คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : 7. Another sides (30%)
รถสปอร์ตคันงามเคลื่อนตัวออกจากช่องจอด
บรรยากาศในรถเงียบสนิทหลังจากผมเดินตามไนโตรขึ้นมาบนรถ เขาเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา สีหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถาม แต่พอจะเดาอารมณ์ของเขาในตอนนี้ได้หลังจากได้ยินบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความเหย่อหยิ่งและขุ่นมัว ผมไม่รู้ว่าชายคนนั้นคือใคร และไม่รู้ด้วยว่าพวกเขามีปัญหาอะไรกันมาก่อน แต่ที่แน่ ๆ สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
อันมีสาเหตุมาจากผม
“ขอโทษ”
“…” ร่างสูงหันมองผมเป็นเวลาสั้น ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองทางตรงหน้าหลังจากได้ยินคำพูดของผมที่ทำลายความเงียบ
“ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน”
“ไม่เกี่ยวกับพี่”
“เกี่ยวสิ เพราะเรื่องเมื่อวาน นายเลยโดนเขา…”
“บอกแล้วไงว่าไม่เกี่ยว” ไนโตรพูดแทรกทั้งที่ผมยังพูดไม่จบ ผมปิดปากสนิทเมื่อเห็นสีหน้าดุดันและน่ากลัวของเขา
เราต่างปล่อยให้ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณอีกครั้ง และครั้งนี้ยาวนานจนกระทั่งรถเคลื่อนตัวมาหยุดที่หน้าหอพักของผม
“ขอโทษ”
“หึม?” ผมหันเป็นมองคนเคียงข้าง เมื่อเสียงแผ่วเบาพูดออกมาจากปากของอีกฝ่าย แต่สายตาของเขายังคงมองตรงไปด้านหน้าราวกับพูดลอย ๆ “พูดกับเราเปล่า?”
“ขอโทษที่เมื่อกี้พูดไม่ดี”
“ชินแล้วล่ะ” ผมคลี่ยิ้ม ยักคิ้วให้เมื่อเห็นเขาหันมา ผมจึงได้เห็นรอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
ซึ่งช่วยให้ผมคลายกังวลไปได้มาก
“พี่”
“…”
“อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้มั้ย?”
“…”
เสียงคลื่นซัดซาดกระทบชายฝั่ง ลมเย็นจากทะเลอันไกลโผนพัดกระทบร่างทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนพื้นทรายท่ามกลางชายหาดอันสวยงาม หลังจากที่ผมตอบตกลงตามคำร้องขอของไนโตรโดยไม่คิดจะปฏิเสธ
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงพวกเราก็ฝ่ารถติดในช่วงเย็นมาถึงชายทะเลที่ใกล้ที่สุดจากหอพักของผม ตลอดทางไนโตรยังคงเงียบไม่พูดไม่จา ส่วนผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา โชคดีที่ยังมีเสียงเพลงจากวิทยุช่วยลดบรรยากาศอันอึมครึมไปได้บ้าง ผมจึงนั่งรถมากับเขาโดยไม่รู้สึกอึดอัดใจมากจนเกินไปนัก
“พี่ไม่คิดจะถามอะไรผมบ้างเหรอ?” หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศไปได้สักพัก ในที่สุดก็มีเสียงเปล่งออกมาจากคนเคียงข้าง
“จะให้ถามอะไรล่ะ”
“ถามอะไรก็ได้”
“ไม่อะ” ผมส่ายหน้า “ถ้านายอยากเล่าก็คงบอกเอง”
“อืม”
“ไม่คิดจะเล่าหน่อยเหรอ?” เป็นผมที่ถามกลับ หลังเห็นเขาตอบรับแค่สั้น ๆ แล้วนิ่งเงียบไป
ใครบอกว่าผมไม่อยากรู้เรื่องของเขาล่ะ ที่ตอบรับยอมมากับเขาก็เพราะเหตุผลข้อนี้ เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเขาก็อดสงสัยไม่ได้ แถมผมยังเป็นต้นเหตุให้เขาโดนผู้ชายคนนั้นตำหนิอีก อย่างน้อยผมก็ควรรู้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันมีที่มาที่ไปอย่างไร
“หึ อยากรู้ก็บอก” ไนโตรยิ้มยกอย่างรู้ทัน
“เปล่า” ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “แต่เราเห็นนายไม่สบายใจ ถ้าได้พูดระบายออกมาบ้างก็คงรู้สึกดีขึ้น”
“ห่วงผม?”
“ก็…นิดนึง” ผมไม่ชอบเห็นเขาทำหน้าเศร้าสักเท่าไหร่ อย่างน้อยรอยยิ้มกวนประสาทของเขายังน่ามองกว่ากันเยอะ
ดูเหมือนคำตอบของผมจะสร้างความพอใจให้เขาอยู่ไม่น้อย รอยยิ้มที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นกว้างกว่าเก่า ก่อนที่สีหน้าจะกลับมาเรียบนิ่งอีกครั้งขณะเอ่ยคำกับผม
“คนเมื่อกี้คือพี่ชายผม ชื่อ ‘เทอร์โบ’”
ได้ยินเพียงเท่านั้นผมก็พอจะจับต้นชนปลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้
“ดูเหมือนนายไม่ค่อยสนิทกับพี่”
“ก็คงงั้น”
“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?”
“นิดหน่อย ตามภาษาพี่น้อง”
“เราไม่รู้หรอกนะว่ามีปัญหาอะไรกัน แต่ถ้าพูดคุยกันดี ๆ ได้ก็อยากให้ลอง ยังไงก็ไม่มีใครรักเราเท่ากับคนในครอบครัวหรอก”
“…”
“เราเองยังอยากมีพี่น้องเลย อยู่คนเดียวเหงาจะตาย”
ร่างสูงหันมองผม คิ้วหนาขมวดเป็นปม ผมจึงพูดขยายความ
“ก็ตั้งแต่เด็กเวลามีเรื่องอะไรเราก็ต้องคิดเองตัดสินใจเองตลอด อย่างน้อยถ้ามีพี่น้องก็ยังมีคนช่วยให้คำปรึกษาหรือรับฟังเวลาที่เรามีเรื่องทุกข์ใจ”
“ผมเป็นให้พี่ได้นะ”
“นายจะมาเป็นน้องเราเหรอ?”
“เปล่า” ผมรู้สึกใจเต้นทันทีที่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎตรงหน้า “ผมจะเป็นแฟนพี่”
นี่ไง คิดแล้วไม่มีผิด
“โอ้ย!” เขาร้อง ลูบแขนตัวเองป้อย ๆ เมื่อโดนผมทุบไปที่ต้นแขน
“ยังไม่หยุดเพ้อเจ้ออีก”
“ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วยเนี่ย”
“อย่างนี้คงอารมณ์ดีขึ้นแล้วสินะ ถึงพูดจากวนประสาทคนอื่นได้”
“ใครบอกว่าผมกวน ผมพูด…”
“หยุด!” ผมรีบห้าม “ไม่ต้องพูดเลยนะ” เพราะรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
“ผมแค่จะบอกว่าให้ผมเป็นน้องพี่ก็ได้ ทำไมต้องดุด้วย” เขาหรี่ตาลงทำหน้าเศร้า แต่ริมฝีปากกลับยังคงยิ้มกว้างอย่างยียวน
“ไม่เอาหรอกน้องแบบนี้”
“อ้าว ไหนบอกอยากมีน้อง”
“มีน้องแบบนายไม่มีดีกว่า”
“โห น้อยใจนะเนี่ย” เขาพ่นลมฉุน กอดอกหันหลังให้ผมอย่างเง้างอด
“ตามสบาย” มีหรือที่ผมจะสนใจ ชอบกวนประสาทดีนัก เชิญงอนตามสบาย
“ไม่ง้อหน่อยเหรอ?” หลังจากเห็นผมนิ่ง เขาจึงหันกลับมาถาม
“ไม่อะ”
“คนกำลังเศร้านะเนี่ย ทำไมใจร้ายจัง” คนเคียงข้างซบศีรษะลงบนไหล่ของผมอย่างถือสิทธิ์ แถมยังขยับไปมาคลอเคลียอีกต่างหาก
“เอาหัวนายออกไปไกล ๆ เลยนะ” ผมผลักศีรษะเขา เอนตัวขยับถอยห่าง
“งั้นไว้ที่นี่แทนก็ได้” ไม่ทันที่ผมจะได้ระวังตัว ไนโตรก็เอนตัวมาทางผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทำให้ผมสะดุ้งตกใจมากกว่าเก่า เมื่อเขาทิ้งตัวนอนลงบนทราย ส่งศีรษะมาหนุนบนหน้าตักของผม
“เฮ้ย ทำอะไรอะ?”
“ขอพักใจหน่อยนะครับ คนกำลังเศร้า”
“ไม่ได้ ทำแบบนี้ไม่ได้” บ้าไปแล้ว จะมานอนหนุนตักท่ามกลางคนที่เดินผ่านไปมาแบบนี้ได้ไง เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ คนอื่นเห็นจะคิดยังไง
“ทำไมจะไม่ได้ ครั้งก่อนพี่ยังให้ผมหนุนตักเลย”
“…”
“ตักพี่ยังนุ่มเหมือนเดิม” เขายิ้มแก้มปริ หลับตาพริ้มอย่างอารมณ์ดีราวกับเด็กน้อย ปล่อยให้ผมนั่งนิ่งค้างอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเด็กดื้อคนนี้อย่างไร แต่ที่รู้ตอนนี้ ใบหน้าของผมกำลังร้อนผ่าวราวกับโดนไฟแผดเผา
ทั้งที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แต่ทำไมอากาศยังร้อนถึงเพียงนี้
ความคิดเห็น