ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seven days ขอแค่ฉันมีเธอ

    ลำดับตอนที่ #4 : ช่วยชีวิต&Let's go to 'ป่า'

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 52


                    วันที่ 1 เวลา 11.00

                    “แล้วเราจะไปไหนกันต่อหรอค่ะคุณแม่” น้ำผึ้งถามขึ้นเมื่อกินไอศกรีมจนหมดแล้ว

                    “เราก็จะไปเที่ยวยังไงหล่ะ ว่าแต่น้ำผึ้งอยากจะไปที่ไหนหรอค่ะ” ฉันลูบหัวน้ำผึ้งเบาๆ อย่างเอ็นดู ส่วนอีตาเตจินน่ะหรอ หายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ -_-^ ไม่ได้เป็นห่วงฉันหรือน้ำผึ้งเลยสักนิด ตูหล่ะเซ็ง -*-

                    “น้ำผึ้งอยากไปที่ที่มีดอกไม้เยอะๆ แล้วก็เป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ น้ำผึ้งเคยเห็นในทีวี น้ำผึ้งอยากไปมากๆ เลยค่ะ”

                    “งั้นเดี๋ยวแม่จะพาไปนะจ๊ะ ^^” ฉันยิ้มให้น้ำผึ้งด้วยความเอ็นดู ทำไมอีตาเตจินมันไม่น่ารักเหมือนน้ำผึ้งเลยนะ ไม่งั้นฉันคงรักตาย >< กรี๊ดดดดด.....(เก็บอาการสักนิดดีมั้ย -_- )

                    “ว่าแต่ คุณพ่อไปไหนหรอค่ะ” น้ำผึ้งหันซ้ายหันขวามองหาเตจิน ส่วนฉันก็ใบ้กินไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี อีตาบ้าเอ๊ย จะไปไหนนี้ไม่มีบอกกันเลย คอยดูนะ กลับมาจะจัดการซะให้เข็ด -_-++

                    “แม่ว่าเดี๋ยวพ่อก็คงกลับมาแล้วหล่ะจ๊ะ” เมื่อไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี ฉันก็เลยพูดได้แต่ประโยคนี้ ทั้งๆ ที่อีตานั่นจะกลับมารึเปล่ายังไม่รู้เลย

                    แต่ยังไม่ทันขาดคำ ฉันก็เห็นนายเตจินเดินมา พร้อมกับถุงกระดาษใบใหญ่ ที่ใส่อะไรไว้ข้างในก็ไม่รู้ แต่ฉันไม่สนใจหรอก เพราะฉันกำลังจะเตรียมตัวด่านายนี่ให้เป็นชุด หึหึ เตรียมใจเอาไว้เลย นายเตจิน - -++

                    “นี้นาย มัวแต่ไปเถลไถลอยู่ที่ไหนฮ่ะ!! รู้มั้ยว่าฉันกับน้ำผึ้งนั่งรอนายนานแค่ไหน (ความจริงแล้วไม่ถึง 3 นาที -_-^ ) ฉันว่าแล้วว่านายต้องเป็นแบบนี้ เหอะ!!! น้ำผึ้งดูไว้นะ ถ้าเจอคนแบบนี้อีก อย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวเชียว” ฉันยิ้มอย่างผู้มีชัยเมื่อเห็นเตจินพูดไม่ออกได้แต่ยื่นอึ้งอยู่อย่างงั้น

                    “คุณพ่อไปไหนมาหรอค่ะ” น้ำผึ้งถาม และดูเหมือนว่าจะไม่ใส่ใจในสิ่งที่ฉันพูดเลยสักนิด T T

                    “พ่อไปซื้อกล้องมาน่ะจ๊ะ เผื่อว่าคนบางคนอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ แต่ดูท่าแล้วคงไม่ต้องการหรอกมั้ง” ง่ะ....หน้าหงายเลยเรา -O-

                    “ละ...แล้วทำไมไม่บอกว่าจะไปไหนเล่า ปล่อยให้คอยอยู่ได้” ฉันพูดตะกุกตะกักสงสัยหมอคงไม่รับเย็บหน้าฉันแล้วมั้งเนี้ย T^T ไม่น่าปากไวเลยเรา

                    “ถ้าบอกแล้วจะเซอร์ไพรส์มั้ยหล่ะ ไอ้เราก็อุตส่าห์หวังดี ถ้างั้นก็ไม่ต้องถ่ายแล้วเดี๋ยวเอากล้องไปคืนเค้าก็ได้ เหอะ!! ” เตจินหมุนตัวทำท่าจะเดินเอากล้องไปคืน แต่ถูกฉันคว้ามือเอาไว้ก่อน

                    “อย่าเอาไปคืนเลยนะ แฮะๆ ฉันขะ....ขอโทษก็ได้ นะๆ ”

                    “หึหึ” เตจินหัวเราะในลำคออีกแล้ว หรือว่านายนี่จะมีแผน “ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันเอาไปคืนหล่ะก็....เธอต้องทำตามที่ฉันสั่งเป็นเวลา 1 วัน โอเคมั้ย”

                    -O- ทำไมต้องทำอย่างงั้นด้วยเล่า ฉันไปหาซื้อเองก็ได้” ฉันสะบัดมือออกเตรียมตัวจะเดินออกไปหาซื้อ

                    “ถ้าเธอหาร้านเจอก็ไปเหอะ ร้านที่ฉันซื้อเป็นร้านสุดท้ายแล้ว และกล้องตัวนี้ก็เป็นกล้องตัวสุดท้ายด้วย ฉันว่าเธอคงหาจนเมื่อยตายเลยแหละ 555+” เตจินหัวเราะลั่นอย่างผู้มีชัย เอาไงดี ถ้าจะยังแข็งข้ออยู่มีหวังฉันได้ปวดขาทั้งวันแน่ แต่ถ้าเกิดยอมนายเตจิน ฉันก็ต้องเสียฟอร์มอ่าดิ -*- เอาไงดีฟร่ะ

                    “คุณแม่ขา น้ำผึ้งอยากถ่ายรูป” น้ำผึ้งทำสีหน้าอ้อนวอนใส่ฉัน ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคนเข้าข้างเลยอ่ะ -*-

                    “กะ....ก็ได้จ๊ะ” ฉันลูบหัวน้ำผึ้งอีกครั้ง “นายจะว่าไงก็ว่ามา ฉันจะยอมทำทุกอย่าง”

                    “ถ้างั้นก็ดี เธอก็ถือของให้ฉันแล้วกันนะ ส่วนฉันจะดูแลน้ำผึ้งเอง แม่คนรับใช้ 555+” เตจินยิ้มเยาะใส่ฉันอย่างซะใจ TOT ไออิอยากตาย อยากตายซะตอนนี้เลย ฮือๆ “อ๊ะ เอาไป”

                    นายเตจินยื่นเป้ของเค้ามาให้ฉัน และดูจากสภาพของเป้ มันท่าทางจะหนักไม่ใช่เล่น - -;; ฉันตายแน่ๆ เลยอ่ะ แต่ก็เอาว่ะ สู้เพื่อลูกน้ำผึ้ง (ที่ไม่เคยเข้าข้างฉันเลย T T ) สู้โว้ยยยยยยยยย \O[]O/

                    ฉันรับเป้ของนายเตจินมา แล้วก็ได้รับรสชาติของการถือของหนัก มันขนอะไรมาบ้างฟ่ะเนี้ย -*- ท่าทางจะแอบตัดหลังคาบ้านใส่มาด้วยแน่ๆ เลยอ่ะ หนักชิบเป๋งเลย ทำไมไออิถึงซวยเยี่ยงนี้นะ น่าจะเปลี่ยนจากผู้ชายคนที่ 9 เป็นคนที่ 1 แทน T^T แต่ฉันก็รู้ตอนที่สายไปเสียแล้ว จึงได้แต่ก้มหน้ารับกรรม แงๆ

                    “เดินให้มันไวๆ หน่อยสิ ชักช้าเดี๋ยวก็ไปไม่ถึงก่อนเที่ยงหรอก” แหม มีหันมาด่าฉันอีก มันน่านัก เอาไว้พรุ่งนี้นายโดนฉันจัดการแน่ ไม่ต้องมาสวงสวีทกันแล้ว อีก 7 วันนายต้องโดนฉันสับให้เละ สับๆๆๆๆ จนเละเป็นโจ๊กไปเลย - -++

                    “รู้แล้วๆ สั่งอยู่ได้ อีตาบ้าเอ๊ย >O< “ ฉันตะโกนไล่หลังไปด้วยความโกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง และพยายามวิ่งตามให้ทัน ถึงแม้ว่าน้ำหนักที่ฉันต้องรับจากเป้ของฉันและของเตจินมันจะหนักแค่ไหนก็ตาม T^T

                    คุณผู้อ่านคงสงสัยใช่มั้ยค่ะว่าพวกเราจะไปไหนกัน ฉันกับเตจินตกลงกันว่าจะไปที่ที่มันค่อนข้างกันดาร ถึงแม้ว่ามันจะดูลำบากไปซักหน่อย แต่ฉันก็เคยหวังว่าสักครั้งในชีวิตฉันจะได้ไปที่อย่างงั้น อีกอย่างหนึ่งน้ำผึ้งก็อยากจะเห็นทุ่งหญ้ากว้างๆ ที่มีดอกไม้เยอะๆ ฉันก็เลยคิดว่าที่ที่ฉันอยากไปคงเป็นที่ที่มีในสิ่งที่น้ำผึ้งอยากเห็น ฉันที่ไม่รู้เส้นทางดีนัก ก็เลยต้องอาศัยเตจินเป็นคนพาไป แต่ไม่รู้ว่าจะพาไปถูกทางมั้ย -*-

                    เมื่อเดินไปได้สักพักหนึ่งก็เห็นไทยมุงกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ ฉันก็เลยลองเดินเข้าไปใกล้ๆ ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                    “ฮือๆ อีกไม่กี่วันก็จะตายอยู่แล้ว ปล่อยให้ฉันตายตอนนี้ซะดีกว่า ปล่อยฉันเถอะ อย่ามารั้งฉันเอาไว้เลย” ฉันได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากไทยมุงนั้น หรือว่า!! จะมีคนฆ่าตัวตาย O[]O

                    “นี้ๆ เดี๋ยวฉันมานะ ฝากของสักแปบ” ฉันบอกเตจิน จากนั้นก็วางของแล้วก็วิ่งเข้าไปในไทยมุงนั้น

                    ภาพที่เห็นก็คือผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถือมืดจ่อคอตัวเองอยู่ และก็มีผู้หญิงอีกคนที่กำลังเกลี่ยกล่อม หว่า >O< น่ากลัวชะมัดเลยอ่ะ ฉันน่าจะเข้าไปช่วยนะเนี่ย

                    “เอ่อ..คุณค่ะ มันเกิดอะไรขึ้นหรอ” ฉันถามผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ

                    “อ๋อ ป้าคนเนี่ยเค้ารับไม่ได้ที่ตัวเองกำลังจะตาย เลยชิงฆ่าตัวตายเองก่อน” ผู้ชายคนข้างๆ ฉัน ตอบกลับมา ฉันจึงตัดสินใจที่จะเอาฝีปากของตัวเองเข้าไปช่วยคุณป้าที่กำลังจะคิดสั้น

                    “คุณป้าค่ะ อย่าคิดสั้นๆ อย่างงั้นสิค่ะ แทนที่คุณป้าจะฆ่าตัวตาย ทำไมไม่ทำทุกวันให้ดีที่สุด ให้มีค่ามากที่สุดก่อนที่ตัวเองจะตายหล่ะค่ะ” ฉันเข้าไปช่วยเกลี่ยกล่อมผู้หญิงที่ท่าทางจะแก่คราวป้าฉันได้ เอาเป็นว่า ฉันจะเรียกป้าที่กำลังจะฆ่าตัวตายว่าป้าคนที่ 1 และเรียกคนที่เกลี่ยกล่อมอยู่ว่าป้าคนที่ 2 ล่ะกันนะค่ะ เพื่อท่านผู้อ่านจะได้ไม่งง ^^

                    “ใช่ๆ หนูคนนี้พูดถูก เธอควรจะทำทุกวันให้มีค่า กลับไปหาคนที่เธอรักและอยู่กับเค้าจะวาระสุดท้ายจะดีกว่านะ” ป้าคนที่ 2 พูดสนับสนุนฉัน

                    “ไม่!!! ฮือๆ ฉันไม่อยากตายเพราะไอ้อุกกาบาตบ้านั้น ฉันอยากตายเพราะฝีมือของตัวเอง!!!” ป้าคนที่ 1 ยังคงยืนกราน

                    “คุณป้าค่ะ การฆ่าตัวตายมันเป็นบาปนะค่ะ แล้วถ้าเกิดว่าคุณป้าตายขึ้นมาจริงๆ คนที่รักคุณป้าจะรู้สึกยังไงหล่ะค่ะ ลองคิดดูให้ดีๆ นะค่ะ” ฉันยังคงเกลี่ยกล่อมต่อไป

                    “ถ้าเธอตายไปแล้ว เธออาจจะไม่ได้เห็นสิ่งดีๆ อะไรอีกมากภายใน 7 วันนี้ก็ได้นะ ประเทศไทยอาจจะมีหิมะตกก็ได้ ใครจะไปรู้หล่ะ จริงมั้ย” ป้าคนที่ 2 พูด ฉันโคตรจะนับถือในฝีปากและจินตนาการอันเป็นเลิศของป้าแกจริงๆ ถ้าเกิดว่าหิมะตกที่ประเทศไทย ฉันคงดีใจจนเป็นลม -O-;;

                    “จะ จริงหรอ O.O “ ป้าคนที่ 1 ทำตาโตเหมือนคนที่เชื่ออย่างสนิทใจ เออเจริญหล่ะ ไอ้เรื่องดีๆ หล่ะไม่รู้จักเชื่อ ไอ้เรื่องบ้าบอหล่ะเจือกเชื่อ(ขออนุญาตใช้คำหยาบสักนิด มันอดไม่ไหว แฮะๆ ^^;; ) ตูหล่ะเซ็ง -*-

                    เมื่อป้าคนที่ 2 เห็นว่าป้าคนที่ 1 เริ่มสนใจเรื่องอื่นมากกว่าการฆ่าตัวตาย ก็รีบเข้าไปแย่งมีดมาทันที ส่วนตัวฉันเองก็เข้าไปช่วยจับตัวป้าคนที่ 1 เอาไว้ เป็นอันว่าสามารถช่วยคนคิดสั้นได้ด้วยประการฉะนี้ - - จบข่าว~

                    แปะ แปะ แปะ ~

                    เสียงปรบมือดังมาจากด้านหลังของฉัน เมื่อฝูงไทยมุงได้สลายไปแล้ว ส่วนตัวของป้าคนที่ 1 ญาติก็มารับไปเรียบร้อยแล้ว เอ๊ะ !!! แล้วเสียงใครหล่ะ O.O

                    “คุณแม่เก่งจังเลยค่ะ” เด็กหญิงทักผมเปียสองข้างวิ่งเข้ามากอดฉัน อ๋อ น้องน้ำผึ้งนี้เอง ลืมไปเสียสนิทเลยน่ะเนี้ยเรา

                    “แม่ต้องขอโทษด้วยนะค่ะที่ทิ้งน้ำผึ้งไว้กับคุณพ่อ(จอมกวนประสาท - - )น้ำผึ้งไม่โกรธแม่นะค่ะ” ฉันคุกเข่าคุยกับน้ำผึ้ง และทำสายตาอ้อนวอนคล้ายเด็กสามขวบ

                    “ ชิ!! อยู่กับฉันมันเป็นยังไงไม่ทราบฮ่ะ” เตจินที่โผล่มาจากหลุมไหนก็ไม่รู้บ่น” และก็อย่าทำหน้าอย่างงั้นได้มั้ย เป็นป้าแอ๊บแบ๊วแล้วยังทำตาโตอย่างงั้น ระวังน้ำผึ้งเค้าจะฝันร้ายนะ 555+”

                    “นี่!! เลิกปากเสียสัก 5 นาทีมันจะตายรึไงฮ่ะ แล้วฉันก็พูดกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ได้เป็นป้าแอ๊บแบ๊ว ฉันอ่ะ สวยธรรมชาติย่ะ -O- ฉันลุกขึ้นยืนเถียงกับนายเตจิน

                    “555+ สวยธรรมชาติงั้นหรอ หึ! ป้าครับ ป้าแก่หงักๆ แล้วยังมั่นใจว่าตัวเองสวยธรรมชาติอีกหรอ แต่ก็เอาเหอะ วันนี้เธออุตส่าห์ทำดี ฉันจะลองพูดดีกับเธอสักวันแล้ว แต่ก็อย่าลืมหล่ะว่าเธอยังเป็นคนใช้อยู่นะ เข้าใจมั้ย”

                    “ย่ะ!!!” ฉันตะโกนใส่หน้าเตจินด้วยอารมณ์ขุนมัว หงุดหงิดๆๆๆๆๆ โว้ยยยยยยยยยย O[]O ไออิอยากฆ่าคนก่อนจะลาโลกนี้ไปจังเล้ยยยยยยยยยย

                    “เอ๊า รีบเดินทางต่อได้แล้ว” เตจินสั่งฉันก่อนที่จะยื่นกระเป๋ามาให้อีกครั้ง ฮึก T^T ฉันต้องขนมันอีกแล้วหรอเนี่ย ขอให้ถึงที่หมายไว้ๆ เถอะนะ ไม่งั้นฉันคงได้กร้ามขึ้นแน่ๆ เลยอ่ะ TOT

                   

     

    วันที่ 1 เวลา 13.25 น.

                    พวกเราทั้งสามเดินเข้าป่ากันไปเพื่อจะได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในนั้น ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันร่มรื่นและสวยมาก รอบๆ ตัวฉันเต็มไปด้วยต้นไม้ที่สูงใหญ่ซึ่งช่วยบังแดดได้เป็นอย่างดี สีเขียวของใบไม้ช่วยให้ฉันรู้สึกสบายตาผิดกับสีสันที่แสบตาในเมืองที่ฉันอยู่ อากาศเย็นสบายถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นตอนบ่ายๆ  ฮ้า....อยากนอนชะมัด -3-

                    จ่อก จ่อก จ่อก ~

                    ง่ะ......เสียงท้องฉันร้องอ่ะ ก็นี้มันปาเข้าไปตั้งบ่ายแล้ว ข่าวเที่ยงยังไม่ได้กินเลยอ่ะ T T บรรยากาศที่สวยงามมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยหรอเนี้ย กะว่าจะลืมความหิวแล้วดูวิวรอบๆ ซะหน่อย แต่ก็คงจะไม่ได้แล้วหล่ะ

                    “นี้ๆ เราหยุดกันก่อนจะได้ป่ะ ฉันเมื่อยจะแย่อยู่แล้ว แถมยังท้องร้องอีกต่างหาก” ฉันบอกกับเตจินที่ตอนนี้เดินนำหน้าฉันอยู่

                    “อะไรกัน แค่นี้ก็ทำเป็นสำออยซะแล้วหรอเธออ่ะ” เค้าหันหลังมาพูด(จากวนประสาท) กับฉัน

                    “ไม่ได้สำออยซะหน่อย นายอย่ามามั่วจะได้ป่ะ ฉันเหนื่อยจริงนะ แถมยังหิวอีกด้วย นายทำไมไม่ลองมาแบกเป้อย่างฉันมั่งหล่ะ จะได้รู้ว่ามันหนักแค่ไหน แล้วแทนที่นายจะถามฉันว่าเหนื่อยรึเปล่า กลับพูดกับฉันแบบนี้เนี้ยนะ เหอะ!! ฉันหล่ะเกลียดคนอย่างนายจริงๆ เลย ไม่เคยนึกถึงใจใครเลยสักนิด” ฉันร่ายยาวเป็นชุด ทำให้บุคคลที่อยู่ตรงหน้าฉันถึงกับออกอาการอึ้งพูดไม่ออก ฉันก็เลยทิ้งเป้ทั้งสองใบ แล้วก็นั่งลงทันที

                    “งั้นก็ได้ พักซะหน่อยก็ดีเหมือนกัน น้ำผึ้งคงจะเหนื่อยแล้วใช่มั้ยหล่ะจ๊ะ” เตจินหันไปถามน้ำผึ้งที่อยู่ข้างๆ ส่วนน้ำผึ้งก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับทำสีหน้าหมดแรง รีบเดินเข้ามานั่งข้างๆ ฉันทันที

                    “คุณแม่เหนื่อยมากมั้ยค่ะ เดี๋ยวน้ำผึ้งจะนวดให้”

                    “ไม่ต้องหรอกจ๊ะ แค่น้ำผึ้งถามแม่แค่นี้ แม่ก็เริ่มจะหายเหนื่อยขึ้นมานิดๆ แล้วสิ ว่าแต่ น้ำผึ้งหิวรึเปล่าหล่ะ”

                    “ก็นิดหน่อยอ่ะค่ะ”

                    เมื่อน้ำผึ้งพูดจบฉันก็รีบควานหาของในกระเป๋าตัวเองเพื่อหาของกัน ฉันจำได้ว่าฉันใส่ของกินเอาไว้ในกระเป๋าตั้งเยอะ แล้วมันหายไปไหนหล่ะเนี้ย

                    “หาอะไรอยู่ อย่าบอกนะว่าหาไอ้นี้” เตจินถามแล้วก็ยกกระเป๋าอีกใบหนึ่งขึ้น นั้นมันกระเป๋าของกินของฉันนี้ อีตาบ้านั่นเอาไปตั้งแต่เหมือนไหร่เนี้ย

                    “นายเอาไปได้ยังไงอ่ะ เอาคืนมานะ” ฉันรีบลุกไปแย่งแต่ก็โดนเตจินหยุดด้วยคำพูดเอาไว้ก่อน

                    “อย่าเข้ามานะ ถ้าฉันให้เธอไป มีหวังเธอได้กินจนหมดแน่ๆ”

                    “นายมันจอมเผด็จการจริงๆ งั้นก็ส่งอะไรก็ได้มาให้ฉันกินก็แล้วกัน โอเคป่ะ” ฉันที่ขี้เกียจจะเถียงกับเตจินจึงยอมแต่โดยดี

                    “งั้นก็เอานี้ไปก็แล้วกัน รับนะ” เตจินหยิบถุงขนมราคา 20 บาทแล้วโยนมาให้ฉัน

                    เมื่อรับมาแล้ว ฉันก็รีบแกะกินทันที โอ๊ย.....อร่อยจริงๆ เลย เวลาหิวนี้กินขนมแค่นี้ก็เหมือนขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว 555+ ^O^ หวังว่าฉันจะอิ่มนะ - - ฉันหันไปมองน้ำผึ้งที่ตอนนี้นั่งดูฉันกินตาแทบปลิ้น นี้ฉันเริ่มทำตัวเป็นแม่ที่เลวอีกแล้วหรอเนี้ย ทำไมถึงไม่ยอมเรียกให้ลูกกิน

                    “น้ำผึ้งก็กินกับแม่สิจ๊ะ” ฉันยื่นถุงขนมไปให้น้ำผึ้ง ส่วนน้ำผึ้งก็ยิ้มรับอย่างดีใจ รีบหยิบขนมกินทันที “แล้วนายไม่กินรึไงอ่ะ” ฉันหันไปถามเตจิน

                    “เดี๋ยวถ้าหิวแล้วฉันค่อยกินก็แล้วกัน เธอกินกับน้ำผึ้งไปก่อนเหอะ” เค้าว่า “เดี๋ยวฉันจะขอไปเดินเล่นสักหน่อยนะ เธอก็รออยู่ที่นี้แล้วกัน”

                    ฉันมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ เล็กลงไปเรื่อยๆ แล้วก็หายไปในที่สุด ตานี่นิสัยเป็นยังไงกันแน่นะ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ พอจะดีก็ดีใจหาย พอจะร้ายก็ร้ายซะอย่างงั้น เป็นคนที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ นี้ฉันจะต้องทนกับคนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เดายากๆ อย่างตานี่จริงๆ น่ะหรอ

                    “คุณแม่ขา” เสียงน้ำผึ้งทำให้ฉันหยุดความคิดเกี่ยวกับเตจินลงทันที

                    “จ๋า จ๊ะ มีอะไรหรอ”

                    “คุณแม่รู้มั้ยว่าตอนที่คุณแม่กำลังช่วยคุณยายคนนั่นอยู่ คุณพ่อเค้าชมคุณแม่ใหญ่เลยแหละค่ะ” เอ๋...น้ำผึ้งพูดอะไรของเค้าเนี้ย หรือว่าเตจินจะเตี๊ยมมา หึหึ ไม่มีทางที่ฉันจะมองว่านายดีหรอกนะตาบ้า - -++

                    “น้ำผึ้งไม่ต้องทำตามที่คุณพ่อสั่งทุกอย่างหรอกนะจ๊ะ ตานั่นน่ะแผนสูงจะตายไป คงจะบอกให้น้ำผึ้งพูดอย่างงี้ล่ะสิท่า”

                    “น้ำผึ้งไม่ได้พูดตามที่พ่อสั่งหรอกค่ะ เพราะคุณพ่อสั่งว่าห้ามเอาเรื่องที่คุณพ่อชมคุณแม่ไปบอกคุณแม่เด็ดขาด” แหมๆ รอบคอบจริงๆ เลย บอกให้น้ำผึ้งแก้ต่างให้ตัวเองซะด้วย เชอะ!!

                    “เอาเถอะ แม่จะไม่เถียงกับน้ำผึ้งก็ได้ น้ำผึ้งโกหกหรือไม่น้ำผึ้งก็คงจะรู้อยู่แก่ใจดี”

                    “แล้วทำไมคุณแม่ต้องชอบทะเลาะกับคุณพ่อด้วยหล่ะค่ะ คนที่เป็นแฟนกันเค้าไม่ทะเลาะกันไม่ใช่หรอ” จะ...เจอคำถามนี้เข้าไปถึงกับเหงื่อตก -_-;;

                    “อะ...เอ่อ คือว่า คู่ของพ่อกับแม่มันอยู่นอกเหนือจากที่น้ำผึ้งเคยเจอน่ะ แม่ไม่รู้หรอกนะว่าแฟนในความหมายของน้ำผึ้งคืออะไร แต่สำหรับพ่อกับแม่ มันก็คือการทะเลาะกันอย่างนี้นี่แหละจ๊ะ” เฟี้ยว~ รอดตัวไปเรา ดีนะที่หาคำตอบได้

                    “หรอค่ะ แสดงว่าการทะเลาะกันคือการแสดงออกถึงความรักที่พ่อกับแม่มีให้กันน่ะสิ” หา!! ตูจะตอบยังไงดีฟ่ะเนี้ย ตามๆ น้ำไปก็แล้วกันฟ่ะ เป็นไงเป็นกัน

                    “ก็คงประมาณนั้นแหละมั้งจ๊ะ”

                    “แล้วคุณแม่รักคุณพ่อมากแค่ไหนหรอค่ะ”

                    “รักมากๆ เลยหล่ะจ๊ะ” แต่ความจริงแล้วแค่ขี้แมลงวันเท่านั้นเอง -_-^

                    “งั้นเดี๋ยวน้ำผึ้งจะไปบอกคุณพ่อดีกว่า ^^

                    “หะ...หา อย่าไปบอกเค้าเลยนะจ๊ะ อย่าดีกว่า” ฉันรีบห้ามน้ำผึ้งทันที

                    “ทำไมหล่ะค่ะ ไม่เห็นต้องอายเลย ตอนนี้น้ำผึ้งยังไม่บอกหรอกค่ะ ไว้ค่อยคุณพ่อกลับมาค่อยบอกก็ได้ คุณแม่จะได้มีเวลาเตรียมใจให้หายเขินไง ฮิฮิ”

                    “เอ่อ...คือ......” ใบ้กินพูดได้คำเดียวว่า ใบ้กิน

                    T^T หวังว่าตอนที่ตานั่นกลับมาน้ำผึ้งจะลืมเรื่องทั้งหมดแล้วนะ ไม่งั้นฉันคงมองหน้าตานั่นไม่ติดไปอีกนาน หยึย >///< เขินจัง...


    t em

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×