ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เข้าค่ายและคำตอบของเซริ 3
    “คบกับเขาซะ บอกรักเขาไปซะที ฉันบอกเธอกี่รอบแล้วเซริ”โซระตะโกนอย่างหมดความอดทนเมื่อฉันระบายความรู้สึกออกมาให้ฟังตอนที่ใกล้เวลา dance time
    “หลายรอบ”ฉันตอบแบบขอไปทีขณะที่ใช้มือกุมหน้าผาก
    “เฮ้อ”โซระถอนหายใจและลากฉันไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆ เธอนั่งลงตรงข้ามฉันแล้วเอามือของฉันออกจากหน้า “เธออย่าให้ฉันจัดการให้เชียวนะ”
    “จัดการไปบอกรักแทนฉันน่ะเหรอ”ฉันหลับตาอย่างขมขื่น “ไม่มีประโยชน์หรอกน่า”
    “จะบ้าเรอะ แล้วเธอจะทำไง ฉันเคยบอกแล้วว่าให้พูดก่อนที่จะสายเกินไป”โซระทำหน้าบึ้ง
    “สายเกินไปของเธอน่ะหมายความว่าไง เธอพูดคำนี้หลายรอบแล้วนะ”ฉันหรี่ตาด้วยความฉงน
    “เธอไม่รู้เหรอ”โซระเลิกคิ้ว แล้วถอนหายใจอีกครั้ง “เรียวเค้ามาเรียนที่นี่แค่ปีเดียว แล้วเค้าก็จะไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้ว จะกลับมาอีกก็ตอน...อายุ 20 ล่ะมั้ง”
    ถึงวันที่ฉันต้องไป
    ตัวฉันก็จะไป แต่ใจฉันก็จะยังอยู่ที่เธอ
    ฉันจะรักเธอตลอดไป ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม
    ฉันจะไม่ห่างจากเธอ...... (แต่งไปได้ เลี่ยนเป็นบ้าเลย: GP.)
    เสียงเพลงที่คุ้นหูดังกระหึ่ม โซระลุกขึ้นและมองไปยังเวทีที่ตั้งอยู่ที่ลานว่าง
    “สงสัยฉันจะต้องไปแล้วล่ะ ยังไงก็ต้องไปคุมคนอื่นๆ เธอล่ะ”ฉันถามและลุกขึ้นด้วยเหมือนกัน ขณะนี้ในสมองฉันว่างเปล่า ผิดกับใบหน้าที่มีน้ำตาไหลพรากไม่ยอมหยุด ฉันปาดมันทิ้งอย่างไม่พอใจ
    “เธอนั่งอยู่ที่นี่แหละ ร้องไห้ให้พอเถอะนะ ปลดปล่อยมันออกมาซะบ้าง ฉันจะไปดูให้เอง”โซระตอบและผลักให้ฉันนั่งลงเบาๆ ฉันมองตามเพื่อนรักไปจนลับสายตาแล้วทันทีที่ไม่เห็นโซระอีก น้ำตาทั้งหมดก็ถูกปลดปล่อยออกมา ความกดดันทุกอย่างถูกปล่อยออกมาพร้อมกัน
    “...อย่าเก็บมันไว้...อย่าปิดมันไว้....
    .......เมื่อไปเจอใครที่แคร์.......
    ....ไม่อยากเอ่ยยิ่งช้ำ ไม่อยากแข่งยิ่งแพ้....
    .......แต่คนที่เราแคร์ไม่มีวันรู้เลย..”.
    ฉันหยุดร้องไห้และเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่ถือเบสไว้ในมือ จะใครกันอีกเล่า ก็เรีย...เอ๊ะ ไม่ใช่เรียวนี่!!!
    “มาร์ค นายมาทำอะไรแถวนี้”ฉันเอ่ยปากถามคนที่นั่งลงบนโต๊ะและวางเบสไว้บนตัก
    “มาตามคำสั่งของเจ้าหญิง”เขาตอบ
    “เจ้าหญิง”ฉันทวนคำด้วยสีหน้างงงัน
    “เจ้าหญิงที่ครอบครองหัวใจ เรมิเตะฉันมาว่างั้นเถอะ”เขาสรุป
    “แหวะ น้ำเน่า เจ้าหญิงที่ครอบครองหัวใจเนี่ยนะ”ฉันปาดน้ำตาออกอย่างขำๆ “แล้วนายมาร้องเพลงแถวนี้ทำไม ไม่ไปหาเจ้าหญิงของนายล่ะ”
    “พวกเธอบอกว่าจะฆ่าฉันถ้าเฉียดเข้าไปใกล้งานอีกแม้แต่ 1 นาโนเมตรก็ไม่ได้”เขาตอบพลางทำหน้าขนลุกขนพอง
    “สม ไปทำอะไรเข้าอีกล่ะสิยะ”
    “ก็นิดหน่อย แต่ฉันว่าใครแถวนี้คงเสียใจมากล่ะสิที่คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช้เรียว”เขาตีหน้าเจ้าเล่ห์
    “ฉันจะเสียใจไปทำไม ผู้ชายคนไหนๆมันก็พอกันน่ะแหละ ฉันไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษซะหน่อย”ฉันพูดเรื่อยๆอย่างพยายามที่จะไม่ใส่ใจ
    “อือ ถ้าเขาได้ยินเข้าก็คงจะเสียใจแย่เลยนะ ใช่ไม๊เรียว”มาร์คหันไปทางที่เขาเดินเข้ามา เรียวกำลังยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงนั้น
    “ฉันก็คงไม่เสียใจหรอก ถ้ารู้ว่าเธอคนนั้นหรือใครก็ตามไม่ได้ชอบฉัน ผู้หญิงก็เหมือนกันทุกคนแหละ”เรียวพูดพลางนั่งลงบนโต๊ะ
    “เออ ช่างแกเด่ะ เรื่องของแกนี่”ฉันเมินหน้าไปทางอื่น มาร์คค่อยๆเดินออกไปจากบริเวณนั้นและไปหาโซระกับเรมิที่รอดู
สถานการณ์อยู่เช่นกัน
    “ไง”เรมิรีบถาม
    “ล่มแน่ ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังซะขนาดนี้”โซระว่า
    “เออ ไม่รอดหรอก”ไทจิเสริมด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว
    “เจอกันแปบเดียวก็กัดกันแล้ว จะให้ฉันทำไงเล่า”มาร์คว่าพลางปาดเหงื่อ “ดูสิ ดูๆ กัดกันแบบน้ำร้อนเอาไม่อยู่เล้ย” (ว่าเรียวของฉันเรอะ แกตายยยยย: GP.) (โอ๊ย เจ๊ๆ ใจเย็น: มาร์ค)
ด้านเซริกะเรียว
    “ฉันก็บอกแล้วว่าไม่ได้ชอบเธอ”
    “ฉันก็ไม่ได้สนใจนี่ยะอีตาบ้า”
    “ให้มันแน่เหอะ”
    “ว่าไงนะยะ ขอสักหมัดสองหมัดเหอะ”
    “เออ ฉันก็ขออีกซัก Kiss ละกัน”
    พอถึงประโยคนี้เขาก็ขยับเข้ามาเรื่อยๆ แต่ฉันก็ประทับรอยกำปั้นลงบนใบหน้าได้อย่างงดงามตรงกลางแก้ม
    “อย่าหวังเลยย่ะ แค่สองครั้งก็เกือบตายแล้ว”ฉันพูดพลางเสยหมัดเข้าที่คาง และต่อด้วยการเตะหน้าแข้งให้ล้มลง เรียวร้องโอ๊ยดังลั่น
    “ฉันแหย่เล่นหรอกน่า ต่อไปเธอจะต้องขอให้ฉัน Kiss ทุกวันอยู่แล้ว ฉันไม่ต้องรีบก็ได้หรอก”เขาตอบ
    โป๊ก
    ฉันเคาะหัวเขาไปอีกครั้งและแอบยิ้มน้อยๆ
    “อย่าทำให้ฉันหวังสูงล่ะ ถ้าฉันจะเอาอะไร ฉันต้องเอามาให้ได้”ฉันพูดก่อนจะเดินจากไป แต่ไม่วายได้ยินเสียงเขาดังมาอีก
    “ฉันยินดีให้เธอทุกอย่างนั่นแหละ อาซึกะ เซริ รีบมาขอก็แล้วกัน”
................................................................................
    “โซระ ฉันไปนอนก่อนได้ไม๊เนี่ย”มาร์คโวยขึ้นเมื่อโซระชวนฉันกับเรมิไปดิ้นอีกเป็นรอบที่แปดสิบกว่าๆ “เต้นกันอยู่ได้ ไม่เหนื่อยรึไง”
    “นั่นสิ ฉ...ฉ...ฉ...ฉันง่วงแล้วนะ”เรียวเสริม กลั้นหาวไม่อยู่
    “ใครห้ามพวกนายไว้ล่ะยะ จะไปนอนก็ไปเด่ะ”ฉันว่าและลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อไปเอาพั้นช์ของโปรดมาเพิ่ม
    “เจอกันที่ฟลอร์นะ”เรมิตะโกนไล่หลังมาและเดินไปกับโซระ
    ฉันเทพั้นช์จากเหยือกน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้วยกแก้วขึ้นกระดกลงคออย่างสะใจ (ไม่ใช่เหล้านะยัยบ้า: GP.) แล้วก็มีเงาหนึ่งมาบดบังแสงจากฟลอร์เต้นรำ
    “อะไรอีกล่ะเรียว”ฉันเอ่ยปากถามเจ้าของเงานั้น ขณะที่ในหัวมันอื้อๆอย่างบอกไม่ถูก
    “ฉันจะลากเธอไปนอนซะทีน่ะสิ ดื่มซะเยอะ เดี๋ยวก็เมาหรอก”เขาว่า ตอนนี้ฉันเห็นเขามีซัก เอ่อ สี่ตามั้ง
    “ฉันจะเมาด้ายงาย พั้นช์มานเป็นน้ำผลไม้นะยะ ม่ายช่ายเหล้า”ฉันพูดด้วยเสียงที่มึนเต็มที่
    “เออ ฉันรู้น่า แต่ลูกน้องของโซระเขาใส่แอลกอฮอลล์เข้าไปด้วย”เรียวว่า
    “อืม”ฉันงึมงำ แล้วก็วูบไป
    “แกทำอย่างงี้ได้ไงยะ เพื่อนฉันแพ้แอลกอฮอลล์นะ ดูซิ สลบไปตั้งแต่เมื่อคืน ยังไม่ฟื้นเลย”เสียงบ่นยาวเหยียดงี้ โซระแหงๆ...
    “ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆครับ”
แล้วนี่เสียงผู้ชาย...คงเป็นลูกน้องของโซระ...
    มือใครคนหนึ่งกำลังกุมข้อมือฉันไว้ ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น ที่นี่มันห้องของฉันนี่ ข้างๆนี่ก็เรียวที่นั่งกุมมือฉันอยู่ แล้วก็เรมิที่กำลังร้องไห้ เฮ้ย ร้องไห้เหรอ
    “เรมิ เธอร้องไห้ทำไมน่ะ”ฉันพูดขึ้น ทุกคนในห้องหันมามองอย่างรวดเร็ว
    “เซริ ยัยหมูอ้วน ตื่นแล้วเหรอ”เรมิเดินเข้ามากอดฉันอย่างบ้าคลั่ง
    “เฮ้ยๆ อย่าบ้าน่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อยนะ”ฉันรีบดันตัวเพื่อนรักออกเพราะเกือบหายใจไม่ออกตาย นิสัยเวอร์เกินเหตุของเรมินี่ยังแก้ไม่หายเลยน้า
    “อือ โทษที แต่เมื่อคืนนี้เธอน่ากลัวมากเลยจริงๆนะ”เรมิว่าพลางนั่งลงแทนที่เรียวที่หายไปไหนก็ไม่รู้
    “ทำไมเหรอ โซระ มันเกิดอะไรขึ้น”
    “ก็เธอเมาน่ะสิ หน้าซีด ไม่ใช่สิ ซีดไปทั้งตัวเลย แล้วฉันก็โทรถามพี่เซรัน พี่เขาบอกว่าอาการแบบเนี้ยเคยเกิดขึ้นแล้ว เพราะเธอแพ้แอลกอฮอลล์”โซระอธิบาย
    “ฉันเนี่ยนะ แพ้แอลกอฮอลล์ แล้วทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ล่ะ”ฉันถามต่อ
    “ก็ฉันนี่แหละอุ้มเธอขึ้นมา”เสียงเรียวดังมาจากมุมห้องที่ไทจิกับมาร์คนั่งอยู่ด้วย
    “นาย...นายอุ้มฉันเหรอ...”ฉันทวนด้วยน้ำเสียงงงๆ
    “อยากให้อุ้มอีกทีเหรอ”เรียวว่า
    “เปล่า...คือจะถามว่า...นายอุ้มขึ้นมาได้ไง...”ฉันตอบอย่างงงๆ
    “ทำไมล่ะ”
    “ก็ฉันหนักจะตาย แบกขึ้นบันไดมาได้ไง”
    “ก็โยนใส่ลิฟต์ล่ะมั้ง”
    เฟี้ยวๆๆ...ฉึกๆๆ
    ฉันปามีดที่โซระถือรอไว้ใส่เรียวที่ยืนอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน แถมยังรับมีดได้อีกตังหาก
    “เออๆ แกเก่ง”ฉันพูดอย่างอารมณ์เสียขณะที่เรียวส่งมีดให้โซระและขยับเข้ามาใกล้ๆหู
    “ที่ฉันอุ้มขึ้นมาได้ก็เพราะเป็นห่วงเธอน่ะสิ”เขากระซิบ ฉันเกิดอาการร้อนวูบวาบอีกครั้งและหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สบอารมณ์
    “ชิ ใครให้เป็นห่วงกันยะ”ฉันว่าและพึมพำต่อให้เขาได้ยินคนเดียว
    “แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะ”
    เรียวขยับรอยยิ้มน้อยๆที่ดูแล้วอาจจะเท่ห์สำหรับคนอื่น แต่สำหรับฉันงั้นเหรอ...น่าหมั่นไส้ชะมัด
    “เอ้า นี่ ฉันเห็นมันวางอยู่บนกระเป๋า”เขาว่าและส่งตุ๊กตาสุนัขขนนุ่มน่ากอดให้ เจ้าปุกปุยนี่เอง
    “น่ารักจังเลย”เรมิว่า “ขอดูหน่อยสิ นี่ใช่ตัวเดียวกันกับที่นายนั่งพินิจพิจารณาตั้งนานนั่นรึเปล่าเรียว”
    “เอ่อ...”เรียวอึกอักขณะที่ฉันหันไปถามเรมิ
    “นั่งพิจารณา ทำไม ก็นี่มันของขวัญวันเกิดฉันนี่ เรียวก็มีอีกตัวนึงนะ”ฉันว่า
    “สวีทกันจรี๊ง”เรมิแซว “เออ พูดถึงวันเกิด ฉันมีของจะให้”เธอล้วงมือลงไปควานหาของในกระเป๋าถือคู่ใจซักพักและหยิบวัตถุที่ถูกห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญสีฟ้ามาให้ฉันที่รับมาอย่างรู้ทัน
    “ช็อกแลต”ฉันเปรยเบาๆ
    “ถูกต้อง เป็นยี่ห้อที่เธอชอบที่สุดนั่นแหละ”เรมิตอบขณะที่โซระยื่นของให้บ้าง
    “หนังสือแน่ๆ”ฉันว่า โซระพยักหน้าเหมือนกับจะบอกว่า ‘ก็ให้แบบนี้ทุกปีนี่หว่า’
    “เล่มนี้เธอต้องชอบแน่ๆน่า”โซระกระตุ้น ฉันรีบแกะห่อดู แล้วเมื่อแกะมาเห็นปกหนังสือก็ต้องรีบกอดของขวัญชิ้นนี้ไว้แนบอกไม่ให้ใครเห็นชื่อหนังสือ ขณะที่ดวงหน้าร้อนวูบ
    “โซระ”ฉันกัดฟันกรอดๆ แต่คนถูกเรียกวางท่านิ่ง ใบหน้าสวยปรากฏรอยยิ้มบางๆ
    “ชอบล่ะสิ เรมิเค้าช่วยเลือกเลยนะเนี่ย”เธอว่าและเดินออกจากห้องไป
    “หนอย...”ฉันเริ่มสั่นกึกๆเพราะความโกรธ แล้วความโกรธนั้นก็ระเบิดออกมา
    “ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้เลย”
------------------------------------------อู้อีกแล้วนะยะ (คนอ่าน)---------------------------------------------------
    “เซริ”
    “อะไร”
    “เธอเป็นอะไรน่ะ”
    “เป็นคนๆหนึ่งในโลกใบนี้นี่แหละ”
    “เฮ้อ นี่มันตีสองแล้วนะ”
    “แล้วไง”
    “มานอนได้แล้ว อยู่ตรงนั้นนานๆเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
    “ช่างฉันสิ”
    “ถ้าเธอไม่มา ฉันจะอุ้มเธอมานะ”
    “อยากทำอะไรก็ทำ”
    “เซริ”
    “เรียกอยู่ได้ น่ารำคาญ”
    “เฮ้อ มานี่เถอะน่า ไม่ง่วงรึไง ฮ้าว”คนที่พูดอ้อนมานานกลั้นหาวไม่อยู่
    “ไม่ นายนอนซะ”ฉันตอบอย่างไม่แยแส เรียวถอนหายใจหนักๆและเดินมาที่ระเบียงที่ฉันยืนอยู่พลางคว้าเสื้อมาคลุมตัวให้ฉันด้วย
    “อากาศหนาวนะ ปุกปุย”เขาพึมพำเบาๆกับตุ๊กตา
    “เหอะ”ฉันทำหน้าเซ็ง
    “ดูสิ เจ้านายแกเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ เงียบอยู่ตั้งนาน ไม่ไปนอนซะที”เขาพูดต่อ
    ฉันหลับตาอย่างเบื่อหน่าย ส่วนไอ้คนข้างๆก็ไม่เลิกแหย่
    “ดูๆ หน้าบึ้งมากเลยเนอะ”
    “กะอีแค่ได้หนังสือ สารพัดวิธีบอกรัก แค่เนี้ย ทำไม....”
    โครม!!!       
    ฉันที่ทนไม่ไหวใช้อวัยวะบางอย่าง (อย่าคิดลึก) ที่ไว้ใส่รองเท้า ถีบไอ้คนพูดมากกระเด็นไปบนเตียงและปิดกระจกระเบียงไว้ แต่โชคร้ายที่...
    ครืด...
    ใครบางคน (มันจะมีใครในห้องอีกล่ะ) เปิดกระจกนั่นออกเพราะมันล็อกได้แต่ข้างใน แล้วพอเปิดเสร็จ ก็เดินมารวบร่าง (ไม่) บางของคนที่ยืนเกาะระเบียงไว้ในอ้อมแขน พลางกระซิบประโยคที่ชวนขนลุก
    “ไปนอนซะ ก่อนที่ฉันจะมี อารมณ์ เพราะฉันยิ่งเหนื่อยๆอยู่ แล้ววันนี้ก็ดื่มมากซะด้วย”
    คนพูดไม่พูดเปล่า ยังเอามือที่โอบเอวไว้เลื่อนลงไปอยู่ที่สะโพก และใบหน้านั้นก็เข้ามาอยู่บริเวณซอกคอของคนที่ถูก กระทำ ไว้ด้วย
    ฉันสะดุ้งและพยามจะถีบออกไปแบบเมื่อกี้ แต่มือของเรียวที่โอบอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้นจนร่างของเราสองคนอยู่ชิดกัน หัวใจเริ่มทำงานผิดจังหวะอีกครั้ง ส่วนใบหน้าก็ร้อนผ่าวจนกระทั่ง...
    “โอ๊ย ไปแล้วๆ ยอมไปนอนแล้ว ปล่อยนะ ทุเรศจริงๆเลยอีตาบ้าเอ๊ยยยยยยยย”
    “เป็นปกติแล้วนะ”เรียวยิ้มกริ่มอย่างพอใจ
    “เออ เป็นแล้วเฟร้ยยยยยยย แกนี่มันน่า...”
    “น่ากอด”คนถูกด่าเลิกคิ้ว
    “เดี๋ยวเจอต่อย”ฉันเงื้อมือขึ้น แต่ถูกเรียวจับไว้พอดี
ใบหน้าที่เขยิบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลมหายใจอุ่นๆ ทำให้ฉันต้องหลับตาอีกแล้วและริมฝีปากอ่อนโยนทว่ารุ่มร้อนนั้น ก็ประทับลงมาอีกจนได้
    ก๊อกๆๆ
    ใคร...
    ครืดดดด
    ประตูระเบียง...ถูกปิด...
    “เรียว”ฉันปรามเสียงดุ “พอได้แล้ว”
    คนถูกห้ามถอนหายใจก่อนจะหลีกทางให้เดินไปเปิดประตู
    “โซระ”ฉันทักแขกยามวิกาล “มีอะไรเหรอ นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะ”
    “มานี่สิ”โซระว่า ดูท่าทางเธอจะตื่นเต้นตกใจมาก ใบหน้าที่งดงามบัดนี้ขาวซีด เหงื่อแตกพลั่ก เธอคว้าข้อมือฉันไว้
    “บางทีนายก็ควรไปด้วยเหมือนกัน เรียว”เธอเอ่ยอีกครั้งขณะที่เรียวเดินมา โซระเดินนำไปที่สระว่ายน้ำ แต่มันไม่เหมือนสระว่ายน้ำธรรมดาซะแล้ว...
    กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วเมื่อเราก้าวเข้ามาถึงอาณาเขตสระว่ายน้ำนั้น น้ำในสระไม่ได้เหือดแห้งไปหมด แต่ที่น่าประหลาดนั้นคือ น้ำที่เหลืออยู่ก้นสระนั้น......เป็นสีที่ทุกคนไม่คาดฝัน....สีแดง....
    “เลือด”ใครบางคนที่ก้าวลงไปในสระเรียบร้อยแล้วเปรยเสียงเครียด
    “แน่ใจนะเรียว”โซระถามหวาดๆ เรียวพยักหน้ารับส่วนฉันมองดูคนอื่นๆ
    ทุกคนก็มีอาการเหมือนโซระ หน้าขาวซีด เหงื่อตก ไทจิกำลังช่วยเรียวตรวจดูน้ำปริศนานั่น มาร์คยังยืนนิ่งอยู่ที่ขอบสระ พลางโอบกอดใครบางคน...เรมิ...ที่กำลัง...
    “เรมิร้องไห้อีกแล้วเหรอเนี่ย”ฉันกระซิบถามโซระ
    “ฉันก็อยากจะร้องเหมือนกัน มันเกิดอะไรขึ้นนะ ลูกน้องของพ่อฉันหายกันไปหมด มือถือฉันก็หาย ของเรมิแบตหมด ไม่ได้เอาที่ชาร์ตมา”โซระว่าพลางซบหน้าลงกับไหล่ของฉันที่ค่อยๆปลอบเธอเบาๆ
    “เซริ”เสียงเรียกจากเรียวดังขึ้น ฉันหันไปมอง เขากำลังเรียกฉันอยู่
    “ฉันจัดการโซระเอง”ไทจิว่าพลางรับโซระไปนั่งรวมกับเรมิ
    “มีอะไร”ฉันถามเรียวสั้นๆเมื่อเดินมาถึง
    “รอยเลือดตรงนี้ มันมีอะไรแปลกๆ”เขาตอบ พลางชี้ไปยัง...
    รอยเลือดนั้นเหมือนถูกลากไปที่อื่น มันมีรอยตรงไปยังขอบสระจนขึ้นไปจากสระ และต่อไปยังพุ่มไม้ หายไปในนั้น....
    “เกิดคดี”ฉันพึมพำ
    “อะไรนะ”
    “เกิดคดี คดีฆาตกรรม”เมื่อฉันพูดจบ เสียงทุกเสียงเหมือนถูกดูดหายไป ความหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูพื้นที่ เรียวหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด
    “นายคิดดูนะ โทรศัพท์ของแต่ละคนใช้งานไม่ได้ มีเลือดอยู่ในที่ๆมันไม่ควรจะอยู่ แถมยังไม่มี...ศพ”ฉันกลั้นใจพูดคำนั้นออกมา ความหวาดกลัวนั้นดูจะเพิ่มมากขึ้น
    “เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่า หนึ่งในพวกเราฆาตกรรมใครซักคน แล้วลากศพไปซ่อนที่อื่น แล้ว...เดี๋ยว โซระ เธอรู้เรื่องนี้ได้ไง”ฉันหันไปหาโซระที่หยุดสะอึกสะอื้นแล้ว
    “ฉัน...ฉันได้ยินเสียง...เหมือนเสียงดูดน้ำ...แล้ว...แล้วฉันก็ได้ยินเสียงกรี๊ด...”เธอตอบตะกุกตะกัก
    “แสดงว่าเป็นผู้หญิง”ฉันพยักหน้าเนิบๆกับคำสรุปของเรียว “แล้วคนร้าย ทำไมต้องเป็นหนึ่งในพวกเรา”
    “เพราะโรงแรมนี้ไม่มีแขกมาพัก แค่ให้โรงเรียนเราเข้าค่าย ตึกก็เต็มแล้ว และอีกอย่าง ลูกน้องของโซระก็ไม่อยู่ ทีนี้ทุกคน ขอให้ยืนเรียงหน้ากระดานด้วย ฉันขอตรวจเช็คมือถือพวกเธอหน่อย”สองประโยคหลังฉันหันไปสั่งทุกๆคน
    “ไทจิ มาร์ค เรมิ โซระ ฝากตรวจดูด้วยว่า ตอนนี้ใครมีมือถือ หรือวิธีทางที่จะติดต่อกับโลกภายนอกได้บ้าง”ฉันพูด “ฉันว่า นี่ไม่ใช่การเล่นตลกที่สนุกเลยซักนิด”
.................ผ่านไป 15 นาที.........................
    “ไม่มีใครติดต่อได้เลย มือถือของทุกคนมีปัญหาหมด บางคนทำหาย บางคนถูกแกล้ง บางคนที่ชาร์ตโทรศัพท์หาย”โซระที่มารายงานชำเลืองไปยังเรมิ “จะทำยังไงดี”
    “สงสัยฉัน...จะต้องสวมวิญญาณโคนันหรือเชอร์ลอกโฮมส์ซะแล้ว”ฉันเอ่ยเบาๆ
ขอโทษน้าที่มะด้ายอัพเรย พอดีสอบอ่า พ่อเลยไม่หั้ยเปิดคอม งั้นเราไปก่อนน้า เจอกันตอนต่อปาย เอ้อ เราขอแนะนำน้องใหม่ เรื่อง ดีไมซ์แลนด์ ดินแดนมรณะ เราแต่งเองแหระ เปงแนวผจญภัย ฝากด้วยเน้อ บาย: GP.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น