ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หยุดหัวใจไม่ให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1 :: สบตา

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 52


    chapter 1 ::  สบตา

                    ฟู้ ฟู้ ฟู้ ~ ~ ~ เสียงไอน้ำของรถไฟคันสีแดงส่งสัญญาณว่าใกล้จะออกแล้วซึ่งในตอนนี้
    ผู้คนได้เดินขวักไขว่จนหน้าเวียนหัว   เด็กสาวผมหยักศกสีน้ำตาลยืนรอเพื่อนทั้งสองของเธอ
    อย่างหงุดหงิดเมื่อรอได้สักพักเธอก็หันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่สีทองดูโบราณว่ามันใกล้เวลาที่
    รถไฟใกล้ออกเต็มทนแล้ว

                    
    “โอ๊ย    ทำไมยังไม่มาอีกนะ” เด็กสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลยืนกอดอกอย่างเสียไม่ได้
     


     

                        ทางด้านของเพื่อนเธอสองคนก็รีบวิ่งจนชนใครต่อใครไม่รู้กี่คนแล้วพวกเขาทั้งสอง
    วิ่งกันอย่างสุดชีวิตเพราะเดาสีหน้าของเด็กสาวที่เป็นเพื่อนสนิทของพวกเขาออกว่ามันจะเป็นยัง
    ไงถ้าเขาไปสายกว่านี้...............จนในที่สุด
     

                        
    “เฮอร์ไมโอนี่”เด็กชายทั้งสองตะโกนพร้อมกันโดยสภาพของพวกเขานั้นยั่งกับหนี
    โทรลล์มาก็ไม่ปราณ

                          
    “กว่าจะมาได้นะไม่มาตอนรถไฟออกไปแล้วเลยล่ะ”เด็กสาวนามว่า เฮอร์ไมโอนี่บ่น
    กับเพื่อนรักของเธอในขณะที่....

                          
    “ตายแล้ว! เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีรีบขึ้นรถไฟเร็ว”เฮอร์ไมโอนี่แทบจะโยนขึ้นรถไฟเลยทีเดียว
     
     
                             ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้ขึ้นมาอยู่บนรถไฟในเวลาฉิวเฉียดเพราะเมื่อพวกเขาขึ้นมา       รถไฟก็ทำการเคลื่อนตัวตามหน้าที่ของมันที่เคยทำเช่นทุกปีพอดี         ตอนนี้พวกเขาก็กำลังเดินหาตู้ว่างๆจนมาเจอตู้ท้ายๆขบวนซึ่งมักมีพวกสลิธีรินนั่งอยู่แต่จะทำไงได้เมื่อพวกเขามาสายเองนี่
                           
                              “
    เกือบไม่ทันแล้วไหมล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่บ่นอย่างเหนื่อยหอบแล้วนั่งอยู่ริมหน้าต่าง
                             
                                
    “อืม.......พะ พวกเราขอโทษนะเฮอร์ไมโอนี่ที่มาสายน่ะ”เด็กหนุ่มพูดพลางเกาหัวที่มีผมสีเพลิงแดงไปด้วย
                              
                                 
    “ใช่ๆชั้นขอโทษนะเฮอร์ไมโอนี่คราวหน้าจะไม่ให้เป็นอย่างนี้”เด็กหนุ่มผมดำที่ตอนนี้สภาพนั้นแย่เกินทนเพราะผมของเขานั้นยุ่งเหยิงบวกกับแว่นตาที่บิดเบี้ยวเข้าไปอีกแล้วนั่งลงข้าง ๆ กับรอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเด็กสาว
                                
                                  “เฮ้อ.....ไม่เป็นไรหรอกแต่ว่านะแฮรี่เธอก็พูดอย่างนี้มาทุกปีเลยนี่หน่าเว็นแต่ปีนะนั้นน่ะคือพวกนายแย่สุดๆเลย”เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเหนื่อยใจที่เพื่อนของเธอมักทำอะไรแบบนี้ทุกที
                                
                                  “เถอะน่าเรื่องมันผ่านนมาแล้ว ว่าแต่เมื่อไหร่รถเข็นจะมาล่ะเนี่ยชั้นหิวจะแย่อยู่แล้ว”รอนพูดพลางเอามือซ้ายของเขาลูบท้องตัวเองไปมา
                               
                                 
    “หิว!!”เฮอร์ไมโอนี่กับแฮรี่อุทานออกมาพร้อมกันอย่างขำ ๆ
                              
                                 
    “นี่นายพึ่งกินไส้กรอกไป 8 อัน นมอีก 3 เหยือกและแซนวิ..”แฮรี่ยังพูดไม่มันจบเฮอร์ไมโอนี่ก็พูดตัดบทขึ้นมา
                               
                                 
    “แฮรี่พอเถอะชั้นรู้ว่ารอนน่ะกินอย่างกับกินช้างไป 3 ตัวได้แล้วมั้ง”เธอพูดพลางมีสีหน้าอมยิ้มกับการกินของรอนอย่างเอาเป็นเอาตายที่บ้านโพรงกระตายซึ่งเธอพอจะจิตนาการภาพเหล่านั้นออก
                               
                                
    “เอ้าขำกันเข้าไปเถอะ”รอนหันมามองแฮรี่กับเฮอร์ไมโอนี่ตาเขียว
                                
                               
    “อืม ๆ ไม่ขำแล้วกะฮ่า ๆ ก็ได้”เธอเกือบปล่อยก๊ากไปอีกลูกใหญ่แต่เธอปิดปากไว้ได้ทัน
                                 

                                 เคร้กกกก
    ~ ~ ~ เสียงประตูของตู้ที่พวกเขานั่งกันอยู่ดังขึ้นทุกคนหันไปมองก็พบกับเด็กสาวหน้าตาสดใสผมยาวสีเพลิงแดงเหมือนพี่ชายของเขาไม่มีผิด ยิ้มให้กับพวกเขาที่นั่งอยู่ในตู้อย่างสอชื่น
                                
                               
    “อ้าวจินนี่พี่คิดถึงหนูจังเลย”เฮอร์ไมโอนี่ทักเด็กสาวอย่างแจ่มใสเช่นเคย
                                
                                 
    “ค่ะหนูก็คิดถึงพี่เหมือนกัน”จินนี่ไม่พูดเปล่าเธอเดินมาหาเฮอร์ไมโอนี่และกอดอย่างดีใจหลังจากกอดกันเสร็จแล้วจินนี่ก็หันมาบอกพี่ชายตัวเองว่า
                                
                              
    “พี่รอนไปกับหนูหน่อยได้ไหมอ้อพี่แฮรี่หวัดดีค่ะพี่ไปด้วยก็ดีนะเพราะพวกหนูต้องการอย่างด่วนเลย”จินนี่พูดพลางนั่งลงข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่
                                
                              
    “มีอะไรให้พี่ช่วยล่ะน้องรัก”รอนพูดอย่างสนอกสนใจเพราะนาน ๆ ทีจะมีคนขอให้เขาช่วย
                                 
                              
    “ก็อยากให้พวกพี่ช่วยสอนหมากรุกให้พวกเราหน่อยคือว่า . . . . พวกเราเล่นกันไม่ค่อยจะเก่งเลย แหะ ๆ “จินนี่พูดพลางเกาแก้มอย่างอาย ๆ
                                
                              
    “และอีกอย่างพี่ก็เก่งเรื่องนี้มากด้วย   นะพี่หนูขอร้อง”เธอพูดด้วยสายตาอ้อนวอนจนทำให้
                                 
                              “ก็ได้ ก็ได้ พี่ไปก็ได้”รอนพูดอย่างถือตัว
                                
                             
    “เย้เอ้อพี่แฮรี่ไปด้วยกันไหมค่ะอ้อพี่เฮอร์ไมโอนี่ด้วย”จินนี่พูดพร้อมยิ้มให้ทั้งสอง
                                 
                             “พี่ไป/พี่ไม่ไปจ้ะ” แฮรี่กับเฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาพร้อมกันด้วยคำตอบที่ตรงกันข้าม
                                
                              
    “อ้าวทำไมไม่ไปล่ะ”รอนถามอย่างงุนงงเธอจะนั่งอยู่ที่นี่คนเดียวเนี่ยนะ
                                
                             
    “ก็ชั้นว่าจะอ่านหนังสือน่ะ”เธอพูพลางหยิบหนังสือ’การปรุงยาวิเศษจากพืชสีชมพู’
                                 
                              “โฮนี่จะอ่านเอาโล่หรือเนี่ย”รอนพูดอย่างทึ้ง ๆ
                                
                               
    “เออ !”เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์
                                 
     
                               “เอ้อคือชั้นว่านะเฮอร์ไมโอนี่ให้ชั้นอยู่เป็นเพื่อนไหม”แฮรี่พูดตัดบทก่อนที่สงครามรถไฟแตกจะเกิดขึ้น
                                
                              
    “อืมไม่เป็นไรหรอกชั้นอยู่ได้น่าในเมื่อชั้นมีหนังสืออยู่”เธอพูดพลางยิ้มไปด้วย
                                
                              
    “งั้นก็แล้วแต่เธอ ไปกันเถอะ”รอนพูดพร้อมกับลากแฮรี่กับจินนี่ไปด้วยกันเพราะเขาอยากที่จะแสดงฝีมือเต็มทนแล้ว
                             
                              
    “งั้นหนูไปก่อนนะค่ะพี่เฮอร์ไมโอนี่”จินนี่พูดพลางโบกมือลา
                                
                             
    “จ้ะ”เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
                             
                             เมื่อทั้งหมดออกไปเธอก็ก้มหน้าเปิดหนังสือ
    ‘การปรุงยาด้วยพืชสีชมพู’ที่เธอซื้มาจากร้านตัวบรรจงและหยดหมึกเมื่อเธอกำลังจะอ่านบรรทัดแรกก็มีเสียงเปิดประตูขึ้นเด็กหนุ่มผมดำยืนอยู่และพูดว่า
                                
                              
    “เออ บางทีพวกเราอาจไม่กลับมานะ ไงก็เจอกันที่ห้องโถงล่ะกัน”
                                 
                             “อื้อ แล้วเจอกัน”เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะที่ก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่
     




                          
                              ทางด้านตู้ของพวกสลิธีรินก็เกิดการทะเลาะขึ้น
                             “เดรโกจ้าชั้นคิดถึงเธอจังเลย”เด็กสาวผมสั้นมีหน้าม้าสีดำพูดด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้มพลางทำท่าจะกอดชายหนุ่มผมบอร์นที่ถูกหวีไว้เรียบแปล้บนศีรษะของเขา
                            
                            
    “นี่อย่ามายุ่งกับชั้นรำคาญโว้ย!!”มัลฟอยลุกขึ้นและเดินหนีแพนซี่ที่กำลังร้องโวยวายอย่างบ้าคลั่งเมื่อมัลฟอยลุกขึ้น จนแครบกับกอยล์ต้องรีบเอามือปิดปากเธอเลยที่เดียวเพราะเริ่มมีคนเปิดประตูออกมาจากตู้มาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากทุกที
                              
                              “กรี๊ดดดดดดอุ๊บ!”แครบรีบเอามือปิดปากเธออีกทีเพราะมัลฟอยกำลังจะปิดประตูแต่ก็ปิดไม่ได้ต้องหันกลับมาจ้องพวกนั้นอย่างรำคาญ
                            
                             
    “นี่พวกแกจัดการให้ดี ๆ “มัลฟอยหันไปสั่งลูกน้องสองตัวอย่างเสียไม่ได้ จากนั้นเขาก็เดินจากตู้ไปอย่างโมโห
                            
                             
    “เฮอะ!ทำไมชั้นต้องมาเจอยัยน่ารำคาญนี่ทุกปีเลยว่ะ”เขาสบถอย่างโมโหจากการโมโหนั้นมันจึงส่งผลให้การกระทำของรุนแรงตามอารมณ์ที่เดือดดาล
                   
     
                          ปังงง!! ปังงง!!
     
     
                              “โอ๊ย!!วันนี้วันอะไรเนี่ย”เฮอร์ไมโอนี่บ่นอย่างหงุดหงิดเพราะไม่รู้มีไอ้บ้าที่ไหนมาทุบประตูตู้ของเธอ   เธอจึงปิดหนังสือดังฉับแล้วกระชากประตูออกส่งผลให้ชายหนุ่มผิวสีซีดนั้นล้มทับเธออย่างจังเพราะเขาคนนั้นที่ทุบประตูตู้ได้หันหน้าพิงเข้าหาประตูอย่างเซ็ง ๆ
     
                             โครม!!! มัลฟอยลัมทับใส่เฮอรืไมโอนี่จึงเกิดเสียดังขั้นตอนนี้ทั้งคู่ไม่รู้ว่าคนที่ล้มทับหรือคนที่อยู่ข้างล่างนั้นเป็นใคร
                            
                             
    “โอ๊ย!ทั้งคู่ประเสียงร้องออกมาพร้อมกันด้วยความเจ็บปวด
                            .
                            
    “โทษที   ยะ ยัยเกรนเจอร์!”มัลฟอยซึ่งได้สติก่อนจึงลุกขึ้นพลางพูดขอโทษและยืนมือไปให้แต่เมื่อเขารู้ว่าบุคคลข้างหน้านั้นเป็นใครก็รีบชักมือกลับทันที
                             
                            “ทำไมถึงมาเรียกชั้นยั่งงี้ค่ะ คะคุ มัลฟอย!”เฮอร์ไมโอนี่ได้สติขึ้นมาเพราะการเรียกของมัลฟอยที่ไม่สุภาพเอาซะเลยและเมื่อมองหน้าก็รู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร
                            
                            
    “เออใช่ชั้นมัลฟอยเลือดบริสุทธิ์ทำไม่ล่ะกลัวจำชื่อไม่ได้หรือไง”มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงยานคาง
                            
                             
    “เปล่า!แค่....ทำไมนายถึงมาทุบประตูห้องอย่างงี้ล่ะมันเสียมารยาทนะที่บ้านนายไม่เคยสอนรึไงบ้านของคนจิตใจต่ำทราม”เฮอร์โอนี่พูดด้วยความโมโห
                             
                             
    “แล้วจะทำไมล่ะชั้นอยากทุบมันทำให้โคลนในตัวเธอกระเชาะออกมาเปื้อนเบาะหรือไงยัยเลือดสีโคลน”เขาก็เริ่มเดือดเหมือนกันแล้ว
                              
                              
    มัลฟอย!”เธอตะโกนชื่อเขาเสียงดังลั่นเพราะเขาเรียกเธอว่าเลือดสีโคลน
                              
                               
    “ทำไมล่ะยัยเลือดโสโครก”มัลฟอยตอกกลับเธอด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กันจนแทบจะทำให้คนทั้งขบวนรถไฟออกมาดูกันอย่างตื่นเต้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อมัลฟอยเห็นดังนั้นเขาจึงรีบดันเธอเข้าไปในตู้โดยสารอย่างเร่งรีบจนไม่ได้สนใจอะไรและรีบปิดม่านตรงประตูเพราะเขาไม่อยากให้ใครเห็นว่าเขาอยู่กับเธออย่างงี้
                         
                               “โอ๊ยชั้นเจ็บนะทำอะไรหัดระวังบางซิชั้นเป็นผู้หญิงนะ”เธอพูดพลางนั่งลงตรงข้ามริมหน้าต่างที่ไม่ใช่ที่เก่าของเธอ
                              
                               “ก็ใครใช้ให้เธอยืนขวางชั้นอย่างงั้นล่ะเกรนเจอร์”มัลฟอยพูดขณะที่นั่งลงตรงข้ามกับเธอซึ่งเขาได้นั่งทับหนังสือ ‘การปรุงยาวิเศษจากพืชสีชมพู’ วึ่งเป็นของเฮอร์ไมโอนี่เขาจึงลุกขึ้นและหยิบมันขึ้นมาและกลับลงไปนั่งตามเดิม
                             
                              
    “นี่ของเธอหรือเกรนเจอร์”เขาพูดพลางหยิบหนังสือเล่มสีชมพูอ่อนและมองไปที่เธอ
                            
                            
    “ใช่ เอามานี่”เธอตอบเขาพร้อมกับยืนมือไปรับหนังสือจากเขา
                              
                             “อ๊ะ ๆ จะมาพูดอย่างงี้แล้วจะเอาหนังสือคืนคิดหรอว่าชั้นจะให้”เขาพูดพร้อมกับยึดหนังสือเขาหาลำตัวและมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ซึ่งตอนนี้ในหัวของเขามีแผนเอาไว้แล้วอย่างสั้น ๆ ว่าจะทำอย่างไรกับหนังสือเล่มนี้
                           
                            
    “แล้วจะให้ชั้นทำไงล่ะ”เธอมองตามหนังสืออย่างหวงแหน
                           
                            
    “ก็.....พูดกับชั้นให้มันเพราะ ๆ ไงล่ะ”เขาตอบเธอ
                           
                            
    “เหอะชั้นจะพูดกับนายอย่างนั้นเนี่ยนะไม่มีทางอ่ะ”เธอตอบพลางนั่งกอดอกอย่างเมิน ๆ
                            
                             “งั้นก็ตามใจ”เขาพูดและหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาและจ่ออยู่ที่หนังสือ
                            
                            “มัลฟอยอย่านะชั้นชั้นยอมแล้ว”เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางลุกจะหยิบหนังสือแต่เขาก็เก็บมันมาไว้ในอ้อมแขนตามเดิม
                            
                             
    “อ๊ะ ๆ อย่าลืมซิว่าเธอต้องทำอะไร”มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงยี่ยวน
                            
                            
    “ตกลง ๆ มัลฟอยชั้นขอหนังสือชั้นคืน”เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์
                             
                             “อะไรกันนี้เรียกว่าเพราะของเธอหรอ ไม่ได้ ๆ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ดูมีอำนาจเหนือกว่า
                           
                           
    “เดรโก๊ อ๊าย!”ขณะที่เธอกำลังพูดรถไฟก็เกิดการกระตุกขึ้นอย่างกะทันหันมันจึงทำให้ล้มลงไปบนตักของเขาอย่างจังและตอนนี้ดวงไฟกำลังกระพริบ ติด ๆ ดับ ๆ โดยที่บางตู้ไฟนั้นได้ดับไปเรียบร้อยแล้ว
                             
                            “โอ๊ย!”เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
                            
                             “เธอเป็นอะไรหรือเปล่าเกรนเจอร์”มัลฟอยถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูมีความเป็นห่วงแบบที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน
                           
                              
    “เปล่าหรอกแค่ขาชั้น... ไปโดนขอบเก้าอี้เท่านั้นล่ะ ว่าแต่นายปล่อยชั้นได้แล้ว”เธอตอบเขาพลางท้วงเพราะตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของมัลฟอยที่ดูเหมือนจะแน่นขึ้นด้วยหลังจากที่เธอบอกเขาและใบหน้าของเธอและเขาต่างอยู่ที่ข้างใบหูของกันและกันและตอนนี้ไฟในตู้โดยสารเริ่มรี่ลงจนคล้ายอสงเทียนที่ถูกจุดไว้ในยามค่ำคืน
                              
                             “ฮะฮ่าคิดหรือว่าชั้นจะปล่อยเธอไปไม่มีทางซะหรอก”เขากระซิบกับใบหูขาวผ่องของเธออย่างแผ่วเบาจนทำให้เธอขนลุก
                             
                              
    “อะ อือ นะนายอย่าพูดอย่างนี้ได้ไหม”เธอพูดกับเขาด้วยความหวาดกลัว
                             
                               
    “ปล่อยชั้นน้าาา”เธอตะโกนใส่หูของเขาดังพอดู
                            
                             
    “ยัยเกรนเจอร์ นี่เธอจะทำให้หูชั้นแตกหรือไง อย่าลืมนะว่าสถานการณ์ตอนนี้เธอเป็นอย่างไง”เขาพูพลางดันตังเธอออกห่างเพียงเล็กน้อยตอนนี้ดวงตาสีฟ้าซีดได้จ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มอย่างหลงใหลโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว
                             
                               

                               ตอนนี้สภาพภายในห้องเริ่มมืดมิดและมีแต่ความเงียบไร้สิ่งสำเนียงพูดจามีเพียงแต่เสียงหัวใจของหญิงสาวที่เริ่มดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนคล้ายสียงของกลองในวงดุริยางค์ที่เป็นทำนองอย่างแปลกปลั่งซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอก็มีเสียงนี้ดังออกมาจากอกข้างซ้ายที่มีสิ่งมีชีวิตเต้นเร่าอย่างไม่เป็นจังหวะอยู่มันดังกองไปทั่วทั้งโสตประสาทของคนทั้งสอง
         
                                 ‘เธอเป็นอะไรเนี่ยทำไมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้นี่หยุดซักทีซิชั้นไม่เข้าใจเธอเลย’ ‘ทำไมดวงตาสีซีดคู่นี้ถึงได้มองชั้นอย่างนี้’เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างสับสนและไม่เข้าใจว่าทำไมจิตใจของเธอถึงได้โครมครามขนาดนี้
     
                                 ทั้งสองสบตากันเนิ่นนานราวกับเวลาถูกหยุดไว้อย่างไม่ทันตั้งตัวดวงตาสีฟ้าซีดจ้องดวงตาสีน้ำตาลอย่างค้นหา ‘ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มนี้มีอะไรซ้อนอยู่นะทำไมมันถึงได้ลึกลับน่าค้นหาขนาดนี้นายว่าไหม’ ‘เออน่ะซิ’ มัลฟอยตอบกับจิตใจของเขาอย่างงง ๆ ว่าเขาบ้าหรือป่าวที่คุยกับตัวเองทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลา 16 ปีที่ผ่านมามันไม่เคยจะเป็น
                              

                                “นี่มัลฟอย”หลังจากที่เงียบกันอยู่นานเฮอร์ไมโอนี่ก็ยุติความเงียบนั้นลงด้วยการเรียกเขา
                                
                                
    “ฮะอะไร”มัลฟอยถามเธอกลับ
                                
                                “เมื่อไรนายจะเอ่อ ปล่อยชั้นล่ะมันอึดอัดนะ”เธฮพูดขณะที่กำลังพยายามหลบสายตาเขา
                              
                                
    “เออ เอ่อ คงพรุ่งนี้ล่ะมั้ง”เขาตอบเธออย่างกวนประสาท
                               
                                 
    “นายมันบ้าโอ๊ยปล่อยชั้นนะ”เธอตอบเขาและทุบเขาไปด้วย
                                
                                 “โอ๊ย ๆ เจ็บปล่อยก็ได้”เขาแกล้งร้องทำเป็นเจ็บและปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนอย่างเสียดาย
                              
                                
    “ขอบใจกว่าจะปล่อยได้นะ”เธอตอบเขาอย่างอาย ๆ จนตอนนี้หน้าเธอแดงคล้ายดวงอาทิตย์ยามเย็นเพราะจากเหตุการณ์เมื่อครู่
                                
                                 “อือ ว่าแต่ทำไมเธอหน้าแดงล่ะ”มัลฟอยถามเมื่อเห็นสีหน้าของเธอเพราะตอนนี้ดวงไฟในตู้โดยสารติดแล้วมันจึงทำให้เขาเห็นรอยแดงบนแก้มขาวเนียน
                                 
                                 “ปะ เปล่านี่ ก็ชั้นร้อนน่ะ   ตายจะถึงฮอกวอตส์แล้วชั้นว่านายกลับตู้ไปเปลี่ยนชุดเหอะ”เธอตอบเขาและพยายามไล่เขาออกไปจากตู้
                                 
                                
    “เธอไม่เห็นกรอว่าชั้นเปลี่ยนชุดแล้ว”เขาพูดพลางหยิบหนังสือของเธอขึ้นมาซ้อนไว้ข้างหลังซึ่งมันเป็นแผนใหม่ของเขา
                                  
                                “ก็ได้”เขาตอบเธอพลางเดินและยิ้มน้อย ๆ ออกๆไปจากตู้เพื่อไปที่ตู้สลิธีรินโดยระหว่างทางกลับเขาได้เสกให้หนังสือเล่มสีชมพูอ่อน ๆ คล้ายกลีบกุหลาบให้เล็กลงเท่าฝ่ามือและเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกงไปโดยบนใบหน้าเขาตอนนี้มีรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่
     
     
                                    หลังจากที่มัลฟอยได้ออกไปจากตู้แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของโรงเรียนเรียบร้อยและนั่งลงบนเบาะริมหน้าต่างมองธรรมชาติยามค่ำคืนมันช่างลึกลับและสวยงามเธอกลับคิดว่าทำไมเธอรู้สึกแปลก ๆ กับดวงตาคู่นั้น และทำไมวันนี้เขาถึงได้สุภาพกับเธอนักและเธอลืมอะไรไปบางอย่างหรือเปล่า
     
     **********************************************************************************************************



    ไม่ได้อัพนานแล้วค่ะวันนี้ว่างๆๆเลยมาอัพให้เป็นยังไงไม่ดีอย่างไงติชมกันได้นะค่ะมันเป็นกำลังใจชั้นยอดเลยล่ะค่ะขอบคุรสำหรับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมนะค่ะบ๊ายบายค่ะ
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×