คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : 10. Because of you (40%)
หลังจากที่ผมตบปากรับคำพี่เทอร์โบจะช่วยดูแลไนโตร
ภารกิจแรกที่ต้องทำก็มาถึงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว นั่นก็คือการที่ผมจะต้องพูดโน้มน้าวให้ไนโตรยอมเป็นตัวแทนคณะแพทย์ประกวดเดือนของมหา’ลัย ถามว่าใช่หน้าที่ของผมไหม ก็คงพูดได้เต็มปากเลยว่าไม่ ผมไม่ได้อยู่คณะเดียวกับเขา แถมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ กับเขาเลย แต่ที่ยอมทำก็เพราะเห็นแก่มิตรภาพของผมกับมายด์ที่มีมาอย่างยาวนาน ครั้งหนึ่งเธอเคยให้ผมยืมเงินเติมเกมตอนสมัยมอต้น บุญคุณครั้งนั้นผมยังจำได้ดี ครั้งนี้เธอถึงขั้นอ้อนวอนพร้อมทำทุกอย่างตามที่ผมขอ เพียงแค่ช่วยพูดกับไนโตรให้เขายอมประกวด สุดท้ายผมจึงรับปากและตัดสินใจจะลองคุยกับเขาดูสักครั้ง แต่ผมก็บอกมายด์ไว้แล้วให้ทำใจเผื่อไว้บ้าง เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เขายอมประกวดได้หรือเปล่า
ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็น มายด์พาผมมาที่คณะแพทย์ นั่งรออยู่ที่ม้านั่งใต้ตึกเรียน ช่วงเวลานี้คงเป็นเวลาเลิกเรียนของนักศึกษาส่วนใหญ่ ผู้คนจึงเดินผ่านไปมากันอย่างแน่นขนัดจนผมต้องกวาดสายตามองหาเป้าหมาย จากข้อมูลที่มายด์ส่งมาไนโตรกำลังเดินออกมาจากห้องเรียน เพียงไม่นานคนที่ผมเฝ้ารอก็ลงมาถึงด้านล่างของอาคาร
“ไนโตร” ผมลุกขึ้น โบกมือพร้อมตะโกนเรียกเป้าหมาย
ร่างสูงหยุดเดิน หรี่ตามองผมเล็กน้อย ก่อนจะตรงมาหาโดยไม่ปล่อยให้ผมต่อรอนาน
“พี่มาทำอะไรที่นี่”
“เออะ เออ…พี่มาหานาย”
“ว้ายย…คิดถึงผมเหรอ?”
ขออนุญาตเกลียดเสียงดัจริตของเขาหน่อยเถอะ
“ปะ เปล่า”
“ไม่คิดถึง แล้วมาหาผมทำไมครับ” ร่างสูงยิ้มกริ่ม ยื่นหน้าส่งสายตาเปล่งประกายเจ้าเล่ห์มาใกล้
“เออ…คือ…” ผมอ้ำอึ้งด้วยความลังเล สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเอ่ยคำกับเขาออกไปตรง ๆ “ไปกินกาแฟกันหน่อยมั้ย?”
“โกโก้เย็นแก้วนึงครับ”
“ผมขอเป็นคาปูชิโน่ร้อน”
“ได้จ้า”
“พี่ไม่กินกาแฟเหรอ?” ไนโตรถามผม หลังจากสั่งเครื่องดื่มที่แต่ละคนต้องการเป็นที่เรียบร้อย
ตอนนี้เราสองคนกำลังนั่งอยู่ในร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากคณะแพทย์นัก ถึงผมจะเรียนที่นี่มาเป็นปี ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเข้ามานั่งในร้านแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่จะเลือกซื้อน้ำตามซุ้มที่ขายแก้วละยี่สิบสามสิบบาทมากกว่า
“อืม”
“เห็นชวนผมมากินกาแฟ”
“แค่อยากหาที่นั่งคุยน่ะ”
“ว่าแต่…พี่มีเรื่องอะไรอยากคุยกับผม” ไนโตรเข้าหัวข้อสนทนาด้วยคำถาม กะพริบตาปริบ ๆ มองผมด้วยความสนใจ
“เออ…คือ…”
“พี่มีพิรุธนะ” เขาขมวดคิ้วมุ่น “จะมาสารภาพรักผมเหรอ?”
“เอาอีกแล้วนะ” ผมส่งเสียงจิ๊ปาก พ่นลมออกมาอย่างอ่อนใจ จะมีสักนาทีไหมที่เขาไม่พาผมออกนอกเรื่อง
“เป็นครับ”
“เป็นอะไร?”
“เป็นแฟนกันไง”
“…” โอ๊ย…จะบ้าตาย เด็กอะไรกวนประสาทชะมัด จะลุกหนีทำฮึดฮัดแบบทุกครั้งก็ไม่ได้ เพราะผมยังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญกับเขาเลย
“ตกลงนะครับ”
“ไม่” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง “เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว”
“เชอะ” เขาย่นจมูกใส่ เบือนหน้าไปทางอื่น พูดต่อด้วยเสียงแข็งอย่างไม่สบอารมณ์นัก “มีเรื่องอะไรก็พูด ๆ มา ผมรีบ”
“มีธุระเหรอ?”
“เปล่า จะกลับหอไปนอนร้องไห้เพราะอกหัก”
“…” ได้แต่ถอนหายใจยาวออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ยิ่งเห็นเขาทำเสียงสะอื้นอย่างสมจริงสมจังก็ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้ เวรกรรมอะไรของผมที่ต้องมาเจอคนอย่างเขา
พี่เทอร์โบ…ไม่ต้องห่วงน้องชายพี่หรอกครับ ห่วงผมก่อนเถอะว่าจะทนกับความกวนประสาทของเขาได้นานแค่ไหน
โชคดีที่เครื่องดื่มที่สั่งถูกนำมาเสิร์ฟช่วยขัดจังหวะ ผมจึงมีเวลาได้สงบสติอารมณ์ หลับตาสูดลมหายใจเข้าอย่างช้า ๆ ก่อนจะดึงบทสนทนากลับมายังเรื่องสำคัญที่จะคุยกับเขา
“ทำไมนายไม่ยอมประกวดเดือนอะ?”
ร่างสูงตวัดหน้ามอง สีหน้าเรียบเฉยทำให้ผมรู้สึกขนลุก
“พี่ถามทำไม?”
“ก็…แค่อยากรู้ ได้ข่าวมาว่านายไม่ยอมประกวด”
“อืม…ผมไม่ชอบ”
“ไม่ลองประกวดหน่อยเหรอ ได้ชั่วโมงกิจกรรมเยอะเลยนะ” เริ่มเข้าสู่แผนการที่วางเอาไว้ โดยการหยิบยกเรื่องชั่วโมงกิจกรรมมาพูดเพื่อโน้มน้าว เพราะข้อกำหนดของมหาวิทยาลัยนักศึกษาทุกคนจะต้องทำกิจกรรมอย่างน้อยหนึ่งร้อยชั่วโมงตลอดระยะเวลาการศึกษา ซึ่งระหว่างการประกวดจะมีการเก็บตัวและทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์นอกสถานที่คล้าย ๆ กับการประกวดนางงาม คนที่เข้าร่วมจึงจะได้เวลากิจกรรมรวมเกือบห้าสิบชั่วโมงเลยทีเดียว
“ทำไมพี่พูดเหมือนอยากให้ผมประกวด มีคนขอให้พี่มาช่วยพูดกับผมงั้นเหรอ?”
“ปะ เปล่า”
“งั้นพี่ก็ไม่ควรยุ่งกับการตัดสินใจของผม”
“…” สตั๊นไปสิบวิ รู้สึกเหมือนโดนเด็กด่าว่าเสือกยังไงก็ไม่รู้
“รีบกินเถอะ จะได้รีบกลับ” ไนโตรยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม แสดงอาการชัดเจนว่าเริ่มไม่สบอารมณ์
“แต่เราว่าลงประกวดไปก็ไม่มีอะไรเสียหายนะ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการช่วยงานของคณะด้วย” ผมยังไม่ละความพยายาม ถึงแม้ไนโตรจะดูไม่สนใจเลยก็ตาม
“เหมือนพี่อยากให้ผมประกวดจริง ๆ” ร่างสูงวางแก้วลง เท้าแขนบนโต๊ะ จ้องมองผมราวกับรอฟังคำอธิบาย
มาถึงขั้นนี้แล้ว ปฏิเสธไปเขาก็คงไม่เชื่อ ผมจึงพยักหน้าขึ้นลงอย่างช้า ๆ แทนคำตอบ
“ผมประกวดก็ได้”
“…” ผมเงยมองไนโตรด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ เขาก็ตอบรับอย่างง่ายดาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแต่อย่างใด
“ผมจะลงประกวด แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
ความตกใจในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่น ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่เผยอยกตรงมุมปากของคนตรงหน้า ก็รู้สึกได้ว่าคงไม่ใช่เรื่องราวดี ๆ
“อะไรเหรอ?”
“ถ้าผมลงประกวด พี่ต้องทำตามสิ่งที่ผมขอหนึ่งอย่าง…แค่อย่างเดียว”
นี่ไง แค่อย่างเดียวนี่แหละที่น่ากลัว
“ขออะไร?”
“ไม่บอก”
“อ้าว แบบนี้ถ้าเรารับปากไป เกิดนายสั่งให้ไปกินขี้หมาขึ้นมาเราไม่แย่หรอกเหรอ?” คนอย่างเขาไม่น่าไว้ใจ นอกจากจะกวนประสาทเป็นที่หนึ่ง เขายังเจ้าเล่ห์เพทุบายเกินกว่าใคร ผมไม่กล้ารับปากส่งเดชกับคนอย่างเขาหรอก
“ผมไม่เลวขนาดนั้นหรอกนา”
“ใครจะไปรู้ล่ะ”
“ก็แล้วแต่นะ ผมยังไงก็ได้ ถ้าพี่ไม่ตกลง ผมก็ไม่ประกวด” ไนโตรยักไหล่อย่างไม่สนใจ แถมยักคิ้วกวนใส่ผมอีกต่างหาก
อะไรกันเนี่ย ทำไมต้องเป็นผม ธุระก็ไม่ใช่ แถมยังต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงกับข้อแลกเปลี่ยนที่ไม่รู้ว่าคืออะไรของเขาอีก แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ อุตส่าห์พูดจนเขายอมประกวดอยู่แล้วแท้ ๆ ถ้ายอมแพ้เสียตอนนี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปสู้มายด์ได้อย่างไร
“ก็ได้ เรารับข้อเสนอ แต่เราก็มีข้อแม้ข้อนึงเหมือนกัน”
“ว่ามาเลยครับ” ใบหน้าคมยิ้มกว้างจนตาหยีโค้ง ไม่แสดงความกังวลเลยแม้แต่น้อย
“นายต้องได้เป็นเดือนมหา’ลัยเท่านั้น เราจึงจะยอมทำตามข้อเสนอของนาย” อาการแสดงของไนโตรชี้ชัดว่าเขาไม่ค่อยอยากประกวดสักเท่าไหร่ ถ้าเกิดเขาแค่ลงแข่งแล้วทำไม่เต็มที่จนต้องอับอายขายขี้หน้า ก็ถือว่าผมเสียรู้ให้เขาโดยใช่เหตุ ดังนั้นผมจึงต้องสร้างเงื่อนไขให้ยากขึ้น เพื่อที่อย่างน้อยผมก็จะไม่เสียเปรียบเขามากจนเกินไป
“โห อะไรอะ พี่ขี้โกง”
“โกงอะไร เรายอมรับคำขอของนาย แต่ถ้านายเป็นเดือนมหา’ลัยไม่ได้ ก็ถือว่าโมฆะ เราไม่ต้องทำตามที่นายขอ โอเคนะ” ผมพูดอย่างสรุป
ร่างสูงกระตุกยิ้ม ส่ายหัวให้ผม ทว่าก็ยอมตกลงแต่โดยดี
“ได้ ตกลงตามนี้” เขายื่นมือมา ผมจึงยื่นมือไปจับแทนคำสัญญาระหว่าเราสองคน
ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมตกลงรับข้อเสนอของคนอย่างเขา แต่อย่างน้อยภารกิจของผมก็สำเร็จที่ทำให้เขายอมประกวดเดือนได้
ความคิดเห็น