ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NIGHT

    ลำดับตอนที่ #3 : ปฐมบทแห่งเรื่องราวของบุรุษลึกลับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16
      0
      20 พ.ค. 58

    Prologue

    ในค่ำคืนที่ดูเหมือนจะเงียบสะงัด แสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ก่อนจะสะท้อนกับกระจกสีส่งผลให้มีแสงตกกระทบรำไรปรากฏขึ้นบนพื้น พลางขยับผสมผสานกันจนเกิดประกายระยิบระยับไม่ต่างกับแสงไฟด้านนอกในยามค่ำคืน หากสิ่งที่ทาบอยู่บนพื้นนั้นไม่ได้มีเพียงแสงสีที่สะท้อนอยู่เท่านั้น แต่ยังมีเงาปริศนาของบางสิ่งพาดผ่านมาจากด้านบนอีกด้วย

    ถัดจากห้องนี้เป็นห้องจัดแสดงภาพซึ่งถูกกันด้วยผนังที่ทาด้วยสีครีมอ่อนๆ เพดานทำจากไม้ระแนงที่ถูกออกแบบให้มีช่องขนาดไม่เล็กนัก พื้นที่ปูไม้ปาร์เกต์โทนสีน้ำตาล โดยรอบนั่นถูกประดับไปด้วยภาพเขียนมากมายที่จัดแสดงอยู่ ทำให้มีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้าออกที่นี่แทบจะตลอดช่วงเวลางานจัดแสดง หากแต่เงาปริศนาที่ซุ่มอยู่นั้นดูเหมือนจะกำลังเฝ้ารอดูว่าเมื่อใดที่แห่งนี้จะปลอดคนสักที

    หลังจากเวลาได้ผ่านไประยะหนึ่ง ผู้คนที่ได้ชมความงามจากศิลปะที่หลากหลายแล้วก็เริ่มทยอยกลับออกไปจนหมด เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดพนักงานทำความสะอาดเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยภายในห้องจัดแสดงภาพ ระหว่างที่กำลังทำความสะอาดนั้นเขาก็มองดูภาพเขียนที่โชว์อยู่ไปด้วย ก่อนที่จะไปหยุดอยู่ที่ภาพเขียนหนึ่ง ชายหนุ่มจ้องมองภาพนั้นอยู่นานเกือบนาทีก่อนที่จะเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดออกไป แล้วจัดการปิดไฟและลงกรประตูหน้าห้องจัดแสดงเรียบร้อย

     ขณะเดียวกับที่เจ้าของเงาปริศนากระโดดลงมาจากจุดลับตาแห่งหนึ่งที่อยู่เยื้องไปจากหน้าต่างบานใสเล็กน้อย ดวงตาสีเพลิงทอประกายสะท้อนกับแสงจันทร์ช่างดูงดงามและเข้ากัน ซึ่งเจ้าของดวงตากลมโตนั้นค่อยๆหันมองไปรอบๆพลางจับจ้องไปยังบางสิ่งที่อยู่ในห้อง ถึงแม้ว่าบรรยากาศรอบๆนี้จะดูมืดครึ้มไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร จู่ๆเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังพร้อมกับเข็มทั้งสองของนาฬิกาที่นัยน์ตาสีเพลิงได้จ้องมองนั้นหยุดอยู่ตรงเลขสิบสองอย่างพอดิบพอดี

    มองไม่ผิดหรอกนะ เพราะนี่คือเวลาเที่ยงคืนตรง

    เสียงนุ่มทุ้มของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น ทำให้ผู้ที่กำลังจ้องมองนาฬิกาอยู่นั้นรีบหันกลับมามองเขาพลางค่อยๆขยับถอยหลังไปเล็กน้อย นัยน์ตาสีเพลิงที่ส่องประกายท่ามกลางแสงจันทร์นั้นค่อยๆเงยขึ้นมาเพื่อจ้องมองชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าซึ่งแต่งกายด้วยชุดโทนสีเข้ม สะพายกระเป๋าหนังเก่าๆ กับวัตถุรูปร่างคล้ายทรงกระบอกที่หลัง อีกทั้งยังสวมหน้ากากที่มีรูปทรงแปลกๆ

     “สวัสดีครับ...บุรุษผู้นั้นกล่าวทักทายด้วยท่าทางเหมือนผู้ดีมีมารยาท ก่อนจะเดินนำเจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงนั้นก้าวเดินเข้าไปในห้องจัดแสดงภาพเขียนอย่างระมัดระวังไม่ให้เดินชนอะไรเข้า ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ว่าจะมีใครตามมาหรือไม่ โดยอาศัยเพียงแสงจันทร์เล็กน้อยที่ส่องผ่านเข้ามา

    สายตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีเข้มค่อยๆสอดส่องหาภาพวาดที่เขาต้องการ หากแต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นคือเจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงที่เห็นอยู่ในตอนแรกกลับกำลังจ้องมองผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ซึ่งแสงจันทร์ได้ตกกระทบกับผลงานที่ประดับอยู่กลางผนังเพิ่มความโดดเด่นให้กับภาพวาดนี้เป็นอย่างมาก

    บุรุษในชุดสีเข้มค่อยๆย่างก้าวเข้าไปชม ความงามของหญิงสาวตรงหน้าใกล้ๆ บางอย่างที่เขาเห็นนั่นทำให้แววตาภายใต้หน้ากากของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยโดยที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่ทันรู้ตัว เขาจ้องมองภาพนั้นพลางค่อยๆใช้นิ้วมือสัมผัสไปที่ใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา ราวกับว่าถ้าออกแรงมากกว่านี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นอาจจะสลายหายไปต่อหน้าต่อตา ทางด้านหญิงสาวเองก็ดูเหมือนว่ากำลังมีความสุข รอยยิ้มอันอ่อนโยนของเธอสามารถสะกดสายตาของบุรุษผู้นี้ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร

     “ช่างงดงามจริงๆบุรุษผู้นั้นส่งเสียงพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะหันไปหาบางสิ่งที่กำลังจดจ้องทั้งตัวเขาและหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆก้มลงมาอุ้มเจ้าของดวงตากลมโตสีเพลิงนั้นขึ้นมาแนบอกแล้วพามาดูผลงานศิลปะชิ้นนั้นใกล้ๆ ก่อนจะพูดกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยท่าทีร่าเริง

     “แกเองก็เห็นว่างดงามใช่ไหมล่ะ...เจ้าเหมียว

    ชายสวมหน้ากากค่อยๆลูบหัวแมวตัวน้อยก่อนจะวางลงที่พื้นข้างๆตัว ซึ่งเจ้าเหมียวน้อยนั่นก็สะบัดหัวนิดๆก่อนจะนั่งจ้องรอว่าหัวขโมยตรงหน้านั้นจะทำอะไรต่อไป ขณะเดียวกับที่บุรุษผู้นั้นค่อยๆเปิดกระเป๋าสะพายของตนแล้วค่อยๆหยิบบางอย่างขึ้นมา จากที่สิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆจะพอมองเห็น...ดูเหมือนว่าเขาจะหยิบขวดใบเล็กๆที่บรรจุของเหลวบางอย่างเอาไว้ หัวขโมยหนุ่มค่อยๆเปิดขวดนั่นออกก่อนจะใช้บางอย่างแตะที่ของเหลวในมือแล้วเช็ดไปที่ส่วนหนึ่งที่ขอบภาพเขียนที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา

    ของจริง...เขาพึมพำออกมาเบาๆก่อนจะค่อยๆบรรจงแกะภาพ ความงามของหญิงสาวออกจากกรอบอย่างเบามือ ม้วนเก็บใส่ในกระบอกชนิดพิเศษที่เขาเตรียมมาก่อนจะสะพายได้ที่หลังตามเดิม

    เรียบร้อย!น้ำเสียงแสดงออกได้ถึงความดีใจดังออกมาจากหน้ากากสีเข้ม หากแต่ว่ามันไม่ได้ดังมากนัก แค่เพียงพอที่เจ้าตัวกับแมวตัวน้อยพอจะได้ยินเท่านั้น เจ้าเหมียวจึงส่งเสียงร้องตอบกลับมาเบาๆ ทำให้บุรุษในชุดสีเข้มหันกลับมาสนใจมันอีกครั้ง

     “เกือบลืมไปเลย...ว่าแต่...แกเข้ามาในนี้ได้ยังไงนี่?” หัวขโมยหนุ่มค่อยๆลดตัวลงมาใกล้ๆพลางชวนแมวตัวน้อยที่กำลังจ้องเขาตาแป๋วคุย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรสักเท่าไหร่ สิ่งมีชีวิตตัวน้อยยังคงส่งสายตาเป็นประกายให้พลางส่งเสียง เมี๊ยวเบาๆพลางค่อยๆเดินมาคลอเคลียที่ขาของเขา

    อ้อนกันอย่างนี้ ถ้าผมพาไปด้วยจะผิดกฎหมายไหมนี่เขาพูดกับตัวเองพลางหัวเราะออกมาเบาๆอย่างคนอารมณ์ดี พลางค่อยๆอุ้มเจ้าแมวตัวน้อยมาวางไว้ในกระเป๋าสะพายแล้วเดินกลับไปยังอีกห้อง ก่อนจะนั่งลงบนขอบหน้าต่างบานที่เคยใช้ปีนเข้ามา

    แกคงจะไม่กลัวความสูงหรอกนะหัวขโมยหนุ่มพูดขึ้นในขณะเดียวกับที่เขากำลังคล้องตะขอระหว่างเข็มขัดแบบพิเศษที่คาดอยู่รอบตัวของเขากับสายสลิงสีดำที่กลมกลืนไปกับความมืดยามราตรี ก่อนจะค่อยๆโรยตัวลงไปยังพื้นด้านล่างด้วยความเร็ว แล้วแฝงตัวเข้าไปในฝูงชนอย่างแนบเนียน พลางคิดบางอย่างอยู่ในใจ

    ตำรวจคงจะไม่ตามล่าเขา เพราะเก็บแมวมาเลี้ยงหรอกนะ


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 


    ปิก๊า~จู... ปิก๊า~จู... ปิกา..ปิก้า~

    เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของใครบางคนในห้องดังขึ้น ทำให้เจ้าของโทรศัพท์ที่กำลังหลับปุ๋ยคาโต๊ะเรียนตั้งแต่คาบแรกกลายเป็นจุดสนใจของนักเรียนเกือบทุกคนรวมไปถึงอาจารย์ที่กำลังสอนฟิสิกส์อยู่หน้าห้องภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที

    หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเช่นกันวัตถุสีขาวรูปร่างเหมือน...ไม่ใช่แค่เหมือน มันคือชอล์กเขียนกระดานดีๆนี่เอง ก็ลอยมาตามรูปแบบโปรเจคไทล์  และหล่นลงมาตามหลักแรงโน้มถ่วงลงบนศีรษะของเจ้าของเสียงเรียกเข้าแปลกๆนั่นพอดี ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้สึกตัว

    ปิก๊า~จู... ปิก๊า~จู... ปิกา..ปิก้า~...จู~

    เมื่อไม่มีใครรับสาย เสียงเรียกเข้าก็ยังคงดังต่อไปเรื่อยๆจนจบลงด้วยเพลงบรรเลงจังหวะสนุกสนานก่อนที่จะเริ่มวนลูปใหม่อีกรอบ ทำให้นักเรียนในห้องส่วนใหญ่แอบขำกันไปตามๆกัน เชื่อได้เลยว่าถ้าอาจารย์ไม่อยู่ในห้องนั้นคงจะฮากันลั่นห้องเลยทีเดียว ไม่นานหลังจากนั้นชอล์กอันที่สองก็หล่นมาใส่หัวเขาอีกรอบ

    เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำสนิทขยี้ผมของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นหันซ้ายหันขวามองหาว่าใครกันที่เป็นคนปาของมาใส่หัวของเขา ดวงตาสีดำเป็นประกายสอดส่องไปรอบๆห้องจนไปสบกับสายตาของอาจารย์สาว(?)ที่ส่งสายตาดุๆมาจากหน้าห้อง ทำให้คนที่ถูกมองรู้สึกเสียวสันหลังนิดๆ

     เด็กหนุ่มฝืนยิ้มด้วยสีหน้าแดงเล็กน้อยให้กับทุกคนแล้วรีบหยิบโทรศัพท์เจ้ากรรมขึ้นมาปิดเสียงในทันที โชคดีที่อาจารย์ท่านนี้ไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ว่าจะมีนักเรียนคนไหนนอนหลับในห้องหรือไม่ ดูเหมือนเธอจะเข้าใจดีว่าการเรียนฟิสิกส์ช่วงเช้าๆนั้นมันน่าเบื่อ แต่สิ่งที่อาจารย์สาวนั้นไม่ชอบมากที่สุดก็คือ...การส่งเสียงรบกวนเพื่อนๆคนอื่นๆที่กำลังตั้งใจเรียน

    หักสองคะแนนอาจารย์สาวพูดเสียงเรียบพลางจดบางอย่างลงไปใบรายชื่อนักเรียน ก่อนที่จะหันไปสอนต่อ เด็กหนุ่มโชคร้ายที่โดนหักคะแนนตั้งแต่หัววันก็ไม่มีท่าทีที่จะเถียงอะไร เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าถึงจะพูดอะไรออกไปก็เสียเปล่า แถมอาจจะถูกหักคะแนนเพิ่มเสียอีกก็ได้

    เขาถอนหายใจเบาๆพลางหันมองเพื่อนโต๊ะข้างๆอย่างเคืองนิดๆที่ไม่ยอมปลุกเขาเพราะเจ้าตัวก็กำลังฟุบหลับอยู่เหมือนกัน ผมสีดำของคนที่ยังฟุบอยู่กับโต๊ะนั้นค่อยๆพลิ้วไหวไปตามสายลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง แถมเจ้าตัวยังทำท่าทีเหมือนกำลังมีความสุขซะอีก เห็นแล้วชายหนุ่มรู้สึกอยากจะแกล้งปลุกให้ตกใจตื่นขึ้นมาเล่นๆเสียจริงๆ

    แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะปลุกในตอนนี้ เพราะหมอนี่หลับทีเหมือนตาย ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น ยิ่งช่วงนี้หมอนี่มักจะทำตัวแปลก ไปไหนมาไหนคนเดียวจนแทบจะไม่สุงสิงกับใคร แถมตอนดึกๆยังชอบแอบออกไปจากหอพักกว่าจะกลับมาก็รุ่งเช้าทุกที บางครั้งเขาก็เป็นห่วงเพื่อนคนนี้อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงนี้มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นแถวๆโรงเรียนเสียด้วย

    มีข่าวลือที่เล่ากันปากต่อปากในกลุ่มนักเรียนหญิงช่างจ้อ ว่ากันว่าในโรงเรียนนี้มีเรื่องลึกลับหลายๆอย่างเกิดขึ้น ทั้งเรื่องกลุ่มของเด็กตัวเล็กๆที่ชอบวิ่งเล่นในห้องโถง น้ำในสระที่กระเพื่อมในคืนเดือนหงายทั้งๆที่ไม่มีคน เสียงลูกบาสกระทบกับพื้นสนามตอนกลางคืน เสียงกระซิบที่ลอยมากับสายลม แสงไฟที่หมุนวนอยู่ในอุโมงค์โบราณ เรื่องของชมรมลี้ลับที่รับตามหาผี รวมไปถึงสมาชิกของชมรมที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร แต่สำหรับคนๆนี้ถือเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกของชมรมลึกลับนั้น

    บุรุษลึกลับซึ่งใครต่อใครต่างคิดว่าเขาอาจจะไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็น..แมว

    “ถ้าฉันไม่เห็นเจ้านั่น ฉันคงจะคิดว่านายเป็นแมวจริงๆนั่นล่ะนะ” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเมื่อเห็นแมวสีนำตัวเหนึ่งนอนหลับอย่างสบายอยู่ที่หลังฮู้ดของเพื่อนตนที่กำลังหลับอยู่อย่างสบาย

    “ถึงเหมือน..แต่ก็ไม่ใช่สินะ” เขาหัวเราะกับความคิดของตัวเอง..ใช่สิ คนบ้าที่ไหนจะกลายเป็นแมวไปได้เล่า นอกเสียจากเขาจะไม่ใช่คน คิดไปก็เปล่าประโยชน์ แต่จะเลิกคิดก็ไม่ได้เหมือนกัน ว่ากันว่าช่วงนี้จะมีคณะละครสัตว์เร่มาจัดแสดงแถวๆโรงเรียนเสียด้วย แถบยังเป็นคณะละครที่ดูลึกลับพอๆกันอีก บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าหมอนี่สักวันอาจจะไปเป็นนักแสดงในคณะละครนั้นก็คงไม่แปลก ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่โรงเรียนกำลังจะปิดเสียด้วย และความจริงแล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดนั่นแหละ เพียงแต่ไม่มีใครรู้ก็เท่านั้น ว่าไม่นานมานี้เด็กหนุ่มปริศนานั้นได้ไปดูการแสดงของคณะละครซาร์ครัสแล้วรู้สึกสนใจมากเลยทีเดียว แถมยังมีหลายๆครั้งที่เขาแอบไปดูคนเดียวเสียอีก

    ทั้งการแสดง ดนตรี รวมถึงความสุนทรีย์ที่ได้รับจากการชมการแสดงนั้นสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับเขา สิ่งที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดหรือตัวหนังสือได้ แต่ต้องรับรู้ด้วยความรู้สึกภายในจิตใจ

    ในเมื่อสถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้สามารถช่วยอะไรเขาได้อีกแล้วการไปพึ่งพิงสิ่งไหมที่ดูดีกว่าอาจจะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น หรือได้พบกับสิ่งใหม่ๆมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป  แต่ก็ยังมีอีกหลายๆเรื่องในโลกนี้ที่เขายังไม่ได้รับรู้แต่อยากจะลองสัมผัส ไม่มีเหตุผลสำคัญหรอกว่าทำไมบุรุษลึกลับอย่างเขาจะเข้ามาขออาศัยอยู่ที่คณะละครลัตว์เร่ร่อนเช่นนั้น นอกเสียจาก เพื่อนประสบการณ์ อาหาร และที่อยู่...


    ...และที่นั่นและจะเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตครั้งใหม่...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×