คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Kick OFF..... 2nd Match
เด็กชายตัวน้อยนั่งพับขาอยู่กับพื้นไม้ของศาลาริมน้ำ ตรงข้ามมีเด็กผู้ชายตัวโตกว่าผิวขาวจัดนั่งจับไหล่บางที่กำลังสะอื้นฮักไว้อย่างปลอบโยน
“คิดถึงน้องชาเมื่อไหร่ พี่เต๋าต้องเป่านกหวีดอันนี้นะ” มือเล็กๆสั่นเทายื่นนกหวีดพลาสติกสีเขียวให้พี่ชาย
มือใหญ่กว่ายื่นมารับไว้ในมือ ก่อนจะยกนิ้วปาดเช็ดน้ำตาจากใบหน้าใสอย่างอ่อนโยน
“พี่เต๋าจะเป็นอัศวินประจำตัว น้องชา ตลอดไป ฮือ” มือเล็กจับมือใหญ่แล้วยกไว้แนบแก้มที่เปรอะไปด้วยน้ำตา
“น้องชาจะเป็น เทวดา แห่งชัยชนะของพี่คนเดียว” เสียงทุ้มของพี่ชายอ่อนโยนเหลือแสนยามเอ่ยกับน้องตัวน้อย แม้ใบหน้าคมนั้นจะไม่มีน้ำตาหากก็แดงกล่ำราวกับสะกดกลั้นไว้อย่างเต็มที่
“พี่เต๋าต้องสัญญานะ ว่าจะไม่มีเทวดาคนใหม่”
“พี่สัญญา”
ร่างบางจมนิ่งอยู่ในภวังค์ของตัวเอง ขณะที่สายตายังคงจับจ้องร่างขาวโดดเด่นที่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่วอยู่ในสนาม โดยอัตโนมัติ ภาพรอบตัวคล้ายพร่าเลือนป็นสีขาวดำ มีเพียงเสื้อสีแดงเลือดนกของคนที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมเท่านั้นที่แจ่มชัดในสายตา และยิ่งแจ่มชัดขึ้นมาในหัวใจ
“เฮ้ย ชา ดีใจจนน้ำตาไหลเลยเหรอ” เสียงข้างหู พร้อมแรงเขย่าตัว เรียกสติให้ร่างบางหลุดจากภวังค์
“ฝุ่นมันเข้าตาพี่” ร่างเล็กหันไปยิ้มเจื่อนก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดหยดน้ำตาข้างแก้ม
“เห็นลูกตะกี้ปะ ที่ยิงโคตรสวยอะ ในจังหวะมุมแคบแบบนั้นแต่ยังยิงเข้า สมค่าตัวที่บริษัททุ่มซื้อมาจริงๆ”
“ซื้อมาจากไหนเหรอพี่” คชาเอ่ยถามด้วยความสงสัยขณะที่ยังจ้องในสนาม
“กัปตันทีมเนี่ย ชื่อไอเต๋า เป็นเด็กทุนนักกีฬา สมัยอยู่ยูลีคก็พาทีมได้แชมป์สี่สมัยซ้อน แถมติดทีมชาติตั้งแต่อายุสิบหก พอเรียนจบ ที่จริงต้องเล่นในยูลีคต่อเพื่อใช้ทุน แต่ทีมใหญ่ต่างก็จับจ้องจะดึงตัวเข้าลีคอาชีพในทีมตัวเองเท่านั้น แข่งขันซื้อกันอย่างบ้าคลั่งเลยละ แต่บริษัทเราได้มา โดยค่าตัวไม่เปิดเผยแต่จ่ายเงินใช้ทุนให้มหาลัยไปจนคุ้มค่า”
“แล้วคุ้มไหมพี่”
“ยิ่งกว่าคุ้ม ถึงทีมบริษัทเราจะดัง มีชื่อเสียง แต่ก็ขาดทีมเวิร์คที่ดีและขาดมิดฟิลล์ตัวรุกธรรมชาติ ได้เต๋ามาก็ยิงประตูยังกับเป็นกองหน้าซะเอง เป็นประโยชน์กับทีมทุกตำแหน่ง ทีสำคัญไอนี่มันมีลูกบ้า ทุ่มเทไม่เหมือนใคร พลังมหาศาล วิ่งทั่วสนามเหมือนไม่เคยเหนื่อย”
“ที่สำคัญมันป๊อบปูล่ามาก ได้มันมา แถมออปชั่นกองเชียร์สาวๆเพิ่มอีกหลายร้อย มาถึงสนามฤดูกาลแรกยอดขายเสื้อ กับยอดค่าโฆษณาที่เข้ามาก็เกินค่าตัวที่เสียไปแล้ว ยังไม่นับการทำประตูสำคัญทำให้ทีมได้แชมป์บอลถ้วยได้เงินรางวัลอีกหลายรายการ ”
“คนเหรอพี่ที่พูดมา นึกว่าซึบาสะในการ์ตูน”
“เออ คนที่แกเห็นตรงหน้าเนี่ยละ เกิดมาพร้อมพรสวรรค์จริงๆ อายุแค่ยี่สิบสี่ ได้เป็นกัปตันทีมลีคอาชีพ สถิติที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนนะเว้ย” ตี๋คุยจ้อ เล่าให้ฟังอย่างละเอียด ไม่ทันได้หันมาเห็นใบหน้าน่ารักที่อมยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ อย่างภาคภูมิใจ
คชาพยามตั้งสมาธิในการดูเกมส์ต่อไปแม้จะยากเย็นเต็มที เพราะสายตาไม่สามารถมองเห็นภาพใครอื่นได้อีกเลย นอกจาก เศรษฐพงศ์ เพียงพอ ผู้วิ่งไปทั่วสนามราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหมือนพี่ชายคนเดิมไม่มีผิด
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“หมดเวลาสำหรับครึ่งแรก เป็นฝ่ายของ เหล่าวิหค นกอินทรีย์ที่ยิงประตูขึ้นนำไปก่อน โดยกัปตันทีมสุดหล่อผู้ทำประตูสุดสวย ในนาทีที่ 33 ขณะที่ทีมแร๊ปบิท ก็มีโอกาสในการทำประตูหลายครั้ง แต่ยังทำไม่สำเร็จ มาดูกันว่าครึ่งหลังจะแก้เกมส์กันอย่างไรนะครับ”
เหล่าบรรดานักกีฬาของ เอเอฟ ยูไนเต็ด พากันเดินเข้ามายังที่พักนักกีฬา สายตาของคชาจับจ้องไปยัง กัปตันทีมตัวขาว เดินนำเข้ามารับผ้าเช็ดหน้าจากสตาฟโค้ชมาเช็ด พร้อมกับน้ำเย็นราดลงไปที่ใบหน้า ก่อนที่ใบหน้าคมคายนั้นจะเงยขึ้นมองมายังที่นั่งวีไอพีที่อยู่เหนือที่นั่งนักกีฬา
ตาคู่คมที่มองมาทำให้หัวใจสั่นไหว ด้วยความคิดถึงโหยหาที่พุ่งพล่านขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ คชามองร่างโดดเด่นนั้นไม่วางตา ก่อนจะเผลอยิ้มตอบ เมื่อใบหน้าขาวนั้นเงยขึ้นส่งยิ้มมา มือเล็กกำลังจะยกขึ้นเพื่อโบกให้ แต่กลับต้องชะงักค้าง เมื่อภาพบนหน้าจอสกรีนใหญ่ของสนามปรากฏภาพหญิงสาวสวยพร้อมเสียงบรรยายของโฆษกในสนาม
“ไม่น่าแปลกใจเลยนะครับที่วันนี้ อินทรีย์หิมะ จะสามารถโชว์ฟอร์มได้สุดยอด แถมลูกยิงสุดสวย ก็มีกำลังใจตามมานั่งเชียร์ติดขอบสนามนี่เอง เซเรน่า พิคเล็ต นางแบบสาวชื่อดัง ผู้มีดีกรีเป็นถึงลูกสาวประธานสโมสร ข่าวแว่วมาว่า คู่นี้คบกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย ”
มือเล็กที่ตั้งใจจะยกขึ้นโบกลดลงข้างตัว สายตาจ้องไปยังภาพจอสกรีนใหญ่ฝั่งตรงข้าม ภาพหญิงสาวสวยในชุด
เดรสสีแดงเพลิงเปรี้ยวสมกับอาชีพนางแบบ ใบหน้าค่อนข้างเรียวจนปลายคางแหลม จมูกโด่งเป็นสันอย่างเห็นได้ชัดว่าเป็นส่วนที่เสริมเข้ามา ตากลมโตติดขนตาปลอมเป็นแพหนาและกรีดอายไลน์เนอร์สีเข้มทับขับให้ตาคู่นั้นกลมโตคมเฉี่ยวยิ่งขึ้น กำลังส่งยิ้มและโบกมือน้อยๆกลับไป
มือที่ลดลงอยู่ข้างตัวเปลี่ยนมาบีบเข้าหากันแน่นบนตัก ความรู้สึกในหัวใจวูบลงเมื่อรู้ว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้มีให้กับตัวเอง แต่ความจริงมันก็ถูกแล้วเวลาเกือบ 14 ปีพี่ชายจะจำเขาได้ยังไง อาจลืมเลือนน้องชายข้างบ้านคนนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ แต่นกหวีดนั่นละ พี่เต๋ายังเก็บมันเอาไว้
อยู่ความน้อยใจก็พลุ่งขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่จะคิดได้ว่าเขาเองถ้าหากไม่เห็นนกหวีดอันนั้นจะจำพี่ชายตัวขาวที่เป็นฮีโร่ในหัวใจตลอดมาได้หรือไม่ คำตอบในหัวใจบอกว่าจำได้ หากความรู้สึกก็ลังเล เขารู้ว่าเขาจะจำผู้ชายคนนั้นได้ แต่คงไม่รวดเร็วถึงเพียงนี้ แทนที่จะเสียใจเขาควรดีใจสิ ที่พี่ชายยังรักษาสัญญาเสมอ
ใบหน้าเรียวที่หมองลงกับติดรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นมาได้อีก เมื่อหมดเวลาพักครึ่งตาคู่สวยก็เฝ้ามองชายที่โลดแล่นในสนามบอล ราวกับ อินทรีย์ที่ติดปีกผกโผนไปในท้องฟ้ากว้างอย่างอิสระและสง่างาม ด้วยหัวใจที่แช่มชื่นขึ้น
----------------------------K---I---C---K---O---F---F---------------------------------------
เกมส์จบลงด้วยการที่ เอเอฟยูไนเต็ดชนะไป 2-1 แต่ร่างบางลุกขึ้นจากสนามก่อนเหล่านักกีฬาจะกลับมายังที่พักหลังจากจับมือจบเกมส์กัน รุ่นพี่ที่พามายังอยากลงไปทักทายเหล่านักบอลที่ซี้กัน แต่คชาขอตัว ความรู้สึกแปลกๆพุ่งมาสกัดไว้ เขากลัวถ้าพี่เต๋าจะมองเขาด้วยแววตาเฉยชา เหมือนคนไม่รู้จัก และบางทีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความทรงจำดีดี ก็อาจจะเป็นแค่ในความทรงจำ
บ้านเดี่ยวสองฉันสีขาวตรงหน้าเปิดไฟไว้แสดงว่าคนที่บ้านคงกลับกันมาแล้ว ร่างบางกดรีโมทเปิดประตูบ้านก่อนจะขับรถมินิคูเปอร์สีน้ำเงินขอบขาวที่เขาเก็บเงินซื้อเองหลังจากทำงานได้ เข้าจอดข้างรถสีขาวของผู้เป็นแม่
“กลับมาแล้วเหรอชา หิวรึยังลูก” เสียงหวานของผู้เป็นแม่ที่ยืนอยู่ในครัวตะโกนทักเมื่อได้ยินเสียงประตู
“ยังครับแม่ รอน้องๆก่อนก็ได้”
“ไปพักผ่อนล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าซะนะ เดี๋ยวคิวกลับมากับข้าวคงเสร็จ แม่ให้เค้นท์ไปตาม ”
“ครับแม่” คชายิ้มกับประตูห้องครัว ครอบครัวใหญ่มันก็ดีแบบนี้ ไม่เหงาและอบอุ่น แม้จะแกล้งกันบ้างทะเลาะกันบ้างแต่ก็ดีกว่าต้องแยกกันอยู่เหมือนที่เคยเป็น
ประตูห้องนอนที่มีธงเชลซีแปะไข้วกันหน้าห้องใต้ธงเป็นเชื่อที่ถูกลายมือโย้เย้ เขียนและลงสีไว้เปรอะบนแผ่นไม้เรียบ หากใต้ชื่อ ห้องคชา ใครเลยจะเคยเห็น รอยดินสอที่จางจนแทบลบหายไปว่ามันเคยมีคำว่าอะไรอยู่ นอกเสียจากเจ้าของห้องเท่านั้นที่รู้ดี
มือเรียวยกขึ้นแตะแผ่วเบาบนรอยจางๆที่แผ่นไม้ วันนี้ไม่เหมือนทุกวันปลายนิ้วเหมือนจะรู้สึกถึงกระแสอ่อนเมื่อนึกถึงใบหน้าขาวคมคาย มือเรียวผลักประตูห้องเข้าไป เมื่อไฟสว่างขึ้น ลูกบอลหนังลูกเก่าที่มอมและหนังก็นิ่มจนไม่อาจเอามาใช้งานได้อีก วางอยู่บนเตียงนอน
เด็กน้อยตัวเล็กเดินออกจากบ้าน เมื่อผู้เป็นแม่กำลังยุ่งกับการจัดบ้านใหม่ จนไม่มีเพื่อนเล็ก ร่างเล็กในชุดเอี๊ยมยีนส์ปะแป้งลายพร้อยเนื้อตัวหอมกรุ่นเพราะเพิ่งถูกจับอาบน้ำ เดินไปยังสนามเด็กเล่นตรงข้ามบ้านที่มีเด็กผู้ชายตัวโตกว่าเขา สี่ห้าคนกำลังเตะฟุตบอลกันอยู่
ขาสั้นๆเดินไปเกาะขอบสนามมองด้วยแววตาสงสัยปนอยากเข้าไปร่วมด้วย ใบหน้าเล็กยิ้มแย้ม เมื่อเห็นเด็กผู้ชายทั้งกลุ่มเฮ กันวิ่งไล่บอลมาใกล้โกลล์เล็กที่เป็นเหล็กเก่าๆสีลอก และตะข่ายที่ติดอยู่ก็ขาดจนเป็นขุยๆ
“เฮ้ย ไอเต๋ายิงเลย” เสียงเด็กชายตัวผอมสูงโย่ง เอ่ย
“เอาสิวะ คราวนี้กูรับลูกยิงมึงได้แม่” เด็กผู้ชายอีกคนที่ยืนหน้าโกลบอก
คนที่ครองลูกบอลอย่างคล่องแคล่วตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเลี้ยงลูกบอลมายังปากประตู เด็กผู้ชายรูปร่างค่อนข้างกลมแต่ผิวขาวจัด ในเสื้อบอลสีแดงเก่าๆตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงบอล เท้าขาวนั้นมอมแมมเปล่าเปลือย ขานั้นง้างเตรียมยิงเต็มที่ แต่ด้วยความเร็วที่วิ่งมาทำให้ขาอีกข้างไม่สัมพันธ์กันทิศของลูกบอลที่ถูกยิงมาจึงเปลี่ยนไป
ลูกบอลลูกเก่าลอยเฉียงเหนือประตูขึ้นไป
ก่อนจะละลิ่ว มากระแทกร่างน้อยหน้าขาวลายพร้อยที่ยืนอยู่ข้างสนามจนล้มไปกองกับพื้น
“ฉิบหายแล้วมึง เด็กที่ไหนว่ะเนี่ย” เด็กชายร่างผอมเอ่ย
“เฮ้ย แม่งทำไงดีว่ะ” ตัวต้นเหตุเอ่ยอย่างทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองร่างน้อยนั้นนั่งงง อยู่กับพื้นหญ้า
“สลายตัวเหอะ” หัวโจกตัวโตอีกคนบอก ก่อนจะตั้งท่าวิ่ง
“ไอเต๋ามึงทำไปปลอบน้องเขาเลย”
เด็กห้าคนยืนมองเด็กชายตัวน้อยที่นั่งพับขากับพื้นสักครู่
ก่อนที่ปากบางจะค่อยๆเบะ ออกช้าๆ
และ สุดท้าย
“ แง้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงทรงพลังดังออกมาจากคนตัวเล็ก ลั่นจนคนที่ยืนอยู่สะดุ้งกันไปหมด
“เชี่ย ร้องแล้วทำไงว่ะ” สุดท้ายตัวต้นเหตุก็โดยผลักออกไปหาเด็กชายที่กำลังร้องไห้จ้าอยู่
“ฮือออออออออออออ เจ็บ ชา เจ็บ แง้” เด็กชายตัวเล็กเริ่มตะเบ็งเสียงดังขึ้น สุดท้ายเด็กผู้ชายผิวขาวแต่มอมไปทั้งตัวก็ต้องเดินเข้าไปหา
“เฮ้ย อย่าร้องดิ” เต๋าเข้าไปเอ่ยคำแรกด้วยความเคยชิน
“ฮือออออออออออออออออออออออออออ” เสียงห้าวๆเอ่ยยิ่งทำให้ร่างน้อยร้องหนักขึ้น จนน้ำตาน้ำมูกไหลปนกันไปหมด
“เอ๊า อย่าร้องนะ ขอโทษก็ได้” เต๋าเอ่ยบอกแล้วนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า
“น้องชาเจ็บนี่ ฮือๆ” ปากบางยังเบะยื่นน้ำตาไหลเป็นทางกับแรงสะอื้น
เด็กชายมอง เด็กน้อยตรงหน้าอย่าอ่อนใจถึงไม่แหกปากร้องแล้วแต่น้ำตาก็ยังไหลแถมสะอื้นฮึกๆ สุดท้ายเต๋าก็เช็ดมือตัวเองกับเสื้อจนคิดว่ามันสะอาดแล้ว จึงดึงร่างเล็กบางมาอุ้มแล้วโอ๋เบาๆ
“ไม่ร้องนะ โอ๋ๆๆ” ท่าทางนั้นทำเอาเพื่อนสี่คนที่ยืนมองอยู่ถึงกับขำลั่น เพราะภาพที่เห็นช่างขัดตา เด็กผู้ชายมอมแมมตัวโตๆกับเด็กชายตัวเล็กๆที่แต่งตัวเนี๊ยบกริบในอ้อมแขน
“พี่จ๋า คชาหิวนมแล้ว” เมื่อถูกอุ้มโอ๋หมุนไปหมุนมากร่างน้อยก็สงบลงยังเหลือเสียงสะอื้นเป็นพักๆ ซบลงกับไหล่คนอุ้มมือเล็กกำชายเสื้อเก่านั้นไว้
“อ้าว บ้านอยู่ไหนละเนี่ย” เต๋าถามขณะอุ้มร่างเล็กโยกไปมา แต่ไม่กล้าวางแม้จะเมื่อยแสนเมื่อยเขากลัวเจ้าตัวน้อยร้องไห้จ้าขึ้นมาอีก
“พี่จ๋าคชาหิวนม พี่จ๋า”
“เฮ้ย เบนทำไงดีอะ น้องมันร้องหิวนม”
“เอานมมึงให้กินดิ” คนที่ถูกเรียกว่าเบนบอก ก่อนจะหัวเราะ
“ไปช่วยกันตามหาบ้านดิ๊ มึงด้วย ไอเบียร์ ไออ้น ไอเต้ ช่วยกูหน่อย”
“กูว่าไม่ต้องละ แม่เขาเดินมาละ” เด็กชายโปเต้บอกพลางบุ้ยปากไปยังทิศทางที่หญิงสาวสวยคนนึงกำลังเดินมา
“น้องชา ตายแล้วลูกเป็นอะไร” เธอถลาเข้าหาลูกชายตัวน้อยที่กอดไหล่ซบอยู่ในอ้อมแขนเกร็งๆของเด็กผู้ชายคนนึง
“แม่จ๋า น้องชาหิวนม” เด็กตัวน้อยโผเข้าหาผู้เป็นแม่ที่กางแขนรอรับ
“นี่ปลอบน้องให้เหรอ ขอบใจนะครับลูก” มือเรียวลูบหัวเต๋าเบาๆก่อนจะยิ้มให้
“พี่จ๋าคนนี้เตะบอลใส่น้องชา แต่พี่จ๋าอุ้มน้องชา น้องชาไม่อยากร้องเพราะน้องชาเก่ง แต่น้องชาเจ็บทนไม่ไหวเลยร้องไห้ มาม๊า น้องชายังเป็นคนเก่งอยู่ไหม” ปากบางเอ่ยบอกแจ้วๆ กับผู้เป็นแม่ที่ยืนยิ้มฟัง
“เก่งสิน้องชาของมาม๊าเก่งที่สุด”
“คือผมไม่เห็นน้องครับ เราเล่นบอลกันอยู่เลยไปโดน ผมขอโทษ” ท่าทีขอโทษอย่าจริงใจนั้น เรียกรอยยิ้มได้อีกครั้ง เธอไม่นึกโกรธเด็กชายสักนิด เพราะถึงจะทำให้ตัวน้อยร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้หนีทิ้งไปไหน กลับมีความรับผิดชอบดูแลให้อีก
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ น้าเองก็ไม่ได้ระวังน้องเลยเดินเข้ามา แล้วนี่บ้านอยู่ที่ไหนกันจ้ะ”
มือขาวป้อมชี้ไปที่บ้านไม้สองชั้นสีขาวที่อยู่ติดกันกับบ้านของเธอ ทำให้ใบหน้าสวยยิ้มออกมา อย่างยินดี
“อ้าวอยู่ติดกันเลย น้าฝากน้องเป็นเพื่อนเล่นด้วยสักคนนะครับ ชื่ออะไรครับ”
“เต๋าครับ นั่นไอเบน ไอเต้ ไอเบียร์ ไออ้น” หญิงสาวยิ้มให้เด็กทุกคน
“พี่จ๋าต้องให้น้องชาเล่นฟุตบอลด้วยนะ น้องชาอยากเก่งเหมือนแลมพาร์ด” เสียงใสเอ่ย
“จ้ะ แต่ แลมพาร์ดตัวน้อยไปกินนมนอนเถอะลูก น้าฝากน้องด้วยนะ”
หญิงสาวเอ่ยครั้งสุดท้ายก็จะอุ้มลูกชายตัวน้อยที่เริ่มตาปรือฉ่ำเพราะความง่วงไว้แนบอก มือเล็กยกขึ้นโบกบ๊ายบาย พี่ชายตัวขาว ก่อนจะเบะปากยิ้มให้จนตาหยีอย่างน่ารัก
“บายบายนะพี่จ๋า”
----------------------------K---I---C---K---O---F---F---------------------------------------
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เรียกร่างบางให้ออกจากภวังค์ มือเรียววางลูกฟุตบอลหนังนิ่มที่กอดอยู่ลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตู
“เฮีย แม่เรียกกินข้าว” น้องชายร่างสูงโย่งของเขาเอ่ยบอกด้วยสีหน้าทะเล้น ตามสไตล์มัน
“เออ ล้างหน้าแป๊บ ” ร่างบางหมุนตัวกลับ เดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน
เค้นท์เดินตามพี่ชายเข้ามารอในห้อง นั่งลงบนเตียงก่อนจะหยิบลูกบอลหนังเก่าๆบนเตียงขึ้นมาทำท่าจะเตะเล่น
“เฮ้ย อย่าเตะ เอาวางไว้ที่เดิมเลย เก่าขนาดนี้ แกเตะทีมันแตกหมดดิวะ”
“โห เฮีย หวงกระทั่งกับน้อง ลูกบอลเก่าจนแทบหนังละลายแล้ว เอามานอนกอดบนเตียงอยู่ได้”
“เรื่องของพี่ ไป ไปกินข้าว” มือเรียวดึงลูกบอลออกจากมือน้องชายวางลงบนเตียง ก่อนจะผลักไหล่กว้างนั้นแรงๆ
“ของรักแรกของเฮียละ เซ่ อย่าว่าละนะ แบบเฮียจะมีสาวๆมาให้ของที่ระลึกได้ไง มีแต่หนุ่มแย่งกันแจกขนมจีบ”
“ทำไมจะไม่มี เดี๋ยวเอ็งจะโดน” คชาหันไปตบเบาๆที่ศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมหยักศกของน้องชายก่อนดันให้
เดินน้ำหน้า
“โอ้ย ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเล่นบอลหรอกเฮีย จู้ ฮุก กรู เอาน่าเฮีย จะพี่เขย พี่สะใภ้ เค้นท์คนนี้รับได้หมด”
“ทะลึ่ง ไปไป๊” ฝ่ามือสวยฟาด ปุปุ บนหลังน้องชายอย่างแรง เชิงให้หยุดแซว แต่คนทะเล้นท์กับหัวเราะอย่างล้อเลียน เพราะใบหน้าขาวของพี่ชายมันขึ้นสีระเรื่อ
ผู้เป็นแม่ที่จัดโต๊ะกับข้าวอยู่เงยหน้าขึ้นยิ้ม เมื่อเห็นพี่ชายกับน้องชายวิ่งไล่ตีกันมาที่โต๊ะอาหาร โดนมีสองคนส่งเสียงเชียร์อยู่บนโต๊ะก่อนแล้ว น้ำตาแทบรื้นขึ้นมาในดวงตา นานเหลือเกินกว่าจะได้อยู่กันพร้อมหน้า กว่าที่เธอจะได้พาลูกจากโคราชขึ้นมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพครบกันทุกคน และเธอก็ดีใจที่มีวันนี้
----------------------------K---I---C---K---O---F---F---------------------------------------
Talk wiz me
มาลงก่อนงานบอลวันเสาร์นี้ เข้ากับกระแส
พรุ่งนี้จะเป็นยังไงน้า กับหัวหน้าทีมทั้งสอง ใครอยู่สีไหนกันบ้างคะ
ไปกรีสกันเนอะพรุ่งนี้ ฝากด้วยนะคะ
ความคิดเห็น