ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวสุดเจ๋งกับนายเก่งสุดแสบ

    ลำดับตอนที่ #7 : ทัศนศึกษาและความรู้สึกแปลกๆ

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 48


        “คุณอาซึกะ”



        “คุณอาซึกะ!”



        “คุณอาซึกะ!!!”



        “หา...ขา...คะ...คะอาจารย์มิซากิ”ฉันตื่นขึ้นเป็นรอบที่สามในชั่วโมงประวัติศาสตร์



        “เฮ้อ เป็นไงซึซึมิ”อ.มิซากิผู้สอนวิชาประวัติศาสตร์หันไปหาโซระ



        “ทำลายสถิติค่ะ 55.56 วินาที จากเวลาในการปลุกครั้งที่แล้ว 54.33 วินาที”โซระตอบพลางมองนาฬิกาจับเวลา ส่วนอาจารย์หันหน้ามามองฉันอย่างโมโห



            “คุณอาซึกะ ถ้าเทอมนี้คะแนนวิชาของฉันตกลงไปอีก ฉันจะรายงานพี่สาวเธอนะ เดี๋ยวนี้เธอเป็นอะไรน่ะ ปีที่แล้วๆมาเธอไม่เคยหลับในชั่วโมงฉันนี่นา มีแต่ชวนคุยออกนอกเรื่องจนฉันสอนไม่จบทุกที”



        “ค่ะๆ ไม่ตกหรอกค่ะ หนู...ไม่รู้สิคะ”ฉันพยักหน้าหงึกๆ



        “เฮ้อ นี่เธอดูคาราซึมะคุงเป็นตัวอย่างซะบ้างสิ”อาจารย์พูดต่อขณะที่เรียวยักคิ้วสีคำเข้มให้ฉันอย่างท้าทาย ฉันกำหมัดแน่น



        “ค่ะ”ฉันกัดฟันตอบพร้อมๆกับเสียงระฆังบอกหมดชั่วโมง



        “เซริ”เรมิเรียก ส่วนฉันนั้นเดินเร็วๆออกจากห้องเรียนไปยังร้านขนม เรมิหันมามองโซระที่ส่ายหน้าและเดินตามฉันไป



        “เอาช็อกโกแลต 12 อันนะคะป้า ไอติมด้วย”ฉันบอกป้าที่กำลังหยิบขนมให้ฉันด้วยท่าทีเคยชิน แล้วส่งขนมทั้งหมดให้



        “วันนี้กินเยอะกว่าปกตินี่เซริ”คุณป้าทักขณะที่ฉันหยิบเงินส่งให้



        “อืม...ก็นิดหน่อยค่ะ”ฉันเลียไอติมและยื่นมือไปรับเงินทอน ฉันเดินไปนั่งที่โต๊ะประจำและพบว่าเรมิกับโซระนั่งกินข้าวรออยู่กับพวก...



        “คาราซึมะ เรียว, ฮอนดะ ไทจิ, ทาคิวะ มารุโตะ พวกนายมานั่งเก๊กที่นี่ทำไม”ฉันถาม พลางโยนกองขนมลงบนโต๊ะ และนั่งลงข้างๆโซระ



        “ก็มานั่งกินด้วยน่ะสิ ถามได้”ไทจิตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือการ์ตูนเล่มโปรด



        “เฮ้อ”ฉันถอนหายใจ ไม่แปลกนี่ที่พวกนั้นมานั่งด้วย ไทจิกับโซระคบกันมาประมาณสองอาทิตย์แล้ว เรมิกับมาร์คก็เหมือนกัน พวกเขาเริ่มคบกันหลังงานเต้นรำวันนั้น ฉันลืมเรื่องนี้ทุกที



        “ถ้างั้น ฉันไปนั่งที่อื่นดีกว่า”ฉันพูดในที่สุดและลุกขึ้น



        “ทำไมล่ะ”เรียวเงยหน้าขึ้นและรวบข้อมือฉันไว้



        “ปล่อย”ฉันพูดเสียงเรียบ เรียวคลายมือออก “ฉันไม่อยากเป็น ก.ข.ค. ของพวกนาย”



        “งั้นฉันก็ต้องไปด้วยน่ะสิ”เรียวลุกขึ้นบ้าง



        “ควรจะ แต่ไม่ต้องก็ได้”ฉันผลักเขาให้นั่งลงและเดินไปนั่งที่ม้านั่งสีขาว ฉันรู้สึกว่าน้ำตาไหลออกมาทันทีที่นั่งลง แต่ฉันต้องไม่ร้อง ต้องไม่ร้องไห้...ก็ฉันจะร้องไห้ทำไมล่ะ



        “เป็นอะไรน่ะ ร้องไห้เหรอ”เสียงของคนที่เดินตามมาดังขึ้น ก็เรียวนั่นแหละ



        “แล้วแต่นายจะคิด”ฉันปาดน้ำตาทิ้งและส่ายหน้า “ตามมาทำไม”



        “เหตุผลเดียวกับที่เธอเดินมา เธอร้องทำไมน่ะ”



        “ก็ฉันคิดว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันสองคนจะทิ้งฉันไปน่ะสิ”ฉันตอบแล้วเริ่มแกะของกิน



        “ทำไมเธอคิดอย่างนั้น”



        “ก็...ไม่รู้สิ”ฉันยัดช็อกโกแลตเข้าปากและพูดต่อว่า “นายกินบ้างก็ได้นะ”



        “นี่ ถามหน่อยสิ”เขาหยิบช็อกโกแลตขึ้นมาแกะบ้าง “เธอแน่ใจนะว่าเธอไม่สบายใจ ดูเธอกินสิ”



        “ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นนี่”



        “อ้าว ก็เธอร้องเพราะเรื่องนี้”



        “คิก นายนี่ยังรู้จักฉันไม่ดีพอ ฉันน่ะถ้าได้กินอะไรก็จะอารมณ์ดีขึ้นเองโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะช็อกโกแลตนี่”



        “มิน่าล่ะ โซระถึงไม่ตามมาง้อ”



        “เรื่องธรรมดาน่า ฉันกับยัยโซบะนั่นทะเลาะกันบ่อยไป”ฉันบอกปัดๆ



        “เอ้อ สองคนนั่นบอกเธอรึยัง”



        “เรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่นายแอบปากระดาษที่ถูกขยำใส่ฉัน เรื่องที่นายวาดมือฉันด้วยปากกาที่ลบไม่ออกตอนที่ฉันหลับ”ฉันยื่นมือที่มีรูปอะไรก็ไม่รู้เขียนอยู่ให้เรียวดู “เรื่องไหนล่ะ”



        “เธอรู้เองหมดเลยใช่ไหม”



        ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ ส่วนปากก็เคี้ยวขนมอย่างเอร็ดอร่อย



        “เหอะๆ เธอนี่ร้ายจริงๆ แต่เธอเรื่องที่ควรจะรู้มันไม่ใช่เรื่องนี้”



        “ก็คายออกมาซะทีสิยะ ว้า...ช็อกโกแลตหมดแล้ว”



        “เฮ้อ เรื่องทัศนศึกษาน่ะ”



        “อ๋อ ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ”



        “รู้แล้วเหรอเนี่ย นี่ทั้งชั่วโมงเธอแกล้งหลับเหรอ”เรียวพูดอย่างมีโมโห



        “คิกๆ หน้านายตอนโกรธนี่ตลกดีแฮะ ฮ่าๆๆ ฉันไม่ได้แกล้งหลับนะ แต่สมองของฉันน่ะ จะทำงานเวลามีเรื่องสำคัญๆเกิดขึ้น”



        “เธอนี่มีเรื่องแปลกๆให้ฉันงงเรื่อยเลยนะ”



        “เฮ้อ ไปเดินเล่นดีกว่า เหลืออีกตั้ง 50 นาทีก่อนเข้าเรียน”ฉันลุกขึ้นบิดตัวไปมา



        “เดี๋ยวๆ นี่เธอกินทีใช้เวลาแค่ 10 นาทีเองเหรอ”เรียวดูนาฬิกาอย่างแปลกใจขณะที่ฉันหอบขยะที่เกิดขึ้นจากการกินไปทิ้ง “แล้วเธอไม่กินข้าว...”



        “ไม่เอา ไม่มีอารมณ์กิน นี่ช้าแล้วนะ นายมัวแต่ชวนฉันคุย ปกติฉันกินแค่ 5 นาทีเอง”



        “น่ากลัว เธอมีเพื่อนนั่งในรถบัสรึยัง”



        “พวกโซระเค้าไปนั่งกับแฟนเขาใช่ป่ะ”ฉันถามเรียวที่พยักหน้าให้



        “นั่งกับฉันไม๊ล่ะ”เรียวเสนอตัวยิ้มๆ แล้วจู่ๆหน้าของฉันก็ร้อนวูบขึ้นมา และหัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะพักนึง ฉันส่ายหน้าแรงๆอาการนี้จึงหายไป



        “ไม่เอาเหรอ”เรียวถามย้ำ



        “เอาๆ”ฉันรีบพูด “ฉันไม่ยอมนั่งคนเดียวหรอกนะ”



        “คิก เข้าแผน”เรียวพึมพำ “ไปหาพวกมาร์คกัน”



        “ไม่เอา ไปกันสองคนดีกว่า...อุ๊บ”ฉันรีบเอามือปิดปากเมื่อรู้ว่าพูดอะไรออกไป



        “ฮะๆ เธอนี่มัน...ไปด้วยกันก็ได้”เรียวยิ้มขำๆ “ไปไหนดีล่ะ”



        “ห้องสมุด”ฉันตอบ



        “ห้องสมุด”เรียวย้ำ “ไปทำไม”



        “หาข้อมูลไงล่ะ มาเร็ว”ฉันลากเขาไปที่ห้องสมุด



        ไปกันสองคน ไปกันสองคนงั้นเหรอ ฉันพูดออกไปได้ไงเนี่ย อ๊ากกกกกกกก ทำไงดี ทำไมฉันถึงต้องใจเต้นด้วยล่ะ ทำไมฉันต้องหน้าแดง ทำไม ทำไม ทำไม



        “เซริ”เสียงเรียวปลุกฉันให้ตื่นจากความคิดฟุ้งซ่าน



        “ฮะ...อะ...อะไร อ๋อ ถึงแล้ว ไปๆ เข้าไป”ฉันผลักเรียวเข้าไปในห้องสมุดและเดินตรงไปหาบรรณารักษ์ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของอาจารย์ใหญ่ชื่อว่า มาจิโกะ



        “สวัสดีจ้ะเซริ”หล่อนทักด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด



        “เป็นอะไรเหรอคะ ทำไมพี่ทำเสียงอย่างนั้น”



        “พวกเด็กป.4น่ะจ้ะ ทำชั้นหนังสือหมวดภาษาล้มระเนระนาดหมด เอ้อ แล้วเธอจะหาหนังสืออะไรล่ะ”



        “เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์น่ะค่ะ เดี๋ยวพวกหนูจะไปทัศนศึกษา”ฉันตอบแล้วหันไปมองชั้นหนังสือที่มีนักเรียนจำนวนหนึ่งกำลังจัดหนังสือให้เข้าที่เหมือนเดิมอยู่



        “เรื่องพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใช่ไหม ไม่ต้องหาก็ได้ พวกอาจารย์เค้าตกลงกันว่าจะไม่สั่งทำรายงาน”



        “ทำไมล่ะคะ ทุกทีจะต้องทำนี่นา”



        “อันนี้ก็ไม่รู้นะจ๊ะ เอ้อ เพื่อนเธออยู่ที่ชั้นประจำนั่นแหละ พวกโซระน่ะ...”มาจิโกะเว้นช่วงแล้วเรียกให้ฉันเข้าไปใกล้ “...สองคนนั่นมีแฟนแล้วเหรอ”



        “หมายถึง...”



        “โซระกับเรมิไง”



        “อ๋อ ประมาณนั้นอ่ะค่ะ หนูขอตัวไปหาเขาก่อนนะคะ”ฉันตอบแล้วเดินเลี่ยงไปทางชั้นประจำของพวกเรา นั่นก็คือชั้นหนังสือนิยายนั่นเอง



        “ไงเรียว ไปไหนมาเนี่ย”ไทจิทักทันทีที่ฉันกับเรียวเดินมาใกล้



        “พอเซริกินเสร็จ เจ๊เค้าก็ลากมานี่แหละ”เรียวตอบและพยักเพยิดมาทางฉัน



        “เอ้า ไม่ลากมานี่แล้วจะให้ลากไปไหนล่ะ”ฉันโต้กลับและนั่งลงข้างๆโซระที่กำลังอธิบายอะไรบางอย่างให้ไทจิฟังอยู่ “ทำไรน่ะ”ฉันถามเธอ โซระยื่นหนังสือที่ถืออยู่ให้ฉันดูแทนคำตอบ ฉันสำลักคำพูดตัวเองทันที



        “100 วิธีเอาชนะใจสาวงั้นเหรอ นี่เธอทำบ้าอะไรเนี่ย”



        “ก็อีตานี่น่ะสิ จะจีบฉันทั้งทีก็ไม่มีเทคนิค ก็เลยต้องให้อ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วพอ...”



        “เออ พอๆ หยุดเลย”ฉันทำหน้าเซ็งกับความคิดของเพื่อนสาวที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน



        “เรมิจัง ที่จะไปทัศนศึกษาเนี่ยถือเป็นเดทครั้งแรกของเราได้ไม๊ ยังไงๆพวกอาจารย์เค้าก็คงปล่อยๆเหมือนทุกปีแหละ”เสียงมาร์คเดินทางมากระทบประสาทหูของฉัน



        “เดทเหรอ”เรมิที่มีท่าทางลังเลหันมาหาฉัน



        “นายหมายความว่าไง”โซระทำหน้างง



        “ก็...คนที่เป็นแฟนกัน มันก็ต้องมีการเดทกันบ้างดิ”ไทจิตอบแทนเพื่อน โซระและเรมิหันมาหาฉันเป็นเชิงขอความคิดเห็น



        “จะบ้าเหรอ เค้าให้ไปหาความรู้ นายจะเดท”ฉันรีบขัดความคิดบ้าๆนั่น



        “ไม่อยากเดทกับฉันบ้างเหรอ”เรียวพูดเบาๆ



        “อะไรของนาย เราไม่ใช่แฟนกันซะหน่อย”แต่ทุกคนมองฉันด้วยสายตาอ้อนวอน (ยัยเรมิกะโซระก็เป็นไปด้วยเหรอเนี่ย) “เอ้าๆ ไปก็ไป เดทก็ได้วะ เลิกทำหน้าหยั่งงั้นซะที เห็นแล้วหงุดหงิดเฟร้ยยยยยยย”ฉันระเบิดออกมาหลังจากคิดเป็นเวลาน๊านนาน (ครึ่งนาทีเองเจ๊)



        “เย้ๆ”สามหนุ่มร้องออกมา



        “คุณเรียวๆ”เรมิขัด (ไอ้เรียวนี่มันเลื่อนขั้นจากอีตาบ้าเป็นคุณเรียวตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย) “คุณเรียว ไอ้ที่เย้ๆเนี่ย มีคนจะไปด้วยแล้วเหรอ”

        “มีดิ”เรียวตอบพลางโอบไหล่ฉัน “นี่ไง”



        “นี่แน่ะต่างหาก”ฉันพูดและใช้ฝีมือคาราเต้สายดำจับเขาทุ่ม (เฮ้ยๆ แกอยู่ที่ห้องสมุดนะ)



        “โอ๊ย เจ็บนะยัยบ้า”เรียวร้องและลูบหัวเบาๆ



        “ก็อยากมาทำเนียนก่อนนี่ยะ เนียนมากซะด้วย”ฉันทำหน้าบอกบุญไม่รับ “ฉันบอกตอนไหนกันว่าจะไปเที่ยวกับนาย”



        “เซริ แกก็ไปกับเค้าหน่อยเหอะ”โซระพูดบ้างและเดินเข้ามากระซิบที่หูฉัน “ฉันรู้น่าว่าแกเริ่มชอบมันแล้ว”



        “แกคิดได้ไงเนี่ย”ฉันถามกลับ รู้สึกเหมือนไม่สบายเลยอ่ะ ความร้อนแผ่ซ่านไปทั้งตัว และรู้สึกว่าหน้าเป็นสีจัดมากๆ



        “ดูจากหน้าแก”เรมิเข้ามากระซิบบ้าง “เวลาพูดถึงเรียวทำไมแกต้องหน้าแดงด้วยอ่ะ”



        “คือ...”ฉันพยามหาคำแก้ตัว ไอ้หน้าบ้านี่ก็ร้อนอยู่ได้โอ๊ย...อายแล้วน้าาาาา



        “สาวๆ เสียงระฆังขึ้นห้องดังแล้ว”เสียงระฆังเหรอ ช่วยชีวิตกรูพอดีเลย



        “อืม คราวนี้แกรอดตัวนะเรมิ”โซระหันมาขยิบตาให้ก่อนจะเดินไปหาไทจิ





        วันทัศนศึกษา....นำเรื่องโดย: คาราซึมะ เรียว





        วันนี้ผมตั้งใจแต่งตัวมากเป็นพิเศษ (10นาทีเนี่ยนะ) ทางโรงเรียนบอกว่าให้ใส่ชุดลำลองไปได้ (งงกับกฎแปลกๆของรร.นี้ชะมัดเลย) ผมก็เลยใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆแล้วออกจากบ้านไปยังสถานที่นัดพบของรร.



        “เรียวคุง ทางนี้จ้า”ผมหันไปทางต้นเสียง โซระนั่นเองเธอยืนรวมอยู่กับไทจิ, เรมิ, มาร์คส่วนยัยบ๊องนั่นผมยังไม่เห็น



        “เซริไปซื้อขนมกับน้ำให้พวกเราอยู่”เรมิที่อยู่ในอ้อมกอดของมาร์คบอก แสดงว่าผมมาคนสุดท้ายอ่ะดิ “ตกลงเซริเค้าว่าไง”เธอถามต่อ



        “ไม่ว่าไงนี่”ผมตอบและถามมาร์คต่อเป็นเชิงล้อเลียน“นี่ถ้าเซริอยู่คงกอดไม่ได้ล่ะสิ”



        “อันนี้มันแน่นอน”มาร์คว่า “แล้วแฟนนายจะยอมให้กอดงี้ไม๊ล่ะ”



        “ใคร ฉันไม่มีแฟนซักหน่อย”ผมปฏิเสธทั้งๆที่รู้ว่าเพื่อนรักพูดถึงใคร เขินนะเฟ้ย



        “อ้าว แล้วไอ้คนที่ยืนอยู่หลังนายเนี่ย ใครยะ”ผมหันขวับทันที เซรินั่นเอง เธออยู่ในชุดที่เซอร์มากๆ ผมที่ปกติถูกถักไว้วันนี้กลับมัดไว้อย่างง่ายๆ เธอใส่หมวกกลับข้างและในมือมีขนมอยู่



        “เฮ้ย มาตั้งแต่เมื่อไหร่”



        “มาก่อนนายก็แล้วกันย่ะ แล้วก็มาทันที่จะได้ยินนายบอกว่า ไม่มีแฟน ด้วย”เธอพูด รู้สึกว่าเธอจะงอนซะแล้ว



        “ถ้างั้น...ตกลงเราเป็นแฟนกันจริงๆเหรอ”ผมเข้าไปกระซิบถามเธอที่หู ฮ่าๆๆหน้าแดงเชียว



        “เป็นย่ะ”เธอตอบทำเอาผมหน้าแดงบ้างอ่ะเด่ะ แต่เธอก็เข้ามาต่อว่า “เป็นชั่วคราวก่อนน่า ไม่งั้นก็น้อยหน้าพวกนั้นแย่เลย”



        “นักเรียนทุกคน ขึ้นรถได้แล้ว”



        “เอ้า ไปกันเถอะ”โซระเรียกและกอดแขนไทจิเดินนำไป เรมิกับมาร์คก็จูงมือกันและหัวเราะคิกคักตามไป แล้วผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเซริเข้ามากอดแขนไว้บ้าง



        “รออะไรเล่า มาเร็ว”เธอกระซิบและลากผมขึ้นรถไป เธอเลือกที่นั่งข้างหลังสุดของรถบัสที่พวกเรมิรออยู่แล้ว พอนั่งปุ๊บ ปากก็เริ่มขยับทันทีไม่ใช่พูดหรอกนะ แต่กินต่างหาก



        “นี่ อย่ากินเยอะนักนะ”ผมเตือนอย่างเป็นห่วง “เดี๋ยวก็อ้วกหรอก”



        “อ๊ะๆ ไม่กินก็ได้ นี่เพราะเห็นว่านายเป็นห่วงนะเนี่ย”คนถูกเตือนตอบ ทำเอาผมทำหน้าไม่ถูกเลย “งั้นฉันนอนได้ไม๊”เธอถามต่อและเอียงหัวมาซบไหล่ผม



        “วิ้วๆๆ สวีทกันจังเลย”โซระส่งเสียงล้อมา ผมกับเซริหน้าเป็นสีจัดทันที



        “เราทำบ้างก็ได้นะโซระ”ไทจิยื่นหน้าเข้าไปใกล้แฟนสาว



        “ไม่ต้องเลย”เธอตอบและดันหน้าไทจิออกอย่างอายๆ



        “โธ่ไทจิ แกนี่ไม่ไหวเลยนะ ต้องแบบนี้”มาร์คเรียกและหันไปจูบเรมิอย่างนุ่มนวล เดี๋ยวนี้พวกมันจูบกันไม่เลือกที่เลย



        “ดีนะที่เลือกที่นั่งข้างหลัง”โซระและเซริพูดพร้อมกันและเซริเงยหน้าขึ้นจากไหล่ของผม “น่าอายมากเลย”เรมิต่อถึงแม้จะมี

    กระแสความพอใจนิดๆแฝงอยู่ในน้ำเสียง



        “แฮะๆ มาร์คยิ้มอายๆ “ขอโทษนะ”



        โครม!! ปึง!!



        “โอ๊ย”เสียงนักเรียนทั้งรถร้องลั่น



        “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมรถกระตุกล่ะ”โซระร้องอย่างตกใจ



        “เด๋วฉันไปดู รอแปบนะ”เซริวิ่งไปหาอ.ที่ด้านหน้ารถ และกลับมาบอกว่าไม่มีอะไรและในที่สุดรถก็ออก...



        “สวัสดีค่ะน้องๆ”พี่วิทยากรสาว (ไม่) สวยเริ่มพูด “พี่ชื่อเซรันนะ”



        “เซรัน!!!!”สามสาวร้องพร้อมกัน แต่ท่าทางคนที่อาการหนักสุดคือเซริ



        “ใช่ ทำไมเหรอ เซริ”เซรันหันหน้ามาทางคนที่นั่งหน้าบึ้งเบียดผมอยู่ เธอโกรธอะไรกันเนี่ย แล้วพี่คนนั้นเค้ารู้ชื่อเซริได้ไง...



        “พี่สาวฉันเองแหละ”เซริบอกเมื่อเรามาถึงที่พิพิธภัณฑ์และลงจากรถ พี่เค้าบอกให้แยกกันไปดูในพิพิธภัณฑ์เอง



        “เหรอ”สามหนุ่มหันมาทันที เซริพยักหน้ารับช้าๆแล้วเปิดแผ่นพับที่พี่เซรันแจกให้บนรถ เธอบอกว่าให้ทำแทนรายงาน



        “ง่ายเป็นบ้า”โซระพึมพำ เธอเดินไปหาที่นั่งและเริ่มเขียนยิกๆลงบนกระดาษนั่นทันที เซริ, เรมิ, ไทจิและมาร์คก็ทำตามบ้าง



        “ถ้างั้น...”ผมเริ่มพูด “ทำให้เสร็จแล้วค่อยแยกกันไปดูแล้วกัน”



        “แยกกันไปดูเหรอ”เรมิเงยหน้าขึ้น “ทำไมไม่ไปด้วยกันล่ะ”



        “เธอไม่อยากไปกับแฟนเธอ 2 ต่อ 2 เหรอ”ผมถามพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์ เรมิจึงก้มหน้าก้มตาเขียนต่อทันที ผมยิ้มนิดๆก่อนจะไปนั่งลงข้างๆเซริแล้วลงมือเขียนบ้าง



        หลังจากทำแผ่นพับและเซริเติมพลังเสร็จ...นำเรื่องโดย: อาซึกะ เซริ



        “เอ้าไปกันเถอะ”ฉันลากเรียวไปที่ทางเข้าของพิพิธภัณฑ์



        “จะไปดูอะไรก่อนล่ะ”เขาถาม



        “ปลาวาฬๆ”ฉันตอบ “อยู่ตรงไหนอ่ะ”



        “โซนสุดท้ายเลย”เขาบอกและยื่นมือมาให้ฉัน



        “อารายยะ อยู่ห่างพวกนั้นแล้วก็ไม่ต้องทำอย่างงี้หรอก”ฉันปัดมือเขาออกและเดินนำไป แต่เขาเป็นฝ่ายคว้ามือฉันไว้



        ~ ~หัวใจของฉันเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากร่างกาย ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วราวกับจะเผาฉันทั้งเป็นเมื่อฉันได้สบตาเขา แต่ถึงจะหลบตาอย่างไร ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ได้เบาบางลงเลย~ ~



        “เป็นอะไรน่ะ หน้าแดงเชียว มีไข้เหรอ”เขายื่นมือมาแตะหน้าผากฉันเบาๆ



        ตึกตัก  ตึกตัก  ตึกตัก  ตึกตัก  ตึกตัก  ตึกตัก



        “ไหนดูซิ”เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเพื่อจะใช้หน้าผากเขาแตะหน้าผากของฉัน



        ตึกตักตึกตักตึกตักตึกตักตึกตักตึกตัก



        “โอ๊ย ฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่”



        “แล้วทำไมต้องหน้าแดง”



        “ก็...ก็ฉัน...”



        “ทำไม เธอเป็นอะไรน่ะ”



        “เอ่อ นาย เป็นห่วงฉันเหรอ”ฉันถามออกมาอย่างเขินอาย ทำไมฉันต้องอายล่ะ ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม โอ๊ยยยยยย



        “เป็นห่วงสิ”เขาตอบอย่างอ่อนโยน



        “ทำไมล่ะ”ฉันถามต่อ



        “เอ่อ...”เขาเงียบไป หน้าแดงหยั่งกะมะเขือเทศเน่า “เธอหายแล้วนี่ไปกันเถอะ”เขาเปลี่ยนเรื่องทันที มีกระแสความอายอยู่ในน้ำเสียงของเขา เขาลากฉันไปทันที



        “ปลาวาฬเพชฌฆาต สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก”ฉันอ่านป้ายที่ติดอยู่บริเวณตู้กระจกที่มีปลาวาฬขนาดยักษ์อาศัยอยู่ “น่ารักจังเลย”



        “เห็นด้วย”เรียวพูดสั้นๆแต่สายตามองไปอีกด้าน ฉันมองไปทางนั้นบ้าง



        “ฉลามขาวนี่”ฉันร้องและกระโดดไปเกาะไหล่เขา



        “กลัวเหรอ”เขาถามยิ้มๆ



        “ดุจะตาย ไอ้ตัวเนี้ย ถ้ามันหลุดออกมาจะทำไง” (คิดได้ไงวะเนี่ย) ฉันทำหน้าสยดสยองสุดขีด



        “หน้าซีดเลยเหรอเนี่ย ตัวสั่นด้วย”เรียวพูดเบาๆอย่างตกใจและพาฉันไปดูโซนอื่นอย่างรวดเร็ว “ไปที่นี่ละกัน โซนที่ 3 สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ”



        เราสองคนเดินดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยๆ ที่นี่มีทั้งหมด 4 โซน สัตว์น้ำจืด สัตว์ทะเลขนาดเล็ก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและสัตว์น้ำที่สุดในโลก (เช่น ปลาวาฬ ฉลาม) เราดูกันครบทุกโซนเลย และฉันก็ทำให้เขาปวดหัวทุกโซนด้วย (ภูมิใจมากเลยนะ GP.)



        “เฮ้อ”เรียวถอนหายใจขณะที่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าพิพิธภัณฑ์เพื่อรอพวกโซระ



        “เหนื่อยมากเลยเหรอ”ฉันกัดฟันถามเขา



        “ก็เพราะใครล่ะ”เขามองฉันอย่างโกรธๆ



        “ฉัน...ขอโทษ”ฉันนั่งลงข้างเขาและจับแขนของเขามาวางไว้บนตัก



        “ทำอะไร”เขาถามงงๆขณะที่ฉันนวดมือให้



        “นวดไง จะได้หายเมื่อย เห็นนายลากฉันหลายรอบแล้ว”ฉันพูดอายๆ



        เรียวยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยนแล้วโอบไหล่ฉันไว้



        “เปลี่ยนจากนวดเป็นอย่างอื่นได้ไม๊”เขาถาม



        “ไม่ได้”ฉันตอบเสียงแข็ง “มีเวอร์ชั่นเดียวย่ะ”



        เรียวส่ายหน้าอย่างขำๆฉันจึงถามต่อว่า

        “ถ้าได้ นายจะทำอะไร”



        “หอมแก้มฉันทีนึง”เขาตอบพลางยักคิ้วให้ฉัน



        “แลกกันได้ไม๊ล่ะ”ฉันต่อรอง



        “หา”เขาทำเสียงงงๆ



        “แลกกันไง ฉันหอมแก้มนายก่อน แล้วนายค่อยหอมแก้มฉันบ้าง”ฉันยิ้มให้เขา เรียวยิ้มตอบและยื่นแก้มมาให้ ฉันหอมเขาไปฟอดใหญ่เลยแหละแล้วเขาก็หันมาจุ๊บเบาๆที่แก้มฉันบ้าง



        “นี่ สวีทเกินหน้าเกินตานะยะ”เสียง (ไม่) ใสของโซระดังมา



        “อ้าว มากันแล้วเหรอ”ฉันผละออกจากเรียวและเดินไปหาเพื่อนสาว



        “แหม เอาหน้าไปจุ่มสีแดงที่ไหนมายะ”เรมิแซว “ตกลงเธอรักเขาจริงๆใช่ป่าว”



        “มานี่สิ เดี๋ยวเล่าอะไรให้ฟัง”ฉันลากตัวเพื่อนทั้งสองมายังม้านั่งอีกที่นึงแล้วเริ่มต้นเล่าความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นเวลาอยู่ใกล้เรียวให้ฟัง (ไปอ่านย้อนเองนะคะ)



        “เซริ เธอ...”โซระพูดและหรี่ตาลง “เธอรักเขาจริงๆแล้วล่ะ และฉันขอแนะนำนะ ไปคบกับเขาซะเถอะ”





    สวัสดีค่า คุณผู้อ่าน

    GP.ต้องขอโต้ดจิงๆนะคะที่ไม่ได้มาอัพนานมากๆ พอดีตันมุขอ่ะค่ะ นึกไม่ออกจิงๆ ยางงายก็แต๊งกิ้ว

    หลายๆที่ติดตามกันมาถึงตอนนี้นะคะ อยากให้ช่วยๆกันแนะนำหน่อยว่าจะแต่งอะไรอีกดี มันนึกไม่ออกอ่ะค่ะ แนะนำและติชมกันที่นี่นะคะ tangmo_jaaa@hotmail.com คัยทีเล่น msnก็แอดเราด้วยนะ

    สำหรับตอนนี้อาจจะไม่สนุกนะคะ แต่เน้นฉากเลิฟซีนแทน นางเอกของเรานั้นจะทำอย่างไรเมื่อเพื่อนรักให้ไปคบกับคนที่กัดกันตั้งแต่เช้ายันเย็น ติดตามต่อไปนะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×