ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END]​ Nitro ชื่อนี้ไม่รักได้ไหม

    ลำดับตอนที่ #12 : 6. Boyfriend (65%)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 64


     

                “มึงไปไหนมา ทำไมกลับเอาป่านนี้” ทันทีที่ผมบิดกลอนประตูเดินเข้ามาในห้อง รูมเมตของผมก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าจับผิด

                ผมขมวดคิ้วมองมันเล็กน้อย โยนกระเป๋าเป้ลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง มองดูนาฬิกาข้างฝาผนังแสดงเวลาเกือบจะสามทุ่ม หลังจากทำแผลให้ไนโตรเสร็จ เขาก็อาสาต้มมาม่าให้ผมกินเป็นการขอบคุณก่อนขับรถมาส่ง

                “ไปห้างไง”

                “ไหนของที่ซื้อ”

                “เออะ เออ…” ไม่มี มันจะมีได้ยังไงในเมื่อหลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างไนโตรกับอะตอม ผมก็ตามไนโตรกลับไปทำแผลทันที โดยของที่เลือกซื้อทั้งหมดยังอยู่ในรถเข็นอยู่เลย

                “เกิดอะไรขึ้น บอกกูมา”

                “อะไร ไม่มี๊”

                “บอกกู”

                “…”

                “มึงเจอไอ้อะตอมมาใช่มั้ย?”

                “มึงรู้ได้ไง...” ผมรีบเอามืออุดปากตัวเองเมื่อเผลอถามออกไป

                “มึงดูนี่” ไอ้ต้ายื่นโทรศัพท์มือถือของมันให้ผม หน้าจอกำลังเล่นคลิปวีดีโอหนึ่งที่ทำให้ผมตาค้าง ก่อนจะยิ่งตกใจเมื่อได้อ่านเนื้อความของโพสต์นั้นในเพจ Cute Boys & Girls

                ‘หล่อรุ่นพี่ปะทะหล่อรุ่นน้อง...

              ข่าวด่วนจ้าข่าวด่วน เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกลางห้างดังแห่งหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัย ระหว่าง ‘อะตอม’ นายแบบสุดฮอตผู้ครองตำแหน่งเดือนมหา’ลัยปีที่แล้ว กับ ‘ไนโตร’ นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งตัวเต็งที่จะคว้าตำแหน่งเดือนมหา’ลัยในปีนี้

              เจ๊ไม่รู้เหมือนกันว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ถ้ารู้เมื่อไหร่เจ๊จะรีบมาแจ้งให้ทราบ แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะพี่อะตอมหรือน้องไนโตรก็มาหาเจ๊ที่ห้องได้เลยน้า เจ๊พร้อมทำแผลให้ฟรีไม่คิดค่าบริการ

              อร๊ายยยยย เขิน’

     

                คลิปวีดีโอนี้เป็นคลิปที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ในคลิปแสดงชัดว่าผมอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงไม่แปลกที่ไอ้ต้าจะพยายามจี้ถามผมเพื่อหาความจริง

                “คลิปมึงดังกระฉ่อนไปทั่วมอแล้วรู้เปล่า พวกเพื่อนเราก็ส่งข้อความมาถามกูไม่หยุด ว่ามึงไปเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย”

                “…” ช็อคสิครับรออะไร ใครจะไปคิดว่าเหตุการณ์เพียงไม่กี่นาที จะมีคนบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นเอาไว้ได้

                “สรุปมันเกิดอะไรขึ้น มึงไปกับใคร ทำอะไร แล้วทำไมไอ้ไนโตรถึงไปอยู่ตรงนั้นด้วย”

                “หาว…ง่วงนอนจัง”

                “ไม่ต้องเฉไฉเลยสัด บอกกูมา”

                กะจะตีเนียนทำเป็นนอนซะหน่อย แต่ก็โดนเพื่อนรักกระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้นนั่ง จ้องเขม็งอย่างคาดคั้นเอาความ สุดท้ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้มันฟัง

                “เชี่ย กูนึกว่าศึกชิงนาง”

                “ชิงนางพ่องมึงดิ พูดเชี่ยอะไรของมึง”

                “อ้าว ก็ไอ้อะตอมมาง้อ และไอ้ไนโตรก็มาขวาง แถมต่อยกันเพราะมึงอีก ไม่เรียกศึกชิงนางจะให้กูเรียกว่าศึกชิงเปรตหรือไง”

                “…” เปรียบเทียบได้เชี่ยมาก

                “ทำไมต้องเขินด้วยวะ”

                “ใคร?” ผมจับหน้าตัวเอง ทำท่าทางลุกลนเมื่อโดนไอ้ต้ามองตาเยิ้มพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

                “แก้มมึงอะ” มันจิ้มที่แก้มของผม “แดง”

                “ไม่” ผมส่ายหัวดิ๊ก แค่รู้สึกร้อนผ่าว ๆ ก็เท่านั้นเอง

                “ไม่ก็ไม่” ไอ้ต้าหัวเราะหึในลำคอ เลิกแซวผมก่อนจะเปลี่ยนประเด็น “แล้วไง อีท่าไหนถึงไปกับไอ้เด็กนั้น ไหนมึงบอกไม่ชอบขี้หน้ามันไม่ใช่เหรอ?”

                “กูบอกแล้วไงว่าแค่บังเอิญ น้องมันชวนก็เลยไปด้วย ทางเดียวกันไปด้วยกัน ประหยัดเงินประหยัดน้ำมันไง”

                “ใจง่ายนะเรา”

                “…” มึงช่วยสนใจเหตุผลกูบ้าง

                “แล้วเรื่องไอ้อะตอมว่าไง ใจอ่อนให้มันบ้างเปล่า”

                “ไม่อะ” ผมตอบกลับอย่างมั่นใจ “ให้กูหลบ ๆ ซ่อน ๆ เหมือนเมื่อก่อนกูไม่เอาอีกแล้ว” ขนาดสมัยเขาเข้าวงการใหม่ ๆ ยังแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย ตอนนี้เขาดังกว่าเดิมหลายเท่า สถานะของเราคงไม่ต่างกับแค่คนรู้จัก

                แล้วผมจะกลับไปเป็นแฟนเขาเพื่ออะไร

                “มีคนดามใจแล้วอะดิ”

                “ใคร?”

                “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ไอ้ต้ายิ้มร่า ลุกขึ้นจากเตียง ทิ้งให้ใบหน้าของผมเห่อร้อนอีกครั้งเมื่อเห็นมันหันมายักคิ้วให้อย่างยียวน

     

                เช้าวันใหม่ที่ผมตื่นด้วยความสดใสหลังจากได้นอนอย่างเต็มอิ่ม เมื่อวานผมต้องใช้พลังงานไปมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากคุยกับไอ้ต้าเสร็จก็เคลิ้มหลับไปทั้งชุดนักศึกษา ตื่นขึ้นมาอีกทีเกือบแปดโมงเช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปหาข้าวกินก่อนเข้าเรียนตอนเก้าโมง

                “กินข้าวไหนดี” ผมถามไอ้ต้า ขณะที่เรากำลังเดินลงจากหอ

                “กูอยากกินข้าวมันไก่ป้าแจ๋ว”

                “มึงอยากกินข้าวหรืออยากเห็นหน้าลูกสาวเค้ากันแน่”

                “ทั้งสองอยากนั่นแหละ” ไอ้ต้ายิ้มเขิน เมื่อผมพูดอย่างรู้ทัน มันเล่นชวนไปกินเกือบทุกวัน จนหน้าของผมจะเป็นไก่อยู่แล้ว

                ปี้น!!!

                ทันทีที่ก้าวเท้าลงถึงใต้หอ เสียงแตรรถที่ดังยาวอย่างต่อเนื่องก็ทำให้ผมต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ

                “บีบแตรหาพ่อมึงเหรอ?” ไอ้ต้าตะโกนด่าด้วยความหงุดหงิด ฝ่าเสียงแตรที่ยังดังโดยไม่มีทีท่าจะหยุด

                “กูว่าไม่น่าหาพ่อนะ” ผมบอกมัน เมื่อเห็นรถอันเป็นที่มาของเสียง

                เจ้าของรถเปิดกระจกลงให้ผมเห็นใบหน้าหล่อเหลา พร้อมกับเสียงที่เงียบลงเมื่อเขายกมือขึ้นทักทาย

                “ไอ้เด็กนั่นนี่หว่า มันมาทำอะไรแถวนี้วะ”

                “เดี๋ยวกูมา” ผมย่างเท้าเดินไปยังรถเป้าหมาย ค่อนข้างมั่นใจว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผม

                “สวัสดีครับพี่” ไนโตรยิ้มกว้างเมื่อผมมายืนอยู่ฝั่งประตูข้างคนขับ

                “บีบแตรเสียงดังทำไม ไม่เกรงอกเกรงใจคนอื่นเค้าบ้าง” ผมต่อว่าเขาด้วยเสียงขุ่นมัว

                “ถ้าผมไม่บีบแตร พี่จะเห็นผมมั้ยล่ะ”

                “แล้วมาทำไม?”

                “มารับพี่ไปเรียน”

                “อะไรนะ?” ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

                “ก็มารับไปเรียนไง ทำไมเข้าใจอะไรยากอีกแล้ว” เขาผ่อนลมหายใจ แสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายใส่ผม “ขึ้นมาได้แล้ว เดี๋ยวไปเรียนสาย”

                “ทำไมเราต้องไปกับนายด้วย?” ผมเข้าใจสิ่งที่เขาพูดนะ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมารับ ผมไม่ได้ขอให้เขาพาผมไปซะหน่อย

                “ก็พี่เป็นแฟนผม ผมก็ต้องมารับมาส่งดิ”

                “เดี๋ยวก่อน พูดบ้าอะไรของนาย” ผมแหวใส่ เมื่อเขาพูดเล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา

                เป็นฟงเป็นแฟนอะไรกัน

                “เราเป็นแฟนกันแล้ว พี่จำไม่ได้เหรอ?”

                “…” ผมใช้เวลาไปกับการทบทวนสิ่งที่เขาพูด เท่าที่จำความได้ผมไม่เคยตกลงเป็นแฟนกับเขา เรียกได้ว่าไม่เคยมีเรื่องนี้อยู่ในเซลล์สมองของผมเลยด้วยซ้ำ ไม่มีทางที่ผมจะไปเป็นแฟนกับเขาอย่างแน่นอน

                “เมื่อวานไง พี่จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”

                คำพูดของเขาทำให้ผมต้องนั่งไทม์แม็กชีนย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง ประมวลผลอยู่พักใหญ่ผมก็ยังมั่นใจว่าไม่มีตอนไหนที่ผมจะตอบตกลงเป็นแฟนเขา แม้แต่คำขอเป็นแฟนก็ยังไม่เคยได้ยิน แล้วเราจะเป็นแฟนกันได้อย่างไร เมื่อวานแค่เดินห้างด้วยกัน ก่อนจะเจอกับอะตอมจนมีเรื่องชกต่อย...

                เดี๋ยวก่อน...อะตอม!

                บทสนทนาที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเริ่มไหลกลับเข้ามาในหัวสมอง อย่าบอกนะว่าเขาหมายถึง…

                “ไม่เชื่อถามแฟนเก่าพี่ดูดิ”

                ไนโตรต้องหมายถึงตอนที่เขาบอกกับอะตอมว่าเขาเป็นแฟนผมแน่ ๆ 

                “นายแค่แกล้งพูดเพื่อให้อะตอมเลิกยุ่งกับเราไม่ใช่เหรอ?” ผมคิดแค่นั้นจริง ๆ และด้วยสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้ผมปล่อยผ่านไปโดยแทบไม่สนใจ

                “พี่ไม่ปฏิเสธ”

                “ก็บอกอยู่นี่ไง เราคิดว่านายแค่พูดไปอย่างนั้น”

                “ใครบอก...ผมพูดจริง”

                “…” ผมยืนนิ่งค้างด้วยอาการสั่น มึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูก

                นี่มันเรื่องอะไรกัน ใครก็ได้บอกผมที

     

    -----

    เด็กมันเอาจริง ไม่รู้หรือไง หึหึ

    .

    ติดตามข่าวสารของไรท์ทางเพจ >> นิยายธ.ธีร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×