ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END]​ Nitro ชื่อนี้ไม่รักได้ไหม

    ลำดับตอนที่ #18 : 8. Secret (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 31 ก.ค. 64


                “เพราะอย่างนี้แหละพี่จึงเชื่อว่าพี่กำลังปรึกษาถูกคน ไนโตรไม่ทำแบบนี้กับใครถ้าเขาไม่ไว้ใจ”

                “พี่พูดแบบนี้ แสดงว่าเขาก็ไม่ไว้ใจพี่ด้วยเหรอ?”

                “ใช่”

                “ทำไม?” ตลกแล้ว จะบอกว่าเขาเชื่อใจผมมากกว่าพี่ชายของตัวเองอย่างงั้นเหรอ

                “เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าไนโตรเชื่อใจฟอส โอเคมั้ย?”

                “โอ...โอเคก็ได้” ผมตอบรับไปทั้งที่ยังมีความสงสัยเต็มไปหมด “แล้วยังไงต่อครับ”

                “พี่อยากให้ฟอสช่วยดูแลเขาหน่อย”

                “…”

                “พี่เชื่อว่าฟอสจะช่วยพี่ได้”

                “แล้วทำไมต้องเป็นผม”

                “เพราะฟอสคือคนสำคัญของเขา”

     

                บทสนทนาจบไปตั้งแต่เที่ยง แต่จนถึงบัดนี้เวลาห้าโมงเย็น ผมยังไม่อาจเลิกคิดถึงเรื่องที่คุยกับพี่เทอร์โบได้เลย คำพูดทิ้งท้ายของเขายิ่งนึกก็ยิ่งไม่เข้าใจ ทุกถ้อยคำมันเต็มไปด้วยความน่าสงสัย เหมือนเขากำลังปิดบังความลับอะไรบางอย่างไว้ไม่ให้ใครรู้

                ทำไมต้องฝากให้ผมดูแลไนโตรด้วยล่ะ ร่างกายเขาก็ปกติดีทุกอย่าง แถมยังแข็งแรงกว่าผมเสียด้วยซ้ำ ถ้าฝากฝังเรื่องเรียนก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ สอบติดเข้าเรียนหมอได้คงฉลาดกว่าผมเยอะ ถ้ามีเรื่องให้ห่วงก็คงเป็นเรื่องที่เขาชอบกวนประสาทหาเรื่องคนอื่น…

                หาเรื่องคนอื่นงั้นเหรอ? หรือว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นพวกลูกมาเฟียที่มีศัตรูคอยตามล่าเอาชีวิตแบบในหนัง

                ใช่ ต้องใช่แน่ ๆ เหตุการณ์ที่เขาโดนคนไล่กระทืบในวัดคงไม่ใช่การทะเลาะวิวาทของวัยรุ่นทั่วไปอย่างที่เขาบอก แต่ความจริงแล้วเขากำลังโดนศัตรูคู่อาฆาตไล่ฆ่าหมายจะเอาชีวิต

                คุณพระ! ถ้าเป็นเช่นนี้ไม่ใช่แค่ไนโตรเพียงคนเดียวที่กำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ผมเองที่บังเอิญเข้าไปใกล้ชิดกับเขาก็อาจโดนลูกหลงไปด้วย

                ไม่ ไม่ ไม่ ผมยังไม่อยากตายตอนนี้ เรื่องอะไรจะต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับคนอย่างเขาล่ะ ดังนั้นผมจะต้องพยายามอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด หรือทางที่ดี เราไม่ควรต้องเจอะเจอหน้ากันอีกเลย

                คิดได้เช่นนั้นผมจึงหันซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง รีบก้าวเท้าเดินจ้ำอ้าวออกจากตึกเรียนเพื่อกลับหอ วันนี้ผมต้องกลับหอเอง เพราะไอ้ต้ามีนัดกินข้าวกับน้องจีน ตอนแรกมันอาสาพาผมกลับหอก่อน แต่ผมอยากเดินเล่นใช้ความคิดเรื่อยเปื่อยมากกว่าจึงปฏิเสธไป เพราะคิดว่าหอพักอยู่แค่ตรงข้ามประตูรั้วมหาวิทยาลัย เดินไม่ทันเหนื่อยก็คงถึง

                แต่ตอนนี้คงต้องโยนความคิดที่จะเดินกินลมชมวิวทิ้ง และรีบกลับถึงหอพักให้เร็วที่สุด เพราะรู้สึกสังหรณ์ใจเหมือนเรื่องร้าย ๆ กำลังคืบคลานมาหายังไงก็ไม่รู้

                “พี่ฟอส” นั่นไง ไม่ทันจะได้ก้าวเท้าเดินไปไหนไกล ผมก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง

                เสียงที่ไม่อยากได้ยินที่สุดในตอนนี้

                “…” ผมทำเป็นไม่ได้ยิน ก้าวเดินต่อโดยไม่แม้แต่หันมาไปหาที่มาของเสียง

                “พี่ฟอส”

                “…”

                “พี่!” มีอันต้องหยุดเดิน เมื่อแขนของผมถูกรั้งไว้ด้วยใครบางคน ก่อนที่เขาจะออกแรงทำให้ผมต้องหมุนตัวหันไปเผชิญหน้ากับเขา “พี่หูหนวกหรือไง ผมเรียกตั้งหลายครั้งทำไมไม่หันมา” คิ้วหนาของคนตรงหน้าขมวดเข้าหากัน น้ำเสียงนั้นดุดันและเต็มไปด้วยความน่ากลัว

                “เออะ เออ…”

                “แล้วพี่เป็นอะไร ทำไมตัวสั่น” ไนโตรก้มมองผมอย่างสำรวจ อังหลังมือบนหน้าผากของผม “ไม่สบายหรือเปล่า?”

                “เปล่า” ผมรีบถอยตัวออก สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อรวบรวมสติ “แค่ง่วงน่ะ เรากลับหอก่อนนะ จะรีบไปนอน”

                “เดี๋ยวผมไปส่ง”

                “ไม่ต้อง!” ผมปฏิเสธทันควันด้วยเสียงลุกลน คนตรงหน้าจึงเพ่งมองผมด้วยความสงสัยมากกว่าเก่า

                “ทำไม?”

                “เราอยากเดินมากกว่า”

                “ไหนบอกว่าง่วง เดินกลับช้ากว่าผมไปส่งอีก”

                “เอ่อ…คือ…” ผมหันมองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้มีใครแอบซุ่มเตรียมลอบยิงไนโตรอยู่บ้างหรือเปล่า ยิ่งผมยืนคุยกับเขานานก็ยิ่งไม่ปลอดภัย แต่ครั้นจะตกลงไปกับเขาก็เสี่ยงไม่แพ้กัน ผมจึงได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ โดยไม่รู้จะบอกเขายังไงดี

                “พี่ดูแปลกไปนะ มีอะไรหรือเปล่า?”

                “ไม่มี๊”

                “เสียงสูงเชียว”

                ผมกระแอมเสียงเล็กน้อย ก่อนจะปฏิเสธอีกครั้ง “ไม่มี”

                “จริงอะ?”

                “อืม เราไปก่อนนะ เรารีบ” ผมก้าวเท้าเดินอย่างไวว่อง ในใจยังแอบไหวหวั่นเพราะรู้ดีว่าไนโตรคงไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ

                แต่แล้วสิ่งที่ผมคิดกลับผิดคาด เมื่อเขาปล่อยให้ผมเดินจากไปโดยไม่ได้ห้ามหรือรั้งไว้ ผมจึงรีบก้าวเดินต่อไปโดยไม่แม้แต่หันกลับมามอง ถึงแม้จะรู้สึกสงสัยอยู่บ้างก็ตาม

                แต่ช่างเถอะ ไม่ตามมาแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

                ผมเดินดุ่ม ๆ มาจนเกือบถึงประตูทางออกมหา’ลัย จะว่าไปก็เหนื่อยกว่าที่คิดไว้ค่อนข้างมาก ปกตินั่งมอเตอร์ไซค์รู้สึกเหมือนระยะทางไม่ไกลสักเท่าไหร่ แต่พอต้องเดินจริง ๆ กลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย

                ต่อไปจะไม่เดินกลับหอเองเป็นอันขาด

                ผมหยุดเดิน ยืนพักหายใจเอาแรงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้หายเหนื่อยผมก็ถูกใครบางคนชนกระแทกจากทางด้านหลัง ด้วยความที่ผมยังไม่ทันตั้งหลักจึงเกือบหน้าคะมำล้มลงไปกองกับพื้น โชคยังดีที่เขาคนนั้นโอบเอวของผมเอาไว้ได้ ดึงให้ผมกลับมายืนตั้งตรงโดยมีแผ่นอกของเขาเป็นที่พักพิง

                “ขอโทษครับ” เขาคนนั้นเอ่ยขึ้น ผมรีบตวัดหน้ามองเมื่อได้ยินเสียง

                นี่มันเสียงของไนโตร และเป็นเขาจริง ๆ เมื่อผมเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ระบายออกมาเต็มสองตา

                “นะ…นาย”

                “จะหยุดเดินก็ไม่บอก ผมเบรคไม่ทันเลย”

                “นายเดินตามเรามาเหรอ?”

                “อืม” เขาหยักหน้า ก่อนจะโน้มศีรษะเข้ามาใกล้ใบหูของผม “เป็นไงล่ะครับ ให้ผมไปส่งตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อ”

                “ปล่อยเรานะ” ผมดิ้น เมื่อถูกโอบกอดกระชับเข้ากับตัวของเขา แถมใบหน้าของเราสองคนยังอยู่ใกล้กันจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น

                “ผมไม่ปล่อย เดินตามมาขนาดนี้ จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้ไง”

                “ตามเรามาทำไม?”

                “ผมต้องถามพี่มากกว่า ว่าพี่เป็นอะไร ทำไมต้องทำตัวเหมือนไม่อยากเจอหน้าผม”

                “ปกติเราก็ไม่เคยอยากเจอหน้านายอยู่แล้ว ไม่เห็นจะแปลก”

                “แปลก…แปลกมาก”

                “แปลกตรงไหน?”

                “แปลกตรงที่พี่บอกไม่อยากเจอผม แต่เมื่อคืนพี่นอนกอดผมทั้งคืน” ใบหน้าของผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นริมฝีปากหนาเผยอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “แถมตื่นขึ้นมาพี่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ได้ผมแล้วจะทิ้งหรือไง”

                “พูดบ้าอะไรของนาย” บ้าบอที่สุด ใครจะไปทำแบบนั้น “ปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ” ผมพยายามดิ้นสุดแรง แต่ด้วยความที่เขาตัวใหญ่กว่า ไม่ว่าผมจะออกแรงยังไงก็ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของเขาได้

                “ไม่ พี่บอกผมก่อนว่าพี่เป็นอะไร?”

                “เรา…” ผมลากเสียงยาวอย่างลังเล ไม่รู้ว่าผมควรพูดสิ่งที่คิดกับเขาดีไหม แต่ดูท่าแล้วเขาคงไม่ยอมปล่อยผมง่าย ๆ ผมจึงตัดสินใจพูดออกไปตามตรง “เรากลัวตาย”

                “…”

                “เพราะนายเป็นพวกมาเฟีย”

                “พี่พูดบ้าอะไรของพี่เนี่ย” เขาแหวเสียงดัง เบิกตากว้างมองผม

                ไม่ผิดจากที่คิดไว้จริง ๆ ท่าทางของเขาแสดงชัดว่ากำลังตกใจเป็นอย่างมาก

                “เรารู้ความจริงหมดแล้ว”

                “ความจริงอะไร?”

                “ความจริงที่บ้านของนายเป็นพวกมาเฟียไง พี่ชายนายบอกเราเอง”

                “ว่าไงนะ”

                “วันนี้พี่ชายนายมาหาเรา…” ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอธิบาย ร่างกายของผมก็ถูกยกลอยขึ้นอยู่ในอ้อมแขนของเขา “นายทำบ้าอะไรอีกเนี่ย” ถึงปากจะโวยวายเสียงดัง แต่ด้วยความตกใจผมของผมก็รีบคล้องไว้ที่คอของเขาเพื่อประคองตัว

                “เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

                “คุบบ้าอะไร ปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ”

                “ถ้าไม่อยากเจ็บตัว อย่าดิ้น!”

                “…” ผมปิดปากสนิท เมื่อคำพูดท้ายประโยคดุดันราวกับเป็นคำสั่ง นัยน์ตาคมที่ฉายแววโกรธเกรี้ยวสุดขีดสร้างความหวาดหวั่นให้ผมเป็นอย่างมาก

                เขากำลังจะทำอะไร พาผมไปไหน แล้วทำไมเขาต้องแสดงอาการโกรธขนาดนี้

                หรือว่าเพราะผมรู้ความลับของเขา เขาก็เลย...

                อย่าบอกนะว่าเขากำลังจะพาผมไปฆ่าปิดปาก

                ม่ายยยยย…ไม่จริงใช่ไหม แล้วผมจะทำยังไงดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×