ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : The Mail From Maxaimus....จดหมายจากแมกซ์ไซมัส
                         
            “พ่อ...พ่อใช่ไหมครับ”เสียงลีโอนัสบ่นพร่ำเพ้อบนเตียงผ่าตัด เขาพยามลืมตาขึ้นแต่ดวงตาของเขาไม่สามารถสู้แสงไฟในห้องผ่าตัดที่ส่องลงมาได้ เขามองเห็นร่างที่เลือนลางสีขาวที่ยืนรายล้อมเขาอยู่รอบเตียงเขา
            “สิ่งนี้อาจช่วยเขาได้แต่ข้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะใส่มันลงไปในตัวเขา”ด็อกทามูซซี่กล่าวเสียงดังอยู่ข้างลีโอนัส
            “ได้โปรดเถอะ...ถ้าเราไม่รีบผ่าตัดเขาจะตายภายในชั่วโมงนี้แน่ ”มิเชลจ้องหน้าด็อกทามูซซี่เขม็ง ดวงตาของเธอแดงก่ำไปด้วยน้ำตา
            ด็อกทามูซซี่เบือนหน้าหนี
            “หรือจะให้ข้าคุกเข่าต่อหน้าเจ้า...”มาร์คมองไปที่ด็อกทามูซซี่ด้วยสายตาวิงวอน “นี่ลูกชายข้านะด็อก....” แต่ด็อกทามูซซี่ยังคงกล้ามองทั้งคู่
            “ได้โปรดเถอะ..”มิเชลและมาร์คคุกเข่าต่อหน้าด็อกพร้อมกัน
            ในห้องเงียบสงัดมีแต่เสียงเลีโอนัสที่ยังคงบ่นพร่ำเพ้อและพยามใช้มือของตนคว้าไปยังเหล่าผู้พิทักษ์ที่ยืนรายล้อมอยู่รอบๆตัวเขาและเรียกหาพ่อเช่นเดิม
            แต่แล้วเสียงเตือนของเครื่องวัดระดับการเต้นของหัวใจก็ดังขึ้น...ดังขึ้น...มันถี่ขึ้นเรื่อยๆจนดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นเสียงลากยาวในไม่ช้า
            “ขอโทษนะมิเชล...มาร์ค”ด็อกทามูซซี่ประคองพวกเขาขึ้นมา
            “ข้าจะไม่ลำบากใจเลยถ้านี่มันไม่ใช่...”ด็อกทามูซซี่พูดอย่างกระอักกระอ่วน
            “หัวใจจอมมาร”เขาพูด
           
ห้าปีหลังจากนั้น
            กึก กึก ..เอี๊ยด
            เสียงประตูเหล็กขึ้นสนิมของโรงเรียนเปิดออกอย่างช้าๆ เสียงของมันทำลายความเงียบที่สถิตอยู่บริเวณนั้นจนหมดสิ้น แล้วเด็กหนุ่มสูงเกือบ6ฟุต ผมสั้นสีทองก้าวเท้าออกมาอย่างช้าๆจากประตูโทรมๆนั่น ..เขาผ่านประตูนั้นออกมา .ดวงตาสีฟ้าของเขาดูหดหู่กว่าปกติ .
                                    อ๊อด กึก ตึง!!! .ประตูนั่นถูกปิดลงด้วยเสียงอันโหยหวน
เด็กหนุ่มคนนั้นมุ่งหน้ากลับบ้านของเขาด้วยท่าทางอันเหน็ดเหนื่อย ขณะที่แสงแดดเริ่มจะหมดไปเขาก็เดินมาถึงมุมถนนและหยุดตรงถังขยะทรงกลมที่มีสีต่างกันสี่ถัง .เขาล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีฟ้าขาดๆของเขา ..และหยิบซองจดหมายสีขาวออกมา ..
บนซองจดหมายนั้นเขียนว่า  +++ลีโอนัส    มันคิส+++
เขาตัดสินใจไม่นานแล้วโยนมันลงถังขยะไป .จดหมายนี้ไม่มีค่าอะไรกับเขาข้อความภายในเต็มไปด้วยข้อความที่แสดงความเสียใจและปลอบปะโลมเขาซึ่งเขาไม่ต้องการมัน ..
        หลังจากที่เขาทิ้งจดหมายแสดงผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยลงถังขยะเปียกไปแล้วเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น
        “คุณลีโอนัส .คุณทิ้งขยะผิดถัง .เป็นการทำผิดวินัยครั้งที่สองร้อยสามสิบสาม .เราจะส่งใบชำระค่าปรับไปที่บ้าน ขอบครุบบบ คุณ”ไม่ทันสิ้นเสียงจากถังขยะ ลีโอนัสเตะเข้าที่ถังขยะใบนั้นหนึ่งที ทำให้เสียงของมันรวน
        “ทำลายของส่วนรวม เป็นการทำผิดวินัยครั้งที่สองร้อยสามสิบสี่”ลีโอนัสโมโหจัดและเตะรัวเข้าใส่ถังนั่นอย่างไม่ยั้ง
        เขาเดินจากไปทิ้งให้ถังขยะส่งเสียงต่อไปเรื่อยๆ “สองร้อยสามสิบห้า .สองร้อยสามสิบหก สองร้อยสามสิบเจ็ด .สองร้อยสามสิบแปด .”
                    ภายหลังพระอาทิตย์ตกดินไปไม่นานนัก แต่ยังคงพอมีแสงจากเสาไฟบ้างเป็นระยะๆ .สายลมอุ่นๆยามเย็นได้พัดผ่านไปอย่างอืดอาด บรรดานกและสัตว์หลายชนิดกำลังกลับรังของพวกมันด้วยความสุข แต่ทว่าลีโอนัส เด็กหนุ่มรูปร่างสูง กำลังเดินกลับบ้านคนเดียว เขากลับบ้านพร้อมกับความผิดหวังที่สอบไม่ติดที่ใดเลย
                    เขามองดูนกคู่หนึ่งบินผ่านยอดไม้ไป เขาคิดกับตัวเองว่าอยากกลับบ้านอย่างมีความสุขอย่างนกเหล่านั้นบ้าง กลับไปพร้อมรอยยิ้มและพบกับพ่อ แม่ น้องๆที่รอเขารับประทานอาหาร ความสุขในการรับประทานอาหารด้วยกันพร้อมหน้าคงเป็นบรรยากาศที่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ ..
        ขณะที่แสงอาทิตย์หมดไปและถูกแทนที่ด้วยแสงจันทร์สลัวๆทำให้บรรยากาศรอบตัวของลีโอนัสดูวังเวงยิ่งขึ้น ความเย็นเริ่มแทรกซึมเข้าสู่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เบาบางของเขา
                    เขาเดินผ่านตามทางเดินที่เต็มไปด้วยต้นไม้  ซึ่งเป็นทางลัดกลับบ้านของเขา  เงาของพวกมันดูเหมือนสัตว์ประหลาดรูปร่างสูงใหญ่  เขาเปิดไฟฉายขนาดเล็กที่พกไปโรงเรียนทุกวัน และเพิ่มความเร็วในการเดิน .แสงจากไฟฉายและแสงจากพระจันทร์ช่วยให้เขาพอมองเห็นทางเดินและกิ่งไม้ที่ขวางทางได้
                        เขาเดินผ่านบริเวณที่ก่อสร้างร้างๆแห่งหนึ่ง และเขาต้องเพิ่มความเร็วในการเดินขึ้นอีกเมื่อเขาเห็นแสงสว่างในป่าบริเวณขวามือของเขาแสงนั้นสว่างมากจนเขามองเห็นใบหน้าของคนใส่ผ้าคลุมสีขาวและห้อยแสงนั้นอยู่ แต่แล้วเมื่อเขามองไปทางมันอีก แสงนั้นก็ดับลงเหมือนคนนั้นรู้ว่าเขากำลังมอง
            เขารีบเดินอย่างรวดเร็ว . หัวใจเขาเต้นแรงมากจนเหมือนมันจะหลุดออกมา เขารู้สึกว่ามันตามเขามาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองก็ไม่พบอะไร
            ในที่สุดลีโอนัสก็เดินมาถึงบริเวณหน้าหมู่บ้านที่เขาอยู่ . ความตื่นเต้นของเขาลดลงไปมากและเขารู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นช้าลงจนเกือบเป็นปกติ .
เขาเดินผ่านทางเข้าหมู่บ้านที่มีป้ายขนาดใหญ่อยู่บนเสาสองต้นที่ทำด้วยปูน บนป้ายเขียนว่า    ***หมู่บ้านธินฟิล***   
                      . ลีโอนัสนึกขึ้นได้ว่าปกติจะมีไฟภายในหมู่บ้านแต่นี่ไม่มีแสงอะไรเลยนอกจากแสงจันทร์สลัวๆ ..
หลังจากเดินเข้ามาได้ระยะหนึ่งเขาเลี้ยวตรงซอยที่สามทางขวามือ และมีป้ายเขียนว่า *ซอย6*
            ทันใดนั้นเขาต้องหันกลับไปมองบนเสาไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมซอย5 เขาเห็น .
                                            “คนอยู่บนเสาไฟฟ้า ..เป็นไปไม่ได้” เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง
                      เขามองเห็นไม่ชัดเจนในความมืดเช่นนี้ .เขารู้สึกได้ว่าคนที่อยู่บนเสาไฟมองมาทางเขา . คนๆนั้นมีรูปร่างสูงไม่มากนัก เขาใส่ผ้าคลุมที่ยาวดูไม่สมส่วนเท่าไรนัก .
                        ในทันใดนั้นเขาสะบัดผ้าคลุมและวิ่งไปตามสายไฟ .ทำให้ลีโอนัสเห็นแสงสีเหลืองส้มสว่างที่อยู่ข้อมือทั้งสองของเขา ..แล้วเขาก็กระโดดลงมาจากเสาไฟและหมุนตัวกลางอากาศและลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล . ภายหลังจากที่เขาลงสู่พื้นไม่นานนัก ไฟทุกดวงในหมู่บ้านก็ติดขึ้นพร้อมๆกัน แสงสว่างทำให้ลีโอนัส มองเห็นเขาชัดเจนขึ้น . เขาคือเด็กหนุ่มผู้ชายผิวขาว มีผมสีดำและท่าทางซุกซน
ทันใดนั้นมีสิ่งๆหนึ่งปรากฏขึ้นจากความมืด ชายร่างสูงใหญ่และมีแสงสว่างใสอยู่บนหน้าอก ก็ปรากฏตัวข้างคนที่เพิ่งโดดลงมาจากเสาไฟ .ทั้งคู่สวมผ้าคลุมสีขาวและจ้องมาทางลีโอนัส
            “จะบอกเขาเลยเหรอ เมเยอร์” เสียงอันทุ้มและนุ่มนวลของชายรูปร่างสูงพูดขึ้น
            แล้วเสียงอันแหลมเล็กเหมือนเด็กก็พูดตอบกลับไป
            “นี่คิดเองไม่ได้รึไง   คุณลุงด็อก!!!”
ชายที่ชื่อด็อกหันกลับไปมองที่เมเยอร์ที่สูงแค่ไหล่ของเขาและทำตาขวางพร้อมกับแสยะยิ้ม
แล้วด็อกจึงพูดขึ้น  “ใครให้เรียกข้าว่าด็อก!” และแสงสว่างที่บริเวณหน้าอกของเขาก็สว่างจ้าขึ้นแสดงถึงความโกรธของเขา
            “ได้ๆ ไม่เรียกก็ได้ .” เมเยอร์รีบพูดขึ้น “แต่ผมว่าเข้าไปหาเขาเลยดีกว่านะ .ยังไงเขาก็เห็นเราแล้ว” แล้วชายทั้งสองก็เดินตรงมาที่ลีโอนัส .แต่ทว่า .
            “มายืนอยู่หน้าบ้านทำไมล่ะลูก”เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนตะโกนขึ้น เธอมีดวงตาสีฟ้าและผมยาวสีน้ำตาล เธอคือมิเชล แม่ของลีโอนัส
            “ครับๆจะเข้าไปแล้วครับ” ลีโอนัสพูด
            เขาหันหลังกลับไปมองและเห็นว่าชายทั้งสองหายไปแล้ว .ทิ้งไว้แต่ความสงสัยในจิตใจของเขา
                                                  vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
   
            แสงแดดที่เจิดจ้าของกลางเดือนพฤษภาคมสาดแสงไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ทุกๆคนไม่อยากออกจากบ้าน แต่ทว่าบ้านเดี่ยวสองชั้นในหมู่บ้านธินฟิลหลังหนึ่งเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ ป้ายหน้าบ้านที่เขียนว่า +++บ้านมันคิส+++
            นางมิเชล  มันคิส แม่ของลีโอนัส พาลูกสาววัย 10 ขวบของเธอ . ลิลลี่กับโรสออกมานั่งรับลมเย็นๆใต้ต้นไม้ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าวภายนอก
            ในขณะที่มิเชลกำลังสอนการบ้านให้กับลูกสาวจอมดื้อทั้งสองคนมีบุรุษไปรษณีย์คนหนึ่งมาส่งจดหมายที่หน้าบ้าน
            มิเชลเดินไปหยิบจดหมายที่เสียบอยู่กับรั้วบ้าน บนซองจดหมายส่งมีตรามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ตรามหาวิทยาลัยนั้นเป็นรูปโล่และเขียนว่า มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส โดยจ่าหน้าซองถึงลีโอนัสลูกชายของเธอ มิเชลยิ้มด้วยความปราบปลื้มเธอกำจดหมายไว้แน่น
                                                    vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
   
        ลีโอนัสเดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน และเมฆฝนที่ก่อตัวอยู่นานแล้วก็เริ่มปลดปล่อยเม็ดฝนลงมา
ลีโอนัสจึงรีบวิ่งกลับบ้าน ในขณะที่ฝนกำลังโปรยปราย  ลีโอนัสได้วิ่งมาถึงหน้าบ้านแต่แล้วเขาต้องหันกลับไปมองที่ซอย5 ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับซอยบ้านของเขา เขาเห็นคนสี่คนที่สวมผ้าคลุมสีขาวทุกคนและทั้งหมดมองมาที่เขาและยิ้มให้ . ลีโอนัสหันกลับและเดินเข้าบ้านไป .
        หลังจากที่ลีโอนัสอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาได้ลงมารับประทานอาหารพร้อมแม่และน้องๆ เขานั่งลงและเห็นแม่ของเขายิ้มอย่างมีความสุข
        “นี่ลูกจะไม่บอกข่าวดีให้แม่รู้เลยเหรอจ๊ะ ผลสอบประกาศแล้วไม่ใช่เหรอ” เธอเอ่ยขึ้น
ลีโอนัสรู้สึกไม่สบายใจที่จะบอกแม่ว่าเขาสอบไม่ติดที่ไหนเลย ในขณะที่เขากำลังจะพูดออกไป แม่ของเขาก็กล่าวขึ้นพร้อมกับยกซองจดหมายที่ถูกเปิดแล้ว
            “นี่ไงจ๊ะ ลูกสอบติดที่แมกซ์ไซมัสไม่ใช่เหรอ”
            คิ้วของลีโอนัสขมวดขึ้นด้วยความสงสัย “ผมไม่เคยสอบของมหาลัยแมกซ์ซิ..เอ่อ..แมกไซมาสนี่เลยนะครับ” ลีโอนัสบอกแม่ด้วยความแปลกใจ
            น้องสาวฝาแฝดของเขาหันมามองที่เขาและทำคิ้วขมวดตามพี่ชาย ลีโอนัสไม่รู้จักมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาติดที่นั่นได้อย่างไร
            “ก็นี่ไง .เขาส่งจดหมายมายืนยันผลการสอบ”มิเชลพูดรอยยิ้มของเธอยังคงไม่ลบเลือน
ลีโอนัสเดินไปหยิบจดหมายและอ่านมันด้วยความงุนงง
...................................................................................................................................................................
                            มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส
                            แมกซ์ไซมัสซิติ้  ดาววีคาลเมอร์
เรียน คุณลีโอนัส มันคิส
            ข้าพเจ้า นายสมิธ    อังเคิลไวน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส ขอแสดงความยินดี เนื่องจาก นายลีโอนัส    มันคิส สามารถสอบเข้าศึกษาต่อในคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส กรุณามารายงานตัวในวันแรกพบ วันที่ 24 พฤษภาคม นี้ เราจะส่งอาจารย์ของเราไปรับตัว ในวันที่22 พฤษภาคม เราหวังอย่างยิ่งว่าจะพบท่านในวันแรกพบ
                        ขอความสงบรับท่านไว้ในอ้อมกอด
                                                                                                                      สมิธ  อังเคิลไวน์
                                                                                                                           
                                                                                                              (นายสมิธ      อังเคิลไวน์)
...................................................................................................................................................................   
            แม่ของลีโอนัสยิ้มไม่หุบเลยตลอดการกินข้าวในมื้อนั้นและน้องสาวทั้งสองก็คิ้วขมวดตลอดการรับประทานอาหารมื้อนั้นเช่นกัน
vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
            กลางดึกคืนนั้นลีโอนัสได้แต่ครุ่นคิดเกี่ยวกับจดหมายและมหาวิทยาลัยที่ชื่อแมกซ์ไซมัส ภายในห้องของเขาบนชั้นสองของบ้าน เขาลุกขึ้นเปิดหน้าต่างรับไอเย็นจากภายนอก และลงมานอนก่ายหน้าผากอ่านจดหมายนั่น .
            ไม่นานนักลมที่เยือกเย็นได้พัดเข้ามาภายในห้องและ .
            ตึ้ง!!!....    เสียงหน้าต่างปิดลงพร้อมกับร่างของคนสี่คนปรากฏอยู่เบื้องหน้าลีโอนัส ทุกคนสวมเสื้อคลุมสีขาว มีตราสัญลักษณ์สีเขียวขนาดใหญ่เป็นรูปขนนกไขว้กันอยู่เหนือวงกลมที่ชายผ้าคลุม ทุกคนมีอัญมณีที่มีสีแตกต่างกันในแต่ละคนและทุกคนยิ้มให้ลีโอนัสอย่างเป็นมิตร ..
            แต่รอยยิ้มเหล่านั้นไม่ช่วยให้ลีโอนัสรู้สึกเป็นมิตรเลย  เขาจำได้ว่าชายสองคนในนี้คือคนที่เขาเห็นเมื่อเมื่อวานแต่วันนี้มีหญิงสาวเพิ่มมาอีกสองคน
            เขาพยายามคุมสติเอาไว้และมองไปรอบๆหาสิ่งของมาที่จะใช้ป้องกันตัว เขามองไปที่วิทยุในขณะที่ชายรูปร่างสูงกำลังจะอ้าปากพูด .
            ลีโอนัสหยิบวิทยุขึ้นฟาดเข้าที่ไหล่ของชายคนนั้นและวิ่งไปที่ประตูเพื่อจะหนีออกจากห้อง แต่เมื่อเขาไปถึงหน้าประตู .
            หญิงสาวที่ใส่แว่นตานำมือข้างหนึ่งของเธอจับกับอัญมณีสีฟ้าใสที่เธอใส่อยู่และมืออีกข้างสัมผัสกับฝาผนังบริเวณด้านที่มีประตูอยู่ .ทันใดนั้นประตูก็เริ่มปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แต่คงไม่ใช่เพียงแต่ประตูที่เป็นน้ำแข็งเพราะฝาผนังทั้งหมดตั้งแต่บริเวณที่มือของเธอสัมผัสนั้น กลายเป็นน้ำแข็ง  ขณะนี้ลีโอนัสไม่สามารถออกจากห้องได้
            “พวกเรามาดีนะลีโอนัส จำลุงได้ไหมล่ะ ” ชายรูปร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับบีบที่ไหล่ขวาที่ถูกลีโอนัสฟาดด้วยวิทยุ
            “ลุงเหรอ ผมไม่มีลุง” ลีโอนัสพูดขึ้นด้วยความสงสัย
            “พวกเราเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอ พวกเราทำงานด้วยกันและ .เขาให้มารับเธอ” ชายหนุ่มตัวเล็กที่ลีโอนัสเห็นเขาไต่สายไฟพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
            “พ่อเหรอ .พ่อไม่มาสนใจผมตั้งสิบปีแล้ว .แล้วทำไมถึงจะมาสนใจผมตอนนี้ล่ะ”ลีโอนัสพูดด้วยความโกรธพ่อ .
            “มาร์คให้มารับตัวเธอไปเรียนต่อที่แมกซ์ไซมัสน่ะ”หญิงสาวที่ใช้พลังน้ำแข็งพูดขึ้น แต่ลีโอนัสก็ยังไม่รับฟัง
            “ช่วยใจเย็นๆฟังพวกเราก่อนนะเราไม่ทำอะไรเธอหรอก .” หญิงสาวผมยาวสีบรอนซ์พูดขึ้นด้วยเสียงใสๆ เสียงนั้นทำให้ลีโอนัสผ่อนคลายและใจเย็นลง
            เมื่อเห็นว่าลีโอนัสมีท่าทีที่ใจเย็นลงชายรูปร่างผอมสูงที่ยังคงเจ็บหัวไหล่ก็พูดขึ้นและเหลือบมองไปที่วิทยุที่หล่นอยู่บนพื้นด้วยความระแวง
            “ก่อนอื่นพวกเราขอแนะนำตัวเองก่อน .ลุงชื่อด็อกทามูซซี่ลุงเป็นคนที่มารับพ่อเธอตอนเธออายุได้เจ็ดขวบไง” แล้วด็อกทามูซซี่ก็ฉีกยิ้มอีกครั้ง
            “พี่ชื่อเมเยอร์ ขอโทษที่วันนั้นกินไฟหมู่บ้านเธอไปนะ “ชายหนุ่มที่มีผมดำตัวค่อนข้างเล็กสวมอัญมณีสีเหลืองส้มกล่าวขึ้น
            “ส่วนพี่ พี่ชื่อพีดา ต้องขอโทษที่ใช้น้ำแข็งกับเธอนะ ไม่ตกใจใช่ไหม” หญิงสาวที่ใส่แว่นตารูปไข่กล่าวทักทายลีโอนัส เธอมีผิวขาวและผมสีแดงเข้ม 
            และเด็กหญิงผมบรอนซ์ที่สวมใส่อัญมณีสีเหลืองสดก็เอ่ยขึ้น
            “พี่ชื่อพีโนล่าค่ะ .ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” และอีกครั้งที่เสียงอันอ่อนหวานของเธอทำให้ลีโอนัสเคลิบเคลิ้ม
            “เธออายุครบ18แล้วนะ และเธอต้องเรียนต่อ” ด็อกทามูซซี่เริ่มต้นหว่านล้อม
ลีโอนัสให้ยอมไปเรียนต่อที่แมกซ์ไซมัสที่ๆพ่อของเขาจัดไว้ให้ เขาต้องอธิบายเรื่องจดหมายและเรื่องที่พวกเขาทำ  ซึ่งลีโอนัสรู้สึกว่าด็อกทามูซซี่พูดได้หน้าเบื่อมากแม้ว่าด็อกจะฉีกยิ้มเป็นระยะ
            “เราถูกเรียกว่า . ผู้พิทักษ์แห่งอัญมณีจักพรรดิ์”เสียงใสๆของพีโนล่าพูดขึ้นซึ่งทำให้ลีโอนัสตั้งใจฟังมากขึ้น  “เราทำงานให้กับรัฐบาลดาววีคาลเมอร์ ”
            “วีคาลเมอร์เหรอครับ ชื่อไม่คุ้นเลยนะ”เขาพูดขึ้น
            “เป็นดาวที่สงบสุขจ๊ะ พวกเราหนีตัวเองออกจากระบบบลูเวิลด์ของโลกน่ะ”พีโนล่าตอบ
            “ดาวของเราเต็มไปด้วยอัญมณี .ซึ่งทุกอณูของมันเต็มไปด้วยพลังมหาศาล”ด็อกทามูซี่พูดพร้อมกับทำตาโตเพื่อให้ลีโอนัสสนใจ แต่ลีโอนัสกับทำเฉย
            “พวกเราใช้พลังจากมันออกมาในรูปแบบต่างๆ และรูปแบบของพลังงานที่ซับซ้อนนี้ทำให้เราเสมือนมีเวทย์มนตร์”เมเยอร์กล่าวเสริมด็อกทามูซซี่
            เรื่องพลังนี้เป็นสิ่งที่ลีโอนัสเชื่อพอสมควรเพราะเขาเคยเห็นพ่อใช้ในตอนที่เขายังเด็ก
            ลีโอนัสเริ่มไว้ใจผู้พิทักษ์ทั้งสี่มากขึ้น ทุกคนในห้องสนทนากันยกเว้นพีดาที่ไม่ค่อยพูดอะไรนัก เธอดูสุขุมและเยือกเย็นเหมือนพลังน้ำแข็งของเธอ
            “ไปกับพวกเราเถอะนะ นี่คือจดหมายที่พ่อเธอฝากมาให้”ด็อกทามูซซี่พูดพร้อมกับส่งจดหมายให้ลีโอนัส
            พ่ออยากให้ลูกมาเรียนต่อที่นี่ เพื่อจะได้เรียนรู้วิชาความรู้ที่อยากเรียน และลูกจะสามารถปกป้องแม่ของลูกได้ พ่อจัดการทุกอยากไว้ให้ลูกแล้วและพ่อให้ผู้พิทักษ์ทั้งสี่คนไปรับลูกที่โลกเขาจะดูแลลูกเอง
            ขอให้ลูกรู้ว่าพ่อมีเหตุผลที่ทิ้งลูกกับแม่ไป พ่อมีงานและภาระสำคัญที่สุดที่จะต้องดูแล พ่ออยากให้ลูกเข้าใจในตัวพ่อ
                        พ่อเป็นห่วงและรักลูกเสมอ
                                มาร์ค
            “งั้นผมจะไปถามพ่อด้วยตัวเอง ถึงเหตุผลทุกอย่าง”ลีโอนัสกล่าวพร้อมกับกลั้นน้ำตาเอาไว้
            หลังจากที่ลีโอนัสตกลงจะไปเรียนต่อที่แมกซ์ไซมัสแล้ว เขาก็คุยกับเหล่าผู้พิทักษ์อย่างสนุกสนานต่อจนเวลาล่วงเลยจนเกือบเช้าแล้วพวกเขาจึงออกไปจากห้องลีโอนัส ลีโอนัสนอนต่อไม่หลับแล้ว และเขาคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาทุกๆอย่าง รวมถึงเรื่องเรียนต่อ .
            พ่อของลีโอนัสไม่ใช่ประชากรโลกมนุษย์แห่งนี้ แต่เป็นชาววีคาลเมอร์ พ่อกับแม่เขาเจอกันตอนที่พ่อของเขามาปฏิบัติภารกิจและเกิดผิดพลาดพลังงานจากอัญมณีหมดทำให้ยานของเขาตกลงมายังโลกแห่งนี้และพ่อกับแม่ก็พบรักกัน ฟังดูน้ำเน่านะแต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว พ่ออยู่กับเขาเพียงแค่เจ็ดปีแล้วลุงด็อกทามูซซี่ก็มารับเขากลับไป พ่อทิ้งให้เขาอยู่กับแม่ .พ่อไม่เคยกลับมาเยี่ยมครอบครัว .และไม่เคยรู้ว่าตอนที่เขาจากแม่ไป แม่ได้ตั้งครรภ์น้องฝาแฝดทั้งสองคน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องทิ้งเขาไป และจากคำบอกเล่าของด็อกทามูซี่เพื่อนของพ่อ เขานั้นทำงานให้รัฐบาล องค์กรของเขาเป็นองค์กรลับและมีคนทำงานหลักๆเพียงเก้าคน พวกเขาถูกเรียกว่า ผู้พิทักษ์อัญมณีจักพรรดิ์ ซึ่งใช้อัญมณีแตกต่างกันทั้งเก้าคน ได้แก่ เพชร ทับทิม  มรกต บุษราคัม โกเมน ไพลิน ไข่มุก เพทาย ไพฑูรย์ . พวกเขาใช้พลังงานที่สะสมอยู่ในอัญมณีออกมาในรูปแบบต่างๆ ในดวงดาวที่อยู่นอกระบบของโลก
                vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
   
            หลังจากคืนนั้น ทุกวันลีโอนัสได้ช่วยงานแม่ทุกๆอย่างเขาอยากให้แม่สบายแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแค่นี้  และทุกคืนเหล่าผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็จะแวะมาหาเขาเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับดวงดาวของพวกเขาให้ฟัง โดยที่ด็อกทามูซซี่ชอบทำตาโตทุกทีเมื่อเล่าถึงภารกิจต่างๆที่พวกเขาได้รับมอบหมาย....
   
                                     
            “พ่อ...พ่อใช่ไหมครับ”เสียงลีโอนัสบ่นพร่ำเพ้อบนเตียงผ่าตัด เขาพยามลืมตาขึ้นแต่ดวงตาของเขาไม่สามารถสู้แสงไฟในห้องผ่าตัดที่ส่องลงมาได้ เขามองเห็นร่างที่เลือนลางสีขาวที่ยืนรายล้อมเขาอยู่รอบเตียงเขา
            “สิ่งนี้อาจช่วยเขาได้แต่ข้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะใส่มันลงไปในตัวเขา”ด็อกทามูซซี่กล่าวเสียงดังอยู่ข้างลีโอนัส
            “ได้โปรดเถอะ...ถ้าเราไม่รีบผ่าตัดเขาจะตายภายในชั่วโมงนี้แน่ ”มิเชลจ้องหน้าด็อกทามูซซี่เขม็ง ดวงตาของเธอแดงก่ำไปด้วยน้ำตา
            ด็อกทามูซซี่เบือนหน้าหนี
            “หรือจะให้ข้าคุกเข่าต่อหน้าเจ้า...”มาร์คมองไปที่ด็อกทามูซซี่ด้วยสายตาวิงวอน “นี่ลูกชายข้านะด็อก....” แต่ด็อกทามูซซี่ยังคงกล้ามองทั้งคู่
            “ได้โปรดเถอะ..”มิเชลและมาร์คคุกเข่าต่อหน้าด็อกพร้อมกัน
            ในห้องเงียบสงัดมีแต่เสียงเลีโอนัสที่ยังคงบ่นพร่ำเพ้อและพยามใช้มือของตนคว้าไปยังเหล่าผู้พิทักษ์ที่ยืนรายล้อมอยู่รอบๆตัวเขาและเรียกหาพ่อเช่นเดิม
            แต่แล้วเสียงเตือนของเครื่องวัดระดับการเต้นของหัวใจก็ดังขึ้น...ดังขึ้น...มันถี่ขึ้นเรื่อยๆจนดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นเสียงลากยาวในไม่ช้า
            “ขอโทษนะมิเชล...มาร์ค”ด็อกทามูซซี่ประคองพวกเขาขึ้นมา
            “ข้าจะไม่ลำบากใจเลยถ้านี่มันไม่ใช่...”ด็อกทามูซซี่พูดอย่างกระอักกระอ่วน
            “หัวใจจอมมาร”เขาพูด
           
ห้าปีหลังจากนั้น
            กึก กึก ..เอี๊ยด
            เสียงประตูเหล็กขึ้นสนิมของโรงเรียนเปิดออกอย่างช้าๆ เสียงของมันทำลายความเงียบที่สถิตอยู่บริเวณนั้นจนหมดสิ้น แล้วเด็กหนุ่มสูงเกือบ6ฟุต ผมสั้นสีทองก้าวเท้าออกมาอย่างช้าๆจากประตูโทรมๆนั่น ..เขาผ่านประตูนั้นออกมา .ดวงตาสีฟ้าของเขาดูหดหู่กว่าปกติ .
                                    อ๊อด กึก ตึง!!! .ประตูนั่นถูกปิดลงด้วยเสียงอันโหยหวน
เด็กหนุ่มคนนั้นมุ่งหน้ากลับบ้านของเขาด้วยท่าทางอันเหน็ดเหนื่อย ขณะที่แสงแดดเริ่มจะหมดไปเขาก็เดินมาถึงมุมถนนและหยุดตรงถังขยะทรงกลมที่มีสีต่างกันสี่ถัง .เขาล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีฟ้าขาดๆของเขา ..และหยิบซองจดหมายสีขาวออกมา ..
บนซองจดหมายนั้นเขียนว่า  +++ลีโอนัส    มันคิส+++
เขาตัดสินใจไม่นานแล้วโยนมันลงถังขยะไป .จดหมายนี้ไม่มีค่าอะไรกับเขาข้อความภายในเต็มไปด้วยข้อความที่แสดงความเสียใจและปลอบปะโลมเขาซึ่งเขาไม่ต้องการมัน ..
        หลังจากที่เขาทิ้งจดหมายแสดงผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยลงถังขยะเปียกไปแล้วเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น
        “คุณลีโอนัส .คุณทิ้งขยะผิดถัง .เป็นการทำผิดวินัยครั้งที่สองร้อยสามสิบสาม .เราจะส่งใบชำระค่าปรับไปที่บ้าน ขอบครุบบบ คุณ”ไม่ทันสิ้นเสียงจากถังขยะ ลีโอนัสเตะเข้าที่ถังขยะใบนั้นหนึ่งที ทำให้เสียงของมันรวน
        “ทำลายของส่วนรวม เป็นการทำผิดวินัยครั้งที่สองร้อยสามสิบสี่”ลีโอนัสโมโหจัดและเตะรัวเข้าใส่ถังนั่นอย่างไม่ยั้ง
        เขาเดินจากไปทิ้งให้ถังขยะส่งเสียงต่อไปเรื่อยๆ “สองร้อยสามสิบห้า .สองร้อยสามสิบหก สองร้อยสามสิบเจ็ด .สองร้อยสามสิบแปด .”
                    ภายหลังพระอาทิตย์ตกดินไปไม่นานนัก แต่ยังคงพอมีแสงจากเสาไฟบ้างเป็นระยะๆ .สายลมอุ่นๆยามเย็นได้พัดผ่านไปอย่างอืดอาด บรรดานกและสัตว์หลายชนิดกำลังกลับรังของพวกมันด้วยความสุข แต่ทว่าลีโอนัส เด็กหนุ่มรูปร่างสูง กำลังเดินกลับบ้านคนเดียว เขากลับบ้านพร้อมกับความผิดหวังที่สอบไม่ติดที่ใดเลย
                    เขามองดูนกคู่หนึ่งบินผ่านยอดไม้ไป เขาคิดกับตัวเองว่าอยากกลับบ้านอย่างมีความสุขอย่างนกเหล่านั้นบ้าง กลับไปพร้อมรอยยิ้มและพบกับพ่อ แม่ น้องๆที่รอเขารับประทานอาหาร ความสุขในการรับประทานอาหารด้วยกันพร้อมหน้าคงเป็นบรรยากาศที่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ ..
        ขณะที่แสงอาทิตย์หมดไปและถูกแทนที่ด้วยแสงจันทร์สลัวๆทำให้บรรยากาศรอบตัวของลีโอนัสดูวังเวงยิ่งขึ้น ความเย็นเริ่มแทรกซึมเข้าสู่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เบาบางของเขา
                    เขาเดินผ่านตามทางเดินที่เต็มไปด้วยต้นไม้  ซึ่งเป็นทางลัดกลับบ้านของเขา  เงาของพวกมันดูเหมือนสัตว์ประหลาดรูปร่างสูงใหญ่  เขาเปิดไฟฉายขนาดเล็กที่พกไปโรงเรียนทุกวัน และเพิ่มความเร็วในการเดิน .แสงจากไฟฉายและแสงจากพระจันทร์ช่วยให้เขาพอมองเห็นทางเดินและกิ่งไม้ที่ขวางทางได้
                        เขาเดินผ่านบริเวณที่ก่อสร้างร้างๆแห่งหนึ่ง และเขาต้องเพิ่มความเร็วในการเดินขึ้นอีกเมื่อเขาเห็นแสงสว่างในป่าบริเวณขวามือของเขาแสงนั้นสว่างมากจนเขามองเห็นใบหน้าของคนใส่ผ้าคลุมสีขาวและห้อยแสงนั้นอยู่ แต่แล้วเมื่อเขามองไปทางมันอีก แสงนั้นก็ดับลงเหมือนคนนั้นรู้ว่าเขากำลังมอง
            เขารีบเดินอย่างรวดเร็ว . หัวใจเขาเต้นแรงมากจนเหมือนมันจะหลุดออกมา เขารู้สึกว่ามันตามเขามาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองก็ไม่พบอะไร
            ในที่สุดลีโอนัสก็เดินมาถึงบริเวณหน้าหมู่บ้านที่เขาอยู่ . ความตื่นเต้นของเขาลดลงไปมากและเขารู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นช้าลงจนเกือบเป็นปกติ .
เขาเดินผ่านทางเข้าหมู่บ้านที่มีป้ายขนาดใหญ่อยู่บนเสาสองต้นที่ทำด้วยปูน บนป้ายเขียนว่า    ***หมู่บ้านธินฟิล***   
                      . ลีโอนัสนึกขึ้นได้ว่าปกติจะมีไฟภายในหมู่บ้านแต่นี่ไม่มีแสงอะไรเลยนอกจากแสงจันทร์สลัวๆ ..
หลังจากเดินเข้ามาได้ระยะหนึ่งเขาเลี้ยวตรงซอยที่สามทางขวามือ และมีป้ายเขียนว่า *ซอย6*
            ทันใดนั้นเขาต้องหันกลับไปมองบนเสาไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมซอย5 เขาเห็น .
                                            “คนอยู่บนเสาไฟฟ้า ..เป็นไปไม่ได้” เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง
                      เขามองเห็นไม่ชัดเจนในความมืดเช่นนี้ .เขารู้สึกได้ว่าคนที่อยู่บนเสาไฟมองมาทางเขา . คนๆนั้นมีรูปร่างสูงไม่มากนัก เขาใส่ผ้าคลุมที่ยาวดูไม่สมส่วนเท่าไรนัก .
                        ในทันใดนั้นเขาสะบัดผ้าคลุมและวิ่งไปตามสายไฟ .ทำให้ลีโอนัสเห็นแสงสีเหลืองส้มสว่างที่อยู่ข้อมือทั้งสองของเขา ..แล้วเขาก็กระโดดลงมาจากเสาไฟและหมุนตัวกลางอากาศและลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล . ภายหลังจากที่เขาลงสู่พื้นไม่นานนัก ไฟทุกดวงในหมู่บ้านก็ติดขึ้นพร้อมๆกัน แสงสว่างทำให้ลีโอนัส มองเห็นเขาชัดเจนขึ้น . เขาคือเด็กหนุ่มผู้ชายผิวขาว มีผมสีดำและท่าทางซุกซน
ทันใดนั้นมีสิ่งๆหนึ่งปรากฏขึ้นจากความมืด ชายร่างสูงใหญ่และมีแสงสว่างใสอยู่บนหน้าอก ก็ปรากฏตัวข้างคนที่เพิ่งโดดลงมาจากเสาไฟ .ทั้งคู่สวมผ้าคลุมสีขาวและจ้องมาทางลีโอนัส
            “จะบอกเขาเลยเหรอ เมเยอร์” เสียงอันทุ้มและนุ่มนวลของชายรูปร่างสูงพูดขึ้น
            แล้วเสียงอันแหลมเล็กเหมือนเด็กก็พูดตอบกลับไป
            “นี่คิดเองไม่ได้รึไง   คุณลุงด็อก!!!”
ชายที่ชื่อด็อกหันกลับไปมองที่เมเยอร์ที่สูงแค่ไหล่ของเขาและทำตาขวางพร้อมกับแสยะยิ้ม
แล้วด็อกจึงพูดขึ้น  “ใครให้เรียกข้าว่าด็อก!” และแสงสว่างที่บริเวณหน้าอกของเขาก็สว่างจ้าขึ้นแสดงถึงความโกรธของเขา
            “ได้ๆ ไม่เรียกก็ได้ .” เมเยอร์รีบพูดขึ้น “แต่ผมว่าเข้าไปหาเขาเลยดีกว่านะ .ยังไงเขาก็เห็นเราแล้ว” แล้วชายทั้งสองก็เดินตรงมาที่ลีโอนัส .แต่ทว่า .
            “มายืนอยู่หน้าบ้านทำไมล่ะลูก”เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนตะโกนขึ้น เธอมีดวงตาสีฟ้าและผมยาวสีน้ำตาล เธอคือมิเชล แม่ของลีโอนัส
            “ครับๆจะเข้าไปแล้วครับ” ลีโอนัสพูด
            เขาหันหลังกลับไปมองและเห็นว่าชายทั้งสองหายไปแล้ว .ทิ้งไว้แต่ความสงสัยในจิตใจของเขา
                                                  vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
   
            แสงแดดที่เจิดจ้าของกลางเดือนพฤษภาคมสาดแสงไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ทุกๆคนไม่อยากออกจากบ้าน แต่ทว่าบ้านเดี่ยวสองชั้นในหมู่บ้านธินฟิลหลังหนึ่งเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ ป้ายหน้าบ้านที่เขียนว่า +++บ้านมันคิส+++
            นางมิเชล  มันคิส แม่ของลีโอนัส พาลูกสาววัย 10 ขวบของเธอ . ลิลลี่กับโรสออกมานั่งรับลมเย็นๆใต้ต้นไม้ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าวภายนอก
            ในขณะที่มิเชลกำลังสอนการบ้านให้กับลูกสาวจอมดื้อทั้งสองคนมีบุรุษไปรษณีย์คนหนึ่งมาส่งจดหมายที่หน้าบ้าน
            มิเชลเดินไปหยิบจดหมายที่เสียบอยู่กับรั้วบ้าน บนซองจดหมายส่งมีตรามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ตรามหาวิทยาลัยนั้นเป็นรูปโล่และเขียนว่า มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส โดยจ่าหน้าซองถึงลีโอนัสลูกชายของเธอ มิเชลยิ้มด้วยความปราบปลื้มเธอกำจดหมายไว้แน่น
                                                    vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
   
        ลีโอนัสเดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน และเมฆฝนที่ก่อตัวอยู่นานแล้วก็เริ่มปลดปล่อยเม็ดฝนลงมา
ลีโอนัสจึงรีบวิ่งกลับบ้าน ในขณะที่ฝนกำลังโปรยปราย  ลีโอนัสได้วิ่งมาถึงหน้าบ้านแต่แล้วเขาต้องหันกลับไปมองที่ซอย5 ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับซอยบ้านของเขา เขาเห็นคนสี่คนที่สวมผ้าคลุมสีขาวทุกคนและทั้งหมดมองมาที่เขาและยิ้มให้ . ลีโอนัสหันกลับและเดินเข้าบ้านไป .
        หลังจากที่ลีโอนัสอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาได้ลงมารับประทานอาหารพร้อมแม่และน้องๆ เขานั่งลงและเห็นแม่ของเขายิ้มอย่างมีความสุข
        “นี่ลูกจะไม่บอกข่าวดีให้แม่รู้เลยเหรอจ๊ะ ผลสอบประกาศแล้วไม่ใช่เหรอ” เธอเอ่ยขึ้น
ลีโอนัสรู้สึกไม่สบายใจที่จะบอกแม่ว่าเขาสอบไม่ติดที่ไหนเลย ในขณะที่เขากำลังจะพูดออกไป แม่ของเขาก็กล่าวขึ้นพร้อมกับยกซองจดหมายที่ถูกเปิดแล้ว
            “นี่ไงจ๊ะ ลูกสอบติดที่แมกซ์ไซมัสไม่ใช่เหรอ”
            คิ้วของลีโอนัสขมวดขึ้นด้วยความสงสัย “ผมไม่เคยสอบของมหาลัยแมกซ์ซิ..เอ่อ..แมกไซมาสนี่เลยนะครับ” ลีโอนัสบอกแม่ด้วยความแปลกใจ
            น้องสาวฝาแฝดของเขาหันมามองที่เขาและทำคิ้วขมวดตามพี่ชาย ลีโอนัสไม่รู้จักมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาติดที่นั่นได้อย่างไร
            “ก็นี่ไง .เขาส่งจดหมายมายืนยันผลการสอบ”มิเชลพูดรอยยิ้มของเธอยังคงไม่ลบเลือน
ลีโอนัสเดินไปหยิบจดหมายและอ่านมันด้วยความงุนงง
...................................................................................................................................................................
                            มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส
                            แมกซ์ไซมัสซิติ้  ดาววีคาลเมอร์
เรียน คุณลีโอนัส มันคิส
            ข้าพเจ้า นายสมิธ    อังเคิลไวน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส ขอแสดงความยินดี เนื่องจาก นายลีโอนัส    มันคิส สามารถสอบเข้าศึกษาต่อในคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแมกซ์ไซมัส กรุณามารายงานตัวในวันแรกพบ วันที่ 24 พฤษภาคม นี้ เราจะส่งอาจารย์ของเราไปรับตัว ในวันที่22 พฤษภาคม เราหวังอย่างยิ่งว่าจะพบท่านในวันแรกพบ
                        ขอความสงบรับท่านไว้ในอ้อมกอด
                                                                                                                      สมิธ  อังเคิลไวน์
                                                                                                                           
                                                                                                              (นายสมิธ      อังเคิลไวน์)
...................................................................................................................................................................   
            แม่ของลีโอนัสยิ้มไม่หุบเลยตลอดการกินข้าวในมื้อนั้นและน้องสาวทั้งสองก็คิ้วขมวดตลอดการรับประทานอาหารมื้อนั้นเช่นกัน
vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
            กลางดึกคืนนั้นลีโอนัสได้แต่ครุ่นคิดเกี่ยวกับจดหมายและมหาวิทยาลัยที่ชื่อแมกซ์ไซมัส ภายในห้องของเขาบนชั้นสองของบ้าน เขาลุกขึ้นเปิดหน้าต่างรับไอเย็นจากภายนอก และลงมานอนก่ายหน้าผากอ่านจดหมายนั่น .
            ไม่นานนักลมที่เยือกเย็นได้พัดเข้ามาภายในห้องและ .
            ตึ้ง!!!....    เสียงหน้าต่างปิดลงพร้อมกับร่างของคนสี่คนปรากฏอยู่เบื้องหน้าลีโอนัส ทุกคนสวมเสื้อคลุมสีขาว มีตราสัญลักษณ์สีเขียวขนาดใหญ่เป็นรูปขนนกไขว้กันอยู่เหนือวงกลมที่ชายผ้าคลุม ทุกคนมีอัญมณีที่มีสีแตกต่างกันในแต่ละคนและทุกคนยิ้มให้ลีโอนัสอย่างเป็นมิตร ..
            แต่รอยยิ้มเหล่านั้นไม่ช่วยให้ลีโอนัสรู้สึกเป็นมิตรเลย  เขาจำได้ว่าชายสองคนในนี้คือคนที่เขาเห็นเมื่อเมื่อวานแต่วันนี้มีหญิงสาวเพิ่มมาอีกสองคน
            เขาพยายามคุมสติเอาไว้และมองไปรอบๆหาสิ่งของมาที่จะใช้ป้องกันตัว เขามองไปที่วิทยุในขณะที่ชายรูปร่างสูงกำลังจะอ้าปากพูด .
            ลีโอนัสหยิบวิทยุขึ้นฟาดเข้าที่ไหล่ของชายคนนั้นและวิ่งไปที่ประตูเพื่อจะหนีออกจากห้อง แต่เมื่อเขาไปถึงหน้าประตู .
            หญิงสาวที่ใส่แว่นตานำมือข้างหนึ่งของเธอจับกับอัญมณีสีฟ้าใสที่เธอใส่อยู่และมืออีกข้างสัมผัสกับฝาผนังบริเวณด้านที่มีประตูอยู่ .ทันใดนั้นประตูก็เริ่มปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แต่คงไม่ใช่เพียงแต่ประตูที่เป็นน้ำแข็งเพราะฝาผนังทั้งหมดตั้งแต่บริเวณที่มือของเธอสัมผัสนั้น กลายเป็นน้ำแข็ง  ขณะนี้ลีโอนัสไม่สามารถออกจากห้องได้
            “พวกเรามาดีนะลีโอนัส จำลุงได้ไหมล่ะ ” ชายรูปร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับบีบที่ไหล่ขวาที่ถูกลีโอนัสฟาดด้วยวิทยุ
            “ลุงเหรอ ผมไม่มีลุง” ลีโอนัสพูดขึ้นด้วยความสงสัย
            “พวกเราเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอ พวกเราทำงานด้วยกันและ .เขาให้มารับเธอ” ชายหนุ่มตัวเล็กที่ลีโอนัสเห็นเขาไต่สายไฟพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
            “พ่อเหรอ .พ่อไม่มาสนใจผมตั้งสิบปีแล้ว .แล้วทำไมถึงจะมาสนใจผมตอนนี้ล่ะ”ลีโอนัสพูดด้วยความโกรธพ่อ .
            “มาร์คให้มารับตัวเธอไปเรียนต่อที่แมกซ์ไซมัสน่ะ”หญิงสาวที่ใช้พลังน้ำแข็งพูดขึ้น แต่ลีโอนัสก็ยังไม่รับฟัง
            “ช่วยใจเย็นๆฟังพวกเราก่อนนะเราไม่ทำอะไรเธอหรอก .” หญิงสาวผมยาวสีบรอนซ์พูดขึ้นด้วยเสียงใสๆ เสียงนั้นทำให้ลีโอนัสผ่อนคลายและใจเย็นลง
            เมื่อเห็นว่าลีโอนัสมีท่าทีที่ใจเย็นลงชายรูปร่างผอมสูงที่ยังคงเจ็บหัวไหล่ก็พูดขึ้นและเหลือบมองไปที่วิทยุที่หล่นอยู่บนพื้นด้วยความระแวง
            “ก่อนอื่นพวกเราขอแนะนำตัวเองก่อน .ลุงชื่อด็อกทามูซซี่ลุงเป็นคนที่มารับพ่อเธอตอนเธออายุได้เจ็ดขวบไง” แล้วด็อกทามูซซี่ก็ฉีกยิ้มอีกครั้ง
            “พี่ชื่อเมเยอร์ ขอโทษที่วันนั้นกินไฟหมู่บ้านเธอไปนะ “ชายหนุ่มที่มีผมดำตัวค่อนข้างเล็กสวมอัญมณีสีเหลืองส้มกล่าวขึ้น
            “ส่วนพี่ พี่ชื่อพีดา ต้องขอโทษที่ใช้น้ำแข็งกับเธอนะ ไม่ตกใจใช่ไหม” หญิงสาวที่ใส่แว่นตารูปไข่กล่าวทักทายลีโอนัส เธอมีผิวขาวและผมสีแดงเข้ม 
            และเด็กหญิงผมบรอนซ์ที่สวมใส่อัญมณีสีเหลืองสดก็เอ่ยขึ้น
            “พี่ชื่อพีโนล่าค่ะ .ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” และอีกครั้งที่เสียงอันอ่อนหวานของเธอทำให้ลีโอนัสเคลิบเคลิ้ม
            “เธออายุครบ18แล้วนะ และเธอต้องเรียนต่อ” ด็อกทามูซซี่เริ่มต้นหว่านล้อม
ลีโอนัสให้ยอมไปเรียนต่อที่แมกซ์ไซมัสที่ๆพ่อของเขาจัดไว้ให้ เขาต้องอธิบายเรื่องจดหมายและเรื่องที่พวกเขาทำ  ซึ่งลีโอนัสรู้สึกว่าด็อกทามูซซี่พูดได้หน้าเบื่อมากแม้ว่าด็อกจะฉีกยิ้มเป็นระยะ
            “เราถูกเรียกว่า . ผู้พิทักษ์แห่งอัญมณีจักพรรดิ์”เสียงใสๆของพีโนล่าพูดขึ้นซึ่งทำให้ลีโอนัสตั้งใจฟังมากขึ้น  “เราทำงานให้กับรัฐบาลดาววีคาลเมอร์ ”
            “วีคาลเมอร์เหรอครับ ชื่อไม่คุ้นเลยนะ”เขาพูดขึ้น
            “เป็นดาวที่สงบสุขจ๊ะ พวกเราหนีตัวเองออกจากระบบบลูเวิลด์ของโลกน่ะ”พีโนล่าตอบ
            “ดาวของเราเต็มไปด้วยอัญมณี .ซึ่งทุกอณูของมันเต็มไปด้วยพลังมหาศาล”ด็อกทามูซี่พูดพร้อมกับทำตาโตเพื่อให้ลีโอนัสสนใจ แต่ลีโอนัสกับทำเฉย
            “พวกเราใช้พลังจากมันออกมาในรูปแบบต่างๆ และรูปแบบของพลังงานที่ซับซ้อนนี้ทำให้เราเสมือนมีเวทย์มนตร์”เมเยอร์กล่าวเสริมด็อกทามูซซี่
            เรื่องพลังนี้เป็นสิ่งที่ลีโอนัสเชื่อพอสมควรเพราะเขาเคยเห็นพ่อใช้ในตอนที่เขายังเด็ก
            ลีโอนัสเริ่มไว้ใจผู้พิทักษ์ทั้งสี่มากขึ้น ทุกคนในห้องสนทนากันยกเว้นพีดาที่ไม่ค่อยพูดอะไรนัก เธอดูสุขุมและเยือกเย็นเหมือนพลังน้ำแข็งของเธอ
            “ไปกับพวกเราเถอะนะ นี่คือจดหมายที่พ่อเธอฝากมาให้”ด็อกทามูซซี่พูดพร้อมกับส่งจดหมายให้ลีโอนัส
            พ่ออยากให้ลูกมาเรียนต่อที่นี่ เพื่อจะได้เรียนรู้วิชาความรู้ที่อยากเรียน และลูกจะสามารถปกป้องแม่ของลูกได้ พ่อจัดการทุกอยากไว้ให้ลูกแล้วและพ่อให้ผู้พิทักษ์ทั้งสี่คนไปรับลูกที่โลกเขาจะดูแลลูกเอง
            ขอให้ลูกรู้ว่าพ่อมีเหตุผลที่ทิ้งลูกกับแม่ไป พ่อมีงานและภาระสำคัญที่สุดที่จะต้องดูแล พ่ออยากให้ลูกเข้าใจในตัวพ่อ
                        พ่อเป็นห่วงและรักลูกเสมอ
                                มาร์ค
            “งั้นผมจะไปถามพ่อด้วยตัวเอง ถึงเหตุผลทุกอย่าง”ลีโอนัสกล่าวพร้อมกับกลั้นน้ำตาเอาไว้
            หลังจากที่ลีโอนัสตกลงจะไปเรียนต่อที่แมกซ์ไซมัสแล้ว เขาก็คุยกับเหล่าผู้พิทักษ์อย่างสนุกสนานต่อจนเวลาล่วงเลยจนเกือบเช้าแล้วพวกเขาจึงออกไปจากห้องลีโอนัส ลีโอนัสนอนต่อไม่หลับแล้ว และเขาคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาทุกๆอย่าง รวมถึงเรื่องเรียนต่อ .
            พ่อของลีโอนัสไม่ใช่ประชากรโลกมนุษย์แห่งนี้ แต่เป็นชาววีคาลเมอร์ พ่อกับแม่เขาเจอกันตอนที่พ่อของเขามาปฏิบัติภารกิจและเกิดผิดพลาดพลังงานจากอัญมณีหมดทำให้ยานของเขาตกลงมายังโลกแห่งนี้และพ่อกับแม่ก็พบรักกัน ฟังดูน้ำเน่านะแต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว พ่ออยู่กับเขาเพียงแค่เจ็ดปีแล้วลุงด็อกทามูซซี่ก็มารับเขากลับไป พ่อทิ้งให้เขาอยู่กับแม่ .พ่อไม่เคยกลับมาเยี่ยมครอบครัว .และไม่เคยรู้ว่าตอนที่เขาจากแม่ไป แม่ได้ตั้งครรภ์น้องฝาแฝดทั้งสองคน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องทิ้งเขาไป และจากคำบอกเล่าของด็อกทามูซี่เพื่อนของพ่อ เขานั้นทำงานให้รัฐบาล องค์กรของเขาเป็นองค์กรลับและมีคนทำงานหลักๆเพียงเก้าคน พวกเขาถูกเรียกว่า ผู้พิทักษ์อัญมณีจักพรรดิ์ ซึ่งใช้อัญมณีแตกต่างกันทั้งเก้าคน ได้แก่ เพชร ทับทิม  มรกต บุษราคัม โกเมน ไพลิน ไข่มุก เพทาย ไพฑูรย์ . พวกเขาใช้พลังงานที่สะสมอยู่ในอัญมณีออกมาในรูปแบบต่างๆ ในดวงดาวที่อยู่นอกระบบของโลก
                vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
   
            หลังจากคืนนั้น ทุกวันลีโอนัสได้ช่วยงานแม่ทุกๆอย่างเขาอยากให้แม่สบายแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแค่นี้  และทุกคืนเหล่าผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็จะแวะมาหาเขาเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับดวงดาวของพวกเขาให้ฟัง โดยที่ด็อกทามูซซี่ชอบทำตาโตทุกทีเมื่อเล่าถึงภารกิจต่างๆที่พวกเขาได้รับมอบหมาย....
   
                                     
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น