ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : The Stone Angel \"นางฟ้าหิน\"
นางฟ้าหิน
    ขณะนี้ทุกคนเดินทางมาถึงบริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส รถของโมนาแล่นผ่านแผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเสาหินสีเหลี่ยมเขียนเป็นภาษาที่ลีโอนัสอ่านออกได้ว่า
        +++มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส+++
    และมีข้อความเป็นตัวอักษรประหลาดที่เขาอ่านไม่ออกแต่พอจะเดาได้ว่ามีความหมายว่ามหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัสเช่นกัน จากคำบอกเล่าของโมนา เธอบอกว่ามันเป็นภาษาพื้นเมืองของที่นี่
        เมื่อผ่านเข้ามาจะพบกับถนนที่ทอดยาวออกไปไกลเกือบถึงภูเขาสามลูกที่ตั้งตระหง่านอยู่ปลายสุดของเขตของมหาวิทยาลัย ลีโอนัสเห็นแสงสีแดงใสอยู่เหนือยอดเขาลูกกลาง เขาสงสัยว่ามันเป็นอะไรแต่ยังไม่ได้ถามใคร
    ถนนนี้แบ่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ออกเป็นสองส่วนเกือบเท่าๆกันฝั่งซ้ายมือจะเป็นบริเวณที่เรียกว่า “หลังมอ”(มอ มาจากตัวย่อ ม. มาจากคำว่ามหาวิทยาลัย) ฝั่งขวามือเรียกว่า “หน้ามอ”
    ขณะที่รถของโมนาลอยไปตามถนนสายนี้ตามสองข้างทางนั้นเรียงรายไปด้วยต้นเจ็มคาเชียสูงใหญ่แต่ว่ายังไม่ออกดอกและรูปปั้นของทหารม้าที่สวมหมวกที่มีแผงขนม้า รูปปั้นทั้งสิบสองตัวนั้นหันหน้าไปทางภูเขา
    แต่แล้วโมนาก็เลี้ยวรถไปทางซ้ายเข้าสู่ถนนสั้นๆที่มีธงของดาววีคาลเมอร์และธงของมหาวิทยาลัยปักสลับกัน ธงวีคาลเมอร์เป็นธงสีขาวมีอัญมณีสีแดงส่องรัศมีเก้าแฉกอยู่เหนือวงกลมสีฟ้า ส่วนธงของมหาวิทยาลัยเป็นรูปโล่และภายในโล่มีสัญลักษณ์สามอย่างได้แก่นกพิราพ ต้นเจ็มคาเชียและช้าง
    ถนนนี้ตรงไปสู่ลานกว้างที่มีก้อนหินทรงกลมขนาดใหญ่สี่ก้อน และรถของโมนาก็จอดลงตรงสนามหญ้าไม่ห่างจากหินเหล่านั้นนัก ทุกคนลงจากรถและมุ่งหน้าไปยังหินสี่ก้อนนั้น
    “เราจะได้รู้ซักทีนะว่าเธอมีธาตุดินกับน้ำเหมือนโทมัทจริงรึเปล่า”พีโนล่าพูดอย่างร่าเริง
    “จริงเหรอ ที่เธอมีสองธาตุเหมือนพี่น่ะ”โทมัทพูดอย่างดีใจและหันไปทางลีโอนัส
    “ก็แค่ตรวจกันเล่นๆบนตอนอยู่บนยานน่ะครับ”ลีโอนัสพูด เขามองดูรอบๆตัวเขาและพบว่าที่นี่ร่มรื่นและบรรยากาศเย็นสบายมาก
    ในที่สุดทุกคนก็เดินมาถึงรูปปั้นหินสี่ก้อน หินแต่ละก้อนนั้นถูกแบกด้วยชายในชุดทหารโบราณและทั้งสี่คนยืนแบมือมาทางรูปปั้นที่อยู่ตรงกลางซึ่งมีขนาดเล็กกว่า มันเป็นรูปปั้นนางฟ้าที่มีปีกกว้าง มือของเธอถือคทา
    “นำมือไปแตะหินทั้งสี่ ทีละก้อนซิ”โมนาพูด
    “ทำไมเหรอครับ”ลีโอนัสถามอย่างลังเล
    “นี่คือหินที่ใช้ตรวจว่าในตัวเธอเป็นธาตุอะไรไงล่ะ”โมนาบอกลีโอนัส
    ทุกคนยืนอยู่ห่างๆปล่อยให้ลีโอนัสเดินเข้าไปตามลำพัง เขาเดินไปสัมผัสหินทีละก้อนและเมื่อสัมผัสหินก้อนที่สี่เสร็จ .เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นเบื้องหลังเขา
    “แหม .ไม่เจอมานานนะเนี่ยะคนที่มีสามธาตุเนี่ยะ”รูปปั้นนางฟ้าขยับได้ราวกับมีชีวิต เธอจ้องเขม็งที่ใบหน้าของลีโอนัส
    “ธาตุของเจ้าคือดินลม และไฟจ๊ะ .พ่อหนุ่มน้อย”นางฟ้าหินพูดอย่างเริงร่าแต่รอยยิ้มและดวงตาของเธอน่ากลัว
    “ดินลมไฟเหรอ แต่ตอนตรวจบนยานเป็นดินกับน้ำด้วยนี่ .มั่วรึเปล่าคุณนางฟ้า”พีโนล่าเดินเข้ามาคว้าตัวลีโอนัสออกจากวงล้อมของรูปปั้น
    นางฟ้าหันหมุนตัวกลับมาและตะโกนใส่พีโนล่าว่า
    “ข้าไม่เคยพลาด เจ้าลองดูบนฝ่ามือของทหารซิ ” นางฟ้าแกว่งคทาของเธอไปทางซ้ายและขวามือชี้ให้เห็นหินที่ฝ่ามือของทหารซ้ายมือสุดมีกองดินทรายปรากฏอยู่ และฝ่ามือของทหารคนที่สามมีพายุหมุนขนาดย่อมหมุนวนอยู่ ส่วนทหารริมขวาสุดมีเปลวไฟสีเหลืองลุกโชนอยู่บนฝ่ามือ
    แต่นางฟ้ายิ้มเย้ยพีโนล่าได้ไม่นาน บนฝ่ามือของรูปปั้นทหารตัวที่สองก็มีน้ำปรากฏขึ้น ขณะที่เปลวไฟของทหารคนที่สี่ดับลง
    “แล้วนั่นหมายความว่าอย่างไร .”โทมัทชี้ไปที่รูปปั้นตัวที่สอง
    “แปลกมาก .เจ้าหนูนี่มีสี่ธาตุเหรอ ”นางฟ้าบ่นพึมพำพร้อมกับกระพือปีกของเธอ “แล้วทำไมธาตุไฟถึงหายไป”
    “สรุปว่าเป็นธาตุอะไรกันแน่ ”โมนาพูดอย่างุนงง
    “งงแล้วนะ เดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มี คนเรามีธาตุแปรผันด้วยรึไง”พีโนล่าพูด
    “ถ้าจะพูดอย่างนั้นก็ได้นะ ”นางฟ้าหินพูด “ตอนนี้สงสัยแค่ว่าธาตุอะไรเป็นธาตุหลักเท่านั้นแหละ
    “ประวัติศาสตร์ต้องจารึกเลยนะเนี่ยะ ”โทมัทพูดและหันไปยิ้มให้นางฟ้าหินนั่น
    ภายหลังจากที่นางฟ้าเฝ้าสังเกตฝ่ามือของทหารทั้งสี่อยู่นานเธอก็กล่าวสรุปว่า
    “มีสามธาตุจริงๆ .”เธอมองไปที่ลีโอนัสโดยปราศจากความลังเล ทุกคนต่างยิ้มออกและดีใจกับลีโอนัส
    “แต่ว่า .ธาตุน้ำของเธอมันไม่คงที่น่ะ ”คำพูดของนางฟ้าหินทำให้ทุกคนหุบยิ้ม
    “ธาตุน้ำในตัวเธอบางที่จะถูกเปลี่ยนเป็นธาตุไฟจ๊ะ”นางฟ้ามองไปที่ลีโอนัส “แต่เรื่องปัจจัยว่าตอนไหนจะเปลี่ยนเป็นธาตุไหนก็ต้องสังเกตกันเอาเอง .”
    “ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องเรียนทุกธาตุเลยเหรอ”โมนาพูด
    “ก็แล้วแต่เจ้าตัวเขาสิ .ธาตุหลักๆคือดินกับลม จะฝึกแค่สองธาตุนี้ก็ได้”นางฟ้าพูด และเธอหันกลับไปมองที่ลีโอนัสอีกครั้ง “ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้า .มีอะไรเหมือนกับเดพมาก”นางฟ้าพูดและทำตาเศร้า เธอทำเสียงสะอื้นเหมือนโศกเสร้าอะไรบางอย่าง “พ่อมดชั่วนั่นมีสี่ธาตุและคงเป็นคนเดียวที่ใช้ได้ครบสี่ธาตุ”นางฟ้าพูด
    “ขอบคุณนะ นางฟ้าแต่เราขอตัวก่อนดีกว่า”พีโนล่าพูดพร้อมกับคว้าแขนลีโอนัส และหันหลังกลับ
    ทุกคนเดินกลับไปที่รถ และนางฟ้าค่อยๆกลายเป็นหินอย่างเดิม
    “ไอ้ที่ว่ามีสามธาตุที่แปรเปลี่ยนได้ยังพอจะเชื่อนะ .นี่ยังบอกว่ามีอะไรเหมือนเดพอีก”โมนาพูดอย่างฉุนเฉียว
    “เดพ เป็นใครเหรอครับ”ลีโอนัสถาม
    “เดพเหรอ .ตอนนี้เค้าเป็นนักธุรกิจที่รวยที่สุดบนดาวดวงนี้นะซิ”พีโนล่าพูด”แต่ว่า เงินของเขาน่ะไม่สะอาดนักหรอก”
    “เดพ น่ะเรียนจบคณะเดียวกับพี่”โทมัทพูด
    “เขาจบตอนที่พี่เข้าปีหนึ่ง รู้สึกว่าเขาจะเก่งด้านควบคุมปีศาจมากจนเป็นศิษย์รักของอาจารย์หลายๆคน”โทมัทกล่าวเสริม
    รถของโมนาแล่นสู่ถนนกลางมหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัสอีกครั้งและผ่านตึกและอาคารสีขาวหลายหลัง หอประชุมขนาดใหญ่
    “นี่คือโรงพยาบาลแมกซ์ไซมัส ส่วนของคณะแพทย์”โทมัทชี้ให้ดูโรงพยาบาลที่เป็นตึกสูงสองตึกคู่กัน
    รถของโมนาแล่นผ่านหอพัก และอาคารของคณะแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ สัตวแพทยศาสตร์
    ในมหาวิทยาลัยวันนี้มีรถแล่นไปมาอย่างขวักไขว่ เพราะช่วงนี้เป้นช่วงวันที่นักศึกษาในคณะต่างๆต้องรายงานตัวเข้าหอพักและประกอบกับเริ่มมีกิจกรรมรับน้องตามคณะต่างๆอีกด้วย
    รถของโมนาแล่นผ่านอาคารต่างๆมากมายรวมถึงหอประชุมมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่มีลานกว้างและมีน้ำพุตรงกลาง ผ่านอาคารสีขาวรูปทรงประหลาดมากมาย
    ขณะนี้รถสีแดงคันนั้นกำลังแล่นมาเกือบถึงตรงกลางมหาวิทยาลัยแล้ว
    “แถวนี้เรียกว่าฝั่งฟาวเวอร์การ์ด(flowergard)จ๊ะ”โมนาพูด
    แต่ลีโอนัสยังไม่ทันถามว่าทำไมใช้คำว่าฝั่ง เขาก็พบคำตอบแล้ว เพราะเบื้องหน้าคือสะพานขนาดใหญ่ ที่คอสะพานมียักษ์ตัวใหญ่สองตัวที่แบกกระบองที่มีปลายเป็นหนามแหลม
    สะพานนี้สร้างกั้นแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านกลางมหาวิทยาลัย
    “แม่น้ำซีร่า .ตัดผ่านมหาวิทยาลัยเป็นที่กั้นระหว่างสองฝั่งจ๊ะ”โมนาพูด แต่ลีโอนัสกับพีโนล่ายังคงมองที่รูปปั้นยักษ์สองตัวนั่น
    แล้วรถข้ามผ่านสะพานที่อยู่เหนือแม่น้ำซึ่งเป็นอีกมุมที่สวยงามของแมกซ์ไซมัสและรถก็ข้ามพ้นไปอีกฝั่งหนึ่งซึ่งมีอาคารและตึกมากกว่า มีสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ และมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อีกหนึ่งสระ และลีโอนัสก็ต้องตะลึงกับตึกขนาดใหญ่รูปทรงครึ่งวงกลมสีขาว
    “นั่นอาคารอะไรเหรอครับ”ลีโอนัสถาม
    “อาคารสี่ธาตุจ๊ะ ภายในถูกแบ่งออกเป็นสี่เขตเพื่อเรียนธาตุทั้งสี่”โมนาตอบลีโอนัส
    ขณะนี้ประกายแสงสีแดงที่ลีโอนัสเห็นมันยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆแสงสีแดงนั้นส่องแสงอยู่บนเสาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนภูเขา
    “ทับทิมเม็ดที่ใหญ่ที่สุดบนดาวดวงนี้ ”โทมัทพูด \"เดอะเบรพซัน(The Bravesun)...\"
    รถโมนาลานมาถึงถนนใหญ่ที่ตัดกับถนนที่ทางเข้านี้ตรงวงเวียนหอนาฬิกา หอนาฬิกานี้เป็นสีขาวสูงมีตัวเรือนนาฬิกาทรงกลมติดอยู่ที่ปลายสุด
    “ตึง ตึง ตึง”เสียงดังกังวานออกมาจากหอนาฬิกาเข็มของมันชี้บอกเวลาบ่ายสามโมง รถของโมนาวนหอนาฬิกาเกือบครบรอบและมุ่งตรงไปยังหอพักชายที่สามและเข้าไปจอดที่ลานกว้างไม่ห่างจากหอพักนัก....
    ขณะนี้ทุกคนเดินทางมาถึงบริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส รถของโมนาแล่นผ่านแผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเสาหินสีเหลี่ยมเขียนเป็นภาษาที่ลีโอนัสอ่านออกได้ว่า
        +++มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส+++
    และมีข้อความเป็นตัวอักษรประหลาดที่เขาอ่านไม่ออกแต่พอจะเดาได้ว่ามีความหมายว่ามหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัสเช่นกัน จากคำบอกเล่าของโมนา เธอบอกว่ามันเป็นภาษาพื้นเมืองของที่นี่
        เมื่อผ่านเข้ามาจะพบกับถนนที่ทอดยาวออกไปไกลเกือบถึงภูเขาสามลูกที่ตั้งตระหง่านอยู่ปลายสุดของเขตของมหาวิทยาลัย ลีโอนัสเห็นแสงสีแดงใสอยู่เหนือยอดเขาลูกกลาง เขาสงสัยว่ามันเป็นอะไรแต่ยังไม่ได้ถามใคร
    ถนนนี้แบ่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ออกเป็นสองส่วนเกือบเท่าๆกันฝั่งซ้ายมือจะเป็นบริเวณที่เรียกว่า “หลังมอ”(มอ มาจากตัวย่อ ม. มาจากคำว่ามหาวิทยาลัย) ฝั่งขวามือเรียกว่า “หน้ามอ”
    ขณะที่รถของโมนาลอยไปตามถนนสายนี้ตามสองข้างทางนั้นเรียงรายไปด้วยต้นเจ็มคาเชียสูงใหญ่แต่ว่ายังไม่ออกดอกและรูปปั้นของทหารม้าที่สวมหมวกที่มีแผงขนม้า รูปปั้นทั้งสิบสองตัวนั้นหันหน้าไปทางภูเขา
    แต่แล้วโมนาก็เลี้ยวรถไปทางซ้ายเข้าสู่ถนนสั้นๆที่มีธงของดาววีคาลเมอร์และธงของมหาวิทยาลัยปักสลับกัน ธงวีคาลเมอร์เป็นธงสีขาวมีอัญมณีสีแดงส่องรัศมีเก้าแฉกอยู่เหนือวงกลมสีฟ้า ส่วนธงของมหาวิทยาลัยเป็นรูปโล่และภายในโล่มีสัญลักษณ์สามอย่างได้แก่นกพิราพ ต้นเจ็มคาเชียและช้าง
    ถนนนี้ตรงไปสู่ลานกว้างที่มีก้อนหินทรงกลมขนาดใหญ่สี่ก้อน และรถของโมนาก็จอดลงตรงสนามหญ้าไม่ห่างจากหินเหล่านั้นนัก ทุกคนลงจากรถและมุ่งหน้าไปยังหินสี่ก้อนนั้น
    “เราจะได้รู้ซักทีนะว่าเธอมีธาตุดินกับน้ำเหมือนโทมัทจริงรึเปล่า”พีโนล่าพูดอย่างร่าเริง
    “จริงเหรอ ที่เธอมีสองธาตุเหมือนพี่น่ะ”โทมัทพูดอย่างดีใจและหันไปทางลีโอนัส
    “ก็แค่ตรวจกันเล่นๆบนตอนอยู่บนยานน่ะครับ”ลีโอนัสพูด เขามองดูรอบๆตัวเขาและพบว่าที่นี่ร่มรื่นและบรรยากาศเย็นสบายมาก
    ในที่สุดทุกคนก็เดินมาถึงรูปปั้นหินสี่ก้อน หินแต่ละก้อนนั้นถูกแบกด้วยชายในชุดทหารโบราณและทั้งสี่คนยืนแบมือมาทางรูปปั้นที่อยู่ตรงกลางซึ่งมีขนาดเล็กกว่า มันเป็นรูปปั้นนางฟ้าที่มีปีกกว้าง มือของเธอถือคทา
    “นำมือไปแตะหินทั้งสี่ ทีละก้อนซิ”โมนาพูด
    “ทำไมเหรอครับ”ลีโอนัสถามอย่างลังเล
    “นี่คือหินที่ใช้ตรวจว่าในตัวเธอเป็นธาตุอะไรไงล่ะ”โมนาบอกลีโอนัส
    ทุกคนยืนอยู่ห่างๆปล่อยให้ลีโอนัสเดินเข้าไปตามลำพัง เขาเดินไปสัมผัสหินทีละก้อนและเมื่อสัมผัสหินก้อนที่สี่เสร็จ .เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นเบื้องหลังเขา
    “แหม .ไม่เจอมานานนะเนี่ยะคนที่มีสามธาตุเนี่ยะ”รูปปั้นนางฟ้าขยับได้ราวกับมีชีวิต เธอจ้องเขม็งที่ใบหน้าของลีโอนัส
    “ธาตุของเจ้าคือดินลม และไฟจ๊ะ .พ่อหนุ่มน้อย”นางฟ้าหินพูดอย่างเริงร่าแต่รอยยิ้มและดวงตาของเธอน่ากลัว
    “ดินลมไฟเหรอ แต่ตอนตรวจบนยานเป็นดินกับน้ำด้วยนี่ .มั่วรึเปล่าคุณนางฟ้า”พีโนล่าเดินเข้ามาคว้าตัวลีโอนัสออกจากวงล้อมของรูปปั้น
    นางฟ้าหันหมุนตัวกลับมาและตะโกนใส่พีโนล่าว่า
    “ข้าไม่เคยพลาด เจ้าลองดูบนฝ่ามือของทหารซิ ” นางฟ้าแกว่งคทาของเธอไปทางซ้ายและขวามือชี้ให้เห็นหินที่ฝ่ามือของทหารซ้ายมือสุดมีกองดินทรายปรากฏอยู่ และฝ่ามือของทหารคนที่สามมีพายุหมุนขนาดย่อมหมุนวนอยู่ ส่วนทหารริมขวาสุดมีเปลวไฟสีเหลืองลุกโชนอยู่บนฝ่ามือ
    แต่นางฟ้ายิ้มเย้ยพีโนล่าได้ไม่นาน บนฝ่ามือของรูปปั้นทหารตัวที่สองก็มีน้ำปรากฏขึ้น ขณะที่เปลวไฟของทหารคนที่สี่ดับลง
    “แล้วนั่นหมายความว่าอย่างไร .”โทมัทชี้ไปที่รูปปั้นตัวที่สอง
    “แปลกมาก .เจ้าหนูนี่มีสี่ธาตุเหรอ ”นางฟ้าบ่นพึมพำพร้อมกับกระพือปีกของเธอ “แล้วทำไมธาตุไฟถึงหายไป”
    “สรุปว่าเป็นธาตุอะไรกันแน่ ”โมนาพูดอย่างุนงง
    “งงแล้วนะ เดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มี คนเรามีธาตุแปรผันด้วยรึไง”พีโนล่าพูด
    “ถ้าจะพูดอย่างนั้นก็ได้นะ ”นางฟ้าหินพูด “ตอนนี้สงสัยแค่ว่าธาตุอะไรเป็นธาตุหลักเท่านั้นแหละ
    “ประวัติศาสตร์ต้องจารึกเลยนะเนี่ยะ ”โทมัทพูดและหันไปยิ้มให้นางฟ้าหินนั่น
    ภายหลังจากที่นางฟ้าเฝ้าสังเกตฝ่ามือของทหารทั้งสี่อยู่นานเธอก็กล่าวสรุปว่า
    “มีสามธาตุจริงๆ .”เธอมองไปที่ลีโอนัสโดยปราศจากความลังเล ทุกคนต่างยิ้มออกและดีใจกับลีโอนัส
    “แต่ว่า .ธาตุน้ำของเธอมันไม่คงที่น่ะ ”คำพูดของนางฟ้าหินทำให้ทุกคนหุบยิ้ม
    “ธาตุน้ำในตัวเธอบางที่จะถูกเปลี่ยนเป็นธาตุไฟจ๊ะ”นางฟ้ามองไปที่ลีโอนัส “แต่เรื่องปัจจัยว่าตอนไหนจะเปลี่ยนเป็นธาตุไหนก็ต้องสังเกตกันเอาเอง .”
    “ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องเรียนทุกธาตุเลยเหรอ”โมนาพูด
    “ก็แล้วแต่เจ้าตัวเขาสิ .ธาตุหลักๆคือดินกับลม จะฝึกแค่สองธาตุนี้ก็ได้”นางฟ้าพูด และเธอหันกลับไปมองที่ลีโอนัสอีกครั้ง “ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้า .มีอะไรเหมือนกับเดพมาก”นางฟ้าพูดและทำตาเศร้า เธอทำเสียงสะอื้นเหมือนโศกเสร้าอะไรบางอย่าง “พ่อมดชั่วนั่นมีสี่ธาตุและคงเป็นคนเดียวที่ใช้ได้ครบสี่ธาตุ”นางฟ้าพูด
    “ขอบคุณนะ นางฟ้าแต่เราขอตัวก่อนดีกว่า”พีโนล่าพูดพร้อมกับคว้าแขนลีโอนัส และหันหลังกลับ
    ทุกคนเดินกลับไปที่รถ และนางฟ้าค่อยๆกลายเป็นหินอย่างเดิม
    “ไอ้ที่ว่ามีสามธาตุที่แปรเปลี่ยนได้ยังพอจะเชื่อนะ .นี่ยังบอกว่ามีอะไรเหมือนเดพอีก”โมนาพูดอย่างฉุนเฉียว
    “เดพ เป็นใครเหรอครับ”ลีโอนัสถาม
    “เดพเหรอ .ตอนนี้เค้าเป็นนักธุรกิจที่รวยที่สุดบนดาวดวงนี้นะซิ”พีโนล่าพูด”แต่ว่า เงินของเขาน่ะไม่สะอาดนักหรอก”
    “เดพ น่ะเรียนจบคณะเดียวกับพี่”โทมัทพูด
    “เขาจบตอนที่พี่เข้าปีหนึ่ง รู้สึกว่าเขาจะเก่งด้านควบคุมปีศาจมากจนเป็นศิษย์รักของอาจารย์หลายๆคน”โทมัทกล่าวเสริม
    รถของโมนาแล่นสู่ถนนกลางมหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัสอีกครั้งและผ่านตึกและอาคารสีขาวหลายหลัง หอประชุมขนาดใหญ่
    “นี่คือโรงพยาบาลแมกซ์ไซมัส ส่วนของคณะแพทย์”โทมัทชี้ให้ดูโรงพยาบาลที่เป็นตึกสูงสองตึกคู่กัน
    รถของโมนาแล่นผ่านหอพัก และอาคารของคณะแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ สัตวแพทยศาสตร์
    ในมหาวิทยาลัยวันนี้มีรถแล่นไปมาอย่างขวักไขว่ เพราะช่วงนี้เป้นช่วงวันที่นักศึกษาในคณะต่างๆต้องรายงานตัวเข้าหอพักและประกอบกับเริ่มมีกิจกรรมรับน้องตามคณะต่างๆอีกด้วย
    รถของโมนาแล่นผ่านอาคารต่างๆมากมายรวมถึงหอประชุมมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่มีลานกว้างและมีน้ำพุตรงกลาง ผ่านอาคารสีขาวรูปทรงประหลาดมากมาย
    ขณะนี้รถสีแดงคันนั้นกำลังแล่นมาเกือบถึงตรงกลางมหาวิทยาลัยแล้ว
    “แถวนี้เรียกว่าฝั่งฟาวเวอร์การ์ด(flowergard)จ๊ะ”โมนาพูด
    แต่ลีโอนัสยังไม่ทันถามว่าทำไมใช้คำว่าฝั่ง เขาก็พบคำตอบแล้ว เพราะเบื้องหน้าคือสะพานขนาดใหญ่ ที่คอสะพานมียักษ์ตัวใหญ่สองตัวที่แบกกระบองที่มีปลายเป็นหนามแหลม
    สะพานนี้สร้างกั้นแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านกลางมหาวิทยาลัย
    “แม่น้ำซีร่า .ตัดผ่านมหาวิทยาลัยเป็นที่กั้นระหว่างสองฝั่งจ๊ะ”โมนาพูด แต่ลีโอนัสกับพีโนล่ายังคงมองที่รูปปั้นยักษ์สองตัวนั่น
    แล้วรถข้ามผ่านสะพานที่อยู่เหนือแม่น้ำซึ่งเป็นอีกมุมที่สวยงามของแมกซ์ไซมัสและรถก็ข้ามพ้นไปอีกฝั่งหนึ่งซึ่งมีอาคารและตึกมากกว่า มีสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ และมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อีกหนึ่งสระ และลีโอนัสก็ต้องตะลึงกับตึกขนาดใหญ่รูปทรงครึ่งวงกลมสีขาว
    “นั่นอาคารอะไรเหรอครับ”ลีโอนัสถาม
    “อาคารสี่ธาตุจ๊ะ ภายในถูกแบ่งออกเป็นสี่เขตเพื่อเรียนธาตุทั้งสี่”โมนาตอบลีโอนัส
    ขณะนี้ประกายแสงสีแดงที่ลีโอนัสเห็นมันยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆแสงสีแดงนั้นส่องแสงอยู่บนเสาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนภูเขา
    “ทับทิมเม็ดที่ใหญ่ที่สุดบนดาวดวงนี้ ”โทมัทพูด \"เดอะเบรพซัน(The Bravesun)...\"
    รถโมนาลานมาถึงถนนใหญ่ที่ตัดกับถนนที่ทางเข้านี้ตรงวงเวียนหอนาฬิกา หอนาฬิกานี้เป็นสีขาวสูงมีตัวเรือนนาฬิกาทรงกลมติดอยู่ที่ปลายสุด
    “ตึง ตึง ตึง”เสียงดังกังวานออกมาจากหอนาฬิกาเข็มของมันชี้บอกเวลาบ่ายสามโมง รถของโมนาวนหอนาฬิกาเกือบครบรอบและมุ่งตรงไปยังหอพักชายที่สามและเข้าไปจอดที่ลานกว้างไม่ห่างจากหอพักนัก....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น