คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 5. Don't understand (100%)
“นายจะมาซื้ออะไร?” ผมถาม หลังจากที่เราสองคนเดินเข้ามาในตัวห้าง
“ไม่รู้”
“อ้าว ไหนบอกว่าจะมาอยู่แล้วไง”
“ก็จะมา แต่ยังไม่คิดว่าจะซื้ออะไร” เขาตอบหน้าตาย ก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้า สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงแบบที่ทำเป็นประจำ
“งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้ นายซื้อของเสร็จจะได้ไม่ต้องรอ เดี๋ยวเรากลับเอง” แค่ติดรถเขามาก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว เมื่อก่อนด่าเขาในใจไว้เยอะ เลยแอบรู้สึกผิดที่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเขา
“ไม่เป็นไร พี่ไปไหนผมก็ไปตรงนั้นแหละ”
“หึม?” ผมหยุดเดิน มองร่างสูงด้วยความสงสัย เขาจึงเลิกคิ้วมองผมเชิงคำถามกลับ
“ทำไม เดินไปด้วยไม่ได้หรือไง”
“ปะ เปล่า”
“งั้นก็เชิญ” เขาผายมือ ปล่อยให้ผมก้าวเท้าเดินนำ โดยมีเขาเดินตามไม่ห่าง
ผมตรงไปยังโซนซุปเปอร์มาร์เกตที่มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ซื้อของใช้ส่วนตัวและขนมขบเคี้ยวตุนไว้เพราะขี้เกียจต้องออกมาบ่อย ๆ การไม่มีรถส่วนตัวใช้เป็นเรื่องลำบากอย่างหนึ่งของการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย นานครั้งได้มากับรถยนต์ก็ขอซื้อให้คุ้มหน่อย แถมครั้งนี้ยังสบายกว่าทุกครั้ง เพราะมีไนโตรทำหน้าที่เป็นคนเดินตามคอยเข็นรถเข็นให้โดยไม่พูดบ่นสักคำ
นับเป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่งที่ผมไม่คาดคิดเลยทีเดียว
“ไม่ซื้ออะไรหน่อยเหรอ?”
“ไม่อะ”
“อ้าว”
“ก็ไม่มีอะไรที่อยากได้” ไนโตรตอบหน้านิ่ง ผมจึงขี้เกียจจะซักไซร้ถามต่อ
“โอเค เราซื้อเสร็จแล้ว งั้นไปคิดเงินเลยนะ”
“ผมขอไปเข้าห้องน้ำแปบนึง”
“เราไปคิดเงินเลยก็แล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลา”
“อืม ๆ” เขาเดินแยกไปทางห้องน้ำ ส่วนผมเดินเท้ามุ่งไปยังเคาต์เตอร์ชำระเงิน
“ฟอส” เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเสียงเรียกหนึ่งก็ทำให้ผมต้องชะงัก หันมองตามก่อนจะเห็นเจ้าของเสียงที่กำลังสืบเท้าเข้ามาหา
“อะตอม” ผมเอ่ยชื่อเขา
ชายร่างสูงในชุดเสื้อโปโลสีเหลืองกับกางเกงยีนส์สีดำในลุคสบาย ๆ สวมกับรองเท้าผ้าใบคู่เก่งที่เขาใส่เป็นประจำจนผมชินตา เขายังหล่อเหลาและน่ามองเหมือนเดิมถึงแม้จะไม่เจอเขานานตั้งแต่เราเลิกลากันไป
นับตั้งแต่เปิดเทอมผมยังไม่เจอหน้าเขาเลยสักครั้ง อาจเป็นเพราะช่วงนี้เขามีงานเยอะจนต้องขาดเรียนอยู่บ่อย ๆ อย่างที่รู้ว่าเขาเป็นนายแบบดาวรุ่งที่กำลังฮอตและมาแรงในขณะนี้ ทั้งงานอีเว้นท์และงานถ่ายแบบคงมีเข้ามาให้ทำไม่ขาดสาย ไม่แปลกที่เขาจะไม่โผล่หน้ามาที่คณะให้ผมต้องพบเจอ
ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว
“ไม่คิดว่าจะเจอฟอสที่นี่”
“เราก็เหมือนกัน”
“เราคิดถึงฟอสมากนะ รู้มั้ย?”
“อะตอมมาทำงานเหรอ?” ผมไม่ตอบ แต่ถามกลับเพื่อเปลี่ยนประเด็น
ถึงผมจะยังทำใจเรื่องของเขาได้ไม่มากนัก จะบอกว่ายังโกรธอยู่ก็คงจะใช่ แต่ผมก็เข้าใจดีถึงเหตุและผลของสิ่งที่เกิดขึ้น อะตอมกำลังมีชื่อเสียงและโด่งดัง เส้นทางในวงการบันเทิงของเขากำลังไปได้สวย หากเรื่องที่เขาคบกับผมถูกแพร่งพรายออกไป อนาคตอันสดใสก็อาจมีอันต้องพังทลายลงไปก็เป็นได้
ดังนั้นผมจึงพยายามหักห้ามใจและกลับไปมองเขาเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยการที่ผมยังยืนเผชิญหน้ากับเขาในวันนี้ได้ ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
“อื้ม…เสร็จงานพอดี กำลังจะกลับคอนโด”
ผมแค่พยักหน้าแสดงการรับรู้
“ฟอส…เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย?” ร่างสูงหรี่ตาลง มองด้วยสายตาระห้อย ดึงมือทั้งสองของผมไปกุมแน่นอย่างไม่แคร์สายตาคนที่กำลังเดินผ่านไปมา
“ทำอะไรอะ ไม่กลัวนักข่าวเห็นหรือไง” ผมพยายามดึงมือออก แต่ก็ไม่อาจชนะแรงของคนตัวโตที่ยังจับมือผมไม่ปล่อย
“กลัวทำไม เราแคร์ฟอสมากกว่า”
“แน่ใจ?”
“เอ่อ…”
“หึ” ผมส่งเสียงในลำคอเมื่อเห็นเขาแสดงท่าทางลังเล ชำเลืองมองไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เธอชื่อนัท ผมรู้จักดี เพราะเธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอะตอม และเธอก็เป็นคนที่ทำให้ความรักของผมและเขาต้องเดินมาถึงจุดจบ “เรากลับไปเป็นเพื่อนเหมือนเดิมเถอะนะ” ผมพูดอย่างเข้าใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่เสียใจ
“ฟอส…”
“มึงทำอะไร?” จู่ ๆ เสียงทุ้มเกรี้ยวกราดของใครบางคนก็ดังขึ้น พร้อมกับภาพของอะตอมที่ถูกผลักอกจนถอยตัวออกและปล่อยมือไปจากผม
“มึงเป็นใครวะ” อะตอมจ้องเขม็งไปยังผู้มาใหม่ และเขาไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน ในเมื่อเขาคือไนโตร คนที่พาผมมาที่นี่
“มึงจับมือพี่ฟอสทำไม?”
“ทำไมกูจะจับไม่ได้ ฟอสเป็นแฟนกู”
“พูดอะไรของอะตอมอะ เราเลิกกันแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรกันอีก”
“เดี๋ยวเราก็กลับมาคบกัน” อะตอมหันมาพูดอย่างมั่นใจ ก่อนจะกลับไปมองหน้าไนโตรอีกครั้ง “แฟนเขาจะเคลียร์กัน มึงมาเสือกอะไร”
“โทษทีวะ ไม่เสือกไม่ได้ พี่ฟอสแฟนกู”
“ห้ะ” ทั้งผมและอะตอมส่งเสียงพร้อมกัน เมื่อจู่ ๆ ไนโตรก็พูดคำนั้น คำที่ทำให้ผมตกใจจนอ้าปากค้าง
ผมไปเป็นแฟนเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“อ๋อ...ที่ฟอสไม่ยอมกลับมาคืนดีกับเราเพราะคบกับไอ้หมอนี่งั้นเหรอ”
“เดี๋ยว ๆ อะตอมกำลังเข้าใจผิด”
“พี่ฟอสก็บอกความจริงเขาไปเลยสิครับ ไม่เห็นต้องปิดเลย” ไม่ทันที่ผมจะได้อธิบาย ไนโตรก็เอื้อมมือมาโอบไหล่ ดึงตัวผมแนบชิดกับตัวเขา ร่างสูงส่งสายตาหวานให้ ก่อนจะหันไปยักคิ้วใส่อะตอมด้วยความยียวน
“แม่งไอ้นี่มันกวนตีนจังว่ะ” คำพูดนั้นเปล่งออกมาพร้อมหมัดหนักที่พุ่งชกใส่หน้าของไนโตรจนสะบัด
สิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วจนผมไม่ทันได้ตั้งตัว ไนโตรก็หันกลับไปชกอะตอมจนล้มคว่ำเป็นการตอบโต้ ก่อนที่ร่างสูงจะพุ่งตัวเข้าใส่คนล้มหมายจนลงมือต่อ
ผมตกใจเป็นอย่างมาก รีบวิ่งเข้าไปห้ามไม่ให้ไนโตรทำอะไรรุนแรงมากไปกว่านี้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผม ด้วยรูปร่างและพละกำลังที่เขามีมากอยู่แล้ว ยิ่งโดนความโกรธครอบงำก็ยิ่งทำให้พลังของเขามากขึ้นเป็นทวีคูณ
“พอ ๆ” ผมบอกไนโตร หลังจากแทรกตัวเข้าไปขวางได้สำเร็จ มือที่ง้างเตรียมออกหมัดจึงหยุดชะงักในทันที
ผมอาศัยจังหวะนี้รีบผลักตัวเขาให้ถอยออก ส่วนพี่นัทที่เห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้ามาพยุงตัวอะตอมให้ลุกขึ้น รั้งเขาไว้หลังจากพยายามจะเดินเข้ามาหาเรื่องไนโตรต่อ
“แน่จริงมึงเข้ามาดิ”
“หยุดเลยนะอะตอม”
“พี่…”
“กลับ”
“ไม่”
“พี่บอกให้กลับ นี่เป็นคำสั่ง” เมื่อพี่นัทพูดเสียงแข็ง ท่าทางเกรี้ยวกราดของอะตอมก็สงบลง
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” อะตอมชี้หน้าพูดกับไนโตรทิ้งท้าย ก่อนจะยอมเดินไปกับพี่นัทแต่โดยดี
“นายทำบ้าอะไรเนี่ย” ผมแหวใส่ไนโตร หลังจากสถานการณ์ความวุ่นวายคลี่คลายลง
“พี่ไม่เห็นหรือไงว่ามันต่อยผมก่อน”
“แล้วนายมายุ่งทำไม?”
“ยุ่งเหรอ?” เขามองผมด้วยสายตาดุ ทำให้ผมสะดุ้งเฮือกด้วยความกลัว “แล้วเป็นเพราะใครล่ะ?” เขาพ่นลมฉุนใส่ หมุนตัวเดินไปด้วยท่าทางฉุนเฉียว ผมจึงรีบเดินตามไปเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังทำให้เขาโกรธ
“ขอโทษ” ผมเอ่ยหลังจากเดินตามมาจนทัน ยืนขวางเขาเอาไว้ทำให้ร่างสูงต้องหยุดเดิน “เจ็บมากมั้ย?” อดไม่ได้ที่จะถาม เมื่อเห็นมุมปากของเขามีเลือดซึมออกมา ข้างแก้มมีอาการบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด
“…” ไนโตรไม่ตอบ เบือนหน้าหันไปทางอื่นราวกับกำลังน้อยใจ
“ไปโรงพยาบาลกัน”
“ไม่”
“ไม่ไปไม่ได้ เห็นมั้ยว่าปากนายเป็นแผล”
“ไม่ต้องสนหรอก”
“ไม่สนได้ไง นายเจ็บตัวเพราะเรานะ”
“ห่วงผมด้วยเหรอ?”
“ใช่ เป็นแผลขนาดนี้ไม่ให้ห่วงได้ไง”
“งั้นผมยอมไปทำแผลก็ได้”
“…” ผมมองร่างสูงที่เดินยิ้มนำหน้าผมไปด้วยความสงสัย เมื่อจู่ ๆ เขาก็ยอมตกลงไปทำแผลอย่างง่ายดาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธเสียงแข็งอยู่ท่าเดียว
อารมณ์ไหนของเขากันแน่เนี่ย ผมงงกับเขาจริง ๆ
-----
ติดตามข่าวสารของไรท์ทางเพจ >> นิยายธ.ธีร์
ความคิดเห็น