คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : 7. Another sides (60%)
“นาย” ผมเรียกเขา หลังจากปล่อยให้คนเอาแต่ใจได้นอนบนตักผมมาสักพัก
“ครับ” เขาตอบรับทันที แต่ดวงตายังปิดสนิทพร้อมรอยยิ้มพริ้มที่ยังไม่เลือนหาย
“รู้สึกดีขึ้นยัง?”
“ดีขึ้นมากเลยครับ” ครานี้เขาตอบพร้อมดวงตาคู่คมที่ลืมขึ้น สายตาของเราจึงสบมองกันพอดีดิบดี
“งั้นก็กลับได้แล้ว”
“ไม่อยากลุกเลย ขอนอนต่ออีกหน่อยได้มั้ย?”
“เราไม่ไหวแล้ว เหน็บจะกินอยู่แล้วเนี่ย”
“ให้ผมนวดให้เปล่า” เขาพลิกตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไวว่อง ยื่นมือมาหมายจะจับตรงต้นขาของผม
“ไม่ต้อง โอ้ย!” ช่วงจังหวะที่ผมขยับขาหนี ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดจนต้องร้องออกมา ผมนิ่วหน้า เอื้อมมือไปจับที่น่องของตัวเอง คงเป็นเพราะนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน จนตะคริวถามหาในที่สุด
“เจ็บเหรอ?”
“อืม”
“ผมช่วย” คราวนี้เขาไม่รอผมอนุญาต จัดการถอดรองเท้าที่ผมสวมใส่ นวดคลึงเบา ๆ บริเวณน่องอันเป็นที่มาของความเจ็บปวด สลับกับการกระดกปลายเท้าของผมขึ้นเพื่อยืดกล้ามเนื้อ
“ดีขึ้นมั้ยครับ?”
“อืม”
“ออกกำลังกายบ้างนะครับ กล้ามเนื้อจะได้แข็งแรง”
“เพราะใครล่ะ นายไม่ใช่เหรอที่มานอนตักเรา ยังจะมาว่าคนอื่นอีก”
“ก็ผมเห็นว่าพี่ชอบ”
“ใคร อย่ามาโมเมเลยนะ”
“ผมแอบเห็นพี่ยิ้ม”
“…” เขาหลับตาไม่ใช่เหรอ จะเห็นได้อย่างไร
“วันหลังพี่หนุนตักผมเป็นการเอาคืนก็ได้นะ จะนานทั้งวันหรือทั้งคืนผมก็ทนไหว”
“พอแล้ว หายแล้ว” ผมส่งเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นแววตาแพรวพราวระยิบระยับของคนตรงหน้า ขยับขาออกจากมือของเขาหลังจากรู้สึกดีขึ้น
คนอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัด
“กลับได้แล้ว” ผมบอกเขา เมื่อท้องฟ้าอันสดใสเริ่มถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด หากไม่กลับเสียตั้งแต่ตอนนี้ กว่าจะถึงหอพักก็คงดึกดื่นมืดค่ำ
“หิวอะ แวะกินข้าวก่อนได้มั้ย?” เขาส่งเสียงอ่อน ลูบท้องตัวเองไปมา
“ที่ไหน?” ผมไม่ปฏิเสธ เพราะรู้สึกหิวอยู่เหมือนกัน อาหารมื้อสุดท้ายผมกินตั้งแต่เที่ยง หิ้วท้องรอจนถึงหอก็คงไส้กิ่วก่อนแน่นอน
“แถวนี้น่าจะมีร้านอาหาร ขับวนหาก็คงเจอ”
“อืม” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะลุกขึ้นโดยมีไนโตรช่วยพยุง ปัดเม็ดทรายที่ติดตามตัวเรียบร้อย เราสองคนก็เดินกลับไปยังรถ
ขับรถออกจากชายหาดไม่กี่นาทีก็มีร้านอาหารซีฟู้ดอยู่ใกล้ ๆ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาพวกเราจึงเลือกร้านนี้เป็นร้านอาหารสำหรับมื้อค่ำ ดูจากภายนอกร้านนี้คงมีชื่อเสียงใช่ย่อย ผู้คนนั่งรับประทานจนแน่นร้านทั้งที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุด
“พี่สั่งเลย มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
“จริงอะ?” ผมถาม ยกยิ้มมองเขาอย่างเจ้าเล่ห์
“อึ้ม พี่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนผม ผมก็ต้องตอบแทนพี่สิ”
“นาน ๆ นายจะพูดเข้าหูกับเค้าบ้างนะ” ผมยิ้ม ก่อนจะเลื่อนสายตามองเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้า แต่ละอย่างน่ากินไปซะหมด จนผมเองก็เลือกไม่ถูก
“นายช่วยเลือกหน่อยดิ”
“แล้วแต่พี่เลย ผมกินได้ทั้งนั้น”
“มีชอบอะไรพิเศษม่ะ”
“ทอดมันกุ้ง”
“งั้นเอาทอดมันกุ้งจานนึงครับ” ผมหันไปบอกบริกรที่ยืนรออยู่ ก่อนจะสั่งต้มยำซีฟู้ดและไข่เจียวปูเพิ่มอีกสองอย่าง อุตส่าห์ได้มากินอาหารทะเลสด ๆ ทั้งที แถมกินฟรีอีกต่างหาก ขอจัดหนักจัดเต็มหน่อยเถอะ
ถึงแม้ผู้คนในร้านจะแน่นขนัด แต่ใช้เวลาไม่นานอาหารที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
“ขอถามอะไรหน่อยดิ” ผมเอ่ยถาม ขณะที่เรากำลังรับประทานอาหาร
“ว่า…”
“วันรับน้องที่เราเจอกัน นายจำเราได้จริง ๆ เหรอ?” ผมถามถึงเรื่องราวในวันนั้น วันที่ผมอำพรางตัวเพื่อแกล้งเขาตอนรับน้องของมหาวิทยาลัย
“ใช่”
“ทั้งที่เราปิดหน้าปิดตามิดชิดอะนะ” วันนั้นผมค่อนข้างมั่นใจในการอำพรางตัวของตัวเองมาก ทั้งใส่หน้ากาก สวมหมวก แถมใส่แว่นกันแดดอีกต่างหาก จึงทำให้ผมอดสงสัยมาถึงทุกวันนี้ไม่ได้ ว่าเขาจำผมได้จริง ๆ อย่างงั้นเหรอ
“อึ้ม” เขาพยักหน้าหงึกหงัก “ผมบอกแล้วไง ว่าต่อให้ปิดยังไงผมก็จำพี่ได้”
“จริงอะ?”
“ได้ส่วนหนึ่ง” เขาหัวเราะแหะ เมื่อผมยังขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อนัก
“ยังไง”
“จริง ๆ ผมรู้จักชื่อพี่ตั้งนานแล้วแหละ พอเห็นป้ายชื่อที่ห้อยคอ ผมก็เลยมั่นใจว่าใช่พี่ไม่ผิด”
“…”
“พี่จำวันที่เรากินข้าวด้วยกันแถวบ้านพี่ได้มั้ย?”
ผมใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น
“หลังจากผมแยกกับพี่ ผมก็กลับไปที่ร้านข้าวและถามป้าเขาว่าพี่ชื่ออะไร ผมก็เลยรู้ว่าพี่ชื่อฟอส และก็รู้ด้วยว่าพี่เรียนมหา’ลัยเดียวกับผม”
“นายนี่มันร้ายนัก”
“ก็พี่ไม่ยอมบอกชื่อผมเอง” เขายิ้มกวน ผมจึงย่นจมูกพ่นลมฉุนใส่ “แล้วพี่จะว่าผมไม่ได้นะ วันนั้นพี่เองนั่นแหละที่มาหาผมถึงที่ โดยที่ผมไม่ต้องตามหาเลย”
“…” นั่นสินะ วันนั้นถ้าผมเลือกที่จะกลับหอและไม่หาเรื่องแกล้งเขา เราสองคนอาจจะไม่เจอหน้ากันอีกเลยในมหา’ลัย และอาจจะไม่ได้มานั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้
“พี่คิดว่าเป็นเพราะพรหมลิขิตหรือเปล่า?” นัยน์ตาคู่คมเปล่งประกายวาววับ ยื่นใบหน้ามาใกล้อย่างรอฟังคำตอบ
“พรหมลิขิตบ้าอะไร เวรกรรมชัด ๆ” เจอเขาทีไร มีแต่เรื่องให้ปวดหัวทุกที
คำตอบของผมทำเอาร่างสูงถอยตัวกลับไปพิงพนัก บึ้งปาก ทำจมูกฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์
“พูดงี้ผมน้อยใจนะ”
“เชิญ” ผมยักไหล่ ยิ้มเย้ยอย่างไม่สนใจ ก่อนจะเอื้อมมือที่ถือส้อมไปจิ้มทอดมันกุ้งที่เหลืออยู่ในจาน แต่มือของผมมีอันต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงร้องขัดจากคนตรงข้าม
“ทอดมันชิ้นสุดท้ายของผมนะ”
“ของนายเมื่อไหร่ นายกินไปตั้งหลายชิ้นแล้ว”
“ก็ผมชอบ”
“ไม่ เราจะกิน” อันที่จริงผมไม่ได้อยากกินขนาดนั้นหรอก แต่แค่อยากแกล้งเขาซะหน่อย เวลาเห็นเขาทำหน้าบึ้งแล้วรู้สึก…น่ารักดี “อยากกินก็สั่งเพิ่มดิ”
“โหพี่ คนเยอะแบบนี้รออีกนานกว่าอาหารจะมา”
“อ้อนดิ”
“ว่าไงนะ?”
“อ้อนก่อน แล้วเราจะยอมให้” ผมคลี่ยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า มือที่ถือส้อมอยู่กวัดแกว่งทอดมันกุ้งชิ้นนั้นไปมาต่อหน้าเขาอย่างเย้ายวน
เจอแบบนี้เข้าไป เขาต้องแสดงอาการฟุดฟัดงอนใส่ผมอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ผมคิดกลับผิดคาด เมื่อคนตรงหน้าเผยอริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะหึอย่างเจ้าเล่ห์
“พี่ฟอสครับ” เสียงนั้นอ่อนเกือบจะอ้อน “อยากป้อนผมก็ไม่บอก” เสียงทุ้มนุ่มลึกสะกดให้ผมนิ่งค้าง กว่าจะรู้ตัวอีกทีทอดมันกุ้งชิ้นสุดท้ายก็ถูกคนตรงหน้าแย่งไปเสียแล้ว
และกลายเป็นผม ที่นอกจากจะแกล้งเขาไม่สำเร็จ ก็ยังเป็นคนป้อนทอดมันกุ้งให้เขาเองกับมือ
“อร่อย เป็นทอดมันกุ้งที่อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ”
“…” ยิ่งเห็นเขายิ้มพลางเคี้ยวอาหารในปากจนแก้มตุ่ย ก็ยิ่งรู้สึกว่าผมเสียรู้ให้เขาอีกแล้ว
“อ้า…”
“ทำอะไร?” ผมถาม เมื่อไนโตรอ้าปากกว้างรอคอยอะไรบางอย่าง
“ผมอยากกินไข่เจียว”
“ก็ตักสิ”
“อยากให้พี่ป้อนอีก”
“ไม่” หน่อยแหนะ ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ
“ฮะ ฮะ ฮ่า” ร่างสูงหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอื้อมมือไปตักไข่เจียวปูใส่จานโดยไม่ได้เซ้าซี้แกล้งผมอีก
ฮึ่ย…น่าโมโหจริง ๆ คนอะไรกวนประสาทชะมัด
-----
ติดตามข่าวสารของไรท์ทางเพจ >> นิยายธ.ธีร์
ความคิดเห็น