คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1:จุดเริ่มต้นของนายเพชร
นี่คือสถามแห่งบ้านปลาทอง ที่ช้านนน ปองมาสู่ ช้านยังม่ายยยรู้ว่าเขาจะต้อนรับ ขับไส่ไล่ส่งเพียงงงหน่ายยยยยย
เหอๆ ตอนนี้ชีวิตผมช่างเหมือนกับเพลงนี้เสียงจริง สภาพของหนุ่มหล่อ หน้าตาดี ที่กำลังมองทางข้างหน้าที่ทอดยาว ไร้ผู้คน ซะจนวังเวง อ๊ะ! พวกคุณกำลังสงสัยใช่ไหมครับว่าผมเป็นใคร ผมชื่อเพชรครับ ส่วนสาเหตุที่ผมต้องมาอยู่ที่นี้ ก็เพราะนี้เลยครับ ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน
สองวันก่อนหน้านั้น เป็นวันที่อนาคตของชาติทั้งหลายกำลังลุ่นจนตัวโก่ง ตับปิ้น กับผลการสอบอันสำคัญยิ่นชีวิต มันก็คือผลการประกาศการสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือก็คือ ผลสอบ O-NET A-NET หรือในหนึ่งคือการเอ็นท์สะท้าน ที่ถูกเปลี่ยนระบบไปแล้วนั้นแหละ เอาเถอะครับหยุดเรื่องระบบการศึกษาไทยไว้แค่นั้น แต่ตอนนี้มาสนใจระบบชีวิตไอ้เพชรดีกว่าครับกระผม
ขณะที่ผมกำลังนั่งจ้องคอมอย่างใจจดใจจ่ออยู่นั้น
ป้าปปปป! ฝ่ามือใหญ่ๆ ของไอ้บาสก็ฟาดมาเต็มกลางหลังของผมเลยครับ
“ไอ้เชรี้ย เจ็บนะเว้ย” ผมมองมันอย่างเคืองๆ ปากก็พ่นคำพิษออกมาไม่ได้หยุด
“ไรฟ่ะ แค่ลูบหลังแค่นี้สำออยนะเมริง” ไอ้บาสยังมีหน้ามาว่าผม ตามันก็พยายามชำเลืองมองหน้าจอคอมของผม
“เฮ้ย ตงลงเมริงรู้ยังว่าได้คณะอะไร แล้วก็ที่ไหนด้วย”
“เออกำลังดูอยู่นี้ไง โหลดอยู่ แมร่งช้าชิบ กรูจะลุ้นจนม้านจะวายแล้วเมริง” ผมหน้างิกมองคอมที่ค่อยโหลดผลประกาศที่ค่อยโผล่มาให้ยลที่ล่ะน้อย
“งี้แหละ คนดูเยอะ มันเลยช้า” ไอ้บาสออกความเห็น
“เออ แล้วเมริงล่ะ รู้ผลของตัวเองหรือยัง” ผมเลิกสนใจคอมตรงหน้าที่ผมคิดว่ากว่าจะรู้ผลคงอีกนาน
“รู้แล้ว ฟลุคว่ะ พอกรูเปิดดูปุป ติดปับ รู้ผลเรียบร้อยโรงเรียนไอ้บาสแล้วเว้ยศ” ไอ้บาสโอ่กับความโชคดีของมัน
“เออ เมริงโชคดี แล้วเมริงติดที่ไหนล่ะ อุบไว้อยู่ได้” ผมหมั่นไส้กับท่าโอ่ของมันเกินทน เดี๋ยวเถะเมริง เดี๋ยวพอก็ยันเข้าให้
“เหอๆ อย่างกรูมันก็ต้องวิศวะอยู่แล้ว หน้าตาดี หัวสมองเป็นเลิศ แถม..” ยังไม่ทันที่ไอ้บาสจะพูดจบผมก็เบรกมันซะก่อน ก่อนที่มันจะยกคุณสมบัติที่ไม่เกี่ยวข้องกับการติกคณะวิศวะมันซักนิด (มีข้อที่ถูกก็คือมันเรียนเก่งครับ ข้อนี้ผมยอมมันเลย)
“เออดีนะเมริงแล้วที่ไหนล่ะ จะบอกก็บอกให้หมดซะครับ” ไอ้บาสยิ้มกริ่ม และแล้วคำตอบของมันก็ทำเอาผมอึ้ง โอ้ววว ผมก็รู้นะครับว่ามันเรียนเก่ง (อย่างน้อยก็เก่งกว่าผม) แต่ไม่คิดว่ามหาลัยที่ได้จะเป็นมหาลัยอับดับต้นๆ ของประเทศอย่างนี้ ม่ายยยย ไอ้บาสมันต้องเล่นของแน่
“เฮ้ยยยย ไอ้เพชรคอมเมริงโหลดเสร็จแล้วเว้ยย ไหนดูดิ เมริงได้ที่ไหน ดูดิ ดูดิ” ผมหันหน้าไปจ้องคอมของตัวเอง และแล้วผลการสอบของผมมันก็ออกมาแล้วครับ ผลประกาศที่ทำให้ผมต้องมายืนเหมือนน้องพจมานตรงนี้ไง
หลังจากที่ผลการสอบประกาศ สิ่งแรกที่ผมต้องทำคือการไปตรวจร่างกาย พร้อมกับมาสอบสัมภาษณ์ หลังจากได้ถามพวกพี่แล้วก็ทำให้ผมเบาใจได้ว่า การสัมภาษณ์เป็นเหมือนกันยืนยันสิทธิ์ของตัวเองมากกว่า ส่วนมากแล้วก็ถือว่าติดแล้วล่ะครับ
“โธ่เว้ยยย แล้วเขาสอบกันส่วนไหนของคณะแล้วว่ะเนี่ย” ผมเอ๋อรับประทานครับ เพราะผมไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลยเกิดอาการหลังทาง (ความจริงในในกำหนดการก็มีแผนที่แนบมาด้วยนะ แต่ผมลืมอ่ะ) กะว่ามันคงหาไม่ยาก แต่ใครจะไปคิดล่ะครับมามอมันจะใหญ่ขนาดนี้ นี่ขนาดผมนั่งรถหนอน (คนอื่นจะเรียกไม่รู้ แต่ผมจะเรียกว่ารถหนอน) ของมหาลัย พร้อมกับบอกลุงคณขับเสร็จสรรพว่าผมลงลงขณะวิศวะ ลุงแกก็ดีจริงๆ จอดอยู่หน้าปากทาง เพราะรถจะไม่เข้าไปในคณะ ทีนี่ไอ้เพชรก็หลงซิครับ
โครมมมมม!!! เหมือนฟ้าแกล้งตอกย้ำความซวยของผม นอกจากหลงทางแล้ว ยังมีวัตถุประหลาดวิ่งด้วยความเร็วสูงมาชนผมอีก
“อุ้ย!! ของโทษค่ะ”
เฮอะๆ สงสัยจะไม่ใช้ฟ้าแกล้งซะแล้ว เมื่อเสียงหวานใสตอบกลับมา อย่างนี้ต้องเรียนกว่าสวรรค์ประทานต่างหากฮุ ฮุ เสียงนี้หญิงชัวร์ (หน้าเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นหม้อทันที)
“อ๊ะ ไม่เป็นไรครับ” ไม่ว่าเปล่าผมรีบโชว์ความเป็นสุภาพบุรุษทันที เมื่อเห็นว่าแม่หญิงเสียงใสยังคงก้มลงเก็บข้าวของที่หล่นเกลื่อนอยู่บนพื้น
โอ๊ะ!! อะไรกันเนี่ย หนังสือพื้นฐานวิศวกรรม หนังสือฟิสิกส์ และหนังสืออะไรอีกจิปาถะเกินจะนับ ทั้งหมดเกี่ยวกับวิศวะทั้งสิ้น โฮะ โฮะ แม่สาวน้อยนี่ต้องอยู่คณะวิศวะแน่ เอ๊ะแต่ดูเหมือนเห็นชุดแวบๆ มันชุดมัธยมนี่นา หรือว่าเธอจะมาสอบสัมภาษณ์เหมือนผม อะไรจะเตรียมพร้อมซะขนาดนั้น (เริ่มมองดูตัวเอง กรูไม่ได้เตรียมอะไรมาซักอย่างนอกจากหลักฐานที่ทางคณะกำหนด)
“ขอบคุณนะคะ” และแล้วแม่สาวน้อยก็เงยหน้าให้ผมได้ยลโฉม
ปิ๊ววววว เหมือนฟ้าถล่มดินทลายเลยครับพี่น้อง จากสาวสวยหวานน่ารักที่ผมจินตนาการ กลับกลายเป็นยายแว่นหน้าจืดได้ไงเนี่ย โอ้วแม่เจ้า เซ็งครับ เซ็ง
“อ๊ะ! ขอโทษนะ ชั้นต้องรีบไปแล้วล่ะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว ไปนะ” และแล้วแม่คุณก็ทำท่าชิ่งหนีผมทันที ว่าแต่ เฮ้ย เธอก็ต้องไปสอบสัมภาษณ์เหมือนกันนี่หน่า
“เดี๋ยวครับ อย่างเพิ่งไป คือผมจะไปสอบสัมภาษณ์น่ะครับ เออ ไม่ทราบว่าไปทางไหนครับ” พยายามใช้เสียงให้สุภาพที่สุด ไหนๆ ก็หวังพึ่งใบบุญยายแว่นนี่แล้ว สุภาพเว้ยสุภาพ
“อ้าว... เหรอ? งันทางเดียวกันสิ ว้าย!!!!ตายแล้ว งันก็รับเร็วเดี๋ยวไม่ทัน” ยายแว่นหน้าจืดเหลือบมองนาฬีกาหน่อยหนึ่ง ก่อนที่จะรีบจูงมือผมทันที ครับจูงมือครับจูงมือ ยายแว่นนั้นแอบแตะอั๋งผม ม่ายยยยย
และในที่สุดทั้งผมและยายแว่นนั้นก็วิ่งมาถึงคณะได้ในสุด (และยายนั้นยังคงจับมือผมมาตลอดทาง)
“วี๊ดวิ้ว น้องวิ่งหน่อยน้อง ว!!! ควงคู่มาปิดท้ายเลยนะน้อง หวานกันจริง ตบมือให้คู่หวานหน่อยเร็วววว ^O^” หนึ่งในรุ่นพี่ตะโกนแซ่วมา สมชื่อคณะล่ะครับ ไม่แซว ไม่ปากสุนัขไม่ใช่เราชาววิศวะ แถมยังมาชวนคนอื่นตบมืออีก ไม่อายงานนี้ ไอ้เพชรก็หน้าหนาแล้วครับท่าน
ทั้งผมและยายแว่นได้ป้ายชื่อมาแขวนคอไว้ เหมือนนักโทษไงงั้น แต่ก็เหมือนกับคนอื่นล่ะครับ เพื่อให้ทำความรู้จักกันง่ายขึ้น และนั้นก็ทำให้ผมได้รู้ว่ายายแว่นหน้าจืดที่แอบมาแตะอั๋งผม ชื่อ เพ็ญศรี เฮอะ ช่างเป็นชื่อที่เชยสมตัวยายนั้นจริงๆ
“หวัดดี เราชื่อเพ็ญศรีนะ” ผมมองยายเพ็ญศรีอย่างทึ่งๆ ยายนี้ไม่มีเขินเลย แถวยังมานั่งแถวเดียวกับผมต่างหาก แถวที่ผมนั่ง พี่ๆเค้าจัดแบ่งเป็นสาขา ป้ายชื่อก็มีการแยกสีตามสาขาด้วย ใครอยู่สาขาไหนนั่งตามแถวนั้น และสาขาที่ผมอยู่ก็คือ วิศววะโยธาฯ สาขาที่มีผู้หญิงน้อยโดยเฉพาะผู้หญิงที่ดูบอบบาง เอ๋อ อย่างยายแว่นนั้น
“นี่
. นายยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนะ” ยายแว่นหันมาสะกิดผม หลังจากที่ผมนั่งคิดอยู่คนเดียว
“อ้าววววว สองคนนี้ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนหรอกเหรอ เห็นจับมือกันมากระหนุงกระหนิง” หนึ่งให้เหล่าชายถึกรอบตัวผมแซวขึ้นมา
“เปล่าหรอกเรามาคนเดียวน่ะ มาเจอกันกลางทางนี่เอง” ยายแว่นอายหน้าแดง ตอบไอ้หนุ่มนั้นไป ผมอ่านป้ายชื่อสีเดียวกับผม ได้ความว่า หมอนั้นชื่อบาส (อืมมม ชื่อเดียวกะไอ้บาสเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเลย คิดถึงมันแฮะ)
“อืม... เราไม่ได้มาด้วยกันหรอก เราชื่อเพชร มาจากกรุงเทพ แล้วพวกนายล่ะ” ผมหันไปถามคนอื่นบ้าง ซึ่งรอบๆ งานนี้ต้องสุภาพไว้ก่อน ถึงแม้รอบตัวผมมีแต่ผู้ชายทั้งนั้นก็เถอะ
“พวกเราเป็นคนเชียงใหม่ทั้งหมดแหละ มากจากโรงเรียนเดียวกัน” บาสพูดตอบแทนทุกคน พวกที่เหลือก็พยักหน้าตามกันหงึกหงึก
“แล้วเธอล่ะเพ็ญศรี มาจากที่ไหนเหรอ” บาสหันไปสนใจหญิงเดียวในหมู่เดือนเถื่อนบ้าง
“อ๋อ เรามาจากสุพรรณน่ะ เนี่ยทั้งโรงเรียนมีเราติดคนเดียวเลยนะ ชักเครียดแล้วสิ เฮ้อ” ยายเพ็ญศรีหันมาตอบเสียยืดยาว อ้อ คนภาคกลางเหมือนกันแฮะ
“อืมมม มาไกลแฮะ พวกเดียวกับเพชรเลยนิ” บาสหันมามองผมแวบหนึ่ง “ว่าแต่เราสงสัยมานานแล้วเพ็ญศรี เธอหอบเอาอะไรเยอะแยะเลยอ่ะ” บาศมองบรรดาเหล่าหนังสือที่ยายเพ็ญศรีหอบมาเสียมากมาย
อย่างสงสัย
“อ๋อออ ก็เพื่อกรรมการเค้าถามเกี่ยวกับวิชาการไง เราก็เลยกะมาอ่านฆ่าเวลา แต่ไม่คิดว่าจะมีเวลาน้อยขนาดเนี่ย ไม่รู้กรรมการเค้าจะสัมภาษณ์อะไรบ้างเนอะ ถ้าสัมภาษณ์เกี่ยวกับวิศววะเบื้องต้นอะไรพวกเนี่ยเพื่อเป็นการทดสอบความสนใจของพวกเราไง ว่าพวกเราสนใจคณะนี่มากน้อยแค่ไหน ได้มีการเตรียมตัวมาล่วงหน้าหรือเปล่า บลา บลา” แล้วยายเพ็ญศรีร่ายยาว จนพวกไอ้บาสหน้าซีด กลัวว่าจะเป็นจริงตามที่ยายนั้นว่า แม้แต่ผมเองยังอดคิดตามไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะไปถามพวกพี่มาแล้วก็เถอะนะ ว่าติดชัวร์แล้ว ยายนี้พูดขู่คนอื่นตาใสจริงๆ
++++++++ ++++++++
จบไปแล้วกับบทที่หนึ่ง แฮะๆ ตัดบทจบซะงั้น เพราะเราคิดว่ามันยาวมากแล้วอ่ะ ถ้าเขียนตัวกลัวมันจะได้อีกหน้าเลยที่เดียว
พยายามเขียนให้ขำ แต่ก็ไม่ยักขำ เฮ้อออ ตอนนี้ก็กำลังพยายามปรับๆ แก้อยู่ค่ะ
>>> แต่รู้สึกว่า ต้นๆ ออกแนว Y นะเนี่ย ไม่รุเพื่อนคิดเหมือนกันหรือเปล่า คนเขียนไม่แน่ใจ เหอๆ เพราะช่วงนี้อ่านนิยาย Y เหลือเกิน จิตมันเลยหลอน
ปล. ยังไงก็เม้นท์กันด้วยนะค่ะ ฝากนิยายเรื่องเล็กเรื่องนี้ด้วยนะจ๊ะ รักนะ จ๊วฟฟฟฟฟ
ความคิดเห็น