คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เปลี่ยนใจ
ร้านอาหารจิ้มแจ่วจ๊า(ชื่อร้านว่า"จิ้มแจ่วจ๊า"นะจ๊ะ)
"ช้าจังเลยยัยพวกนี้�ทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายนัดเรามาแท้ ๆ "
��� ภายในร้านอาหารบรรยากาศแบบอีสานแท้ ๆ เปิดเพลงหมอลำแทบจะเซิ้งได้เลยทีเดียวนั้น มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งกดโทรศัพท์มากว่า� 2 ชั่วโมงแล้วแต่ดูเหมือนว่าเธอจะติดต่อใครไม่ได้เลย ตอนแรกเธอว่าจะกลับแล้ว แต่เพื่อนเธอก็โทรเข้ามาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนว่ากำลังจะมาถึง แต่นี้ก็ยังไม่มีใครมาสักคน� เธอคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน มะนาวนั่นเอง
"แล้วโทรศัพท์ เป็นอะไรไปกันหมดเนี่ย โทรไปก็ไม่รับสายกันสักคน ยัยเพื่อนพวกนี้ ถ้ามาถึงเมื่อไหร่ ตายแน่ "
��� ถึงแม้ว่าเธอจะพูดขู่ไว้ แต่ดูเหมือนว่าแม้จะผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อน ๆ ของเธอก็ยังไม่มาสักที�แม้แต่การติดต่อมาก็ไม่มี� ในขณะที่เธอกำลังจะลุกเดินออกจากร้านนั้นเอง
"จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน�พวกเรามาแล้ว"
����เมื่อหันกลับไปดูที่ต้นเสียงก็พบว่าเป็นกลุ่มเพื่อน ๆ ของเธอนั้นเอง�
"แกแพ้แล้วยัยฟาง ยัยนิ่ม�ฉันบอกแล้วว่ามันรอได้ไม่เกิน�3 ชั่วโมง เอามาซะดี ๆ� คนละ 500��"
���� ว่าแล้วฟางกันนิ่มก็ส่งเงินให้�บัว�แล้วก็บ่นกันอุบอิ๊บว่าทำไมมะนาวไม่อยู่รอนนานกว่านี้อีกสักครึ่งชั่วโมงนะ ปล่อยให้มะนาวยืนงงอยู่อย่างนั้น
"นี่มันอะไรกันเนี่ย พวกแก"
��� ยังไม่ทันที่มะนาวจะได้ต่อว่าอะไร เพื่อน ๆ ก็รีบดันเธอกลับเข้าไปในร้าน ไปนั่งยังโต๊ะเดิม�ที่เธอใช้นั่งรอมาเกือบ 3 ชั่วโมง�
"เอาน่า สั่งอาหารได้แล้ว หิวจะแย่� พี่คะ ขอส้มตำปูม้า ไก่ย่าง แล้วก็แกงหอยขม�ค่ะ�"
"สั่งเหมือนมากินบ่อยเลยนะยัยบัว� แล้วนี่จะบอกฉันได้รึยัง ว่าพวกแกเล่นอะไรกัน ให้ฉันมารอตั้งหลายชั่วโมง"
"ก็ไม่มีอะไรมาก พวกเราก็แค่เล่นพนันกันนิด ๆ หน่อย ๆ ว่าแกจะมีความอดทนพวกเรานานเท่าไหร่ ความจริงพวกเรามาถึงพร้อม ๆ กับแกนั่นแหละ และอาศัยที่ยัยบัวสนิทกับคนที่ร้าน�แอบไปหลบอยู่ข้างใน แต่แกน่าจะรออีกสักครึ่ง ชั่วโมงนะเพราะฉันอุตสาห์พนันว่าแกจะอยู่ได้นานเกิน 3ชั่วโมง�ฉันเลยต้องเสียเงินให้ยัยบัวเลย"
��� นิ่มเป็นคนอธิบายทุกอย่างให้มะนาวฟัง แม้ว่ามะนาวจะไม่พอใจเพื่อน ๆ ที่ทำให้เธอรอเป็นเวลานาน แต่เธอก็ไม่ถึงขนาดโกรธเพราะว่าเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเธอไปเสียแล้ว�
��� มะนาว นิ่ม ฟาง บัว เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ทั้งสี่เป็นกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันมาก�สำหรับอาจารย์แล้วพวกเธอทั้งสี่คนคือนักเรียนตัวปัญหานั้นเอง� ถึงแม้บางครั้งพวกเธอจะมีแอบเกเรไปบ้าง แต่เรื่องการเรียนแล้วทั้งสี่คนให้ความสำคัญอย่างมาก�ดูจากที่ทุกคนสามารถสอบเข้าเรียนในมหาลัยที่ทุกคนหวังไว้ได้ทุกคน�มะนาวเลือกที่จะหนีเพื่อน ๆ ไปเรียนออกแบบตกแต่งภายในที่ญี่ปุ่น ส่วนนิ่ม เลือกที่จะเรียนกฎหมาย�ฟางสอบเข้าเรียนวิศวะได้ และบัว สอบเข้าเรียนครุศาสตร์ และตอนนี้ทุกคนก็จบและได้ทำงานกันเกือบทุกคนแล้ว� ก็มีแต่มะนาวนี่แหละที่ต้องเสียเวลาไปเรียนภาษาก่อนหนึ่งปี ทำให้จบช้า ๆ กว่าเพื่อน ๆ หนึ่งปี��
�
"ไปเรียนญี่ปุ่นตั้งหลายปี�ไม่มีหนุ่ม ๆ ที่โน้นมาติดพันเลยเหรอ�หรือว่าแกแอบได้ยากุซ่ามาเป็นแฟนก็เลยบอกใครไม่ได้ว่ะ�"
"ก็นะ"
"ก็นะ เนี่ย มันหมายความว่ายังไง เล่ามาเดียวนี้นะ"
"ก็ไม่มีอะไรนี่� ผู้ชายไม่ว่าจะที่ไหนก็เหมือนกันหมดนั้นแหละ ไม่ว่าไทยว่าญี่ปุ่น ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษหรอก�แล้วแกล่ะยัยฟาง เอาแต่ถามเรื่องของฉันอยู่ได้ แล้วเรื่องของตัวเองอ่ะ ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังเลย"
�� เจอสวนกลับเร็วอย่างนี้ยังฟางเลยนิ่งไปพักใหญ่ และเอาแต่ก้มหน้าดื่มน้ำ
"ยัยฟางนะเหรอ มันแอบมีแฟนแล้ว"
�
��� ยังบัวเห็นเพื่อนนิ่งไปก็ตอบแทนเพื่อน�
"แฟนบ้าอะไร ไม่มีสักกะหน่อย อย่าพูดมัวนะยัยบัว แกล่ะเห็นตอนที่แอบยัยมะนาวอยู่มีข้อความเข้าไม่หยุดเลยนะ"
���ฟางรีบออกตัวก่อน แต่ดูเหมือนว่าอาการหน้าแดงของเธอมันบ่งบอกความจริงออกมาโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ตัว� เพื่อน ๆ ต่างก็หัวเราะชอบใจใหญ่ เพราะว่าในกลุ่มแล้ว ถ้าให้พูดกันตรง ๆ ฟางมีนิสัยห้าว ๆ เหมือนผู้ชาย� ทุกคนจึงคิดว่าฟางน่าจะเป็นคนสุดท้าย�ที่จะหาแฟนได้ แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิดเสมอไป� แล้วสาว ๆ ต่างก็คุยกันอย่างสนุกสนานตามประสาเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้พบกันนาน
"เอ้อนี่ แกจบออกแบบตบแต่งภายในมาใช่มั้ย พอดีตอนนี้บริษัทฉันเค้ากำลังรับสมัครตำแหน่งนี้อยู่อ่ะ สนใจมั้ย เดี๋ยวฉันลองคุยกันนายให้"
"อืม ใช่เราจบออกแบบมาแต่ว่า............"
"แต่ว่าอะไรหรือแกเห็นว่าบริษัทฉันเล็กเลยไม่อยากทำ"
"เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นซะกะหน่อย"
"แล้วทำไม หรือว่าแกจะไม่ทำงาน จะเกาะพ่อแม่กินไปทั้งชาติ"
��� เพื่อน ๆ ทุกคนต่างก็สงสัยเพราะว่าก่อนที่มะนาวจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นเธอเคยบอกว่า เธออยากเป็นสถาปนิก� แต่พอกลับมาดูมะนาวจะอ้ำอึ้ง เหมือนไม่ค่อยอยากจะทำงานด้านนี้แล้ว�
"เปล่าอีกนั้นแหละ� คือว่าฉัน"
"คือว่าฉันอะไร ยัยมะนาว มัวแต่อ้ำๆ อึ้ง ๆ เพื่อน ๆอยากรู้นะ"
�����เมื่อเห็นว่าเพื่อน ๆ คงไม่ยอมแน่ถ้าเธอไม่ยอมตอบ เธอจึงวางช้อนซ้อมและหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะมองหน้าเพื่อน ๆ ทีละคน
"ก็คือว่า ตอนก่อนไปญี่ปุ่น ฉันเคยบอกกับพวกแกใช่มั้ย ว่าฉันอยากเป็นสถาปนิกมาก ๆ�"
"ก็ใช่นะสิ แล้วไง"
��เพื่อน ๆ ทุกคนต่างพูดออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
"แต่พอฉันไปเรียนญี่ปุ่น� แล้วฉันต้องออกไปเรียนงานนอกสถานที่� กลุ่มของฉันเลือกจะไปดูโรงแรมที่ชิซึโอกะ(เป็นเมือง ๆ หนึ่งในประเทศญี่ปุ่น�ที่มีชื่อเสียงเรื่องการปลูกชามาก) พอฉันได้ไปที่นั้น� ฉันก็รู้สึกว่า........."
"รู้สึกว่า"
�� ทั้งสามคนพูดพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายอีกแล้ว และดูเหมือนต่างก็ตั้งตารอประโยคต่อไป
"รู้สึกว่า"
"รู้สึกว่า"
"รู้สึกว่า.............."
"รู้สึกว่า.............."
� ดูเหมือนทั้งสี่คนจะเป็นพูดเลียนแบบกันยังไงอย่างนั้น�
"นี่ยัยมะนาว แกจะรู้สึกว่าอีกนานมั้ย พวกฉันอยากรู้จะตายอยู่แล้วนะ"
���ฟางทนไม่ไหวจึงโพล่งออกมา
"ใช่พวกฉันอยากรู้จะแย่แล้วเนี่ย"
���นิ่มสมทบด้วยอีกคน
"ก็รู้สึกว่า อยากมีไร่เป็นของตัวเองนะสิ� แกรู้มั้ยว่าการได้อยู่กับธรรมชาติมันดีแค่ไหน แค่ฉันไปที่นั้นไม่กี่วันนะ� ฉันก็รู้สึกได้เลยว่า นี่แหละสิ่งที่ฉันต้องการ"
"หา�!"
�� แล้วทั้งสามคนก็ต้องลองอุทานเสียงพร้อมกันอีกครั้ง จนคนในร้านหันมามอง�เมื่อได้ยินคำตอบที่คาดไม่ถึงของมะนาว
"แกลองพูดใหม่สิยัยมะนาว��ฉันได้ยินแกพูดว่า แกอยากมะอะไรนะ"
���
�� บัวที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินไปรึเปล่า
"ฟังดี ๆ ฟังชัด ๆ นะเพื่อน ๆ� ฉันบอกว่า ฉันอยากมีไร่เป็นของตัวเอง�
"ไร่ ไร่ผักไร่ผลไม้นะเหรอ"
"ใช่ ฉันจะทำไรของฉันเอง"
����
���
������
����
ความคิดเห็น