ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวสุดเจ๋งกับนายเก่งสุดแสบ

    ลำดับตอนที่ #10 : เข้าค่ายและคำตอบของเซริ 3

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 48




        “คบกับเขาซะ บอกรักเขาไปซะที ฉันบอกเธอกี่รอบแล้วเซริ”โซระตะโกนอย่างหมดความอดทนเมื่อฉันระบายความรู้สึกออกมาให้ฟังตอนที่ใกล้เวลา dance time



        “หลายรอบ”ฉันตอบแบบขอไปทีขณะที่ใช้มือกุมหน้าผาก



        “เฮ้อ”โซระถอนหายใจและลากฉันไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆ เธอนั่งลงตรงข้ามฉันแล้วเอามือของฉันออกจากหน้า “เธออย่าให้ฉันจัดการให้เชียวนะ”



        “จัดการไปบอกรักแทนฉันน่ะเหรอ”ฉันหลับตาอย่างขมขื่น “ไม่มีประโยชน์หรอกน่า”



        “จะบ้าเรอะ แล้วเธอจะทำไง ฉันเคยบอกแล้วว่าให้พูดก่อนที่จะสายเกินไป”โซระทำหน้าบึ้ง



        “สายเกินไปของเธอน่ะหมายความว่าไง เธอพูดคำนี้หลายรอบแล้วนะ”ฉันหรี่ตาด้วยความฉงน



        “เธอไม่รู้เหรอ”โซระเลิกคิ้ว แล้วถอนหายใจอีกครั้ง “เรียวเค้ามาเรียนที่นี่แค่ปีเดียว แล้วเค้าก็จะไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้ว จะกลับมาอีกก็ตอน...อายุ 20 ล่ะมั้ง”





        ถึงวันที่ฉันต้องไป



        ตัวฉันก็จะไป แต่ใจฉันก็จะยังอยู่ที่เธอ



        ฉันจะรักเธอตลอดไป ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม



        ฉันจะไม่ห่างจากเธอ...... (แต่งไปได้ เลี่ยนเป็นบ้าเลย: GP.)





        เสียงเพลงที่คุ้นหูดังกระหึ่ม โซระลุกขึ้นและมองไปยังเวทีที่ตั้งอยู่ที่ลานว่าง



        “สงสัยฉันจะต้องไปแล้วล่ะ ยังไงก็ต้องไปคุมคนอื่นๆ เธอล่ะ”ฉันถามและลุกขึ้นด้วยเหมือนกัน ขณะนี้ในสมองฉันว่างเปล่า ผิดกับใบหน้าที่มีน้ำตาไหลพรากไม่ยอมหยุด ฉันปาดมันทิ้งอย่างไม่พอใจ



        “เธอนั่งอยู่ที่นี่แหละ ร้องไห้ให้พอเถอะนะ ปลดปล่อยมันออกมาซะบ้าง ฉันจะไปดูให้เอง”โซระตอบและผลักให้ฉันนั่งลงเบาๆ ฉันมองตามเพื่อนรักไปจนลับสายตาแล้วทันทีที่ไม่เห็นโซระอีก น้ำตาทั้งหมดก็ถูกปลดปล่อยออกมา ความกดดันทุกอย่างถูกปล่อยออกมาพร้อมกัน



        “...อย่าเก็บมันไว้...อย่าปิดมันไว้....



        .......เมื่อไปเจอใครที่แคร์.......



        ....ไม่อยากเอ่ยยิ่งช้ำ ไม่อยากแข่งยิ่งแพ้....



        .......แต่คนที่เราแคร์ไม่มีวันรู้เลย..”.



        ฉันหยุดร้องไห้และเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่ถือเบสไว้ในมือ จะใครกันอีกเล่า ก็เรีย...เอ๊ะ ไม่ใช่เรียวนี่!!!



        “มาร์ค นายมาทำอะไรแถวนี้”ฉันเอ่ยปากถามคนที่นั่งลงบนโต๊ะและวางเบสไว้บนตัก



        “มาตามคำสั่งของเจ้าหญิง”เขาตอบ



        “เจ้าหญิง”ฉันทวนคำด้วยสีหน้างงงัน



        “เจ้าหญิงที่ครอบครองหัวใจ เรมิเตะฉันมาว่างั้นเถอะ”เขาสรุป



        “แหวะ น้ำเน่า เจ้าหญิงที่ครอบครองหัวใจเนี่ยนะ”ฉันปาดน้ำตาออกอย่างขำๆ “แล้วนายมาร้องเพลงแถวนี้ทำไม ไม่ไปหาเจ้าหญิงของนายล่ะ”



        “พวกเธอบอกว่าจะฆ่าฉันถ้าเฉียดเข้าไปใกล้งานอีกแม้แต่ 1 นาโนเมตรก็ไม่ได้”เขาตอบพลางทำหน้าขนลุกขนพอง



        “สม ไปทำอะไรเข้าอีกล่ะสิยะ”



        “ก็นิดหน่อย แต่ฉันว่าใครแถวนี้คงเสียใจมากล่ะสิที่คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช้เรียว”เขาตีหน้าเจ้าเล่ห์



        “ฉันจะเสียใจไปทำไม ผู้ชายคนไหนๆมันก็พอกันน่ะแหละ ฉันไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษซะหน่อย”ฉันพูดเรื่อยๆอย่างพยายามที่จะไม่ใส่ใจ



        “อือ ถ้าเขาได้ยินเข้าก็คงจะเสียใจแย่เลยนะ ใช่ไม๊เรียว”มาร์คหันไปทางที่เขาเดินเข้ามา เรียวกำลังยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงนั้น



        “ฉันก็คงไม่เสียใจหรอก ถ้ารู้ว่าเธอคนนั้นหรือใครก็ตามไม่ได้ชอบฉัน ผู้หญิงก็เหมือนกันทุกคนแหละ”เรียวพูดพลางนั่งลงบนโต๊ะ



        “เออ ช่างแกเด่ะ เรื่องของแกนี่”ฉันเมินหน้าไปทางอื่น มาร์คค่อยๆเดินออกไปจากบริเวณนั้นและไปหาโซระกับเรมิที่รอดู

    สถานการณ์อยู่เช่นกัน



        “ไง”เรมิรีบถาม



        “ล่มแน่ ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังซะขนาดนี้”โซระว่า



        “เออ ไม่รอดหรอก”ไทจิเสริมด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว



        “เจอกันแปบเดียวก็กัดกันแล้ว จะให้ฉันทำไงเล่า”มาร์คว่าพลางปาดเหงื่อ “ดูสิ ดูๆ กัดกันแบบน้ำร้อนเอาไม่อยู่เล้ย” (ว่าเรียวของฉันเรอะ แกตายยยยย: GP.) (โอ๊ย เจ๊ๆ ใจเย็น: มาร์ค)





    ด้านเซริกะเรียว



        “ฉันก็บอกแล้วว่าไม่ได้ชอบเธอ”



        “ฉันก็ไม่ได้สนใจนี่ยะอีตาบ้า”



        “ให้มันแน่เหอะ”



        “ว่าไงนะยะ ขอสักหมัดสองหมัดเหอะ”



        “เออ ฉันก็ขออีกซัก Kiss ละกัน”



        พอถึงประโยคนี้เขาก็ขยับเข้ามาเรื่อยๆ แต่ฉันก็ประทับรอยกำปั้นลงบนใบหน้าได้อย่างงดงามตรงกลางแก้ม



        “อย่าหวังเลยย่ะ แค่สองครั้งก็เกือบตายแล้ว”ฉันพูดพลางเสยหมัดเข้าที่คาง และต่อด้วยการเตะหน้าแข้งให้ล้มลง เรียวร้องโอ๊ยดังลั่น



        “ฉันแหย่เล่นหรอกน่า ต่อไปเธอจะต้องขอให้ฉัน Kiss ทุกวันอยู่แล้ว ฉันไม่ต้องรีบก็ได้หรอก”เขาตอบ



        โป๊ก



        ฉันเคาะหัวเขาไปอีกครั้งและแอบยิ้มน้อยๆ



        “อย่าทำให้ฉันหวังสูงล่ะ ถ้าฉันจะเอาอะไร ฉันต้องเอามาให้ได้”ฉันพูดก่อนจะเดินจากไป แต่ไม่วายได้ยินเสียงเขาดังมาอีก



        “ฉันยินดีให้เธอทุกอย่างนั่นแหละ อาซึกะ เซริ รีบมาขอก็แล้วกัน”



    ………………………………………………………………………………………………................................................................................



        “โซระ ฉันไปนอนก่อนได้ไม๊เนี่ย”มาร์คโวยขึ้นเมื่อโซระชวนฉันกับเรมิไปดิ้นอีกเป็นรอบที่แปดสิบกว่าๆ “เต้นกันอยู่ได้ ไม่เหนื่อยรึไง”



        “นั่นสิ ฉ...ฉ...ฉ...ฉันง่วงแล้วนะ”เรียวเสริม กลั้นหาวไม่อยู่



        “ใครห้ามพวกนายไว้ล่ะยะ จะไปนอนก็ไปเด่ะ”ฉันว่าและลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อไปเอาพั้นช์ของโปรดมาเพิ่ม



        “เจอกันที่ฟลอร์นะ”เรมิตะโกนไล่หลังมาและเดินไปกับโซระ



        ฉันเทพั้นช์จากเหยือกน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้วยกแก้วขึ้นกระดกลงคออย่างสะใจ (ไม่ใช่เหล้านะยัยบ้า: GP.) แล้วก็มีเงาหนึ่งมาบดบังแสงจากฟลอร์เต้นรำ



        “อะไรอีกล่ะเรียว”ฉันเอ่ยปากถามเจ้าของเงานั้น ขณะที่ในหัวมันอื้อๆอย่างบอกไม่ถูก



        “ฉันจะลากเธอไปนอนซะทีน่ะสิ ดื่มซะเยอะ เดี๋ยวก็เมาหรอก”เขาว่า ตอนนี้ฉันเห็นเขามีซัก เอ่อ สี่ตามั้ง



        “ฉันจะเมาด้ายงาย พั้นช์มานเป็นน้ำผลไม้นะยะ ม่ายช่ายเหล้า”ฉันพูดด้วยเสียงที่มึนเต็มที่



        “เออ ฉันรู้น่า แต่ลูกน้องของโซระเขาใส่แอลกอฮอลล์เข้าไปด้วย”เรียวว่า



        “อืม”ฉันงึมงำ แล้วก็วูบไป



        “แกทำอย่างงี้ได้ไงยะ เพื่อนฉันแพ้แอลกอฮอลล์นะ ดูซิ สลบไปตั้งแต่เมื่อคืน ยังไม่ฟื้นเลย”เสียงบ่นยาวเหยียดงี้ โซระแหงๆ...



        “ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆครับ”

    แล้วนี่เสียงผู้ชาย...คงเป็นลูกน้องของโซระ...



        มือใครคนหนึ่งกำลังกุมข้อมือฉันไว้ ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น ที่นี่มันห้องของฉันนี่ ข้างๆนี่ก็เรียวที่นั่งกุมมือฉันอยู่ แล้วก็เรมิที่กำลังร้องไห้ เฮ้ย ร้องไห้เหรอ



        “เรมิ เธอร้องไห้ทำไมน่ะ”ฉันพูดขึ้น ทุกคนในห้องหันมามองอย่างรวดเร็ว



        “เซริ ยัยหมูอ้วน ตื่นแล้วเหรอ”เรมิเดินเข้ามากอดฉันอย่างบ้าคลั่ง



        “เฮ้ยๆ อย่าบ้าน่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อยนะ”ฉันรีบดันตัวเพื่อนรักออกเพราะเกือบหายใจไม่ออกตาย นิสัยเวอร์เกินเหตุของเรมินี่ยังแก้ไม่หายเลยน้า



        “อือ โทษที แต่เมื่อคืนนี้เธอน่ากลัวมากเลยจริงๆนะ”เรมิว่าพลางนั่งลงแทนที่เรียวที่หายไปไหนก็ไม่รู้



        “ทำไมเหรอ โซระ มันเกิดอะไรขึ้น”



        “ก็เธอเมาน่ะสิ หน้าซีด ไม่ใช่สิ ซีดไปทั้งตัวเลย แล้วฉันก็โทรถามพี่เซรัน พี่เขาบอกว่าอาการแบบเนี้ยเคยเกิดขึ้นแล้ว เพราะเธอแพ้แอลกอฮอลล์”โซระอธิบาย



        “ฉันเนี่ยนะ แพ้แอลกอฮอลล์ แล้วทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ล่ะ”ฉันถามต่อ



        “ก็ฉันนี่แหละอุ้มเธอขึ้นมา”เสียงเรียวดังมาจากมุมห้องที่ไทจิกับมาร์คนั่งอยู่ด้วย



        “นาย...นายอุ้มฉันเหรอ...”ฉันทวนด้วยน้ำเสียงงงๆ



        “อยากให้อุ้มอีกทีเหรอ”เรียวว่า



        “เปล่า...คือจะถามว่า...นายอุ้มขึ้นมาได้ไง...”ฉันตอบอย่างงงๆ



        “ทำไมล่ะ”



        “ก็ฉันหนักจะตาย แบกขึ้นบันไดมาได้ไง”



        “ก็โยนใส่ลิฟต์ล่ะมั้ง”



        เฟี้ยวๆๆ...ฉึกๆๆ



        ฉันปามีดที่โซระถือรอไว้ใส่เรียวที่ยืนอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน แถมยังรับมีดได้อีกตังหาก



        “เออๆ แกเก่ง”ฉันพูดอย่างอารมณ์เสียขณะที่เรียวส่งมีดให้โซระและขยับเข้ามาใกล้ๆหู



        “ที่ฉันอุ้มขึ้นมาได้ก็เพราะเป็นห่วงเธอน่ะสิ”เขากระซิบ ฉันเกิดอาการร้อนวูบวาบอีกครั้งและหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สบอารมณ์



        “ชิ ใครให้เป็นห่วงกันยะ”ฉันว่าและพึมพำต่อให้เขาได้ยินคนเดียว



        “แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะ”



        เรียวขยับรอยยิ้มน้อยๆที่ดูแล้วอาจจะเท่ห์สำหรับคนอื่น แต่สำหรับฉันงั้นเหรอ...น่าหมั่นไส้ชะมัด



        “เอ้า นี่ ฉันเห็นมันวางอยู่บนกระเป๋า”เขาว่าและส่งตุ๊กตาสุนัขขนนุ่มน่ากอดให้ เจ้าปุกปุยนี่เอง



        “น่ารักจังเลย”เรมิว่า “ขอดูหน่อยสิ นี่ใช่ตัวเดียวกันกับที่นายนั่งพินิจพิจารณาตั้งนานนั่นรึเปล่าเรียว”



        “เอ่อ...”เรียวอึกอักขณะที่ฉันหันไปถามเรมิ



        “นั่งพิจารณา ทำไม ก็นี่มันของขวัญวันเกิดฉันนี่ เรียวก็มีอีกตัวนึงนะ”ฉันว่า



        “สวีทกันจรี๊ง”เรมิแซว “เออ พูดถึงวันเกิด ฉันมีของจะให้”เธอล้วงมือลงไปควานหาของในกระเป๋าถือคู่ใจซักพักและหยิบวัตถุที่ถูกห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญสีฟ้ามาให้ฉันที่รับมาอย่างรู้ทัน



        “ช็อกแลต”ฉันเปรยเบาๆ



        “ถูกต้อง เป็นยี่ห้อที่เธอชอบที่สุดนั่นแหละ”เรมิตอบขณะที่โซระยื่นของให้บ้าง



        “หนังสือแน่ๆ”ฉันว่า โซระพยักหน้าเหมือนกับจะบอกว่า ‘ก็ให้แบบนี้ทุกปีนี่หว่า’



        “เล่มนี้เธอต้องชอบแน่ๆน่า”โซระกระตุ้น ฉันรีบแกะห่อดู แล้วเมื่อแกะมาเห็นปกหนังสือก็ต้องรีบกอดของขวัญชิ้นนี้ไว้แนบอกไม่ให้ใครเห็นชื่อหนังสือ ขณะที่ดวงหน้าร้อนวูบ



        “โซระ”ฉันกัดฟันกรอดๆ แต่คนถูกเรียกวางท่านิ่ง ใบหน้าสวยปรากฏรอยยิ้มบางๆ



        “ชอบล่ะสิ เรมิเค้าช่วยเลือกเลยนะเนี่ย”เธอว่าและเดินออกจากห้องไป



        “หนอย...”ฉันเริ่มสั่นกึกๆเพราะความโกรธ แล้วความโกรธนั้นก็ระเบิดออกมา



        “ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้เลย”



    ------------------------------------------อู้อีกแล้วนะยะ (คนอ่าน)---------------------------------------------------



        “เซริ”



        “อะไร”



        “เธอเป็นอะไรน่ะ”



        “เป็นคนๆหนึ่งในโลกใบนี้นี่แหละ”



        “เฮ้อ นี่มันตีสองแล้วนะ”



        “แล้วไง”



        “มานอนได้แล้ว อยู่ตรงนั้นนานๆเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”



        “ช่างฉันสิ”



        “ถ้าเธอไม่มา ฉันจะอุ้มเธอมานะ”



        “อยากทำอะไรก็ทำ”



        “เซริ”



        “เรียกอยู่ได้ น่ารำคาญ”



        “เฮ้อ มานี่เถอะน่า ไม่ง่วงรึไง ฮ้าว”คนที่พูดอ้อนมานานกลั้นหาวไม่อยู่



        “ไม่ นายนอนซะ”ฉันตอบอย่างไม่แยแส เรียวถอนหายใจหนักๆและเดินมาที่ระเบียงที่ฉันยืนอยู่พลางคว้าเสื้อมาคลุมตัวให้ฉันด้วย



        “อากาศหนาวนะ ปุกปุย”เขาพึมพำเบาๆกับตุ๊กตา



        “เหอะ”ฉันทำหน้าเซ็ง



        “ดูสิ เจ้านายแกเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ เงียบอยู่ตั้งนาน ไม่ไปนอนซะที”เขาพูดต่อ





        ฉันหลับตาอย่างเบื่อหน่าย ส่วนไอ้คนข้างๆก็ไม่เลิกแหย่



        “ดูๆ หน้าบึ้งมากเลยเนอะ”



        “กะอีแค่ได้หนังสือ สารพัดวิธีบอกรัก แค่เนี้ย ทำไม....”



        โครม!!!        



        ฉันที่ทนไม่ไหวใช้อวัยวะบางอย่าง (อย่าคิดลึก) ที่ไว้ใส่รองเท้า ถีบไอ้คนพูดมากกระเด็นไปบนเตียงและปิดกระจกระเบียงไว้ แต่โชคร้ายที่...



        ครืด...



        ใครบางคน (มันจะมีใครในห้องอีกล่ะ) เปิดกระจกนั่นออกเพราะมันล็อกได้แต่ข้างใน แล้วพอเปิดเสร็จ ก็เดินมารวบร่าง (ไม่) บางของคนที่ยืนเกาะระเบียงไว้ในอ้อมแขน พลางกระซิบประโยคที่ชวนขนลุก



        “ไปนอนซะ ก่อนที่ฉันจะมี อารมณ์ เพราะฉันยิ่งเหนื่อยๆอยู่ แล้ววันนี้ก็ดื่มมากซะด้วย”



        คนพูดไม่พูดเปล่า ยังเอามือที่โอบเอวไว้เลื่อนลงไปอยู่ที่สะโพก และใบหน้านั้นก็เข้ามาอยู่บริเวณซอกคอของคนที่ถูก กระทำ ไว้ด้วย



        ฉันสะดุ้งและพยามจะถีบออกไปแบบเมื่อกี้ แต่มือของเรียวที่โอบอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้นจนร่างของเราสองคนอยู่ชิดกัน หัวใจเริ่มทำงานผิดจังหวะอีกครั้ง ส่วนใบหน้าก็ร้อนผ่าวจนกระทั่ง...



        “โอ๊ย ไปแล้วๆ ยอมไปนอนแล้ว ปล่อยนะ ทุเรศจริงๆเลยอีตาบ้าเอ๊ยยยยยยยย”



        “เป็นปกติแล้วนะ”เรียวยิ้มกริ่มอย่างพอใจ



        “เออ เป็นแล้วเฟร้ยยยยยยย แกนี่มันน่า...”



        “น่ากอด”คนถูกด่าเลิกคิ้ว



        “เดี๋ยวเจอต่อย”ฉันเงื้อมือขึ้น แต่ถูกเรียวจับไว้พอดี



    ใบหน้าที่เขยิบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลมหายใจอุ่นๆ ทำให้ฉันต้องหลับตาอีกแล้วและริมฝีปากอ่อนโยนทว่ารุ่มร้อนนั้น ก็ประทับลงมาอีกจนได้



        ก๊อกๆๆ



        ใคร...



        ครืดดดด



        ประตูระเบียง...ถูกปิด...



        “เรียว”ฉันปรามเสียงดุ “พอได้แล้ว”



        คนถูกห้ามถอนหายใจก่อนจะหลีกทางให้เดินไปเปิดประตู



        “โซระ”ฉันทักแขกยามวิกาล “มีอะไรเหรอ นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะ”



        “มานี่สิ”โซระว่า ดูท่าทางเธอจะตื่นเต้นตกใจมาก ใบหน้าที่งดงามบัดนี้ขาวซีด เหงื่อแตกพลั่ก เธอคว้าข้อมือฉันไว้



        “บางทีนายก็ควรไปด้วยเหมือนกัน เรียว”เธอเอ่ยอีกครั้งขณะที่เรียวเดินมา โซระเดินนำไปที่สระว่ายน้ำ แต่มันไม่เหมือนสระว่ายน้ำธรรมดาซะแล้ว...



        กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วเมื่อเราก้าวเข้ามาถึงอาณาเขตสระว่ายน้ำนั้น น้ำในสระไม่ได้เหือดแห้งไปหมด แต่ที่น่าประหลาดนั้นคือ น้ำที่เหลืออยู่ก้นสระนั้น......เป็นสีที่ทุกคนไม่คาดฝัน....สีแดง....



        “เลือด”ใครบางคนที่ก้าวลงไปในสระเรียบร้อยแล้วเปรยเสียงเครียด



        “แน่ใจนะเรียว”โซระถามหวาดๆ เรียวพยักหน้ารับส่วนฉันมองดูคนอื่นๆ



        ทุกคนก็มีอาการเหมือนโซระ หน้าขาวซีด เหงื่อตก ไทจิกำลังช่วยเรียวตรวจดูน้ำปริศนานั่น มาร์คยังยืนนิ่งอยู่ที่ขอบสระ พลางโอบกอดใครบางคน...เรมิ...ที่กำลัง...



        “เรมิร้องไห้อีกแล้วเหรอเนี่ย”ฉันกระซิบถามโซระ



        “ฉันก็อยากจะร้องเหมือนกัน มันเกิดอะไรขึ้นนะ ลูกน้องของพ่อฉันหายกันไปหมด มือถือฉันก็หาย ของเรมิแบตหมด ไม่ได้เอาที่ชาร์ตมา”โซระว่าพลางซบหน้าลงกับไหล่ของฉันที่ค่อยๆปลอบเธอเบาๆ



        “เซริ”เสียงเรียกจากเรียวดังขึ้น ฉันหันไปมอง เขากำลังเรียกฉันอยู่



        “ฉันจัดการโซระเอง”ไทจิว่าพลางรับโซระไปนั่งรวมกับเรมิ



        “มีอะไร”ฉันถามเรียวสั้นๆเมื่อเดินมาถึง



        “รอยเลือดตรงนี้ มันมีอะไรแปลกๆ”เขาตอบ พลางชี้ไปยัง...



        รอยเลือดนั้นเหมือนถูกลากไปที่อื่น มันมีรอยตรงไปยังขอบสระจนขึ้นไปจากสระ และต่อไปยังพุ่มไม้ หายไปในนั้น....



        “เกิดคดี”ฉันพึมพำ



        “อะไรนะ”



        “เกิดคดี คดีฆาตกรรม”เมื่อฉันพูดจบ เสียงทุกเสียงเหมือนถูกดูดหายไป ความหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูพื้นที่ เรียวหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด



        “นายคิดดูนะ โทรศัพท์ของแต่ละคนใช้งานไม่ได้ มีเลือดอยู่ในที่ๆมันไม่ควรจะอยู่ แถมยังไม่มี...ศพ”ฉันกลั้นใจพูดคำนั้นออกมา ความหวาดกลัวนั้นดูจะเพิ่มมากขึ้น



        “เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่า หนึ่งในพวกเราฆาตกรรมใครซักคน แล้วลากศพไปซ่อนที่อื่น แล้ว...เดี๋ยว โซระ เธอรู้เรื่องนี้ได้ไง”ฉันหันไปหาโซระที่หยุดสะอึกสะอื้นแล้ว



        “ฉัน...ฉันได้ยินเสียง...เหมือนเสียงดูดน้ำ...แล้ว...แล้วฉันก็ได้ยินเสียงกรี๊ด...”เธอตอบตะกุกตะกัก



        “แสดงว่าเป็นผู้หญิง”ฉันพยักหน้าเนิบๆกับคำสรุปของเรียว “แล้วคนร้าย ทำไมต้องเป็นหนึ่งในพวกเรา”



        “เพราะโรงแรมนี้ไม่มีแขกมาพัก แค่ให้โรงเรียนเราเข้าค่าย ตึกก็เต็มแล้ว และอีกอย่าง ลูกน้องของโซระก็ไม่อยู่ ทีนี้ทุกคน ขอให้ยืนเรียงหน้ากระดานด้วย ฉันขอตรวจเช็คมือถือพวกเธอหน่อย”สองประโยคหลังฉันหันไปสั่งทุกๆคน



        “ไทจิ มาร์ค เรมิ โซระ ฝากตรวจดูด้วยว่า ตอนนี้ใครมีมือถือ หรือวิธีทางที่จะติดต่อกับโลกภายนอกได้บ้าง”ฉันพูด “ฉันว่า นี่ไม่ใช่การเล่นตลกที่สนุกเลยซักนิด”



    .................ผ่านไป 15 นาที.........................



        “ไม่มีใครติดต่อได้เลย มือถือของทุกคนมีปัญหาหมด บางคนทำหาย บางคนถูกแกล้ง บางคนที่ชาร์ตโทรศัพท์หาย”โซระที่มารายงานชำเลืองไปยังเรมิ “จะทำยังไงดี”



        “สงสัยฉัน...จะต้องสวมวิญญาณโคนันหรือเชอร์ลอกโฮมส์ซะแล้ว”ฉันเอ่ยเบาๆ





    ขอโทษน้าที่มะด้ายอัพเรย พอดีสอบอ่า พ่อเลยไม่หั้ยเปิดคอม งั้นเราไปก่อนน้า เจอกันตอนต่อปาย เอ้อ เราขอแนะนำน้องใหม่ เรื่อง ดีไมซ์แลนด์ ดินแดนมรณะ เราแต่งเองแหระ เปงแนวผจญภัย ฝากด้วยเน้อ บาย: GP.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×