คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : 10. Because of you (100%)
ผ่านมาหลายสัปดาห์นับตั้งแต่เปิดภาคเรียน ชีวิตของนักศึกษาปีสองดูจะว่างมากกว่าสมัยปีหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกิจกรรมบังคับที่มีให้ทำน้อยลงถนัดตา ส่วนใหญ่จะเป็นการเข้าไปช่วยเหลือและมีส่วนร่วมกับน้อง ๆ ปีหนึ่งเสียมากกว่า
อย่างเช่นช่วงนี้ที่กิจกรรมหลักของพวกเขาคือการประกวดดาว-เดือนของมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เพียงผู้เข้าประกวดที่จะต้องเหนื่อยและทำงานหนัก แต่เพื่อน ๆ ในชั้นปีส่วนใหญ่ต่างก็มีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ด้วย ทั้งเรื่องการแสดง การฝึกซ้อม การทำฉากประกอบ รวมไปถึงกองเชียร์ที่ต้องฝึกซ้อมจนดึกดื่น เพราะกิจกรรมนี้ไม่ได้มีแค่การประกวดดาว-เดือนเท่านั้น แต่ยังมีการประกวดกองเชียร์ที่คอยสร้างสีสันในวันงานอีกด้วย
ดังนั้นแต่ละคณะจึงไม่มีใครยอมใคร ผลประกวดดาวเดือนจะแพ้หรือชนะไม่ว่า แต่ประกวดกองเชียร์จะต้องโดดเด่นและเป็นที่หนึ่งเท่านั้น
หน้าที่ของผมในปีนี้ไม่มีอะไรต่างไปจากปีก่อน นั่นก็คือการเป็นทีมงานดูแลและเตรียมความพร้อมให้กับน้อง ๆ ผู้เข้าประกวด อย่างที่รู้ว่าแฟนเก่าของผมอย่างอะตอมคือผู้คว้าตำแหน่งเดือนมหา’ลัยเมื่อปีที่แล้ว ด้วยประสบการณ์ที่ผมทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้จัดการดารา ตามติดดูแลเขาทุกอย่าง ทั้งเรื่องอาหารการกิน เรื่องการพักผ่อน เรื่องการแสดง หรือแม้แต่เรื่องเรียนที่ผมต้องคอยตามเก็บชีทเรียนให้เขา ทุกคนจึงชื่นชมในการทำงานของผม และดึงตัวมาช่วยงานในปีนี้ โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วที่ผมทุ่มเททำลงไปก็เพราะอะตอมเป็นแฟนผม
คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ผมมีความสุขมาก ๆ ถึงแม้ตอนนั้นจะเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด แต่การได้อยู่ใกล้ชิดและมอบสิ่งดี ๆ ให้กับคนที่ตัวเองรัก กลับสร้างความสุขล้นในจิตใจของผมมากกว่า
“คิดอะไรอยู่เหรอครับเพื่อนฟอส ยิ้มไม่หุบเชียว” เสียงทุ้มของเพื่อนรักทำลายความหอมหวานของเรื่องที่ผมกำลังรำลึก
ผมหันไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเห็นมันทำตาปริบ ๆ มองผมด้วยความใคร่รู้
เราสองคนกำลังนั่งอยู่ที่ม้าหินใต้ตึกเรียนของภาค ร่วมกับเพื่อน ๆ คนอื่นอีกมากมายที่กำลังเตรียมการวางแผนสำหรับงานประกวดดาว-เดือนของรุ่นน้องในปีนี้
“คิดถึงอะตอม” ผมพูดออกไปอย่างไม่คิดจะปกปิด เรื่องนี้มีแค่ไอ้ต้าคนเดียวที่รู้ และผมก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องปิดบัง
“อยากรีเทิร์นอะดิ”
“ไม่อะ” ผมพูดอย่างมั่นใจ “แค่นึกถึงความสุขของวันเก่า ๆ”
“หุย...คูลจัด”
“ทำไม คิดถึงไม่ได้หรือไง”
“ได้ และกูรู้สึกดีมาก ๆ ที่เห็นมึงกล้าย้อนกลับไปคิดถึงความสุขของวันเก่า ๆ โดยไม่กลัวความเศร้าอีกต่อไป” ไอ้ต้าตบบ่าผมเบา ๆ ยิ้มให้อย่างเป็นกำลังใจ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปเปล่าวะ ยังไงคนเราก็หนีอดีตไม่ได้อยู่ดี”
“เยี่ยม” ไอ้ต้ายกนิ้วโป้งให้ แสดงสีหน้าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย “พูดแบบนี้แสดงว่าพร้อมจะมีความรักครั้งใหม่แล้วอะดิ”
“เฉย ๆ ว่ะ ไม่ได้สนใจ”
“จริงอะ?”
“อึ้ม”
“นึกว่าอินเลิฟกับไอ้ไนโตรอยู่ซะอีก”
“พูดเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย” ผมขึงตาใส่ เมื่อไอ้ต้าพูดเสียงดังจนเพื่อนข้าง ๆ หันมามอง
“ก็กูเห็นมึงไปไหนมาไหนกับมันบ่อย ๆ พักหลังก็ไปส่งกันถึงหอ ไม่ให้เรียกว่าอินเลิฟจะให้เรียกว่าอะไรล่ะครับคุณเพื่อน” ไอ้ต้าพูดกับผมด้วยเสียงที่เบาลง
“เรียก…” จะเรียกอะไรดีล่ะ ผมก็ไม่เคยนิยามคำจำกัดความของผมกับไนโตรด้วยสิ
นับตั้งแต่ที่ผมรับปากจะดูแลไนโตร เราสองคนก็ได้เจอะเจอกันบ่อยขึ้น ไม่ใช่เพราะผมเข้าหาเขาหรอกนะ แต่เหมือนจะเป็นเขาที่เข้าหาผมมากกว่า หลายต่อหลายครั้งที่เขามักโผล่มาโดยไม่ทันให้ได้ตั้งตัว แถมยังนำพาเรื่องน่าปวดหัวมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน จนอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าใครควรได้รับการดูแลกันแน่
“เรียกว่าแฟน”
“แฟนพ่องมึงดิ”
“ว้ายยย เกรี้ยวกราด” ดูเพื่อนผมสิครับ ทำท่าทางกลัวหลังจากโดนผมถลึงตาใส่ แต่กลับยิ้มหัวเราะร่าด้วยความชอบอกชอบใจเสียอย่างนั้น
ปวดหัวกับไนโตรคนเดียวไม่พอ ยังต้องมาปวดหัวกับเพื่อนของตัวเองอีก
“มีแฟนแบบนั้น กูคงเป็นบ้าก่อน”
“มึงไม่สงสัยบ้างเหรอวะ ว่าทำไมหมอนั่นถึงตามติดมึงตลอด”
“…”
“กูว่ามันชอบมึงชัวร์”
“เพ้อเจ้อนา” ผมพูดปัดเหมือนไม่สนใจ “เลิกยุ่งเรื่องของกู แล้วสนใจการประชุมได้แล้ว”
ไอ้ต้ายิ้มขำ แต่ก็ยอมจบบทสนทนาแต่โดยดี จะมีก็เพียงผม ที่ยังคิดทบทวนถึงสิ่งที่มันพูดค้างเอาไว้
ไนโตรชอบผมเหรอ? ไม่ใช่เพียงแค่ไอ้ต้าที่คิดสงสัย แต่อะไรหลาย ๆ อย่างทำให้ผมเองก็คิดเช่นนั้น จากที่เคยคิดว่ามีความเป็นไปได้ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ แต่นับวันความเป็นไปได้กลับสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำ ไม่มีทางที่ทำให้ผมคิดเป็นอย่างอื่นได้เลย
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีข้อสงสัยอยู่หลายอย่าง และก็เป็นไนโตรเองนั่นแหละที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น คนชอบพอกันที่ไหนถึงชอบก่อกวนให้ต้องปวดหัวอยู่บ่อย ๆ แถมบางครั้งก็ยังหาเรื่องยั่วโมโหจนแทบต้องลงไม้ลงมือกันด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้จะบอกว่าเขาชอบผมอย่างงั้นเหรอ...
เป็นไปไม่ได้
คิดวกวนไปมาสุดท้ายก็ไม่อาจได้ข้อสรุป จึงเปลี่ยนคำถามมาถามใจตัวเองแทนว่ารู้สึกกับเขาอย่างไร
ผมรู้สึกดี...นั่นคือความรู้สึกของผมในตอนนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะชอบหรือกำลังหลงรักเขา เพียงแต่ผมรู้สึกดีที่มีเขาเข้ามาสร้างสีสันในชีวิต รู้สึกดีที่การมีเขาทำให้ผมไม่ต้องอยู่อย่างอ้างว้าง รู้สึกดีที่เขาทำให้วันเหงา ๆ แปรเปลี่ยนเป็นวันสดใส ถึงแม้ส่วนใหญ่จะทำให้ปวดสมองอยู่บ้าง แต่ก็เรียกได้ว่า...รู้สึกดี
การประชุมเสร็จสิ้นลง จัดสรรแบ่งหน้าที่ที่แต่ละคนจะต้องรับผิดชอบเรียบร้อย ผมมีหน้าที่เป็นสต้าฟคอยดูแลเฟิร์สและธัญญ่า สองตัวแทนผู้เข้าประกวดของคณะในการเตรียมความพร้อมสำหรับการทำกิจกรรมนอกสถานที่ ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ผมมีไอ้ต้าไปเป็นเพื่อนด้วย เพราะมันมีความสามารถในการถ่ายภาพ จึงได้รับมอบหมายให้เป็นตากล้องประจำทีมคอยเก็บภาพน้อง ๆ และบรรยากาศในระหว่างการทำกิจกรรม
พวกเราต่างทยอยกันแยกย้ายกลับที่พัก ผมกับไอ้ต้าเองก็เช่นกัน รีบปรี่มายังลานจอดมอเตอร์ไซค์เพื่อเตรียมตัวกลับหอ ถึงแม้จะเพิ่งสามทุ่มแต่ตอนนี้ผมง่วงนอนมาก อาจเป็นเพราะใช้พลังงานไปกับการเรียนและทำกิจกรรมมาอย่างหนักตลอดทั้งวัน
“พี่ฟอส” ไม่ทันที่ผมจะเดินไปถึงจุดหมาย เสียงเรียกหนึ่งก็ดังขึ้นในความมืด
บริเวณนี้มีแสงสว่างไม่มากนัก ผมจึงต้องหรี่ตามองไปยังที่มาของเสียง ก่อนที่ร่างสูงจะปรากฎให้ผมเห็นเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้
“นายมาทำอะไรที่นี่?” ผมถาม เมื่อชายคนนั้นคือไนโตร ถ้าเป็นช่วงกลางวันผมพอจะเข้าใจได้ว่าเขามาเรียน เพราะเด็กคณะแพทย์มีหลายวิชาที่ต้องเรียนที่คณะผม แต่ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่ม แปลกที่ยังเห็นเขายืนอยู่ที่นี่
“มาหาพี่” ไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากถามต่อ เป็นเขาที่ชิงพูดใส่ผมด้วยเสียงขุ่นมัว “ทำไมพี่ไม่บอกผมก่อนว่าการประกวดเดือนจะต้องไปทำกิจกรรมข้างนอกด้วย”
“ทำไมอะ ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น รุ่นพี่ของนายไม่บอกหรือไง”
“บอกไง ผมถึงได้รู้”
“แล้ว?” ผมขมวดคิ้ว มองไนโตรอย่างไม่เข้าใจ หลังจากเห็นไนโตรทำท่าทางหงุดหงิดใส่ ราวกับผมทำอะไรผิดต่อเขาอย่างนั้นแหละ
“ผมไม่อยากไป ผมไม่ชอบ”
“บอกรุ่นพี่ของนายดิ มาบอกเราทำไม?”
“เพราะพี่ไง พี่มาบอกให้ผมลงประกวด”
“เดี๋ยวก่อนนะ” ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าเขามาหาผมทำไม “นายกำลังโทษเรา ที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับนายก่อนอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่”
“เกี่ยวอะไรกัน การที่นายจะประกวดหรือไม่ประกวดมันเป็นการตัดสินใจของนายเองไม่เกี่ยวกับเรา และที่นายยอมประกวด ก็เพราะนายมีข้อตกลงมาแลกเปลี่ยนกับเราไม่ใช่เหรอ?”
“ข้อตกลงอะไรอะ?” ไอ้ต้าที่ยืนฟังอยู่นานยื่นหน้ามาถาม
“มึงอย่ายุ่งก่อน” ผมแหวใส่ หลังจากเริ่มมีอารมณ์ครุ่กรุ่น ไอ้ต้าทำหน้าจึงเจี๋ยมเจี้ยม ปิดปากเงียบแต่โดยดี
คนกำลังง่วงนอน จู่ ๆ ก็โดนหาเรื่องให้โมโห เป็นใครก็ต้องหงุดหงิดกันทั้งนั้น
“ถ้าพี่ไม่มาคะยั้นคะยอให้ผมประกวด ผมก็ไม่มีวันลงประกวดอะไรบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้หรอก”
“แล้วนายจะเอายังไง?” รู้ว่าเถียงกับเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไนโตรเป็นพวกเอาแต่ใจและมีข้ออ้างมีสนับสนุนความคิดของตัวเองอยู่เสมอ ที่สำคัญตอนนี้ผมง่วงนอนมาก มากซะจนเริ่มปวดหัว จึงอยากรีบจบเรื่องไร้สาระนี้สักที
“พี่ต้องไปค่ายกับผม”
“เรื่องอะไรเราต้องไปกับนายด้วยล่ะ” ตาที่กำลังจะปิดเบิกกว้าง มองร่างสูงที่มีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าด้วยความข้องใจ “นั่นมันงานของคณะนาย รุ่นพี่นายก็ต้องไปอยู่แล้ว ทำไมเราต้องไปกับนายด้วย”
“ก็เพราะพี่ไม่ยอมบอกผมก่อน เพราะฉะนั้นพี่ต้องรับผิดชอบ”
“ไม่” บ้าบอกันไปใหญ่แล้ว ไนโตรตั้งใจหาเรื่องผมชัด ๆ
“ไอ้ฟอส แต่มึงก็ต้องไปดูแลเฟิร์สกับธัญญ่าอยู่แล้วนิหว่า มึงจำไม่ได้หรือไง” ไอ้ต้าสะกิดแขน พูดกับผมราวกับกำลังเตือนความจำ
“กูรู้ แต่กูไม่อยากให้ไนโตรรู้ไง” ผมพูดกับไอ้ต้าด้วยเสียงเบาค่อย แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการเสียแล้ว เมื่อเห็นชายรุ่นน้องยิ้มกว้างจนตาแทบปิด ส่งเสียงหัวเราะในลำคอราวกับผู้ชนะ
“ขอบคุณนะครับ ที่ตกลงไปกับผม”
“ใครบอกว่าเราไปกับนาย เราไปทำงานของเราต่างหาก” มีที่ไหนคิดเองเออเองว่าผมตกลงไปกับเขา แถมยังยิ้มกวนประสาทให้ผมอีก
“ผมจะตั้งใจทำเต็มที่เลยครับ และจะคว้าตำแหน่งเดือนมาให้ได้ พี่รอทำตามสัญญาได้เลยนะครับ” เสียงเบาค่อยกระซิบที่ข้างหู ผมทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาเพียงแวบหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินหายไปในความมืด
ชักหวั่น ๆ กับข้อตกลงที่ผมไม่ได้เต็มใจสัญญากับเขาแล้วล่ะสิ ดูเหมือนเขาจะจริงจังกับมันมาก มากซะจนตัวของผมสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
เขาคิดจะทำอะไร และเขาต้องการอะไรจากผมกันแน่
------
E-BOOK จิ้มที่ลิ้งก์ด้านล่างได้เลยจ้า
ความคิดเห็น