ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vaecalmer ภาค 1 ตอนเก้าผู้พิทักษ์อัญมณีจักรพรรดิ์

    ลำดับตอนที่ #3 : V-9 Emperror....ยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 48






        เช้าวันที่ 22 บรรยากาศเช้าวันนี้ดูอึมครึมและมีหมอกลงปกคลุมหมู่บ้านธินฟิล ความเย็นและละอองน้ำแทรกซึมไปทุกพื้นที่ ด็อกทามูซซี่ใส่ชุดสูทสีดำเนคไทสีแดงเข้มเดินบ่นมาตลอดทางเดิน เขามาพร้อมกับ เมเยอร์ที่ใส่สูทตัวใหญ่สีเดียวกันกับของด็อก ท่าทางพวกเขาไม่พอใจและไม่ค่อยคุ้นเคยกับชุดที่ใส่นัก



         แม่เดินมาหาพวกเขาที่ประตู พอพวกเขาแสดงตัวว่ามารับตัวผม แม่ก็เชิญพวกเขาให้เข้าบ้านและนำน้ำเย็นมาให้ดื่ม



        ในขณะที่ด็อกทามูซซี่และเมเยอร์กำลังเล่นกับน้องสาวทั้งสองของลีโอนัสอยู่ ลีโอนัสก็หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ลงมาวางข้างบันได ทุกอย่างดูเหมือนจะเกิดขึ้นเร็ว และดูเหมือนแม่จะไม่พูดอะไรกับผมเลย มีเพียงแค่เสียงน้องสาวทั้งสองที่คอยถามเขาอยู่เป็นระยะว่าพี่จะไปไหน และในที่สุดเมื่อถึงเวลา…



         แม่กับน้องสาวทั้งสองเดินมาส่งเขาที่หน้าบ้านและใบหน้าของแม่มีแต่รอยยิ้ม เธอจับมือน้องสาวทั้งสองของผมที่ยืนอยู่คนละข้างไว้ “ดูแลตัวเองดีๆนะลูก”มิเชลกล่าวลา



        “ครับแม่…แม่ก็ดูแลตัวเองนะครับ”ลีโอนัสพูดพร้อมกับกอดแม่ของเขา



        มิเชลล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบสร้อยที่มีหัวสิงโตทองขนาดใหญ่กำลังคาบอัญมณีสีแดงที่มีเหลี่ยมระยิบระยับอยู่…เธอคล้องให้ลีโอนัส



        “พ่อรักลูกนะลีโอ…นี่คื่อสิ่งที่พ่อทิ้งไว้ให้ลูก”แม่พูดประโยคสุดท้ายก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินจากไป ทิ้งให้มิเชลยืนอยู่หน้าบ้านกับน้องสาวทั้งสองคน พวกเขามองดูลีโอนัสเดินหายลับไปกับหมอกยามเช้า



        เมื่อเดินออกจากหมู่บ้านมาได้สักระยะ พวกเขาได้มาพบกับพีดาและพีโนลาซึ่งรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ วันนี้พีโนลามีท่าทีแปลกๆ เธอหวาดกลัวอะไรบางอย่าง



        “งั้นถ้าพร้อมแล้วก็ไปต่อกันเลยนะ”ด็อกทามูซซี่ตะเบ็งเสียงดังเหมือนว่าจะแสดงอะไรให้ลีโอนัสดูอีก”ก้าวมาใกล้ๆและจับข้าไว้ให้ดีนะ”เขาพูด พีโนลาเดินมารวมกลุ่มทีหลังเหมือนเธอกลัวด็อกทามูซซี่



         ด็อกทามูซซี่ดึงเส้นผมของตนออกมาหนึ่งเส้นและลูบผมของตนให้เรียบแบบเดิม



        “ประตูแห่งลม จงเปิดรับข้าและพวกพ้อง…ด้วยปีกและขนของเจ้าเวหา ณ บัดนี้…”เขาตะโกนเสียงดังอีกครั้งทำให้ทุกคนทำหน้ารำคาญ แต่ทันใด เส้นผมเส้นนั้นก็ลอยขึ้น และหมุนวนอยู่บนหัวของทุกคน เขายิ้มอย่างภูมิใจในความสามารถของเขา และในที่สุดพายุหมุนก็ก่อตัวขึ้นและห่อหุ้มทุกคนไว้ มันหมุนวนอยู่สักพักก็สลายตัวหายไป ทิ้งไว้เพียงแต่ขนนกสีขาวที่ปลิวล่อนลงมาตรงจุดๆนั้นแทน



        ในป่าที่มีต้นไม้สูงใหญ่และใบหนาแน่น ชายรูปร่างสูงในเสื้อคลุมสีขาว หนวดเคราเต็มใบหน้า เขากำลังฝังเส้นผมสีน้ำตาลเข้มไว้กับดิน



        ไม่นานนักมันก็ก่อตัวเป็นพายุหมุน และเมื่อมันสลายตัว ผู้พิทักษ์ทั้งสี่และลีโอนัสก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับขนนกสีขาวปลิวล่อนอยู่รอบๆพวกเขา พีโนลามีสีหน้าที่ตกใจกับขนนกและเธอพยามหลบมันและปัดมันให้พ้นตัว



        “ยินดีที่ได้รู้จักลีโอนัส มันคิส….พี่ชื่อแมกซ์คราวน์…” ชายคนที่ฝังเส้นผมกล่าวทักทาย ลีโอนัสที่กำลังเวียนหัวกับพายุหมุนลูกนั้นก็กล่าวทักทายแมกซ์คราวน์กลับ เขาเป็นชายร่างสูงหนวดเคราเต็มใบหน้า มือซ้ายของเขาถือไม้เท้ายาวที่ปลายไม้เท้าเป็นอัญมณีสีเขียวใส มันคือมรกต    



        “ยังมึนอยู่เหรอคะ….”พีโนล่าพูด สีหน้าเธอยังคงหวาดระแวงอยู่  “อย่างนี้แหละ สปีล่าของลุงด็อกน่ะ….มันไม่ค่อยดีนักหรอก…”



        “สปีล่า….สปีล่าคืออะไรเหรอครับ”ลีโอนัสถามด้วยความสงสัย



        “สปีล่าคือความสามารถพิเศษที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของคนบางคนจ้ะ….ซึ่งบ้างก็มีประโยชน์บ้างก็เป็นโทษ”พีโนล่าอธิบาย”บางคนกว่าจะรู้ว่าตนเองมีสปีล่าก็แก่เหมือนตาลุงด็อกเนี่ยแหละ….เพราะว่ามันอยู่ที่เงื่อนไขด้วย…มันไม่ใช่ใช้กันง่ายๆนะ”



        “แล้วเธอล่ะมีสปีล่ารึเปล่า…” พีโนล่าถามลีโอนัส



        “ใครจะบอกกันง่ายๆล่ะ” ลีโอนัสพูดพร้อมกับยิ้มให้พีโนล่า....



                      หลังจากที่พวกเขามาถึงป่าแห่งนี้ไม่นานนัก และได้พบกับแมกซ์คราวน์หนึ่งในผู้พิทักษ์อัญมณีจักรพรรดิ์ ลีโอนัสก็ไม่รู้สึกว่าเขาจะไปถึงดาววีคาลเมอร์ได้อย่างไรจนกระทั่ง…



        “หายมึนแล้วใช่ไหม งั้นถึงเวลาแสดงฝีมือสักทีนะ”แมกซ์คราวน์หันไปทางลีโอนัส เขายิ้มทำให้หนวดที่รกรุงรังของเขาเคลื่อนไหว



        เมื่อลีโอนัสพยักหน้า แมกซ์คราวน์จึงหลับตานิ่ง ตั้งสมาธิอยู่พักหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทันใดนั้น…มรกตที่ปลายไม้เท้าของเขาก็ส่องแสงและผืนป่าที่อยู่รอบๆตัวพวกเขาค่อยๆสลายตัวเอง ต้นไม้ที่สูงและมีใบหนาแน่นสลายตัวเองกลายเป็นทราย ไม่นานนักป่ารกทึบก็กลายเป็นทะเลทรายที่มีแสงแดดเจิดจ้า



        ทุกคนปรบมือให้แมกซ์คราวน์ยกเว้นด็อกทามูซซี่ เขาทำหน้าเซ็งพร้อมกับบ่นพึมพำกับตัวเอง ด็อกทามูซซี่ยกแขนขวาที่ใส่นาฬิกาและพูดขึ้นว่า



        “บินขึ้น” หลังจากสิ้นเสียงเขา เข็มนาฬิกาก็หมุนอย่างรวดเร็วและพื้นทรายบางส่วนก็ยุบตัวลงบางส่วนก็ยกสูงขึ้นปรากฏให้เห็น….



        “ยานอวกาศ”ลีโอนัสพูดอย่างตื่นเต้นขณะที่ยานลำนั้นลอยสูงอยู่เหนือพื้น มันเป่าลมแรงออกมาจากส่วนล่างของยานทำให้มันลอยนิ่งอยู่ได้และดูเหมือนมันจะทำงานตามคำสั่งจากเสียงของด็อกทามูซซี่และผู้พิทักษ์คนอื่นๆ แรงลมจากยานทำให้ผ้าคลุมสีขาวของเหล่าผู้พิทักษ์สะบัดอย่างบ้าคลั่ง มันเป็นยานรูปทรงพระจันทร์เสี้ยวที่ตรงกลางกว้างกว่าปกติ ตัวยานเป็นสีเหลืองอร่ามและมันเงา



        “จอด” ด็อกทามูซซี่พูด ยานลำนั้นจอดลงบนพื้นทรายอย่างนิ่มนวล และพวกเขาก็ทยอยกันขึ้นยาน ดูเหมือนลีโอนัสจะตื่นเต้นกว่าคนอื่นๆเพราะนี่คือการนั่งยานอวกาศครั้งแรกของเขา



         ด็อกทามูซซี่เดินนำไปสู่ห้องควบคุมที่มีแผงควบคุมยานอยู่ด้านหน้ากระจกหนาที่สามารถมองออกไปนอกยานได้เป็นมุมกว้าง ตรงกลางห้องมีผลึกใสขนาดเท่ากระป๋องน้ำอัดลม มันถูกครอบด้วยกระจกแก้วใสทรงกลมใส ผลึกใสนี้คือคริสตัลจากวีคาลเมอร์ที่พลังของมันมีมากมายแม้ว่าขนาดผลึกจะเล็กแค่นี้



        “ยินดีต้อนรับสู่ ยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์” ด็อกทามูซซี่พูด



        “มานั่งตรงนี้ก่อนและรัดเข็มขัดด้วย…เรากำลังจะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ”เมเยอร์บอกลีโอนัส



        พีโนล่านั่งลงตรงที่นั่งของตัวเองด้านขวามือลีโอนัส เธอเปิดฝาหลอดพลาสติกใสที่ภายในบรรจุยาเม็ดกลมๆสีต่างๆไว้ เธอเคาะที่หลอดนั้น หลังจากนั้นมียาสีเหลืองเม็ดกลมโตไหลลงมา



        “กินยาแล้วนะพีโนล่า”เมเยอร์เดินมาถามพีโนล่า เธอพยักหน้าตอบขณะที่เคี้ยวยาที่แสนขมนั่น



        เมเยอร์เดินกลับไปยังที่นั่งตรงกลาง และคาดเข็มขัดพร้อมกับยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์ที่เริ่มลอยสูงและพุ่งสู่ชั้นบรรยากาศของโลกแล้วอย่างรวดเร็ว ตัวยานเสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลกทำให้เกิดความร้อนสูงมากแต่ยานไม่เป็นอะไร มันทะยานสูงขึ้นจนออกมานอกโลกได้สำเร็จในเวลาไม่กี่นาที



        ตอนนี้เบื้องหลังของพวกเขาคือโลก….แต่เบื้องหน้าคือดวงดาวที่ระยิบระยับ



        ลีโอนัสดีใจและมีความสุขจนเกือบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาไม่เคยเดินทางไปไหนไกล ไม่เคยเดินทางด้วยยานอวกาศแม้มันจะสามารถขายได้อย่างเสรีมากว่าพันปีแล้ว



        ด็อกทามูซซี่ปรับการขับเคลื่อนยานเป็นระบบอัตโนมัติสู่ดาววีคาลเมอร์ หลังจากนั้นทุกคนจึงมานั่งคุยกันในห้องอาหารขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม พื้นห้องปูด้วยพรมสีเขียวเข้ม



        ทุกคนยกเว้นเมเยอร์มานั่งที่โต๊ะอาหารขนาดใหญ่และเริ่มต้นคุยกันเรื่องสปีล่าของแมกซ์คราวน์ที่สามารถเปลี่ยนพื้นที่รอบๆตัวเขาให้กลายเป็นทะเลทราย ทำให้ด็อกทามูซซี่ทำหน้าเบื่อหน่าย เขาจึงพูดเปลี่ยนเรื่อง



        “รู้จักพลังธาตุไหมลีโอ”ด็อกทามูซซี่พูดอย่างตื่นเต้น”พ่อของเธอ เก่งด้านนี้มากเลย”



        “เหรอครับ”ลีโอนัสทำเสียงราบเรียบแต่ที่จริงเขาอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพ่อมากๆ



        “ใช่ๆ….พลังธาตุน้ำที่โจมตีได้อย่างดุดันของเขา”แมกซ์คราวน์พูด “แล้วเธอล่ะ…ธาตุน้ำเหมือนพ่อรึเปล่า”



        “เอ่อ…ไม่รู้เหมือนกันครับ”ลีโอนัสตอบ



        “นี่เธอยังไม่รู้ธาตุของตัวเองเหรอ”พีโนล่าประหลาดใจ เนื่องจากชาววีคาลเมอร์จะได้รับการตรวจธาตุตั้งแต่ยังเด็กทุกคน



        “’งั้น….พวกเราจะตรวจให้เอง” ด็อกทามูซซี่พูดพลางยิ้มอย่างมีความสุข…

        

                     สีหน้าทุกคนในห้องดูเริงร่าขึ้นในทันที ทุกคนลุกขึ้นและมาอยู่บริเวณข้างโต๊ะอาหาร



        “นึกถึง*รูปปั้นเทพีธาตุทั้งสี่*จัง”ด็อกทามูซซี่พูดแต่ลีโอนัสทำหน้างง



        \"เป็นรูปปั้นที่ใช้ในการตรวจสอบธาตุน่ะ”พีโนล่าบอก



        “เริ่มที่ธาตุดินก่อนเลยมา…”แมกซ์คราวน์กล่าวพร้อมกับกระแทกไม้เท้าลงบนพื้นและแสงของมรกตที่ปลายไม้เท้าก็เปล่งขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับกองดินปรากฏขึ้นบนพื้นของยาน



        “ขึ้นมาบนกองดินกองนี้ซิ”แมกซ์คราวน์พูด”จับไม้เท้าของข้าไว้…หลับตาและตั้งสมาธินึกถึงภาพกองดิน…หิน…หรืออะไรก็ได้ที่เป็นดิน”



        “ถ้าพร้อมก็กระแทกไม้เท้ากลับพื้นเลยนะ”แมกซ์คราวน์อธิบายต่อ



         ขณะนี้เหล่าผู้พิทักษ์ต่างตื่นเต้นกับผลที่จะออกยกเว้นพีดาที่ยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ลีโอนัสหลับตานิ่งอยู่นานแล้วเขาจึงตัดสินใจยกไม้เท้าแล้วกระแทกลงที่พื้น แต่ก่อนที่เขาจะลืมตา….



        ”ธาตุดิน!!!”เสียงแมกซ์คราวน์ร้องดีใจทุกคนทำหน้าไม่พอใจ



        ลีโอนัสลืมตาทำให้เห็นว่าทุกคนยืนอยู่บนกองดินที่เขาสร้างขึ้น



        “แต่อาจเป็นธาตุผสมเหมือนโทมัทก็ได้นะ….”พีโนลาอ้างถึงโทมัท หนึ่งในผู้พิทักษ์ซึ่งลีโอนัสยังไม่เคยเห็น



        “อืม..งั้นลองธาตุน้ำต่อเลยดีกว่า” ด็อกทามูซซี่พูด”พีดา…ช่วยหน่อยนะ”



        พีดานำมือข้างซ้ายไปจับที่ไพลินสีฟ้าที่เธอคล้องอยู่และใช้มือขวาจับที่แขนขวาลีโอนัสและหันไปทางอ่างล้างจานแล้วเสียงที่เยือกเย็นของเธอก็กระซิบที่ข้างหูของเขา…



        “แบฝ่ามือ….เกร็งไว้แล้วพูดว่า.. ปลา”



        ทันทีที่เขาทำตามปลาหน้าตาแปลกประหลาดก็กระโดดไปมาในอ่างล้างจาน



        “ธาตุผสม ดิน-น้ำ เหมือนโทมัทเลยเหรอ”พีโนล่ากล่าว



        “แล้วถ้าเป็นธาตุสามล่ะ” ด็อกทามูซซี่ยังไม่ยอมเลิกเขาอยากให้ลีโอนัสมีธาตุลมเหมือนเขา



        “ใช่ๆโอกาสเป็นหนึ่งคนในสิบล้านคนเนี่ยนะ”แมกซ์คราวน์พูดประชด



        “แต่ก็ลองหน่อยเป็นไร”ด็อกทามูซซี่พูดพร้อมกับก้าวเท้ามาใกล้ลีโอนัส



        ในทันใดนั้นเมเยอร์วิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับท่าทีอันตื่นตระหนก



        “ยานรบของบลูเวิลด์ตรวจพบเราแล้ว…”



        “ไปลุยกันเถอะ”ด็อกทามูซซี่พูดและวิ่งออกไป…ทุกคนตามไปติดๆ



        กลุ่มยานรบขนาดเล็กของระบบบลูเวิลด์ประมาณสามสิบลำบินอยู่รอบๆยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์ และมีออกมาจากยานลำใหญ่ที่ดูเหมือนเป็นยานบัญชาการอีกหลายลำเหมือนว่ายานลำนั้นมียานบรรทุกอยู่เป็นพันลำ



        “นี่คือยานบีเอฟ สามศูนย์สาม ยานองครักษ์ในบลูเวิลด์… ยานของท่านไม่มีใบอนุญาต …โปรดชะลอความเร็ว…เจ้าหน้าที่ของเราจะขึ้นไปตรวจภายในสามนาทีนี้”เสียงดังมาจากยานรบที่บินนำยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์อยู่ทางด้านข้างเล็กน้อย



        เหล่าผู้พิทักษ์ยืนนิ่งเหมือนไม่ได้ยินเสียงนั่น ด็อกทามูซซี่หันไปทางเมเยอร์ตบไหล่เขาและพูดว่า



        ”พอไหวไหม” เมเยอร์พยักหน้าและพูดว่า “พลังในบุษราคัมของผมยังพอเหลือน่ะ...หายห่วง”



        “แต่ก่อนอื่น…พีดาช่วยคุ้มกันเราก่อนนะ”ด็อกทามูซซี่มองไปที่พีดาที่พยักหน้าและเช่นเคยเธอกำไพลินสีฟ้าของเธอไว้และ เหยียดแขนขวาออกไปพร้อมกับแบมือที่กำอยู่และภาพโล่ที่เรืองแสงสีขาวขนาดเล็กก็ปรากฏอยู่บนฝ่ามือของเธอ จากหนึ่งเพิ่มเป็นสอง มันแบ่งตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนนับไม่ถ้วน



        ลีโอนัสยังคงสงสัยว่าพวกเขาจะทำอะไรกัน เขามองไปที่พีโนล่าเพื่อหาคำตอบ



        “สปีล่าของพีดา….สามารถสร้างโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่างจ้ะ”พีโนล่ากล่าวอย่างเริงร่า



        ยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์ลอยตัวขึ้นสูงและเร่งความเร็วยานอย่างสูงสุดแต่ทว่าปืนเลเซอร์จากยานรบของบลูเวิลด์ก็ระดมยิงเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง



        รอบๆยานรูปพระจันทร์เสี้ยวของเหล่าผู้พิทักษ์นั้นเต็มไปด้วยโล่รูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ส่องแสงสีขาวสว่างไสว ไม่ว่าลำแสงสีเหลืองของเลเซอร์จะยิงมาทางไหนก็ถูกโล่ป้องกันและสะท้อนกลับออกไปได้หมด



        ยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์เร่งความเร็วสูงสุดและหนีออกจากวงล้อมของยานรบได้สำเร็จ…แต่ไม่นานนักยานขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยมสีดำจำนวนยี่สิบลำได้บินตามหลังยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์มา พวกมันกราดเลเซอร์เข้าใส่ยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์



        “ตื้อจริงนะ”เมเยอร์พูดเขายิ้มและหัวเราะเบาๆ



        ทันใดนั้นยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์หายไปไม่เหรอร่องรอยอะไรไว้โดยนักบินของยานรบมองไม่เห็นและไม่สามารถตรวจพบอะไรได้เลย



        “มันหายไปแล้วครับผู้พันเคอซา” เสียงนักบินเครื่องบินรบลำหนึ่งรายงานต่อผู้บังคับบัญชา



         “….และเราตรวจไม่พบบนจอเรดาห์ด้วยครับ”



        ยานวีไนน์เอ็มเพอเรอร์หายไปอย่างไร้ร่องรอย…ไม่ใช่แค่ล่องหน แต่ไร้มวลสาร....







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×