ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : นกกลับรัง
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
"กลับมาแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว"
����� ถ้ามองจากท่าทางของหญิงสาวเพียงอย่างเดียว ทุกคนก็คงจะคิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่บนยอดดอยหรือบนเขาที่ไหนสักที่ แต่ว่าถ้ามองไปรอบ ๆ ก็จะเห็นเพียงผู้คนลากกระเป๋าเดินทาง มีทั้งคนที่มารับและถูกรับ ถ้ามองออกไปข้างนอกก็จะเห็นเครื่องบินจอดอยู่เต็มลานบิน ก็เพราะว่าที่ที่หญิงสาวยืนอยู่นั้นคือสนามบินสุวรรณภูมิหาใช่ บนยอดดอยแต่อย่างใด
"ยังเหมือนเดิมนะแก"
������เมื่อหญิงสาวมองไปยังต้นเสียง ก็พบว่าเป็นเสียงของน้องสาวของเธอนั่นเอง
"ทำอะไรก็หัดคิดซะบ้างนะ ถึงแกไม่อาย แต่คนอื่นเค้าอายนะ อายุก็ไม่น้อย ๆ แล้วยังทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้"
����� ด้วยความที่ทั้งสองอายุห่างกันไม่มาก� ทั้งคู่จึงมักจะคุยกันเหมือนเพื่อนมากกว่าแบบพี่น้อง�
" โห แค่นี้ทำมาเป็นอาย ทีตอนเด็ก ๆ แกแก้ผ้าวิ่งรอบบ้าน ไม่เห็นแกจะอายใครเลยยัยมะยม� แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ คุณพ่อกับคุณมาไม่มาด้วยเหรอ อะไรกันเนี่ย มันน่าน้อยใจจริง ๆ ลูกสาวกลับบ้านทั้งที่ ทำไม่คุณพ่อคุณแม่ไม่มารับกันได้นะ "
"เลิกงอแงเป็นเด็กได้แล้ว พ่อกับแม่รออยู่ที่รถโน้น� ท่านเห็นแกเดินออกมาก็รู้ว่าจะทำอะไร ก็เลยเดินหนีกลับรถไปก่อน ปล่อยให้ฉันต้องยืนรอแกอยู่คนเดียว� อายคนอื่นเค้าจะแย่"
���� ถ้าดูจากอายุแล้วมะนาวจะมีฐานะเป็นพี่แต่ถ้าดูจากนิสัยแล้วล่ะก็ ใคร ๆ ต่างก็เห็นตรงกันว่ามะยมเหมาะที่จะเป็นพี่มากกว่า� เพราะมะนาวจะมีนิสัยขี้อ้อนเอาแต่ใจ แต่มะยมกลับตรงกันข้าม�เงียบขรึมและเป็นผู้ใหญ่กว่ามะนาวผู้เป็นพี่มากนัก� แต่ถึงแม้นิสัยของทั้งคู่จะต่างกันมาก� ทั้งสองคนก็เป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก
"แกเป็นไงบ้างมะยม เรียนปี 3 แล้วนี่"
��� ระหว่างที่ชวนมะยมคุย มะนาวก็เนียนส่งกระเป๋าให้มะยมลากแทนตนเอง ส่วนมะยมแม้จะงง ๆ แต่ก็รับกระเป๋ามาลากโดยไม่บ่นอะไร� นี้ก็เป็นอีกเรื่องที่มะนาวเก่งกว่ามะยม การตีเนียน
"ก็เรื่อย ๆ ตอนนี้ก็เร่ง ๆ หาเรื่องทำวิทยานิพนธ์อยู่ ความจริงอาจารย์บอกไม่ต้องทำก็ได้แต่ว่า อยากลองทำดูนะ"
"ยังเหมือนเดิมเลยนะ เอาเถอะสมกับเป็นแกดี"
"แล้วแกล่ะ เรียนที่โน้นเป็นไงบ้าง�ไม่เห็นค่อยจะโทรศัพท์กลับบ้าน นึกว่าหลงผู้ชายญี่ปุ่นจนลืมคนทางนี้ไปหมดแล้ว"
"หลงบ้าอะไร� ไม่ว่าผู้ชายไทยหรือญี่ปุ่นก็เหมือนกันนั้น แหละ ฉันว่าชาตินี้ฉันคงไม่แต่งงานอ่ะ�"
"ให้มันจริงเหอะ"
���
����มะยมหันไปมองหน้าพี่สาว มะนาวถือว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่งเธอไม่สวยหยาดเยิ้มเหมือนดารา� แต่เธอเป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้มสดใสเหมือนแสงแดดตอนเช้า ซึ่งตรงนี้คงจะเป็นสเน่ห์ของเธอนั้นเองเพราะว่าใครถ้าได้อยู่ไกล้เธอก็ต้องรู้สึกอบอุ่น ซึ่งตอนเรียนมหาลัยก็มีหนุ่ม ๆ เข้ามาขายขนมจีบให้เธอไม่น้อยอยู่เหมือนกัน แต่เหมือนเธอจะไม่รู้ตัวหรือหรือทำเป็นไม่รู้ก็ไม่ทราบได้�เพราะสิ่งที่เธอมีให้ทุกคนก็เป็นเพียงความสัมพันธ์แบบเพื่อนเท่านั้น�
"รถจอดอยู่ทางโน้นแนะ"
���� มะยมชี้ไปที่รถญี่ปุ่นสีดำที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ� ซึ่งมีคุณประพันธ์และคุณพิศมัยพ่อแม่ของทั้งสองยืนคอยอยู่� มะนาวเมื่อเห็นพ่อกับแม่ก็รีบวิ่งเข้าไปพ่อกอดพ่อกับแม่
"สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่ คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ"
"คิดถึงอะไรกัน ไปอยู่ตั้งนานสองสอง ไม่กลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้ง แถมโทรศัพท์ก็แทบจะไม่โทรกลับมา นึกว่าจะย้ายไปอยู่ที่โน้นซะแล้ว"
���� คุณพิศมัยพูดตัดพ้อลูกสาวตัวดีของที่ที่ไม่ยอมกลับบ้านสักครั้งตลอดเวลาที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น�
"โถ คุณแม่ค่ะ คุณแม่ก็รู้ว่าค่าครองชีพที่โน้นแพงแค่ไหน มะนาวต้องประหยัดนะค่ะ จะได้ไม่ต้องใช้เงินคุณพ่อคุณแม่เยอะ ไงค่ะ แต่ตอนนี้ มะนาวคิดถึงอาหารฝีมือคุณแม่จะแย่อยู่แล้วค่ะ ไม่รู้ว่าเย็นนี้มีอะไรให้มะนาวกินบ้างค่ะ มะนาวหิวจนไม่มีแรงแล้วค่ะ"
���� และแล้วมะนาวก็หาทางเปลี่ยนประเด็นสำเร็จ� เพราะถ้าไม่รีบเปลี่ยนส่งสัยงานนี้เรื่องยาวแน่ แล้วเธอก็จูงมือคุณพิศมัยขึ้นรถ ปล่อยให้สองคนพ่อลูกที่เหลือมองหน้าและยิ้มให้กันกับความเก่งเรื่องเอาตัวรอดของมะนาว
บ้าน(วิมานของเรา)
"มะนาว หนูขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ "
"รับทราบค่ะนายหญิง"
���� มะนาวพูดพรางทำท่าตะแบ๊ะเหมือนเวลาที่ทหารรับคำสั่งจากผู้บังคับบรรชา
"มัวแต่เล่น รีบไปอาบน้ำได้แล้ว"
�
����แม้คุณพิศมัยจะพูดเหมือนเอ็ดลูกสาวคนโต แต่น้ำเสียงและสีหน้านั้นดูเหมือนเธอจะไม่ได้เอ็ดจริงจังสักเท่าไหร่นัก
��� หลังจากอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จแล้วมะนาวก็ลงมาที่โต๊ะอาหาร
"กลิ่นอาหารฝืมือคุณแม่หอมมากเลยค่ะ วันนี้มีอะไรทานบ้างค่ะ"
����มะนาวเดินไปกอดคุณแม่จากทางด้านหลัง พร้อมกับหอมแก้มคุณแม่หนึ่งฟอด
"ทำเป็นปากหวานเชียวนะ� อาหารไทยไม่รู้จะถูกปากเราเหมือนอาหารญี่ปุ่นรึเปล่า"
"โถ คุณแม่ค่ะ มะนาวชอบทานอาหารไทยจะตาย อาหารญี่ปุ่นรสชาติค่อนข้างจืด มะนาวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ หรอกค่ะ ยิ่งเป็นอาหารที่คุณแม่ทำยิ่งอร่อยใหญ่เลย "
���� มะนาวอาศัยจังหวะที่คุณพิศมัยกำลังฟังเธอเพลินอยู่นั้นแอบหยิบ ไก่ทอดขึ้นมากิน
"ไม่เปลี่ยนนะเรา เดี๋ยวรอยัยมะยมกับคุณพ่อลงมาก่อนแล้วค่อยกินพร้อมกันสิ นี่อะไร มือไม่รู้สกปรกรึเปล่า เรานะโตแล้วนะ อย่าทำเหมือนเด็กนักสิ เดี๋ยวก็หาสามีไม่ได้หรอก แม่ไม่เลี้ยงเราตลอดไปหรอกนะ"
"คุณแม่ค่ะ มะนาวไม่เห็นอยากมีเลยสามี� มะนาวจะอยู่ให้คุณแม่เลี้ยงไปตลอดเลย"
���� แล้วมะนาวก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ ไม่ทันที่คุณพิศมัยจะพูดต่อ คุณประพันธ์กับมะยมก็เดินลงมาพอดี
"คุยอะไรกันอยู่สองแม่ลูก"
���� คุณประพันธ์ที่ได้ยินเสียงสองแม่ลูกคุยกันอยู่ แต่ไม่รู้ว่าทั้งสองคุยกันเรื่องอะไร จึงเอ่ยถามขึ้น
" ก็ลูกสาวตัวดีของคุณสิค่ะ บอกว่าจะไม่แต่งงาน จะอยู่ให้เราเลี้ยงแกตลอด ฉันได้ยินแล้วจะเป็นลม"
"จะเป็นลมทำไมคุณ เห็นใครเข้ามาคุณก็บอกว่ไม่ดีไปหมด ติโน้นตินี่ แล้วผมก็สงสารสามียัยมะนาวด้วย ได้เมียเอาแต่ใจอย่างนี้ คงจะวุ่นน่าดู"
���� คุณประพันธ์พูดล้อภรรยาตัวเอง มะนาวเลยสมทบขึ้นทันที
"จริงค่ะ คุณพ่อ� สามีหนูน่าสงสารออก� ถ้าคุณแม่อยากได้ลูกเขย คงต้องไปหาทางยัยมะยมแล้วล่ะค่ะ หนูขอบาย"
����� มะยมได้ยินก็รีบออกตัวก่อนเลยว่า
"หนูก็ขอบายค่ะ"
"อะไรกันลูกสาวบ้านนี้โอ้ยจะเป็นลม จะเป็นลม"
����� แล้วคุณพิศมัยก็ทรุดต้วนั่งลงที่เก้าอี้��
"เอาน่าคุณ� เรื่องพวกนี้มันยังอีกนาน� เรามากินข้าวกันก่อนดีกว่านะ ผมหิวแล้ว"
"ใช่ค่ะคุณพ่อ� มะนาวก็หิวแล้ว เรามากินข้าวกันก่อนดีกว่านะค่ะคุณแม่� โห นี่น้ำพริกกะปิฝืมือคุณแม่นี่น่า น่ากินจังเลยค่ะ "
�
����� คุณพิศมัยได้แต่มองหน้าลูกสาวทั้งสองอย่างท้อใจ เธอมีลูกสาวเพียงสองคนแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยากมีหลานให้เธอแม้แต่คนเดียว
"นี่คุณเลิกทำหน้าเศร้าได้แล้ว เดี๋ยวอาหารก็บูดเพราะคุณทำทำหน้าบูดหรอก"
"เอะ คุณนี่เลิกแซ่วฉันได้แล้ว"
"คุณแม่ทานนี่สิค่ะ มะนาวตักให้�"
�����ดูเหมือนมะนาวจะทำเรื่องที่เธอชำนาญได้ดีอีกแล้ว� และการสนทนาบนโต๊ะอาหารก็เป็นไปอย่างที่มนควรจะเป็น�����
"กลับมาแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว"
����� ถ้ามองจากท่าทางของหญิงสาวเพียงอย่างเดียว ทุกคนก็คงจะคิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่บนยอดดอยหรือบนเขาที่ไหนสักที่ แต่ว่าถ้ามองไปรอบ ๆ ก็จะเห็นเพียงผู้คนลากกระเป๋าเดินทาง มีทั้งคนที่มารับและถูกรับ ถ้ามองออกไปข้างนอกก็จะเห็นเครื่องบินจอดอยู่เต็มลานบิน ก็เพราะว่าที่ที่หญิงสาวยืนอยู่นั้นคือสนามบินสุวรรณภูมิหาใช่ บนยอดดอยแต่อย่างใด
"ยังเหมือนเดิมนะแก"
������เมื่อหญิงสาวมองไปยังต้นเสียง ก็พบว่าเป็นเสียงของน้องสาวของเธอนั่นเอง
"ทำอะไรก็หัดคิดซะบ้างนะ ถึงแกไม่อาย แต่คนอื่นเค้าอายนะ อายุก็ไม่น้อย ๆ แล้วยังทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้"
����� ด้วยความที่ทั้งสองอายุห่างกันไม่มาก� ทั้งคู่จึงมักจะคุยกันเหมือนเพื่อนมากกว่าแบบพี่น้อง�
" โห แค่นี้ทำมาเป็นอาย ทีตอนเด็ก ๆ แกแก้ผ้าวิ่งรอบบ้าน ไม่เห็นแกจะอายใครเลยยัยมะยม� แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ คุณพ่อกับคุณมาไม่มาด้วยเหรอ อะไรกันเนี่ย มันน่าน้อยใจจริง ๆ ลูกสาวกลับบ้านทั้งที่ ทำไม่คุณพ่อคุณแม่ไม่มารับกันได้นะ "
"เลิกงอแงเป็นเด็กได้แล้ว พ่อกับแม่รออยู่ที่รถโน้น� ท่านเห็นแกเดินออกมาก็รู้ว่าจะทำอะไร ก็เลยเดินหนีกลับรถไปก่อน ปล่อยให้ฉันต้องยืนรอแกอยู่คนเดียว� อายคนอื่นเค้าจะแย่"
���� ถ้าดูจากอายุแล้วมะนาวจะมีฐานะเป็นพี่แต่ถ้าดูจากนิสัยแล้วล่ะก็ ใคร ๆ ต่างก็เห็นตรงกันว่ามะยมเหมาะที่จะเป็นพี่มากกว่า� เพราะมะนาวจะมีนิสัยขี้อ้อนเอาแต่ใจ แต่มะยมกลับตรงกันข้าม�เงียบขรึมและเป็นผู้ใหญ่กว่ามะนาวผู้เป็นพี่มากนัก� แต่ถึงแม้นิสัยของทั้งคู่จะต่างกันมาก� ทั้งสองคนก็เป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก
"แกเป็นไงบ้างมะยม เรียนปี 3 แล้วนี่"
��� ระหว่างที่ชวนมะยมคุย มะนาวก็เนียนส่งกระเป๋าให้มะยมลากแทนตนเอง ส่วนมะยมแม้จะงง ๆ แต่ก็รับกระเป๋ามาลากโดยไม่บ่นอะไร� นี้ก็เป็นอีกเรื่องที่มะนาวเก่งกว่ามะยม การตีเนียน
"ก็เรื่อย ๆ ตอนนี้ก็เร่ง ๆ หาเรื่องทำวิทยานิพนธ์อยู่ ความจริงอาจารย์บอกไม่ต้องทำก็ได้แต่ว่า อยากลองทำดูนะ"
"ยังเหมือนเดิมเลยนะ เอาเถอะสมกับเป็นแกดี"
"แล้วแกล่ะ เรียนที่โน้นเป็นไงบ้าง�ไม่เห็นค่อยจะโทรศัพท์กลับบ้าน นึกว่าหลงผู้ชายญี่ปุ่นจนลืมคนทางนี้ไปหมดแล้ว"
"หลงบ้าอะไร� ไม่ว่าผู้ชายไทยหรือญี่ปุ่นก็เหมือนกันนั้น แหละ ฉันว่าชาตินี้ฉันคงไม่แต่งงานอ่ะ�"
"ให้มันจริงเหอะ"
���
����มะยมหันไปมองหน้าพี่สาว มะนาวถือว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่งเธอไม่สวยหยาดเยิ้มเหมือนดารา� แต่เธอเป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้มสดใสเหมือนแสงแดดตอนเช้า ซึ่งตรงนี้คงจะเป็นสเน่ห์ของเธอนั้นเองเพราะว่าใครถ้าได้อยู่ไกล้เธอก็ต้องรู้สึกอบอุ่น ซึ่งตอนเรียนมหาลัยก็มีหนุ่ม ๆ เข้ามาขายขนมจีบให้เธอไม่น้อยอยู่เหมือนกัน แต่เหมือนเธอจะไม่รู้ตัวหรือหรือทำเป็นไม่รู้ก็ไม่ทราบได้�เพราะสิ่งที่เธอมีให้ทุกคนก็เป็นเพียงความสัมพันธ์แบบเพื่อนเท่านั้น�
"รถจอดอยู่ทางโน้นแนะ"
���� มะยมชี้ไปที่รถญี่ปุ่นสีดำที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ� ซึ่งมีคุณประพันธ์และคุณพิศมัยพ่อแม่ของทั้งสองยืนคอยอยู่� มะนาวเมื่อเห็นพ่อกับแม่ก็รีบวิ่งเข้าไปพ่อกอดพ่อกับแม่
"สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่ คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ"
"คิดถึงอะไรกัน ไปอยู่ตั้งนานสองสอง ไม่กลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้ง แถมโทรศัพท์ก็แทบจะไม่โทรกลับมา นึกว่าจะย้ายไปอยู่ที่โน้นซะแล้ว"
���� คุณพิศมัยพูดตัดพ้อลูกสาวตัวดีของที่ที่ไม่ยอมกลับบ้านสักครั้งตลอดเวลาที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น�
"โถ คุณแม่ค่ะ คุณแม่ก็รู้ว่าค่าครองชีพที่โน้นแพงแค่ไหน มะนาวต้องประหยัดนะค่ะ จะได้ไม่ต้องใช้เงินคุณพ่อคุณแม่เยอะ ไงค่ะ แต่ตอนนี้ มะนาวคิดถึงอาหารฝีมือคุณแม่จะแย่อยู่แล้วค่ะ ไม่รู้ว่าเย็นนี้มีอะไรให้มะนาวกินบ้างค่ะ มะนาวหิวจนไม่มีแรงแล้วค่ะ"
���� และแล้วมะนาวก็หาทางเปลี่ยนประเด็นสำเร็จ� เพราะถ้าไม่รีบเปลี่ยนส่งสัยงานนี้เรื่องยาวแน่ แล้วเธอก็จูงมือคุณพิศมัยขึ้นรถ ปล่อยให้สองคนพ่อลูกที่เหลือมองหน้าและยิ้มให้กันกับความเก่งเรื่องเอาตัวรอดของมะนาว
บ้าน(วิมานของเรา)
"มะนาว หนูขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ "
"รับทราบค่ะนายหญิง"
���� มะนาวพูดพรางทำท่าตะแบ๊ะเหมือนเวลาที่ทหารรับคำสั่งจากผู้บังคับบรรชา
"มัวแต่เล่น รีบไปอาบน้ำได้แล้ว"
�
����แม้คุณพิศมัยจะพูดเหมือนเอ็ดลูกสาวคนโต แต่น้ำเสียงและสีหน้านั้นดูเหมือนเธอจะไม่ได้เอ็ดจริงจังสักเท่าไหร่นัก
��� หลังจากอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จแล้วมะนาวก็ลงมาที่โต๊ะอาหาร
"กลิ่นอาหารฝืมือคุณแม่หอมมากเลยค่ะ วันนี้มีอะไรทานบ้างค่ะ"
����มะนาวเดินไปกอดคุณแม่จากทางด้านหลัง พร้อมกับหอมแก้มคุณแม่หนึ่งฟอด
"ทำเป็นปากหวานเชียวนะ� อาหารไทยไม่รู้จะถูกปากเราเหมือนอาหารญี่ปุ่นรึเปล่า"
"โถ คุณแม่ค่ะ มะนาวชอบทานอาหารไทยจะตาย อาหารญี่ปุ่นรสชาติค่อนข้างจืด มะนาวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ หรอกค่ะ ยิ่งเป็นอาหารที่คุณแม่ทำยิ่งอร่อยใหญ่เลย "
���� มะนาวอาศัยจังหวะที่คุณพิศมัยกำลังฟังเธอเพลินอยู่นั้นแอบหยิบ ไก่ทอดขึ้นมากิน
"ไม่เปลี่ยนนะเรา เดี๋ยวรอยัยมะยมกับคุณพ่อลงมาก่อนแล้วค่อยกินพร้อมกันสิ นี่อะไร มือไม่รู้สกปรกรึเปล่า เรานะโตแล้วนะ อย่าทำเหมือนเด็กนักสิ เดี๋ยวก็หาสามีไม่ได้หรอก แม่ไม่เลี้ยงเราตลอดไปหรอกนะ"
"คุณแม่ค่ะ มะนาวไม่เห็นอยากมีเลยสามี� มะนาวจะอยู่ให้คุณแม่เลี้ยงไปตลอดเลย"
���� แล้วมะนาวก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ ไม่ทันที่คุณพิศมัยจะพูดต่อ คุณประพันธ์กับมะยมก็เดินลงมาพอดี
"คุยอะไรกันอยู่สองแม่ลูก"
���� คุณประพันธ์ที่ได้ยินเสียงสองแม่ลูกคุยกันอยู่ แต่ไม่รู้ว่าทั้งสองคุยกันเรื่องอะไร จึงเอ่ยถามขึ้น
" ก็ลูกสาวตัวดีของคุณสิค่ะ บอกว่าจะไม่แต่งงาน จะอยู่ให้เราเลี้ยงแกตลอด ฉันได้ยินแล้วจะเป็นลม"
"จะเป็นลมทำไมคุณ เห็นใครเข้ามาคุณก็บอกว่ไม่ดีไปหมด ติโน้นตินี่ แล้วผมก็สงสารสามียัยมะนาวด้วย ได้เมียเอาแต่ใจอย่างนี้ คงจะวุ่นน่าดู"
���� คุณประพันธ์พูดล้อภรรยาตัวเอง มะนาวเลยสมทบขึ้นทันที
"จริงค่ะ คุณพ่อ� สามีหนูน่าสงสารออก� ถ้าคุณแม่อยากได้ลูกเขย คงต้องไปหาทางยัยมะยมแล้วล่ะค่ะ หนูขอบาย"
����� มะยมได้ยินก็รีบออกตัวก่อนเลยว่า
"หนูก็ขอบายค่ะ"
"อะไรกันลูกสาวบ้านนี้โอ้ยจะเป็นลม จะเป็นลม"
����� แล้วคุณพิศมัยก็ทรุดต้วนั่งลงที่เก้าอี้��
"เอาน่าคุณ� เรื่องพวกนี้มันยังอีกนาน� เรามากินข้าวกันก่อนดีกว่านะ ผมหิวแล้ว"
"ใช่ค่ะคุณพ่อ� มะนาวก็หิวแล้ว เรามากินข้าวกันก่อนดีกว่านะค่ะคุณแม่� โห นี่น้ำพริกกะปิฝืมือคุณแม่นี่น่า น่ากินจังเลยค่ะ "
�
����� คุณพิศมัยได้แต่มองหน้าลูกสาวทั้งสองอย่างท้อใจ เธอมีลูกสาวเพียงสองคนแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยากมีหลานให้เธอแม้แต่คนเดียว
"นี่คุณเลิกทำหน้าเศร้าได้แล้ว เดี๋ยวอาหารก็บูดเพราะคุณทำทำหน้าบูดหรอก"
"เอะ คุณนี่เลิกแซ่วฉันได้แล้ว"
"คุณแม่ทานนี่สิค่ะ มะนาวตักให้�"
�����ดูเหมือนมะนาวจะทำเรื่องที่เธอชำนาญได้ดีอีกแล้ว� และการสนทนาบนโต๊ะอาหารก็เป็นไปอย่างที่มนควรจะเป็น�����
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น