ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1 :: สบตา
chapter 1 :: สบตา
ฟู้ ฟู้ ฟู้ ~ ~ ~ เสียงไอน้ำของรถไฟคันสีแดงส่งสัญญาณว่าใกล้จะออกแล้วซึ่งในตอนนี้
ผู้คนได้เดินขวักไขว่จนหน้าเวียนหัว เด็กสาวผมหยักศกสีน้ำตาลยืนรอเพื่อนทั้งสองของเธอ
อย่างหงุดหงิดเมื่อรอได้สักพักเธอก็หันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่สีทองดูโบราณว่ามันใกล้เวลาที่
รถไฟใกล้ออกเต็มทนแล้ว
ผู้คนได้เดินขวักไขว่จนหน้าเวียนหัว เด็กสาวผมหยักศกสีน้ำตาลยืนรอเพื่อนทั้งสองของเธอ
อย่างหงุดหงิดเมื่อรอได้สักพักเธอก็หันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่สีทองดูโบราณว่ามันใกล้เวลาที่
รถไฟใกล้ออกเต็มทนแล้ว
“โอ๊ย ทำไมยังไม่มาอีกนะ” เด็กสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลยืนกอดอกอย่างเสียไม่ได้
ทางด้านของเพื่อนเธอสองคนก็รีบวิ่งจนชนใครต่อใครไม่รู้กี่คนแล้วพวกเขาทั้งสอง
วิ่งกันอย่างสุดชีวิตเพราะเดาสีหน้าของเด็กสาวที่เป็นเพื่อนสนิทของพวกเขาออกว่ามันจะเป็นยัง
ไงถ้าเขาไปสายกว่านี้...............จนในที่สุด
“เฮอร์ไมโอนี่”เด็กชายทั้งสองตะโกนพร้อมกันโดยสภาพของพวกเขานั้นยั่งกับหนี
โทรลล์มาก็ไม่ปราณ
“กว่าจะมาได้นะไม่มาตอนรถไฟออกไปแล้วเลยล่ะ”เด็กสาวนามว่า เฮอร์ไมโอนี่บ่น
กับเพื่อนรักของเธอในขณะที่....
“ตายแล้ว! เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีรีบขึ้นรถไฟเร็ว”เฮอร์ไมโอนี่แทบจะโยนขึ้นรถไฟเลยทีเดียว
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้ขึ้นมาอยู่บนรถไฟในเวลาฉิวเฉียดเพราะเมื่อพวกเขาขึ้นมา รถไฟก็ทำการเคลื่อนตัวตามหน้าที่ของมันที่เคยทำเช่นทุกปีพอดี ตอนนี้พวกเขาก็กำลังเดินหาตู้ว่างๆจนมาเจอตู้ท้ายๆขบวนซึ่งมักมีพวกสลิธีรินนั่งอยู่แต่จะทำไงได้เมื่อพวกเขามาสายเองนี่
“เกือบไม่ทันแล้วไหมล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่บ่นอย่างเหนื่อยหอบแล้วนั่งอยู่ริมหน้าต่าง
“อืม.......พะ พวกเราขอโทษนะเฮอร์ไมโอนี่ที่มาสายน่ะ”เด็กหนุ่มพูดพลางเกาหัวที่มีผมสีเพลิงแดงไปด้วย
“ใช่ๆชั้นขอโทษนะเฮอร์ไมโอนี่คราวหน้าจะไม่ให้เป็นอย่างนี้”เด็กหนุ่มผมดำที่ตอนนี้สภาพนั้นแย่เกินทนเพราะผมของเขานั้นยุ่งเหยิงบวกกับแว่นตาที่บิดเบี้ยวเข้าไปอีกแล้วนั่งลงข้าง ๆ กับรอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเด็กสาว
“เฮ้อ.....ไม่เป็นไรหรอกแต่ว่านะแฮรี่เธอก็พูดอย่างนี้มาทุกปีเลยนี่หน่าเว็นแต่ปีนะนั้นน่ะคือพวกนายแย่สุดๆเลย”เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเหนื่อยใจที่เพื่อนของเธอมักทำอะไรแบบนี้ทุกที
“เถอะน่าเรื่องมันผ่านนมาแล้ว ว่าแต่เมื่อไหร่รถเข็นจะมาล่ะเนี่ยชั้นหิวจะแย่อยู่แล้ว”รอนพูดพลางเอามือซ้ายของเขาลูบท้องตัวเองไปมา
“หิว!!”เฮอร์ไมโอนี่กับแฮรี่อุทานออกมาพร้อมกันอย่างขำ ๆ
“นี่นายพึ่งกินไส้กรอกไป 8 อัน นมอีก 3 เหยือกและแซนวิ..”แฮรี่ยังพูดไม่มันจบเฮอร์ไมโอนี่ก็พูดตัดบทขึ้นมา
“แฮรี่พอเถอะชั้นรู้ว่ารอนน่ะกินอย่างกับกินช้างไป 3 ตัวได้แล้วมั้ง”เธอพูดพลางมีสีหน้าอมยิ้มกับการกินของรอนอย่างเอาเป็นเอาตายที่บ้านโพรงกระตายซึ่งเธอพอจะจิตนาการภาพเหล่านั้นออก
“เอ้าขำกันเข้าไปเถอะ”รอนหันมามองแฮรี่กับเฮอร์ไมโอนี่ตาเขียว
“อืม ๆ ไม่ขำแล้วกะฮ่า ๆ ก็ได้”เธอเกือบปล่อยก๊ากไปอีกลูกใหญ่แต่เธอปิดปากไว้ได้ทัน
เคร้กกกก~ ~ ~ เสียงประตูของตู้ที่พวกเขานั่งกันอยู่ดังขึ้นทุกคนหันไปมองก็พบกับเด็กสาวหน้าตาสดใสผมยาวสีเพลิงแดงเหมือนพี่ชายของเขาไม่มีผิด ยิ้มให้กับพวกเขาที่นั่งอยู่ในตู้อย่างสอชื่น
“อ้าวจินนี่พี่คิดถึงหนูจังเลย”เฮอร์ไมโอนี่ทักเด็กสาวอย่างแจ่มใสเช่นเคย
“ค่ะหนูก็คิดถึงพี่เหมือนกัน”จินนี่ไม่พูดเปล่าเธอเดินมาหาเฮอร์ไมโอนี่และกอดอย่างดีใจหลังจากกอดกันเสร็จแล้วจินนี่ก็หันมาบอกพี่ชายตัวเองว่า
“พี่รอนไปกับหนูหน่อยได้ไหมอ้อพี่แฮรี่หวัดดีค่ะพี่ไปด้วยก็ดีนะเพราะพวกหนูต้องการอย่างด่วนเลย”จินนี่พูดพลางนั่งลงข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่
“มีอะไรให้พี่ช่วยล่ะน้องรัก”รอนพูดอย่างสนอกสนใจเพราะนาน ๆ ทีจะมีคนขอให้เขาช่วย
“ก็อยากให้พวกพี่ช่วยสอนหมากรุกให้พวกเราหน่อยคือว่า . . . . พวกเราเล่นกันไม่ค่อยจะเก่งเลย แหะ ๆ “จินนี่พูดพลางเกาแก้มอย่างอาย ๆ
“และอีกอย่างพี่ก็เก่งเรื่องนี้มากด้วย นะพี่หนูขอร้อง”เธอพูดด้วยสายตาอ้อนวอนจนทำให้
“ก็ได้ ก็ได้ พี่ไปก็ได้”รอนพูดอย่างถือตัว
“เย้เอ้อพี่แฮรี่ไปด้วยกันไหมค่ะอ้อพี่เฮอร์ไมโอนี่ด้วย”จินนี่พูดพร้อมยิ้มให้ทั้งสอง
“พี่ไป/พี่ไม่ไปจ้ะ” แฮรี่กับเฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาพร้อมกันด้วยคำตอบที่ตรงกันข้าม
“อ้าวทำไมไม่ไปล่ะ”รอนถามอย่างงุนงงเธอจะนั่งอยู่ที่นี่คนเดียวเนี่ยนะ
“ก็ชั้นว่าจะอ่านหนังสือน่ะ”เธอพูพลางหยิบหนังสือ’การปรุงยาวิเศษจากพืชสีชมพู’
“โฮนี่จะอ่านเอาโล่หรือเนี่ย”รอนพูดอย่างทึ้ง ๆ
“เออ !”เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“เอ้อคือชั้นว่านะเฮอร์ไมโอนี่ให้ชั้นอยู่เป็นเพื่อนไหม”แฮรี่พูดตัดบทก่อนที่สงครามรถไฟแตกจะเกิดขึ้น
“อืมไม่เป็นไรหรอกชั้นอยู่ได้น่าในเมื่อชั้นมีหนังสืออยู่”เธอพูดพลางยิ้มไปด้วย
“งั้นก็แล้วแต่เธอ ไปกันเถอะ”รอนพูดพร้อมกับลากแฮรี่กับจินนี่ไปด้วยกันเพราะเขาอยากที่จะแสดงฝีมือเต็มทนแล้ว
“งั้นหนูไปก่อนนะค่ะพี่เฮอร์ไมโอนี่”จินนี่พูดพลางโบกมือลา
“จ้ะ”เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
เมื่อทั้งหมดออกไปเธอก็ก้มหน้าเปิดหนังสือ ‘การปรุงยาด้วยพืชสีชมพู’ที่เธอซื้มาจากร้านตัวบรรจงและหยดหมึกเมื่อเธอกำลังจะอ่านบรรทัดแรกก็มีเสียงเปิดประตูขึ้นเด็กหนุ่มผมดำยืนอยู่และพูดว่า
“เออ บางทีพวกเราอาจไม่กลับมานะ ไงก็เจอกันที่ห้องโถงล่ะกัน”
“อื้อ แล้วเจอกัน”เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะที่ก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่
ทางด้านตู้ของพวกสลิธีรินก็เกิดการทะเลาะขึ้น
“เดรโกจ้าชั้นคิดถึงเธอจังเลย”เด็กสาวผมสั้นมีหน้าม้าสีดำพูดด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้มพลางทำท่าจะกอดชายหนุ่มผมบอร์นที่ถูกหวีไว้เรียบแปล้บนศีรษะของเขา
“นี่อย่ามายุ่งกับชั้นรำคาญโว้ย!!”มัลฟอยลุกขึ้นและเดินหนีแพนซี่ที่กำลังร้องโวยวายอย่างบ้าคลั่งเมื่อมัลฟอยลุกขึ้น จนแครบกับกอยล์ต้องรีบเอามือปิดปากเธอเลยที่เดียวเพราะเริ่มมีคนเปิดประตูออกมาจากตู้มาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากทุกที
“กรี๊ดดดดดดอุ๊บ!”แครบรีบเอามือปิดปากเธออีกทีเพราะมัลฟอยกำลังจะปิดประตูแต่ก็ปิดไม่ได้ต้องหันกลับมาจ้องพวกนั้นอย่างรำคาญ
“นี่พวกแกจัดการให้ดี ๆ “มัลฟอยหันไปสั่งลูกน้องสองตัวอย่างเสียไม่ได้ จากนั้นเขาก็เดินจากตู้ไปอย่างโมโห
“เฮอะ!ทำไมชั้นต้องมาเจอยัยน่ารำคาญนี่ทุกปีเลยว่ะ”เขาสบถอย่างโมโหจากการโมโหนั้นมันจึงส่งผลให้การกระทำของรุนแรงตามอารมณ์ที่เดือดดาล
ปังงง!! ปังงง!!
“โอ๊ย!!วันนี้วันอะไรเนี่ย”เฮอร์ไมโอนี่บ่นอย่างหงุดหงิดเพราะไม่รู้มีไอ้บ้าที่ไหนมาทุบประตูตู้ของเธอ เธอจึงปิดหนังสือดังฉับแล้วกระชากประตูออกส่งผลให้ชายหนุ่มผิวสีซีดนั้นล้มทับเธออย่างจังเพราะเขาคนนั้นที่ทุบประตูตู้ได้หันหน้าพิงเข้าหาประตูอย่างเซ็ง ๆ
โครม!!! มัลฟอยลัมทับใส่เฮอรืไมโอนี่จึงเกิดเสียดังขั้นตอนนี้ทั้งคู่ไม่รู้ว่าคนที่ล้มทับหรือคนที่อยู่ข้างล่างนั้นเป็นใคร
“โอ๊ย!ทั้งคู่ประเสียงร้องออกมาพร้อมกันด้วยความเจ็บปวด
.
“โทษที ยะ ยัยเกรนเจอร์!”มัลฟอยซึ่งได้สติก่อนจึงลุกขึ้นพลางพูดขอโทษและยืนมือไปให้แต่เมื่อเขารู้ว่าบุคคลข้างหน้านั้นเป็นใครก็รีบชักมือกลับทันที
“โทษที ยะ ยัยเกรนเจอร์!”มัลฟอยซึ่งได้สติก่อนจึงลุกขึ้นพลางพูดขอโทษและยืนมือไปให้แต่เมื่อเขารู้ว่าบุคคลข้างหน้านั้นเป็นใครก็รีบชักมือกลับทันที
“ทำไมถึงมาเรียกชั้นยั่งงี้ค่ะ คะคุ มัลฟอย!”เฮอร์ไมโอนี่ได้สติขึ้นมาเพราะการเรียกของมัลฟอยที่ไม่สุภาพเอาซะเลยและเมื่อมองหน้าก็รู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร
“เออใช่ชั้นมัลฟอยเลือดบริสุทธิ์ทำไม่ล่ะกลัวจำชื่อไม่ได้หรือไง”มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงยานคาง
“เปล่า!แค่....ทำไมนายถึงมาทุบประตูห้องอย่างงี้ล่ะมันเสียมารยาทนะที่บ้านนายไม่เคยสอนรึไงบ้านของคนจิตใจต่ำทราม”เฮอร์โอนี่พูดด้วยความโมโห
“แล้วจะทำไมล่ะชั้นอยากทุบมันทำให้โคลนในตัวเธอกระเชาะออกมาเปื้อนเบาะหรือไงยัยเลือดสีโคลน”เขาก็เริ่มเดือดเหมือนกันแล้ว
“มัลฟอย!”เธอตะโกนชื่อเขาเสียงดังลั่นเพราะเขาเรียกเธอว่าเลือดสีโคลน
“ทำไมล่ะยัยเลือดโสโครก”มัลฟอยตอกกลับเธอด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กันจนแทบจะทำให้คนทั้งขบวนรถไฟออกมาดูกันอย่างตื่นเต้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อมัลฟอยเห็นดังนั้นเขาจึงรีบดันเธอเข้าไปในตู้โดยสารอย่างเร่งรีบจนไม่ได้สนใจอะไรและรีบปิดม่านตรงประตูเพราะเขาไม่อยากให้ใครเห็นว่าเขาอยู่กับเธออย่างงี้
“โอ๊ยชั้นเจ็บนะทำอะไรหัดระวังบางซิชั้นเป็นผู้หญิงนะ”เธอพูดพลางนั่งลงตรงข้ามริมหน้าต่างที่ไม่ใช่ที่เก่าของเธอ
“ก็ใครใช้ให้เธอยืนขวางชั้นอย่างงั้นล่ะเกรนเจอร์”มัลฟอยพูดขณะที่นั่งลงตรงข้ามกับเธอซึ่งเขาได้นั่งทับหนังสือ ‘การปรุงยาวิเศษจากพืชสีชมพู’ วึ่งเป็นของเฮอร์ไมโอนี่เขาจึงลุกขึ้นและหยิบมันขึ้นมาและกลับลงไปนั่งตามเดิม
“นี่ของเธอหรือเกรนเจอร์”เขาพูดพลางหยิบหนังสือเล่มสีชมพูอ่อนและมองไปที่เธอ
“ใช่ เอามานี่”เธอตอบเขาพร้อมกับยืนมือไปรับหนังสือจากเขา
“อ๊ะ ๆ จะมาพูดอย่างงี้แล้วจะเอาหนังสือคืนคิดหรอว่าชั้นจะให้”เขาพูดพร้อมกับยึดหนังสือเขาหาลำตัวและมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ซึ่งตอนนี้ในหัวของเขามีแผนเอาไว้แล้วอย่างสั้น ๆ ว่าจะทำอย่างไรกับหนังสือเล่มนี้
“แล้วจะให้ชั้นทำไงล่ะ”เธอมองตามหนังสืออย่างหวงแหน
“ก็.....พูดกับชั้นให้มันเพราะ ๆ ไงล่ะ”เขาตอบเธอ
“เหอะชั้นจะพูดกับนายอย่างนั้นเนี่ยนะไม่มีทางอ่ะ”เธอตอบพลางนั่งกอดอกอย่างเมิน ๆ
“งั้นก็ตามใจ”เขาพูดและหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาและจ่ออยู่ที่หนังสือ
“มัลฟอยอย่านะชั้นชั้นยอมแล้ว”เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางลุกจะหยิบหนังสือแต่เขาก็เก็บมันมาไว้ในอ้อมแขนตามเดิม
“อ๊ะ ๆ อย่าลืมซิว่าเธอต้องทำอะไร”มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงยี่ยวน
“ตกลง ๆ มัลฟอยชั้นขอหนังสือชั้นคืน”เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“อะไรกันนี้เรียกว่าเพราะของเธอหรอ ไม่ได้ ๆ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ดูมีอำนาจเหนือกว่า
“เดรโก๊ อ๊าย!”ขณะที่เธอกำลังพูดรถไฟก็เกิดการกระตุกขึ้นอย่างกะทันหันมันจึงทำให้ล้มลงไปบนตักของเขาอย่างจังและตอนนี้ดวงไฟกำลังกระพริบ ติด ๆ ดับ ๆ โดยที่บางตู้ไฟนั้นได้ดับไปเรียบร้อยแล้ว
“โอ๊ย!”เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่าเกรนเจอร์”มัลฟอยถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูมีความเป็นห่วงแบบที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน
“เปล่าหรอกแค่ขาชั้น... ไปโดนขอบเก้าอี้เท่านั้นล่ะ ว่าแต่นายปล่อยชั้นได้แล้ว”เธอตอบเขาพลางท้วงเพราะตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของมัลฟอยที่ดูเหมือนจะแน่นขึ้นด้วยหลังจากที่เธอบอกเขาและใบหน้าของเธอและเขาต่างอยู่ที่ข้างใบหูของกันและกันและตอนนี้ไฟในตู้โดยสารเริ่มรี่ลงจนคล้ายอสงเทียนที่ถูกจุดไว้ในยามค่ำคืน
“ฮะฮ่าคิดหรือว่าชั้นจะปล่อยเธอไปไม่มีทางซะหรอก”เขากระซิบกับใบหูขาวผ่องของเธออย่างแผ่วเบาจนทำให้เธอขนลุก
“อะ อือ นะนายอย่าพูดอย่างนี้ได้ไหม”เธอพูดกับเขาด้วยความหวาดกลัว
“ปล่อยชั้นน้าาา”เธอตะโกนใส่หูของเขาดังพอดู
“ยัยเกรนเจอร์ นี่เธอจะทำให้หูชั้นแตกหรือไง อย่าลืมนะว่าสถานการณ์ตอนนี้เธอเป็นอย่างไง”เขาพูพลางดันตังเธอออกห่างเพียงเล็กน้อยตอนนี้ดวงตาสีฟ้าซีดได้จ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มอย่างหลงใหลโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว
ตอนนี้สภาพภายในห้องเริ่มมืดมิดและมีแต่ความเงียบไร้สิ่งสำเนียงพูดจามีเพียงแต่เสียงหัวใจของหญิงสาวที่เริ่มดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนคล้ายสียงของกลองในวงดุริยางค์ที่เป็นทำนองอย่างแปลกปลั่งซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอก็มีเสียงนี้ดังออกมาจากอกข้างซ้ายที่มีสิ่งมีชีวิตเต้นเร่าอย่างไม่เป็นจังหวะอยู่มันดังกองไปทั่วทั้งโสตประสาทของคนทั้งสอง
‘เธอเป็นอะไรเนี่ยทำไมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้นี่หยุดซักทีซิชั้นไม่เข้าใจเธอเลย’ ‘ทำไมดวงตาสีซีดคู่นี้ถึงได้มองชั้นอย่างนี้’เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างสับสนและไม่เข้าใจว่าทำไมจิตใจของเธอถึงได้โครมครามขนาดนี้
ทั้งสองสบตากันเนิ่นนานราวกับเวลาถูกหยุดไว้อย่างไม่ทันตั้งตัวดวงตาสีฟ้าซีดจ้องดวงตาสีน้ำตาลอย่างค้นหา ‘ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มนี้มีอะไรซ้อนอยู่นะทำไมมันถึงได้ลึกลับน่าค้นหาขนาดนี้นายว่าไหม’ ‘เออน่ะซิ’ มัลฟอยตอบกับจิตใจของเขาอย่างงง ๆ ว่าเขาบ้าหรือป่าวที่คุยกับตัวเองทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลา 16 ปีที่ผ่านมามันไม่เคยจะเป็น
“นี่มัลฟอย”หลังจากที่เงียบกันอยู่นานเฮอร์ไมโอนี่ก็ยุติความเงียบนั้นลงด้วยการเรียกเขา
“ฮะอะไร”มัลฟอยถามเธอกลับ
“เมื่อไรนายจะเอ่อ ปล่อยชั้นล่ะมันอึดอัดนะ”เธฮพูดขณะที่กำลังพยายามหลบสายตาเขา
“เออ เอ่อ คงพรุ่งนี้ล่ะมั้ง”เขาตอบเธออย่างกวนประสาท
“นายมันบ้าโอ๊ยปล่อยชั้นนะ”เธอตอบเขาและทุบเขาไปด้วย
“โอ๊ย ๆ เจ็บปล่อยก็ได้”เขาแกล้งร้องทำเป็นเจ็บและปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนอย่างเสียดาย
“ขอบใจกว่าจะปล่อยได้นะ”เธอตอบเขาอย่างอาย ๆ จนตอนนี้หน้าเธอแดงคล้ายดวงอาทิตย์ยามเย็นเพราะจากเหตุการณ์เมื่อครู่
“อือ ว่าแต่ทำไมเธอหน้าแดงล่ะ”มัลฟอยถามเมื่อเห็นสีหน้าของเธอเพราะตอนนี้ดวงไฟในตู้โดยสารติดแล้วมันจึงทำให้เขาเห็นรอยแดงบนแก้มขาวเนียน
“ปะ เปล่านี่ ก็ชั้นร้อนน่ะ ตายจะถึงฮอกวอตส์แล้วชั้นว่านายกลับตู้ไปเปลี่ยนชุดเหอะ”เธอตอบเขาและพยายามไล่เขาออกไปจากตู้
“เธอไม่เห็นกรอว่าชั้นเปลี่ยนชุดแล้ว”เขาพูดพลางหยิบหนังสือของเธอขึ้นมาซ้อนไว้ข้างหลังซึ่งมันเป็นแผนใหม่ของเขา
“ก็ได้”เขาตอบเธอพลางเดินและยิ้มน้อย ๆ ออกๆไปจากตู้เพื่อไปที่ตู้สลิธีรินโดยระหว่างทางกลับเขาได้เสกให้หนังสือเล่มสีชมพูอ่อน ๆ คล้ายกลีบกุหลาบให้เล็กลงเท่าฝ่ามือและเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกงไปโดยบนใบหน้าเขาตอนนี้มีรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่
หลังจากที่มัลฟอยได้ออกไปจากตู้แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของโรงเรียนเรียบร้อยและนั่งลงบนเบาะริมหน้าต่างมองธรรมชาติยามค่ำคืนมันช่างลึกลับและสวยงามเธอกลับคิดว่าทำไมเธอรู้สึกแปลก ๆ กับดวงตาคู่นั้น และทำไมวันนี้เขาถึงได้สุภาพกับเธอนักและเธอลืมอะไรไปบางอย่างหรือเปล่า
**********************************************************************************************************
ไม่ได้อัพนานแล้วค่ะวันนี้ว่างๆๆเลยมาอัพให้เป็นยังไงไม่ดีอย่างไงติชมกันได้นะค่ะมันเป็นกำลังใจชั้นยอดเลยล่ะค่ะขอบคุรสำหรับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมนะค่ะบ๊ายบายค่ะ
ไม่ได้อัพนานแล้วค่ะวันนี้ว่างๆๆเลยมาอัพให้เป็นยังไงไม่ดีอย่างไงติชมกันได้นะค่ะมันเป็นกำลังใจชั้นยอดเลยล่ะค่ะขอบคุรสำหรับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมนะค่ะบ๊ายบายค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น