ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vaecalmer ภาค 1 ตอนเก้าผู้พิทักษ์อัญมณีจักรพรรดิ์

    ลำดับตอนที่ #2 : The Mail From Maxaimus....จดหมายจากแมกซ์ไซมัส

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 48


                              

                “พ่อ...พ่อใช่ไหมครับ”เสียงลีโอนัสบ่นพร่ำเพ้อบนเตียงผ่าตัด เขาพยามลืมตาขึ้นแต่ดวงตาของเขาไม่สามารถสู้แสงไฟในห้องผ่าตัดที่ส่องลงมาได้ เขามองเห็นร่างที่เลือนลางสีขาวที่ยืนรายล้อมเขาอยู่รอบเตียงเขา

                “สิ่งนี้อาจช่วยเขาได้แต่ข้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะใส่มันลงไปในตัวเขา”ด็อกทามูซซี่กล่าวเสียงดังอยู่ข้างลีโอนัส

                “ได้โปรดเถอะ...ถ้าเราไม่รีบผ่าตัดเขาจะตายภายในชั่วโมงนี้แน่…”มิเชลจ้องหน้าด็อกทามูซซี่เขม็ง ดวงตาของเธอแดงก่ำไปด้วยน้ำตา

                ด็อกทามูซซี่เบือนหน้าหนี

                “หรือจะให้ข้าคุกเข่าต่อหน้าเจ้า...”มาร์คมองไปที่ด็อกทามูซซี่ด้วยสายตาวิงวอน “นี่ลูกชายข้านะด็อก....” แต่ด็อกทามูซซี่ยังคงกล้ามองทั้งคู่

                “ได้โปรดเถอะ..”มิเชลและมาร์คคุกเข่าต่อหน้าด็อกพร้อมกัน

                ในห้องเงียบสงัดมีแต่เสียงเลีโอนัสที่ยังคงบ่นพร่ำเพ้อและพยามใช้มือของตนคว้าไปยังเหล่าผู้พิทักษ์ที่ยืนรายล้อมอยู่รอบๆตัวเขาและเรียกหาพ่อเช่นเดิม

                แต่แล้วเสียงเตือนของเครื่องวัดระดับการเต้นของหัวใจก็ดังขึ้น...ดังขึ้น...มันถี่ขึ้นเรื่อยๆจนดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นเสียงลากยาวในไม่ช้า

                “ขอโทษนะมิเชล...มาร์ค”ด็อกทามูซซี่ประคองพวกเขาขึ้นมา

                “ข้าจะไม่ลำบากใจเลยถ้านี่มันไม่ใช่...”ด็อกทามูซซี่พูดอย่างกระอักกระอ่วน

                “หัวใจจอมมาร”เขาพูด

                

    ห้าปีหลังจากนั้น

                กึก……กึก…..เอี๊ยด………………

                เสียงประตูเหล็กขึ้นสนิมของโรงเรียนเปิดออกอย่างช้าๆ เสียงของมันทำลายความเงียบที่สถิตอยู่บริเวณนั้นจนหมดสิ้น……แล้วเด็กหนุ่มสูงเกือบ6ฟุต ผมสั้นสีทองก้าวเท้าออกมาอย่างช้าๆจากประตูโทรมๆนั่น…..เขาผ่านประตูนั้นออกมา….ดวงตาสีฟ้าของเขาดูหดหู่กว่าปกติ….

                                        อ๊อด………กึก…ตึง!!!………….ประตูนั่นถูกปิดลงด้วยเสียงอันโหยหวน……

    เด็กหนุ่มคนนั้นมุ่งหน้ากลับบ้านของเขาด้วยท่าทางอันเหน็ดเหนื่อย ขณะที่แสงแดดเริ่มจะหมดไปเขาก็เดินมาถึงมุมถนนและหยุดตรงถังขยะทรงกลมที่มีสีต่างกันสี่ถัง….เขาล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีฟ้าขาดๆของเขา…..และหยิบซองจดหมายสีขาวออกมา…..

    บนซองจดหมายนั้นเขียนว่า  +++ลีโอนัส    มันคิส+++

    เขาตัดสินใจไม่นานแล้วโยนมันลงถังขยะไป….จดหมายนี้ไม่มีค่าอะไรกับเขาข้อความภายในเต็มไปด้วยข้อความที่แสดงความเสียใจและปลอบปะโลมเขาซึ่งเขาไม่ต้องการมัน…..

            หลังจากที่เขาทิ้งจดหมายแสดงผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยลงถังขยะเปียกไปแล้วเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น

            “คุณลีโอนัส….คุณทิ้งขยะผิดถัง….เป็นการทำผิดวินัยครั้งที่สองร้อยสามสิบสาม….เราจะส่งใบชำระค่าปรับไปที่บ้าน…ขอบครุบบบ…คุณ”ไม่ทันสิ้นเสียงจากถังขยะ ลีโอนัสเตะเข้าที่ถังขยะใบนั้นหนึ่งที ทำให้เสียงของมันรวน

            “ทำลายของส่วนรวม…เป็นการทำผิดวินัยครั้งที่สองร้อยสามสิบสี่”ลีโอนัสโมโหจัดและเตะรัวเข้าใส่ถังนั่นอย่างไม่ยั้ง

            เขาเดินจากไปทิ้งให้ถังขยะส่งเสียงต่อไปเรื่อยๆ “สองร้อยสามสิบห้า….สองร้อยสามสิบหก…สองร้อยสามสิบเจ็ด….สองร้อยสามสิบแปด….”

                        ภายหลังพระอาทิตย์ตกดินไปไม่นานนัก แต่ยังคงพอมีแสงจากเสาไฟบ้างเป็นระยะๆ….สายลมอุ่นๆยามเย็นได้พัดผ่านไปอย่างอืดอาด บรรดานกและสัตว์หลายชนิดกำลังกลับรังของพวกมันด้วยความสุข แต่ทว่าลีโอนัส เด็กหนุ่มรูปร่างสูง กำลังเดินกลับบ้านคนเดียว…เขากลับบ้านพร้อมกับความผิดหวังที่สอบไม่ติดที่ใดเลย

                        เขามองดูนกคู่หนึ่งบินผ่านยอดไม้ไป เขาคิดกับตัวเองว่าอยากกลับบ้านอย่างมีความสุขอย่างนกเหล่านั้นบ้าง กลับไปพร้อมรอยยิ้มและพบกับพ่อ แม่ น้องๆที่รอเขารับประทานอาหาร ความสุขในการรับประทานอาหารด้วยกันพร้อมหน้าคงเป็นบรรยากาศที่เขาไม่สามารถสัมผัสได้…..

            ขณะที่แสงอาทิตย์หมดไปและถูกแทนที่ด้วยแสงจันทร์สลัวๆทำให้บรรยากาศรอบตัวของลีโอนัสดูวังเวงยิ่งขึ้น ความเย็นเริ่มแทรกซึมเข้าสู่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เบาบางของเขา

                         เขาเดินผ่านตามทางเดินที่เต็มไปด้วยต้นไม้  ซึ่งเป็นทางลัดกลับบ้านของเขา  เงาของพวกมันดูเหมือนสัตว์ประหลาดรูปร่างสูงใหญ่  เขาเปิดไฟฉายขนาดเล็กที่พกไปโรงเรียนทุกวัน และเพิ่มความเร็วในการเดิน….แสงจากไฟฉายและแสงจากพระจันทร์ช่วยให้เขาพอมองเห็นทางเดินและกิ่งไม้ที่ขวางทางได้

                             เขาเดินผ่านบริเวณที่ก่อสร้างร้างๆแห่งหนึ่ง และเขาต้องเพิ่มความเร็วในการเดินขึ้นอีกเมื่อเขาเห็นแสงสว่างในป่าบริเวณขวามือของเขาแสงนั้นสว่างมากจนเขามองเห็นใบหน้าของคนใส่ผ้าคลุมสีขาวและห้อยแสงนั้นอยู่ แต่แล้วเมื่อเขามองไปทางมันอีก แสงนั้นก็ดับลงเหมือนคนนั้นรู้ว่าเขากำลังมอง

                เขารีบเดินอย่างรวดเร็ว …. หัวใจเขาเต้นแรงมากจนเหมือนมันจะหลุดออกมา…เขารู้สึกว่ามันตามเขามาอย่างรวดเร็ว…แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองก็ไม่พบอะไร

                ในที่สุดลีโอนัสก็เดินมาถึงบริเวณหน้าหมู่บ้านที่เขาอยู่…. ความตื่นเต้นของเขาลดลงไปมากและเขารู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นช้าลงจนเกือบเป็นปกติ….

    เขาเดินผ่านทางเข้าหมู่บ้านที่มีป้ายขนาดใหญ่อยู่บนเสาสองต้นที่ทำด้วยปูน บนป้ายเขียนว่า    ***หมู่บ้านธินฟิล***    

                            …. ลีโอนัสนึกขึ้นได้ว่าปกติจะมีไฟภายในหมู่บ้านแต่นี่ไม่มีแสงอะไรเลยนอกจากแสงจันทร์สลัวๆ…..

    หลังจากเดินเข้ามาได้ระยะหนึ่งเขาเลี้ยวตรงซอยที่สามทางขวามือ และมีป้ายเขียนว่า *ซอย6*

                ทันใดนั้นเขาต้องหันกลับไปมองบนเสาไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมซอย5 เขาเห็น….

                                                 “คนอยู่บนเสาไฟฟ้า…..เป็นไปไม่ได้” เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง

                            เขามองเห็นไม่ชัดเจนในความมืดเช่นนี้….เขารู้สึกได้ว่าคนที่อยู่บนเสาไฟมองมาทางเขา…. คนๆนั้นมีรูปร่างสูงไม่มากนัก…เขาใส่ผ้าคลุมที่ยาวดูไม่สมส่วนเท่าไรนัก….

                            ในทันใดนั้นเขาสะบัดผ้าคลุมและวิ่งไปตามสายไฟ….ทำให้ลีโอนัสเห็นแสงสีเหลืองส้มสว่างที่อยู่ข้อมือทั้งสองของเขา…..แล้วเขาก็กระโดดลงมาจากเสาไฟและหมุนตัวกลางอากาศและลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล…. ภายหลังจากที่เขาลงสู่พื้นไม่นานนัก ไฟทุกดวงในหมู่บ้านก็ติดขึ้นพร้อมๆกัน แสงสว่างทำให้ลีโอนัส มองเห็นเขาชัดเจนขึ้น…. เขาคือเด็กหนุ่มผู้ชายผิวขาว มีผมสีดำและท่าทางซุกซน

    ทันใดนั้นมีสิ่งๆหนึ่งปรากฏขึ้นจากความมืด…ชายร่างสูงใหญ่และมีแสงสว่างใสอยู่บนหน้าอก…ก็ปรากฏตัวข้างคนที่เพิ่งโดดลงมาจากเสาไฟ….ทั้งคู่สวมผ้าคลุมสีขาวและจ้องมาทางลีโอนัส

                “จะบอกเขาเลยเหรอ เมเยอร์” เสียงอันทุ้มและนุ่มนวลของชายรูปร่างสูงพูดขึ้น

                แล้วเสียงอันแหลมเล็กเหมือนเด็กก็พูดตอบกลับไป

                “นี่คิดเองไม่ได้รึไง…  คุณลุงด็อก!!!”

    ชายที่ชื่อด็อกหันกลับไปมองที่เมเยอร์ที่สูงแค่ไหล่ของเขาและทำตาขวางพร้อมกับแสยะยิ้ม

    แล้วด็อกจึงพูดขึ้น  “ใครให้เรียกข้าว่าด็อก!” และแสงสว่างที่บริเวณหน้าอกของเขาก็สว่างจ้าขึ้นแสดงถึงความโกรธของเขา

                “ได้ๆ…ไม่เรียกก็ได้….” เมเยอร์รีบพูดขึ้น “แต่ผมว่าเข้าไปหาเขาเลยดีกว่านะ….ยังไงเขาก็เห็นเราแล้ว” แล้วชายทั้งสองก็เดินตรงมาที่ลีโอนัส ….แต่ทว่า….

                 “มายืนอยู่หน้าบ้านทำไมล่ะลูก”เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนตะโกนขึ้น เธอมีดวงตาสีฟ้าและผมยาวสีน้ำตาล เธอคือมิเชล แม่ของลีโอนัส

                “ครับๆจะเข้าไปแล้วครับ” ลีโอนัสพูด

                เขาหันหลังกลับไปมองและเห็นว่าชายทั้งสองหายไปแล้ว….ทิ้งไว้แต่ความสงสัยในจิตใจของเขา



                                                       vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv

        

                แสงแดดที่เจิดจ้าของกลางเดือนพฤษภาคมสาดแสงไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ทุกๆคนไม่อยากออกจากบ้าน แต่ทว่าบ้านเดี่ยวสองชั้นในหมู่บ้านธินฟิลหลังหนึ่งเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ ป้ายหน้าบ้านที่เขียนว่า +++บ้านมันคิส+++

                นางมิเชล  มันคิส แม่ของลีโอนัส พาลูกสาววัย 10 ขวบของเธอ…. ลิลลี่กับโรสออกมานั่งรับลมเย็นๆใต้ต้นไม้ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าวภายนอก

                ในขณะที่มิเชลกำลังสอนการบ้านให้กับลูกสาวจอมดื้อทั้งสองคนมีบุรุษไปรษณีย์คนหนึ่งมาส่งจดหมายที่หน้าบ้าน…

                มิเชลเดินไปหยิบจดหมายที่เสียบอยู่กับรั้วบ้าน บนซองจดหมายส่งมีตรามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ตรามหาวิทยาลัยนั้นเป็นรูปโล่และเขียนว่า มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส โดยจ่าหน้าซองถึงลีโอนัสลูกชายของเธอ…มิเชลยิ้มด้วยความปราบปลื้มเธอกำจดหมายไว้แน่น



                                                        vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv

        

            ลีโอนัสเดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน และเมฆฝนที่ก่อตัวอยู่นานแล้วก็เริ่มปลดปล่อยเม็ดฝนลงมา…

    ลีโอนัสจึงรีบวิ่งกลับบ้าน ในขณะที่ฝนกำลังโปรยปราย  ลีโอนัสได้วิ่งมาถึงหน้าบ้านแต่แล้วเขาต้องหันกลับไปมองที่ซอย5 ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับซอยบ้านของเขา เขาเห็นคนสี่คนที่สวมผ้าคลุมสีขาวทุกคนและทั้งหมดมองมาที่เขาและยิ้มให้…. ลีโอนัสหันกลับและเดินเข้าบ้านไป….

            หลังจากที่ลีโอนัสอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาได้ลงมารับประทานอาหารพร้อมแม่และน้องๆ เขานั่งลงและเห็นแม่ของเขายิ้มอย่างมีความสุข

            “นี่ลูกจะไม่บอกข่าวดีให้แม่รู้เลยเหรอจ๊ะ…ผลสอบประกาศแล้วไม่ใช่เหรอ” เธอเอ่ยขึ้น

    ลีโอนัสรู้สึกไม่สบายใจที่จะบอกแม่ว่าเขาสอบไม่ติดที่ไหนเลย ในขณะที่เขากำลังจะพูดออกไป แม่ของเขาก็กล่าวขึ้นพร้อมกับยกซองจดหมายที่ถูกเปิดแล้ว

                “นี่ไงจ๊ะ…ลูกสอบติดที่แมกซ์ไซมัสไม่ใช่เหรอ”

                คิ้วของลีโอนัสขมวดขึ้นด้วยความสงสัย “ผมไม่เคยสอบของมหาลัยแมกซ์ซิ..เอ่อ..แมกไซมาสนี่เลยนะครับ” ลีโอนัสบอกแม่ด้วยความแปลกใจ

                น้องสาวฝาแฝดของเขาหันมามองที่เขาและทำคิ้วขมวดตามพี่ชาย ลีโอนัสไม่รู้จักมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาติดที่นั่นได้อย่างไร

                “ก็นี่ไง….เขาส่งจดหมายมายืนยันผลการสอบ”มิเชลพูดรอยยิ้มของเธอยังคงไม่ลบเลือน

    ลีโอนัสเดินไปหยิบจดหมายและอ่านมันด้วยความงุนงง

    ...................................................................................................................................................................

                                มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส

                                แมกซ์ไซมัสซิติ้  ดาววีคาลเมอร์

    เรียน คุณลีโอนัส มันคิส

                ข้าพเจ้า นายสมิธ    อังเคิลไวน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส ขอแสดงความยินดี เนื่องจาก นายลีโอนัส    มันคิส สามารถสอบเข้าศึกษาต่อในคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส กรุณามารายงานตัวในวันแรกพบ วันที่ 24 พฤษภาคม นี้ เราจะส่งอาจารย์ของเราไปรับตัว ในวันที่22 พฤษภาคม เราหวังอย่างยิ่งว่าจะพบท่านในวันแรกพบ

                            ขอความสงบรับท่านไว้ในอ้อมกอด

                                                                                                                           สมิธ   อังเคิลไวน์

                                                                                                                                

                                                                                                                  (นายสมิธ       อังเคิลไวน์)

    ...................................................................................................................................................................    

                แม่ของลีโอนัสยิ้มไม่หุบเลยตลอดการกินข้าวในมื้อนั้นและน้องสาวทั้งสองก็คิ้วขมวดตลอดการรับประทานอาหารมื้อนั้นเช่นกัน



    vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv



                กลางดึกคืนนั้นลีโอนัสได้แต่ครุ่นคิดเกี่ยวกับจดหมายและมหาวิทยาลัยที่ชื่อแมกซ์ไซมัส ภายในห้องของเขาบนชั้นสองของบ้าน เขาลุกขึ้นเปิดหน้าต่างรับไอเย็นจากภายนอก และลงมานอนก่ายหน้าผากอ่านจดหมายนั่น……….

                ไม่นานนักลมที่เยือกเย็นได้พัดเข้ามาภายในห้องและ….

                ……ตึ้ง!!!....     เสียงหน้าต่างปิดลงพร้อมกับร่างของคนสี่คนปรากฏอยู่เบื้องหน้าลีโอนัส…ทุกคนสวมเสื้อคลุมสีขาว มีตราสัญลักษณ์สีเขียวขนาดใหญ่เป็นรูปขนนกไขว้กันอยู่เหนือวงกลมที่ชายผ้าคลุม ทุกคนมีอัญมณีที่มีสีแตกต่างกันในแต่ละคนและทุกคนยิ้มให้ลีโอนัสอย่างเป็นมิตร…..

                แต่รอยยิ้มเหล่านั้นไม่ช่วยให้ลีโอนัสรู้สึกเป็นมิตรเลย  เขาจำได้ว่าชายสองคนในนี้คือคนที่เขาเห็นเมื่อเมื่อวานแต่วันนี้มีหญิงสาวเพิ่มมาอีกสองคน

                 เขาพยายามคุมสติเอาไว้และมองไปรอบๆหาสิ่งของมาที่จะใช้ป้องกันตัว เขามองไปที่วิทยุในขณะที่ชายรูปร่างสูงกำลังจะอ้าปากพูด….

                 ลีโอนัสหยิบวิทยุขึ้นฟาดเข้าที่ไหล่ของชายคนนั้นและวิ่งไปที่ประตูเพื่อจะหนีออกจากห้อง แต่เมื่อเขาไปถึงหน้าประตู….

                หญิงสาวที่ใส่แว่นตานำมือข้างหนึ่งของเธอจับกับอัญมณีสีฟ้าใสที่เธอใส่อยู่และมืออีกข้างสัมผัสกับฝาผนังบริเวณด้านที่มีประตูอยู่….ทันใดนั้นประตูก็เริ่มปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง…แต่คงไม่ใช่เพียงแต่ประตูที่เป็นน้ำแข็งเพราะฝาผนังทั้งหมดตั้งแต่บริเวณที่มือของเธอสัมผัสนั้น…กลายเป็นน้ำแข็ง   ขณะนี้ลีโอนัสไม่สามารถออกจากห้องได้

                “พวกเรามาดีนะลีโอนัส…จำลุงได้ไหมล่ะ…” ชายรูปร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับบีบที่ไหล่ขวาที่ถูกลีโอนัสฟาดด้วยวิทยุ…

                “ลุงเหรอ……ผมไม่มีลุง” ลีโอนัสพูดขึ้นด้วยความสงสัย

                “พวกเราเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอ…พวกเราทำงานด้วยกันและ….เขาให้มารับเธอ” ชายหนุ่มตัวเล็กที่ลีโอนัสเห็นเขาไต่สายไฟพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

                “พ่อเหรอ….พ่อไม่มาสนใจผมตั้งสิบปีแล้ว….แล้วทำไมถึงจะมาสนใจผมตอนนี้ล่ะ”ลีโอนัสพูดด้วยความโกรธพ่อ….

                “มาร์คให้มารับตัวเธอไปเรียนต่อที่แมกซ์ไซมัสน่ะ”หญิงสาวที่ใช้พลังน้ำแข็งพูดขึ้น แต่ลีโอนัสก็ยังไม่รับฟัง

                “ช่วยใจเย็นๆฟังพวกเราก่อนนะเราไม่ทำอะไรเธอหรอก….” หญิงสาวผมยาวสีบรอนซ์พูดขึ้นด้วยเสียงใสๆ เสียงนั้นทำให้ลีโอนัสผ่อนคลายและใจเย็นลง

                เมื่อเห็นว่าลีโอนัสมีท่าทีที่ใจเย็นลงชายรูปร่างผอมสูงที่ยังคงเจ็บหัวไหล่ก็พูดขึ้นและเหลือบมองไปที่วิทยุที่หล่นอยู่บนพื้นด้วยความระแวง

                 “ก่อนอื่นพวกเราขอแนะนำตัวเองก่อน….ลุงชื่อด็อกทามูซซี่ลุงเป็นคนที่มารับพ่อเธอตอนเธออายุได้เจ็ดขวบไง” แล้วด็อกทามูซซี่ก็ฉีกยิ้มอีกครั้ง

                “พี่ชื่อเมเยอร์…ขอโทษที่วันนั้นกินไฟหมู่บ้านเธอไปนะ… “ชายหนุ่มที่มีผมดำตัวค่อนข้างเล็กสวมอัญมณีสีเหลืองส้มกล่าวขึ้น

                “ส่วนพี่… พี่ชื่อพีดา…ต้องขอโทษที่ใช้น้ำแข็งกับเธอนะ…ไม่ตกใจใช่ไหม” หญิงสาวที่ใส่แว่นตารูปไข่กล่าวทักทายลีโอนัส เธอมีผิวขาวและผมสีแดงเข้ม  

                และเด็กหญิงผมบรอนซ์ที่สวมใส่อัญมณีสีเหลืองสดก็เอ่ยขึ้น

                “พี่ชื่อพีโนล่าค่ะ….ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” และอีกครั้งที่เสียงอันอ่อนหวานของเธอทำให้ลีโอนัสเคลิบเคลิ้ม

                “เธออายุครบ18แล้วนะ…และเธอต้องเรียนต่อ” ด็อกทามูซซี่เริ่มต้นหว่านล้อม

    ลีโอนัสให้ยอมไปเรียนต่อที่แมกซ์ไซมัสที่ๆพ่อของเขาจัดไว้ให้ เขาต้องอธิบายเรื่องจดหมายและเรื่องที่พวกเขาทำ  ซึ่งลีโอนัสรู้สึกว่าด็อกทามูซซี่พูดได้หน้าเบื่อมากแม้ว่าด็อกจะฉีกยิ้มเป็นระยะ

                “เราถูกเรียกว่า…. ผู้พิทักษ์แห่งอัญมณีจักพรรดิ์”เสียงใสๆของพีโนล่าพูดขึ้นซึ่งทำให้ลีโอนัสตั้งใจฟังมากขึ้น  “เราทำงานให้กับรัฐบาลดาววีคาลเมอร์ ”

                “วีคาลเมอร์เหรอครับ…ชื่อไม่คุ้นเลยนะ”เขาพูดขึ้น

                “เป็นดาวที่สงบสุขจ๊ะ…พวกเราหนีตัวเองออกจากระบบบลูเวิลด์ของโลกน่ะ”พีโนล่าตอบ

                “ดาวของเราเต็มไปด้วยอัญมณี….ซึ่งทุกอณูของมันเต็มไปด้วยพลังมหาศาล”ด็อกทามูซี่พูดพร้อมกับทำตาโตเพื่อให้ลีโอนัสสนใจ แต่ลีโอนัสกับทำเฉย

                “พวกเราใช้พลังจากมันออกมาในรูปแบบต่างๆ…และรูปแบบของพลังงานที่ซับซ้อนนี้ทำให้เราเสมือนมีเวทย์มนตร์”เมเยอร์กล่าวเสริมด็อกทามูซซี่

                เรื่องพลังนี้เป็นสิ่งที่ลีโอนัสเชื่อพอสมควรเพราะเขาเคยเห็นพ่อใช้ในตอนที่เขายังเด็ก…

                ลีโอนัสเริ่มไว้ใจผู้พิทักษ์ทั้งสี่มากขึ้น…ทุกคนในห้องสนทนากันยกเว้นพีดาที่ไม่ค่อยพูดอะไรนัก…เธอดูสุขุมและเยือกเย็นเหมือนพลังน้ำแข็งของเธอ

                “ไปกับพวกเราเถอะนะ…นี่คือจดหมายที่พ่อเธอฝากมาให้”ด็อกทามูซซี่พูดพร้อมกับส่งจดหมายให้ลีโอนัส

                พ่ออยากให้ลูกมาเรียนต่อที่นี่ เพื่อจะได้เรียนรู้วิชาความรู้ที่อยากเรียน และลูกจะสามารถปกป้องแม่ของลูกได้ พ่อจัดการทุกอยากไว้ให้ลูกแล้วและพ่อให้ผู้พิทักษ์ทั้งสี่คนไปรับลูกที่โลกเขาจะดูแลลูกเอง

                ขอให้ลูกรู้ว่าพ่อมีเหตุผลที่ทิ้งลูกกับแม่ไป พ่อมีงานและภาระสำคัญที่สุดที่จะต้องดูแล…พ่ออยากให้ลูกเข้าใจในตัวพ่อ

                            พ่อเป็นห่วงและรักลูกเสมอ

                                    มาร์ค…

                “งั้นผมจะไปถามพ่อด้วยตัวเอง…ถึงเหตุผลทุกอย่าง”ลีโอนัสกล่าวพร้อมกับกลั้นน้ำตาเอาไว้

                หลังจากที่ลีโอนัสตกลงจะไปเรียนต่อที่แมกซ์ไซมัสแล้ว เขาก็คุยกับเหล่าผู้พิทักษ์อย่างสนุกสนานต่อจนเวลาล่วงเลยจนเกือบเช้าแล้วพวกเขาจึงออกไปจากห้องลีโอนัส ลีโอนัสนอนต่อไม่หลับแล้ว และเขาคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาทุกๆอย่าง รวมถึงเรื่องเรียนต่อ….

                พ่อของลีโอนัสไม่ใช่ประชากรโลกมนุษย์แห่งนี้ แต่เป็นชาววีคาลเมอร์ พ่อกับแม่เขาเจอกันตอนที่พ่อของเขามาปฏิบัติภารกิจและเกิดผิดพลาดพลังงานจากอัญมณีหมดทำให้ยานของเขาตกลงมายังโลกแห่งนี้และพ่อกับแม่ก็พบรักกัน ฟังดูน้ำเน่านะแต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว พ่ออยู่กับเขาเพียงแค่เจ็ดปีแล้วลุงด็อกทามูซซี่ก็มารับเขากลับไป…พ่อทิ้งให้เขาอยู่กับแม่….พ่อไม่เคยกลับมาเยี่ยมครอบครัว….และไม่เคยรู้ว่าตอนที่เขาจากแม่ไป แม่ได้ตั้งครรภ์น้องฝาแฝดทั้งสองคน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องทิ้งเขาไป… และจากคำบอกเล่าของด็อกทามูซี่เพื่อนของพ่อ…เขานั้นทำงานให้รัฐบาล องค์กรของเขาเป็นองค์กรลับและมีคนทำงานหลักๆเพียงเก้าคน พวกเขาถูกเรียกว่า ผู้พิทักษ์อัญมณีจักพรรดิ์ ซึ่งใช้อัญมณีแตกต่างกันทั้งเก้าคน ได้แก่ เพชร ทับทิม  มรกต บุษราคัม โกเมน ไพลิน ไข่มุก เพทาย ไพฑูรย์…. พวกเขาใช้พลังงานที่สะสมอยู่ในอัญมณีออกมาในรูปแบบต่างๆ ในดวงดาวที่อยู่นอกระบบของโลก

                    vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv

        

                หลังจากคืนนั้น ทุกวันลีโอนัสได้ช่วยงานแม่ทุกๆอย่างเขาอยากให้แม่สบายแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแค่นี้  และทุกคืนเหล่าผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็จะแวะมาหาเขาเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับดวงดาวของพวกเขาให้ฟัง โดยที่ด็อกทามูซซี่ชอบทำตาโตทุกทีเมื่อเล่าถึงภารกิจต่างๆที่พวกเขาได้รับมอบหมาย....

        











                                          





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×