ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vaecalmer ภาค 1 ตอนเก้าผู้พิทักษ์อัญมณีจักรพรรดิ์

    ลำดับตอนที่ #8 : The Stone Angel \"นางฟ้าหิน\"

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 48


    นางฟ้าหิน



        ขณะนี้ทุกคนเดินทางมาถึงบริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส รถของโมนาแล่นผ่านแผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเสาหินสีเหลี่ยมเขียนเป็นภาษาที่ลีโอนัสอ่านออกได้ว่า



            +++มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส+++



        และมีข้อความเป็นตัวอักษรประหลาดที่เขาอ่านไม่ออกแต่พอจะเดาได้ว่ามีความหมายว่ามหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัสเช่นกัน จากคำบอกเล่าของโมนา เธอบอกว่ามันเป็นภาษาพื้นเมืองของที่นี่



            เมื่อผ่านเข้ามาจะพบกับถนนที่ทอดยาวออกไปไกลเกือบถึงภูเขาสามลูกที่ตั้งตระหง่านอยู่ปลายสุดของเขตของมหาวิทยาลัย ลีโอนัสเห็นแสงสีแดงใสอยู่เหนือยอดเขาลูกกลาง เขาสงสัยว่ามันเป็นอะไรแต่ยังไม่ได้ถามใคร



         ถนนนี้แบ่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ออกเป็นสองส่วนเกือบเท่าๆกันฝั่งซ้ายมือจะเป็นบริเวณที่เรียกว่า “หลังมอ”(มอ…มาจากตัวย่อ ม. มาจากคำว่ามหาวิทยาลัย) ฝั่งขวามือเรียกว่า “หน้ามอ”



        ขณะที่รถของโมนาลอยไปตามถนนสายนี้ตามสองข้างทางนั้นเรียงรายไปด้วยต้นเจ็มคาเชียสูงใหญ่แต่ว่ายังไม่ออกดอกและรูปปั้นของทหารม้าที่สวมหมวกที่มีแผงขนม้า รูปปั้นทั้งสิบสองตัวนั้นหันหน้าไปทางภูเขา



        แต่แล้วโมนาก็เลี้ยวรถไปทางซ้ายเข้าสู่ถนนสั้นๆที่มีธงของดาววีคาลเมอร์และธงของมหาวิทยาลัยปักสลับกัน ธงวีคาลเมอร์เป็นธงสีขาวมีอัญมณีสีแดงส่องรัศมีเก้าแฉกอยู่เหนือวงกลมสีฟ้า ส่วนธงของมหาวิทยาลัยเป็นรูปโล่และภายในโล่มีสัญลักษณ์สามอย่างได้แก่นกพิราพ ต้นเจ็มคาเชียและช้าง



        ถนนนี้ตรงไปสู่ลานกว้างที่มีก้อนหินทรงกลมขนาดใหญ่สี่ก้อน และรถของโมนาก็จอดลงตรงสนามหญ้าไม่ห่างจากหินเหล่านั้นนัก ทุกคนลงจากรถและมุ่งหน้าไปยังหินสี่ก้อนนั้น



        “เราจะได้รู้ซักทีนะว่าเธอมีธาตุดินกับน้ำเหมือนโทมัทจริงรึเปล่า”พีโนล่าพูดอย่างร่าเริง



        “จริงเหรอ…ที่เธอมีสองธาตุเหมือนพี่น่ะ”โทมัทพูดอย่างดีใจและหันไปทางลีโอนัส



        “ก็แค่ตรวจกันเล่นๆบนตอนอยู่บนยานน่ะครับ”ลีโอนัสพูด เขามองดูรอบๆตัวเขาและพบว่าที่นี่ร่มรื่นและบรรยากาศเย็นสบายมาก



        ในที่สุดทุกคนก็เดินมาถึงรูปปั้นหินสี่ก้อน หินแต่ละก้อนนั้นถูกแบกด้วยชายในชุดทหารโบราณและทั้งสี่คนยืนแบมือมาทางรูปปั้นที่อยู่ตรงกลางซึ่งมีขนาดเล็กกว่า มันเป็นรูปปั้นนางฟ้าที่มีปีกกว้าง มือของเธอถือคทา



        “นำมือไปแตะหินทั้งสี่…ทีละก้อนซิ”โมนาพูด



        “ทำไมเหรอครับ”ลีโอนัสถามอย่างลังเล



        “นี่คือหินที่ใช้ตรวจว่าในตัวเธอเป็นธาตุอะไรไงล่ะ”โมนาบอกลีโอนัส



        ทุกคนยืนอยู่ห่างๆปล่อยให้ลีโอนัสเดินเข้าไปตามลำพัง เขาเดินไปสัมผัสหินทีละก้อนและเมื่อสัมผัสหินก้อนที่สี่เสร็จ….เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นเบื้องหลังเขา



        “แหม….ไม่เจอมานานนะเนี่ยะคนที่มีสามธาตุเนี่ยะ”รูปปั้นนางฟ้าขยับได้ราวกับมีชีวิต เธอจ้องเขม็งที่ใบหน้าของลีโอนัส



        “ธาตุของเจ้าคือดินลม…และไฟจ๊ะ….พ่อหนุ่มน้อย”นางฟ้าหินพูดอย่างเริงร่าแต่รอยยิ้มและดวงตาของเธอน่ากลัว



        “ดินลมไฟเหรอ…แต่ตอนตรวจบนยานเป็นดินกับน้ำด้วยนี่….มั่วรึเปล่าคุณนางฟ้า”พีโนล่าเดินเข้ามาคว้าตัวลีโอนัสออกจากวงล้อมของรูปปั้น



        นางฟ้าหันหมุนตัวกลับมาและตะโกนใส่พีโนล่าว่า



        “ข้าไม่เคยพลาด…เจ้าลองดูบนฝ่ามือของทหารซิ…” นางฟ้าแกว่งคทาของเธอไปทางซ้ายและขวามือชี้ให้เห็นหินที่ฝ่ามือของทหารซ้ายมือสุดมีกองดินทรายปรากฏอยู่ และฝ่ามือของทหารคนที่สามมีพายุหมุนขนาดย่อมหมุนวนอยู่…ส่วนทหารริมขวาสุดมีเปลวไฟสีเหลืองลุกโชนอยู่บนฝ่ามือ



        แต่นางฟ้ายิ้มเย้ยพีโนล่าได้ไม่นาน บนฝ่ามือของรูปปั้นทหารตัวที่สองก็มีน้ำปรากฏขึ้น ขณะที่เปลวไฟของทหารคนที่สี่ดับลง

        “แล้วนั่นหมายความว่าอย่างไร….”โทมัทชี้ไปที่รูปปั้นตัวที่สอง



        “แปลกมาก….เจ้าหนูนี่มีสี่ธาตุเหรอ…”นางฟ้าบ่นพึมพำพร้อมกับกระพือปีกของเธอ “แล้วทำไมธาตุไฟถึงหายไป”



        “สรุปว่าเป็นธาตุอะไรกันแน่…”โมนาพูดอย่างุนงง



        “งงแล้วนะ…เดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มี…คนเรามีธาตุแปรผันด้วยรึไง”พีโนล่าพูด



        “ถ้าจะพูดอย่างนั้นก็ได้นะ…”นางฟ้าหินพูด “ตอนนี้สงสัยแค่ว่าธาตุอะไรเป็นธาตุหลักเท่านั้นแหละ



        “ประวัติศาสตร์ต้องจารึกเลยนะเนี่ยะ…”โทมัทพูดและหันไปยิ้มให้นางฟ้าหินนั่น



        ภายหลังจากที่นางฟ้าเฝ้าสังเกตฝ่ามือของทหารทั้งสี่อยู่นานเธอก็กล่าวสรุปว่า



        “มีสามธาตุจริงๆ….”เธอมองไปที่ลีโอนัสโดยปราศจากความลังเล ทุกคนต่างยิ้มออกและดีใจกับลีโอนัส



        “แต่ว่า….ธาตุน้ำของเธอมันไม่คงที่น่ะ…”คำพูดของนางฟ้าหินทำให้ทุกคนหุบยิ้ม



        “ธาตุน้ำในตัวเธอบางที่จะถูกเปลี่ยนเป็นธาตุไฟจ๊ะ”นางฟ้ามองไปที่ลีโอนัส “แต่เรื่องปัจจัยว่าตอนไหนจะเปลี่ยนเป็นธาตุไหนก็ต้องสังเกตกันเอาเอง….”



        “ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องเรียนทุกธาตุเลยเหรอ”โมนาพูด



        “ก็แล้วแต่เจ้าตัวเขาสิ….ธาตุหลักๆคือดินกับลม…จะฝึกแค่สองธาตุนี้ก็ได้”นางฟ้าพูด และเธอหันกลับไปมองที่ลีโอนัสอีกครั้ง “ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้า….มีอะไรเหมือนกับเดพมาก”นางฟ้าพูดและทำตาเศร้า เธอทำเสียงสะอื้นเหมือนโศกเสร้าอะไรบางอย่าง “พ่อมดชั่วนั่นมีสี่ธาตุและคงเป็นคนเดียวที่ใช้ได้ครบสี่ธาตุ”นางฟ้าพูด



        “ขอบคุณนะ…นางฟ้าแต่เราขอตัวก่อนดีกว่า”พีโนล่าพูดพร้อมกับคว้าแขนลีโอนัส และหันหลังกลับ



        ทุกคนเดินกลับไปที่รถ และนางฟ้าค่อยๆกลายเป็นหินอย่างเดิม



        “ไอ้ที่ว่ามีสามธาตุที่แปรเปลี่ยนได้ยังพอจะเชื่อนะ….นี่ยังบอกว่ามีอะไรเหมือนเดพอีก”โมนาพูดอย่างฉุนเฉียว

        “เดพ…เป็นใครเหรอครับ”ลีโอนัสถาม



        “เดพเหรอ….ตอนนี้เค้าเป็นนักธุรกิจที่รวยที่สุดบนดาวดวงนี้นะซิ”พีโนล่าพูด”แต่ว่า…เงินของเขาน่ะไม่สะอาดนักหรอก”



        “เดพ…น่ะเรียนจบคณะเดียวกับพี่”โทมัทพูด



        “เขาจบตอนที่พี่เข้าปีหนึ่ง…รู้สึกว่าเขาจะเก่งด้านควบคุมปีศาจมากจนเป็นศิษย์รักของอาจารย์หลายๆคน”โทมัทกล่าวเสริม



        รถของโมนาแล่นสู่ถนนกลางมหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัสอีกครั้งและผ่านตึกและอาคารสีขาวหลายหลัง หอประชุมขนาดใหญ่



        “นี่คือโรงพยาบาลแมกซ์ไซมัส…ส่วนของคณะแพทย์”โทมัทชี้ให้ดูโรงพยาบาลที่เป็นตึกสูงสองตึกคู่กัน



        รถของโมนาแล่นผ่านหอพัก และอาคารของคณะแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ สัตวแพทยศาสตร์



        ในมหาวิทยาลัยวันนี้มีรถแล่นไปมาอย่างขวักไขว่ เพราะช่วงนี้เป้นช่วงวันที่นักศึกษาในคณะต่างๆต้องรายงานตัวเข้าหอพักและประกอบกับเริ่มมีกิจกรรมรับน้องตามคณะต่างๆอีกด้วย



        รถของโมนาแล่นผ่านอาคารต่างๆมากมายรวมถึงหอประชุมมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่มีลานกว้างและมีน้ำพุตรงกลาง ผ่านอาคารสีขาวรูปทรงประหลาดมากมาย



        ขณะนี้รถสีแดงคันนั้นกำลังแล่นมาเกือบถึงตรงกลางมหาวิทยาลัยแล้ว



        “แถวนี้เรียกว่าฝั่งฟาวเวอร์การ์ด(flowergard)จ๊ะ”โมนาพูด



        แต่ลีโอนัสยังไม่ทันถามว่าทำไมใช้คำว่าฝั่ง เขาก็พบคำตอบแล้ว เพราะเบื้องหน้าคือสะพานขนาดใหญ่ ที่คอสะพานมียักษ์ตัวใหญ่สองตัวที่แบกกระบองที่มีปลายเป็นหนามแหลม



        สะพานนี้สร้างกั้นแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านกลางมหาวิทยาลัย



        “แม่น้ำซีร่า….ตัดผ่านมหาวิทยาลัยเป็นที่กั้นระหว่างสองฝั่งจ๊ะ”โมนาพูด แต่ลีโอนัสกับพีโนล่ายังคงมองที่รูปปั้นยักษ์สองตัวนั่น



        แล้วรถข้ามผ่านสะพานที่อยู่เหนือแม่น้ำซึ่งเป็นอีกมุมที่สวยงามของแมกซ์ไซมัสและรถก็ข้ามพ้นไปอีกฝั่งหนึ่งซึ่งมีอาคารและตึกมากกว่า มีสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ และมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อีกหนึ่งสระ และลีโอนัสก็ต้องตะลึงกับตึกขนาดใหญ่รูปทรงครึ่งวงกลมสีขาว



        “นั่นอาคารอะไรเหรอครับ”ลีโอนัสถาม



        “อาคารสี่ธาตุจ๊ะ…ภายในถูกแบ่งออกเป็นสี่เขตเพื่อเรียนธาตุทั้งสี่”โมนาตอบลีโอนัส



        ขณะนี้ประกายแสงสีแดงที่ลีโอนัสเห็นมันยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆแสงสีแดงนั้นส่องแสงอยู่บนเสาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนภูเขา



        “ทับทิมเม็ดที่ใหญ่ที่สุดบนดาวดวงนี้…”โทมัทพูด \"เดอะเบรพซัน(The Bravesun)...\"



        รถโมนาลานมาถึงถนนใหญ่ที่ตัดกับถนนที่ทางเข้านี้ตรงวงเวียนหอนาฬิกา หอนาฬิกานี้เป็นสีขาวสูงมีตัวเรือนนาฬิกาทรงกลมติดอยู่ที่ปลายสุด



        “ตึง ตึง ตึง”เสียงดังกังวานออกมาจากหอนาฬิกาเข็มของมันชี้บอกเวลาบ่ายสามโมง รถของโมนาวนหอนาฬิกาเกือบครบรอบและมุ่งตรงไปยังหอพักชายที่สามและเข้าไปจอดที่ลานกว้างไม่ห่างจากหอพักนัก....



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×