ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของ

    ลำดับตอนที่ #4 : Bastard!! Screen 04 :: What is the fuck!! [105 Per.]

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 56


    Chapter 04

    What is the fuck!!!

      
     
     

                [Cigar’s side]

     

     

              ริมฝีปากผมเยียดยิ้มขณะมองแผ่นซีดีในมือก่อนจะยกแขนเรียวกระดกเครื่องดื่มสีอำพันจรดริมฝีปากและปล่อยให้ของเหลวที่มีดีกรีแอลกอฮอล์สูงไหลผ่านคอไป...ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในผับชื่อดังแห่งหนึ่งแต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ผมเป็นพวกเปลี่ยนที่เที่ยวบ่อยน่ะ เรียกได้ว่าไม่เคยมีผับไหนที่ผมไม่เคยไป

     

     

                วันนี้เป็นวันที่ผมโครตอารมณ์ดีเลยล่ะ

     

     

                เพราะอะไรน่ะเหรอ...ก็ไอ้เด็กที่ชื่อออสตินนั่นยังไงล่ะ หึๆ เมื่อคืนผมเองก็ทำหนักไปหน่อยเหมือนกันไม่รู้ว่าว่าป่านนี้ไอ้เด็กนั่นมันจะลุกจากเตียงได้หรือเปล่า J

     

     

     

                “ไอ้ซิการ์ มึงเป็นอะไรมากมั้ยวะ เห็นมองแผ่นซีดีแล้วยิ้มอยู่ได้ -*-”

     

     

                ไอ้จัมพ์...เพื่อนสนิทของผมที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามพลางขมวดคิ้วเป็นปม วันนี้ผมนัดมันกับไอ้พลาสเตอร์เพื่อนอีกคนที่ก๊งเหล้ากันที่นี่น่ะ หากแต่ไอ้เวรพลาสเตอร์ก็ยังไม่มา...แม่งมาช้าอีกตามเคย!!

     

     

                ผมกับไอ้จัมพ์ก็สนิทกับพอๆ กับที่ผมสนิทกับไอ้พลาสเตอร์น่ะแหละ ประมาณว่ารู้จักกันมานานมากแล้ว แถมแต่ละตัว เอ๊ย!! ตัวละคนก็เลวพอๆ กันทั้งนั้น อย่างไอ้จัมพ์นี่ก็ไม่ได้เลวน้อยไปกว่าผมเลย

     

     

                “หึๆ ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ :)

     

     

                ผมตอบก่อนจะแสยะยิ้ม ไอ้จัมพ์มันไม่รู้หรอกว่าแผ่นซีดีที่ผมถืออยู่ในมือนี่มันคืออะไร...มันเป็นแผ่นซีดีที่ไรท์จากกล้องวีดีโอที่ผมสั่งให้คนเอามาซ่อนไว้ในห้องที่โรงแรมนั่น

     

     

                ...คงไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่าอะไรที่อยู่ในแผ่นซีดีนี่ หึๆ

     

     

                นี่น่ะเป็นของลิมิเต็ดอิดิชั่นเชียวนะ มีแค่สองแผ่นที่ผมไรท์ไว้เมื่อเช้า แผ่นนึงอยู่กับผมส่วนอีกแผ่นผมก็วางไว้ให้ไอ้เหี้ยออสตินได้เห็น...เชื่อเถอะว่ามันต้องช็อคน้ำลายฟูมปากแน่ๆ

     

     

                แต่ผมจะไม่ก๊อปแล้วเอาไปขายหรอกนะ...

     

     

                เพราะของดีต้องเก็บไว้ดูคนเดียว...จริงไหม J

     

     

                “มึงนี่ท่าจะบ้าแล้วจริงๆ ว่ะ”

     

     

                ไอ้จัมพ์ส่ายหัวราวกับระอาก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นสูบและพ่นควันสีขาวฟุ้งไปทั่วไป ด้วยความที่ตรงนี้เป็นโซนวีไอพีจึงไม่ค่อยมีคนและมีความเป็นส่วนตัวสูงจึงไม่มีใครคิดข้องใจที่อยู่ๆ ก็มีคนสูบบุหรี่ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ ต่อให้มีใครข้องใจไอ้จัมพ์มันก็ไม่แคร์อยู่ดี หึๆ

     

     

                “บางทีกูอาจจะบ้าแล้วจริงๆ ก็ได้ ฮ่าๆ”

     

     

                ผมหลุดขำพรืดออกมา 

     
     

                “เวร!!! นี่กูมีเพื่อนเป็นคนบ้าเหรอวะเนี้ย”

     

     

                “เหี้ยมึงสิ!! ถ้ากูบ้ามึงก็บ้าที่มาคบกูเป็นเพื่อน”

     

     

                ผมยักคิ้วเป็นการกวนประสาทคนตรงหน้าก่อนจะจรดเครื่องดื่มแอลกอฮอลขึ้นดื่มอีกครั้ง วันนี้ผมดื่มเยอะมากหากแต่ผมมันคอแข็งน่ะครับเลยไม่มีท่าทีว่าจะเมา

     

     

                “งั้นกูคบมึงเป็น เมียก็ได้ J” รอยยิ้มชั่วถูกโปรยมาทางผมโดยไอ้เหี้ยจัมพ์ ผมรู้สึกถึงเสียงเส้นสติขาดผึงในหัว...เมื่อกี้ไอ้จัมพ์มันบอกว่าจะคยบผมเป็นเมียงั้นเหรอ -*-

     

     

                “ไอ้สัด!!! มึงพูดเหี้ยอะไรของมึงเนี้ย”

     

     

                “ก็บอกว่าจะให้มึงมาเป็นเมียกูไง รุปร่างอย่างมึงนี่ถึงจะสูงๆ และมีกล้ามแต่มันออกไปทางเพรียวๆ มากกว่าว่ะ ว่าไง สนใจมาสมัครเป็นเมียกูมั้ยครับซิการ์น้อย”

     

     

                ...ไอ้ฉิบหายจัมพ์!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

                ผมถึงกับอ้าปากพะงาบๆ และด่าไอ้คนที่นั่งเสล่อยิ้มแป้นอยู่ในใจ ก่อนจะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรง เมื่อกี้ไอ้เชหี้ยจัมพ์มันเรียกผมว่าซิการ์น้อยงั้นเรอะ =[]=

     

     

                ไอ้เหี้ย!!!!!!!!!!!

     

     

                “กูเป็นผู้ชายนะโว้ยไอ้สัดจัมพ์!!!!!

     

     

                อ๊ากกกกกก!!! ผมถึงกับสติแตกแทบจะลุกขึ้นไปบีบคออีกฝ่าย เจ้าของร่างสูงๆ ตรงหน้าก็ยังคงยิ้มกลั่นแกล้งผมไปเรื่อย แม่ง!!! กูไม่น่ามีเพื่อนกวนประมาทแบบไอ้เชี่ยนี่เลยว่ะ (แต่ก็เป็นไปแล้ว -*-)

     

     

                “งั้นเหรอ...ฮะๆ”

     

     

                “หัวเราะทำเชี่ยไร!” ผมตวาดอย่างหงุดหงิด แม่งเอ๊ย!! กูก็อุตส่าห์อารมณ์ดีทั้งทีแต่ก็เจอเพื่อนมาปั่นประสาทให้สติแตกซะได้ เรื่องอะไรผมไม่ว่าหรอกนะ แต่นี่มันเกี่ยวข้องกับความแมนของผมนะเว้ย!! กูเป็นผู้ชาย!!!

     

     

                “เปล่าหัวเราะนี่ครับซิการ์ที่รัก”

     

     

                Shut the fuck up!!! Jump.”

     

     

                “แซวเล่นๆ แค่นี้ถึงกับโมโหเลยเหรอคนดี”

     

     

                “กูไม่ทนแล้วโว้ย!!!!” เพราะไอ้จัมพ์ยังคงแกล้งผมต่อไปผมจึงพุ่งไปหาคนตรงหน้าอย่างรวดเร็วและกระชากคอเสื้อมันขึ้นมา แต่ไอ้เหี้ยจัมพ์นี่ก็ยังทำหน้าลั้ลลาเหลือเกินนะ -_-

     

     

                “ฮ่าๆ กูแค่ล้อเล่น ทำเป็นเป็นโมโหไปได้ ไอ้คนอารมณ์ร้อนเอ๊ย!” ในที่สุดไอ้จัมพ์ก็ต้องรามือไปเพราะทำให้ผมคลั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ไอ้เวร =_=

     

     

                “ฮึ่ย!!” มือผมปล่อยคอเสื้อไอ้จัมพ์พร้อมกับทำฮึดฮัดอย่างถูกขัดใจ วันนี้ปมจะปล่อยไอ้จัมพ์ไปก็ได้วะ! แต่ถ้าคราวหน้ามันกล้าพูดอะไรที่ฟังแล้วสยองแบบนี้อีกผมฆ่ามันแน่!! แต่แล้วขณะที่ผมกำลังถอยห่างออกมาจากไอ้จัมพ์ อยู่ดีๆ ผมก็ถูกฝ่ามือปริศนาของใครบางคนผลักเข้าที่หลังจนเสียหลักเอนไปข้างหน้า!!!

     

     

                เฮ้ย!!!!!!!

     

     

                ผมร้องลั่นในใจเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะล้มไปทับไอ้จัมพ์ ในใจภาวนาไม่ให้ตัวเองทาบทันคนตรงหน้า หากแต่มันโคตรไร้ประโยชน์เมื่อร่างทั้งร่างของผมโถมทับไอ้จัมพ์เต็มๆ !!!

     

     

                แต่แค่นั้นยังมันไม่พอ!!!! ด้วยความที่ว่าผมล้มไปทับไอ้จัมพ์เลยทำให้ปากผมกับมันตอนนี้กำลังสัมผัสกันอยู่!! ทั้งมันและผมต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตะลึงพรึงเพริด ริมฝีปากก็คากันอยู่อย่างนั้นไม่มีการผละออกเนื่องจากตกใจเกินกว่าที่จะมีสติคิดทำอะไรได้

     

     

                ตอนนี้ผมกับไอ้จัมพ์กำลัง...จูบกัน!!!!!!!!!!!

     

     

                ฉะ...ฉิบหายเอ๊ย!!!!!!!!!!!!

     

     

                คราวนี้ผมแทบอยากจะคำรามลั่นให้ดังสนั่นไปทั่วบริเวณนี้เลย และทันทีที่ตั้งสติได้ผมจึงรีบออกแรงผลักแผ่นอกหนาของอีกฝ่าย หลังจากที่ผละริมฝีปากออกจากกันแล้วผมกับไอ้จัมพ์ก็ทำแบบเดียวกันเลยนั่นก็คือถูปากตัวเองไปมาก่อนจะทำท่าอยากจะอ้วกพร้อมกัน

     

     

                “อ๊ากกกก! เมื่อกี้ใครผลักกูวะ!!

     

     

                ผมตะคอกเสียงดังพร้อมกับหันไปทางด้านหัลงเพื่อดูว่าไอ้บ้าตัวไหนมันผลักผมจนทำให้เกิดเหตุการณ์วิปริตนั่นขึ้น และสิ่งที่ปรากฏให้เห็นแก่สายตาเลยก็คือภาพของไอ้พลาสเตอร์ที่กำลังหัวเราะลั่นราวกับเรื่องเมื่อครู่นั่นมันน่าขันตายห่า...ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าไอ้พลาสเตอร์มันแกล้งผมสินะ!

     

     

                “ไอ้เหี้ยพลาสเตอร์! มึงทำบ้าอะไรวะ”

     

     

    ไอ้จัมพ์เองก็พูดเสียงดังลั่นไม่แพ้กัน มันยังคงถูกปากตัวเองไปมาไม่ยอมหยุด เหอะ! ผมก็อยากจะขย้อนอาหารที่กินไปออกมาเหมือนกันแหละ

     

     

    “ก็พอดีฉันมาเห็นพวกนายกำลังเถียงกันพอดีเลยแกล้งผลักลง ไม่นึกว่าผลที่ตามมาจะเหนือกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะเนี้ย” ได้เพื่อนตัวดีตอบหน้าตาย ไอ้เวรพลาสเตอร์...มันมาช้าปล่อยให้พวกผมรอและยังจะมาแกล้งจนทำให้ผมกับไอ้จัมพ์จูบกันอีกนะ =_=

     

     

    ท่าทีกวนประสาทและรอยยิ้มที่ดูคล้ายจะสะใจกับสภาพของพวกผมเหลือเกินทำให้ผมกับไอ้จัมพ์มองหน้ากันก่อนจะหันไปทางไอ้พลาสเตอร์แล้วหรี่ตาส่งสัญญาณอันตราย...

     

     

    “ไอ้พลาสเตอร์...”

     

     

    “มึงอย่าอยู่เลย!!!!!
     
     

                 

     

    [Austin’s side]

     

     

                เหี้ย!!!!!

     

     

                ผมยังรู้สึกโมโห หงุดหงิดและเคียดแค้นไม่หายกับการที่ตัวเองกลายไปเป็นเมียผู้ชายอย่างนั้น ให้ตายสิวะ! ยังไงผมก็เป็นผู้ชายนะโว้ย! อยู่ๆ มาถูกจับ XXX และยัดเยียดความเป็นชายอย่างนั้นมันไม่มากไปหน่อยเหรอไง -_-

     

     

                นี่มันก็ผ่านมาหนึ่งวันแล้วแต่เชื่อไหม...ร่องรอยบนตัวผมยังไม่จางลงเลย ยังเห็นรอยขบเม้มแรงๆ ที่ช้ำเป็นจ้ำเด่นหราเป็นสง่าอยู่เหมือนเดิม สัดเอ๊ย! ขนาดลุกเดินหรือแม้จะขยับตัวแต่ละทียังเจ็บคล้ายกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

     

     

                แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าไอ้เวรซิการ์มันสารเลวขนาดไหน!

     

     

                แม่ง! กูล่ะสมเพชตัวเองชะมัด!!!

     

     

                ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

     

     

                แต่คิดไปมันก็เท่านั้นแหละ ยังไงซะผมก็ไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้จึงได้แต่ยืนหัวเสียอยู่คนเดียว ก่อนที่มือเรียวของตัวเองจะถูกยกขึ้นเคาะประตูห้องใครบางคนดังลั่นอย่างไม่เกรงใจใคร ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นผู้ชายร่างบางหน้าสวยที่กำลังยืนจังก้าอยู่หน้าผมตอนนี้

     

     

                และไอ้ร่างบางที่ว่านี่ก็คือ แพทเทิร์นเพื่อนของผมเอง

     

     

                คราแรกแพทเทิร์นมองผมด้วยความแปลกใจและงุนงงเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนมาเป็นดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นผมเอง

     

     

                “นึกไงถึงมาหาฉันล่ะเนี้ย ถือกับข้าวอะไรมาเยอะแยะเชียว”

     

     

                ไอ้แพทเทิร์นทำตาเป็นประกายเมื่อเห็นถุงที่อยู่ในมืออีกข้างของผม ในนั้นมีถุงกับข้าวประมาณสองสามถุงที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดนัดเมื่อครู่

     

     

                อ้อ! ตอนนี้ผมอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่เช่าอยู่น่ะครับ มันดูเก่าและหลอนๆ พอควรหากแต่ค่าเช่ามันถูกดี

     

     

                “ทำไมจะมาหาไม่ได้วะ ก็ในเมื่อกูอยู่ข้างๆ ห้องมึง วันนี้พอดีกินข้าวคนเดียวมันเหงาเลยจะกินกับมึงไง”

     

     

                ผมสาธยายยาวๆ ยืดเยื้อคล้ายกับจะปั่นประสาทอีกใยเล่น แต่เชื่อเถอะ! ไอ้แพทเทิร์นมันคงไม่รู้สึกอะไรหรออก...แบบว่าคนดีจัด! ไม่รู้ว่ามันมาเป็นเพื่อนกับผมได้ทั้งๆ ที่ใครหลายคนก็เอ่ยปากกล้ารับประกันว่ามันนี่เป็นคนดีที่สุดในโลกหล้า (ลากเสียงยาว -_-)

     

     

                ขนาดผมพูดกับมัน มึง’ ‘กูแต่มันกลับใช้สรรพนามแทนตัวเองกับผมว่า ฉันกับ นายโอ้ให้ตาย...คนดีราวกับพระเจ้าประทานมาอย่างนี้บอกไปใครจะเชื่อไหมว่ามันเป็นเพื่อนผม =_=

     

     

                เริ่มต้นจากตอนแรกเลยที่ผมรู้จักกับไอ้แพทเทิร์น ที่จริงแล้วผมกับหมอนี่เคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวแต่กลับไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ เพิ่งจะเริ่มมาคุยกันและสนิทจริงๆ ก็ตอนที่ผมย้าย       มาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์นี้...หลังจากตอนที่พ่อผมไปก่อหนี้ไว้กับไอ้ดีไลท์น่ะนะ

     

     

                เท่านั้นยังไม่พอ ผมกับมันยังเช่าห้องอยู่ข้างๆ กันอีก ห้องถัดไปนั่นก็คือห้องผมเอง...ที่จริงแล้วบ้านไอ้แพทเทิร์นมันรวยนะ ผมเองก็อดแปลกใจไมได้เหมือนกันจนถึงขึ้นถามไปเลยว่าทำไมคนอย่างหมอนี่ถึงมาเช่าอพาร์ตเมนต์เก่าๆ ถูกๆ นี่อยู่ และคำตอบที่ได้มาก็คือ...ที่นี่มันใกล้มหาลัยดีและมันก็ชอบอยู่แบบติดดิน -_-

     

     

                อีกอย่างที่ผมให้ผมกับไอ้แพทเทิร์นสนิทกันได้อย่างรวดเร็วเลยก็คือ...เราทั้งคู่สอบเข้ามหาลัยของรัฐแห่งหนึ่งได้เหมือนกันและอยู่คณะเดียวกัน อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนั้น -*-

     

     

                จนถึงตอนนี้ผมกับมันคุยกันไปคุยกันมา เจอหน้ากันจนกระทั่งเริ่มสนิทกันในที่สุด

     

     

                พอพูดถึงเรื่องมหาลัยแล้วผมขอเสริมอีกหน่อยว่า ถึงแม้จะต้องตามใช้หนี้ไอ้ดีไลท์แต่ผมก็ยังต้องเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาอยู่ดีเพื่ออนาคตของตัวเอง เงินที่จะเอาไปใช้จ่ายค่าเรียนส่วนหนึ่งก็มาจากไอ้แพทเทิร์นนี่แหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ถ้าไม่ได้มันป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าชีวิตผมมันจะย่ำแย่ขนาดไหน

     

     

                จะว่าไปก็เพราะไอ้หนี้สิบล้านนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตผมเป็นแบบนี้!!

     

     

                เฮอะ! กูล่ะอยากจะบ้าตายจริงๆ -_-^

     

     

                “จะเข้ามาไหม จะได้กินกันเร็วๆ”

     

     

                ขณะที่ผมคิดอะไรไปเรื่อยนั้นเสียงของแพทเทิร์นก็แทรกผ่านเข้ามาในโสตประสาทกิ่นที่เจ้าตัวจะเอื้อมมือมาแย่งถุงในมือผมไปถือคนเดียวแล้วฉีกยิ้มสดใส

     

     

                “เออๆ” ผมว่าพร้อมกับเดินแทรกผ่านเจ้าของห้องเข้าไปด้านใน

     

     

                เมื่อเข้ามาผมก็ไม่ได้แปลกใจอะไรนักเพราะห้องของแพทเทิร์นก็เหมือนกับห้องของผมคือ...ดูเก่าๆ เหมือนกัน =_= ร่างบางๆ ขอวคนที่เดินตามมาทีหลังเลี้ยวเข้าไปในห้องครัวเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะลงมือเทกับข้าวใส่จานด้วยตัวเอง

     

     

                เออนะ...จะไม่ให้กูทำอะไรเลยใช่ไหมไอ้แพทเทิร์นผู้ประเสริฐ =_=

     

     

                หลังจากที่กับข้าวทุกอย่างถูกวางเรียงลงบนโต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็กเรียบร้อย ผมกับไอ้แพทเทิร์นก็จัดการกินอย่างเมามันราวกับอดอยากมาแต่ชาติปางไหน...เอ่อ มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ผมแค่เปรียบอะไรเว่อร์ๆ ไปก็เท่านั้นเอง -_-

     

     

                “เออใช่! ฉันกะจะถามนายตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่ารอยบนตัวนายนี่มันคือรอยอะไร มันมีอยู่ทั่วคอนายเลย”

     

     

                ...มันยังมีมากกว่าที่นายเห็นอีกไอ้แพทเทิร์นเอ๋ย -_-

     

     

              ผมแอบเสริมต่อในใจแต่ก็ไมได้พูดออกมา การที่อีกฝ่ายจะสงสัยก้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะไอ้รอยที่ว่านั่นน่ะต่อให้ปกปิดยังไงก็ไม่มิด ผมจึงเลือกที่จะปล่อยเลยตามเลยใครเห็นจะคิดยังไงก็ช่าง

     

     

                “ยุงกัด เลยตบแล้วเกา มันก็เลยออกมาเป็นอย่างนี้”

     

     

                ตอบได้ทุเรศและสิ้นคิดชะมัดเลยกู ใครมันจะไปเชื่อวะ! แพทเทิร์นที่นั่งฟังอยู่เองก็ทำหน้าไม่เชื่อนิดๆ แต่กลับไม่ถามอะไรต่อเพราะคงเดาออกว่าผมไม่อยากให้ถามถึงเรื่องรอยนั่นอีก ก็แน่ล่ะ! ใครจะอยากคุยเรื่องพวกนี้กันวะ ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจะจับคนมากระทืบๆ สักทีให้หายโมโห -*-

     

     

                “ฮ้า...อิ่มล่ะ”

     

     

                เสียงใสๆ ของร่างบางตรงหน้าเผลอร้องออกมาอย่างลืมตัวเมื่ออาหารทุกอย่างหมดเกลี้ยงพลางตบท้องตัวเองสองสามทีอย่างสบายอารมณ์ อยากจะบอกว่าตอนนี้ผมรู้สึกอิ่ม...มากกกกกก

     

     

                แพทเทิร์นเป็นคนเก็บจานเอาไปล้างเหมือนเคยตามประสาคนดี (ประชดนะ -*-) จนผมไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรดีจึงเดินออกมาจากห้องพร้อมกับตะโกนบอกคนที่อยู่ในครัว

     

     

                “แพท! กูไปเอาของที่ห้องแปบนะ เดี๋ยวกูมา!!

     

     

                “อืม!

     

     

                แพทเทิร์นตะโกนกลับมาเสียงดังพอกัน ดังนั้นผมจึงกระชากประตูปิดและเดินมายังห้องตัวเองที่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง และขณะนั้นเองที่ผมสวนกับใครบางคนที่เดินมาทางนี้พอดี

     

     

                ร่างสูงใหญ่นั่นทำเอาผมชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มสังเกตใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาและดูดีกว่าคนทั่วไป อีกทั้งดวงตาสีเข้มที่ดูมีเสน่ห์กับริมฝีปากสีแดงสดหยักลึกนั่นก็ทำให้ใจคนอื่นเต้นแรง...แต่ก็เพียงเท่านั้น เพราะผมเองก็เดินผ่านเขาไปยังห้องของตัวเองเลย

     

     

                ทว่า...เมื่อผมปิดประตูผมก็ต้องแง้มประตูเปิดออกมาอีกครั้งเพื่อดูคนคนนั้น ราวกับผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มาจากคนตัวสูง และแล้วผมก็เห็นเขากำลังยืนอยู่หน้าห้องของไอ้แพทเทิร์น ทำท่ากำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตูหากแต่ดันมาเห็นผมซะก่อนเลยชะงักค้างไปชั่วครู่

     

     

                ผมเปลี่ยนมาพิงประตูพลางเอามือกอดอกแล้วยิ้มหวาน ขณะเดียวกันร่างสูงก็ปรายตามองมา

     

     

                “เพิ่งย้ายมาอยู่เหรอ ไม่เคยเห็นหน้าเลย...”

     

     

                แม้ผมจะพูดเสียงหวาน แต่ที่จริงแล้วผมไมได้ตั้งใจหว่านเสน่ห์ใส่คนตรงหน้า แค่สงสัยว่าทำไมหมอนี่ถึงมาหาแพทเทิร์นได้ และที่ถามไปอย่างนั้นก็เพราะอยากจะหลอกล่อเท่านั้น...

     

     

                แต่แล้วผมก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบยามเมื่ออีกฝ่ายยิ้มตรงมุมปาก

     

     

                “เปล่า...นายน่ารักดีนะ...แต่ว่าโทษที ฉันไม่มีรสนิยามชอบยุ่งเกี่ยวกับเมียของเพื่อนน่ะออสติน J

     

     

                “...!!!!!

     

     

                ผมถึงกับตกใจอย่างถึงที่สุดเมื่อหมอนี่พูดชื่อผมออกมา เขารู้ชื่อของผมได้ยังไง! ทั้งๆ ที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกเองนะ ผมจำได้ว่าตัวเองไม่เคยเจอคนคนนี้ที่ไหนมาก่อนแน่ๆ

     

     

                Cigar...Um…Do you know him?...หึ!” ร่างสูงหัวเราะเยาะหน่อยๆ จนผมถึงกับโกรธจนตัวสั่น เพียงได้ยินชื่อซิการ์ที่หลุดออกมาจากปากของหมอนั่น!!

     

     

                บรรลัยแล้ว!!! ไอ้บ้านี่มันรู้จักไอ้จัญไรซิการ์ด้วยรึไง?!

     

     

                ถ้างั้นไอ้ประโยคที่ว่าไม่มีรสนิยมยุ่งเกี่ยวกับเมียของเพื่อนนั่น...

     

     

                แสดงว่าไอ้บ้านี่มันเป็นเพื่อนของไอ้เวรซิการ์แล้วรุ้เรื่องทุกอย่างของผมกับมันเป้นอย่างดีงั้นสิ!!!!!

     

     

                เชี่ยเอ๊ย!!!!

     

     

                ยังไม่ทันที่ผมจะทำอะไรไปได้มากกว่านี้ประตูห้องไอ้แพทเทิร์นก็ถูกเปิดออกมาพอดี และเมื่อคนตัวบางเห็นผมกับไอ้เวรนิรนามยืนประจัญหน้ากันอยู่ก็ถึงกับทำหน้าเหวอ

     

     

                “เฮือก!!! เฮียมาได้ไง!!!” แพทเทิร์นแหวอย่างอึ้งๆ ใส่ร่างสูง ดูเหมือนว่ามันเองคงจะตกใจไม่น้อยที่เห็นอีกฝ่าย คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาแสยะยิ้มให้ผมที่กำลังไม่สบอารมณือย่างแรงก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปคว้าคอไอ้แพทมาจนชิดใกล้จากนั้นก็แกล้งพูดออกมาดังๆ ให้ผมได้ยินราวกับพยายามจะปั่นหัวผม

     

     

                Let’s have sex with me, Pattern!

     

     

                คราวนี้ผมถึงกับอึ้ง ทึ่ง ตะลึงกับประโยคที่ถูกเปล่งออกมาเมื่อครู่ =[]=

     

     

                O/////O พูดบ้าอะไร!!!

     

     

                และดูแล้วคงจะไม่มีแค่ผมที่อึ้งอยู่คนเดียวเพราะไอ้แพทเทิร์นที่กำลังถูกหมดนั่นล็อกคออยู่ถึงกับแหวดังลั่นแถมใบหน้ายังแดงเถือกเป็นลูกตำลึงสุก ทว่ายังไม่มีทันไอ้แพทมันจะเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้มันก็ถูกร่างสูงจัดการลากเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูดังโครม!

     

     

                ส่วนผมก็ยืนนิ่งค้างด้วยความอึ้งอยู่ตรงนั้น

     

     

                โอ๊ย! นี่มันเกิดเรื่องเชี่ยอะไรขึ้นกันวะเนี้ย!!!!!

     

     

                ปละทันทีที่หายตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ผมจึงรีบกลับเข้าไปในห้องตัวเอง...ผมว่าคงไม่ต้องเป็นห่วงไอ้แพทหรอกมั้งเพราะดูๆ แล้วมันคงจะสนิทกับผู้ชายคนนั้นพอดูซ้ำยังเรียกว่า เฮียอีกด้วย

     

     

                ...หรือว่าสองคนนั่นเป็นพี่น้องกัน!!!

     

     

                โอ๊ย!!! ผมชักเริ่มปวดหัว!

     

     

                ปึง! ปึง! ปึง!

     

     

                เสียงเคาะ...ไม่สิ! เสียงทุบประตูดังขึ้นจนผมถึงกับสะดุ้งสุดตัว หลุดออกมาจากห้วงความคิดของตัวเอง ใครวะมาเคาะประตู? หรือจะเป็นไอ้ผู้ชายคนนั้นแต่ผมว่าไม่น่าจะใช่นะ เอ๊ะ!! หรือใช่กันวะ!

     

     

                ปึง! ปึง! ปึง!

     

     

                เสียงทุบประตูดังมาอีกคราแสดงว่าคนที่อยู่อีกฟากของประตูนั้นกำลังรีบมาก ผมที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเปิดดีหรือไม่ถึงกับไม่เป็นอันทำอะไรสุดท้ายก็ต้องเปิดประตูอย่างเสียงไม่ และทันทีที่ประตูเปิดออก ผมถึงกับตะลึงพรึงเพริดเมื่อเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยดียืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่ดูราวกับรูปสลักนั่นกำลังแสยะยิ้มร้ายกาจที่ดูน่ากลัวและเลือดเย็นในเวลาเดียวกัน...

     

     

                ไอ้ดีไลท์!!!!!!

     

     

                ไอ้ฉิบหายนี่มาทำอะไรที่นี่!!!

             

             

                WRITER TALK

     

     

                มันยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ ยังมีต่ออีกเป็น 140 Per. ฉากดุเดือดระหว่างดีไลท์ x ออสติน ที่ไม่อยากให้พลาด ปะทะฝีปากกันดุเดือดแน่นอน >O<

     

     

     

     

     

     

     

     



     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×