ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END]​ Nitro ชื่อนี้ไม่รักได้ไหม

    ลำดับตอนที่ #13 : 6. Boyfriend (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 64


                “คุณพระ!” เสียงแรดดังขึ้นจากทางด้านหลังชวนให้ผมหันไปมอง เป็นไอ้ต้าที่มายืนข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่รู้มันคงได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยินเข้าแล้ว “อะไรยังไง มีอะไรทำไมไม่บอกกู”

                “บอกเชี่ยไร ไม่มี”

                “ทำไมพี่ฟอสไม่บอกเพื่อนไปล่ะครับ ว่าเราเป็นแฟนกันแล้ว”

                “หยุดพูดเลยนะ” ผมแหวใส่คนในรถที่ยิ้มกริ่ม ยื่นหน้าสะล่อนมาหาผมกับไอ้ต้า

                “แล้วจะเอาไง จะไปกับกูหรือแฟนมึง”

                “กูบอกแล้วไงว่าไม่ใช่” โว้ย เพื่อนผมก็อีกคน เชื่อเข้าไปได้ยังไง “ไป ไปเรียนได้แล้ว” ผมหมุนตัวกลับ เดินออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด

                “อ้าว ไม่ไปด้วยกันหรอที่รัก”

                ผมยกมือขึ้นปิดหู เมื่อได้ยินเสียงตะโกนตามไล่หลัง

                บ้าบอ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย

                “สรุปยังไง?” ไอ้ต้าถามผมทันที เมื่อเห็นไนโตรขับรถออกจากหอไปแล้ว

                “สรุปเชี่ยไรอีก ก็บอกอยู่ว่าไม่ใช่แฟน” จะต้องให้พูดกี่รอบเนี่ย

                “แต่ดูเหมือนไอ้เด็กนั่นมันเอาจริง”

                “กวนตีนจริงสิไม่ว่า”

                “มันอาจจะชอบมึงจริง ๆ ก็ได้นะ ไม่งั้นไม่ตามมึงแบบนี้หรอก”

                “…”

                “ไม่สนใจบ้างเหรอ? หล่อนะโว้ย” ไอ้ต้ายื่นหน้ามาใกล้ ยกยิ้มมุมปากแซว

                “สนเชี่ยไร ไม่ใช่สเป็ค”

                “เหรอ…”

                “เออ” ผมกระแทกเสียงด้วยความรำคาญ “ไปได้แล้ว เดี๋ยวเข้าเรียนสายกันพอดี”

                ไอ้ต้าหัวเราะขำ แต่ก็ยอมหยุดพูดเรื่องไร้สาระ เดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองแต่โดยดี

     

                วิชาความรู้ที่เรียนมาตลอดทั้งวันไม่เข้าหัวผมเลยสักนิด มีเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าที่ยังวนเวียนในหัวสมองไม่ยอมหยุด 

                ไนโตรชอบผมงั้นเหรอ? ถึงแม้เขาจะบอกเองว่าเขาชอบผู้ชาย แต่ความเป็นไปได้ที่เขาจะชอบผมมีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ ในเมื่อเราสองคนเริ่มต้นรู้จักกันด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ เรียกว่าผมเกลียดเขาตั้งแต่แรกเห็นก็ว่าได้ ถึงแม้ตอนนี้จะพูดจากันดีขึ้นบ้าง แต่นั่นก็คงไม่ทำให้เขาชอบผมได้หรอก หากบอกว่าเป็นเพราะรูปลักษณ์ภายนอกก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตัวผมเองไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลยสักนิด ต่างกับเขาที่รูปหล่อดูดีไม่ต่างกับเทพบุตร ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เป็นอย่างที่ไอ้ต้าพูด 

                แล้วไนโตรต้องการอะไรจากผมกันแน่ หรือเขามีแผนการบางอย่างซ่อนอยู่

                “ไป กลับหอ” ไอ้ต้าบอกผม หลังจากเลิกเรียนคาบสุดท้ายของวันในตอนเย็น

                “อืม” ผมส่งเสียงในลำคอ ก้มหน้าก้มตาเก็บของใส่กระเป๋า ก่อนที่พวกเราจะเดินออกจากห้องเรียนตรงไปยังบันไดเพื่อลงจากตึก

                ทันทีที่เดินลงมาถึงชั้นล่าง เท้าของผมมีอันต้องหยุดชะงักเมื่อพบกับใครบางคน

                “อุ๊บส์…แฟนมึงมาวะ”

                “เอาอีกแล้วนะมึง” ผมถลึงตาใส่ไอ้ต้าที่หัวเราะขำอย่างชอบอกชอบใจ เมื่อเห็นไนโตรยืนยิ้มแฉ่งอยู่ที่ลานกว้างใต้ตึก “ไป กลับ”

                “จะไปไหนครับ?” เดินได้ไม่กี่ก้าวทางของผมก็ถูกขวางไว้ด้วยร่างสูงผู้เป็นเจ้าของคำถาม

                “กลับหอ”

                “ผมไปส่ง”

                “ไม่ต้อง เรากลับเองได้”

                “ง่ะ ผมอุตส่าห์มารอตั้งหลายชั่วโมงเลยนะ”

                “ใครใช้ให้นายมารอล่ะ”

                “อ้าว ก็พี่เป็นแฟนผม ไม่ให้รอพี่แล้วจะให้รอใคร”

                “ไม่ เราไม่ได้เป็นแฟนนาย” ผมปฏิเสธอย่างร้อนลน หันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ ด้วยความระแวดระวัง คนเดินผ่านไปมาเยอะแยะ เขาไม่กลัวคนอื่นได้ยินบ้างหรือไง

                “เอ่อ…กูว่ากูกลับก่อนดีกว่านะ” ไอ้ต้าพูดแทรก หมุนตัวเตรียมก้าวเท้าเดิน

                “กูกลับด้วย”

                “ไม่กลับกับแฟนมึงเหรอ?”

                “พี่พูดดีเหมือนกันวะ” ไนโตรยิ้มร่า ยื่นไปมือไปหาไอ้ต้า เพื่อนของผมก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ส่งมือไปแท็กกับเขาราวกับนัดแนะกันไว้

                “ดูแลเพื่อนกูด้วย กูไปก่อน” ไอ้ต้าบอกไนโตร ก้าวเท้าเดินจากไปโดยไม่ร่ำลาผมสักคำ

                “ผมจะดูแลเป็นอย่างดี”

                ผมมองสองคนนี้ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาไปสนิทกันตอนไหน เจอกันครั้งแรกยังเถียงกันอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลับเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแบบนี้

                ยังไม่ทันได้คำตอบในสิ่งที่คิด ผมก็ถูกสะกิดเรียกโดยร่างสูงเจ้าของรอยยิ้มสวยที่ผมไม่ชินตาสักเท่าไหร่

                จะว่าไปไนโตรก็เปลี่ยนไปมากจากผู้ชายคนเดิมที่ผมเคยรู้จัก ผู้ชายมาดนิ่งและเข้มครึมกลับกลายเป็นคนโคตรกวนที่มีรอยยิ้มกว้างให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จะมีแค่ความดื้อด้านของเขาที่ไม่เคยเปลี่ยน แต่ถึงอย่างนั้นผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาคือคน ๆ เดียวกับคนที่ผมเจอเมื่อตอนเปิดเทอมหรือเปล่า

                “เพื่อนพี่กลับแล้ว งั้นพี่ต้องกลับกับผมแล้วอะดิ” 

                “ไม่เป็นไร เรากลับเองได้”

                “โห ทำไมเล่นตัวจังครับ”

                “เล่นตัวอะไร พูดให้มันดี ๆ”

                “ก็แฟนมารับกลับเนี่ย ทำไมไม่ยอมกลับด้วยกันล่ะครับ”

                “บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ใช่เแฟน ถ้านายยังพูดไม่รู้เรื่อง เราจะไม่คุยกับนายแล้วนะ” โมโหจริง ๆ แล้วเนี่ย เล่นอะไรของเขาก็ไม่รู้ ไม่เข้าท่าเอาซะเลย

                “โอ๋ ๆ ๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่เห็นต้องเกรี้ยวกราดเลย” หลังเห็นผมทำหน้าถมึงทึงใส่ เขาจึงเลิกพูดจากวนประสาท อ้อมแอ้มพูดด้วยเสียงปกติ “จะกลับเลยมั้ย เดี๋ยวผมไปส่ง”

                “สัญญากับเราก่อนว่าจะไม่พูดเล่นแบบนี้อีก”

                “ทำไมอา ไม่ชอบเหรอ?”

                “ไม่ชอบ”

                “ก็ได้ ๆ ไม่พูดแล้วก็ได้” ไนโตรบึ้งปาก แสดงสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ยอมตบปากรับคำกับผมแต่โดยดี

                “งั้นไป” ไอ้ต้ากลับไปแล้ว ให้เขาไปส่งก็ดี จะได้ประหยัดเงินค่าจ้างวินมอเตอร์ไซค์

                “ไนโตร” แต่ไม่ทันที่พวกเราจะได้เคลื่อนตัวจากจุดที่ยืนอยู่ เสียงทุ้มหนึ่งก็ดังเรียกชื่อคนที่อยู่เคียงข้าง

                ผมหันมองตาม ได้แต่ยืนเฉย ๆ เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ผิดกับไนโตรที่แสดงออกชัดเจน ถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

                ผู้ชายใบหน้าหล่อเหลาที่มีความสูงไม่มากนัก หากยืนเทียบกับผมก็คงมีความสูงไล่เลี่ยกัน ผิวพรรณขาวผ่องดูมีออร่าพอจะเดาได้ว่าเป็นผู้ดีมีชาติตระกูล ด้วยเสื้อชอปที่สวมใส่เขาคงเป็นเด็กวิศวะ และน่าจะเป็นรุ่นพี่ของไนโตรมากกว่าเพื่อน

                “ว่าไง” ชายรุ่นน้องพูดเสียงเรียบ

                “พี่มีเรื่องอยากคุยกับเราหน่อย”

                “เรื่อง?”

                “ไปคุยกันสองคนได้มั้ย?” ชายคนนั้นพูด ก่อนจะชำเลืองมาทางผม 

                “เออะ…เออ…เดี๋ยวเราไปนั่งรอตรงโน้นก็ได้นะ” แค่นี้ก็รู้แล้วว่าผมคือส่วนเกิน และผมก็มีมารยาทพอที่จะพาตัวเองออกไปนั่งรอห่าง ๆ

                “ไม่ต้อง” ไนโตรหันมาบอกผม ก่อนจะหันไปคุยกับชายคนนั้นต่อ “พี่มีอะไรก็พูดมา ผมรีบ”

                “นายไปก่อเรื่องอะไรไว้ล่ะ”

                “ก็ไม่หนิ”

                “แล้วคลิปนี้คืออะไร?”

                โทรศัพท์มือถือของเจ้าของคำถามถูกยื่นมาตรงหน้า พร้อมคลิปเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างไนโตรกับอะตอมที่ปรากฎบนหน้าจอ

                “ก็แค่ชกต่อยกันนิดหน่อย”

                “นิดหน่อยเหรอ หน้านายยังมีรอยแผลอยู่เลย”

                “พี่มีธุระแค่นี้ใช่มั้ย?” ไนโตรมองหน้าชายคนนั้น ทำเหมือนไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด

                ผมรับรู้ได้ถึงความเย็นชาที่ไนโตรส่งออกไป ให้ความรู้สึกเหมือนเขา คนที่ผมเคยเจอเมื่อตอนปิดเทอม

                คนเฉยชา เอาแต่ใจ และไม่สนความรู้สึกของคนอื่น

                “ไนโตร นายทำอะไรก็ให้มันระวังหน่อย นี่นายเรียนมหา’ลัยแล้วนะ นายเป็นถึงนักศึกษาแพทย์ ถ้าเรื่องที่เกิดมีผลต่อการเรียนล่ะ นายจะทำยังไง”

                “ผมไม่แคร์” เขาหันมองไปทางอื่น ยักไหล่แสดงท่าทางตามที่พูด อีกฝ่ายจึงได้แต่ถอนหายใจราวกับเหนื่อยหน่ายต่อพฤติกรรมของเขาเต็มทน

                “เอาเถอะ พี่แค่มาเตือน ไม่อยากให้นายทำให้พ่อผิดหวัง”

                “แค่นี้ใช่มั้ย?”

                “พ่อฝากให้พี่ดูแลนาย”

                “ผมดูแลตัวเองได้” ไนโตรพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินไปโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ส่วนผมผู้ไม่เรื่องราวอะไรกับเขา จึงได้แต่เดินตามร่างสูงไปด้วยความงุนงง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×