ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seven days ขอแค่ฉันมีเธอ

    ลำดับตอนที่ #3 : พ่อ แม่ ลูก

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 52


             

    วันที่ 1 เวลา 10.30 น.

                    ฉันตกลงกับเตจินว่าจะมาเก็บของเตรียมออกเดินทางกัน สิ่งที่พวกเราจะทำกันต่อไปนี้ คือสิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน ถึงแม้ว่ามันจะดูบ้าหน่อยๆ แต่ในเมื่ออีกไม่กี่วัน พวกเราทุกคนก็จะต้องตายกันแล้ว เราก็ควรจะทำอะไรที่อยากทำสิ จริงมั้ย ^^ มาถึงตรงนี้ฉันก็ต้องน้ำตาคลอ เมื่อเห็นรูปพ่อ แม่ และก็ฉัน ท่านผู้อ่านคงสงสัยสินะค่ะ ว่าพ่อกับแม่ของฉันไปไหน พ่อกับแม่ฉันเป็นนักธุรกิจ จึงต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ และตอนนี้พ่อกับแม่ก็เดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อไปติดต่อธุรกิจ แต่...พ่อกับแม่ก็คงไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกแล้ว เพราว่าทุกสายการบิน ปิดกันหมดเพราะพวกเค้าจะไปใช้ช่วงชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข พ่อกับแม่ฉันไม่รู้ว่าจะกลับยังไงดี ตอนนี้แม้แต่ลูกน้องสักคนก็ไม่มี T^T ฉันคิดถึงพ่อกับแม่มากๆ เมื่อกี้นี้พ่อกับแม่ก็เพิ่งโทรมา และก็ดูท่าทาง เราสามคนพ่อแม่ลูก คงจะไม่ได้ติดต่อกันอีก....

                    เอาหล่ะ  ฉันจะมัวมาร้องไห้เสียใจไม่ได้ ในเมื่อฉันตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว ฉันก็ต้องทำให้สำเร็จ ไออิสู้ๆ (^O^)v เมื่อฉันจัดของเสร็จแล้ว ฉันก็รีบสะพายเป้ใบโปรดของฉันออกไปหาเตจินทันที

                    “ช้าชะมัดเลย เธอมัวแต่ทำอะไรอยู่” อะไรฟ่ะ เจอหน้ากันก็ว่าเลยหรอ ทำตัวให้เป็นมิตรหน่อยนี้ไม่มีเลยเนอะ -*-

                    “อย่าบ่นไปหน่อยเลยน๊า ฉันก็มาแล้วนี่ไง”

                    “งั้นเราจะไปกันได้รึยังหล่ะ”

                    “ก็ไปสิ ใครไปมัดขานายเอาไว้เล่า” ฉันว่าเตจินบ้าง ทำให้เจ้าตัวถึงกับหน้าบูด แต่ฉันก็แกล้งทำตัวไม่สนใจ เดินหน้าไปทันที

                    “เฮ้ๆ รอด้วยสิ” เตจินตะโกนพร้อมกับวิ่งมาหาฉัน

                    สถานที่ที่พวกเราจะไปกันนั้น คือ สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าสงสัยใช่มั้ยหล่ะค่ะว่าพวกเราจะไปทำอะไรกัน ไออิจะไขข้อข้องใจให้เองค่ะ พวกเรากำลังจะไปรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยง ฟังดูแล้วมันเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยหล่ะค่ะ แต่ว่าตอนนี้โลกกำลังจะสูญสลายไปอยู่แล้ว ฉะนั้นการที่พวกเจ้าหน้าที่จะมานั่งกันท้าไม่ให้พวกเรารับไปเลี้ยงมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกเค้าก็คงมีครอบครัวที่ต้องไปอยู่ดูแลด้วยเช่นกัน  และสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านฉันมากเท่าไหร่ ฉะนั้นพวกเราเลยเดินไปกันได้

                    “เธอมั่นใจนะว่าพวกเค้าจะให้เรารับเลี้ยงจริงๆ” เตจินถามเมื่อพวกเรามาถึงสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว

                    “มั่นใจสิ คนอย่างฉันอะนะ ไม่เคยพลาด” ว่าแล้วฉันก็เดินเข้าไปทันที โดยมีเตจินเดินเข้าไปติดๆ

                   

                    เมื่อฉันเดินเข้าไป ก็เห็นพี่พนักงานคนหนึ่งยืนอยู่ ฉันจึงเดินเข้าไปทัก

                    “สวัสดีค่ะ”

                    “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาทำอะไรค่ะ ทางเราจะปิดแล้ว” พี่พนักงานยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน พวกที่เลี้ยงเด็กนี้เค้าเป็นอย่างนี้กันทุกคนเลยหรอเนี่ย

                    “พวกเราจะมาขอรับอุปการะเด็กน่ะค่ะ”

                    “พวกคุณ? พวกคุณเนี้ยนะค่ะ” พี่พนักงานทำหน้าตางงเล็กน้อย พลางทวนคำพูดของฉัน

                    “ค่ะ ว่าแต่ทำไมถึงปิดหล่ะค่ะ หรือว่าเด็กถูกรับเลี้ยงไปหมดแล้ว”

                    “อ๋อใช่ค่ะ พวกเศรษฐีทั้งหลายน่ะค่ะ แต่ถ้าจะพูดให้ถูก เรายังเหลือเด็กผู้หญิงอีกคน” วะฮ่ะฮ่ะฮ่า ^O^ รู้สึกว่าวันนี้อะไรก็จะเป็นใจให้ฉันไปซะหมด

                    “งั้นเราขออุปการะเด็กผู้หญิงคนนี้เลยก็แล้วกันนะค่ะ”

                    “อ๋อ งั้นก็ได้ค่ะ น้ำผึ้ง มีคนมารับหนูไปเลี้ยงแล้วนะจ๊ะ ออกมาเร็ว” พี่พนักงานเดินไปเปิดประตูห้องที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตูทางเข้า

                    เมื่อเปิดประตูแล้ว ฉันก็เห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักเดินออกมา น่าจะอายุประมาณ 6-7 ขวบเห็นจะได้ เธออุ้มตุ๊กตาหมีตัวสีน้ำตาลอย่างทะนุถนอม แล้วก็หันมามองพวกเรา

                    “สวัสดีจ๊ะ หนูชื่อน้ำผึ้งใช่มั้ย ต่อไปนี้ฉันจะเป็นแม่ของหนูนะจ๊ะ” ฉันเดินเข้าไปทักทาย ส่วนน้ำผึ้งก็ยิ้มให้ฉัน ฮิๆ เด็กคนนี้น่ารักชะมัดเลย

                    “ส่วนฉัน เป็นพ่อของหนูนะ” เตจินเดินมาหาน้ำผึ้งและแนะนำตัว ว้าว...ฉันมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว 555+ ฝันที่เป็นจริง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้มีความรู้สึกรักตาเตจินเลยแม้แต่นิด -_-^

                    “ต่อไปนี้ น้ำผึ้งต้องไปอยู่กับเค้าสองคนนะจ๊ะ ส่วนพี่เกดจะไม่ได้อยู่กับหนูแล้วนะจ๊ะ โอเคมั้ย” พี่พนักงานคุกเข่าคุยกับน้ำผึ้ง ทำให้น้ำผึ้งมีสีหน้าเจือนลง

                    “ทำไมค่ะพี่เกด พี่เกดไม่รักน้ำผึ้งแล้วหรอ” น้ำผึ้งทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้ ทำให้ฉันที่ยืนดูอยู่ต้องรีบเข้าไปปลอบ

                    “น้ำผึ้งค่ะ พี่เค้าจะต้องไปทำอย่างอื่นแล้ว ส่วนน้ำผึ้งต้องอยู่กับแม่ไงหล่ะค่ะ หรือว่าน้ำผึ้งไม่อยากอยู่กับแม่” ทำไมมันรู้สึกกระดากปากชะมัดเลยฟร่ะ เวลาเรียกแทนตัวเองว่าแม่

                    “น้ำผึ้งก็อยากอยู่กับคุณแม่ แต่...น้ำผึ้งอยากอยู่กับพี่เกดมากกว่า”

                    “น้ำผึ้งค่ะ พี่เกดเค้าก็มีครอบครัวที่ต้องดูแลนะ ให้พี่เกดเค้าไปอยู่กับครอบครัวดีกว่า”

                    “ใช่แล้วครับ น้ำผึ้งจะได้อยู่กับพ่อไงหล่ะ” เมื่อเห็นว่าน้องน้ำผึ้งไม่ยอม เตจินก็เข้ามาช่วยพูดด้วย

                    “งั้นก็...ได้ค่ะ” เมื่อน้องน้ำผึ้งตกลง พวกเราทั้งสามก็ถึงกับถอนหายใจ นี้เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่ฉันเห็นเตจินไม่ทำสีหน้ากวนประสาท เห็นแล้วก็...หล่อโฮกกกกกก (จะหยุดหื่นได้สักนิดไม่ได้รึไงฟร่ะ -_-;; )

                    “เอาหล่ะ รีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวพ่อเค้าจะไปซื้อไอศกรีมให้เรากินนะจ๊ะ” ฉันบอกกับน้ำผึ้ง ส่วนเตจินก็มองหน้าฉันแบบประมาณว่า ตูบอกมันตอนไหนฟ่ะอะไรอย่างนี้

                    “ค่ะ ^^” น้ำผึ้งยิ้มหวานให้ฉัน เราทั้ง 3 คน พ่อ แม่(ที่ไม่เคยรักกันเลยด้วยซ้ำ) และ ลูก ก็เดินออกจากสถานรับเลี้ยงฯ ทันที

                    ระหว่างเดินกันไปนั้น เตจินก็สำรวจกระเป๋าตังค์ของตัวเอง สงสัยจะไม่มีตังค์หล่ะมั้งนั้น ผู้ชายอะไร พกตังค์มาน้อยชะมัด แค่ซื้อไอศกรีมกับโค้กก็ถึงกับบ๋อแบ๋เลยหรอ หรือว่าตานี่เป็นพวกคนจน - -“

                    “นี่ ถ้าไม่มีตังค์ก็บอกกันมาดีๆ ก็ได้ ฉันจะได้ออกให้” ฉันว่า

                    “ไม่ใช่ไม่มีตังค์” เตจินแก้ตัว

                    “แล้วนายทำอะไรอ่ะ” ฉันถามด้วยความสงสัย

                    “หาของ” คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ เห้อ....ไอ้บ้านี่กวนประสาทชะมัด จะช่วยขยายความให้เข้าใจมากกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ -*-

                    “คุณพ่อหาอะไรหรอค่ะ เดี๋ยวน้ำผึ้งช่วยหาให้มั้ย” น้ำผึ้งที่เดินจับมือฉันอยู่พูดขึ้น

                    “ไม่ต้องหรอกจ๊ะ มันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น” อีกครั้งที่ฉันเห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเตจิน  -////- ฉ่า... ฉันจะน่าแดงทำไม่หล่ะเนี้ย

                    “คุณแม่เป็นอะไรค่ะ ทำไมหน้าแดงจัง หรือว่าคุณแม่ร้อน” เด็กน้อยผู้แสนซื่อถามฉันที่กำลังหน้าแดงโดยไร้สาเหตุ

                    “ปะ..เปล่าจ๊ะ แม่ไม่เป็นอะไรหรอก อ๊ะ…..นั้นร้านไอศกรีมนี้นา เรารีบไปซื้อกันดีกว่านะ แม่อยากกินไอศกรีมจากเงินของพ่อจะแย่อยู่แล้ว” ฉันเน้นคำว่าเงินของพ่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ ทำให้เตจินถึงกับขมุมขมิมปากเหมือนจะว่าฉัน

                    น้ำผึ้งรีบวิ่งไปที่ร้านทันทีเมื่อฉันพูดจบ โดยมีฉันและเตจินเดินตามไป

                    “คุณพ่อค่ะ น้ำผึ้งอยากกินรสนี่” น้ำผึ้งชี้ไปที่ไอศกรีมรสช็อคโกแลต แล้วก็หันไปบอกเตจิน

                    “จ๊ะ เดี๋ยวพ่อซื้อให้นะ” ว่าแล้วเค้าก็หันไปสั่งคนขาย “เอารสนี้ 1 ถ้วยครับ”

                    “อ้าว แล้วฉันหล่ะ” ฉันทำแก้มป่องๆ ทำท่างอนอีกครั้ง นิสัยแอ๊บแบ๊วเริ่มกลับมา -*-

                    “โตจะตายอยู่แล้ว ไม่ต้องกินหรอก”

                    “อะไรอ่ะ ถึงฉันจะโตแล้วก็กินได้นี่ เค้าไม่ได้จำกัดอายุซะหน่อย นายอย่ามามั่วนะ”

                    “ถ้าอยากกินมากขนาดนั้น เธอก็ซื้อเองสิ”

                    “เชอะ!! ฉันซื้อเองก็ได้ ไอ้ผู้ชายไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ” ฉันสะบัดหน้าแล้วก็เดินไปสั่งไอศกรีมวานิลลากิน

                    “ทำไมคุณพ่อไม่ซื้อให้คุณแม่กินหล่ะค่ะ” น้ำผึ้งถามเตจินทำให้ฉันแอบซะใจเล็กน้อย 555+ โดนเด็กว่าเลยเห็นไม่ไอ้ผู้ชายไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอ๊ย >O<

                    “ก็แม่เค้าแก่แล้ว แต่ยังทำตัวแอ๊บแบ๊วเป็นเด็กอยู่น่ะสิ พ่อเลยอยากจะดัดนิสัยไม่ดีของแม่น่ะจ๊ะ” อ้าวนายเตจิน ทำไมพูดจาแทงใจดำฉันเยี่ยงนี้

                    “ฉันยังไม่แก่ซะหน่อย แล้วก็ไม่ได้ทำตัวแอ๊บแบ๊วด้วย”

                    “หรอ แล้วไอ้การที่แต่งชุดนักเรียนมัธยมทั้งๆ ที่ตัวเองจบมาเป็นชาติแล้วนี้มันยังไงหล่ะ” หน่อยแนะ! มันชักจะมากไปแล้วนะ

                    “เหอะ!! ฉันไม่คุยกับนายแล้ว อีตาบ้า อีตาขี้เก๊กเอ๊ย >O< ไปกันเถอะจ๊ะ ไปหาที่นั่งทานไอศกรีมกันดีกว่านะ” ฉันหันไปบอกน้ำผึ้ง และจูงน้ำผึ้งไปหาที่นั่ง

                    “แล้วทำไมคุณแม่ต้องทำตัวแอ๊บแบ๊วด้วยค่ะ”

                    จึก

                    เหมือนเข็มทิ่มแทงจิตใจ T^T ไอ้บ้าเตจิน นายปลูกฝั่งอะไรให้ลูกสาวฉันเนี่ยยยยยยยยยยยยยยย

                    “555+ อย่าไปถามแม่เค้าเลยดีกว่านะลูก แม่เค้าคงจะช็อค ก๊ากๆๆ ^O^ “ เตจินหัวเราะเยาะฉันอย่างมีความสุข เอาเข้าไป ทำไมพ่อลูกคู่นี้ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ เลย TOT น้ำผึ้งเป็นลูกแม่แท้ๆ ทำไมทำกับแม่ได้ลงคอ ฮือๆ

                    “แม่ไม่ได้ทำตัวแอ๊บแบ๊วนะลูก แม่พูดจริงๆ ลูกอย่าถามคำถามนี้อีกได้มั้ยจ๊ะ” ฉันคุกเข่าพูดกับน้ำผึ้ง

                    “ก็ได้ค่ะ”แล้วน้ำผึ้งก็แหงนหน้าไปคุยกับเตจิน “สงสัยแม่คงช็อคจริงๆ นะค่ะคุณพ่อ”

                    5555+

                    T^T

                    มีแต่เสียงหัวเราะของเตจิน และใบหน้าอันบูดบึ้งของฉันที่แสดงออกได้ว่า ยกนี้ นายเตจินชนะ ฮือๆ TOT เป็นการแก้แค้นที่แสนเจ็บปวดจริงๆ หาว่าฉันเป็นป้าแอ๊บแบ๊วเนี้ย !!              

                   

     t em

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×