ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END]​ Nitro ชื่อนี้ไม่รักได้ไหม

    ลำดับตอนที่ #11 : 6. Boyfriend (30%)

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 64


     

                “ที่นี่ที่ไหน ทำไมไม่ไปโรงพยาบาล”

     

                ผมขมวดคิ้วมุ่น หันมองคนเคียงข้างที่ทำหน้าที่เป็นคนขับ หลังจากที่พวกเราออกมาจากห้างสรรพสินค้า ไนโตรก็ขับรถพาผมยังคอนโดหรูแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก แทนที่จะไปโรงพยาบาลอย่างที่คาดคิดเอาไว้ในตอนแรก 

                “พี่จะให้ผมทำแผลไม่ใช่เหรอ?”

                “ใช่”

                “ก็ที่นี่ไง”

                “ที่ไหน?”

                “ห้องผม”

     

                “โห ห้องใหญ่จัง” ผมพูดด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อเดินตามไนโตรเข้ามาในห้องพักอันโอ่อ่า ภายในกว้างขวางใหญ่โตกว่าห้องผมเกือบสามเท่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เรียกได้ว่าสุขสบายกว่าห้องของผมมากมายเลยทีเดียว “ห้องของนายเหรอ?”

                “ไม่ใช่มั้ง”

                ไม่น่าถามโง่ ๆ ให้เด็กมันย้อนเลยผม

                “ไหนกล่องปฐมพยาบาล เราจะทำแผลให้” ผมเปลี่ยนเรื่องคุย ดึงบทสนทนาให้กลับมาสู่สิ่งที่ควรจะทำ

                เพราะไนโตรไม่ยอมไปโรงพยาบาล ยืนกรานว่าถ้าจะทำแผลก็ต้องทำแผลที่นี่ ด้วยความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเจ็บตัว ผมจึงจำเป็นต้องตามใจและมาทำแผลให้เขาถึงในห้อง 

                “นั่งรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวเอามาให้เอง”

                ผมนั่งลงที่โซฟาห้องรับแขกตามเขาว่า ไม่นานไนโตรก็เดินกลับมาพร้อมกล่องยาในมือ โดยปราศจากเสื้อผ้าปกปิดส่วนบนของร่างกาย

                ใช่…เขาถอดเสื้อ สวมใส่เพียงกางเกงนักศึกษา โชว์หุ่นล้ำให้ผมต้องมองตามตาค้างอีกแล้ว

                ครั้งก่อนยังพอเข้าใจได้เพราะเขาเป็นแผลที่แขน จะทำแผลก็ต้องถอดเสื้อเพื่อความสะดวก แต่ครั้งนี้เป็นแผลที่ปาก จะถอดเสื้อให้ผมต้องใจสั่นทำไมเนี่ย

                “เป็นอะไร?” เสียงทุ้มช่วยดึงสติของผมกลับมา

                “ปะ เปล่า” ผมส่ายหน้าหวือ “ถอดเสื้อทำไม?”

                “ก็เดี๋ยวเลือดเลอะเสื้อนักศึกษา มันซักไม่ออก” เขาตอบ ก่อนมุมปากจะเผยอยกขึ้นอย่างมีเลศนัย “ทำไมครับ ชอบเหรอ?”

                “บะ บ้า ใครชอบ” แล้วทำไมผมต้องเขินด้วยเนี่ย

                “ก็ผมเห็นพี่มอง”

                “คะ แค่สงสัย ไม่ได้คิดอะไร”

                “เหรอ…” เขาพยักหน้ารับรู้ แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังไม่เลือนหายจากใบหน้า

                “ทำแผลได้แล้ว” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะโดนเขาแซวมากกว่านี้

                ไนโตรทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างว่าง่าย ก่อนจะยื่นกล่องปฐมพยาบาลมาให้

                ผมเปิดกล่องรื้อหาของจำเป็นที่ต้องใช้ ทุกอย่างยังดูใหม่เหมือนไม่เคยแกะใช้มาก่อน 

                “สองครั้งแล้วนะที่เราต้องทำแผลให้นาย”

                “สองครั้งแล้วนะครับที่ผมต้องเจ็บตัวเพราะพี่”

                “ครั้งนี้น่ะใช่ แต่ครั้งแรกไม่เกี่ยวกับเราซะหน่อย”

                “ก็พี่ชนผม ต่อให้แผลที่โดนฟันไม่เกี่ยวกับพี่ แต่ผมก็เจ็บตัวเพราะพี่อยู่ดี”

                “โยงเก่งนะ”

                “GAT เชื่อมโยงผมได้เกือบเต็ม”

                ผมพรูลมหายใจ รู้สึกหมั่นไส้เมื่อเห็นเขายักคิ้วอย่างมั่นใจ

                “ถามหน่อยเถอะ ทำไมคืนนั้นถึงถูกคนไล่กระทืบ” เมื่อพูดถึงเรื่องในวันนั้น ผมจึงถามในสิ่งที่ยังค้างคาในใจ

                ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยสงสัยหรอก เพราะเท่าที่รู้จักเขาเป็นคนพูดจาโผงผาง ไม่มีสัมมาคารวะ ชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ลักษณะภายนอกไม่ต่างอะไรกับพวกอันธพาล ไม่แปลกที่จะโดนคนเขม่นเอาง่าย ๆ ทว่าเมื่อได้ทำความรู้จักมากขึ้นกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เหมือนเขามีตัวตนอีกแบบหนึ่งที่ซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น

                ผมรู้สึกอย่างนั้น

                “จะอยากรู้ไปทำไม?”

                “ก็…ก็นายไม่เหมือนกับที่เราคิด”

                “…”

                เห็นคิ้วหนาขมวดขดเป็นปม ผมจึงพูดอธิบายขยายความ

                “ตอนแรกเราคิดว่านายเป็นพวกคนเกเร ไม่เรียนหนังสือ ยังคิดว่าเป็นเด็กติดยาด้วยซ้ำ แต่จริงแล้วนายกลับเรียนหนังสือเก่งถึงขั้นสอบติดหมอ แถมยังมีน้ำใจพาเราไปซื้อของ รวมถึง...เรื่องที่นายปกป้องเราวันนี้” 

                “ผมเคยบอกพี่แล้วไง อยู่กันไปก็จะรู้เองว่าผมเป็นคนดีแค่ไหน” เขายักคิ้วให้ คลี่ยิ้มกว้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่วหน้าเพราะเจ็บแผล จนผมอดยิ้มขำกับท่าทางของเขาไม่ได้

                สมน้ำหน้า!

                “เมื่อไหร่พี่จะทำแผลให้ผม รอจนแผลจะหายเองอยู่แล้ว” พอเห็นผมหัวเราะเยาะ ไนโตรจึงทำเป็นขึงขังไม่สบอารมณ์

                “พูดมากน่ะ”

                “โอ้ย! ทำอะไรของพี่เนี่ย” เขาร้องบ่น เมื่อผมเอาสำลีที่ชุบน้ำเกลือกดลงบนแผลของเขาแรง ๆ

                “ปากดีนัก ทำให้เจ็บซะบ้าง จะได้พูดจาดี ๆ” ผมแลบลิ้นใส่ เขาจึงมองค้อนผมเป็นการตอบแทน “สรุปจะบอกได้หรือยังว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงโดนไล่กระทืบ” ผมยังไม่ละจากสิ่งที่สงสัย มือทั้งสองวุ่นอยู่กับการทำแผลให้เขา แต่หูเงี่ยรอฟังคำตอบอย่างจดจ่อ

                “แค่เดินผ่าน”

                “…”

                “เห็นพวกวัยรุ่นไล่รุมกระทืบคนอยู่ ก็เลยไปแจมด้วย”

                “เอาจริง ๆ ดิ ไม่ล้อเล่น”

                “ก็นี่ไง ผมกำลังพูดความจริง”

                ผมชะงัก เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังที่ต่างออกไปจากทุกครั้ง

                เขากำลังพูดความจริง

                “นายสติดีหรือเปล่า ไปท้าตีท้าต่อยกับเขาทำไม?”

                “อยากลองดูว่ามันจะเป็นไง”

                “แล้วเป็นไงล่ะ ได้แผลมาทางยาวเกือบฟุต แถมเกือบตายอีกต่างหาก” วันนั้นรอดมาได้ก็บุญแค่ไหนแล้ว

                “ก็ดีนะ”

                “หึม?”

                “อย่างน้อยก็ทำให้ผมเจอพี่”

                “…”

                “เช็ดแผลเสร็จแล้วใช่มั้ย งั้นผมไปอาบน้ำก่อน” ร่างสูงลุกขึ้นยืน เดินหายเข้าไปในห้องนอน เหลือทิ้งไว้แค่ผมที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม โดยไม่รู้ว่าทำไมหัวใจต้องเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะกับคำพูดของเขา

                เวลาผ่านไปไม่นาน หลังจากที่ผมจมจ่อมอยู่กับการเก็บอุปกรณ์ทำแผลบนโต๊ะ เจ้าของห้องก็อาบน้ำเสร็จและเดินกลับมา

                “นะ นะ นาย ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า” ขนลุกชูชันไปทั้งร่าง เมื่อเห็นร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่มีผ้าขนหนูผืนเดียวเกาะบริเวณสะโพก

                “มาให้พี่ทายาก่อนไง” เขาเลิกคิ้ว ก่อนจะหรี่ตาเล็กมองผมอย่างสงสัย “พี่ทำตัวแปลก ๆ อีกแล้วนะเวลาผมถอดเสื้อ”

                “กะ กะ ก็ เราไม่ชิน ไม่ค่อยมีคนไม่สนิทถอดเสื้อให้เห็นแบบนี้” ผมรีบละสายตาจากสิ่งดึงดูดตรงหน้า หยิบจับของบนโต๊ะเพื่อเบนความสนใจของตัวเอง

                “พี่ว่าผมหุ่นดีม่ะ?” แทนที่เขาจะรีบไปใส่เสื้อผ้า แต่กลับยืนเบ่งกล้ามโชว์ลอนสวยไม่ยอมไปไหน

                จะมาสงสัยอะไรตอนนี้เนี่ย มือไม้สั่นหมดแล้วรู้ไหม

                “ไม่ ธรรมดา” ผมตอบปัด ทำเป็นไม่สนใจ ถึงแม้ในใจจะตอบว่าหุ่นดีมากก็ตาม

                “งั้นผมต้องฟิตมากกว่านี้อีกน่ะสิ”

                “จะฟิตก็ไปฟิตวันหลัง ตอนนี้ใส่เสื้อผ้าก่อน”

                “อ้าว นึกว่าอยากดูนาน ๆ” ร่างสูงหัวเราะร่วน ผมได้แต่ขบริมฝีปากแน่นด้วยความแค้น

                แค้นเรื่องอะไรนั่นเหรอ ก็แค้นที่โดนเขารู้ทันน่ะสิ

                “เออพี่ ผมถามอะไรหน่อย” นอกจากไนโตรจะไม่รีบร้อนที่จะใส่เสื้อผ้า เขายังกลับทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ ผม

                “ว่า…” จะขยับมาใกล้ทำไมเนี่ย

                “พี่ชอบผู้ชายเหรอ?”

                “อืม” ผมส่งเสียงรับในลำคออย่างไม่ปกปิด เพราะเขาคงรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ “ทำไม รังเกียจเหรอ?” 

                “เปล่า…” ไนโตรยิ้มกริ่ม นัยน์ตาคู่คมเปล่งประกายวิบวับจนผมแสบตา ก่อนที่เจ้าของดวงตาคู่นั้นจะขยับมาใกล้หน้าผมพร้อมเอ่ยคำต่อด้วยเสียงแผ่วเบา “ผมก็ชอบผู้ชายเหมือนกัน

                เสียงนั้นทำให้ผมขนลุกชูชันโดยไม่รู้ตัว

     

    -----

    ติดตามข่าวสารของไรท์ทางเพจ >> นิยายธ.ธีร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×