ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vaecalmer ภาค 1 ตอนเก้าผู้พิทักษ์อัญมณีจักรพรรดิ์

    ลำดับตอนที่ #7 : *Maxaimus City*....เมืองแมกซ์ไซมัส

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 48




        ตะวันสาดแสงของวันที่ 23 พฤษภาคมช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจภาพแรกหลังจากที่เหตุการณ์เมื่อคืนผ่านพ้นไป ลีโอนัสยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ที่ระเบียงที่ๆมือสังหารฆ่าตัวเองตาย คืนแรกบนดาวดวงนี้ไม่ค่อยประทับใจสำหรับเขานัก แต่เขาดีใจที่พ่อมาช่วยเขา ดีใจที่ได้เจอพ่อ แต่ทว่าเมื่อคืนนี้เขากับพ่อไม่ได้คุยกันเลย เมื่อคืนหลังจากจัดการกับกองทัพโครงกระดูกและมือสังหารเสร็จแล้ว เหล่าผู้พิทักษ์ต่างนั่งประชุมกันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิด



        ด็อกทามูซซี่พบเครื่องส่งสัญญาณบอกพิกัด ต้นเหตุที่ทำให้พวกมือสังหารรู้ตำแหน่งพวกเขา นอกจากนี้ด็อกทามูซซี่กล่าวชมเขาเรื่องที่ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อมือสังหาร เขาชมว่าลีโอนัสบ้าดีเดือดเหมือนพ่อไม่มีผิด แต่ลิฟดุเขาบอกไม่ให้ทำอีก



        ลีโอนัสยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว เมื่อนึกถึงตอนที่ลิฟดุด็อกทามูซซี่และใช้มือดึงที่ใบหูของเขา



        ลีโอนัสมีความสุข เช้านี้เขาจะได้คุยกับพ่อและคงได้อยู่กับพ่อตลอดทั้งวัน หลังจากที่พ่อปรากฏตัวเมื่อคืน พวกผู้พิทักษ์ก็ประชุมกันและลีโอนัสไม่ได้คุยกับพ่อเท่าไหร่นัก



        ลีโอนัสตัดสินใจเดินไปเคาะที่ประตูห้องของพ่อที่อยู่ติดกับห้องของเขา



        “พ่อครับ….ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม”ลีโอนัสเคาะประตูและพูดขึ้น แต่ว่าไม่มีเสียงใดตอบออกมา



        “มาร์คไม่อยู่แล้วลีโอนัส” ด็อกทามูซซี่ยืนงัวเงียอยู่ด้านหลังลีโอนัส



        “เหรอครับ….แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ”ลีโอนัสถามด้วยเสียงซึมๆ



        “มาร์ค แมกซ์คราวน์ เมเยอร์ออกเดินทางไปเมืองเวียโอไลอ่า(Viaoliar)ตอนเธอหลับอยู่…”ด็อกทามูซซี่พูดพร้อมกับขยี้ตา “เขานำศพมือสังหารไปตรวจที่นั่น….ที่กองบรรชาการผู้พิทักษ์”



        “ครับ…ขอบคุณมากครับ….” ลีโอนัสพูดพร้อมกับเดินกลับเข้าห้องไป



        เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงและก่ายหน้าผาก เขาไม่ได้พบกับพ่อ เขายังไม่ได้คุยกับท่านเลย พ่อไม่สนใจเขาแน่ๆ เขาทำแต่งาน

        ทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับพ่อของเขาวนเวียนอยู่ในหัวของเขา เขาคิดว่าจะได้พบกับพ่ออีกหรือไม่ เขาคิดอยู่นานจนกระทั่งพีโนล่ามาเรียกเขาให้ลงไปรับประทานอาหารพร้อมกันข้างล่าง





                                        ------------------------------------------------





        หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วทุกคนก็มานั่งคุยกันบริเวณหน้าโทรทัศน์



        “เดี๋ยววันนี้…โมนาจะไปส่งเธอซื้อของ…และส่งเธอเข้าหอในมหาลัยนะ”ด็อกทามูซซี่บอกลีโอนัส



        “เอ่อ…นี่คือจดหมายเสียงที่พ่อเธอทิ้งไว้ให้พร้อมกับบัตรประชาชนนี่”ด็อกทามูซซี่พูดอย่างอ้ำอึ้งเมื่อกล่าวถึงมาร์ค



        เขารับแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวสีน้ำตาลที่มีลักษณะเหมือนที่คั่นหนังสือมา พร้อมกับแผ่นพลาสติกสีขาวขนาดเล็กเท่าแสตมป์….



        “อันยาวๆน่ะคือจดหมายเสียงต้องใช้กับโทรศัพท์มือถือ….ส่วนบัตรประชาชนก็สามารถเสียบกับโทรศัพท์มือถือเวลาเราจะใช้เงิน”โมนากล่าวพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาให้ลีโอนัส



        โทรศัพท์ของโมนามีขนาดเล็กแต่มีหน้าจอขนาดใหญ่และปุ่มกดเพียงห้าปุ่ม  และช่องเสียบสี่เหลี่ยมเล็กๆ



        ลีโอนัสเสียบจดหมายเสียงไปที่รูสี่เหลี่ยมด้านข้างดทรศัพท์นั้น และทันใดนั้นเสียงก็ดังออกมาจากโทรศัพท์



        “พ่อขอโทษที่ไม่ได้ไปส่งลูกเข้าหอนะ….แต่ว่าโมนาและโทมัทจะแนะนำลูกได้เพราะพวกเขาเคยเรียนที่นั่น….”



        โทมัทและโมนาต่างยิ้มให้ลีโอนัส



        “พ่อฝากเงินไว้ให้ลูกแล้วและข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของพวกเราพ่อบันทึกไว้ในบัตรประชาชนลูกแล้วนะ….ถ้ามีอะไรก็โทรศัพท์หาพ่อนะ….อ้อลืมไป….ตอนนี้ลูกเป็นพลเมืองของดาววีคาลเมอร์เต็มตัวแล้วนะ.....ดูแลตัวเองล่ะ………………ตู้ด….”



        “สิ้นสุดข้อความเสียงค่ะ….คุณโมนาจะทำรายการอะไรต่อไหมค่ะ”เสียงโทรศัพท์มือถือของโมนาดังขึ้น



        “ไม่ล่ะ….มินนี่…”โมนาคุยกับโทรศัพท์ตัวเอง ที่ดาววีคาลเมอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทุกอย่างที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์จะสามารถตั้งชื่อให้มันได้….พวกเครื่องใช้เหล่านี้เลยเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงของคนบนดาวดวงนี้



        “ลีโอนัส....เรียนวิทยาศาสตร์ใช่ไหม”โทมัทกล่าวถาม



        ลีโอนัสพยักหน้าและพูดว่า “ในจดหมายที่ได้บอกว่าผมจะได้เรียนวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เหรอครับ”



        “อืม…ใช่ พ่อนะรู้ว่าเธอชอบวิทยาศาสตร์”ด็อกทามูซซี่พูด



        “พ่อรู้ได้ไง…”ลีโอนัสถามด็อกทามูซซี่



        “มาร์คน่ะสนใจเธอกว่าที่เธอคิดนะ….”ด็อกทามูซซี่พูดพร้อมกับยิ้มให้เขา แต่ลีโอนัสก็ยังสงสัยอยู่ว่าพ่อของเขารู้ได้อย่างไรเพราะพ่อทิ้งเขามาตั้งแต่อายุเจ็ดขวบและไม่เคยไปหาเขากับแม่อีกเลย



        “แล้วพี่โทมัทเรียนอะไรครับ….”ลีโอนัสเปลี่ยนเรื่องคุย



        “พี่เรียนจบคณะภาษาศาสตร์ เอกการควบคุมปีศาจ(Demon controller) น่ะ”โทมัทพูด “เรียนสนุกมาก….ถ้าสนใจก็ลองเรียนเป็นไมเนอร์(วิชาโท)ดูซิ”



        ลีโอนัสนึกถึงภาพโทมัทเรียกกองทัพปีศาจโครงกระดูกที่พบเมื่อคืนออกมาล้อมรอบเขาทำให้เขาตัดเรื่องที่คิดจะเอามันมาเป็นวิชาโทออกไปจากหัวได้ทันที



        “แล้วพี่โมนาล่ะครับ…”ลีโอนัสถาม



        “พี่ก็เรียนวิทยาศาสตร์จ้ะ…อยู่เมเจอร์(ภาควิชา)ชีววิทยาน่ะ” โมนาตอบ



        “แต่ว่าพี่ชอบด้านการเสกสัตว์มากๆเลยเรียนเฉพาะชีววิทยาสัตว์”โมนากล่าวต่อ



        “ชอบทรมานสัตว์ละไม่ว่า”โทมัทหยอกโมนา เธอจึงหยิกเขากลับในทันที



        “ผมก็อยากเรียนชีววิทยาเหมือนกันครับ….แต่ว่าเรียนวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เหรอครับทำไมมีเสกสัตว์ด้วย….”ลีโอนัสถามด้วยความสงสัย



        “ใช่จ้ะ….แต่เราใช้พลังในการเสกสัตว์ขึ้นมาทำวิจัย….แทนที่จะใช้สัตว์จริงๆน่ะ….สัตว์ที่ถูกเสกมามันเป็นของเลียนแบบ…ไม่มีชีวิตจริง…มันจะอยู่ได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้นและหายไปในที่สุด”โมนาอธิบายอย่างละเอียด และโทมัทก็ทำหน้าล้อเลียนโมนาจนเธอโมโห เธอศอกเข้าที่อกของเขาอย่างแรง ซึ่งทำให้ลีโอนัสกลั้นหัวเราะไม่ไหว











                      หลังจากที่ลีโอนัสเก็บของเสร็จแล้ว เขาขึ้นไปเยี่ยมพีดาบนห้องชั้นสาม เขาพบกับลิฟที่นั่งเฝ้าพีดาอยู่



        “เธอเป็นไงบ้างครับ”ลีโอนัสกล่าวถามลิฟด้วยความเป็นห่วงพีดา



        “เธออาการดีขึ้นแล้วล่ะเดี๋ยวตอนบ่ายนี้คงลุกขึ้นเดินได้น่ะ….”ลิฟตอบ



        “ไม่ต้องห่วงน่าด็อกทามูซซี่เป็นหมอมือดีที่สุดจ้ะ”ลิฟกล่าว



        หลังจากนั้นลีโอนัสก็กล่าวลาลิฟ เธอถึงกลับร้องไห้และกอดเขาไว้แน่นไม่ยอมให้เขาไป แต่ในที่สุดเธอก็ปล่อยเขาลงมา

        ลีโอนัสขนของมาวางไว้หน้าบ้านซึ่งด็อกทามูซซี่กำลังยืนนิ่งอยู่คนเดียว



                     “ดูแลตัวเองดีๆนะลีโอ…หลานเป็นเด็กที่มีไหวพริบนะลุงเชื่อว่าหลานต้องเอาตัวรอดได้แน่” ด็อกทามูซซี่พูดเสียงแห้งและตาของเขาเริ่มแดง



                   ”ดูแลตัวเองดีๆนะลีโอ…ลาก่อน”ด็อกทามูซซี่เกือบร้องไห้



        แล้วโรงรถก็เปิดออกและรถสีแดงรูปทรงสวยงามคันหนึ่งลอยออกมาอย่างนิ่มนวล… รถคันนี้เป็นของโมนา มันมีช่องลมขนาดใหญ่ด้านหลังรถที่คอยเป่าลมออกมาทำให้รถเคลื่อนที่ได้  



        “จอด…ลิลีช่า”โมนาพูด เธอนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับด้านขวามือของรถ ในขณะที่โทมัทนั่งอยู่ซ้ายมือข้างๆเธอ



        “เปิดกระโปรงหน้ารถ”โมนาสั่งรถหรูคันที่เธอนั่งอยู่ ในไม่ช้าฝากระโปรงหน้ารถก็เปิดออก



        โทมัทช่วยลีโอนัสขนกระเป๋าไปใส่ที่กระโปรงหน้ารถที่ๆใช้เก็บของ รถคันนี้มีที่เก็บของอยู่ด้านหน้าเพราะตัวเครื่องยนต์อยู่ด้านหลัง



        “เปิดประตูด้านซ้าย”โมนาสั่งรถ หลังจากนั้นไม่นานประตูรถก็เลื่อนออกตรงๆในแนวเดียวกับรถคล้ายๆประตูของรถตู้



        ลีโอนัสขึ้นไปนั่งกับพีโนล่าที่นั่งนิ่งๆอยู่แล้วที่เบาะหลัง ส่วนโทมัทขึ้นไปนั่งข้างหน้ากับโมนา



        “ปิดประตู…เราจะไปเมก้าบิตเซนเตอร์”โมนาบอกสถานที่จะไปกับรถ



                    “เมก้าบิตเซนเตอร์…..ปิ๊ด..ปิ๊ด…ไม่มีสถานที่นี้ค่ะคุณโมนา”รถของโมนากล่าวปฏิเสธ “กรุณาแจ้งพิกัดให้บนหน้าจอค่ะ” รถยนตร์กล่าวด้วยเสียงเรียบๆ



        โทมัทหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “สงสัยว่ามันไม่ชอบชื่อลิลีช่ามั้ง…”



        “ยุ่ง”โมนาหันไปทำคิ้วขมวดใส่โทมัทและใช้นิ้วกดไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระหว่างเธอกับโทมัท เธอใช้นิ้วสัมผัสเบาๆลงบนแผนที่บนหน้าจอนั้น



        “กรุณาเลือกเวลาการเดินทาง…ห้านาที สิบนาที สิบห้านาทียี่สิบนาทีค่ะ…”รถของโมนาพูดเสียงดัง



        “โมนาหันมาทางลีโอนัสและถามเขาว่า “ชมวิวไปด้วยดีไหมลีโอนัส….งั้นสิบห้านาทีละกันไม่ต้องรีบมาก…”



        หลังจากที่สั่งรถเสร็จแล้ว รถคันสีแดงของโมนาก็กลับตัวและแล่นฉิวไปตามถนนที่ขนาบข้างด้วยภูเขา รถสีแดงคนนั้นแล่นผ่านสะพานเหล็กโค้งขนาดใหญ่ ตลอดเส้นทางนั้นโทมัทก็แหย่โมนาเรื่องรถไปตลอดทาง จนกระทั่งเริ่มพบบ้านเรือนของชาวบ้านตามข้างถนน



        “เข้าเขตตัวเมืองแมกไซมัสแล้ว”โมนาพูด



        “ปรับเบาะไหมโมนาจะได้คุยกันสะดวกๆ…อย่างนี้เค้าเมื่อยคอแล้วนะตัวเอง”โทมัทแนะนำโมนาและหยอกเธอเล่น



        “ปรับเบาะแบบแฟมมิลี่คลาส ลิลีช่า”โมนาพูดเสียงแข็งและเบาะรถก็หมุนกลับ ขณะนี้ทุกคนหันหน้าเข้าหากันแล้ว



        รถคันสีแดงเคลื่อนผ่านไปยังตัวเมืองที่เต็มไปด้วยบ้านของประชาชนแมกซ์ไซมัสที่ส่วนใหญ่เป็นรูปทรงครึ่งวงกลม บ้านแต่ละหลังถูกสร้างอย่างเป็นระเบียบ ขณะนี้มันแล่นผ่านทางตรงที่ทอดยาวสู่ตัวเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูง และตอนนี้ซ้ายมือคือภูเขาสูงซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีบลูเซนต์ สามารถมองเห็นไพลินบลูไชน์ดอนกราโนได้อย่างชัดเจน ขณะที่รถผ่านนั้นเสียงของเครื่องบินและยานอวกาศขึ้นลงเป็นระยะ



        “ถ้าอยู่ในหอก็จะได้ยินเสียงเครื่องบินอย่างนี้บ้างล่ะ”โทมัทพูดกับลีโอนัส “เพราะมหาลัยแมกซ์ไซมัสอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากน่ะ”



        ลีโอนัสมองดูบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆที่โทมัทและโมนาชี้ให้ดูตามข้างทาง แต่ลีโอนัสเริ่มสังเกตเห็นว่าข้างบนเป็นถนนที่เหมือนกับยังสร้างไม่เสร็จ



        “ข้างบนนั่นถนนรึเปล่าครับ”ลีโอนัสถามโทมัท



        “ใช่แล้ว…เดี๋ยวดูละกัน”โทมัทพูดในขณะที่รถไปหยุดตรงเขตสี่เหลี่ยมเรืองแสงสีเหลืองที่ส่องแสงขึ้นไปสู่บนถนนที่มีลักษณะคล้ายทางด่วนแต่ว่ามันไม่มีทางขึ้น รถของโมนาลอยขึ้นเรื่อยๆในกรอบสี่เหลี่ยมนั้นและพอถึงระดับถนนชั้นบนมันก็แล่นต่อ



        “เข้าสู่เครือข่ายการผสานการขับ”เสียงลิลีช่า รถของโมนาดังขึ้น



        “คืออะไรเหรอครับผสานการขับ”ลีโอนัสถาม



        “เป็นการทำงานร่วมกันของรถที่ขึ้นบนทางยกระดับนี่จ้ะ”โมนาตอบ



        “ถนนของเรามีมากมายจนเกินพอ”พีโนล่าที่นั่งหลับตาเงียบมานานพูดขึ้น ลีโอนัสที่มัวแต่ชมวิวทิวทัศน์องเมืองแมกซ์ไซมัสพึ่งสังเกตว่าเธอนอนหลับตานิ่งอยู่ข้างๆเขา



        “มึนหัวรึเปล่าพีโนล่า” โทมัทถามด้วยความเป็นห่วง



        “ถ้าหลับตาก็ไม่เป็นไรหรอก….”พีโนล่ากล่าวและมองไปทางลีโอนัสที่ทำคิ้วชนกันด้วยความสงสัย



        “เป็นอะไรมากรึเปล่า พี่พีโนล่า”ลีโอนัสถามเธอ



        “ไม่เป็นไรหรอก…โรคของพวกนางฟ้าน่ะ”พีโนล่าตอบ เธอมีอาการคลื่นไส้และเวียนหัวเหมือนคนเมารถ



        “พวกนางฟ้ากลัวที่สูงน่ะ….”โทมัทบอกลีโอนัส



        “นางฟ้าไม่น่ากลัวความสูงนะครับและขนนกอีก….มันน่าจะคู่กับนางฟ้ามากกว่านะครับ”ลีโอนัสพูดและยังไม่เลิกทำคิ้วชนกัน



        “มันเป็นตำนานที่ดูเหมือนว่าจะเป็นจริงของเผ่าแองเจลไลซ์น่ะ….เขาเล่ากันว่าพวกนางฟ้าที่มีทั้งหญิงชายกลุ่มหนึ่งบินไปตรวจตราภูเขาสูงแถวๆเมืองของไจแอนตัส…แต่เมื่อบินถึงหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งปีกของพวกเขาก็เริ่มขยับช้าลงเรื่อยๆจนพวกเขาตกลงสู่พื้น….และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ว่าเผ่าแองเจลไลซ์ทำไมถึงกลัวความสูงและกลัวขนนกจ้ะ”โมนาอธิบายซะนานจนโทมัททำท่าหลับ



        ลีโอนัสเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว เขาจำตอนที่พีโนล่าขึ้นยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์ เธอกินยาอะไรบางอย่างคงเป็นยาที่ใช้ระงับความกลัว….



        รถสีแดงคนนั้นวิ่งไปตามถนนที่ลอยสูงอยู่เหนือพื้นมาก ด้านข้างถนนถูกกันด้วยแผงที่สูงกว่าความสูงของรถเพื่อป้องกันการตกลงไปข้างล่าง แม้ว่ารถทุกคันจะสามารถลอยได้แต่ว่าการลอยของรถนั้นจะไม่สามารถลอยสูงได้เหมือนยานอวกาศ



        ขณะนี้รถของโมนาค่อยๆแซงรถที่มีลักษณะคล้ายมอเตอร์ไซด์แต่ว่ามันลอยได้และรูปทรงช่วงล่างคล้ายกับเรือมากทำให้มันดูเหมือนเจ็ตสกีที่ลอยบนอากาศได้



        “มอเตอร์ไซด์ทำไมรูปทรงมันประหลาดจังเลยครับ”ลีโอนัสถามขึ้น



        “มันเรียกว่า วาร์ปเปอร์น่ะ…เป็นรถที่มีสามารถเร่งความเร็วได้สูง แต่ถ้ารถที่คันเล็กๆกว่านี้และช้ากว่านี้จะเรียกว่า หลีดเดอร์”โทมัทพูด



        “แต่คนส่วนใหญ่ชอบหลีดเดอร์ที่ช้ามากกว่านะ...เพราะรูปทรงมันน่ารักกว่า”โมนาพูด



                    และแล้วรถคันนั้นก็เลี้ยวไปทางทางซ้ายมือและมันเป็นทางวกกลับสู่ถนนที่ทอดตัวยาวตัดกับถนนเบื้องล่างที่พวกเขาผ่านมา



        รถคันนั้นแล่นสู่ตึกสูงที่มียอดแหลม และมีถนนหลายสายมุงสู่มัน



        รถของโมนาจอดเข้าลานจอดรถที่มีรถจอดเต็มไปหมด ลานจอดรถนั้นเต็มไปด้วยรถเกือบทุกสี



        หลังจากนั้นทุกคนก็ลงจากรถและมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูใหญ่ที่เป็นกระจกใส ภายในตึกมีบรรยากาศที่เย็นและผู้คนขวักไขว่มากกว่าที่สถานีบลูเซนต์ ทุกคนสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสและดูทันสมัยยกเว้นลีโอนัสที่ใส่เสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์



        “รู้ไหมว่ากางเกงยีนส์เขาเลิกใส่กันเกือบห้าร้อยปีแล้วนะ”โมนาพูดพร้อมหันมาทางลีโอนัส



        พวกเขาเดินไปยังลิฟทรงแคปซูลสีเงินที่เรียงรายอยู่เกือบสิบตัว

        

                     ทุกคนเข้าไปยังลิฟตัวที่สามที่เปิดพอดี ประตูลิฟเปิดออกอย่างรวดเร็ว ภายในมีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งยืนอยู่พวกเขาทุกคนสวมชุดสูทสีดำ

        “แผนกเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย”โมนาพูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนไม่รู้จักลีโอนัสที่แต่งตัวประหลาดๆ



        และลิฟก็มาหยุดที่แผนกเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายชั้นสี่สิบ ทุกคนเดินออกมาและมุ่งหน้าไปยังแผนกเครื่องแต่งกายบุรุษ ตอนนี้พีโนล่าอาการดีขึ้นมากแล้ว เธอดูสดชื่นเหมือนคนเดิมแล้ว



        โทมัทช่วยลีโอนัสเลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำทั้งหมดสี่ชุดและรองเท้าหนังสีดำ ถุงเท้าสีดำ



        การชำระเงินของที่นี่ใช้บัตรประชาชนในการจ่ายเงินคล้ายๆบัตรเครดิต….ทุกๆอย่างต้องจ่ายด้วยวิธีนี้เท่านั้น….เงินจะถูกหักออกจากธนาคารโดยตรง



        “เหลือตั้งสามสิบล้านยูนิต”โทมัทพูดพร้อมกับทำตาโต



        “พ่อเธอฝากเงินให้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ…”พีโนล่าพูด



        ทุกคนตกใจกับตัวเลขบนใบเสร็จที่คนขายยื่นให้ลีโอนัสยกเว้นโมนาที่มีเงินมากเหลือเฟือและลีโอนัสที่ไม่รู้ค่าของจำนวนเงิน



        “นี่ๆซื้อรถแบบโมนาไปขับสักคันก็ดีนะ ลีโอนัส”โทมัทพูด



        “สามสิบล้านยูนิตนี่มากขนาดไหนเหรอครับ”ลีโอนัสถาม



        “มากพอที่จะซื้อรถยนตร์หรูๆได้สิบคันน่ะ…เป็นเงินที่มากโขอยู่”โทมัทพูด”พ่อเธอรวยขนาดนี้เลยเหรอ….พี่เพิ่งรู้เหมือนกัน”



        ลีโอนัสประสบแต่ความยากจนมาจนถึงบัดนี้เขารู้คุณค่าของเงินมาก เขาพยามไม่ซื้ออะไรนอกจากของที่มันจำเป็นจริงๆ



        หลังจากนั้นพวกเขาจึงช่วยเลือกเสื้อผ้าในแผนกนี้ให้ลีโอนัสอีกหลายตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโทนสีแดงและสีสว่างๆซึ่งเหมาะกับลีโอนัสซึ่งเป็นคนผิวขาว



    +++แผนกอิเล็กทรอนิคส์+++



        แผนกอิเล็กทรอนิคส์นี้คับคั่งไปด้วยผู้คนมัน มันเป็นเหมือนตรอกที่ยาวออกไปไกลและทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ต่างๆซึ่งมีคนเต็มร้านทุกร้าน ลีโอนัสเดินผ่านร้านขายโทรทัศน์ที่เป็นจอแก้วใสขนาดใหญ่ ในแผนกอิเล็กทรอนิคส์นี้ลีโอนัสพบกับอุปกรณ์แปลกๆที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนตอนอยู่บนโลกหรือบางอย่างที่มีบนโลกแต่ว่ารูปทรงมันประหลาด เขาต้องคอยถามพีโนล่าบ่อยๆว่ามันคืออะไร



        “เด็กบ้านนอกเอ๊ย!” พีโนล่าแซวลีโอนัสที่กำลังจะเอ่ยปากถามเธอเรื่องตู้เย็นจิ๋ว

        

        ภายหลังจากที่เดินผ่านร้านขายโทรศัพท์มากว่าสิบร้านลีโอนัสก็ยังเลือกโทรศัพท์มือถือที่ถูกใจไม่ได้สักที จนกระทั่งมาเจอร้านขายของมือสองที่ชื่อ ++ซิกตี้เซนส์++ (60th sence)



        ทุกคนเข้าไปในร้านยกเว้นโมนาที่ไม่ค่อยอยากเข้าเท่าไหร่ เธอดูเหมือนรังเกียจของมือสอง



        ภายในร้านเต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์มือสองเก่าๆมากมาย ทั้งตู้เย็นโทรทัศน์ วิทยุเก่าๆของหลายอย่างลีโอนัสเหมือนเคยเห็นบนโลก



        “อยากได้อะไรล่ะพ่อหนุ่ม” ชายแก่ใส่แว่นหนาๆ โผล่ขึ้นมาจากหลังตู้โชว์อย่างรวดเร็วจนโมนาตกใจ



        “เอ่อ...โทรศัพท์มือถือครับ”ลีโอนัสตอบอย่างลังเล



        “อ๋อหามือถือ....นี่เลยโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดของร้านเราสั่งตรงมาจากดาวพลีโต...พลาโตอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ”เจ้าของร้านตอบพลางชี้ไปที่มือถือสีดำรูปทรงสวยงามแต่ว่าฝุ่นเกาะเต็มเครื่อง เขาใช้ผ้าขี้ริ้วขาดๆเช็ดที่มันและส่งให้ลีโอนัส



        “รูปทรงประหลาดไม่เคยเห็นมาก่อน”โทมัทที่ยืนอยู่ข้างลีโอนัสพูดขึ้น



        “เหมือนไม่ใช่มือถือบนโลกนี้เลย”โมนาพูดอย่างรังเกียจ



        มือถือนั้นมีสีเขียวสดใส ไม่มีหน้าจอ ปลายสุดมีลำโพงทรงกลมขาดเล็ก ส่วนตรงกลางมีเพียงปุ่มกดแบบแปดทิศทางหนึ่งปุ่ม ลีโอนัสลองกดมันดู



        ทันใดนั้นส่วนที่เป็นหน้าจอโทรศัพท์ก็หมุนออกมาจากด้านข้างและขึ้นมาประกบกันกลายเป็นหน้าจอ ไฟสว่างสีขาวใสก็เปิดขึ้น “ยินดีต้อนรับเจ้านายค่ะ”



        “เป็นตัวเมียเหรอ”โทมัทพูด เจ้าของร้านพยักหน้า



        “แต่ลีโอนัสอยากได้มือถือตัวผู้นี่”พีโนล่าที่ยืนเขย่งพยามจะดูหน้าจอมือถือก็พูดขึ้น



        ลีโอนัสตัดสินใจอยู่ไม่นาน หลังจากที่ดูระบบต่างๆของเครืองและสภาพมือถือที่ยังคงสมบูรณ์อยู่



        “ตกลงเอาเครื่องนี้ครับ”ลีโอนัสพูดพร้อมกับยืนบัตรให้เจ้าของร้านชำระเงินท่ามกลางเสียงคัดค้านจากทุกคน



        เจ้าของร้านมีท่าทางดีใจ เขาทำหนวดสั่นไปมาหลังจากที่ชำระเงินเสร็จ





        หลังจากนั้นทุกคนเดินออกจากร้าน



        “เธอจะตั้งชื่อมันว่าอะไร”พีโนล่าพูดขึ้นขณะที่เธอยังคงพยามเขย่งดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือลีโอนัสซึ่งเขาแกล้งไม่ให้พีโนล่าดูมัน



        ลีโอนัสยิ้มและหันมาตอบพีโนล่าว่า “ดรอโซฟิล่า(Drosophila)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×