ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของ

    ลำดับตอนที่ #7 : Bastard!! Screen 07 :: I’m your, Cigar. [105 Per.]

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 56


    Chapter 07

    I’m your, Cigar.

     

    กูเป็นของมึง...ไอ้ซิการ์

     

     

      

                [Austin’s side]

     

     

    ตลอดระยะเวลาที่ผมนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ผมร้อนใจจนแทบนั่งไม่ติดเบาะ...ในหัวผมวิ่งวุ่นไปมาแต่งเรื่องของไอ้แพท ไม่รู้ว่าป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง ถึงผมจะไม่ใช่คนดีอะไรนักแต่ผมก็เป็นห่วงมันนะ! มันคือเพื่อนคนเดียวของผม ถ้ามันเป็นอะไรไปเพราะผมล่ะก็...ผมคงจะมีตราบาปติดตัวไปชั่วชีวิต!!

     

     

    โอ๊ย!! จะบ้าตายอยู่แล้วโว้ย!!

     

     

    ผมสบถในใจขณะที่รถคันสีเหลือเขียวนี่แล่นต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งมันค่อยๆ ชะลอความเร็วก่อนจะจอดนิ่งสนิท อืม...คงจะถึงบ้านของพี่ไอ้แพทแล้วล่ะมั้ง ตอนขึ้นรถมาผมน่ะยื่นกระดาษที่ไอ้แพทมันจดให้ให้คนขับแล้วบอกให้ขับไปตามที่อยู่ในกระดาษน่ะนะ...

     

     

    ทว่า...หลังจากที่ผมก้าวเท้าลงจนรถนั้นผมก็อยากจะหันหลังกลับไปแทบจะในทันที!!

     

     

    หมอนี่มันคือพี่ชายไอ้แพทที่ชื่อจัมพ์...!!!

     

     

    ...และมันก็เป็นเพื่อนกับไอ้เวรซิการ์ด้วย!!!!

     

     

    สวัสดี ฉันชื่อจัมพ์ เจอกันอีกแล้วนะ .... J

     

     

    คำทักทายจากร่างสูงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าทำเอาผมหน้าหงิกอย่างไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด! เบื้องหลังเป็นบ้านขนาดใหญ่โตมโหฬารอลังการล้านช้างโคตรๆ =_= ไอ้เชี่ยนี่คือพี่ของไอ้แพทจริงๆ น่ะเหรอ...

     

     

    เฮอะ! ใบหน้าหล่อเหลาของไอ้หมอนี่ไม่เข้ากับนิสัยเหี้ยๆ ของมันเลย!!! 

     

     

    กูไม่มีทางยอมลดตัวมาที่นี่แน่ถ้าไม่จำเป็น!!!!”

     

     

    ผมตวาดลั่นถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นพี่ชายไอ้แพทและก็กำลังเป็นคนที่ช่วยเหลือผมอยู่ก็ตาม...เรื่องเมื่อเช้าที่มันกลั่นแกล้งผมด้วยเรื่องไอ้ซิการ์นั่นผมยังแค้นไม่หายเลย

     

     

    ดีแค่ไหนแล้วที่คนดีๆอย่างกูช่วยมึงไว้!!!!

     

     

    มันพูดจาหยาบๆ ใส่ผมกลับเมื่อเห็นว่ามันเองก็ทำตัวเหี้ยๆ ใส่มันเช่นกัน ต่อให้มันจะเป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยผมตามคำขอของไอ้แพท แต่ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นคนดีหรอกนะ

     

     

    ไอ้ความชั่วช้าสามานย์ที่มองปราดเดียวก็ดูออกนั่นน่ะ...

     

     

    เหมาะสมแล้วที่แม่งเป็นเพื่อนกับไอ้ซิการ์!!!นึกถึงตรงนี้แล้วผมก็อดเคียดแค้นไม่ได้ ไอ้ชั่วนั่นมันทำอะไรกับผมไว้ผมยังจดจำได้ดีราวกับตราบาปที่ลบเลือนยังไงก็ไม่มีวันเลือนหาย!

     

     

    เฮอะ!คนดีงั้นหรือ....? มึงมันก็เหี้ยไม่ต่างจากไอ้ซิการ์เพื่อนมึงหรอก เพราะมึงมันเหี้ยเหมือนกันไงล่ะ มึงถึงได้คบกันได้!!!!!

     

     

    ผมจงใจส่งกระแสเกลียดชังผ่านแววตาไปยังคนตรงหน้าอย่างไม่ปกปิด หากแต่แทนที่อีกฝ่ายจะโกรธหรือมีปฏิกิริยาที่แสดงออกว่าไม่พอใจออกมาบ้างกลับกรีดรอยยิ้มเลวๆ ที่มุมปากแทน

     

     

    กูยอมรับว่าเพื่อนกูน่ะเหี้ย แต่มึงก็ไม่ต่าง บอกกูซิ ออสติน แล้วสิบแปดมงกุฎอย่างมึง มีดีที่ตรงไหนหรอ หึ!

     

     

    “....!!!!!!!!!!!!

     

     

    ...ไอ้เชี่ยจัมพ์!!!!!

     

     

    เข้ามาข้างในก่อนสิ กูรับปากน้องกูไว้แล้วว่าจะช่วยมึง แต่ถ้ามึงยืนยันอยากจะยืนตากแดดตากลมอยู่ตรงนั้นต่อไปก็แล้วแต่มึงนะ!” ไอ้จัมพ์แสยะยิ้มร้ายกาจก่อนที่ผมจะกำมือแน่นด้วยอารมณ์คุกรุ่นที่กำลังปะทุดุเดือดขึ้นมา มันเหลือบมองแขนข้างซ้ายของผมที่เป็นรอยแผลและมีคราบเลือดเกรอะแห้งกรังเปื้อนอยู่ด้วยนัยน์ตาคู่คม

     

     

    กรีดแขนตัวเองหรือไง ทนอยู่ในโลกนี้ไม่ได้แล้วหรือ ฮ่าๆๆๆๆ ใจเย็นออสติน นายยังต้องรู้จักด้านมืดๆของโลกเน่าๆ ใบนี้อีกเยอะ!!!

     

     

    หึ! ทำเป็นมาสั่นสอนกู...

     

     

    โลกใบนี้มันเลวร้ายยังไงกูรู้ดีและคงรู้ซึ้งไปจนชั่วชีวิตของกูนั่นแหละ!!

     

     

    “...!!!!!

     

     

    ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบโต้ร่างสูงตรงหน้าก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวผมพร้อมกับกระชากผมเขาไปหาร่างแกร่ง...ริมฝีปากก็แสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง

     

     

    และฉันจะเป็นคนสอนนายเอง!!!!”

     

     

    ไอ้จัมพ์ลากผมเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่รอให้ผมร้องท้วงใดๆ แวบหนึ่งผมนึกกลัวว่ามันจะทำอะไรผมก่อนจะกลับเรียบเฉยดั่งเดิมเพราะรู้ดีว่ายังไงมันก็ไม่กล้าทำอะไรผมแน่ๆ เมื่อเข้ามาในอาณาเขตุใหญ่โตของบ้านหลังนี้แล้วมือหนาก็จัดการผลักผมลงบนโซฟาราคาแพงก่อนจะเรียกเมดมาหาอะไรให้ผมดื่ม

     

     

    เดี๋ยวเธอช่วยเตรียมจัดห้องพักไว้ห้องนึงนะ ห้องไหนก็ได้ เพื่อนฉันจะมาอยู่ด้วยซักพักนึง

     

     

    ทันทีที่ได้รับคำสั่งแม่บ้านคนนั้นก็พยักหน้ารับและเดินออกไปตามคำสั่งของเจ้านาย...

     

     

    เฮอะ!! อำนาจบาตรใหญ่ซะจริงนะ!!!!

     

     

    ผมคิดในใจอย่างนึกอดหมั่นไส้ไม่ได้ และตอนนั้นเองที่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา

     

     

    Rrrrrrrrrrrrrrrrrr

     

     

    ไอ้จัมพ์คว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูก่อนที่ริมฝีปากสีสดนั่นจะแสยะยิ้มอีกครั้ง...ยิ้มซะจนผมเสียวสันหลังวาบ และเมื่อมันชูหน้าจอมาทางผมเท่านั้นดวงตาของผมก็เบิกกว้างเมื่อเห็นชื่อของสายที่เรียกเข้ามา

     

     

     

    สายเข้า >>> Cigar

     

     

     

    มือผมเตรียมจะแย่งโทรศัพท์นั่นไปหากแต่มันกลับหลบได้พร้อมกับส่งคำขู่ร้ายกาจมาให้

     

     

    ถ้าไม่อยากให้ฉันบอกซิการ์ว่านายอยู่ที่นี่ ก็อย่ามาสร้างปัญหาให้ฉันเด็ดขาด!!!!”

     

     

    ไอ้ห่านี่ตวาดผมเสร็จสรรพก็เดินออกไปทันที...เชี่ยเอ๊ย!!! ผมเกลียดมันชะมัดเลย ให้ตาย!! เกลียดเพื่อนมันด้วย ชาติที่แล้วผมทำไปบาปทำกรรมอะไรให้พวกมันกันนะ!!

     

     

     

     *

     

     

     

    ผมแอบมาสำรวจรอบบ้านไอ้จัมพ์อย่างถือวิสาสะ...หึ! ใครจะไปสนล่ะ ผมเองก็ต้องเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ก่อนสิ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้เอาตัวรอดได้ทันท่วงที เจ้าของบ้านแม่งหายหัวไปไหนก็ไม่รู้...ซึ่งมันก็ดีแล้วน่ะนะ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องห้องหนึ่งนั้นเองพลันหูก็ได้ยินเสียงโครมครามยกใหญ่คล้ายกับคนกำลังพยายามพังประตูเพื่อหนีออกมา

     

     

    ประตูบานนั้นถูกล็อคด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่ หากแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเลยทำให้ผมเดินเข้าไปหาเพื่อสะเดาะกุญแจด้วยลวดเส้นเล็กๆ ที่มักพกติดตัวไว้เสมอ

     

     

    ...ก็สิบแปดมงกุฎอย่างผมน่ะต้องมีความสามารถแบบนี้รอบด้านอยู่แล้ว J

     

     

    ไม่นานนักแม่กุญแจก็ถูกปลดล็อคออกได้อย่างง่ายดาย ผมรีบดึงมันออกก่อนจะเปิดประตูให้อ้าออกกว้าง...สิ่งแรกที่ผมเห็นคือผู้ชายร่างแบบบางดูได้สัดส่วนกำลังทรุดตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง...

     

     

    นี่มันห่าอะไรกันวะ!!!

     

     

    ...อย่าบอกนะว่าไอ้จัมพ์มันขังคนทั้งคนไว้ในห้องน่ะ!!

     

     

    ไร้มนุษยธรรม!! เลวเกินไปแล้ว!!!!

     

     

    “ได้ยินเสียงโครมคราม เลยเดินมาดู ไม่คิดว่าจะ...” ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยจบประโยคดีร่างตรงหน้าก็ปรี่เข้ามาจับแขนผมทันทีด้วยแววตาเว้าวอน

     

     

    ได้โปรด ช่วยผมด้วย พาผมออกไปจากที่นี่ที!!!!”

     

     

    น้ำเสียงนั่นทำให้ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพยักหน้ารับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าหมอนี่เจออะไรมาบ้างถึงต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้ได้...หากแต่ผมรู้ความรู้สึกของคนตรงหน้าดี ถูกจองจำไว้อย่างนี้...มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเท่าไรหรอกนะ!และสุดท้ายตอนนี้ผมก็พาอีกฝ่ายหนีออกไปจริงๆ =_=

     

     

    “นายชื่ออะไร”

     

     

    ผมถามขณะที่สอดส่องสายตาหาทางหนีทีไล่ไปด้วย จะว่าไปการพาคนหนีนี่มันก็ลุ้นระทึกดีเหมือนกันนะเกือบมีคนจับได้หลายรอบแต่ผมก็ใช้ความชำนาญในการหนีของตัวเองหลบได้ทันทุกครั้ง

     

     

    “เค...เอ่อ คิง”

     

     

    หากแต่อีกฝ่ายตอบตะกุกตะกักอย่างไรชอบกล เอาเถอะ! ผมจะไม่สนใจอะไรมากก็แล้วกันแค่หาทางหนีจากภายโคตรอภิมหาบึ้มใหญ่บิ๊งเบ้งหลังนี้ก็เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้ว!

     

     

    ฉันออสติน ฟังนะ ถ้านายรอดไปได้ อย่าบอกใครว่าฉันเป็นคนช่วยนายเด็ดขาด!!! เข้าใจใช่ไหม!!!!!

     

     

    ผมหันมาพูดกับคิงเมื่อมาถึงหลังบ้านที่มีต้นไม้ปลูกอยู่เต็มไปหมดช่วยให้พวกผมพรางตัวได้เนียนขึ้น ต่อจากนี้ถ้าหมอนี่ปีนออกไปทางด้านหลังก็หนีรอดได้แล้ว คิงพยักหน้าก่อนจะตอบรับอย่างหนักแน่น

     

     

    “อะ...อือ เข้าใจ!!

     

     

    “ดีมาก...รีบไปซะ”

     

     

    ผมส่งยิ้มให้อีกร่างบางตรงหน้าขณะที่เจ้าตัวกำลังปีนกำแพงหนีไป แต่ในขณะนั้นเองเสียงตะโกนเข้มๆ ก็ดังขึ้น...เล่นเอาแผ่นหลังผมชาวาบไปทั่วทั้งส่วนเลยทีเดียวเมื่อระลึกได้ว่าเสียงที่ได้ยินมันคือเสียงของไอ้เชี่ยจัมพ์!! แม่งตามมาได้ยังไงวะ!!!!

     

     

    “ไอ้คิง!!!!!

     

     

    หากแต่ไม่ทันแล้วเพราะคิงมันปีนออกไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเห็นว่าตามไม่ทันสายตาคมๆ ที่มีอำนาจเชือดเฉือนก็ตวัดมายังผมทันที

     

     

    ออสติน!!!!!

     

     

    เสียงตวาดก้องดูก็รู้ว่าคนพูดโกรธจัดแค่ไหนหากแต่ผมก็จ้องตอบกลับไปอย่างไม่กลัว! ผมรู้ว่ามันคงจะแค้นใจมากที่ผมปล่อยตัวผู้ชายที่ชื่อคิงไป แล้วไงล่ะ!? กูไม่แคร์เสียอย่าง!!

     

     

    พวกมึงนี่มันโรคจิตไม่ต่างกัน!!!!จับเขามาขัง!!!! ทำได้ยังไง!!!! ทุเรศ!!!!!! เหอะ!!! กูสมควรช่วยเขาแล้ว!!!!”

     

     

    ผมยืนกอดอกพลางใช้สายตาตัวเองจ้องมันอย่างกับจะกินเลือดกันเนื้อ ไอ้จัมพ์เองก็มองมายังผมด้วยแววตาที่คล้ายกับสัตว์ป่ากำลังจะล่าเหยื่อ...มันล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดยิกๆ และส่งยิ้มเหี้ยมมาให้ในเวลาต่อมา

     

     

    จำคำพูดกูไว้อย่างนะออสติน ใครไม่เกี่ยวถอยไป ยังไม่อยากตายอย่าเสือก!!!!!

     

     

    จากนั้นมันก็ชูโทรศัพท์มาจ่อหน้าผม

     

     

     

    ซิการ์ มาเอาเมียมึงกลับไปเดี๋ยวนี้!!!!!!!

     

     

     

    ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าข้อความนี้ถูกส่งออกไปยังผู้รับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แผนการโต้กลับของไอ้จัมพ์มันเหนือชั้นมาก!! มากจนผมไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะโดน อะไรต่อจากนี้!!!!!

     

     

     

     *

     

      

     

     

    ภายในพื้นที่คับแคบในสปอร์ตคาร์คันงามดูจะร้อนระอุขึ้นทบเท่าทวีคูณทั้งๆ ที่ความเย็นจากแอร์ที่กำลังทำงานตามปกตินั้นไม่ได้หายไปแต่อย่างใด...หากแต่ริมฝีปากที่บดเบียดมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักพอ ตักตวงรสชาติหอมหวานไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งนั่นเป็นการเพิ่มอุณหภูมิและเร่งอัตราการเต้นของหัวใจให้ระรัวยิ่งขึ้นต่างหาก ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดไล่เลียแลกเปลี่ยนกันนั้นทำเอาผมแทบคลั่ง!

     

     

    ทุกครั้งที่ฟันคมๆ นั่นขบเม้มแรงๆ ลงมาที่ริมฝีปากบนและล่างอย่างไม่กลัวว่าผมจะเจ็บนั้นเหมือนตัวเองจะขาดใจตายเสียให้ได้ ลมหายใจก็หอบถี่เร็วรัวซะจนน่าหวาดหวั่น...

     

     

    “อื้อ...แฮก...”

     

     

    คุณเชื่อไหมว่าที่ผมต้องมาตกอยู่ในสภาพก็เพราะข้อความที่ไอ้จัมพ์ส่งไปให้ ใครบางคนและไอ้คนคนนั้นก็บึ่งรถมาหาผมภายในเวลาสิบนาที...ก่อนที่ผมจะถูกนำตัวขึ้นรถคันนี้มา

     

     

    ใช่...คุณเดาไม่ผิดหรอก คนที่กำลังครอบครองริมฝีปากผมอยู่ตอนนี้ก็คือไอ้ซิการ์!!

     

     

    “แค่นี้ถึงกับหอบเลยรึไงที่รัก J

     

     

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายมีอำนาจปลุกปั่นอารมณ์ผมให้กรุ่นโกรธได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ผมชักสีหน้าเมื่อคนตรงหน้าผละริมฝีปากไปอย่างอ้อยอิ่งคล้ายกับจะกลั่นแกล้งผมยังไงยังงั้น

     

     

    “ปล่อยกูไปซักที!!

     

     

    ผมตวาดเข้าใส่อย่างมีอารมณ์...หากทว่าไอ้ซิการ์กลับแสยะยิ้มร้ายกาจก่อนจะกระชากเกียร์รถแรงๆ จนมันทะยานไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วที่ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปาเข้าไปร้องสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วไอ้คนขับ (นรก) ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลดความเร็วลง

     

     

    ...Damn you Cigar!!!

     

     

    ไอ้บ้านี่จงใจแกล้งผมชัวร์!!!!

     

     

    ของเล่นที่พึ่งได้มาจะปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไงกันล่ะ จริงมั้ย J

     

     

    เสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอนั่นทำให้ผมเกิดอยากจะเหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าหล่อๆ ของอีกฝ่ายให้หายแค้น แต่ก็ทำได้แค่เพียงในความคิดเท่านั้น ดูจากสภาพแล้ว...นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะต่อกรกับมันได้ รอเป็นทีของผมบ้างเถอะ พ่อจะเล่นให้เจ็บช้ำไปถึงทรวงเลยเชียว!!!

     

     

    “กูไม่ใช่ของเล่นของมึง”

     

     

    “อ้อ...จริงสิ มึงเป็น เมียของกูนี่นะ”

     

     

    “ไอ้เวรเอ๊ย!!!

     

     

    ผมสบถด่าทออีกฝ่าย...แม่งเอ๊ย!!! มันทำให้ผมนึกเรื่องเรื่องราว คืนนั้นขึ้นมาได้ทำไมกัน! ผมอุตส่าห์พยายามไม่นึกถึงตอนที่มันทำอะไรผมอยู่แล้วเชียว แต่ก็นั่นแหละ...ผมไม่อาจจะปฏิเสธความจริงได้เลยว่าผมตกเป็นของมันแล้ว เฮอะ!! น่าสมเพชสิ้นดี!!!

     

     

    ผมนั่งกอดอกพลางทอดสายตามองไปทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถซึ่งให้ความอภิรมย์มากกว่าที่จะมาต่อล้อต่อเถียงกับไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่เยอะ!

     

     

    “ตายไปแล้วเหรอไง ไม่พูดไม่จาเลยเนี้ย”

     

     

    แต่เชื่อเถอะ...ต่อให้ผมเงียบไม่ตอบโต้ยังไงไอ้ซิการ์ก็ยังหาเรื่องมาตีรวนผมได้อยู่ดี เชื่อแหละว่ามันคงเป็นความสามารถของเจ้าตัวที่ใครก็ไม่น่าจะเลียนแบบได้ ใช่...ไอ้ความสามารถที่กวนประสาทคนอื่นให้เกิดคลั่งขึ้นมาฆ่าเขาได้น่ะไม่มีใครเลียนแบบได้แน่นอน!!

     

     

    “...”

     

     

    ผมปัดความโมโหภายในใจออกไปและยังไม่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น บอกตามตรงว่าที่ผมเงียบไม่ใช่เพราะผมยอมแพ้แต่เพราะผมกำลังเป็นห่วงไอ้แพทมันต่างหาก! ตอนแรกที่อยู่กับไอ้จัมพ์ผมอาจจะรู้ข่าวไอ้แพทมันได้ แต่ถ้าอยู่กับไอ้ซิการ์นี่ผมเองก็ไม่รู้จะไปหาไอ้แพทยังไงดีเหมือนกัน

     

     

    เอี๊ยดดดดดดด!!!

     

     

    เสียงล้อบดกับถนนเนื่องจากแรงเบรกกะทันหันนั่นทำให้ผมสะดุ้งออกมาจากภวังค์ความคิดของตัวเอง ดีที่ผมคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ไม่งั้นหัวผมคงได้ทิ่มไปปักกระจกหน้ารถแน่ๆ ก็คนขับเล่นเบรกเต็มแรงซะขนาดนั้นทั้งๆ ที่รถวิ่งมาด้วยความเร็วไม่ใช่น้อยๆ เลย หากแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้โวยร่างของผมก็ถูกกระชากให้หันใบหน้าไปยังคนบงการก่อนที่ริมฝีปากผมจะถูกช่วงชิ่งไปอีกครั้ง

     

     

    “อื้อ~

     

     

    ผมได้แต่ส่งเสียงครางในลำคอเพราะจูบที่จาบจ้วงและรุนแรงจะอีกฝ่ายนั้นไม่เปิดช่องว่างให้ผมได้ป้องกันตัวเองเลย ลิ้นร้อนที่กระหวัดสำรวจไปทั่วทั้งโพรงปากนั้นร้อนแรงเสียจนผมเคลิ้มไปชั่วขณะราวกับว่าร่างผม ตอบสนองไปเองอย่างคุ้นชินกับสัมผัสที่เขามอบให้

     

     

    มันเป็นเรื่องน่าโมโหที่ตัวเองเผลอคิดไปเช่นนั้น ผมยกมือทุบแผ่นอกของร่างสูงตรงหน้าไม่ยั้งมือด้วยความอยากได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระทว่ามันก็ไร้ผลใดๆ อย่างสิ้นเชิงเมื่อมือเรียวทั้งสองข้างถูกรวบไว้ด้วยแรงที่มากกว่าก่อนจะกดไว้แน่นกับกระจกรถ

     

     

    สายรัดนิรภัยทำให้ผมไม่อาจเคลื่อนไหวได้ดั่งใจนึกซ้ำยังถูกมือแกร่งอีกข้างของคนตัวสูงเกี่ยวรอบแถวๆ ช่วงบั้นเอวไว้คล้ายกับเชือกที่พันธนาการร่างทั้งร่างเอาไว้อย่างแน่นหนา

     

     

    เสื้อของผมถูกเลิกขึ้นจนหน้าท้องแบนราบของตัวเองสัมผัสกับอากาศเย็นๆ ภายในรถสร้างความรู้สึกวาบหวิวแปลกประหลาดให้ก่อตัวขึ้นในกาย ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับมาหลายต่อหลายครั้งจนผมเริ่มโอนอ่อนผ่อนตามตอบรับสัมผัสนั้นในที่สุด...เชื่อแล้วว่าคนคนนี้มันคือปีศาจที่จำแลงกายมาในร่างมนุษย์

     

     

    ...เพราะผมไม่อาจขัดขืนปีศาจตนนี้ได้เลย

     

     

    และอย่าลืมว่ามันคือปีศาจที่คำว่า ชั่วช้าสามานย์ ยังน้อยไปสำหรับมัน!

     

     

    ริมฝีปากที่ผละจากไปเป็นการให้ผมได้พักหายใจกอบโกยอากาศเข้าปอดกลับรุกล้ำเข้ามาอีกครั้ง...เป็นอย่างนี้ซ้ำๆ เรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น สัมผัสที่เหมือนกับสิ่งเสพติดชนิดหนึ่งนี้ทำเอาผมมึนงง ในหัวขาวเบลอไปหมด บางครั้งสันจมูกของอีกฝ่ายก็ระรานไปทั่วซอกคอผมคล้ายกับจะกลั่นแกล้งให้ผมทรมานระคนสุขสมไปในคราวเดียว...ซึ่งบอกได้เลยว่านั่นยิ่งทำให้แรงต่อต้านของผมที่มีน้อยอยู่แล้วลดลงไปกว่าเดิมอีก

     

     

    รสจูบเร่าร้อนของอีกฝ่ายส่งผ่านเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ มือเรียวที่ประทองใบหน้าผมไว้เพื่อให้ง่ายต่อการถ่ายทอดยาเสพติดที่เรียกว่าความลุ่มหลงมายังผมที่สติใกล้จะเลือนรางเต็มทน

     

     

    “ทำบ้าอะไรของมึงวะ”

     

     

    ผมบริภาษพลางยกมือขึ้นถูกริมฝีปากซ้ำไปซ้ำมาทั้งๆ ที่มากกว่านี้หมอนี่ยังเคยทำกับผมมาแล้ว...ไม่หรอก เพราะจูบเมื่อครู่มันทำให้ความรู้สึกแปลกๆ ก่อตัวขึ้นมาในใจผมต่างหากเลยต้องรีบแสร้งทำเป็นกลบเกลื่อนแบบนี้

     

     

    “อ้าว? พูดได้แล้วเหรอ วิธี ง้างปากคนหัวดื้ออย่างนายนี่ได้ผลแฮะ”

     

     

    เสียงเข้มคล้ายกับจะภูมิใจในผลงานของตนเอง นิ้วเรียวลากไปไปตามริมฝีปากบางเฉียบของเจ้าตัวนั้นช่างเป็นท่วงท่าที่เซ็กซี่ไม่หยอกเลย ผมทำหน้ามุ่ยเมื่อรู้ว่าจูบเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงการแกล้งกันอย่างหนึ่งของหมอนี่เท่านั้นเอง แค่อยากเอาชนะผมก็แค่นั้น!

     

     

    มันน่าฆ่าให้ตายคามือชะมัด!!

     

     

    “กูจะพูดหรือไม่พูดมันก็เป็นเรื่องของกู เลิกยุ่งกับชีวิตกูสักทีเหอะ”

     

     

    “หึ! คาดว่ากูคงจะทำอย่างที่มึงพูดไม่ได้ เพราะต่อจากนี้ไปชีวิตมึงต้องมีกูคอยตามจองล้างจองผลาญไปจนกว่ากูจะเบื่อน่ะนะ J

     

     

    คุณรู้มั้ยว่ามันยากแค่ไหนกับการสะกดกลั้นอารมณ์ที่พุ่งทะลุจุดสูงสุดของตัวเองไว้...มือของผมที่กำหมัดแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าเนื้อนั้นยังไม่พอที่จะทำให้แรงโกรธของผมลดลงได้เลย ไม่เข้าใจเลยว่ามันจะทำร้ายผมไปถึงไหน ที่มันทำกับผมไว้ในคืนนั้นมันยังไม่สาแก่ใจอีกหรือไง แค่ผมไปกระตุกหนวดมันเข้ามันก็ต้องถึงขนาดจองเวรจองกรรมไปตลอดเลยใช่มั้ย! นี่มันบ้าอะไรกันวะ!!!

     

     

    เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าผมกำลังนึกแค้นมันในใจจึงหัวเราะหึๆ อย่างเย้ยหยันก่อนจะเปิดตูลงจากรถไปเดินอ้อมมาหาผมยังอีกฝั่งและเปิดประตูให้อย่างกับสุภาพบุรุษ...

     

     

    สุภาพบุรุษงั้นเหรอ...เหอะ!!

     

     

    “จะลงมาได้ยังครับ หรือจะรากงอกตายอยู่ตรงนี้”

     

     

    วาจาสุนัขไม่รับประทานนั่นมันน่าตกปากคนพูดให้เลือดกบปากเสียจริง! ผมก้าวท้าวลงมาจากรถคันงามนั่นอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนักแต่จะให้นั่งอยู่ในนั้นตลอดไปก็ใช่ที่ ตอนนี้ผมต้องหาทางหนีได้สักทางสิน่า

     

     

    “อย่าคิดจะหนีล่ะ...ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่!

     

     

    ซิการ์ขู่ราวกับล่วงรู้ความคิดในใจผมทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างนั้น เอาล่ะสิ...คราวนี้ผมจะหนีก็ไม่ได้เสียด้วยเพราะรู้ดีว่าไอ้หมอนื่คงจะทำตามอย่างที่ปากว่าไว้แน่ๆ

     

     

    “พาฉันมาที่ไหนเนี้ย”

     

     

    ผมเปลี่ยนเรื่องคุยขณะที่มองไปรอบตัวก่อนจะพบว่าตัวเองอยู่หน้าร้านอะไรสักอย่างหนึ่ง สภาพที่ดูใหม่ของมันนั้นดูก็รู้ว่าคงจะได้รับการดูแลซ่อมแซมอย่างดี และที่สะดุดตาที่สุดก็คือป้ายขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่พาดอยู่เหนือประตูขึ้นไปว่า ‘Nazi’s Tattoo’ ...ที่นี่มันอะไรกันน่ะ?

     

     

    “หึๆ บอกก็ไม่สนุกน่ะสิ”

     

     

    ผมล่ะเกลียดจริงๆ ไอ้สีหน้าร้ายกาจของหมอนี่น่ะ!!!

     

     

    ร่างของผมถูกอีกฝ่ายกระชากให้เดินตามเข้าไปในร้านก่อนที่ผมจะเห็นร่างสูงโปร่งแบบบางร่างหนึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์รายวันอยู่บนโซฟา ฝ่ายนั้นพับหนังสือพิมพ์ลงเมื่อรู้ว่ามีผู้มาเยือนพร้อมกับปรายสายตาที่มีแต่ความเรียบเฉยมายังผมกับซิการ์ ผมอดคิดไม่ได้ว่าคนคนนี้ขี้ร้อนหรือยังไงถึงได้สวมกางเกงยีนที่เอวโหลดต่ำโคตรๆ จนเห็นกระดูกเชิงกรานที่สุดแสนจะสวยงาม ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่าโชว์สัดส่วนสมบูรณ์แบบที่ไม่ว่าจะเป็นแผ่นอกที่มีกล้ามเนื้อบางๆ หากทว่าเซ็กซี่ไม่หยอกหรือหน้าท้องที่แบนราบหากกลับมีซิกซ์แพกส์พอประมาณให้เขย่าใจคนมองเล่น

     

     

    ใบหน้าที่นิ่งเฉยจนติดจะเย็นชานั่นเสริมความดูดีมีเสน่ห์ใครเจ้าตัวเพิ่มขึ้นไม่รู้ตั้งเท่าไรต่อเท่าไร ไหนจะดวงตาสีสนิมคู่คมที่เรียวรีกับเส้นผมสีแพลตตินั่มบลอนด์ที่ตัดสั้นๆ และซอยพอได้ทรงอีกล่ะ...

     

     

    ...บอกได้เลยว่าคนตรงหน้าผมนี้ช่างสง่างามและน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน!!

     

     

    “พาใครมาน่ะไอ้ซิการ์...”

     

     

    เสียงทุ้มติดจะแหบพร่านั่นเอ่ยถามพร้อมกับที่นิ้วเรียวบางจะยกขึ้นชี้มายังผมที่ยืนอยู่ข้างกายไอ้ซิการ์...สองคนนี้รู้จักกันอย่างนั้นเหรอ

     

     

    “พาเมียมา ตีตราน่ะ มึงช่วยทำให้กูหน่อยสิไอ้นาซี”

     

     

    ...กูไม่ใช่เมียมึงโว้ยไอ้ซิการ์!!! ผมโวยในใจหากไม่ได้พูดออกไปเพราะยังคงงงกับสถานที่แห่งนี้อยู่

     

     

    “...งั้นเหรอ ตามเข้ามาสิ”

     

     

    สองคนนี่พูดกันเข้าใจอยู่แค่สองคนในขณะที่ผมล่ะสุดแสนจะเป็นงงมาก! นาซี (ผมรู้ชื่อของหมอนั่นแล้ว) นำเดินไปยังโซนที่อีกถัดไปทางด้านหลังของร้าน ตลอดเวลาที่ตามไปนั้นนั้นมือของไอ้ซิการ์ก็ยังคงจับแขนผมไว้แน่นไม่ยอมห่างจนกระทั่งผมถูกผลักให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งนั่นแหละ!!

     

     

    เวรเอ๊ย!! ผลักมาได้ไงกันวะ!!!

     

     

    “จะสักคำว่าอะไรล่ะ”

     

     

    นาซีเอ่ยถามขณะหยิบเครื่องมืออะไรออกมาซึ่งผมไม่ทันได้สังเกต...ว่าแต่ สักงั้นเหรอ? จริงสิ! ตั้งแต่ผมเข้ามาในที่แห่งนี้ผมก็เห็นว่ามีโปสเตอร์เกี่ยวกับรอยสักเต็มผนังไปหมด หรือว่า...!!!

     

     

    “นั่นสิ...จะให้หมอนี่สักคำว่าอะไรดีน้า...”

     

     

    ซิการ์จงใจลากเสียงยาวอย่างกำลังยียวนกวนประสาทผมพร้อมกับใช้นัยน์ตาคู่คมกริบนั่นมองมา... ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าจุดประสงค์ที่เขาพาผมมาที่นี่เพื่ออะไร!

     

     

     *

     

     

    I’m your, Cigar

     

     

    บนหน้าท้องผมตรงช่วงเหนือสะดือค่อนไปทางด้านซ้ายนั้นบัดนี้มีรอยสักขนาดเกือบหนึ่งฝ่ามือพาดผ่านเป็นประโยคประโยคหนึ่งที่แทบจะทำให้ผมคลั่งตายเอาให้ได้ นาซีที่เป็นคนสักรอยสักนี้ขึ้นมาเองกับมือมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

     

     

    “โกรธฉันหรือเปล่า”

     

     

    เสียงแหบๆ ถามผมขณะที่เจ้าตัวเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อยเป็นที่เป็นทาง หึ! ผมไม่ได้โกรธหมอนี่หรอกแต่โกรธไอ้คนที่เป็นตัวต้นเหตุซึ่งตอนนี้ออกไปรออยู่ด้านนอกแล้วต่างหาก!!!

     

     

    “ไอ้ซิการ์น่ะ...มักจะพาคนมาตีตราเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเสมอน่ะ”

     

     

    เมื่ออีกฝ่ายเห็นผมยังคงเงียบอยู่จึงพูดต่อ ไอ้คำว่า ตีตราที่ว่านั่นก็คือการสักนั่นเอง ผมมองคำว่า I’m your, Cigar บนหน้าท้องตัวเองแล้วรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันใด...ประโยคนั้นแปลได้เป็นภาษาไทยได้ประมาณว่าผมเป็นของไอ้ซิการ์...ราวกับว่ามันต้องการจะย้ำเตือนผมว่ามันคือเจ้าของผมยังไงยังงั้น และรอยสักนี่ก็คงทนลบออกได้ยากเสียด้วย

     

     

    ผมรู้จากนาซีมาอีกว่าเขาสนิทกับไอ้ซิการ์พอสมควรและมีความชำนาญในด้านการสัก ซึ่งลูกค้าประจำอย่างไอ้ซิการ์ก็จะพาเหยื่อแต่ละคนของมันมาตีตรากันทั้งนั้น

     

     

    ไม่เข้าใจเลยว่าไอ้เชี่ยซิการ์จะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร...

     

     

    หึ! เชื่อได้เลยเหยื่อแต่ละคนของมันน่ะต้องเจ็บช้ำทุรนทุรายกันทุกคนแน่ๆ ยามที่ได้เห็นรอยสักนี่อยู่บนตัวหลังจากถูกไอ้เวรนั่นเฉดหัวทิ้งไปแล้ว!

     

     

    “รอยสักนี่ลบได้ไหม”

     

     

    ปากผมถามไปอย่างนั้นเองเพราะรู้ดีว่ารอยสักนี่มันเป็นรอยสักถาวร...เรียกได้ว่าสักเข้าเนื้อก็ไม่ผิดนัก หากแต่ในหัวผมก็อยากดันทุรังหาวิธีลบไอ้รอยสักบ้าๆ นี่ออกไปจากร่างกาย ชื่อของคนที่ผมเกลียดแสนเกลียดและอาฆาตแค้นอย่างไอ้เวรซิการ์มาปรากฏอยู่บนร่างกายตัวเองแล้วให้ความรู้สึกอยากจะกระอักเลือดออกมา...ก็คนมันแค้นแต่กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยนี่!!

     

     

    ไอ้ห่านั่นมันน๊อคดาวน์ผมซะอยู่หมัด!!!

     

     

                แต่ช่างเถอะ...วันพระไม่ได้มีหนเดียว ทีใครทีมัน!

     

     

                “ลบไม่ได้เพราะคนของไอ้ซิการ์ทุกคนฉันสักถาวรหมด...หมอนั่นสั่งมาแบบนั้นน่ะ”

     

     

                ...โรคจิต! ผมด่าไอ้ซิการ์ในใจและมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่าคงไม่มีใครวิปริตเท่ามันอีกแล้ว อ้อ!! ขอพ่วงไอ้ดีไลท์ด้วยคน...รายนั้นน่ะกิตติศัพท์เรื่องชั่วช้าสารเลวไม่เป็นสองรองใครเลย

     

     

                “เผื่อนายอาจไม่รู้นะ...แต่ฉันเกลียดไอ้เวรนั่นโคตรๆ”

     

     

                “แค่เห็นแววตานายฉันก็ดูออกแล้วล่ะ”

     

     

                นาซีว่าด้วยเสียงอันแหบๆ เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวก่อนที่ร่างสูงที่ผมจำได้ดีก็เดินเข้ามา ซิการ์ใช้สายตาลากไล้ไปทั่วท่อนบนที่ตอนนี้เปลือยเปล่าล่อตาล่อใจเสียเหลือเกิน เมื่อดวงตาคู่นั้นหยุดนิ่งที่รอยสักบนหน้าท้องของผมนั้นผมก็เห็นว่ามุมปากมันแสยะยิ้มเลวๆ ขึ้นมา

     

     

                Yes, you’re my toy Austin :)

     

     

                คำพูดของซิการ์เหมือนกับเป็นการตอบประโยคที่ว่า I’m your, Cigar ...ซึ่งก็คงจะจริงเพราะผมฉุนกึกขึ้นมาในบัดดล

     

     

                F-U-C-K!!

     

     

                ผมด่าด้วยใบหน้านิ่งๆ เป็นการตีรวนอีกฝ่ายอีกทั้งยังใช้สายตาเยาะเย้ยสมเพชมองไปยังใบหน้าคมคายราว...ได้ผล เพราะคนอารมณ์ร้อนอย่างมันก็ทนไม่ได้อย่างที่คิดไว้

     

     

                “ไอ้นาซี...มึงออกไปก่อน กูมีอะไรต้องเคลียร์กับภรรยาอีก...ยาว”

     

     

                แต่วินาทีที่ร่างสูงตอกกลับมาผมก็รู้สึกเสียใจที่บังอาจเอ่ยออกไปเช่นนั้น...

     

     

     

     

                WRITER TALK Again J

                มาอัพอยากไวว่อง อ๊ากกกกกก ไม่น่าเชื่อ >,.< บอกแล้วก็ COMEBACK กลับมาคราวนี้คงได้อัพเร็วขึ้นกว่าเดิม กร๊ากกก อย่าเพิ่งทำหน้าไม่เชื่อกันอย่างนั้นมาสนใจออสตินกับซิการ์ก่อนดีกว่า คู่ซาดิสต์ร้อนแรงสุดติ่งนี่มันจะโรคจิตกันอยู่ได้ คนแต่งเหนื่อยนะโว้ย (แล้วแกจะแต่งทำไมวะ : นักอ่าน) ฮ่าๆ ก็คนแต่งมันเกรียนไง T^T ฮือ

                PS เม้นต์กันหน่อยนะค้าบที่รัก รักคนอ่านทุกคนเลย >O<

     

     

     

    WRITER TALK J

    คนแต่งอยากจะบอกว่า...นิยายเรื่องนี้มัน COMEBACK แล้วครับ!!! TOT น้ำตาที่ไหลเป็นสายเลือด โดนนักอ่านตบเกรียนแตกโทษฐานดองนิยายลงไหมานานโคตรรรรรร =_=;;; ไรต์ขอน้อมรับความผิดนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียวค้าบ T^T แต่คัมแบกทั้งทีคราวนี้คงจะอัพเร็วและไม่น่าจะทิ้งกันไปไหนได้ง่ายๆ เพราะโดนอาเจ๊ร่วมโปรเจกค์สุดที่รัก (พี่เด็ม ++saisioo++) ขู่ฆ่าตายวันละหลายๆ รอบถ้าไม่แต่งต่อ =[]=;; เพราะนิยายมันเชื่อมกันเยอะและพี่เขาก็แต่งต่อไม่ได้ถ้าไอ้ tnaki มันไม่อัพต่อเสียที กร๊ากกกกกกกก เอาเป็นว่าเซต Vulgar จะกลับมาแต่งต่อกันแล้วน้า ดีใจไหมเอ๋ย (ไม่!! =_= : คนอ่าน) เง้อ TOT

    PS เวิ่นเว้อมานานแล้วอยากจะบอกเรื่องสำคัญคือ รักคนอ่านทุกคนที่สุด!! จุฟฟฟ >3<
                PS2 ครึ่งหลังเป็นอะไรที่เร้าใจกว่านี้มากค้าบ >,.< หุๆ

      

     

     

     

     

     

      

           



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×