ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Angels ผมคือยมทูต?

    ลำดับตอนที่ #2 : วีรกรรมที่ 1 : การเก็บวิญญาณครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 56


     

                    หลังจากวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับ โอโน่ ทรานซิล  ชายหนุ่มผู้ทที่กำลังจะเป็นยมทูตแล้วมันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ในวันนี้เป็นวันที่สองของการติวแบบเข้มข้น ชนิดที่แบบอดหลับอดนอนกับ เฮเซล ยมทูตหนุ่มผู้หน้าตาดีแสนจะเก่งกาจ และตอนนี้คงจะได้เวลาที่โอ่โน่ต้องเริ่มฝึกงานแล้ว....

     

     “เอาแหละ โอโน่ ต่อไปจะเป็นการปฏิบัติของจริง ฉันเองก็สอนอะไรที่สำคัญๆให้นายไปหมดแล้วที่เหลือก็การใช้อาวุธ” เฮเซลวางหนังสือเล่มสุดท้ายลงบนกองหนังสือขนาดใหญ่ที่พึ่งสอนผมเสร็จ เฮ้อ..ทั้งโดนเขกหัวเอย ตบหัวเอย จนหัวบวมไปหมดกว่าจะตอบถูก ผมว่าผมคงจะเป็นโรคสมองบวมไปแล้วแน่เลย! “เฮเซล คือว่าฉัน...ใช้ดาบไม่เป็น” 

                     “อ่าเรื่องแบบนี้มันมีกันบ่อยๆน่า  เดี๋ยวฉันนับสามแล้วลองฟันเจ้าพวกนั้นดูนะ” เฮเซลยิ้มแล้วหยิบถุงๆนึ่งขึ้นมา

                    “ฟันอะไรหรือ..”ผมชักดาบออกจากฝัก แล้วตั้งท่าเตรียม เฮเซลยกถุงขึ้นมา “เอาแหละพร้อมตายแล้วนะ..”

                    “อืม..ฮ..เฮ้ย! หมายความว่าไงไอ้คำว่าพร้อมตายเนี่ย!!”ผมหันไปตะคอกใส่เฮเซล 

                    “เอาน่าๆ เตรียมเร็วๆสิชักช้าจริง ”เฮเซล เริ่มเมื่อยที่ต้องถือถุงนานๆ “งันเอาละนะ...”

                    “อืม มาเลย” ผมรับคำของเฮเซล

                    “นับ....สาม!!”เมื่อนับ ถุงกระดาษได้ตกลงพื้นและมีไอดำลอยออกมาจากข้างใน  เฮ้ยยยนับเลขยังไงกัน! หนึ่งกับสองหายไปละครับพี่!!! ผมทำหน้าเหวอแล้วจับดาบให้แน่นขึ้น “ตกเลขหรือไงฟ่ะ!! แล้วนะ..นั่นอะไรน่ะ” ผมตะโกนถาม สิ่งที่กำลังลอยอยู่ข้างเฮเซลด้วยความตกใจ “นี่คือวิญญาณเทียมที่ใช้ฝึกซ้อม ฟันให้ได้โดนแล้วเราค่อยไปปฏิบัติจริง” เล่นแบบนี้ผมจะไปตรัสรู้กับคุณไหมเนี่ยว่าต้องทำยังไงกับไอ้ตัวดำๆนั่น แล้วมันสู้ยังไงว่ะผมสู้ใครไม่เป็นนน!!!!!

     

                    ผ่านไป 3 ชั่วโมง  วิญญาณเทียมทั้งหมดมีแค่หนึ่งดวง แต่...

                    “แฮกๆ โอ้ยเหนื่อยสุดๆเลย” ผมนอนฟุบลงกับพื้นพร้อมกับดาบ เฮเซลนั่งมองผมแล้วส่ายหน้าด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์

                    “แค่วิญญาณดวงเดียว ใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมงในการกำจัด เนี่ยนะ?” เฮเซลยื่นขึ้นแล้วเดินมาทางผม ผมลุกขึ้นแล้วบัดเสื้อผ้าที่เลอะฝุ่น “ก็ฉันมันคนสู้อะไรใครไม่เป็นนี่หว่า”ผมบ่นออกมา

                    “ชั่งเถอะอย่างน้อยก็มีประสบการณ์แล้ว งันไปลอนดอนได้แล้ว มีคนพึ่งตายไปได้สามชั่วโมง” เฮเซลหยิบเอากระดาษขึ้นมาอ่านจากกระเป๋า สามชั่วโมงที่เสียไปกับการฟันไอ้ตัวดำๆนั่นของผมสินะ น่าประทับใจที่คนยอมเสียเวลาเพื่อผมจริง (ประชดนะครับท่าน)

            “ทำไมนายไม่ไปเก็บก่อนละ ฉันอยู่คนเดียวก็ได้”ผมบ่น

                    “ไม่ได้เดี๋ยวนายเจ็บขึ้นฉันขี้เกียจรักษา แล้วก็ว่าจะให้ปฏิบัติจริงที่นั่นด้วย” เฮเซลเก็บของที่ต้องเอาไปใส่กระเป๋า

    “เออ เฮเซลไอ้ที่ว่าขี้เกียจรักษานี่มันไม่ใช่ประเด็นแล้วมั้ง ตั้งแต่สู้กับวิญญาณเทียมมา นายไม่เคยรักษาให้ฉันเลยนะพูดตรงๆก็ได้ไม่ว่าอะไรหรอก”ผมเก็บดาบแล้วเดินมาหาเฮเซล

    “แล้วเป็นยังไง นายก็ไม่ได้แขนขาดขาดนี่เนอะ ฮ่าๆๆ ฉันว่าเราไปกันดีกว่า” เฮเซลพูดเหมือนแก้ตัว น่าถีบจริงเลยไอ้หมอนี่ แล้วไปยังละครับพี่

    “เราจะไปกันโดย การวาร์ป ฉันสอนนายไปแล้วว่าทำยังไงไหนลองวาร์ปสิ”

    “เออ...คิดถึงสถานที่ แล้วเพ่งจิตไปยังที่แห่งนั้น”ผมพยายามนึกถึงคำสอนของเฮเซลและภาพของลอนดอน ลอนดอนมันต้องมี..! มี...โอ้อยากเครื่องบิน เฮ้ยไม่ใช่!!!

    พึบ!

     “จนได้สินะ..” สถานที่ที่ผมโผล่มาโดยการวาร์ปคือ เครื่องบินโดยสารที่กำลังมุ่งหน้าไปประเทศอังกฤษ เออ รู้สึกจะไม่ใช่ที่นี่นะ ... งันวาร์ปใหม่ ลอนดอน..ต้องไปหอคอย!

    พึบ!

    “ที่นี่มัน...!?” ตอนนี้ผมกำลังอยู่ยอดงหอคอที่สูงที่สุดในปารีส เฮ้ยนี่มันหอไอเฟลนี่หว่า มันไม่เกี่ยวกับอังกฤษเลยนะ!!!วาร์ปใหม่คราวนี้ ต้องนึกถึงหน้าเฮเซลๆ วาร์ปไปเลย

    พึบ! ตึก!

    “โอ้ย!!” เสียงนั้นคือเสียงของผมที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บ ตอนนี้สถานที่คือบ้านหลังหนึ่งที่เกรงว่าจะมีเพดาหลังคาสูงแบบคนมานอนอยู่ได้ ข้างผมคือเฮเซล นับว่าเป็นความน่ายินดีอย่างยิ่งที่มาถูกที่แต่ทะว่า  บนหัวของผมมันคือเพดานหลังจากวาร์ปมาโผล่เสร็จก็เจ็บตัวเลย ช่างโชคร้ายเสียจริงเรา “เบาๆหน่อย โอโน่ ไปไหนมาตั้งนานรู้ไหมว่าฉันรอนายจนเบื่อแล้วนะ” จะบอกว่าวาร์ปไปผิดคงจะโดนอีกดอกแน่นเลยเรา งัน กุเรื่องก็แล้วกัน “คือว่า ฉันไปเข้า..”

    “อ่าชั่งมันเถอะ วาร์ปไปผิดมันเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้วิญญาณที่เราจะเก็บอยู่ที่นี่ ไปซะสิ”

    “...ห้องน้ำ ...มา เอ๋?” โอ้พระเจ้าเฮเซลไม่ตบหัวผมครั้งแรกในรอบสองวัน!!

    “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ อะไรห้องน้ำนะ” เขาหันมามองผม ผมสะดุ้งเฮือกแล้วตอบด้วยท่าทีตะกุตะกะ
    “ปะ..ปล่าวไม่มีอะไร”
    “งันไปทำงานได้แล้วไป๊” เฮเซลลากผมลงจากเพดานห้องจนทำให้ผมทะลุลงมาหัวกระแทกพื้นพร้อมจูบพื้นเต็มเปา
      วิญญาณดวงนี้เป็นวิญญาณหญิงสาวที่มีสภาพซีดโซม เธอหันมามองผมด้วยสีหน้าที่ตกใจ 

                    “กรี๊ดดดดดดด!!!!

                    “ใจเย็นๆนะครับคุณ ผมไม่ได้มาทำลายคุณหรอกนะ” ผมลุกขึ้นแล้วทำตัวเป็นมิตรกับเธอ แต่รู้สึกว่ามันจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ “นายเป็นใคร ต้องการอะไร หรือนายเป็นพวกถ้ำมองหญิงสาว กรี๊ดดด ไปใกล้เลยนะไอ้คนลามก!!” เธอถอดหลังด้วยความตื่นกลัว เฮ้ย ผมไม่ใช่พวกโรคจิตนะคุณ!!

    “คุณครับฟังผมก่อนสิ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ผมไม่ใช่พวกโรคจิตนะ” ผมพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดของวิญญาณหริงสาว เธอเริ่มฟังที่ผมพูด “ละ..แล้ว นายเป็นใคร หรือพวกเก็บหนี้นอกระบบฉันไม่มีเงินจ่ายนะ!!” บ๊ะ...ดวงวิญญาณดวงนี้ ช่างเข้าใจอะไรอยากกว่าที่ผมเป็นเสียอีก แสดงว่าตอนมีชีวิตเป็นหนี้เยอะสินะตัวเธอ เฮ้อ...เหนือยใจจริงๆ

    “ไม่ใช่ๆ คุณลองคิดดีๆสิ คุณ..เออ คุณ เดซิด้า นาวินสัน คุณน่ะตายไปแล้ว เพราะคิดสั้นผูกคอตาย เมื่อเวลา เออ..20:46 นาที.. แล้วก็ในเมื่อคุณลาโลกไปแล้ว ผมจะเห็นคุณได้ยังไงคิดให้ดีๆสิครับ...” ผมเอากระดาษที่เฮเซลให้ขึ้นมาอ่านแล้วมองเธอที่ช็อกกับคำพูดของผม

    “นะ..นั้นสิ ฉันฆ่าตัวตายเองนี่ งันแสดงว่านายเป็นยมทูตสินะ!?”เธอหันมามองผมด้วยความช็อก

    “ใช่ครับ ผมมารับดวงวิญญาณของคุณทีนี่ไปกันได้แล้ว” ผมชักดาบออกมา เตรียมฟันดวงวิญญาณของเดซิด้า

    “ดะ...เดี๋ยววว!!” เธอรั้งผมเอาไว้ก่อนที่ดาบจะลงที่เธอ “มีอะไรหรอครับ”

    “คะ..คือว่าฉันฝากนายไปดูพี่สาวของฉันได้ไหม แบบว่าเธอคงจะเสียใจที่ฉันตาย นายช่วยนำจดหมายในลิ้นชักบนโต๊ะนั่น นำไปให้เธอได้ไหม” เดซิด้าขอร้องผมด้วยสีหน้าวิงวอน เออผมเองก็หนักใจนะคุณ ใช้งานแบบนี้น่ะ

    “ได้สิครับ เดี๋ยวผมทำให้” สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ลง เฮ้อใจอ่อนจริงเลยเรา

    “ขอบคุณมากๆนะ นายเป็นคนดีจริงๆเลยฉันดีใจจริงๆที่ได้ฝากฝังไว้กับนาย” เดซิด้าเริ่มร้องไห้ด้วยความซึ้ง เออ..เจ๊ผมจำได้ว่าเมื่อห้านาทีก่อนเจ๊ด่าผมว่าโรคจิต ไม่ใช่หรอ ไงเปลี่ยนลุกเร็วแบบนี้ละ....แต่ก็ดีแล้วแหละ อย่างน้อยผมก็ไม่ใช่โรคจิตในสายตาของเธอ จากนั้นผมก็ฟันเข้าที่ลำตัวของเธอ เดซิด้าค่อยๆจางหายไปพร้อมรอยยิ้มที่มีให้กับผม..

    “พ่อพระจริงนะนายเนี่ย อย่างน้อยก็มีข้อดีบ้างแหละ แล้วจะเอายังไงกับคำขอของหล่อนละ” เฮเซลกระโดดลงมาจากเพดานใต้หลังคาแล้ว มองผม “อืม ต้องทำน่ะสิ เธออุตส่าห์ไว้ใจฉันนี่” ผมเปินลิ้นชักของโต๊ะแล้วนำซองจดหมาสีขาวออกมา

     

    หลังจากส่งวิญญาณดวงแรคในชีวิตเสร็จ ทำงานที่เขาไว้ใจให้ทำเสร็จ ผมก็รู้สึกว่าการเป็นยมทูตเป็นอะไรวิเศษมากๆเพราะได้เห็นรอยยิ้มของเหล่าวิญญาณที่ส่งไปด้วยความสุข  บางทีนะ

     “นี่เฮเซล”

    “อะไรหรอ”เขาหันมาหาผม

    “นายเป็นยมทูตมากี่ปีแล้วหรอ”ผมถามเขา

    “อืม..น่าจะประมาณสองปีละมั้ง ประนั้นแหละ” เฮือกก นายมันรุ่นทวดของทวดของทวดของฉันอีกนะเนี่ย!!

    “แหะ งันเหรอ อืม..แล้วเราจะไปไหนกันต่อละ”

    “ไปที่พักของทีมไง นายจะได้รู้จักสมาชิกในทีมด้วย” ดีเลย อยากเห็นหน้าทุกคนจัง

    “ที่นี่แหละ” เฮเซลเปิดประตูบ้านสองชั้นขนาดกลางหลังหนึ่ง ตั้งบริเวณนอกเมืองลอนดอน พวกเราเดินเข้าไปข้างในบ้าน สภาพถือว่าน่าอยู่เสียทีเดียว แต่ ถ้ามันไม่ได้ตกแต่งด้วยสีแดงเลือดกับหัวกะโหลก ที่มีเทียนไขอยู่ตามผนังอ่านะ

    “เฮ้ย โซเตอร์แกจะทำอะไรน่ะ!!”เสียงทุ้มหาวของใครบางคนดังออกมาจากห้องด้านหน้า

    “ก็ฉันจะนอนนี่ แกเล่นเสียงดังเองช่วยไม่ได้!”เตามด้วยเสียงอีกเสียง ดูท่าจะทะเลาะกัยนะ

    “งันแกก็ไปนอนที่อื่นสิ ฉันจะเล่นเกมส์!!”เสียงแรกประท่วง แต่อีกคนคงจะไม่ยอมง่ายๆ “ก็นี่มันห้องของฉันนี่!

    “นี่ห้องของฉันเหมือนกันนั่นแหละ!” เสียงทะเลาะของพวกเขาทำให้ผมกับเฮเซลเดินไปดู เฮเซลทำท่าจะปิดประตูแต่ผมดึงมือเขาไว้ “อย่าเปิดเลยจะดีกว่าไม่”

    “เรื่องปกตินะเดี๋ยวนายมาอยู่ก็ชินเอง” เฮเซลทำหน้าสบายๆทั้งที่มีผมทำหน้าเคลียดอยู่คนเดียว เรื่องปกติหรือ?

    แอ๊ดด!

    “ไงเฮลลิน โซเตอร์”เฮเซลทักทายบุคคลในห้อง ผมมองเข้าไปพบว่า มีชายหนุ่มผมสีแดงซอยสั้นด้านข้างมีกิ๊บติดข้างหนึ่ง ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อกล้ามสีแดงขาวมีรอยขาดเล็กน้อยทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำพันด้วยผ้าพันคอสีดำ ดวงตาสีโกเมนกำลังจ่องมายังเราทั้งคู่ กับ ชายหนุ่มที่หน้าตาคล้ายๆกันมีผมสีน้ำเงินครามซอยสั้นไม่มีกิ๊บติด ดวงตาสีบลูเบอร์รี่ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนผูกเนคไทสีน้ำเงิน กำลังจ่องมาเหมือนกับอีกคน ทั้งคู่อยู่ในท่าที่ต่างคนต่างดึงแก้มกัน นอกจากนี้พวกเขาคล้ายๆกันหรือว่าจะเป็นแฝด

    “ไง เฮเซลแล้วนั่นใครน่ะ”เจ้าของดวงตาสีโกเมนผลักคู่กรณีออกแล้วท้าวเอวมองผม “อ๋อสมาชิกในทีมคนใหม่น่ะ”

    “ชื่ออะไรหรอ” เขาถามผม

    “โอโน่  ยินดีที่ได้รู้จัก”ผมแนะนำตัวเอง

    “ฉัน เฮลลิน  ชื่อนายแปลกซะมัด ยินดีที่ได้เจอนะเด็กใหม่ งันขอตัว” เฮลลินกลับไปนั่งหน้าจอคอแล้วเล่นเกมส์ที่ค้างไว้ต่อ ส่วนเจ้าของดวงตาสีบลูเบอร์รี่เดินมาทักทายผม “สวัสดีฉัน โซเตอร์ ยินดีที่ได้รู้จักขอโทษที่เสียงดังนะ โอโน่”

    “อืม ไม่เป็นไร” ผมพยายามหวังว่ามันคงจะไม่เกิดขึ้นทุกวันนะ แต่ดูท่าสองคนนี้ดูไม่เข้ากันเลยสักนิด

    “โอโน่รู้ไหมที่พวกเขาเหมือนกัน เพราะสองคนนี้เป็นพี่น้องกันนะ”เฮเซลมองมองแล้วยิ้มให้ พี่น้องกันหรอกหรือยังว่าทำไหมหน้าคล้ายๆกัน

    “ฉันไม่เหมือนมันนะ!!”ทั้งคู่พูดพร้อมกัน “ไม่รู้สิ งันไปกันเถอะ”เฮเซลลากผมถอยห่างจากห้องของทั้งคู่  จากนั้นพวกเราก็ขึ้นชั้นสอง รู้สึกวังวนยังไงๆอยู่แหะ

    “กลับมาแล้วหรอเฮเซล” เสียงทุ้มหวานดังขึ้นจากด้านหลัง พวกเราหันไปมอง เฮเซลถึงกับเหงื่อตก

    “งะ..ไงนัตตี้ วันนี้ฉันลืมของฝาก ขอโทษนะ”เฮเซลเอ่ยกับชายหนุ่มตรงหน้า อะไรนะ ชายคนนี้คือ นัตตี้!!เขาเป็นชายหนุ่มผมสีดำในชุดเสื้อคอเต่าสีม่วงทับด้วยฮู้ดที่มีหูกระต่ายสีดำ จุดเด่นของเขาคือตาสีม่วงประกายที่มีผ้าปิดตาสีดำปิดตาข้างขวาเอาไว้ สูงเท่ากับเฮเซล สีหน้าท่าทางเหมือนพวกเก็บตัว แถมยังถือตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่สีเทาอีก ตอนแรกผมนึกว่าเขาเป็นผู้หญิงนะ เพราะชื่อของเขาเหมือนกับชื่อผู้หญิง

    “ไม่เป็นไร ฉันมีสำรองอยู่ถุงหนึ่งพอดี” ว่าเสร็จเขาก็เอาลูกกวาดหลากสีขึ้นมากิน จากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องไปนั่นคงจะเป็นห้องนอนของเขาสินะ “เอาแหละ ห้องนอนของนายอยู่..”  
                “เฮเซลนายกลับมาแล้วหรอ”เสียงใส่ของใครบ้างคนทำให้เราหันไป... โดยทำให้ผมถึงกับอึ้ง..!!
    .........................................................................................................................

    เย้ บทแรกแล้วนะเออพี่น้องทั้งหลาย มีคำผิดเล็กน้อยต้องขออภัย ไว้เจอกันตอนหน้า See you ~~~~~ชิชิชิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×