริงจะใช้หนี้ให้เปล่าก็ได้อยู่หรอก แต่อยากดัดสันดานเพื่อน

    - หลังจากเกิดเรื่องฟุบุกิ อาคิโตะจะคอยสแกนผู้ชายทุกคนที่เข้ามายุ่มย่ามในชีวิตชิโฮริเงียบๆ (แน่นอน ใครจะจีบเพื่อนฉันถ้าไม่ดีพอจะดูแลได้ก็ไสหัวไปไกลๆ ไม่ต้องมาวอแวมาก หวงเพื่อน)

    - ชิโฮริเป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของอาคิโตะ (เท่ากับคุณย่าอากิเอะตอนมีชีวิตอยู่) เป็นทั้งเพื่อนสนิทและครอบครัวที่เหมือนยิ่งกว่าครอบครัวทางสายเลือดเสียอีก อาจเป็นเพราะว่าโตมาด้วยกัน พ่อแม่ไม่ว่างมาดูแลเหมือนกัน มีอะไรหลายอย่างคล้ายกัน ทำให้สองคนนี้ต้องดูแลกันเองจนเป็นยันทุกวันนี้

    - ถ้าอาคิโตะจะมีแฟน สิ่งแรกที่เขาจะทำคือไปให้ชิโฮริสแกนก่อนว่าโอเคมั้ย ถ้าเพื่อนไม่โอ เขาก็ไม่เอา (เพราะเข็ดกับกรณีฟุบุกิที่ติดต่อชิโฮริแทบไม่ได้ ถ้าจะเจอแบบนั้นอีกเขาขอไม่มีดีกว่า โสดแบบหล่อๆ แล้วอยู่กับเพื่อนสนุกกว่าเยอะ)

    - หน้าตาดูเหมือนนิ่งขรีม แต่ก็เก๊กไปงั้นแหละ ถ้ารู้จักตัวจริงคือกวนตีนมากๆ จริงๆ มันก็รักเพื่อนนะ แต่ก็น่าหมั่นไส้ตรงที่ว่าทำอะไรก็ออกมาดีไปหมดด้วย (By: ชิโฮริ)

    - ชอบเล่นเกมใช้สมองเอามากๆ

     



    Takeuchi Fubuki [ทาเคอุจิ ฟุบุกิ] (34)

    Status: Alive – Unknown condition (?)

    Relationship: อดีตสามีของชิโฮริที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของอาคิโตะ หลังจากฟ้องหย่าแล้วก็หายเงียบไปเลย ได้ข่าวว่ากลับบ้านต่างจังหวัดไป ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่

    Facts:

    - มีนิสัยตีสองหน้า โดยมีความอ่อนโยนใจดีบังหน้าความร้ายลึก ความอยากเอาชนะและความอิจฉาริษยาเลเวลที่ผู้หญิงชิดซ้าย ที่ชอบแย่งของรักอาคิโตะเพราะว่าตอนเด็กพ่อของเขา (ลุงของอาคิโตะ) เอ็นดูอาคิโตะที่เป็นหลาน ในขณะที่เข้มงวดกับลูกอย่างเขามาก เลยเข้าใจผิดว่าพ่อเขารักอาคิโตะมากกว่ามาโดยตลอด

    - ที่สนใจชิโฮริเพราะมองออกว่าเป็นคนที่อาคิโตะหวง(?) พอรู้ว่าไม่ได้ชอบกันความจริงก็เงิบอยู่เหมือนกัน แต่ลึกๆก็มีส่วนที่สนใจจริงจังอยู่ด้วย

    - เป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์

     


    Yamabuki Hanabi [ยามาบุกิ ฮานาบิ] (28)

    Status: Alive – Healthy

    Relationship: เพื่อนสนิทคนสำคัญที่สุดของชิโฮริอีกคน ถ้าเกิดมีเรื่องที่ชิโฮริต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน คนแรกที่เธอจะนึกถึงคือฮานาบิ

    Facts:

    - ฮานาบิเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นผู้หญิงพอควร ไม่รู้เหมือนกันว่ามาสนิทกับชิโฮริได้ยังไง

    - ร่าเริงสดใส ยิ้มทีสว่างไปทั้งโลก เนื้อหอมแบบเงียบๆ แต่เพิ่งจะมีแฟนคนแรกเมื่อเร็วๆนี้เอง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้โสดนานขนาดนั้น

    - มีอาชีพเป็นทนายความ (ทนายฝั่งชิโฮริตอนฟ้องหย่าก็ฮานาบิเนี่ยแหละ)

    - เจ้าแม่กรมข่าว โดยเฉพาะข่าวไร้สาระทั้งหลาย อยากเผือกเรื่องใครไว้ใจฮานาบิได้

     

    Minor:

     

    Shinosaki Shione [ชิโนซากิ ชิโอเนะ] (64)

    Status: Alive – Psycho

    Relationship: คุณแม่ของชิโฮริผู้ปัจจุบันกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช เดิมทีความสัมพันธ์ก็ไม่ได้รักใคร่อะไรกันมากมาย แต่ชิโฮริก็รักแม่นั่นแหละ ไม่งั้นไม่ทู่ซี้รักษามาเรื่อยๆทั้งที่มีหนี้หรอก

    Facts:

    - สาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้เพราะจับได้ว่าสามี [ชิโนซากิ คาเอเดะ] นอกใจ เลยโกรธจนเลือดขึ้นหน้าจนแทงเขาตายคาที่ตอนเธออายุได้ 57 หลังจากนั้นก็เสียสติไปเลย

    - ที่แต่ก่อนเข้มงวดกับลูกเพราะว่ากลัวว่าตัวเองจะตาย อยู่ดูแลลูกนานไม่ได้ ต้องให้ลูกหาเลี้ยงตัวเองได้ มีอาชีพมั่นคงเลยทำไปแบบนั้น จริงๆแล้วเธอรักลูกจะตาย ไอ้เรื่องตัดออกจากกองมรดกนั่นเธอก็ช่วยพูดให้แล้วนะ แต่สามีเธอไม่ยอมน่ะสิ...แต่ก็ไม่อยากให้ลูกรู้ว่าตัวเองเข้าข้างเพราะอยากให้ลูกลองฝึกเอาตัวรอดดู ต่อหน้าเลยทำเป็นสมรู้ร่วมคิดกับสามีไล่ลูกออกจากบ้าน และเรื่องนี้คงเป็นความลับกับชิโฮริไปตลอดกาล

     

    Shinosaki Kaede [ชิโนซากิ คาเอเดะ]

    Status: Dead (at age 57)

    Relationship: คุณพ่อแท้ๆ ของชิโฮริที่เสียไปได้หลายปีแล้ว

    Facts:

    - เป็นตำรวจสืบสวนที่เข้มงวดเอามากๆ (ระดับสารวัตร) บ้างานด้วย

    - ไม่ติดเหล้า ไม่ติดบุหรี่ แต่ชอบเหล่สาวจนเป็นเรื่องนอกใจจนกลายเป็นสาเหตุการตาย

    - จริงๆตอนไล่ชิโฮริออกจากบ้านเขาก็รู้สึกผิดนะ แต่ดันเป็นพวกบ้าศักดิ์ศรีแถมปากหนัก พูดอะไรไม่คืนคำ ที่จริงแล้วก็แอบอ่านงานเขียนของลูกอยู่เหมือนกัน แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นความลับลงหลุมไปกับวิญญาณเจ้าตัวแล้วเรียบร้อย

     

    Takeuchi Akie [ทาเคอุจิ อากิเอะ]

    Status: Dead (at age 86)

    Relationship: (อดีต)เพื่อนบ้านของตระกูลชิโนซากิ เป็นผู้ใหญ่ที่ชิโฮริรักและเคารพมากยิ่งกว่าพ่อแม่แท้ๆ

    Facts:

    - ใจดีมีอารมณ์ขัน ความจำยังดีอยู่เสมอ

    - รักชิโฮริเหมือนหลานแท้ๆ คนหนึ่ง ยิ่งเธอไม่มีหลานสาวแล้วยิ่งเอ็นดูเข้าไปใหญ่

    - เป็นผู้ใหญ่ที่ชิโฮริเชื่อฟังที่สุดอย่างที่ชีวิตนี้คงหาใครทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว

    - เป็นคนที่สอนให้ชิโฮริเล่นเกมต่างๆ รวมถึงสอนให้เธอทำอาหารง่ายๆเป็น น่าเสียดายที่ท่านจากไปเสียแล้ว

     

    Matsunaka Namie [มัตสึนากะ นามิเอะ] (43)

    Status: Alive – Healthy

    Relationship: บรรณาธิการที่รับผิดชอบดูแลงานเขียนของชิโฮริ รวมถึงสวัสดิภาพนักเขียนด้วย

    Facts:

    - เป็นไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาตเข้าห้องส่วนตัวของชิโฮริได้ (นอกจากอาคิโตะและฮานาบิที่เป็นขาประจำอยู่แล้ว) เพื่อไปเอางานที่เขียนเสร็จและเช็กความเป็นอยู่

    - นามิเอะรู้สึกเอ็นดูแกมถูกชะตาชิโฮริตั้งแต่แรกเจอ แต่แน่นอนว่าเธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจ้าตัว

    - นิสัยแอบคล้ายๆคุณพี่สาว ขี้บ่นจุกจิกบ้างแต่ก็เอาใจใส่(มากเกินไปในบางครั้ง) จนชิโฮริเรียกแกมประชดในบางทีว่า “คุณพี่” (ปกติเรียกว่านามิเอะซัง)

    - ชอบเล่นปาจิงโกะ แต่พยายามเพลาๆลงบ้างเพราะรู้เรื่องหนี้ของชิโฮริดี ไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีน่ะ

     

     

    Talk with character



    Q: หากวันหนึ่งได้รับพรที่จะทำให้คำขอสมหวังหนึ่งประการ เจ้าจักเลือกขอพรอะไรรึ?

    A: “ก็คงขอให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นในทุกด้านละมั้ง...” ชิโฮริตอบพลางไหวไหล่ “ยังไงซะขอไปก็ไม่รู้ว่าจะได้จริงรึเปล่านี่นา”



    Q: เจ้าเชื่อว่าความรักระหว่างคนสองคนนั้นจะเกิดได้จากการขอพรรึไม่?

    A: ชิโฮริกลอกตา พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “ถ้ามันเป็นงั้นได้จริงโลกนี้คงไม่มีคนนกหรอก”

    ขนาดเห็นหน้ากันมาตั้งหลายปียังไม่แน่ว่ารักเราจริง...แค่ขอพรมันจะไปช่วยอะไรได้...

    พระเจ้าไม่ใจดีขนาดนั้นหรอก...

     

    Q: หากคิดเห็นเช่นนั้น... เจ้าว่าความรักจะเกิดได้จากสิ่งใดกันเล่า?

    A:  “ความรักแบบไหนล่ะ?” ชิโฮริถามทำหน้าเนือย “สำหรับฉันน่ะความรักมีหลายรูปแบบมาก...แต่คงจะถามทำนองแฟนหรือคนรักสินะ...จะอะไรก็ช่างเถอะ ฉันขอตอบว่า...พื้นฐานของความรักทุกรูปแบบคือความเข้าใจและการยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น แค่นี้แหละที่สำคัญ”

     

    Q: งั้นรึ ข้าขอใคร่ถามอีกหนึ่งข้อ ในตอนนี้ความสุขของเจ้าคือสิ่งใดกัน?

    A: “มีเพื่อนดีๆที่ไม่มีวันทิ้งฉัน มีบก.และแฟนคลับที่คอยสนับสนุนงานฉัน และการเล่นเกม...รวมถึงเล่นพนันชนะ” ยามเมื่อพูดส่วนสุดท้าย มุมปากของเธอยกเป็นรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก แต่แววตากลับดูหมองเศร้า พึมพำเสียงเบาจนแทบจับใจความไม่ได้ “ถึงจะรู้ว่าควรเลิกได้แล้วก็เถอะนะ...โทษนะ...อาคิ...”

    นายอย่ารู้สึกผิดอีกเลยนะ...คนที่ผิดคือฉันเอง...

     

    Q: ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบและเวลาที่เจ้าสละ ข้าซาบซึ้งในน้ำใจยิ่งนัก ท่านชิโฮริ

     

     

    Talk with parent



    Q: มาแนะนำตัวกันก่อนเลย เราปันค่ะ ท่านผปค.ชื่ออะไรคะ:D

    A: ยูกินะเองค่า

     

    Q: รบกวนช่วยบอกหนึ่งประโยคที่สรุปความเป็นลูกสาวได้ดีที่สุดด้วยค่ะ!

    A: “แมวน้อยซ่อนคม” คือท่าทางภายนอกนางเหมือนแมว แต่นางก็มีของดีซ่อนกับตัวเยอะ

     

    Q: ตรวจสอบถี่ถ้วนดีแล้วนะคะว่าทำตามข้อกำหนดของเราครบ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนตัดคะแนนน้า

    A: เรียบร้อยค่า

     

    Q: ถ้าไม่ติดตัวเอก สนใจรับบทตัวประกอบไหมหรือรับกลับดีเอ่ย

    A: อืม...จริงๆเอาไปคู่อาคิโตะก็ดีนะ (แค่กกกกกกก) ล้อเล่นค่ะ อยากได้แบบ...อืม อิมาโยชิอะไรทำนองนี้ แต่ได้คู่หลักเป็นดีที่สุดค่ะ (ถ้าไม่ได้คู่ขอรับกลับนะคะ)

     

    Q: ติดหรือไม่ติดก็มาติดตามอ่านแล้วด็คอมเม้นต์กันด้วยเนอะ ไม่ได้บังคับหรอกค่ะแต่มันเป็นกำลังใจสำคัญ <3

    A: หึหึหึหึ อันนี้ต้องมารอดูกันค่ะ

     

    Q: อีกอย่างคือ เราดองนานจริงๆนะ (หลักฐานคือฟิคที่เรียงเป็นตับไม่จบสักเรื่อง) หวังว่าจะรอกันได้นะคะ!

    A: 555555 เรารู้เรื่องนี้ดีค่ะ รอได้ เจ๊เซริที่อยู่ตรงนั้นเราก็ยังรออยู่นะคะ...

     

    Q: สุดท้ายนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ มาลุ้นไปด้วยกันนะคะว่าจะติดรึไม่!

     Matcha  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×