ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vaecalmer ภาค 1 ตอนเก้าผู้พิทักษ์อัญมณีจักรพรรดิ์

    ลำดับตอนที่ #4 : Bluesaint....***ท่าอากาศยานและอวกาศยานบลูเซนต์***

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 48




        ยานรูปพระจันทร์เสี้ยวลำหนึ่งกำลังบินขนานไปกับดาวหางดวงหนึ่ง ทั้งสองสิ่งกำลังมุ่งหน้าไปสถานที่แห่งหนึ่งที่ถูกเรียกว่า………………. “สุสานแห่งจักรวาล”    



                     สุสานแห่งจักรวาล เป็นบริเวณที่มีดาวหางโคจรโดยรอบมากที่สุด นอกจากนี้ยังชุกชุมไปด้วยอุกกาบาต มันเป็นบริเวณเดียวในกาแลกซี่ทางช้างเผือกที่ไม่ถูกระบบบลูเวิลด์ปกครอง สุสานแห่งจักรวาลนี้อยู่เกือบสุดขอบของกาแลกซี่ทางช้างเผือก



        “สวยใช่ไหมล่ะ” พีโนล่าพูดกับลีโอนัส ทั้งคู่นั่งมองออกไปนอกยาน ส่วนคนอื่นๆอยู่ในห้องอาหาร พวกเขากำลังมองดูดาวหางจำนวนนับไม่ถ้วนโคจรอยู่รอบสุสานแห่งจักรวาลที่ซึ่งถ้ามองตอนนี้จะเห็นแต่เพียงกลุ่มก้อนอุกกาบาตเท่านั้น



        ขณะที่ลีโอนัสมองออกไปยังดวงดาวที่ระยิบระยับภายนอกยานเขาก็หันมามองพีโนล่าเป็นระยะ ความสดใสและเสียงที่ไพเราะอ่อนหวานของเธอทำให้เขาหลงไหลเธอ



        “ดาวหางคาบโคจรยาว... กว่าหมื่นดวงโคจรระหว่างระบบสุริยะของโลกกับดาววีคาลเมอร์จ้ะ”พีโนล่าบอก”และยังมีดาวหางคาบโคจรสั้นกว่าล้านดวงโคจรรอบสุสานแห่งจักรวาลนี้”



        ดาวหางคาบโคจรยาวคือดาวหางที่โคจรครบรอบมากกว่า200ปีขึ้นไป



        กลุ่มดาวหางหลายดวงกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆรอบๆกลุ่มอุกกาบาตที่มองจากตรงนี้เหมือนว่ามันจะเกาะกลุ่มเป็นก้อนเดียวกัน ยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์บินตามส่วนหางของดาวหางดวงหนึ่งไป



        “ดาวหางนางฟ้าจ้ะ…เป็นดาวหางคาบโคจรสั้นที่สุดที่โคจรรอบสุสานแห่งจักรวาล” พีโนล่ากล่าว



        ดาวหางนางฟ้านำยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์ผ่านอุกกาบาตขนาดใหญ่มากมาย อุกกาบาตตรงบริเวณนี้เป็นบริเวณที่หนาแน่นน้อยที่สุดซึ่งถ้าจะเข้าไปภายในสุสานแห่งจักรวาลต้องผ่านบริเวณนี้เท่านั้น เมื่อผ่านชั้นอุกกาบาตไปได้…. ในที่สุดยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์ก็มาถึงภายในสุสานแห่งจักรวาลซึ่งมีดวงอาทิตย์หนึ่งดวง และดาวเคราะห์เจ็ดดวงโคจรรอบมัน ยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์พุ่งตรงไปยังดาวดวงที่สาม



        “ดาววีคาลเมอร์ใช้เวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์เท่าๆกับโลกจ้ะ…” พีโนล่าพูด \"ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องการปรับเวลา...\"



                     ขณะนี้ยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์เข้าใกล้ดาวสีฟ้าสดใสที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีขาว



        ทุกคนเข้ามานั่งประจำที่ในห้องควบคุมอีกครั้ง และด็อกทามูซซี่ก็เริ่มสั่งการโดยการเรอเสียงดังหนึ่งครั้ง ทำให้เมเยอร์ต้องใช้พลังสายลมไล่กลิ่นนั้นออกไปโดยเร็ว หลังจากที่จำกัดกลิ่นออกแล้ว ทุกคนจึงรัดเข็มขัดเพื่อเตรียมเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาววีคาลเมอร์…



        ตัวยานเสียดสีกับชั้นบรรยากาศและในที่สุดยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์ผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามาได้สำเร็จ มันบินผ่านภูเขาสูงที่เรียงตัวยาวต่อกัน ซึ่งพวกมันถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้สีเขียว



        “นั่นล่ะแมกซ์ไซมัส”เมเยอร์ชี้ให้ลีโอนัสดูตึกและอาคารเรียนของมหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส มองจากบนนี้ทำให้เห็นมหาลัยมีลักษณะรูปโล่และมีถนนเส้นใหญ่ตรงกลางมหาลัยเป็นรูปกากบาท



        ยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์บินผ่านภูเขาลูกใหญ่ที่เป็นภูเขาหิน ซึ่งยอดเขาโดนตัดออกกลายเป็นลานจอดกว้างใช้จอดยานและมีอาคารขนาดใหญ่ทรงกลมหนึ่งหลัง



        ยานวีไนน์ล่อนลงสู่ถนนที่ทอดยาวสู่ลานที่มีเครื่องบินและยานอวกาศจอดอยู่มากมาย และค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านยานอวกาศรูปร่างประหลาดหลายลำซึ่งลีโอนัสสนใจยานรถถังที่มีปืนขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางมาก



        ที่แห่งนี้คือท่าอากาศยานและอวกาศยานประจำเมืองแมกซ์ไซมัส มันมีลานจอดที่กว้างขวางตั้งอยู่บนภูเขาหินสูงตระหง่านไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยมากนัก ที่แห่งนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา มีปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่ติดอยู่ที่รอบๆของลานจอดและบริเวณตัวอาคาร



        เมื่อยานจอดสนิท ทุกคนลงจากยานอย่างร่าเริงยกเว้นลีโอนัสที่ไม่อยากลงจากยาน เขาสะพายกระเป๋าขนาดใหญ่สีดำ และลากกระเป๋าสีน้ำเงินเดินตามทุกคนไป



        ทุกคนมุ่งหน้าไปทางอาคารใหญ่ทรงกลมที่ทำจากแก้วเกือบทั้งหมด อาคารหลังนี้มีส่วนที่ทำจากกระจกใสทรงกลมขนาดใหญ่อยู่บนฐานสี่เหลี่ยม ทุกมุมของฐานมีเสาขนาดใหญ่ที่โค้งงดงามลักษณะคล้ายคอของหงส์ที่ปลายเสามีอัญมณีสีแดงสดใส



        ด้านหน้าอาคารมีอัญมณีขนาดใหญ่สีฟ้าตั้งอยู่บนเสาสูง จากคำบอกของพีโนล่ามันคือไพลินขนาดใหญ่ที่สุดในวีคาลเมอร์ ชื่อว่า “บลูไชน์ดองกลาโน่



        ด็อกทามูซซี่เดินนำทุกคนผ่านประตูที่มีชายรูปร่างสูงสวมใส่เสื้อเกราะหนา และใส่หมวกเหล็กที่ปิดบังใบหน้าของเขาไว้ทุกส่วนยกเว้นปาก พวกเขาประสานมือทั้งสองข้างไว้กับคันศรที่ยาวถึงหน้าอกพวกเขา



        “ใครเหรอครับ” ลีโอนัสถามพีโนล่า



        “พลธนูสวรรค์น่ะ”พีโนล่าตอบ”ต้องเก่งพลังธาตุและต้องมีความแม่นยำสูงจ้ะถึงจะเป็นได้…แต่พวกนี้พูดภาษาคนไม่ค่อยรู้เรื่องหลอกนะ”



        พวกเขาเดินผ่านประตูที่ทำจากกระจกใสด้านหน้าอาคาร เมื่อมันเปิดออกเหล่าผู้พิทักษ์และลีโอนัสก็พบกับ ผู้คนเดินทางเข้าออกที่นั่นมากมายตรงกลางเป็นลานกว้างและมีประชาสัมพันธ์อยู่ด้านข้าง มีพนักงานใส่ชุดสีฟ้าทั้งชายหญิงทำงานอยู่ ด้านหลังพวกเขาเป็นตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนว่า ท่าอากาศยานและอวกาศยานบลูเซนต์



        “ลุงด็อกทามูซซี่!!..”เสียงหญิงคนหนึ่งเรียกด็อกทามูซซี่ เธอมากับหญิงวัยกลางคนที่มีผมหยิกสีทอง ทั้งสองคนสวมผ้าคลุมสีขาวซึ่งมีตราของผู้พิทักษ์



        “โมนาเองเหรอ”ด็อกทามูซซี่เอ่ยและตรงไปที่หญิงสาวที่ผมเป็นคลื่นยาวสีแดงเข้มและผิวขาว เธอใส่ต่างหูเป็นห่วงวงกลมขนาดใหญ่ เธอมีฐานะร่ำรวยและใส่เครื่องประดับเต็มตัว



        ทันทีที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาถึง หญิงผิวขาวที่มีผมหยิกยาวสีทองที่มากับโมนาก็เดินตรงมาหาลีโอนัส เธอก้มลงกอดเขาและหอมแก้มเขาหลายทีจนลีโอนัสหน้าแดง



        “น่ารักจังเลยหลานป้า…”หญิงคนนั้นกล่าวขึ้นด้วยความดีใจ เธอคือลิฟ เพื่อนรุ่นเดียวกับมาร์คพ่อของลีโอนัส แต่เธอดูเหมือนอายุไม่มากเท่าด็อกทามูซซี่ ใบหน้าของเธอยังคงสดใสและอิ่มเอิบ



        หลังจากนั้นหญิงที่ชื่อโมนาที่ทักด็อกทามูซซี่เมื่อสักครู่ก็กล่าวทักทายลีโอนัสอย่างยิ้มแย้มเธอดูร่าเริงเหมือนพีโนล่าแต่เธอเป็นผู้ใหญ่กว่าและดูสูงศักดิ์กว่า



        เมื่อทุกคนพร้อมหน้ากันแล้วด็อกทามูซซี่จึงเดินนำทุกคนผ่านผู้คนมากมายออกไปจากบลูเซนต์ ที่แห่งนี้มากมายไปด้วยผู้คนซึ่งส่วนใหญ่จะใส่ชุดที่มีสีสันสดใส และดูทันสมัย ไม่มีใครที่สวมผ้าคลุมเหมือนกลุ่มผู้พิทักษ์เลย



        สถานีแห่งนี้มีลานกว้างรูปวงกลมอยู่ตรงกลางและมีน้ำพุขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ตามทางเดินรอบๆลานกว้างนั้นเต็มไปด้วยร้านค้าต่างมากมาย เช่น ร้านของที่ระลึกเป็นตุ๊กตาและหมอนรูปช้างสีฟ้า ร้านขายต้นเจ็มคาเชียซึ่งภายในปิดไฟสีเหลืองสลัวๆและในร้านมีต้นเจ็มคาเชียที่ออกดอกเต็มต้นและเกสรสีแดงของมันส่องแสงสว่าง พีโนล่าบอกว่ามันเป็นต้นไม้ที่มีเกสรตัวผู้เป็นเกล็ดทับทิม



        ลีโอนัสมาหยุดตรงร้านค้าที่ขายอัญมณี เขาพบกับชนเผ่าเรพไทล่า ที่มีใบหน้าคล้ายจระเข้ พวกเขามีใบหน้าเรียวยาวมีฟันแหลมคมและปราศจากหู ยืนด้วยขาสองข้างที่มีขนาดใหญ่มีหางที่เรียวยาวเกะกะ กำลังคุยอยู่กับเจ้าของร้านอัญมณีด้วยภาษามนุษย์



        เมื่อเดินมาถึงร้านอาหารพื้นเมืองของแมกซ์ไซมัส…ลีโอนัสสังเกตเห็นชายสามคนในชุดหนังสีฟ้าทั้งชุดและหมวกขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายหมวกกันน็อกที่มีเสาแหลมๆติดอยู่ที่หมวก พวกเขาคือตำรวจ



        ตำรวจทั้งสามกำลังจับกุมชายรูปร่างท้วมที่มีท่าทีลุกลี้ลุกลน ด็อกทามูซซี่เดินเข้าไปถามและพูดคุยกับชายคนนั้น



        “ชายคนนี้ออกไปตรงลานจอดหลายรอบแล้วครับ…และทางเราได้ตรวจพบว่าเขาเข้ามาอยู่ในนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว”ตำรวจคนหนึ่งกล่าวรายงานด็อกทามูซซี่



        “เขาชื่อบอสตินเป็นอาจารย์ที่แมกซ์ไซมัสครับ”



                    \"นายมาทำอะไรที่นี่\" ด็อกทามูซซี่ซักบอสติน เวลาทำงานด็อกทามูซซี่จะมีหน้าตาที่ขึงขังกว่าปกติ



        “ผมแค่เข้ามารอญาติที่จะมาจากบอมคราซาสเท่านั้นแหละ”บอสตินพูดอย่างติดขัดเห็นได้ชัดว่าเขากลัวด็อกทามูซซี่



        “แล้วไหนล่ะญาติ”ด็อกทามูซซี่ถามขึ้น



        “เขาพึ่งโทรมาบอกเมื่อครู่ว่าจะมาวันพรุ่งนี้แทน”บอสตินโกหก



        ด็อกทามูซซี่ส่ายหน้าเขาจับพิรุธบอสตินได้ และในขณะที่เขาสั่งให้นำบอสตินไปสอบสวนต่อนั้น บอสตินนำมือไปกระชากที่คอเสื้อด็อกทามูซซี่



        “ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ…คืนนี้แกเสร็จแน่” บอสตินพูดอย่างบ้าคลั่ง



        ชายคนนั้นแอบติดอะไรบางอย่างขนาดเล็กเท่าหัวเข็มหมุดไว้ที่เสื้อของด็อกทามูซซี่ มันมีแสงสีเหลืองกระพริบเป็นระยะ



        ตำรวจทั้งสามช่วยกันแยกตัวบอสตินออกมาและนำตัวไปสอบสวนต่อ…



        หลังจากนั้นผู้พิทักษ์ทั้งแปดและลีโอนัสก็เดินจากไป….



                    ไม่ห่างไปจากบริเวณนั้นนัก ชายสองคนที่สวมชุดหนังสีดำต่างแสยะยิ้มให้กับเหล่าผู้พิทักษ์ที่เดินจากไป ชายที่มีผมยาวสีเทากล่าวกับชายผมสั้นที่มีผมตั้งตรงสีแดงว่า



        “ติดกับข้าล่ะด็อก....”

        









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×