คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Bastard!! Screen 09 :: Red Hot Bloodline [150 Per.]
Chapter 09
Red Hot Bloodline.
[Cigar’s side]
@ Hottest Guy Host Club
“มึงพากูมาที่นี่ทำไม”
ผมได้ยินเสียงไอ้ออสตินถามขณะที่ผมกำลังจอดรถอยู่หน้าคลับหรูแห่งหนึ่ง...ที่นี่คือ Hottest Guy Host Club ที่ผมเป็นเจ้าของอยู่ในย่าน Downtown ผมไม่ตอบคำถามของร่างบางหากแต่เปิดประตูลงจากรถไปกระชากแขนเล็กของคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งให้ลงมาก่อนจะลากให้เดินตามไปด้านในด้วยแรงที่ไม่เบานัก และดูเหมือนว่าอาจจะแรงเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายร้องลั่น
“โอ๊ย!!! กูเจ็บนะไอ้ซิการ์”
...ปากนี่ยังไว้ลายไม่สิ้นฤทธิ์เช่นเดิม
ผมยิ้มกริ่มขณะพาร่างบางเดินไปข้างหน้า จริงๆ คลับนี้ผมไม่ค่อยได้มาบ่อยเท่าไรถึงแม้จะเป็นเจ้าของก็ตาม บอกแล้วไงว่าผมเป็นพวกชอบเที่ยวกลางคืน ชอบค้นหาอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจและน่าลิ้มลอง...คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง ตอนนี้คลับยังไม่เปิดข้างในจึงไม่ค่อยมีคนนัก ส่วนมากจะเป็นพนักงานที่มาเตรียมจัดฉากมินิคอนเสิร์ตเล็กๆ ที่มีแสดงทุกวันกับบรรดาโฮสต์ทั้งหลายที่นั่งดื่มแอลกอฮอล์อยู่ที่บาร์
โฮสต์ที่ว่าก็คือบรรดาผู้ชายที่คัดสรรมาอย่างดีเพื่อให้กิจการที่นี่เป็นที่ประทับใจของลูกค้า...ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย โฮสต์หลายคนจะพักกินอยู่ที่คลับนี้ซึ่งชั้นบนสุดจะเป็นที่พักของโฮสต์ แน่นอนว่าที่พักต้องดีสมกับเงินที่พวกเขาทำรายให้กับคลับ...เรียกได้ว่าเป็นสวัสดิการก็ได้
“นั่นลงแล้วช่วยหุบปากซะ”
ผมสั่งเสียงเฉียบขาดเมื่อผลักร่างบางให้ลงบนเก้าอี้ทรงสูงหน้าบาร์ซึ่งมีบาร์เทนเดอร์ยืนอยู่ ออสตินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจพร้อมกับที่เม้มริมฝีปากอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ ผมรู้ว่ามันคงอยากจะตามหาแพทเทิร์นเพื่อนของมันใจจะขาด แต่...ผมขอสารภาพอย่างเลวๆ เลยก็แล้วกันว่าผมไม่คิดจะสนใจเลยแม้หมอนั่นจะเป็นน้องไอ้จัมพ์ก็ตาม!!! เพราะงี้ไงล่ะ ไอ้ออสตินถึงทำท่าเหมือนกับจะระเบิดใส่ผมอยู่รอมร่อ
หึ! ถ้ามันจะระเบิดกลางคลับผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ เพราะถ้ามันทำผมก็จะโต้กลับไปด้วยอะไรที่มัน ‘ร้อนแรง’ สองเท่า!!
“มึงทำบ้าอะไรของมึงนักหนาวะ อยู่ๆ ก็พากูออกมาจากบ้านแล้วมานั่งเอ๋ออยู่หน้าบาร์เนี้ยนะ ถามกูหน่อยเถอะว่ากูอยากมาหรือเปล่า” นั่นไง...เถียงกลับมาจนได้ ผมไม่ชอบคนที่เถียงคำไม่ตกฟากเพียงมันเอาซะเลยสิ ผมว่าคนปากดีอย่างมันนี่ระวัง ‘เจอดี’ ไม่รู้ตัว
แน่นอน...วันนี้ผมก็พามาให้มันเจอดีแบบจัดหนักอยู่แล้ว J
“ต่อให้มึงไม่อยากแต่ถ้ากูอยากพามามึงก็ไม่มีสิทธิอะไรมาค้านกูได้”
ผมว่าอย่างเอาแต่ใจก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับบาร์เทนเดอร์ ไม่นานวอดก้าสองแก้วก็ถูกเลื่อนมาวางไว้ตรงหน้าผมกับออสติน ผมยกแก้วสีใสนั่นขึ้นจรดริมฝีปากปล่อยให้ดีกรีแอลกอฮอล์เข้มข้นไหลลงคอไปในขณะที่คนตัวบางข้างนั่งนิ่งอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร
“Hi! พี่ซิการ์ วันนี้นึกไงถึงมาที่นี่ได้”
เสียงทุ้มๆ หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับที่แขนหนักๆ ของใครคนหนึ่งมาพาดคอผมไว้อย่างสนิทชิดเชื้อ ผมหันไปมองเจ้าของเสียงที่ผมคุ้นเคยดีเพราะมันคือรุ่นน้องที่สนิทกับผมมากอยู่พอสมควรชื่อ ‘เจนิวา’ ร่างสูงๆ ประมาณร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร นัยน์ตาสีทองอำพันที่ดูมีเสน่ห์กับลุคขี้เล่นที่มีเล่ห์ไว้จับผู้หญิงแพรวพราว ดูปราดเดียวก็รู้ว่าหมอนี่มันคาสโนว่าตัวพ่อเลยล่ะ
ที่สำคัญมันยังเป็นโฮสต์ติดทอปลิตส์ของที่นี่ด้วย ซึ่งโฮสต์ใน Top list จะมีอยู่แค่หกคนเท่านั้นและแต่ละคนจะมีตำแหน่งประจำตัว อย่างเช่นไอ้เจนิวานี่ก็อยู่ในตำแหน่ง Playboy Host ...เจ้าชู้แบบมันเนี้ยเหมาะกับตำแหน่งนี้ที่สุดแล้ว นอกจากนี้แล้วก็ยังมี...
Sexy Host ตำแหน่งของชายหนุ่มที่มีรูปร่างสุดเซ็กซี่และเพอร์เฟ็กต์ มีเซ็กซ์แอพพีลสูงกระจายฟีโรโมนให้สาวๆ คลุ้มคลั่งกันเล่นๆ
Bad Boy Host ตำแหน่งของผู้ชายที่ออกแนวเถื่อน โหด โฉด ชั่วตามแบบฉบับของความเลวครบสูตร ซึ่งตำแหน่งนี้นั้นเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้ามากพอสมควร
Sweet Host คนที่จะเข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้นั้นต้องมีใบหน้าที่สวยหวานและนิสัยก็ต้องอ่อนโยนเท่านั้น
Secret Host ที่ตอนนี้ถูกครอบครองตำแหน่งโดยชายหนุ่มที่ดูลึกลับ มองความรู้สึกที่แท้จริงไม่ค่อยออก มีนัยน์ตาที่ซับซ้อน และเข้าถึงยากที่สุด
สุดท้าย...Red Blood Host ตำแหน่งสูงสุดในบรรดา Top list ด้วยกัน จะว่าเป็นอันดับหนึ่งก็ได้ คนที่ได้ตำแหน่งนี้ก็คือ...
“ไม่นึกยังไง แค่พาเมียมาเปิดหูเปิดตาเล่น”
ผมตอบพลางพยักพเยิดหน้าไปยังออสตินที่แม้จะนั่งเฉยๆ แต่กลับดูยั่วอย่างบอกไม่ถูก ก็เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงยกให้หมอนี่เป็นของเล่นชิ้นโปรดที่ผมถูกใจมากที่สุดน่ะ ไอ้เจนิวาหันไปมองก่อนจะเบิกตากว้างราวกับอดทึ่งไม่ได้
“โห...มีคนสวยๆ แบบนี้ก็ไม่บอกเลยนะ”
“มึงว่าอะไรนะ!” ไอ้ออสตินที่ฟังอยู่หันขวับมาตวาดแหวเข้าใส่ไอ้เจนิวาจนคนถูกตวาดต้อง (แสร้งทำเป็น) มาหลบหลังผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ หึ! ไอ้บ้าเจนิวานี่แม่งตอแหลฉิบหาย! “ไหนมึงบอกมาซิว่ามึงว่าใครสวย กูไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ยไอ้เวร!!”
ร่างบางลุกจากเก้าอี้เดินมากระชากคอเสื้อคนที่สูงกว่าอย่างมีอารมณ์โมโห ดูเหมือนว่าคำพูดของไอ้เจนิวาคงไป ‘จุดชนวน’ อะไรสักอย่างของหมอนี่เข้าให้ถึงได้กล้าประจันหน้ากับคนที่ตัวโตกว่าได้อย่างไม่นึกกลัว
“เฮ้! ใจเย็นก่อนซี่”
เจนิวายกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ อันที่จริงแล้วมันแกล้งทำต่างหากคงเป็นเพราะไม่กล้าทำอะไรไอ้ออสตินล่ะมั้ง คนขี้เล่นอย่างมันเนี้ยคงไม่มีใครเดาออกหรอกว่ามัน ‘ร้ายกาจ’ ขนาดไหน แน่สิ...ไม่งั้นมันจะคบกับผมได้เหรอ
“ฮึ่ย!!” เสียงออสตินร้องอย่างขัดใจขณะที่เจ้าตัวยอมปล่อยคอเสื้อคนตัวสูงและกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ผมมองท่าทางเหล่านั้นพลางดื่มวอดก้าด้วยท่าทีสบายอารมณ์...คิดถูกจริงๆ ที่พามันมาที่นี่ ขนาดยังไม่บรรลุจุดประสงค์ที่ผมวางเอาไว้เลยนะเนี้ย ไม่อยากจะนึกเลยว่าคืนนี้ผมจะ ‘สนุก’ แค่ไหน
“มึงมานี่ซิ”
มือเรียวของผมคว้าเข้าที่เอวบางก่อนจะออกแรงกระชากให้ออสตินลอยหวือมานั่งบนตักผมพร้อมกับโอบรัดรอบกายอีกฝ่ายไม่ห่างคล้ายกับจะพันธนาการไว้ไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระง่ายๆ
“อะไรของมึงอีกวะ Shit!!”
เสียงหวานสบถคำหยาบออกมาหลายคำพร้อมกับที่เจ้าตัวพยายามสลัดกายให้หลุดจากวงแขนของผม คาดว่าสภาพที่ต้องนั่งทับตัวผมนี่คงทำจะให้ร่างบางไม่ค่อยพอใจเท่าไร ดูจากคิ้วที่ขมวดแล้วขมวดอีกนั่นก็รู้...แต่ผมมันเป็นพวกที่ชอบแกล้งน่ะนะ ถ้ามันยิ่งแสดงออกว่ารังเกียจสัมผัสจากผมมากเท่าไรผมก็ยิ่งกระทำรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น...
หึ! ผมนี่ดูเหมือนคนโรคจิตเลยแฮะ
“ทำไม! นั่งบนตักกูแล้วมึงไม่ชอบเหรอ มากกว่านี้กูก็เคยทำมาแล้วยังจะอายอะไรอีก”
ผมว่าขณะที่ซุกใบหน้าไปยังซอกคอขาวๆ ของอีกฝ่ายพ่นลมหายใจอุ่นร้อนให้อ่อนระทวยกันเล่นๆ กลิ่นหอมหวานจากร่างแบบบางนี่ช่างเหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่ง...มีอำนาจมอมเมาให้ผมหลงใหลอย่างยากที่จะถอนตัวขึ้น
ในทางกลับกันผมว่ามันก็คงไม่ลืม ‘สัมผัส’ ที่เปรียบยิ่งกว่าสิ่งเสพติดของผมแน่ ต่อให้สมองสั่งการต่อต้านแค่ไหนแต่ร่างกายก็ยังคงจดจำ...เหมือนอย่างเช่นในตอนนี้เมื่อผมแนบริมฝีปากลงบนคออย่างแผ่วเบาผมก็รู้สึกถึงอาการเกร็งตัวแน่นจากออสตินที่เหมือนจะพยายามหลีกหนีแต่ก็ไม่ได้ผลักผมออก
“Wow!! ร้อนแรงสมกับเจ้าของตำแหน่ง Red Blood Host ของที่นี่จริงๆ”
เสียงเป่าปากจากไอ้เจนิวาส่งผลให้ผมละริมฝีปากมาจากลำคอขาวเนียนอย่างเสียดาย มีมารมาขัดตลอดเลย เฮอะ! ผมหันไปมองเจ้าของใบหน้าทะเล้นที่ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายๆ หลังจากได้ยินชื่อที่มันใช้เรียกผมเมื่อครู่ ใช่...ผมคือ Red Blood Host หรือโฮสต์อันดับหนึ่งของที่นี่ เมื่อก่อนผมเองก็มาที่คลับนี้บ่อยๆ ในฐานะโฮสต์แถมได้รับการโหวตจากลูกค้าจนติด Top 1 ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่สนุกสุดเหวี่ยงช่วงหนึ่งของผมแต่ก็ไม่นานผมก็เริ่มเบื่อแล้วออกจากการเป็นโฮสต์ หากทว่าโฮสต์คนต่อมาที่ได้รับการโหวตให้เป็น Red Blood Host กลับสละตำแหน่งนั้นเพราะเห็นว่าผมคือคนที่คู่ควรกับมันมากที่สุด ดังนั้นตำแหน่งที่ว่านี้จึงเป็นของผมแม้ผมจะไม่ได้ทำหน้าที่โฮสต์แล้วก็ตาม
“เก็บปากมึงไว้แดกเหล้าเหอะ ไอ้เจ ขัดจังหวะกูจริงๆ”
“โห่...พี่นี่อารมณ์ร้ายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
หลังจากที่ผมแขวะไอ้เจ้าของฉายาคาสโนว่าก็หันมาสนใจออสตินที่ยังคงนั่งบนตักตัวเองต่อ และดูเหมือนออสตินจะเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองไม่ควรนั่งอยู่ในสภาพนี้กับผมเพราะวินาทีถัดมามันก็หันมาทุบรัวๆ ในแผ่นอกผมไม่ยั้ง
พลั่กๆๆๆ!!
“ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะไอ้เหี้ยซิการ์!!!”
ด้วยความที่ทนแรงของอีกฝ่ายไม่ไหวผมจึงปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระพร้อมกับผลักอย่างแรงจนออสตินกระเด็นไปกระแทกกับเคาน์เตอร์บาร์ ผมแสยะยิ้มร้ายเมื่อเห็นใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวดของมันยามเมื่อแผ่นหลังกระทบกับของแข็งซึ่งแม้ว่าเจ้าตัวจะยั้งตัวไว้ได้ก็ตามทีแต่ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านมาคงไม่ใช่น้อยๆ
“โอ๊ย!!!”
“หึ! เจ็บล่ะสิ ช่วยไม่ได้มึงทำร้ายกูก่อน” ผมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระและไม่สนใจว่ามันจะเจ็บแค่ไหนพลางคว้าแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่มต่อ
“แต่มึงไม่ยอมปล่อยกูเองนี่!!”
“ก็กูไม่อยากปล่อย...มึงจะทำไม มีปัญหานักหรอกที่กูกอดมึงเมื่อกี้น่ะ!!”
ในที่สุดผมก็ของขึ้นอีกจนได้...ปกติผมว่าตัวเองเป็นคนโมโหง่ายอยู่แล้วนะ แต่พอมาเจอปากเสียๆ กับนิสัยถือดีของไอ้ออสตินแล้วก็ทบทวีคูณความหงุดหงิดขึ้นไปสองเท่าเลย!! ไม่แปลกหรอกที่ผมจะทำตัวร้ายกาจใส่มันอย่างไม่คำนึงถึงศีลธรรม ในเมื่อมันโอหังแบบนี้แล้วผมจะทนอยู่เฉยได้ยังไง!!??
“เออ! กูมีปัญหามาก! กูไม่ชอบที่มึงทำตัวเหี้ยๆ กับกูแบบเมื่อกี้ รู้มั้ยว่ากูขยะแขยง!!!”
สิ้นสุดประโยคที่ทำให้อารมณ์โกรธของผมทะลุกราฟนั่นผมก็หยัดกายยืนขึ้นและกดคนตัวบางแนบกับพื้นแข็งๆ ที่เย็นเฉียบบนเคาน์เตอร์โดยรวบมือทั้งสองข้างของมันไว้เหนือหัว...เมื่อกี้มันบอกว่าขยะแขยงงั้นเหรอ ดี!! ผมจะทำให้มันรู้สึกรังเกียจจนแทบกระอักเลือดตายเลยคอยดู!!!
“แบบนี้ใช่มั้ยไอ้เหี้ยๆ ที่มึงว่า...”
ผมเอ่ยเสียงแหบพร่าขณะลากสันจมูกระรานไปตามโครงหน้าเรียวไดรูปสวยนั่นสลับกับการใช้ฟันคมๆ ขบเม้มที่ใบหูอีกฝ่ายอย่างกลั่นแกล้ง ออสตินออกแรงครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะผลักผมให้ออกห่างทว่ายังไงก็สู้แรงผมไม่ได้อยู่ดี บอกแล้วไงว่ามันกับผมน่ะคนละชั้นกัน!!!
“มึงจะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป! ปล่อยกูสิโว้ย!!”
ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ผมได้ยินคำตวาดทำนองนี้จากคนข้างใต้...มันปลุกปั่นอารมณ์ด้านมืดของผมได้มากโขจนสามารถผลักดันให้ผมนึกอยากจะทำร้ายอีกฝ่ายให้แหลกคามือจริงๆ นับว่ายังดีที่ผมยังพอมีจิตสำนึกหลงเหลืออยู่บ้างอีกทั้งเมื่อเห็นร่างไอ้เจนิวาจากหางตาแล้วผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“หึ! ไอ้เจ...วันนี้ที่คลับมี Battle Kiss ใช่มั้ย”
ผมหันไปถามเจนิวาทั้งๆ ที่ยังคงกดร่างแบบบางข้างใต้ไว้ดังเดิม Battle Kiss ที่ว่าก็คล้ายๆ กับการประมูลจูบน่ะแหละ ทางคลับจะจัดประมูลหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์เป็นการสร้างสีสันให้กับลูกค้า แน่นอนว่าเพราะผมรู้ยังไงล่ะถึงได้พาไอ้ออสตินมาในวันนี้ คนถูกถามสบตากับผมอย่างนึกสนุกเช่นเดียวกันก่อนจะตอบว่า...
“ใช่...อย่าบอกนะว่าพี่จะ...”
“หึ! Battle Kiss วันนี้กูจะให้ไอ้เหี้ยนี่ขึ้นไปประมูลจูบบนเวที!!”
...เอาสิ! มาดูกันว่าถ้าจูบโชว์คนนับร้อยมึงยังจะหน้าด้านหน้าทนแบบนี้ได้อยู่อีกหรือเปล่าไอ้ออสติน!!!
[Austin’s side]
เวลาสามทุ่มโดยประมาณ
“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ Hottest Guy Host Club นะครับ ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนพิเศษที่ทางคลับเราจะมีการประมูลจูบหรือก็คือ Battle Kiss นั่นเอง”
เสียงเอ็มซีทำหน้าที่เรียกความสนใจจากทุกคนในคลับด้วยเสียงทุ้มนุ่มลึกกับใบหน้าอันหล่อเหลา...แน่นอนว่าแทบจะทุกสายตาจดจ้องไปที่เขาคนนั้นเลยก็ว่าได้ แต่ที่น่าเจ็บใจก็คือไอ้เอ็มซีบ้านั่นดันเป็นไอ้เจนิวาน่ะสิ!!! ผมที่ยืนดูอยู่ด้านหลังเวทีกำลังกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด!
ให้ตายเถอะ! ไอ้ซิการ์มันนึกบ้าอะไรของมันวะถึงให้ผมไปประมูลจูบอะไรบ้าๆ นั่นด้วย!! ถ้าถามถึงไอ้โรคจิตนั่นน่ะเหรอ...มันคงกำลังไปรอชมผลงานอยู่ด้านหน้าเวทีล่ะมั้ง!! ตอนนี้คลับเปิดแล้วมีแขกมากมายเข้ามาใช้บริการที่นี่ ผมกวาดตาดูคร่าวๆ แล้วคงไม่ต่ำกว่าหลักร้อย อันที่จริงคลับนี้มีทั้งหมดสี่ชั้น (ไม่อยากจะบอกเลยว่าไอ้เวรซิการ์มันพาผมเดินดูทั่วคลับน่ะ) ชั้นแรกก็อย่างที่เห็นจะมีเวที บาร์และฟลอร์สำหรับเหล่าผีเสื้อราตรีมาแดนซ์กัน ชั้นสองและสามก็เป็นมุมวีไอพีที่สามารถมองลงมาเห็นชั้นล่างได้ ส่วนชั้นสุดท้ายนั้นจะเป็นที่พักของโฮสต์
คนที่มาคลับนี้ล้วนแล้วแต่ฐานะรวย หน้าตาดี...เห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้เมื่อคิดได้ว่าไอ้ซิการ์คือเจ้าของคลับนี่
“เดาว่าหลายท่านคงอยากจะเห็นโฉมหน้าของผู้ที่ให้เกียรติประมูลจูบของเรากันแล้ว ขอเชิญพบกับคนแรกกันเลยดีกว่า!!!”
ไม่น่าเชื่อว่าไอ้เจนิวามันจะมีทักษะการเป็นพิธีกรชั้นเยี่ยมขนาดนี้เพราะทุกคนต่างสนใจมันกันเป็นจุดเดียว และหลังจากสิ้นสุดคำพูดนั่นผู้ชายหน้าสวยคนหนึ่งก็เดินผ่านผมขึ้นไปบนเวทีด้วยความมั่นใจเต็มร้อยใจขณะที่ผมรู้สึกแย่ยังไงพิกลแม้ว่าผมจะเป็นคนสุดท้ายที่ต้องขึ้นไปก็ตาม
Battle Kiss นั่นก็คล้ายกับการประมูลจูบแต่มันยังมีกติกาอย่างอื่นอยู่อีก...นั่นก็คือถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจูบได้ร้อนแรงกว่าเงินก็จะตกเป็นของคนนั้น เช่นถ้าเกิดมีคนประมูลจูบผมได้แล้วจูบของเขาดันทำให้ผมอ่อนระทวยหรือเคลิบเคลิ้มแม้เพียงนิดเขาก็จะไม่เสียเงินและได้จูบของผมไปฟรีๆ
แต่ถ้าผมสามารถทำให้ผู้ประมูลพ่ายแพ้ต่อจูบของผมได้แล้วล่ะก็เงินจะเป็นของผมทันที (แต่เงินนั่นก็จะเป็นรายได้ของคลับอยู่ดี แม่งงกชะมัด!)
หึ! สมกับชื่อ Battle Kiss จริงๆ เลยว่ามั้ย
อันที่จริง...ผมไม่กลัวหรืออายอะไรหรอกนะที่ต้องขึ้นไปจูบกับใครหน้าไหนก็ไม่รู้ต่อหน้าสาธารณชน อย่าลืมสิว่าผมน่ะใจกล้าหน้าด้านหลอกคนเพื่อเอาเงินมาเยอะ แค่จูบผมไม่แคร์หรอกถ้าต้องเสียให้ใครไป แต่ผมกำลัง ‘เจ็บใจ’ น่ะสิเพราะผมต้องทำตามไอ้ซิการ์โดยที่ไม่อาจขัดอะไรได้เลยราวกับมันกำผมไว้ในมืออย่างแน่นหนากระทั่งทางรอดสักทางก็ยังไม่มี มันสั่งอะไรผมก็ต้องทำอย่างกับตัวตลกที่มันเก็บไว้ดูเล่น!
ทำไมชีวิตผมต้องเจอแต่คนเหี้ยๆ พรรค์นี้ด้วยนะ
“และในที่สุดก็มาถึงคนสุดท้ายแล้วนะครับ ไปพบกับเขาได้เลย...ออสติน!!”
เวร! นี่ถึงตาผมแล้วงั้นเหรอ?!!
ผมที่มัวแต่คิดนู้นคิดนี่ไปเรื่อยสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง ถึงคราวที่ผมจะต้องขึ้นไปบนเวทีแล้วสินะ หึ! ผมคิดอะไรดีๆ ออกแล้ว...ที่ซิการ์มันทำแบบนี้กับผมเพราะมันคงอยากจะแกล้ง งั้นขอสาบานด้วยศักดิ์ศรีของผมเลยก็แล้วกันว่าผมจะไม่มีทางพ่ายแพ้จูบของใครเด็ดขาด เอาให้ไอ้เวรนั่นรู้ไปเลยว่าคนอย่างผมมันไม่ได้หน้าบางและร้อนแรงได้กว่าที่มันเห็นอีกเยอะ!!!
ใช่! ผมจะยั่วยวนคนอื่นต่อหน้าของมันนี่แหละ!!!
ริมฝีปากผมเหยียดยิ้มเมื่อตัวเองขึ้นมาบนเวที...ไม่มีแม้แต่ท่าทางประหม่าหรือหวาดกลัว จากตรงนี้ผมเห็นร่างสูงๆ ของไอ้ซิการ์นั่งอยู่ที่มุมวีไอพีชั้นสอง นัยน์ตาคมกริบดุจใบมีดที่มองมานั่นทำให้ความอยากเอาชนะของผมทะยานสูงขึ้น สายตาที่เหมือนกำลังรอชมอะไรๆ สนุกๆ รบกวนจิตใจผมมากหากแต่ผมก็ซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้าที่เชิดชูคอราวกับไม่ยำเกรงต่ออีกฝ่ายเลยแม้แต่นิด
ถ้ามันคิดว่าผมกลัวมันล่ะก็...คิดผิด!!
“เอาล่ะครับ...เราจะเริ่มประมูลกันที่ราคาหนึ่งหมื่นบาทนะครับ”
ไอ้เจนิวาพูดผ่านไมโครโฟนพร้อมกับฉีกยิ้มทะเล้นที่เห็นแล้วน่าเตะที่สุด (แต่คนอื่นกลับหลงเสน่ห์รอยยิ้มนั่นเข้าอย่างเต็มรัก) และไม่นานก็มีป้ายราคาชูขึ้นมา
“สี่หมื่นกันเลยทีเดียวนะครับสำหรับผู้ประมูลรายแรก อ๊ะ! นั่น...ห้าหมื่นแล้วครับ”
ผมกำลังจะบ้าตาย!! อะไรกัน...ถ้าราคามันจะขึ้นไวขนาดนี้ล่ะก็นะ ไม่เข้าใจเลยกับอีแค่จูบ...ทำไมต้องขานราคากันอย่างไมกลัวว่าขนหน้าแข้งจะร่วง คนรวยนี่แม่งไม่รู้จักคุณค่าของเงินเอาเสียเลย!!!
“หนึ่งแสนแล้วครับ!!”
...อะ ไอ้บ้า!!!
เจนิวาแอบหันมายกยิ้มใส่ผมอย่างต้องการจะล้อเลียน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าราคามันขึ้นเร็วกว่าคนที่มาประมูลรายก่อนๆ เสียอีก และที่สำคัญ...คนที่ประมูลนั้นก็ดันมีแต่ผู้ชายน่ะสิ!!!
“โห...ตอนนี้ขึ้นมาสี่แสนแล้วครับ”
“ห้า...หกแสน”
“หนึ่งล้านครับ...” ขณะที่ราคากำลังขึ้นไปเรื่อยๆ นั้นเสียงทุ้มเข้มก็ขานราคาขึ้นมาจนเล่นเอาทุกคนเงียบกริบ...ถ้าผมฟังไม่ผิด หูไม่ได้ฝาดไปที่ได้ยินเมื่อกี้นั่นมัน...หน่ะ...หนึ่งล้าน!!! บ้าน่า!! ผมจำได้ว่าตัวเองเบิกตาค้างอย่างตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลที่ออกจะเยอะเกินไปเมื่อเทียบกับจูบเพียงจูบเดียว
ทว่า...เมื่อเบนสายตาไปมองเจ้าของเสียงนั่นผมก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นไปอีก ความรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดหัวใจผมแน่นซ้ำยังไม่อาจจะละสายตาไปจากใบหน้าคมคายที่ผมแสนคุ้นเคย
ดีไลท์...!!!
ไม่ใช่...หมอนี่ไม่ใช่ดีไลท์!! แม้ใบหน้าที่ดูราวกับถอดออกมาจากพิมพ์กันหากแต่นัยน์ตาขวางโลกคู่นั้นยังดูไม่อำมหิตเท่าดีไลท์ที่ผมรู้จัก หมอนี่เป็นใครกัน!!?
“หนึ่ง...สอง...สาม!! จูบของออสตินตกเป็นของหนุ่มหล่อโต๊ะสองครับ!”
เสียงของเจนิวาที่ยังคงทำหน้าที่พิธีกรต่อไปนั้นแทบจะไม่ได้เข้าหูผมเลย ผมมองหน้าของคนคนนั้นนานเท่าไรก็ไม่แน่ใจพอรู้ตัวอีกทีร่างสูงๆ นั่นก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมซะแล้ว...ใบหน้าที่เรียวได้รูปราวกับหลุดออกมาจากฝีมือการปั้นแต่งจากพระเจ้า นัยน์ตาสีเข้มเฉียบคม ริมฝีปากหยักลึกสีแดงสด เครื่องหน้าทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นคนคนนี้ล้วนเหมือนกับดีไลท์
จะมีเพียงแต่ความอ่อนโยนที่ผมสามารถรู้สึกถึงได้จากตัวของอีกฝ่ายเท่านั้นที่แตกต่างจากไอ้ดีไลท์โดยสิ้นเชิง!!
คนคนนี้...เป็นใคร?
คำถามนี้วนเวียนในหัวผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และถึงผมจะคิดหาคำตอบเท่าไรมันก็เหนื่อยเปล่าในเมื่อผมนั้นไม่รู้อะไรเลย!! ผมเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ตอนนี้คลี่รอยยิ้มเป็นมิตรมาให้ก่อนที่มือเรียวยาวจะเอื้อมมาเชยคางผม วินาทีถัดมาริมฝีปากอ่อนนุ่มก็ทาบทับลงมาที่ริมฝีปากของผมอย่างนุ่มนวล...
...นี่เขาจูบผมแล้วงั้นเหรอ?
ทันทีที่นึกได้เช่นนั้นผมก็เรียกสติของตัวเองกลับคืนมา ไม่ว่าคนคนนี้จะเป็นใครแต่ผมจะลืมเป้าหมายของตัวเองไม่ได้ ผมจะไม่หลงใหลไปกับจูบของหมอนี่แน่...คิดได้แบบนั้นผมก็ยกมือคล้องคอของอีกฝ่ายก่อนจะบดเบียดริมฝีปากเข้าหาพร้อมกับแทรกลิ้นร้อนเข้าไปจนร่างสูงถึงกับผงะแต่แค่เสี้ยววินาทีถัดมาเขาก็ตอบรับสัมผัสนั่นอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน หึ! หมอนี่มันอ่อนโยนแต่กลับฮอตเป็นบ้า!!
จุมพิตของผู้ชายคนนี้เป็นจุมพิตที่นิ่มนวลที่สุดเท่าทีผมเคยได้รับ...ริมฝีปากของเขาที่ละเมียดละไมบนริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบานั้นส่งผลให้ผมแทบคลั่ง...แต่ไม่รู้สิ ทำไมผมกลับคิดถึงจูบของซิการ์ก็ไม่รู้
บ้าน่า! ไม่มีทางหรอก!!
ผมรุกอีกฝ่ายด้วยจูบที่ทวีความเร่าร้อนขึ้นอีกเท่าตัวก่อนที่คนตรงหน้าจะโอบรัดรอบเอวของผมพร้อมกับกระชากเข้าหาตัวจนตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในสภาพที่แนบชิดกันอย่างน่าตกใจ อุณหภูมิของเราส่งผ่านซึ่งกันและกันอย่างเนิ่นนานจนเชื่อว่าจูบนี้คงไม่มีทางจบลงง่ายๆ!
ผ่านไปหลายต่อหลายนาทีที่ริมฝีปากของเรายังบดเบียดส่งผ่านความหอมหวานสลับกับการเว้นหายใจเป็นช่วงๆ เรียกได้ว่าตอนนี้เวทีร้อนระอุขึ้นเพราะผมกับหมอนี่ที่ต่างฝ่ายต่อไม่มีใครยอมใคร!!
หากทว่าอยู่ๆ ร่างทั้งร่างของผมก็ถูกมือของใครบางคนกระชากให้หลุดจากการโอบรัดของคนตรงหน้า แถมยังไม่ทันที่จะตั้งหลักริมฝีปากของผมก็ถึงช่วงชิงโดยมือที่สามที่กระชากผมเมื่อครู่!! เพียงแค่สัมผัสที่ยิ่งกว่ายาเสพติดนี่ผมก็รู้แล้วว่าคือใคร...
ไอ้ซิการ์!!!
ในใจผมร้องคร่ำครวญให้รีบผลักร่างสูงออกไปหากแต่ดูเหมือนว่าร่างกายผมตอบสนองจูบของมันไปเองโดยไม่รู้ตัว ยังดีที่หมอนี่ปล่อยถอนจูบออกก่อนที่ผมจะรู้สึกรังเกียจตัวเองไปมากกว่านี้...
นี่ผมไม่ปฏิเสธจูบของไอ้ซิการ์ตั้งแต่เมื่อไร!!?
เฮอะ!! น่าสมเพชตัวเองชะมัด คราวหลังผมต้องต่อต้านจูบบ้าๆ นั่นให้ได้!!!
“กูขอคนของกูคืน!!”
ผมได้ยินเสียงไอ้ซิการ์ตวาดด้วยแรงอารมณ์ ดูเหมือนเจ้าตัวกำลังโกรธอะไรบางอย่าง ว่าแต่...โกรธอะไร?? ผมที่ยังงุนงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ผ่านไปเร็วมากกระทั่งสมองยังประมวลตามไม่ทันก็ถูกซิการ์ลากให้เดินลงเวทีไปด้วยแรงมหาศาลและขณะที่ผมเดินผ่านผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนดีไลท์นั้นเขาก็โน้มหน้าลงมากระซิบว่า...
“ฉันชื่อ ‘ดาร์กไลฟ์’ นะ ยินดีที่ได้รู้จัก J”
พลั่ก!!
ผมถูกมือหนาผลักไปกระแทกกับขอบอ่างในห้องน้ำด้วยแรงที่ไม่อาจจะต่อต้าน ตรงช่วงเอวที่ถูกกระแทกนั้นเจ็บแปลบจนต้องนิ่วหน้าและก่อนหน้านั้นร่างสูงก็ปิดประตูพร้อมทั้งกดล็อคไม่ให้คนภายนอกเข้ามาขัดจังหวะ ไอ้บ้าเอ๊ย!! ผมสถบในใจเมื่อถูกคนตรงหน้ากระทำแบบนี้อีกแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่าซิการ์โกรธอะไรผมนักหนา...หมอนี่เองไม่ใช่เหรอที่ให้ผมขึ้นไปประมูลจูบบ้าๆ นั่นเองน่ะ
แล้วทีตอนผมกำลังจูบกับคนอื่นอยู่ทำไมต้องกระชากผมออกมาด้วย?!
ฝ่ามืออุ่นร้อนคว้าข้อมือผมขึ้นมาพร้อมกับบีบแน่นเป็นการเตือนให้ผมได้รู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ นัยน์ตาขวางโลกที่ผมเกลียดแสนเกลียดนั่นก็ส่งกระแสอำมหิตออกมาให้ผมได้หวาดกลัวเล่นๆ
...แต่คนอย่างผมน่ะเหรอจะกลัว?
เหอะ! น้อยไปสิ!!!
“เอามือสวะๆ ของมึงออกไปเลยนะ!!”
ไม่รู้ว่าตัวเองใจกล้าหรือบ้ามากกันแน่ที่กล้าตวาดออกไปเช่นนั้น...แต่ผมก็ไม่เสียใจที่ทำแบบนั้นเพราะหมอนี่มันจะได้รู้เสียทีว่าผมน่ะ ‘เคี้ยวยาก’!!
ใบหน้าหล่อบัดซบของไอ้ซิการ์เครียดขึงด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นได้ที ส่งผลให้แรงบีบตรงข้อมือผมเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว...รอยยิ้มร้ายกาจที่ผุดพรายขึ้นในวินาทีถัดมานั่นมีอำนาจเร่งเร้าความตื่นกลัวของผมได้อย่างไม่น่าเชื่อ เชื่อได้เลยว่าหมอนี่ทำตัว ‘เลว’ ใส่ผมได้มากกว่าที่เคยทำครั้งก่อนๆ แน่ๆ!!
“คนที่เป็นสวะคือมึงมากกว่ามั้งไอ้ออสติน”
“งั้นมึงก็สวะชั้นต่ำกว่ากูอีกน่ะสิ...ไม่งั้นมึงคงไม่ ‘มีอะไร’ กับกูหรอกใช่ไหม” ผมกรีดยิ้มเยาะเย้ยถากถางใส่คนตัวสูงด้วยท่าทางที่กวนเส้นสุดๆ และนั่นก็ทำให้ซิการ์เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง หึ! โกรธสิ...โกรธเข้าไป!!
“ปากดีนักนะ”
“โอ๊ย!!”
เมื่ออีกฝ่ายโกรธจนเลือดขึ้นหน้ามือแกร่งก็จัดการกระชากหัวผมให้หันมาจ้องตามันตรงๆ บอกเลยว่าผมเจ็บหนังศีรษะจนน้ำตาแทบไหล แรงที่ทึ้งหัวผมนั่นมันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ! ซาดิสม์...ผมบริภาษไอ้เวรนี่ในใจพร้อมทั้งกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกที่เกลียดหมอนี่ขึ้นมาจับใจ
“มาดูซิว่ามึงจะปากเก่งแบบนี้ไปได้อีกสักกี่น้ำ!”
สิ้นสุดประโยคนั้นริมฝีปากร้อนจัดก็จู่โจมลงมาฉกฉวยริมฝีปากผมไปอย่างหน้าด้านๆ ก่อนที่จูบแสนเร่าร้อนที่สามารถแผดเผาทำลายล้างสติผมให้เหลือเพียงเศษธุลีจะเริ่มขึ้น อีกแล้ว...ผมต่อต้านจูบของไอ้เวรนี่ไม่ได้อีกแล้ว ที่น่าแค้นใจที่สุดก็คือผมดัน ‘ตอบรับ’ จูบนี้ด้วยน่ะสิ ทั้งๆ ที่รู้ตัวและมีสติครบร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ทำไมถึง...โว้ย!! ผมได้แต่สับสนอยู่อย่างนั้นและเมื่อตั้งตัวได้ผมก็กระชากมือของตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุมของอีกฝ่ายได้เป็นผลสำเร็จ
พลั่ก!
หมัดของผมชกเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาของไอ้ซิการ์อย่างแม่นยำราวกับจับวาง คนที่ถูกต่อยเซถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนที่มันยกมือขึ้นมาเช็ดเลือดที่มุมปาก ก็หมัดของผมเมื่อกี้ผมตั้งใจปล่อยเต็มแม็กเลยยังไงล่ะ!!
“สมน้ำหน้า!!!” ผมว่าอย่างสะใจเมื่อได้เห็นว่าคนอย่างไอ้หมอนี่เลือดตกยางออก
“เพิ่งรู้เหมือนกันนะว่ามึงนี่ก็ซาดิสม์เหมือนกัน ดี! แบบนี้กูชอบ!!”
ยิ่งกว่าความเร็วแสง!! ซิการ์พุ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับยกร่างของผมให้นั่งบนขอบอ่างก่อนที่วงแขนแข็งแกร่งจะโอบรัดแน่นรอบตัวผม ริมฝีปากที่ร้อนยิ่งกว่าเหล็กลนไฟนั่นทาบทับลงมาอีกครั้งและคราวนี้ทวีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ผมได้กลิ่นคาวเลือดจากริมฝีปากที่บดเบียดมาครั้งแล้วครั้งเล่า รสชาติฝาดเฝื่อนที่แยกไม่ออกว่ามาจากเลือดของมันหรือเลือดของผมนั่นทำให้ผมรู้สึกสะอิดสะเอียน
หลายครั้งหลายคราที่จูบนี่บดขยี้ผมจนแทบสติถูกล้างผลาญไม่มีเหลือ ซิการ์คุกคามผมอย่างต้องการที่จะเอาชนะ มันไม่แม้แต่จะเว้นช่วงให้ผมได้หายใจจนผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังขาดอากาศตาย
...ให้ตาย! หมอนี่มันกะจะทรมานผมไปถึงไหน!!!
ทว่า...ลึกๆ ลงไปข้างในหัวใจของผมกลับรักความเจ็บปวดที่ร่างสูงมอบให้อย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง เนิ่นนานกว่าจูบที่แสนป่าเถื่อนนี่จะแปรเปลี่ยนมาเป็นจูบที่โอนอ่อนลง...แต่ก็แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซิการ์ก็ยังเป็นซิการ์ เขาสามารถใช้ทุกวิถีทางให้ผมลดการต่อต้าน
ฝ่ามือร้อนล่วงล้ำเข้ามาสาบเสื้อผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบซ้ำกระดุมเสื้อของผมก็ยังค่อยๆ ถูกปลดออกไปทีละเม็ดทีละเม็ดอย่างชำนาญ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนเจนจัดเรื่องพวกนี้อย่างหมอนี่ซักเท่าไร แต่ที่น่ากลัวคือเสื้อของผมกำลังจะถูกถอดออกไปในไม่ช้านี่สิ...Damn! มันคิดจะทำอะไรผมในห้องน้ำรึไง!
“อ๊ะ! อย่านะโว้ย!!”
ผมร้องเสียงหลงเมื่อนิ้วเรียวกำลังจะปลดซิปกางเกงผมลงพลางคว้ามือไอ้วิการ์ไว้จนร่างสูงจิปากอย่างขัดใจ แต่สุดท้ายมันก็สะบัดผมหลุดพร้อมกับโน้มหน้าลงมาจูบผมอีกครั้ง
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เดาว่าน่าจะเป็นของไอ้ซิการ์...หากแต่ร่างสูงยังคงรุกรานผมต่อไปอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจกับเสียงคนโทรเข้ามา ผมพยายามผลักอกแกร่งหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล
“ไอ้ซิการ์! มึงรับโทรศัพท์สิวะ!!”
ผมตะโกนหวังให้ไอ้คนตรงหน้าได้สติกลับมาซักที ไม่อย่างนั้นแล้วอะไรๆ มันคงจะเลยเถิดไปมากกว่านี้แน่! ซิการ์ละริมฝีปากออกมาจากลำคอของผมด้วยท่าทางที่เสียดายระคนขัดใจอย่างเห็นได้ชัด พอก้มลงมองสำรวจสภาพตัวเองก็เห็นว่าท่อนบนเปลือยเปล่าเพราะเสื้อหลุดไปกองอยู่บนพื้น กางเกงก็เกือบถูกปลดตามไปด้วยอีก
ต้องขอขอบคุณคนที่โทรเข้ามา...เปรียบได้กับเสียงระฆังที่ช่วยผมเอาไว้ เฮ้อ...อยู่ใกล้คนอันตรายอย่างไอ้บ้านี่มันช่างไม่ดีเอาเสียเลย!
“ไอ้เหี้ยนี่จะโทรมาอีกทำไมวะ”
เมื่อร่างสูงอ่านชื่อของสายที่เรียกเข้ามาก็ว่าอย่างหัวเสียจนผมอดใจยื่นหน้าเข้าไปดูไม่ได้ และชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั่นก็ทำเอาผมใจหายวาบ
“...ดีไลท์...”
ผมครางชื่อเจ้าของใบหน้าหล่อร้ายที่แสนจะอำมหิตที่สุดในแปดโลก ตอนที่ดีไลท์โทรมาก่อสงครามกับไอ้ซิการ์และไอ้จัมพ์เมื่อเช้าไอ้ซิการ์คงจะเมมชื่อเอาไว้เผื่อมีอะไรฉุกเฉินล่ะมั้ง ไม่น่าเชื่อว่ามันยังจะโทรมาอีก!!
และ...จุดประสงค์ที่มันโทรมาคราวนี้ดูแล้ว ‘ไม่น่าไว้วางใจ’ อย่างบอกไม่ถูกเลย!!
“ของมึงน่ะ รับไปสิ”
ไอ้ซิการ์ยื่น iPhone มาให้ด้วยสีหน้าหงุดหงิดเข้าขั้นเลเวลสูงสุด...คงจะโมโหที่ถูกขัดจังหวะตอนที่กำลัง ‘เข้าด้ายเข้าเข็ม’ ล่ะมั้ง แต่ช่างเถอะ! ผมไม่สนใจหรอกเพราะตอนนี้ผมพุ่งเป้าไปยังไอ้ดีไลท์หมอแล้ว ผมรับโทรศัพท์นั่นด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย...กลัวเหลือเกินว่าถ้ากดรับแล้วเรื่องร้ายๆ จะเกิดขึ้น
แต่...สุดท้ายผมก็กดรับอยู่ดี...
“มึงโทรมาทำไม!”
ผมตวาดใส่ปลายสายทันที หากแต่เสียงเย็นเยียบที่โหดเหี้ยมอย่างบอกไม่ถูกของอีกฝ่ายก็ดังมาให้ความกลัวเข้าเกาะกุมทุกอณูความรู้สึก
[ทำไม...กูจะโทรมาไม่ได้เลยใช่ไหม หรือมึงไม่อยากเจอแพทเทิร์นแล้ว?]
ดีไลท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงการไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยในขณะที่ผมร้อนรุ่มจนอกแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้วยามเมื่อได้ยินชื่อเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของตัวเองจากปากเหี้ยๆ ของมัน...เหมือนเป็นการตอกย้ำอย่างหนึ่งเลยว่าไอ้แพทเทิร์นอยู่ในกำมือมัน และที่สำคัญต้นเหตุก็ดันเป็นเพราะผมด้วย...
แต่จะให้จมปลักอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ คงไม่ดีหรอกใช่มั้ย คิดหาทางตามหาไอ้แพทยังจะดีซะกว่า
...สาบานด้วยศักดิ์ศรีเลยว่าผมจะต้องช่วยแพทเทิร์นให้ได้!!
“มึงก็ปล่อยเพื่อนกูมาสิ”
[ฮ่ะๆ อย่ามาพูดอะไรตลกหน่อยเลย ลืมไปแล้วเหรอว่าเรายังมีเกมวิ่งไล่จับที่ต้องเล่นกันอยู่]
ไอ้ดีไลท์หมายถึงเกมที่พวกผมต้องตามหาแพทเทิร์นในระยะเวลาสามสิบวัน...หึ! คนอย่างมันนี่เลือดเย็นและเจ้าเล่ห์ไม่มีใครเกิน เห็นชีวิตคนเป็นแค่ ‘เกมเดิมพัน’ หรือไงถึงได้ทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ ผมคิดอย่างเคียดแค้นชิงชังในตัวของผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
“...”
[แต่ไม่แน่บางทีวันนี้มึงอาจจะได้ตัวแพทเทิร์นกลับไปก็ได้นะ...]
“มึงหมายความว่าไง?”
ทันทีที่ไอ้ดีไลท์เอ่ยเป็น ‘นัย’ ออกมาเช่นนั้นผมก็เอ่ยถามกลับไปด้วยความงุนงง ได้ตัวไอ้แพทกลับมาอย่างนั้นเหรอ? ให้ตายสิ! หมอนี่คิดจะทำอะไรอีกวะ!
[ถ้าตอนนี้มึงไปที่โรงแรม G มึงอาจจะได้ตัวเพื่อนของมึงกลับไป ว่าไงล่ะ]
“แล้วกูจะเชื่อคำพูดของมึงได้ยังไง”
ผมย้อนถามอย่างไม่ไว้วางใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมไอ้ดีไลท์ถึงได้พูดหลอกล่อเหมือนกับพยายามหว่านล้อมให้ผมไปที่โรงแรม G ให้ได้ แถมยังมีแพทเทิร์นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้วก็ยิ่งให้ให้จิตใจผมลังเลเลือกไม่ถูกว่าจะเชื่อคำพูดของมันดีหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ลางสังหรณ์ผมมันเริ่มทำงานแปลกๆ อีกแล้วน่ะสิ!
[ก็แล้วแต่มึงจะคิด แต่กูขอย้ำว่านี่ ‘อาจ’ เป็นโอกาสสุดท้ายที่มึงจะได้เจอกับเพื่อนสุดที่รักก็ได้]’
เสียงเย็นชาที่ฟังกี่ครั้งก็โหดเหี้ยมผิดมนุษย์นั่นทิ้งท้ายเอาไว้ให้ผมคลั่งเล่นๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะวางสายไป ผมยังคงกำ iPhone แบนหูค้างไว้อย่างนั้นราวกับว่าสติตัวเองหลุดลอยไปไหนก็ไม่ทราบได้
ดีไลท์...มึงคิดจะทำอะไรกันแน่!!!
WRITER TALK 2 J
ซิการ์...เร่าร้อนไปไหนครับ! =_= ห้องน้ำนะห้องน้ำ ไปทำอะไรก็ไปทำกันที่อื่นสิว้อยยยย นี่ถ้าดีไลท์ไม่โทรเข้ามาอะไรจะเกิดขึ้น TOT (XYZ แหงแซะ)แ กร๊าซซซซซซซ ฮ่าๆ ว่าแต่ที่ดีไลท์โทรมานี่อะไรกันนะ =[]= อยากรู้กันมั้ย ตอนหน้ามีเฉลยจ้า -3-
WRITER TALK J
นี่ไรต์คงไม่ลงนิยายเร็วเกินไปใช่ไหม ฮ่าๆ ^O^ ตอนนี้ฟิลเรื่องนี้กระฉูดมาก!! พล็อตหลั่งไหลออกมาไม่หยุดเลย >//////< ออสตินของเราดูท่าจะรับ ‘ศึกหนัก’ กับซิการ์ไปอีกนาน และซิการ์นี่ก็โรคจิตได้อีก! (ไม่มั้ง : ซิการ์) แต่ไม่รู้ว่าใครจะเลวกว่ากันนะระหว่างซิการ์กับ (ไอ้) ดีไลท์ =,.= กินกันไม่ลงเลยจริงๆ เดี๋ยวปั๊ดจับมาให้กินกันเองวะเลยนี่!!! (หัวเราะ ฮ่าๆๆ >O<///)
ส่วนเจนิวาตัวละครใหม่สุดฮอตที่โผล่มานี้กระซิบว่าเขาจะเป็นตัวละครหลักนิยายเรื่องใหม่ของไรต์เตอร์เอง ‘HOST CLUB’ แต่ตอนนี้อะไรยังไม่ลงตัวหลายๆ ด้านเลยยังไม่เปิดเรื่องน้า แต่ขอจดทะเบียนไว้ก่อนกร๊ากกกก >.,< ขอบอกว่าเรื่องนี้ผู้ชายเยอะมากถึง 15 คนกันเลย!!!! รออ่านกันหลัง Bastard!! จบนะคร้าบบบ ^O^
PS ขอบคุณที่ยังไม่จากกันไปไหนนะค้าบ ^O^ ไรต์มีกำลังใจมากมายที่ได้จากคอมเม้นต์ของทุกคนเลยจริงๆ อ่านแล้วชื่นใจมากกกก
PS2 ตอนนี้น่าจะมีถึง 150 Per. นะจ๊ะ >3<
ความคิดเห็น