คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1 จุดจบ การจาก และการหวนคืน
แสงอาทิตย์กำลังจากลาไปอย่างช้าๆ ท้องฟ้าปรากฏเป็นสีส้มอ่อนๆลอดผ่านปุยเมฆที่ยังคงล่องลอยไปตามการชักนำของกระแสลมราวกับว่าไม่ใส่ใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย บนผืนแผ่นดินในบริเวณนั้นมีเพียงแค่ชายชราสามคนในเครื่องแต่งกายสีขาวของพ่อมดหมอผีในนิยายแฟนตาซีหลายๆเรื่อง ด้านหน้าของชายชราทั้งสามนั้นมีร่างของชายหนุ่มแต่งกายในชุดพ่อมดสีดำ สิ่งของในมือชายหนุ่มมิได้เป็นไม้เท้าหรือคทาเช่นพ่อมดทั่วๆไป หากแต่เป็นดาบสีดำสนิทยาวประมาณสองฟุต ชายหนุ่มนั่งทรุดอยู่กับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
"ในที่สุดพวกเราก็กำจัดจอมมารได้สำเร็จ ต่อไปนี้ความสงบสุขก็คืนสู่ดินแดนของเราเสียที กลับหมู่บ้านกันเถิดท่านผู้เฒ่า" ชายหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่แสดงอาการเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด
ยังมิทันที่ชายหนุ่มจะได้ยันกายลุกขึ้นจากพื้นก็มีเสียงของผู้เฒ่าทั้งสามดังขึ้น
"ยังหรอกท่าน มันยังไม่จบ ยังเหลืออีกหนึ่ง" สิ้นเสียงของสามผู้เฒ่าชายหนุ่มก็คาดได้ว่าคงมีสมุนของจอมมารหลงเหลืออยู่เป็นแน่ ชายหนุ่มหันกลับไปยังทิศทางตรงข้ามแต่ทว่าเขามิอาจบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความประหลาดใจให้ชายหนุ่มเป็นอย่างมากเนื่องจากมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่ไม่สามารถขยับได้ ส่วนผู้เฒ่าทั้งสามยังคงเคลื่อนไหวได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เกิดอะไรขึ้นกับข้า" ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้น
"ขอโทษด้วยท่านเรวีนัส แต่เราจำเป็นต้องกำจัดท่าน" หนึ่งในสามผู้เฒ่ากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสลด
"ทำไม ข้าอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกท่าน กำจัดจอมมารร่วมกับพวกท่าน ทำไมทำกับข้าเช่นนี้"
"ก็เพราะท่านมีกระแสเวทย์สีดำไหลเวียนอยู่ทั่วร่างเหมือนกับจอมมาร ข้าขอโทษด้วยมันเป็นมติของชุมนุมพ่อมดและการตัดสินใจขององค์ราชา" "ข้าแต่องค์เทพลีกาทออัส ผู้ครองแสงสว่างและกำจัดความชั่วร้าย โปรดกำจัดบุรุษผู้มีพลังด้านมืดเบื้องหน้าข้า" สิ้นเสียงก็ปรากฏลำแสงสีขาวพุ่งออกมาจากปลายไม้เท้าของผู้เฒ่าทั้งสามตรงมายังชายหนุ่ม ชายหนุ่มรู้ดีว่าสภาพร่างกายของตนในยามนี้มิอาจต้านทานพลังเวทย์ของสามผู้เฒ่าทำได้เพียงแค่ลดทอนอำนาจของพลัง
ลำแสงสีขาวจากปลายไม้เท้าของพ่อมดเฒ่าทั้งสามซึ่งเดิมพุ่งตรงมายังชายหนุ่มได้หนุ่มได้หยุดอยู่เบื้องหน้าห่างจากชายหนุ่มไปเพียงไม่กี่คืบ จากนั้นกระแสพลังเวทย์ทั้งสามสายก็บิดตัวรวมกันกลายเป็นก้อนพลังเพียงก้อนเดียวแล้วแผ่ตัวออกราวกับเป็นผืนผ้าขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างชายหนุ่มอย่างกว้างๆ และค่อยๆหดเล็กลง
เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงอาศัยโอกาสนี้กล่าวสัจจะวาจาร่ายมหาเวทย์ด้วยเสียงแผ่วเบา "ข้าแต่องค์เทพจัสตราน่าทิคารัส ผู้ครองสัจจะและความยุติธรรม โปรดจงรับและรักษาสัจจะวาจาแห่งข้า ยามใดแผ่นดินไร้สิ้นซึ่งราชา ทั่วทั้งพสุธาเกิดความโกลาหล เกิดการแก่งแย่งแบ่งชั้นชน ชีวีมนตราข้าจะหวนคืน" สิ้นเสียงก็ปรากฏกระแสพลังเวทย์สีน้ำเงินสว่างวาบขึ้นรอบๆร่างชายหนุ่มเพียงเศษเสี้ยววินาทีแล้วหายไป
พลังเวทย์สีขาวบีบตัวเข้าใกล้ขายหนุ่มเข้ามาทุกขณะ ความอึดอัดเข้าจับส่วนลึกในจิตใจมากขึ้นแปรผันตามระยะห่างของกระแสพลังเวทย์ ทันทีที่กระแสเวทย์สัมผัสกับร่างชายหนุ่มก็เกิดอาการเกร็ง เมื่อกระแสพลังได้ซึมซับเข้าไปในร่างกายทำให้ชายหนุ่มเกิดอาการกระตุกอย่างรุนแรงหัวใจเต้นรัว หายใจถี่เร็ว ดวงตาเบิกกว้าง เกิดไอความร้อนปริมาณมหาศาลแผ่ออกปกคลุมทั่วร่างกระจายออกเป็นบริเวณกว้าง ขนาดที่ว่าสามพ่อมดเฒ่าซึ่งได้ถอยห่างออกไปหลายสิบเมตรยังรู้สึกร้อนราวกับยืนอยู่ท่ามกลางกองเพลิง จากนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้นจากบริเวณอยู่ เสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เกิดแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งทวีป
เปลือกตาเปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาสีเขียวใสประกอบกับใบหน้าคมคาย ดูแล้วงดงามราวกับเทพมาจุติ ร่างนั้นสวมเสื้อเชื๊ตสีดำกางเกงยีนส์สีดำแต่ทว่าสีสันของเสื้อผ้ามิได้ทำให้ความมีเสน่ห์ของบุรุษผู้นี้ลดลงไปแม้แต่น้อย เขานำมือทั้งสองข้างนวดไปตามใบหน้าและลำคอ ลุกขึ้นนั่งทีขอบเตียงแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ มองออกไปยังนอกหน้าต่าง ไกลออกไปเผยให้เห็นแสงแรกแห่งอรุณรุ่งกระทบกับผืนน้ำส่องประกายระยิบตา อีกทั้งทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างสุดตา มองดูแล้วเกิดความสบายใจยิ่ง ทั้งยังมีเสียงของเหล่าสกุณานานาพันธุ์ส่งเสียงประสานกังวานไปทั่วทั้งบริเวณ
"ฝันเรื่องเดิมอีกแล้ว แต่เหมือนจริงเลยแฮะ ยังกับเราไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ นี่ก็ห้าวันแล้วที่ฝันแบบนี้ ทำไมนะฝันแต่เรื่องเดิมๆ"ชายหนุ่มรำพันกับตัวเอง
ชายหนุ่มหันหลังกลับมุ่งไปยังโต๊ะทำงาน เก็บเอกสารที่วางระเกะระกะเรียบเรียงลำดับหน้าจากนั้นวางลงบนโต๊ะทำงาน ที่แผ่นบนสุดมีตัวอักษรถูกพิมพ์ไว้สี่บรรทัด
ลับเฉพาะ
ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีนานาชาติ
การวิจัยและพัฒนาระบบกระตุ้นความทรงจำสำหรับแก้อาการความจำเสื่อม
ผู้วิจัย ดร.รวินทร์
บริเวณส่วนที่เป็นนามสกุลถูกปิดทับด้วยที่ทับกระดาษ ในเมื่อเป็นเอกสารลับเฉพาะแต่กลับมาอยู่บนโต๊ะชายหนุ่มได้นั้นไม่เพียงเพราะเขาเป็นนักเจาะระบบมือฉกาจ ขนาดที่ว่าในวงการแฮกเกอร์ยกให้เป็นอันดับหนึ่งของวงการ และยังตั้งฉายาให้อีกด้วยว่า "หัตถ์พระเจ้า หรือ Hands Of God" ซึ่งฉายานี้ไม่ได้เกินจริงเลย ทุกระบบที่เขาเจาะเข้าไปนั้นยังไม่มีใครเจาะเข้าไปได้ แม้กระทั่งระบบที่ถูกอ้างว่าสมบูรณ์แบบเขาก็เข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ทุกระบบที่เข้าไปนั้นเขาจะฝากข้อความทิ้งไว้เพื่อแสดงว่าเขาได้เข้ามาแล้ว ข้อความนั้นคือ "Rane had come" และทุกๆครั้งที่เข้าไปผู้ดูแลระบบไม่สามารถตรวจพบได้เลยว่าเขาเข้ามาเมื่อใด เข้ามาทางไหน และออกไปได้อย่างไร ที่สำคัญคือเขาเป็นใครมีเพียงตัวเขาที่รู้ แต่สาเหตุที่แท้จริงที่เขามีเอกสารฉบับนี้ก็เพราะว่าตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นผู้วิจัยและพัฒนาระบบนี้แต่เพียงผู้เดียว นั่นก็หมายความว่าเขาก็คือดร.รวินทร์นั่นเอง
ปัง ปัง!! ปัง ปัง ปัง!! เสียงทุบประตูดังขึ้น "ไอ้วิน!เปิดประตู นับถึงสาม ถ้าไม่เปิดจะพังจะพังเข้าไปแล้วนะ หนึ่ง สอง สาม" ได้ยินดังนั้นรวินทร์จึงเปิดประตูรับผู้มาเยือน เมื่อประตูเปิดออกก็ปรากฏร่างชายหนุ่มแต่งกายในเครื่องแบบพนักงานบริษัทที่มีให้เห็นอยู่ทั่วๆไปถลาเข้ามาในห้องเสียหลักล้มลงไปนอนแผ่หลาที่พื้นห้อง
ร่างนั้นค่อยๆยันกายลุกขึ้นพร้อมกับตัดพ้อถึงสิ่งที่เกิดเมื่อครู่ "เวรเอ๊ย จะเปิดก็ไม่บอกกันก่อน พุ่งมาเต็มแรงเลยนะเนี่ย" "เอาน่าเรื่องมันแล้วไปแล้ว ว่าแต่มีอะไรเหรอรัฐมาแต่เช้าเชียว" รวินทร์กล่าวพร้อมกับช่วยพยุงผู้ที่มาใหม่ลุกขึ้น
"จำไม่ได้เหรอวันนี้หัวหน้าศูนย์นัดประชุมเก้าโมงเช้า เฮ้ย! นี่แกยังใส่ชุดนอนอยู่เลยนี่หว่า งั้นข้าไม่รอนะ เดี๋ยวสาย ไปเองละกันนะเพื่อน รีบๆตามไปล่ะ" ว่าจบรัฐ (หรือชื่อเต็มๆว่า ภพรัฐ สวัสดิปราการ เพื่อนในวัยเด็กของรวินทร์และยังทำงานที่เดียวกันอีกด้วย) ก็วิ่งออกไปอย่างรีบร้อนปล่อยให้รวินทร์ยืนทำความเข้าใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่เพียงลำพัง
ชายหนุ่มเริ่มลำดับเหตุการณ์แต่ละช่วงเมื่อเข้าใจแล้วจึงหันไปดูนาฬิกา 08:15 ชายหนุ่มรู้ตัวว่าถ้ายังชักช้าอย่างนี้จะต้องไปสายแน่ๆ จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและหอบเอกสารออกจากห้องและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น