คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Bastard!! Screen 11 :: HANGMAN [120 Per.]
Chapter 11
HANGMAN
[Vic’s side]
ผมหนีงานหมั้นมา!
โอเค...คุณอาจจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมเท่าไร นึกๆ ไปแล้วก็ไม่อยากจะเล่ารายละเอียดปลีกย่อยเท่าไรหรอกนะ เพราะเรื่องมันโคตรจะ So Bad!! ผมชื่อ ‘วิค ซิลเวสเตอร์’ ในประเทศอังกฤษนามสกุลผมเป็นเครื่องการันตีว่าครอบครัวผมเป็นผู้ลาภมากดี รวยล้นฟ้าและมีอำนาจมากกก~ ต้นตระกูลผมเป็นถึงขุนนางมียศถาบรรดาศักดิ์สืบเชื้อสายกันมายาวนาน ไม่แปลกเลยที่พ่อแม่จะหา ‘คู่หมั้น’ ที่ร่ำรวยและมียศมาให้ผมเพื่อเป็นชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูล
แต่...ผมไม่เคยคิดที่จะมีคู่หมั้นและก็ไม่อยากจะหมั้นด้วย!
เรื่องอะไรกันล่ะที่อยู่ๆ จะต้องหาห่วงมาผูกคอตัวเองถึงแม้จะยังไม่ได้แต่งก็เถอะ ที่สำคัญ...ผมเองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว!! และคนคนนั้นก็อยู่ที่ประเทศไทยซึ่งผมกำลังจะบินไปหาเขาแล้วตอนนี้!!!!
เขาคนนั้นมีชื่อว่า ‘ซิการ์’ ผมเคยเจอกับเขาตั้งแต่ตอนที่เขาอายุประมาณสิบห้า (ผมอายุน้อยกว่าเขาแค่ปีเดียวเองน่ะ) พอดีตอนนั้นพ่อกับแม่มาทำธุรกิจที่ประเทศไทย ประจวบเหมาะที่ผมอยู่ในช่วงซัมเมอร์พอดีเลยติดสอยห้อยตามมาด้วย และคู่ค้าสำคัญของพ่อแม่ของผมก็คือครอบครัวของซิการ์ ...ตอนนั้นพ่อและแม่ของเขายังไม่ตายด้วยอุบัติเหตุน่ะ และนั่นแหละ...ครั้งแรกที่ผมกับเขาเจอกันเราถูกชะตากันมาก
สำหรับหมอนั่นคงจะเห็นผมเป็นแค่น้องชาย...แต่ผมรักเขาไปแล้ว!!!
เฮอะ! เหลือเชื่อล่ะสิ อืม...ก็นับว่าโคตรจะเชื่อยากเพราะผมเองก็เป็นผู้ชายจะไปชอบผู้ชายด้วยกันได้ยังไง จริงมั้ย!? แต่มันก็เป็นไปแล้วทำไงได้
...ก็อย่างที่เล่าไปน่ะแหละ ผมชิ่งหนีมาก่อนที่งานหมั้นจะเริ่มโดยจองตั๋วเครื่องบินไว้ตั้งแต่หลายวันก่อน แพ็กกระเป๋า และเดินทางมาที่สนามบินโดยที่ยังไม่มีใครรู้...กว่าจะรู้ผมก็ไปลั้ลลากับซิการ์ที่ประเทศไทยแล้วน่ะนะ :P
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องน้ำเน่าประเภทบินลัดฟ้าไปหาคนรักน่ะจะเกิดขึ้นกับตัวผม...
แต่ในเมื่อตัวเองกำลังจะหมั้นกับคนที่ไม่ได้รัก ความคิดบ้าๆ นี่มันก็จุดประกายขึ้นมาในหัวผมทันที
หลังจากที่จัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยและพอดีกับที่ไฟลต์บินของผมกำลังจะออกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าผมก็เข้ามาในตัวเครื่องบินก่อนจะนั่งประจำที่ แต่ก่อนที่จะนั่งลงนั้นผมก็สังเกตเห็นว่าที่นั่งข้างๆ ผมนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว...ผมจะไม่สนใจหมอนี่เลยถ้าผมไม่รู้สึกคุ้นๆ กับใบหน้าภายใต้แว่นกันแดดกรอบเหลี่ยมนั่น เพราะเขามีเครื่องบดบังใบหน้าอยู่ผมเลยมองหน้าเขาชัดๆ ไม่ได้
ถึงหมอนี่จะนั่งอยู่แต่ผมก็ดูออกว่าเขาตัวสูงมาก เกือบๆ ร้อยเก้าสิบเซ็นต์เลยมั้งน่ะถ้ากะคร่าวๆ ทางสายตาไม่ผิด สีผมของเขาเป็นสีแดงอมน้ำตาลดูแปลกตา ผิวก็ขาวจัดเอามากๆ เกือบซีดเลยซ้ำด้วยเล่นเอาผมนึกว่าเป็นแวมไพร์ซะอีก จมูกก็โด่งเป็นสันสวยงามประกอบกับโครงหน้าที่เรียวได้รูป ชุดที่เขาสวมอยู่เป็นเพียงแค่แจ็กเกตสีดำทับเสื้อเชิ้ตสีขาวแบรนด์ดังกับกางเกงยีนเท่านั้นเองแต่ไม่รู้ทำไม...ทุกอย่างมันดูลงตัวและเข้ากับหมอนี่ชะมัด
ผมปัดความคิดพวกนั้นไปอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจและนั่งลง คนใบโลกมีตั้งเยอะแยะการที่ผมจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หมอนี่อาจจะคล้ายกับคนที่ผมรู้จักได้
ตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังประสาทหลอนอ่อนๆ กับออร่าสีดำที่ดูคล้ายกับจะแผ่รังสีมาจากคนด้านข้างที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง เขานั่งหลังตรงเป๊ะราวกับทาบด้วยไม้บรรทัดตลอดเวลา สีหน้าก็เรียบตึงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น...เอ่อ ผมหลุดมาอยู่โลกปีศาจหรือเปล่าเนี้ย ไอ้หมอนี่น่ากลัวชะมัด
ฟึ่บ!
ในที่สุดผมก็ทนกับบรรยากาศขมุกขมัวครึ้มฟ้าครึ้มฝนนั่นไม่ไหวจึงลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ แต่พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นผมก็ถูกใครบางคนผลักหลังจนถลาเข้าไปในห้องน้ำหัวแทบทิ่มโถส้วม! เมื่อหันมาเตรียมจะด่ากราดใส่ไอ้บ้าที่มาผลักผมก็ต้องอ้าปากพะงาบๆ แทนเมื่อคนคนนั้นคือ...
ไอ้ปีศาจจอมเงียบนั่น!
“น่ะ...นาย!”
ขณะที่ผมมัวแต่อึ้งและประหลาดใจร่างสูงก็หันไปปิดประตูจนในที่สุดผมกับหมอนี่ก็อยู่เบียดเสียดกันภายในพื้นที่แคบๆ นี่! ตอนนี้ยังไม่มีคนเข้ามาให้ห้องน้ำเยอะทุกอย่างเลยเงียบกริบ ผมกำลังจะร้องลั่นเรียกคนมาช่วยแต่ก็ถูกฝ่ามือหนาเอื้อมมาปิดปากไว้อย่างรวดเร็วราวกับรู้ทันว่าผมจะต้องร้องยังไงยังงั้น
“ชู่ว...เงียบก่อนครับคุณชาย...”
เสียงเข้มปรามอย่างดุๆ ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้ระยะห่างระหว่างผมกับเขาแทบจะไม่เหลือพื้นที่ใดๆ ให้อากาศได้ผ่านเลย แผ่นหลังผมถูกดันติดกับผนังโดยที่ร่างสูงตามมาแนบชิดอย่างไม่ได้ตั้งใจ อ๊ะ...เอ๊ะ!? หรือหมอนี่มันคิดจะ XXX ผมกันอ่ะ!!!!!
“อ๋อยอั๊นเอี๋ยวอี๊อ๊ะ!!!! (ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ)”
ผมดิ้น...แต่ยิ่งก็ดิ้นคนตรงหน้าก็แทบแทบจะก่อการฆาตกรรมผมด้วยการปิดปากปิดจมูกผมเลยทีเดียว ท้ายที่สุดก็กลายเป็นว่าไอ้บ้านี่รัดผมไว้ทั้งตัวเพื่อไม่ให้ดิ้นป่ายไปมาได้ดั่งใจนึก
โอ๊ย!!! นี่หนีจากงานหมั้นมาได้แต่ต้องมาเสียตัวบนเครื่องบินเหรอเนี้ย!
ม้าย!!!!!!
“คุณจะดิ้นทำไมเนี้ยคุณชายวิค ซิลเวสเตอร์”
กึก! คราวนี้ผมหยุดนิ่งชะงักไปโดยปริยายเมื่อได้ยินเสียงของหมอนี่เรียกชื่อผมซะเต็มยศ เขา...รู้จักชื่อของผมได้ยังไง!! เมื่อเห็นว่าผมไม่อาละวาดแล้วแล้วร่างสูงก็คลายวงแขนลงและเอามือที่ปิดปากผมออก
“นายรู้จักชื่อฉันด้วยงั้นเหรอ!”
“แน่นอนครับ...เพราะคุณคือลูกชายคนเดียวของนายท่าน...”
“นี่นายเป็นบอดี้การ์ดของคุณพ่อใช่มั้ย!”
ผมถามด้วยน้ำเสียงแตกตื่นประหนึ่งสึนามิถล่มเลยทีเดียว อะไรกัน! อุตส่าห์หนีมาได้ขนาดนี้แล้วแต่ดันซวยมาเจอคนของพ่ออีกงั้นเหรอ ไม่ๆๆๆๆ เรื่องมันต้องไม่เป็นอย่างนี้สิ นี่มันฝันร้าย ฝันร้ายชัดๆ!!!!!
“เปล่าครับ...ผมคือหัวหน้าพ่อบ้านตระกูลซิลเวสเตอร์ หรือก็คือพ่อบ้านประจำตระกูลของคุณนั่นน่ะแหละครับ”
ทำมาเป็นเล่นลิ้นนักนะ! ผมคิดอย่างไม่สบอารมณ์ขั้นโคม่าก่อนจะกวาดสายตาไล่มองร่างสูงตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้ผมอยู่ใกล้เขามากจนเห็นดวงตาคมๆ ภายใต้แว่นกันแดดสีชานั่น...เท่านั้นแหละผมก็นึกออกขึ้นมาทันทีว่าหมอนี่คือ...ใครวะ!!?? (ผ่าง! คนอ่านแทบจะตบเข่าอย่างหัวเสีย ไอ้บ้านี่มัน...)
“ฉันไม่รู้จักนาย... พวกคนรับใช้ ไม่อยากจะเสวนา!”
ถ้อยวาจาจิกกัดเต็มที่พร้อมกับการกดสายตาอย่างดูถูกนิดๆ ถ้าเรื่องที่หมอนี่พูดเป็นเรื่องจริง เขาก็คือคนรับใช้อ่ะนะ ไม่แปลกหรอกที่ผมจะไม่รู้จัก...แต่ทำไมยังคุ้นๆ อยู่เลยวะ
“ผมชื่อ ‘เซบาสเตียน’ เผื่อคุณจะจำได้”
ว่าแล้วร่างสูงก็ยกมือเรียวขึ้นมาถอดแว่นออกไปเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง ผมตกตะลึงอึ้งและยกมือขึ้นมาชี้หน้าหล่อๆ ของหมอนี่และแทบจะกระโดดดึ๋งดั๋งจิ้มหน้าเขารู้แล้วรู้แรดไปเลยทีเดียว แค่ชื่อเซบาสเตียนก็กระตุกความทรงจำผมได้ดีอยู่แล้วพอมาเห็นนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลนั่นก็ถึงบางอ้อบางแสนบางขุนเทียนไปเลย
“นาย! ไอ้บ้าเซบาสเตียน!!!”
ใช่! หมอนี่...หมอนี่แหละที่เคยก่อวีรกรรม (ก่อเวรกรรมล่ะสิไม่ว่า!) กับผมเมื่อตอนเด็ก! อายุรู้สึกจะมากกว่าผมประมาณแปดปี มีความเป็นผู้ใหญ่...แต่ผมไม่ชอบหน้าเขาเอาเสียเลย! ถ้าถามว่าเขาเคยทำอะไรผมเอาไว้บ้าง...ไม่อยากจะพูดให้เมื่อยปาก เอาเป็นว่าผมเกลียดหมอนี่มากกก~
แต่พอผมเข้าเรียนมหาลัยผมก็ต้องไปอยู่ที่โดม (หอพัก) จนกระทั่งเรียนจบหลักสูตรสั้นๆ สามปี ดั้งนั้นช่วงเวลาสามสี่ปีนี่เองที่ผมไม่ได้เจอหน้าหมอนี่เลย! และทำไมพระเจ้าต้องลิขิตให้มาเจอหมอนี่อีกด้วยเนี้ย!!!
“ชี้หน้าผมอย่างนั้นไม่มีมารยาทเลยนะครับ”
นั่นไง...ปากอย่างงี้แหละที่ผมเกลียดแสนเกลียด! แม้เขาจะไม่ได้พูดจิกกัดหรือต้องการจะต่อว่าผมก็เถอะ
“บ้าเอ๊ย! แล้วนายตามฉันมาได้ยังไง”
“คุณท่านรู้แล้วว่าคุณชายหนีมาเลยให้ผมแอบตามมาด้วย”
“แล้วทำไมพ่อไม่ให้คนมาอุ้มฉันกลับไปซะเลยล่ะ”
ผมยืนกอดอกอย่างฉุนๆ พ่อนะพ่อ! นึกว่าจะหนีมาแบบไม่มีใครรู้ลืมเชียว ลืมไปว่าพ่อตัวเองน่ะหูตายิ่งกว่าสับปะรด
“คุณท่านเห็นว่าที่คุณชายหนีมาคงเพราะไม่อยากหมั้น เลยไม่อยากบังคับ...”
“ก็ดีนี่... ฉันจะไปอยู่ที่ไทยสักพัก งั้นนายก็ไสหัวไปได้แล้ว พ่อไม่ได้บังคับอะไรฉันแล้วนี่”
ผมเอ่ยเสียงรื่นรมย์ก่อนจะเดินยิ้มร่าไปเปิดประตู แต่ทว่ายังไม่ทันที่มือจะเอื้อมถึงร่างของผมก็ถูกคนตัวสูงจัดการดันไปติดผนังอีกรอบซะก่อน เมื่อถูกกระทำแบบนั้นอีกครั้งผมก็ชักสีหน้าไม่พอใจและตวัดสายตาไปมองมองใบหน้าคมคายอย่างโกรธๆ อะไรของหมอนี่อีกวะ!
“แต่คุณท่านฝากให้ผมตามไปดูแลคุณด้วย”
“อะ...อะไรนะ!!”
ตาผมเบิกค้างแทบจะถลนออกมานอกเบ้าเมื่อได้ยินคำพูดสุดสยองนั่น
“ตอนนี้ผมเป็นพ่อบ้านหรือคนดูแลประจำตัวคุณแล้ว...คุณชาย”
“ไม่! ฉันไม่ต้องการนาย ไม่ต้องการพ่อบ้านหรือคนดูแลอะไรทั้งนั้น เชิญไสหัวกลับไปบอกคุณพ่อเลยนะว่าฉันดูแลตัวเองได้ โอ๊ย! ให้ตายเถอะ!! นี่มันเรื่องตลกร้ายอะไรกัน”
ผมร่ายยาวอย่างกับคนเสียสติ เจอเรื่องแบบนี้ไม่ให้บ้าก็ให้มันรู้ไป อยู่ๆ พ่อจะให้คนที่ผมโคตรจะไม่ชอบขี้หน้ามาดูแลเนี้ยนะ บ้า! บ้าไปแล้ว!!!
“ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งของคุณท่าน ผมต้องอยู่ดูแลคุณจนกว่าคุณจะกลับอังกฤษ”
ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมอดนึกหวั่นเกรงไม่ได้แต่ผมก็ยังเชิดหน้าขนาดกับพื้นอย่างไม่นึกกลัวต่อไป ไม่แปลกหรอกที่เขาจะดูเชื่อฟังตำสั่งพ่อผมขนาดนี้ เขาเป็นพ่อบ้านประจำตระกูลผมมานานแถมได้รับตำแหน่งสืบทอดมาจากพ่อเขาซึ่งเป็นพ่อบ้านมาก่อน เลยรักและผูกพันกับครอบครัวผมมากกระทั่งตอนนี้เซบาสเตียนอายุยี่สิบเก้าปีแล้ว แต่ช่วยเอาเกียรติพ่อบ้านบ้าๆ อะไรนั่นไปทิ้งไกลๆ ผมได้มั้ย ผมจะอ้วกกกก!!!
ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมผมถึงทำตัวไร้มารยาทกับเขาทั้งๆ ที่เขาอายุมากกว่าผม (ผมอายุยี่สิบเอ็ดปีน่ะ) ก็บอกแล้วไงว่าผมเกลียดเขายิ่งกว่าเห็บหมาเห็บแมวซะอีก! L
“ไม่! ฉันกับนายทางใครทางมัน พอเครื่องลงนายไปทาง ฉันไปทาง โอเคมั้ย! เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
จำได้ว่าตัวเองพูดเสียงเด็ดขาด หากแต่คนตรงหน้าดูจะไม่สนใจเลยแถมยังถอนหายใจอย่างเอือมระอาอีกต่างหาก เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ผมก่อนจะเอ่ยว่า
“ช่วยไม่ได้ งั้นผมคงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด”
“ฮะ! อะไรนะ!!”
กริ๊ก!
ขณะที่ผมมัวแต่งงและทำหน้าเอ๋ออยู่ร่างสูงก็รวบข้อมือทั้งสองข้างของผมขึ้นมาและจากนั้นผมก็ถูกใส่กุญแจมือด้วยฝีมือของเซบาสเตียน! เขาล็อคแขนผมไว้ด้วยกุญแจมือนั่นอย่างรวดเร็วชนิดที่ผมชักมือหลบไม่ทัน...นี่เขาจะมือไวเกินไปแล้ว!
“ทำบ้าอะไรของนาย ไขกุญแจมือบ้าๆ นี่ออกเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ผมรู้สึกหัวเสียได้ขนาดนี้นับตั้งแต่เจอหมอนี่ แถมไอ้กุญแจมืออะไรนี่ดึงยังไงก็ดึงไม่ออกซีกที!
“ไม่...จนกว่าคุณจะยอมรับเงื่อนไขผมสักข้อสองข้อ”
“นี่! นายเป็นเจ้านายฉันตั้งแต่เมื่อไร นายเป็นคนใช้บ้านฉันนะโว้ย! เลิกเล่นบ้าๆ ได้แล้ว”
“ผมเป็นพ่อบ้านครับไม่ใช่คนใช้”
“เออๆ มันก็เหมือนกันน่ะแหละ เอาล่ะ รีบไข้กุญแจมือให้ฉันเสียที”
ผมยื่นมือทั้งสองที่ถูกล็อคไว้ไปหาร่างสูงเพื่อให้เขาเอามันออกให้ แต่พอเห็นใบหน้าที่เรียบตึงไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ นั่นผมก็รู้ทันทีว่าเขาคงไม่ยอมทำตามคำสั่งผมง่ายๆ แน่
“ขอปฏิเสธครับ ถ้าคุณยอมให้ผมตามคุณไปและไม่คิดหนีผมถึงจะยอมปล่อยคุณ”
...จะบ้าเรอะ! ฝันกลางวันรึไงไอ้บ้านี่
“ไม่โว้ย!!!”
“...” ส่งสายตากดดัน
“เออ! ก็ได้!! นายจะทำอะไรก็เรื่องของนาย ถอดกุญแจมือให้ฉันเดี๋ยวนี้”
ยอมให้ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ ชิ! สาบานกับตัวเองไว้เลยว่าถ้าหลุดไปได้เมื่อไรผมจะต้องหาทางชิ่งหนีทีหลังให้ได้ ตอนนี้ของเอากุญแจมือนี่ออกก่อนแล้วกัน
“ผมรู้พิษสงคุณดีคุณชาย ผมจะไขกุญแจมือให้ก็ตอนถึงประเทศไทยแล้วเท่านั้น”
“นายว่าไงนะ!!!”
“ก็อย่างที่ว่าไปแหละครับ ระหว่างนี้คุณก็เอานี่คลุมมือตัวเองไว้แล้วกลับไปนั่งที่...อย่าคิดเล่นตุกติกโดยการบอกคนอื่น ไม่งั้นคุณเจอดีแน่”
"...L"
เซบาสเตียนถอดแจ็กเก็ตสีดำมาคลุมมือผมไว้พร้อมกับใช้สายตาที่มีอำนาจและดุดันจดจ้องมายังผมอย่างต้องการจะบอกว่าเขามีวิธีมารับมือกับผมเสมอไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงเชื่อสุดหัวใจเลยว่าเขาสามารถทำได้อย่างที่พูดแน่นอน
"ถ้าเผื่อคุณยังไม่รู้นะ...สายการบินนี้เป็นของพ่อคุณ ดังนั้นผมจะทำอะไรคุณก็ได้ถ้าคุณไม่ยอมเชื่อผมดีๆ "
“L!!!!” พ่อนะพ่อ!!! สะเทือนหัวใจที่สุด!
ผมทำหน้าบึ้งตึงแต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่หมอนี่พูดและเดินมานั่งประจำที่นั่งตัวเองอย่างจำใจ (สุดๆ!) ไม่อยากเชื่อเลยว่าภายใต้บุคลิกที่แสนสุขุมและติดจะเย็นชานั่นมันซ่อน ‘ปีศาจ’ ดีๆ เอาไว้นี่เอง!!
[Austin’s side]
ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรู้หวาดกลัวแทบจะลืมหายใจมันเป็นยังไง ยามที่มองไปยังร่างบางที่นอนอยู่ทางกลางเลือดสีแดงฉานนั่นมันทำให้มือไม้ผมสั่นไปหมด บวกกับความคิดที่ว่าร่างนั้นคือเพื่อนของตัวเองแล้วผมแทบจะคลั่งตายเอาเสียให้ได้ แต่ผมต้องใจเย็นก่อน...บางทีนี่อาจจะไม่ใช่ไอ้แพทก็ได้
ภาวนาให้ผมคิดถูกด้วยเถอะ!
“โฮ่...เล่นกันถึงตายเลยนะเนี้ย”
เสียงเข้มที่แฝงไว้ซึ่งความโรคจิตของคนพูดนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือซิการ์ ร่างสูงยืนกอดอกดูศพในห้องนั่นอย่างไม่ยี่หระหรือกลัวเลยแม้แต่น้อย ผิดกับผมและเกลล์ที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“...อึก”
ผมกลืนน้ำลายตัวเองลงคอเมื่อทำใจกล้าเดินเข้าไปหาร่างนั้น แต่มันช่างยากลำบากเสียเหลือเกิน ทุกย่างก้าวที่ผมเดินมันดูเชื่องช้ามาก กระนั้นผมก็เดินไปจนเข้าถึงร่างบางที่นอนจมกองเลือดได้ในที่สุด คราวนี้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งยิ่งกว่าเดิมจนเกือบจะยกมือปิดจมูกกันกลิ่นไมพึงประสงค์เหล่านั้น คราบเลือดที่ยังไม่แห้งดีนั่นบอกให้รู้ว่าชายคนนี้เพิ่งจะตายได้ไม่นาน!!
เมื่อแน่ใจว่าสามารถพลิกตัวผู้ชายตัวหน้าให้หันกลับมาโดยที่ตัวเองไม่เผลอเหยียบกองเลือดนั่นเข้าผมก็ค่อยๆ เอื้อมมือไปหาร่างบางอย่างช้าๆ ก่อนจะกลั้นใจพลิกร่างนั่นให้หันมายังผมเพื่อจะได้เห็นหน้าชัดๆ!!
...!!!
“พระเจ้า...”
ผมได้ยินเสียงเกลล์พึมพำอย่างตกใจก่อนที่จะหันไปมองก็พบว่าหมอนั่นยกมือปิดปากอย่างตื่นกลัว คงเป็นเพราะในห้องนี้เงียบมากผมจึงได้ยินแม้กระทั้งเสียงเข็มเล็กๆ หล่น เรียกได้ว่าทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันทีที่ได้หน้าใบหน้าของผู้ชายที่โดนมีดเสียบกลางหลังนี่!!
...ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แพทเทิร์น ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ศพตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนรักของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแย่อย่างยากที่จะอธิบาย พร้อมกันนั้นคำถามต่างๆ มากมายก็ถาโถมเข้ามาในหัวผม...ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมเขาถึงได้ตาย และที่สำคัญคือใครเป็นคนฆ่า!!
โอ๊ย!!! นี่มันชักจะเหมือนหนังฆาตกรรมเข้าไปทุกทีแล้วนะ
มันชักเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว แค่อยากเล่นสงครามกับผมไอ้ดีไลท์ถึงต้องทำขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ชีวิตคนหนึ่งชีวิตเลยนะ หรือว่ามันจะสั่งให้คนของมันฆ่าผู้ชายคนนี้กันนะ? และถ้าไม่ใช่ล่ะ!? คนอย่างไอ้ดีไลท์ถึงมันจะเลวยังไงแต่ผมมันก็ไม่น่าจะทำอย่างนี้ ไม่สิ...ความจริงถ้ามันฆ่าใครมันก็คงไม่สำนึกด้วยซ้ำ ผมล่ะไม่แปลกใจเลยว่าคนเลือดเย็นอย่างมันเกิดมาเพื่อเป็นคนเลวอยู่แล้ว
“ศพไม่สวย...ดูสิตายังเบิกค้างอยู่เลย”
ซิการ์เดินเข้ามาในห้องหยุดอยู่ข้างผมพลางโน้มตัวไปพิจารณาศพที่นอนนิ่ง ท่าทีไม่รู้สึกรู้สาและเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกนั่นปลุกปั่นอารมณ์ด้านลบของผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อยากจะด่าหมอนี่ให้รู้สำนึกแต่สถานการณ์ที่ผมกำลังเผชิญอยู่มันหนักเกินไปจนเหมือนตัวเองจะหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาเฉยๆ
แต่ความหวังที่อยากเจอไอ้แพทมันก็ผลักดันผมต่อไป ใช่สิ! ผมยังเหลือคีย์การ์ดอีกใบหนึ่ง ไม่แน่ว่าผมอาจจะเจอไอ้แพทที่ห้องต่อไปก็ได้...หวังว่าอย่างนั้นนะ
“...”
“จะไปต่อได้รึยัง กูไม่มีเวลามานั่งคอยมึงหรอกนะออสติน”
“กูรู้แล้ว...ไปกันต่อเถอะ”
ผมพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน ถึงจะยืนต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ไว้หลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบลงแล้วผมค่อยไปแจ้งตำรวจเรื่องมีคนตายพร้อมกับพาเกลล์ไปด้วยก็แล้วกัน
ทว่า...หลังจากที่พวกเราเดินออกมาจากห้อง 1320 เพื่อจะไปยังห้อง 1501 ที่ชั้นสิบห้าผมก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่าตอนนี้ทุกอย่างมันเงียบผิดปกติ น่าแปลก...ปกติถ้ามีคนมาพักที่โรมแรมก็ต้องมีเสียงคุยกันไม่ก็เจอคนเดินสวนบ้างสิ แต่นี่ไม่เลย...ทางเดินก็ว่างเปล่า ผมจำได้ว่าก่อนที่จะขึ้นลิฟต์มาผมก็ยังเห็นมีคนอยู่ที่ล็อบบี้อยู่บ้าง แต่พอยิ่งขึ้นไปชั้นบนสุดเท่าไรมันก็วังเวงวิเวกวิโหวงขึ้นเท่านั้น
มันเป็นความผิดปกติที่แม้แต่เกลล์ก็ยังจับได้
“นายว่ามันแปลกๆ มั้ย”
เกลล์ถามเสียงสั่นขณะที่เจ้าตัวกอดแขนผมไว้แน่นและเดินตามติดไม่ยอมห่าง เขาดูเป็นคนขี้กลัวเหลือเกินแฮะ พอเหลือบสายตาไปมองร่างสูงๆ ของไอ้ซิการ์ที่เดินตามมาไม่ห่างก็เห็นว่ามันกำลังขมวดคิ้วเหมือนไม่ชอบใจบรรยากาศในตอนนี้...ใช่ มันเงียบเกินไป
เงียบสงบอย่างกับตอนก่อนที่พายุจะเข้าอย่างไรอย่างนั้น!!
“ไม่มีอะไรหรอก ขึ้นลิฟต์เถอะ”
ผมเอ่ยปลอบเมื่อเดินมาจนถึงลิฟต์ ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ลึกๆ ลงไปข้างในจิตใต้สำนึกผมกลับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดเลยแม้แต่นิดเดียว
ในที่สุดเราก็ขึ้นมาที่ชั้นสิบห้า ในมือผมมีแค่คีย์การ์ดใบเดียวที่เป็นความหวังสุดท้าย เมื่อเดินเลี้ยวไปก็เจอกับห้อง 1501 พอดีซึ่งมันเป็นห้องแรกของชั้นนี้ ผมรู้สึกได้เลยว่าตอนที่ตัวเองยื่นคีย์การ์ดไปจ่อที่เครื่องแสกนนั้นมือผมสั่นเพียงไร หากทว่าพอประตูเปิดออกอยู่ๆไฟก็ดับพร้อมกันกะทันหัน!
พรึบ!
ทันทีที่ตกอยู่ในความมืดผมก็ได้ยินเสียงคนด้านข้างกรีดร้องขึ้นมาพร้อมกันนั้นผมก็ถูกกระชากให้เดินตามไปด้วยโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร!!! อะไรกันเนี้ย!!??? ความไม่เข้าใจประเดประดังเข้ามาหาผมขณะที่ตัวเองถูกลากไปอยากนั้น ทุกอย่างมันดูชุลมุนวุ่นไปหมดบวกกับสายตาผมที่ยังไม่ชินในที่มืดความกลัวเลยเข้าเกาะกุมจิตใจ ไฟที่อยู่ดีๆ ก็ดับลงพร้อมกันอย่างนี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือมีใครจงใจทำกันแน่!!!
“ไอ้ออสติน!!! มึงอยู่ไหน!!!!”
ผมได้ยินเสียงเข้มๆ ของไอ้ซิการ์ตะโกนเรียกมาจากในที่ที่ห่างออกไป และมันก็ห่างออกไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ จนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังห่างจากที่ที่ปลอดภัยและกำลังกระโจนเข้าสู่อันตราย! บ้าน่า...ทำไมผมถึงคิดอย่างนั้นไปได้นะ ไอ้ซิการ์ต่างหากที่เป็นตัวอันตรายสำหรับผม และถ้าเป็นอย่างนั้นก็แสดงว่าคนที่กระชากลากถูผมอยู่ตอนนี้ก็คือเกลล์งั้นสินะ
“เกลล์...นั่นนายใช่มั้ย”
ผมลองถามเจ้าของมือที่ตอนนี้จับแขนผมไว้แน่นท่ามกลางความมืดมิด เรายังคงวิ่งห่างมากจากจุดเดิมไม่ยอมหยุดทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วผมไม่อยากวิ่งต่อแล้ว แต่ถ้าขืนทำอย่างนั้นผมคงได้มีหวังสะดุดล้มพอดี ผมอดแปลกใจไม่ได้เลยว่าในเมื่อมันมืดขนาดนี้แล้วทำไมคนตรงหน้าถึงพาผมวิ่งตรงไปโดยไม่เจอสิ่งกีดขวางใดๆ เลย
...มันไม่ปกติแล้วจริงๆ!!
“อืมใช่...ฉันเอง”
นานเลยทีเดียวกว่าที่อีกฝ่ายจะตอบคำถามผม แถมตอนนี้เราก็วิ่งกันมาไกลพอสมควรแล้วด้วย ดูเหมือนว่าจะวิ่งลงบันไดหนีไฟมาด้วยนะถึงจะมืดแต่ผมก็รู้ตัวตลอดเวลาที่วิ่งแหละน่า...บันไดมันเป็นขั้นๆ ต่างระดับกันใช้ประสาทสัมผัสก็รู้แล้ว แต่ที่ไม่เข้าใจเลยก็คือทำไมเกลล์ต้องพาผมวิ่งหนีมาด้วย?
“หยุดวิ่งก่อนได้มั้ย!”
ในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้เลยกระชากแขนเกลล์กลับและขืนตัวเองไว้ให้ร่างบางหยุดวิ่งลากผมไปมาตามใจชอบเสียที! บอกตามตรงเลยว่าผมตามหมอนี่ไม่ทันแล้ว เหนื่อยไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ!!
วาบ! และตอนนั้นเองที่ไฟที่ดับไปอย่างไร้สาเหตุเมื่อครู่ก็กลับมาสว่างเหมือนเดิมราวกับเสกได้ ผมหรี่ตาเล็กน้อยหลบแสงที่สว่างขั้นมากะทันหันก่อนจะเห็นเกลล์ที่ยืนอยู่ข้างหน้า ร่างบางค่อยๆ ถอดแว่นรูปทรงประหลาดที่มีเลนส์สีเขียวออกพร้อมกับแสยะยิ้มมาทางผม
“บอกให้หยุดอยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด”
เสียงหวานเอ่ยด้วยท่าทีที่ต่างไปจากเดิมลิบลับ จากตอนแรกที่เขาเหมือนกำลังหวาดกลัวและตื่นตระหนกหากแต่ตอนนี้กลับมีสีหน้าที่เรียบเฉยซ้ำยังแฝงไว้ซึ่งความร้ายกาจ หมอนั่นเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ผมอีกนิด
“พูดบ้าอะไรของนาย...”
ผมที่เริ่มรู้สึกถึงอันตรายของร่างแบบบางตรงหน้าเผลอก้าวถอยหลังอย่างยั้งตัวเองไม่อยู่ ถ้าผมไม่ได้ตาฝาดไปผมว่าตัวเองเห็นนัยน์ตาจองคนตรงหน้าฉายแววอำมหิต! มันเหมือนกับสายตาของนายพรานที่ค่อยๆ ต้อนเหยื่อให้จนมุม และผมจะไม่ว่าอะไรเลยที่เหยื่อนั่นไม่ใช่ผม!!! ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็แล่นแวบเข้ามาในหัว...ถ้าเรื่องที่อยู่ๆ ผมก็มาเจอเกลล์นั้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญล่ะ
หรือนี่จะเป็นแผนของไอ้ดีไลท์กัน!!!?
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อาจไขปริศนาที่กำลังรบกวนจิตใจในตอนนี้ได้เลย ทุกอย่างมันซับซ้อนเกินไปจนผมขบคิดเท่าไรก็ตามเกมนี้ไม่ทัน
“ถอยหลังหนีฉันทำไม เกิดกลัวฉันขึ้นมางั้นเหรอ” เกลล์ว่าเสียงเรียบแต่ฟังแล้วเสียวสันหลังพิลึก หมอนั่นกระตุกยิ้มร้ายๆ ที่มุมปากอีกครั้ง
“...”
“นายนี่ทำท่าทางเหมือนหมอนั่นตอนที่โดนฆ่าเสียบมีดเข้าที่หลังเลยนะ”
“...!!!” คำพูดนั่นทำเอาผมชะงักค้างทันที เรียกได้ว่าเหมือนตัวเองถูกปิดสวิตช์เลยก็ว่าได้...นี่มันเรื่องอะไรกัน?!!! เกลล์กำลังพูดถึงเรื่องอะไร หรือว่าจะเป็นเรื่องผู้ชายที่โดนมีดเสียบจนตายในห้อง 1320 นั่น ไม่จริงน่า...หมอนี่พูดราวกับว่าเขาเองนี่แหละที่เป็นคนฆ่าผู้ชายคนนั้น!!
“จุ๊ๆ อย่าทำหน้าตกใจแบบนั้นสิ”
ร่างบางตรงหน้ายกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากพร้อมกับส่ายหน้าอย่างกับจะล้อเลียนผมอย่างไรอย่างนั้น ดูเหมือนหมอนี่จะอารมณ์ดีอยู่คนเดียวในขณะที่ผมขำไม่ออก! เป็นคุณคุณจะรู้สึกยังไงล่ะที่จู่ๆ เหตุการณ์มันพลิกล็อคจากหน้ามือเป็นหลังเท้าแบบนี้ ผมชักเชื่อขึ้นมาสุดขั้วหัวใจแล้วว่าเกลล์กำลังคิดร้ายต่อผมและทุกอย่างที่ผ่านมาคือการแสดงละครเพื่อให้ผมตายใจล้วนๆ!!
...ใช่ เป็นการแสดงละครที่แนบเนียนมากจริงๆ ผมยังดูไม่ออกเลย!
“นายหมายความว่าไง...”
“อะไรงั้นเหรอ ฮึ!”
“นายเป็นคนฆ่าผู้ชายในห้องนั้นจริงๆ เหรอ!”
ที่ผมถามไม่ใช่เพราะอะไร...แต่เป็นเพราะอยากแน่ใจจริงๆ ว่าเกลล์คือคนร้าย ถ้าหมอนี่ฆ่าคนจริงๆ นั่นมันก็ไม่ปลอดภัยสำหรับผมแล้วนะ อย่าลืมสิว่าผมอยู่กับหมอนี่แค่สองคนเท่านั้น จะเกิดเรื่องร้ายแรงกับผมรึเปล่าก็ไม่รู้
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันจะโกหกทำไมล่ะ เกิดกลัวขึ้นมาล่ะสิ”
“นายฆ่าหมอนั่นทำไม”
“ก็มันขัดผลประโยชน์ของฉันน่ะสิ อ้อ...ถ้าเผื่อนายเกิดคิดสงสารไอ้เวรที่ตายไปแล้วนั่นขึ้นมาก็โปรดเลิกคิดซะ มันก็ถูกจ้างมาเหมือนฉันนั่นแหละ”
“ถูกจ้าง...?” ผมทวนขณะที่ลางสังหรณ์เริ่มทำงานอีกครั้ง
“ใช่แล้ว ฉันถูกจ้างให้มาพาตัวนายไปหาคนคนหนึ่ง นายลองเดาสิว่าเป็นใคร”
“...ดีไลท์”
จำได้ว่าตัวเองเรียกชื่อของคนที่โหดเหี้ยมและเลือดเย็นที่สุดอย่างไอ้ดีไลท์ขึ้นมาเสียงแผ่วเบา และมั่นใจเหลือเกินว่าผมต้องเดาถูก ทุกอย่างเป็นแผนของไอ้เวรนั่นจริงๆ! ถ้าให้ผมลองตามเกมนี้ดูผมว่าไอ้แพทเทิร์นคงไม่ได้อยู่ที่โรมแรมนี่ตั้งแต่แรก ไอ้ดีไลท์มันใช้ความเป็นห่วงที่ผมมีต่อเพื่อนให้เป็นประโยชน์โดยการที่หลอกล่อให้ผมมาที่นี่ ก่อนหน้านั้นมันคงจะจ้างเกลล์ไว้ให้จับตัวผมไปให้มัน
ถ้าแผนนี้ของมันสำเร็จมันก็จะได้ผมไปโดยที่ไม่ต้องเสียไอ้แพทไปให้ไอ้จัมพ์ตามที่ตกลงกันไว้ว่าให้เอาตัวผมไปแลกเปลี่ยนหลังจากที่ครบกำหนดสามสิบวันอะไรนั่น
...เป็นแผนที่เลวและเห็นแก่ตัวมาก!!!
“บิงโก! ฉลาดเหมือนกันนะนายเนี้ย งั้นฉันขออธิบายต่อเลยก็แล้วกัน...อยากฟังไหมล่ะว่าทำไมฉันถึงฆ่าพวกเดียวกันน่ะ J”
“...” มีแต่ความเงียบที่ผมส่งเป็นคำตอบไปให้ แต่ถึงผมจะตอบว่าไม่อีกฝ่ายก็คงจะพูดอยู่ดีน่ะแหละ ซึ่งผมเองก็อยากรู้ด้วยเพราะว่ามันคงจะทำให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นกว่านี้...
“พอดีกว่าก่อนหน้านี้ฉันกับหมอนั่นทะเลาะกัน พวกเราเป็นนักฆ่าที่อยู่ในโลกมืด ไม่เคยมีใครจับเราได้ แต่อยู่ๆ หมอนั่นก็คิดจะโกงค่าจ้างที่จะได้หลังจากเสร็จงานนี้ ฉันจับได้ซะก่อนก็เลย...เผลอฆ่าไปน่ะ”
ร่างบอบบางตรงหน้าพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เขาพูดราวกับมันเรื่องสัพเพเหระทั่วไปไม่มีสลักสำคัญอะไร ผมรู้สึกได้เลยว่าหมอนี่ฆ่าคนได้อย่างไร้ซึ่งสามัญสำนึกและไม่รู้สึกผิดอะไรเลย ว่าแต่หมอนี่เป็นนักฆ่าอย่างงั้นเหรอ...ไอ้ดีไลท์นี่ก็เข้าใจจ้างคนเหมือนกันนะ เดี๋ยวก่อนนะ...ทำไมต้องเป็นนักฆ่าด้วยล่ะ?
“แล้วนายมีจุดประสงค์อะไรอย่างอื่นอยู่อีก”
“ถามได้ดี...นอกจากถูกจ้างให้มาจับตัวนายแล้วก็ยังมีงาน ‘เก็บ’ คนคนหนึ่งด้วย...”
“ใคร...”
“ก็คนที่มากับนายยังไงล่ะ จะเป็นเพื่อน คนรัก ชู้ คู่ขาหรือเป็นอะไรกับนายฉันก็ไม่รู้ไม่สนด้วยหรอกนะ เอาล่ะ เราไปกันได้แล้ว” ว่าจบเกลล์ก็ตรงมากระชากข้อมือผมให้เดินตามไปอีก
“เดี๋ยวๆ ที่นายบอกว่าจะฆ่าซิการ์ฉันว่ามันแปลกๆ นายอยู่กับฉันจะไปฆ่าหมอนั่นได้ยังไง”
“หึ! นายไม่สงสัยบ้างเหรอว่าหลังจากที่ฉันฆ่าเพื่อนตัวเองแล้วทำไมตอนที่นายมาเจอฉันฉันถึงอยู่ในสภาพที่ถูกมัดอยู่ล่ะ :) มันก็ชัดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง ว่านอกจากฉันแล้วก็ยังมีแนวร่วมอีกหนึ่งอยู่ด้วย”
“...!!!”
ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า...คีย์การ์ดสามใบที่ผมได้มาก็ล้วนมีแต่คนที่ดีไลท์จ้างมาทั้งนั้นเลยน่ะสิ! ห้องแรกก็มีเกลล์อยู่ ห้องที่สองก็คือคนที่ถูกฆ่าไป ส่วนคนที่อยู่ห้องที่สามผมยังไม่ได้เห็นหน้า ชิบหายเอ๊ย!!! ผมหวังมาตลอดเลยนะว่าไอ้แพทน่าจะอยู่ในห้องใดห้องหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าผมถูกไอ้เวรดีไลท์ต้มจนเปื่อยซะงั้น เลวมาก...หาใครเลวทรามเท่ามันไม่ได้อีกแล้ว!
“แต่ซิการ์มันเคี้ยวยากนะ แน่ใจเหรอว่าเพื่อนนายจะฆ่าหมอนั่นได้จริงๆ น่ะ”
“ถึงจะฆ่าไม่ได้ ยังไงซะมันก็หนีไม่รอดอยู่ดี”
“...”
“เพราะว่าที่นี่ถูกติดตั้งระเบิดไว้ทุกชั้นน่ะสิ และมันจะเริ่มระเบิดครั้งแรกที่ชัดบนสุดของโรมแรมนี้ ลูกต่อไปก็จะระเบิดทุกห้านาทีลงมาชั้นตามชั้นเรื่อยๆ จนถึงชั้นล่างสุด และจากนั้น...ไอ้ซิการ์อะไรนั่นก็จะเละอยู่ภายใต้ซากตึกนี่ยังไงล่ะ :)”
“...!!!”
ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจสุดขีด ระเบิดอย่างงั้นเหรอ! ที่ผมรู้สึกว่าโรมแรมมันเงียบผิดปกติก็แสดงว่าที่ไม่มีคนอยู่เลยก็เพราะอย่างนี้เองเหรอ ไม่แน่นะว่าไอ้ที่ผมเห็นว่ามีคนอยู่ที่ล็อบบี้ตอนที่เข้ามาที่นี่ครั้งแรกนั้นคงจะเป็นการ ‘จัดฉาก’ อย่างหนึ่ง ทุกอย่างเป็นเพราะให้ผมหลงเข้ามาติดกับดัก...ทำไมผมถึงไม่ฉุกคิดให้เร็วกว่านี้นะ มาคิดได้เอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว จะให้หนีผมก็เกรงว่าจะสู้เกลล์ไม่ได้ ถึงหมอนั่นจะตัวเล็กกว่าผมก็จริง แต่เขาเป็นถึงนักฆ่าเชียวนะ...เกิดทำอะไรผลีผลามขึ้นมาแล้วตายจะว่ายังไง!!
“และตอนที่ฉันใช้แว่นสำหรับมองในที่มืดพานายวิ่งมาตอนนี้เราก็อยู่ที่ชั้นห้าแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนลูกหลงไปด้วยหรอกนะ”
ตูม!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ฉับพลันก็บังเกิดเสียงระเบิดกัมปนาทกึกก้องดังมาจากเหนือหัวผม ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเพดานอย่างตื่นตกใจ นั่นมันคือเสียงระเบิดไม่ผิดแน่ แสดงว่าที่เกลล์พูดมาไม่ใช่เรื่องโกหกเลย! ระเบิดคงจะระเบิดตามชั้นลงมาอย่างที่หมอนี่พูดแน่ๆ แล้วซิการ์ล่ะ...ให้ตายเถอะ! ทำไมอยู่ๆ ผมดันคิดถึงไอ้เวรนั่นขึ้นมากันนะ
“หึๆ มันเริ่มแล้วล่ะนะออสติน”
WRITER TALK 2 J
มาอัพต่อแบบไม่ทิ้งช่วงกันเลยทีเดียว ตอนนี้ลุ้นระทึกและมันส์คูณสองกันไปเล้ยยย!!!! >O< หลุดโลกไปยังยิยายบุแอ๊กชั่น ระทึกขญัว สืบสวนสอบสวน ฆาตกรรมอำพราง ว้ากกก!!! ได้ข่าวว่านี่นิยายรักนะโว้ยยย!!! (บ้าเองคนเดียว =//////=) ตอนหน้ามาดูกันว่าซิการ์จะเป็นยังไง และจะหนีตาย (หนีระเบิด =[]=) กันได้มั้ย แนะนำว่าห้ามพลาดน้า ^O^
PS อย่าลืมเม้นต์กันหน่อยน้า ไรต์อยากได้กำลังใจมากกกกก
WRITER TALK J
เปิดตัวคู่รัก เอ๊ย! ตัวละครตัวใหม่สองตัวจ้า >O< แอบกระซิบว่า ‘วิค ซิลเวสเตอร์’ เนี้ยจะมาเป็นตัวมารขัดขวางความรักของใครบางคน ฮิ้วว~~ เขาจะมาแผลงฤทธิ์ยังไงต้องรอติดตามกันดูนะคร้าบ พลาดไม่ได้เด็ดขาดยิ่งมีคนคอยควบคุมอย่างเซบาสเตียนสุดหล่อแล้ว...ใจละลาย (เพ้อ ฮา...)
สำหรับครึ่งหลังคู่รักเลือดสาดอย่างซิการกับออสตินก็จะมาแล้วน้า รับรองว่าโหด มันส์สนั่น ลุ้นระทึก อ๊ากกกก (อะไรของมันวะ -*-)
PS เม้นๆ กันหน่อยนะคร้าบ ไรต์อยากได้กำลังใจมากกกกก (ลาก ก ไก่ ยาวไปยันเชียงใหม่ทะลุไปขั้วโลกเหนือเลยทีเดียว =,.=)
ความคิดเห็น