ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของ

    ลำดับตอนที่ #2 : Bastard!! Screen 02 :: Meet you again (fuck!ng damn!!!) [Edit 100%]

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 56


    Chapter 02

    Meet you again (fucking damn!!!)

     

     

     

                [Austin’s Side]

     

     

    ร่างสูงที่นั่งพิงเก้าอี้เอาเท้าพาดไว้โต๊ะทำท่าราวกับตัวเองนั้นเป็นเจ้าชาย มือหนาของเขาประสานและวางไว้บนตักท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าคมคายนั่นหันมาทางผมพร้อมกับใช้นัยน์ตาคมกริบดุจใบมีดมีดมองมา ยามเมื่อเผลอไปสบตาเข้าก็พบเพียงแต่ความลึกลับ...เฮอะ!! ไอ้เหี้ยดีไลท์ มันคิดว่ามันอยู่เหนือกว่าผมนักรึไง!

     

     

    “ออสติน...ที่กูเรียกมึงมาวันนี้รู้ใช่มั้ยว่าเพราะอะไร”

     

     

    เสียงเรียบๆ ที่ฟังดูเอื่อยๆ ราวกับคนไม่สนใจอะไรถูกเปล่งออกมาจากคนตรงหน้า...หากแต่ดวงหน้าคมตวัดดวงตาสีเข้มก่อนจะหรี่มองคล้ายกับหมาป่าที่กำลังล่าเหยื่อ

     

     

    “กูรู้...” ผมว่าเสียงแผ่วพอให้อีกฝ่ายได้ยิน “เรื่องหนี้เดี๋ยวกูเอามาใช้มึงแน่นอน ไม่ต้องกลัวกูจะเบี้ยวหรอก”

     

     

    “หึ...ถึงมึงจะเบี้ยวหรือคิดจะหนีไปไหนก็ไม่พ้นเงื้อมมือกูไปได้หรอก เพราะอย่างน้อยกูว่ามึงก็ไม่เหมือนพ่อมึงที่หนีไป ได้แต่มุดหัวอยู่ในกระดอง...ปล่อยให้ลูกชายตัวเองรับหนี้แทน J

     

     

    คนตัวสูงเผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมา และคำพูดของมันก็ทำผมโมโห

     

     

                “ไอ้สัด!!! มึงอย่าเอาพ่อกูมาพูดอะไรเสียๆ หายๆ นะโว้ย!

     

     

                ผมตวาดก้องพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเอื้อมมือไปยังอีกฟากของโต๊ะกระชากคอเสื้อของ ดีไลท์ขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลาปานรูปสลักของมันจ้องตอบผมกลับมาอย่างไม่เกรงกลัว ซ้ำแววตาของมันยังแฝงไว้ด้วยความเย็นชา...

     

     

                “เอามือมึงออกไป”

     

     

                ไอ้ดีไลท์ไม่ว่าเปล่า มือของมันยกขึ้นมาดึงมือทั้งสองของผมออกจากปกคอเสื้อของตัวเอง ผมสู้แรงของมันไม่ได้จึงต้องล่าถอยออกมาทั้งๆ ที่ในใจคุกรุ่นไปด้วยโทสะ ผมโคตรโมโหเลยที่มันด่าพ่อผมมุดหัวในกระดอง...นั่นมันหมายความว่าพ่อผมขี้ขลาดชัดๆ ทั้งๆ ที่พ่อผมหนีไปก็เพราะมัน

     

     

                ...และสาเหตุที่ผมต้องอยู่ในสภาพคล้ายกับตกเป็นเบี้ยล่างก็เพราะไอ้เหี้ยนี่เหมือนกัน!!!

     

     

                “ไอ้เวร!!! ถ้าขืนมึงยังพูดถึงพ่อกูแบบนั้นอีกอย่าหาว่ากูไม่เตือน” แม้แรงผมจะสู้ไอ้ดีไลท์ไม่ได้ แต่ปากผมยังสู้อยู่ ผมจึงตะคอกใส่มันในเวลาต่อมา

     

     

                “อ๋อเหรอ...ปกป้องพ่อตัวเองเข้าไปเถอะนะ แต่ยังไงซะมึงก็ต้องเป็นคนหาเงินมาใช้หนี้อยู่ดี”

     

     

                ไอ้ดีไลท์ใช้น้ำเสียงนุ่มทุ้มตลอดเวลาที่คุยกับผม หากแต่ผมรู้ว่านั่นมันเป็นการเสแสร้ง ผมรู้จักคน เลือดเย็นอย่างมันดีพอ ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยกับเสียงเรียบๆ นั่นถูกซ่อนไว้ซึ่งความร้ายกาจเกินจะคาดเดา ผมขอบอกเลยว่าถ้าเป็นไปได้ผมคงไม่อยากเป็นศัตรูกับมัน!!!!

     

     

                แต่ตอนนี้สถานภาพของผมกับดีไลท์ก็เริ่มจะใกล้เคียงคำว่า ศัตรูไปทุกขณะ

     

     

                เพราะผมเกลียดขี้หน้ามันยิ่งว่าอะไรทั้งหมด!!!

     

     

                “กูรู้แล้วน่า...ยังไงกูก็หาเงินมาใช้หนี้ให้มึงแน่” ผมกัดฟันพูด หึ!! ไอ้หนี้สิบล้านนั่นน่ะกูจะหามันให้มึงแน่ไอ้ดีไลท์...ร่างสูงตรงหน้าของผมกระตุกยิ้มราวกับพึงพอใจ ซึ่งมันช่างเป็นรอยยิ้มที่ผมสะอิดสะเอียนเต็มทนถึงแม้มันจะอยู่บนใบหน้าคมคายที่ทำให้คนอื่นๆ หลงใหลมานักต่อนักแล้วก็ตาม

     

     

                ไอ้ดีไลท์...ดูเผินๆ มันเหมือนคนที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่หากลองได้รู้จักหมอนี่แล้วจะรู้เลยว่า อันตรายและร้ายกาจ กว่าที่คิด!!! ครอบครัวของมันประกอบอาชีพส่งออกเครื่องเพชร แต่มันก็แค่ฉากหน้า เบื้องหลังของครอบครัวมันคือโลกมืดดีๆ นี่เอง!!! ทั้งค้าผู้หญิง ทั้งเปิดบ่อนไม่ว่าจะถูกกฎหมายไม่ถูกกฎหมาย ไม่เว้นแม้แต่ทั้งการส่งออกยาเสพติด!!!

     

     

                “งั้นมึงก็อย่าดีแต่ปากสิ ออกไปหาเงินมาให้กูได้แล้ว เงินที่พ่อมึงกู้ไปน่ะกูยังใจดีไม่เพิ่มดอกให้นะ ถ้ากูเพิ่มป่านนี้หนี้ของมึงไม่จบแค่สิบล้านแน่”

     

     

                ไอ้ดีไลท์เอ่ยท้า ถึงใบหน้ามันจะไม่มีความยียวนทว่ามันกลับทำให้ผมขบกรามแน่นอย่างอดกลั้นไว้แทบไม่อยู่ ผมพยายามหักห้ามใจตัวเองไว้ไม่ให้เข้าไปซัดใบหน้าหล่อๆ นั่น!!!!

     

     

                “กูไม่ดีแต่ปากแน่!!

     

     

                ผมตะโกนใส่หน้ามันอย่างสุดจะทนพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะหันหลังหมายจะเดินไปที่ประตู แต่ทว่าทันทีที่มือเรียวๆ ของผมแตะถูกลูกบิดผมก็ถูกแรงดึงจากด้านหลังกระชากห่างออกมา ร่างของผมถูกหมุนให้หันไปประจันหน้ากับผู้กระทำ ไอ้ดีไลท์!!! เมื่อเห็นว่าใครกำลังถูกตัวเองอยูปากผมก็กำลังขยับเตรียมจะตะโกนด่าใส่มันเต็มที่หากกลับถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายปิดไว้เสียก่อน

     

     

                ไอ้เหี้ย!!!! ไอ้ดีไลท์มันคิดจะทำอะไรของมันกันเนี้ย!!!! ร่างของผมถูกคนตรงหน้าดันไปชิดติดกำแพงอย่างแรงจนแผ่นหลังผมเจ็บไปหมด หากนั่นก็ไม่เท่ากับความรู้สึกขยะแขยงที่ริมฝีปาก ไอ้ดีไลท์มันระดมจูบผมอย่างหนักหน่วงซะเอาผมเริ่มคิดว่าป่านนี้ปากผมอาจจะบวมช้ำไปแล้วแน่ๆ

     

     

                ลิ้นร้อนของมันพยายามแทรกผ่านล่วงล้ำเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต สัมผัสชื้นๆ ที่ปลายลิ้นนั่นช่างน่าสะอิดสะเอียดเหลือเกิน แต่ผมก็ไม่อาจต้านทานมันได้เนื่องจากมือทั้งสองข้างของผมนั้นถูกไอ้ดีไลท์รวบขึ้นไปเหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียวเป็นการตัดช่องทางหลีกหนีอย่างสมบูรณ์แบบ

     

     

                “มึงทำอะไรของมึงน่ะ ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!!” ทันทีที่ไอ้เหี้ยดีไลท์ผละริมฝีปากออกไปเป็นการเว้นช่วงหายใจผมก็ด่ามันโดยไม่ต้องคิดอะไรทิ้งสิ้น

     

     

    “เรื่องอะไรกูจะปล่อยมึงล่ะ มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่ามึงไม่ได้ดีแต่ปาก กูเลยอยากพิสูจน์ดูว่า...ปากมึงจะดีด้วยรึเปล่า”

     

     

    “อ่ะ...ไอ้!!!...อ๊า!!!

     

     

    สิ้นสุดประโยคนั่นไอ้ดีไลท์ก็โน้มหน้าลงมาฉกฉวยริมฝีปากผมไปอีกครั้งทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดอะไร ผมพยายามปิดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นแต่มันก็หาทางรุกล้ำเข้ามาจนได้ ปัดโถ่เว้ย!!! ไอ้เหี้ยนี่มันคงชำชาญและเจนจัดเรื่องพวกนี้มากเลยสินะ มืออีกข้างที่ยังว่างของดีไลท์ลูบไล้ไปทั่วร่างผม ต่อให้มีชั้นปราการอย่างเสื้อผ้ากันไว้ก็ตามแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าทุกส่วนที่มือลากลากผ่านมันฝากความร้อนแรงเอาไว้!!

     

     

    หัวผมชักจะเบลอแปลกๆ แรงที่ต่อต้านมันเริ่มน้อยลง หมอนี่มันอันตรายจริงๆ ผมไม่อาจปฏิเสธมันได้เลย ผมยอมให้มันจูบต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่สมองมันพร่าเลือนลงไปทุกที...ทุกที...

     

     

    “หึ!! ดูมึงจะเคลิ้มเหลือเกินนะ”

     

     

    เสียงกระซิบดังขึ้นข้างๆ หูทำเอาผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นจากภวังค์ น่ะ...นี่ผมหลงไปกับรสจูบของมันเหรอ!!! ผมผลักร่างสูงตรงหน้าออกไปเมื่อรู้สึกตัวเต็มที่ ไอ้ดีไลท์เซน้อยๆ เพราะแรงของผม ผมยกมือขึ้นถูกปากตัวเองไปมาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับจะลบรอยสัมผัสเมื่อครู่นั่นไปให้หมด

     

     

    “กูไม่มีทางเคลิ้มไปกับการกระทำโสโครกๆ ของมึงหรอก”

     

     

    ผมเถียงขาดใจทั้งๆ ที่รู้ว่าเมื่อกี้ยังไงๆ ผมเคลิ้มไปกับจูบนั่น แต่ทำยังไงได้ล่ะ ผมไม่มีทางยอมรับมันเด็ดขาดต่อให้แกลงคลองก็ตามที ไอ้ดีไลท์เองก็คงจะรู้ว่าผมโกหกมันถึงเหยียดยิ้มน้อยๆ

     

     

    “อย่างนั้นเหรอ...”

     

     

    “ก็เออสิวะ!!!!

     

     

    ผมตะคอกพลางผลักไอ้ดีไลท์ออกไปให้พ้นทางก่อนจะเดินผ่านมันไปที่ประตู ข้อมือของผมถูกคว้าไว้ขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านไอ้ดีไลท์ไป มันโน้มหน้าลงมาพูดข้างๆ หูผมเบาๆ ว่า

     

     

    “ถ้ามึงไม่เคลิ้ม...แล้วมึงจะจูบตอบกูทำไม”

     

     

    ...!!!!!!!!!!!!!

     

     

    “กูจะกลับแล้ว!!!!” ผมสะบัดข้อมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของไอ้ดีไลท์อย่างแรงเพราะไม่อยากฟังอะไรที่มันพูดอีก น่าแปลกที่คราวนี้ไอ้เหี้ยนี่กลับยอมปล่อยให้ผมหนีแต่โดยดี...คงเป็นเพราะมันปั่นประสาทผมได้สำเร็จแล้วล่ะมั้ง ฮึ่ย!! ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือผมประสาทเสียไปเรียบร้อยแล้วน่ะสิ!

     

     

    ผมดึงประตูเปิดออกก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของไอ้ดีไลท์แล้วส่งท้ายด้วยการกระชากประตูปิดอย่างแรงเสียงดังปัง! เมื่อใบหน้าเรียบเฉยแต่มีประสิทธิภาพปลุกปั่นประสาทคนได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อของดีไลท์ไม่ได้อยู่ในสายตาแล้วผมจึงหันหลังพิงประตูอย่างเหนื่อยหล้า

     

     

    ...ความจริงแล้วผมกับไอ้ดีไลท์ไม่น่าจะโคจรมาพบกันได้เลย จริงๆ แล้วผมมันเป็นแค่เด็กธรรมดาวัยสิบแปดปีที่อาศัยอยู่กับพ่อ เรามีกันอยู่แค่สองคน

     

     

    แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผันเมื่อพ่อของผมไปกู้เงินจากครอบครัวไอ้ดีไลท์มาหนึ่งล้านบาทเพื่อเอามาเปิดกิจการร้านอาหาร ในตอนนั้นผมไม่เคยรู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่ากิจการนั่นกลับล่มและไปไม่รอด ซ้ำค่าดอกเบี้ยของเงินที่กู้มาก็แพงแสนแพง ท้ายที่สุดพ่อก็ไม่มีเงินไปใช้หนี้ให้พวกมัน

     

     

    ที่น่าตกใจที่สุดคือ หนี้ที่เกิดจากดอกเบี้ยนั่นมันพุ่งไปถึงสิบล้านบาททั้งๆ ที่เงินต้นมันแค่หนึ่งล้าน!!!!! พ่อผมทนใช้หนี้ไม่ไหวจึงหนีไปในวันที่ผมเรียนจบเกรดสิบสองมาหมาดๆ ในวันนั้นผมกลับบ้านมาไม่เจอพ่อเจอแต่พวกที่มาทวงหนี้...พ่อปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับพวกมันเพียงลำพัง

     

     

    นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเจอกับไอ้เหี้ยดีไลท์!! ยังดีที่มันบอกให้ผมหาเงินมาใช้หนี้ยี่สิบล้านโดยที่ไม่ทบดอกเบี้ยต่อไปอีก มันยังบอกอีกว่าผมต้องหาเงินมาให้มันให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม

     

     

    แล้วคิดดู...ผมเป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบแปดยังไม่ทันเข้ามหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ!! จะให้ผมหาเงินมาให้มันเนี้ยนะ!! นอกจากการเป็นมิจฉาชีพแล้วคงไม่มีทางอื่นที่จะหาเงินได้อีกเลย

     

     

    และถ้าผมคิดจะหนีไปแบบที่พ่อทำก็อย่าหวังว่าจะสำเร็จ เพราะไอ้ดีไลท์มันจับตามองผมอยู่ทุกฝีก้าว มันน่ะมีลูกน้องที่อยู่ภายใต้คำสั่งมันไม่ต่ำกว่าร้อยคน...ชีวิตของมันโคตรคล้ายมาเฟียเลยว่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะน่ะเพราะอย่างที่บอก ครอบครัวของหมอนี่มันทำแต่เรื่องผิดกฎหมายทั้งนั้น

     

     

    ทุกวันนี้ผมอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เก่าๆ บางครั้งผมก็ต้องแอบเอาเงินที่ขโมยมาใช้จับจ่ายซื้อของเพื่อประทังชีวิตตัวเอง...

     

     

    ผมหันหน้าไปทางประตูห้องทำงานของไอ้ดีไลท์อย่างเคียดแค้น

     

     

    “คอยดู!!!!! กูจะต้องหาเงินมาใช้นี้มึงให้ได้แน่!!!! มึงจะได้ไปให้พ้นๆ ชีวิตกูเสียที!!!!

     

     

     ::~::~::~::~::~::~::~::**::~::~::~::~::~::~::~::

                 

     

    Vulgar Club

     

     

    ผมนั่งอยู่ตรงเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ เบื้องหน้าผมมีบาร์เทนเดอร์หน้าตาดีสามสี่คนยืนบริการลูกค้าที่อยู่โดยรอบ ผมคว้าแก้ววอดก้าขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากก่อนจะปล่อยให้ของเหลวสีอำพันไหลผ่านคอไป ความเร่าร้อนของมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมานิดๆ หลังจากที่รู้สึกหงุดหงิดมาเกือบทั้งวัน

     

     

    Vulgar Club คือผับที่หรูมากในระดับหนึ่ง มีความเป็นส่วนตัว...จึงทำให้พวกมีชื่อเสียงส่วนมากมาใช้บริการ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องมาที่นี่ มาเพื่อหา เหยื่อยังไงล่ะ

     

     

    และอย่าถามผมนะว่าผมเข้ามาในนี้ได้ยังไงทั้งๆ ที่อายุสิบแปดปี เอาเป็นว่าผมมีวิธีก็แล้วกัน แต่มันก็เปลืองตัว ไปไม่น้อยเหมือนกันนะ J

     

     

    แน่นอนว่าผับนี่ไม่ใช่ผับเดียวที่ผมไปขโมยของจากเหยื่อรายเมื่อวานแน่ เพราะถ้าขืนไปที่เดิมเดี๋ยวโดนจับได้ขึ้นมาแล้วจะยุ่ง!!

     

     

    “นี่ๆ ฉันได้ข่าวมาว่าวันนี้วง Dream U จะมาโชว์ไลฟ์สดๆ กันที่นี่ด้วยแหละ”

     

     

    “หืม? จริงเหรอ ไปได้ข่าวมาจากไหน วง Dream U ไม่ใช่วงกระจอกๆนะ เขาจะมีเวลามาร้องเพลงที่ผับนี่ได้ยังไง”

     

     

    เสียงของผู้สองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมคุยกันอย่างเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรีแรงๆ ที่ดังอยู่รอบข้าง ผมเองก็อยู่ในระยะที่ได้ยินชัดเจนเสียด้วยสิ ว่าแต่...วง Dream U งั้นเหรอ แม้ผมจะไม่ค่อยติดตามข่าวสารบันเทิงมากเท่าไรนักแต่ก็พอจะรู้มาบ้างว่าวงนี้เป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียงมากๆ แฟนคลับของพวกเขาน่าจะมีเกือบค่อนประเทศได้

     

     

    “นี่เธอไม่ได้ข่าวเหรอว่าพวกเขาถูกพักงานเพราะมือกลองเอาขวดเหล้าฟาดหัวนักร้องนำจนต้องเข้าโรงพยาบาลน่ะ”

     

     

    “เฮ้ย!!! แรงว่ะ”

     

     

    ผมแอบนั่งขำอยู่ในใจ...ถ้าเรื่องที่ผู้หญิงสองคนนี่พูดเป็นเรื่องจริงผมว่ามันน่าขำมากเลยนะ เอาขวดเหล้าฟาดหัวกันเนี้ย ฮะๆ

     

     

    “รู้สึกจะเป็นเพราะนักร้องนำจะไปแย่งแฟนของมือกลองน่ะเลยเป็นเรื่องใหญ่เลย”

     

     

    “แล้วตอนนี้พวก Dream U อยู่ไหนล่ะ ไหนเธอบอกว่าพวกนั้นมาที่นี่ไงแต่ฉันยังไม่เห็นเลยนะ”

     

     

    “พวกนั้นกำลังเตรียมอยู่หลังเวทีน่ะ อีกสักประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะขึ้นโชว์แล้ว”

     

     

    ผมเลิกฟังผู้หญิงสองคนนั่นในขณะที่พวกเธอยังคงคุยกันอย่างสนุกปากเกี่ยวกับผู้ชายในวง Dream U ต่อไปก่อนจะหันมาสนใจวอดก้าในมือต่อ ทว่าผมก็ยังคงได้ยินเสียงแหลมๆ นั่นอยู่ดี ผมลุกจากหน้าบาร์แล้วเดินหนียัยสองคนนั่นมาอย่างเซ็งจิต ไอ้ที่แอบฟังตอนแรกก็ไม่อะไรหรอกนะ แต่นานๆ เข้าผมก็ชักจะรำคาญ

     

     

    ขาเรียวบางพาผมเดินมาเรื่อยๆ ผ่านผู้คนนับแล้วนับเล่า นี่ไม่มีคนที่เหมาะพอจะเป็นเหยื่อของผมมั่งเลยหรือไงนะ

     

     

    กึก!!!

     

     

    “อ๊ะ!!!” ผมร้องเสียงดังด้วยอารามตกใจเมื่อตัวเองไปสะดุดอะไรบางอย่างเข้า ร่างของผมเซไปด้านหน้าทำท่าจะล้มปากไปจูบพื้นอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่ามีฝ่ามือหนาของใครบางคนคว้าเข้าที่ข้อมือของผมไว้ได้ซะก่อน

     

     

    “เดินระวังหน่อยสิ...”

     

     

    น้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกที่ฟังยังไงก็เป็นเสียงของผู้ชายดังขึ้นที่ข้างๆ หูหลังจากที่ผมถูกมือปริศนานั่นดึงขึ้นมา สภาพในตอนนี้คือผมกำลังหันหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนบนตักของเจ้าของมือนั่น ผมหันไปมองคนคนนั้นอย่างรวดเร็วจนคอแทบเคล็ด สิ่งที่ปรากฏในสายตาต่อมาคือใบหน้าคมคายได้รูป นัยน์ตาเรียวคมสีเฮเซิลแลดูดุดันปรายตามองมาทางผมเล็กน้อย มันรับได้ดีกับจมูกของเขาชะมัด ริมฝีปากหยักลึกที่แดงสดของผู้ชายคนนี้คาบบุหรี่ไว้อยู่ ให้ตาย...หมอนี่ดูดีชะมัด!!!

     

     

    “เอ่อ...ขอโทษที”

     

     

    ผมที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังอยู่บนตักของอีกฝ่ายจึงผละออกมานั่งข้างๆ แทน ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนโซฟา...รอบๆ ไม่คนอยู่บ้างประปราย แต่คนพวกนั้นก็กำลังสนใจเต้นไปมาเข้าจังหวะกับเพลงที่ดังอยู่โดยรอบ

     

     

    เมื่อครู่ผมคงจะเดินไม่ดูทางจนมาสะดุดขาของผู้ชายคนนี้แน่ๆ

     

     

    “นี่นาย...เล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอ”

     

     

    ผมถือวิสาสะถามขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นกีตาร์ที่วางพาดพนักโซฟาข้างๆ ผู้ชายเจ้าของนัยน์ตาสีเฮเซิลนี่ จริงๆ ผมควรจะออกไปจากบริเวณนี้ด้วยซ้ำนะเพราะอยู่ตัวผมดันมาเสนอหน้านั่งอยู่ตรงนี้โดยไม่ได้ขออนุญาต แต่จะว่าผมเสียมารยาทก็ช่างเถอะเนื่องจากสิ่งที่ผมกำลังสนใจอยู่คือ...หมอนี่เล่นกีตาร์เป็นด้วย?

     

     

    “เป็นสิ...ก็ฉันเป็นศิลปินนี่”

     

     

    หมอนี่เหลือบตามองมาทางผมแวบหนึ่งก่อนจะหันไปอีกทางแล้วสูบบุหรี่ต่อ จะว่าไปแล้วผมคุ้นๆ หน้าผู้ชายคนนี้นะ ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...แต่เอ๊ะ! เมื่อกี้เขาบอกว่าเขาเป็นศิลปินงั้นเหรอ!!!

     

     

    ปากผมเผยออ้าค้างเล็กน้อยเมื่อนึกออกแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือใคร พระเจ้า~!!! หมอนี่คือ ครอสแห่งวง Dream U ที่กำลังจะมาโชว์ไลฟ์สดๆ ที่ผับนี่วันนี้ยังไงล่ะ ผมบังเอิญมาเจอเขาเหรอเนี้ย โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่นะ

     

     

    “นายคือครอสวง Dream U สินะ”

     

     

    “หึๆ นายรู้จักฉันด้วย?” ครอสหัวหัวเราะในลำคอก่อนจะดับบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่

     

     

    แหงสิ! วงดนตรีที่ดังค้างฟ้าอย่างวงของหมอนี่ใครไม่รู้จักก็ถือว่าดักดานเต็มทนแล้ว!!

     

     

    “ก็พอรู้จักบ้าง -_-” คำตอบของผมทำเอาร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ อมยิ้มเล็กน้อยนั่นทำให้ใบหน้านิ่งๆ นั่นดูดีขึ้นเป็นกองหากแต่ผมว่ามันดูอันตรายยังไงก็ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะบุคลิกของคนคนนี้ดูลึกลับและสุขุมอย่างน่าประหลาดล่ะมั้งแถมใบหน้าที่ดูราวกับรูปสลักนั่นยังโคตรบอกถึงว่าเป็นแบดบอยแม้เพียงมองผ่านๆ

     

     

    “ทำไมถึงแค่ พอรู้จักบ้างเองล่ะ วงฉันน่ะมีแฟนคลับเป็นล้านเชียวนะ”

     

     

    ครอสเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผมพร้อมกับใช้นิ้วเรียวยาวเชยคางผมขึ้นก่อนจะพินิจพิเคราะห์ใบหน้าผมราวกับเจอของเล่นที่น่าสนใจ

     

     

    “ฉันว่าฉันไปดีกว่า”

     

     

    ผมพยายามผละตัวหนี ตอนแรกก็แอบคิดอยู่หรอกว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นเหยื่อกระเป๋าหนักชั้นดีแต่ตอนนี้ผมต้องเปลี่ยนใจแล้วเพราะหมอนี่ดูเป็นคนที่ระวังตัวมากพอสมควรผมคงจะหลอกเขาแบบเหยื่อรายเมื่อวานไม่ได้แน่ๆ ทว่าผมกลับผละตัวหนีไปไม่ได้...อีกฝ่ายดันรู้ทันจึงจับผมกดติดกับโซฟา

     

     

    นี่มันอะไรกันเนี้ย!!

     

     

    “นายน่ะหน้าตาน่ากินดีนะ J

     

     

    “ปล่อยฉันเถอะน่า...ฉันต้องไปแล้ว” ผมพูดโดยที่เสียงไม่สั่นเลยสักนิด พอดีผมพอมีภูมิคุ้มกันคนหน้าตาดีอยู่บ้างน่ะ เลยไม่หวั่นไหวกับสิ่งยั่วยุง่ายๆ แต่อย่างครอสนี่ไม่แน่!!

     

     

    “อย่าเพิ่งไปสิ รอฉันกินนายเสร็จก่อนก็ได้...” สิ้นประโยคนนั่นครอสก็โน้มหน้าลงมาทันที

     

     

    “อย่าเพิ่ง...อ๊ะ!” เสียงผมหายไปเนื่องจากถูกร่างสูงประกบริมฝีปากไว้อย่างแนบแน่น สัมผัสเร่าร้อนถูกส่งผ่านมาจนแทบจะบิดเร้าตาม มือผมพยายามดันครอสให้ออกไปแต่แรงก็สู้ไม่ได้เลย นี่ผมเพิ่งจะเจอกับหมอนี่เป็นครั้งแรกนะ เพิ่งเจอกันแล้วทำอย่างนี้กันได้เลยเหรอ!!!!

     

     

    ผมรู้สึกถึงรสชาติของบุหรี่ที่ติดอยู่ปลายลิ้นของครอส มันไม่ได้ชวนรู้สึกน่าขยะแขยงซ้ำผมยังคิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของหมอนี่เลยด้วยซ้ำ ตอนแรกผมก็ต่อต้านลิ้นร้อนของอีกฝ่ายที่แทรกผ่านเข้ามาแต่ตอนนี้ผมกลับตอบรับมันอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติซึ่งผมก็ไม่อาจปฏิเสธมันได้ด้วย

     

     

    “ตัวนายหอมกว่าที่คิดนะ” ครอสว่าเบาๆ ขณะที่กำลังนัวเนียอยู่แถวๆ ซอกคอผม ผมรู้สึกชวนจั๊กจี้แปลกๆ ยังไม่ก็ไม่รู้

     

     

    “ฉันว่านายปล่อยฉันได้แล้ว นี่มันกลางผับนะ” ผมว่าทั้งๆ ที่ตัวเองอยู่ในสภาพโดนครอสกดทับแทบทั้งตัว น้ำหนักของอีกฝ่ายที่ทาบทับลงมานั้นทำให้ผมขยับเขยื้อนไม่ได้

     

     

    “เรื่องอะไรจะปล่อยให้ของเล่นหลุดมือไปง่ายๆ ล่ะ แบบนั้นมันน่าเสียดายออกนะ”

     

     

    ครอสยิ้มให้ขณะล้วงมือเข้ามาสาบเสื้อแล้วลูบไล้ที่หน้าอกผมไปมา สัมผัสใต้ร่มผ้านั่นมันทำให้หมอนี่ดูตื่นตัวกว่าที่คิด นั่นไง!! เขาก้มลงมาจูบผมอีกแล้ว

     

     

    ท้ายที่สุดผมก็ตอบรับรสจูบของครอสไปอีกจนได้ ยอมรับเลยแหละว่าเขามีพรสรรค์ในการรุกเร้าจริงๆ ผมตั้งรับไม่เลยให้ตายสิวะแถมผมเองก็ดันไปยอมเขาเสียด้วยสิ มือของผมไปคล้องที่คอของหมอนี่ตอนไหนไม่รู้ สิ่งที่ผมรับรู้ได้ในตอนนี้มีเพียงแต่ภาพเบลอๆ และสัมผัสเน้นๆ หนักๆ ตรงต้นคอ แน่ล่ะ...มันคงเป็นรอยแดงช้ำไปหลายจุดแล้วแน่ๆ

     

     

    กระดุมเสื้อเชิ้ตของผมค่อยๆ ถูกแกะออกทีละเม็ดอย่างอ้อยอิ่งก่อนที่จะถูกครอสไซร้ตรงแผ่นอกขาวๆ ของตัวเองทันทีที่มันเผยออกมา

     

     

    “อือ...” ผมครางออกมาเบาๆ เพราะทนความรุ่มร้อนที่ถูกฝากฝั่งโดยครอสไม่ไหว มันคงเป็นผลมาจากริมฝีปากแดงสดของเขานั่นล่ะ หมอนี่ปลดกระดุมเสื้อของเขาเองออกสามเม็ดบนเพื่อคลายร้อนและมันเลยทำให้ผมเห็นแผ่นอกขาวเนียนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสุดแสนจะเซ็กซี่ นี่มันเซ็กซ์แมชชีนเดินได้หรือไงวะเนี้ย!!

     

     

    แต่ทว่าขณะที่ผมกำลังเคลิ้มกับสัมผัสของครอสนั้นร่างของคนที่คร่อมตัวผมอยู่ก็ถูกร่างปริศนากระชากออกไปเสียก่อน ผมลุกขึ้นนั่งบนโซฟาอย่างมึนงงน้อยๆ และเห็นครอสกำลังจ้องหน้ากับผู้ชายผมดำ

     

     

    ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อผู้ชายผมดำที่ว่านั่นหันหน้ามาทางผมด้วยสายตาเคียดแค้น

     

     

    แถมผมเองก็รู้สึกคุ้นหน้าหมอนี่อย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยเห็นเขาที่ไหนสักแห่ง

     

     

    “กูเจอมึงแล้ว!! ไอ้เด็กเหี้ย!!! 

     

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×