คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Kick oFF.......7th Match
บรรยากาศในสนามกีฬา เดอะเน็ท วันนี้คึกคักเต็มไปด้วยผู้คนจนอัฒจรรย์แน่นขนัดเหมือนตอนมีแข่งนัดสำคัญ เหล่ากองเชียร์สองฝั่งในชุดสีแดงเขียวสำหรับทีมที่ตนเองเลือกเชียร์ เสียงคุยและเสียงกลองดังซังแซ่ระหว่างรอเวลาเปิดงาน การแข่งขันกีฬาประจำปีของ อาคาเดมี่ กรุ๊ป บริษัทที่ควบรวมธุรกิจบันเทิงขนาดใหญ่ของประเทศไทยและมีทีมฟุตบอลเป็นของตัวซึ่งก็ประสบความสำเร็จติดอยู่ในลำดับต้นๆของตารางระดับประเทศ
ในห้องแต่งตัวนักกีฬาค่อนข้างวุ่นวาย เมื่อเหล่านักกีฬาทั้งสองทีมใช้ห้องร่วมกันไปก่อนเนื่องจากว่าอีกห้องหนึ่งจะเปิดให้เหล่าผู้บริหารที่จะมาลงแข่งกับทีมรวมดาราเป็นการเปิดพิธีได้ใช้งาน เมื่อการแข่งขันจริงมาถึงจึงจะมีการแยกห้องพักกันอีกครั้ง
ร่างเล็กบางในชุดนักบอลเต็มยศ เสื้อบอลสีแดงสด หน้าอกพิมพ์โลโก้ของงานกีฬา “AF Sport Day 2013” ด้านหลังพิมพ์เบอร์สามตัวโตสีขาวด้านบนคือชื่อเจ้าของเสื้อ KACHA ซึ่งกำลังนั่งกดโทรศัพท์เล่นขณะที่รอลงแข่งไม่สนใจความวุ่นวายของห้องไม่สนแม้สายตาคมๆของคนตัวสูงที่ลอบยืนมองอยู่นานแล้ว
“เฮ้ย ไอเบน เหม่ออะไรวะ” ร่างสูงโย่งของเบนจมินทร์สะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกมือใหญ่ของน้ำแข็งตบเข้าที่ไหล่
“ไอบ้า ตกใจหมด กูยืนคิดไรเรื่อยเปื่อยไม่ได้เหม่อโว้ย” เบนรีบแก้ หันสายตามาหาเพื่อนทันที เมื่อเห็นร่างสูงขาวจัดของกัปตันทีมเดินไปขยี้กลุ่มผมนุ่มของคนที่เขามองอยู่และดึงกระเป๋าเชลซีสีน้ำเงินที่เจ้าตัวกอดไว้เอาไปใส่ล๊อคเกอร์เดียวกันใบหน้าเรียวหวานเงยขึ้นทำปากยื่นขัดใจหากแต่ก็ส่งยิ้มใสให้อีกคนแต่โดยดี ไม่อยากจะเชื่อว่าเขากำลังอิจฉา คนที่ได้รับรอยยิ้มหยุดหัวใจนั้น
“มึงมองน้องคชา” น้ำแข็งเอ่ยเสียงไม่เบานักจ้องหน้าเพื่อนอย่างจับผิด
“กูเปล่า มึงพูดอะไร” เบนส่ายหน้าและเดินหนีเพื่อนเพื่อไปเตรียมตัวก่อน โดยรู้ดีว่าสายตาของเพื่อนสนิทอย่างน้ำแข็งที่มองมาคงรู้ทันสิ่งที่เขาคิด แต่ไม่ใช่เวลาจะสารภาพเพราะบางทีตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคิดอะไรกันแน่ อาจจะแค่หลงใหลรอยยิ้มสวยกับความสดใสน่ารักที่ซ่อนอยู่ใต้ใบหน้าเรียบนิ่งนั้นเฉยๆก็ได้
คชาเดินคุยแจ้วๆมากับพี่ชายกัปตันทีมเบอร์ยี่สิบสาม ที่มักจะก้มลงบีบจมูก ขยี้หัวคนพูดมากข้างตัวอย่างเอ็นดูบ่อยครั้ง หลายคนมองแต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะพอจะรู้ว่าสองคนนี้เคยสนิทกันมาก่อน แต่เบนจมินทร์หัวใจเต้นผิดจังหวะทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มหวาน เสียงหัวเราะใสแม้จะมีให้เพื่อนของเขาก็ตาม
“พี่เบน พี่น้ำแข็งจะได้เวลาวอร์มแล้วเหรอครับ” คชาถามเมื่อเห็นสองคนเริ่มวิ่งเหยาะและยืดเส้นยืดสายเตรียมร่างกาย
“อื้อ ใกล้เวลาแล้ว คชาก็มาสิ เดี๋ยวไปสะดุดยอดหญ้าล้มอายแฟนคลับนะ” น้ำแข็งเอ่ยแซวขณะที่เบนได้แต่มองมายิ้มๆและยิ้มกว้างขึ้นเมื่อคชาหันมายิ้มให้
“พี่เต๋าจับคู่วอร์มกันเถอะ ชาจะได้ไม่สะดุดยอดหญ้า” ร่างเล็กหันไปบอกพี่ชายและหันมาค้อนคนแซวอย่างน่ารักทำให้น้ำแข็งหัวเราะก๊ากออกมาเสียงดังเมื่อแกล้งได้
“มาสิ ยืดให้ ห้ามร้องนะ” เต๋าบอกและกดคนตัวเล็กให้นั่งลงกับพื้นหญ้าและเริ่มต้นวอร์มร่างกายด้วยกัน เสียงหัวเราะสดใสเสียงโวยวายได้ยินชัดเจน จนเบนจมินทร์อยากเป็นคนนั้นที่ทำให้เกิดเสียงแบบนี้ขึ้นมาด้วยตัวเขาเองบ้างจะมีไหมนะสักครั้ง
การแข่งขันกับทีมผู้บริหารสามสิบนาทีโดยแข่งครึ่งละ 15 นาที พัก สิบนาที ผลการแข่งขันคือทีมรวมดาราชนะไปด้วยคะแนน 2-1 ประตู โดยคชาทำประตูชัยให้กับทีมจากการส่งลูกให้ง่ายๆตรงจากเท้าของกัปตันทีมที่แม่นราวจับวางทำให้ปีกซ้ายวิ่งขึ้นมาทำประตูชนะไปได้ การแข่งขันนี้ไม่ได้เน้นอะไรมากผู้บริหารเหมือนลงเตะเป็นพิธีและนักเตะทุกคนก็เล่นกันเบาๆให้พอเรียกเหงื่อเท่านั้น หากแต่คนทำประตูได้ก็ดูจะร่างเริงเป็นพิเศษเมื่อขึ้นไปรับของที่ระลึกพร้อมกัปตันทีม
“คชาครับรู้สึกยังไงบ้างที่ทำประตูชัยให้ทีมรวมดาราชนะเหล่าผู้บริหารของเราไป”
“ก็ดีใจครับ แต่ท่านผู้บริหารอย่าหักโบนัสผมนะครับพี่เต๋าเขาเป็นคนส่งมา เท้าผมมันไปเอง” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมยกมือไหว้และยิ้มอย่างน่ารักเรียกเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะเอ็นดูลั่นสนาม
“อ้าวน้องชาทำไม ขายพี่แบบนี้ละ ” อินทรีหิมะเอ่ยปนหัวเราะเมื่อถูกโบ้ยความผิดมาให้
“ท่านผู้บริหารเห็นแบบนี้คงหักไม่ลงใช่ไหมครับท่าน” โฆษกหนุ่มหันไปถามเหล่าผู้บริหารที่นั่งยิ้มตบมือให้เป็นการปิดท้าย
หลังจากพักโชว์มินิคอนเสิร์ตของเหล่านักร้องในค่ายพักใหญ่ ทีมสีแดง ก็ถูกเรียกประชุมวางแผนการเล่นและทีมฝั่งสีเขียวซึ่งแยกห้องแต่งตัวไปแล้วก็ทำเช่นเดียวกัน คชาได้เล่นเป็นปีกซ้ายอย่างที่อยากเล่นส่วนตัวเต๋าขึ้นมาเป็นกองกลางตัวรุกคู่กับน้ำแข็งมีบอสและเฟรมเป็นกองหน้า ส่วนเบนไปเป็นกองกลางตัวรับคู่กับพี่ออย มีพี่ชะม้อยตัวเล็กแต่ไวเป็นผู้รักษาประตู ทุกคนประสานมือก่อนจะร้องเฮ้ เพื่อปลุกกำลังใจ
จริงอยู่เกมส์ไม่ได้เน้นผลแพ้ชนะอะไรมากมายเป็นการเล่นเกมส์เอาสนุกแต่ทุกคนตั้งใจว่าจะไม่เละเทะตั้งใจเล่นให้เป็นเกมส์ เพราะนอกจากเหล่าแฟนคลับแล้วคอบอลเองก็มาไม่น้อยเหมือนกัน ที่สำคัญใครก็อยากจะชนะเพราะจะได้บลั๊ฟแซวเพื่อนตัวเองไปอีกตั้งเป็นปี
We're flying We're flying จงโบยบินอัศวินวิหคกล้า
ดั่งพญาอินทรีย์ผู้ผยอง คนเลี้ยงนกโบกธงศึกคึกคะนอง
แหงนหน้ามองเหล่าปักษาล่าตะวัน
Here we go Af united ความสำเร็จก่อเกิดปาฏิหาริย์
เทวดาแห่งโชคชัยให้รางวัล รอวิหคหวนคืนรังฉลองชัย
เสียงกองเชียร์ร่วมร้องเพลงมาร์ชประจำสโมสรดังลั่นขึ้น เมื่อโฆษกประกาศปล่อยตัวนักฟุตบอลลงสนามกัปตันทีมตัวขาวจัดเจ้าของฉายาอินทรีย์หิมะเดินหลังตรงอย่างสง่างามนำลูกทีมลงมาในสนามคู่กับฝั่งสีเขียวที่มี ตี๋ วิวิศน์เป็นกัปตันทีมตามด้วย ต้น ณัฐวัตร ทั้งสองฝ่ายต่างเดินจับมือกันตามธรรมเนียมก่อนจะประจำตำแหน่งในสนาม
“ฝ่ายสีเขียวได้เป็นคนเริ่มเตะลูกก่อนครับ โอ้ย เสียงกองเชียร์ดั่งลั่นกันตั้งแต่เริ่มเขี่ยลูกบอลเลยครับ โอ๊ะ อินทรีย์หิมะ ฉกบอลไปจากเท้าต้น ณัฐวัตร อย่างสวยงาม เล่นเอาศูนย์หน้ายืนอึ้ง เพราะคนมาฉกไปจากเท้าดันเป็นกองกลางไม่ใช่กองหลัง บอลถูกส่งต่อที่เบญจมินทร์ และปีกซ้ายร่างบาง อย่างนักร้องหนุ่มสุดน่ารักแห่งยุคมารับบอลต่อ โอ้ยย เสียงกรี๊ดดดมาเต็มมากครับ”
โฆษกบรรยายเกมส์ในสนามที่เล่นได้อย่างสนุกสนานและลุ้นมากเพราะทุกคนตั้งใจเล่นเพื่อชัยชนะให้รอดพ้นจากการถูกล้อเลียนไปอีกหนึ่งปี คชาเหนื่อยจนวิ่งไม่จบครึ่งแรก ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกให้คนอื่นลงมาแทน และลงใหม่ตอนครึ่งหลัง เนื่องจากเป็นการแข่งกีฬาเพื่อความสนุกในงานจึงไม่ได้เคร่งครัดเรื่องการเปลี่ยนตัวและด้วยจำนวนคนอยากลงที่มากจึงต้องมีการเวียนกันเล่นแม้แต่ เต๋าเองก็เปลี่ยนตามน้องน้อยของเขามานั่งดูเกมส์ข้างสนามด้วยกัน
“แกร๊ ดูพี่เต๋ากัปตันทีม กะน้องคชาสิ มุ๊งมิ๊งว่ะแก” กองเชียร์สาวฝั่งสีแดงกรีดร้องใส่เพื่อนเมื่อกล้องส่องทางไกลเธอมองมาใต้หลังคาพักนักกีฬาซึ่งเต๋ากับคชานั่งดูเกมส์ในสนามและเล่นแหย่กันหลายครั้ง ครั้นเมื่อยตัว ร่างบางก็เอนร่างพิงลงกับด้านข้างลำตัวหนาแกร่งของพี่ชายและเอนซบกับไหล่ โดยมีมือใหญ่ถือขวดน้ำส่งให้ถึงปากก่อนจะเปลี่ยนมาถือโทรศัพท์มือถือให้เจ้าตัวเล่นเกมส์
“ไหน ฉันมองไม่เห็น” หญิงสาวอีกคนดึงกล้องจากเพื่อนมาส่องบ้างก่อนจะกรีดเสียงคลุ้มคลั่ง
“อ๊ากแก๊ น่ารักไม่ทนว่ะ โอ้ยยย น้องอ้อนพี่ พี่ก็ใจดี แก๊ ต่อมจิ้นทำงาน”
หลังจากนั้นบอลในสนามอีกสิบนาทีที่เหลือก็ถูกแย่งความสนใจไปยังสองพี่น้องข้างสนาม ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยว่าตกเป็นเป้าสนทนาให้แฟนคลับฟินกันขนาดไหน
ครึ่ลหลังคชาลงสนามได้แค่สิบนาทีแต่ก็สามารถทำประตูไปได้อีกหนึ่งลูกคราวนี้เสียงกรี๊ดดดังกว่าปกติอีกสองเท่าเมื่อ ลูกที่ยิงได้ เป็นลูกที่มาจากการส่งผ่านเข้าเท้าคชาแบบจงใจ ทั้งที่อยู่ในมุมที่ตัวเองสามารถยิงได้ของกัปตันทีมสุดหล่อ
“กรีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส พี่ต๋าววววววววววส่งบอลให้น้องชา”
“กรีสสสสสสสสสสสสสสสส เค้ามีซัมติงปะแกร๊”
“อร้ายยยยยยยยย ฟินไปโลกหน้าเลยแก คู่นี้เขามากันเมื่อไหร่วะ โอยยยๆ”
จบเกมส์ฝั่งสีแดงชนะไปด้วยการยิงจุดโทษ เมื่อ ฝั่งสีเขียวยิงพลาดไปลูกนึง ได้เวลาของการเปิดคอนเสิร์ตของนักร้องหนุ่มน้อยที่มีแฟนคลับมากเป็นประวัติการ กลางสนามมีเวทียกสูงมาตั้งไว้ คอนเสิร์ตปิดงานที่มีคชาขึ้นโชว์คนเดียวก็เริ่มขึ้น ร่างบอบบางในชุดคอนเซ็ปเต็มยศ รัดรูปสีดำสนิทเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่พอดีตัวจนเห็นเอวบางแนบติดหน้าท้องราบกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำสนิทห้อยด้วยโซ่ห่วงสีเงินเป็นดีเทล เอวต่ำจนเห็นขอบสะโพกเนียนตา ทั้งดูเซ็กซี่และน่ารักในเวลาเดียวกัน ใบหน้าเนียนใสแต่งแต้มด้วยอายไลเนอร์สีดำขลับให้ดวงตากลมโตและขับให้ใบหน้ากลับหวานละมุนขึ้นมากอีกอย่างไม่น่าเชื่อ
“สวัสดีครับ” คชาวิ่งขึ้นมาบนเวทีเมื่อเสียงดรนตรีขึ้นเรียกเสียงกรี๊ดลั่นของแฟนคลับและแม้แต่บรรดาแฟนบอลก็อดยิ้มตามไม่ได้ ทั้งสนามยกมือขึ้นโบกไหวตามนักร้องตัวน้อยบนเวทีเป็นภาพที่เรียกรอยยิ้มเต็มที่บนเรียวปากสวยอิ่มสีชมพูอ่อน
“ช่วยกันร้องตามด้วยนะครับ เพลงนี้เริ่มกันซอฟๆก่อนให้พอพักเหนื่อย แล้วเดี๋ยวจะจัดให้แด๊นซ์กัน พี่ๆนักข่าว นักบอล ท่านผู้บริหารโบกมือช่วยคชาด้วยนะครับ” ยิ้มสวยสดใสกวาดมองไปทั่วสนามและทุกๆที่ก่อนจะขยิบตายิ้มเขินให้กับดวงตาคมเข้มของกัปตันทีมคนเก่งที่ยืนโบกแท่งไฟสีเขียวในมือให้อยู่ข้างสนามเป็นพิเศษ
เพียงสายตาสบกันก็รู้ชัดถึงความหมาย ไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูดใดใดให้ใครได้ยิน คชารู้ว่าสายตาเขาจะมองไปเจอสายตาคมกล้านั้นและหยุดได้ทันทีว่าเป็นของใคร เพราะหัวใจและความรู้สึกไม่เคยมีให้ใครมากเท่านี้ ในกลุ่มคนที่มากมายคล้ายมีเพียงพี่ชายที่เป็นภาพสี แจ่มชัดเสมอ
“ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่มาให้กำลังใจพวกเราในวันนี้ คชามีของขวัญพิเศษที่จะมอบให้ทุกคน เพลงใหม่ของคชาเองครับ ไม่เคยร้องที่ไหน และจะร้องที่นี่เป็นที่แรก อย่าถามว่าแรงบันดาลใจมาจากไหน เพราะคชาเองก็ตอบไม่ได้ ”
“ที่คชารู้ก็แค่วันไหนคนที่เราแสนคิดถึงมาปรากฏตัวตรงหน้าเขามักมาพร้อมสิ่งดีดีเสมอ”
ประโยคสุดท้ายหันไปยิ้มให้คนตัวขาวที่ขยับตัวลงมายืนในสนามแทรกไปกับเหล่านักข่าว ศิลปินคนอื่นๆที่มาร่วมแจม หากคชารู้ดีว่าจุดไหนที่ควรจะมอง รอยยิ้มคมบาดตาหากกลับอ่อนหวานเมื่อดวงตานั้นทอดมองอย่างเอ็นดู ทำให้หัวใจคนมองเต็มตื้นจนต้องดึงสติตัวเองกลับมาที่บทเพลงอย่างตั้งใจ
แล้วเธอจะมองเห็นกันบ้างไหม รู้สึกไหม
ก็เธอเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ทุกวัน
ของฉันมีรอยยิ้มได้
ความสุขของฉันช่างง่ายดาย
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเธอ
อาจดูเหมือนมันไม่มากมายแต่ฉันตั้งใจทำ
สิ่งที่เฝ้ารอมีความหมาย
คิดถึงเธอในตอนเช้า
คิดถึงเธอในตอนสาย
คิดถึงเธออีกทีสักช่วงบ่ายสอง
ได้แอบมองถึงตอนเย็น
ค่ำลงเอาอีกแล้ว เที่ยงคืนยิ่งหวั่นไหว
แค่เธอคนเดียวแสนยิ่งใหญ่
เธอรู้สึกไหมว่าฉันรักเธอหมดใจ
ถ้าหากวันนี้เธอยังไม่สนใจ
พรุ่งนี้ก็จะเริ่มใหม่
ไม่เปลี่ยนผันไป
เพราะว่าใจต้องการแค่เธอผู้เดียว
บทเพลงจบลงหากคนที่มองหากลับไม่หยุดอยู่ที่เดิมตาคู่สวยกวาดสายตาหาและหยุดลงเมื่อเห็นร่างสูงส่งากำลังเดินไปยื่นมือให้กับหญิงสาวร่างเพรียวสวยจัดในเสื้อผ้านำแฟชั่นสมอาชีพนางแบบใบหน้าสวยแบบลูกครึ่งเอียงจูบแก้มสากชื้นเหงื่อของเต๋าทั้งสองข้างอย่างไม่แคร์สายตาใครก่อนจะควงแขนกันเดินไปยังห้องพักรับรอง
หัวใจในอกกลับเต้นรัวแปลกๆความเจ็บแปลบปลาบที่แล่นริ้วขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวมันคืออะไร คชายังไม่ทันได้ตกใจกลับความคิดตัวเองมากนักเมื่อเสียงเชียร์และเสียงกรี๊ดของแฟนคลับดังปลุกสติและเก็บหยดน้ำตาหยาดรื้นให้หายกลับเข้าไปได้ทัน ใบหน้าเรียวหวานทำเพียงหันไปยิ้มให้ทุกคนอีกครั้งก่อนกล่าวลาลงจากเวที
คชาแกล้งถ่วงเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นานหัวงว่าเมื่อเขาออกมา คนอื่นจะกลับกันไปหมดแล้วและก็จริงดังเช่นที่คิดหากแต่ร่างล่ำสันที่นั่งหัวเข่าชนคุยเล่นกับร่างระหงส์ยังอยู่และหันมายิ้มให้เขาทันทีที่เห็น
“อาบน้ำนานเชียวนะเรา มานี่สิพี่มีคนแนะนำให้รู้จักนะ” เศรษฐพงศ์ลุกขึ้นยืนพร้อมเป็นหลักให้เซเรน่าเกาะและเดินเคียงกันเข้ามาหาคนที่ยืนยิ้มจืดๆให้
“ครับ พอดีเหนียวตัว พี่เต๋าไม่เห็นต้องรอเลย”
“รอสิจะชวนไปกินข้าว แต่รู้จักกันก่อนนะ นี่ เซเรน่า เรียกพี่เรน่าก็ได้ ชาเป็นน้องอยู่แล้ว แฟนพี่เอง” ชายหนุ่มยิ้มและผายมือแนะนำหญิงสาวสวยที่ยิ้มหวานส่งให้คชา
“น้องคชาไม่ต้องแนะนำตัวแล้ว เต๋าเล่าให้พี่ฟังเยอะเลยเรื่องน้องคชา ไปทานข้าวด้วยกันนะคะ” หญิงสาวเอ่ยชวนอย่างร่าเริงพลางดึงมือคชามาจับไว้ตามธรรมเนียมฝรั่ง
“เอ่อ เหรอครับ ผมเป็นแค่น้องข้างบ้านเท่านั้นเองไม่ได้มีอะไรพิเศษ” คชาเอ่ยเรียบๆ
“ใช่น้องข้างบ้าน จอมขี้แง และขี้แกล้งด้วยนะ ไปกินข้าวด้วยกันนะชา พี่เลี้ยงตามที่สัญญาไว้ไง” เต๋ายื่นมือไปขยี้ผมนุ่มอย่างอ่อนโยน
“ไม่ดีกว่าครับ ผมอยากพัก พี่ๆไปกันสองคนเถอะ”
“ไม่เอานะชา ไปด้วยกันเถอะพี่อุตส่าห์รอ”
“นั่นสิคะน้องคชาไปเถอะค่ะ ไปนะคะกินกับเต๋าสองคนเบื่อแล้ว” คนพูดเบื่อหันไปย่นจมูกใส่คนรักอย่างน่ารัก
คชามองภาพความเหมาะสมตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เหมือนเป็นส่วนเกินได้อย่างแนบเนียนเต๋าและเซเรน่าดูเหมาะสมกันไปหมดทุกอย่างทั้งหน้าตา ท่าทาง แววตารักใคร่ที่ทอดมองกัน อยู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองคือภาพขาวดำที่พร่าเลือนอ่อนแสงที่มาอยู่เป็นเงาประกอบภาพสีสันงดงามนี้
“พี่ไปด้วย ไปหลายคนสนุกดี” เบนจมินทร์ที่เดินมาข้างหลังเอ่ยสำทับเสนอตัวขึ้นมาโดยไม่รอใครชวน เขายืนมองภาพนี้มานานแล้วทั้งที่พยายามบอกตัวเองไม่ให้ยุ่งหากแต่ก็ทำไม่ได้ถ้ามันจะถลำตัวลึกไปกว่านี้คงไม่เจ็บเพิ่มจากนี้เท่าไหร่
“เออไปสิวะ งั้นเจอกันร้าน บาร์แกสโตรองนะร้านเพื่อนเรน่า”
“งั้นจะไปกันยังไงคะ เต๋าคุณขับรถเรน่าไปนะ น้องคชาไปด้วยกันไหมคะ กินเสร็จค่อยกลับมาเอารถที่นี่”
“ไปรถพี่ก็ได้คชา เดี๋ยวกินเสร็จพี่เอารถมาส่ง”
“ไม่ดีกว่าครับผมไปรถตัวเองดีกว่า เสร็จแล้วจะได้กลับบ้านเลย”
“งั้นพี่ไปรถคชาแล้วกัน เสร็จแล้วพี่นั่งแท๊กซี่กลับมาเอารถเอง”
“พี่เบน” คชารู้สึกเหมือนตัวเองใจร้ายขึ้นมา จึงเอ่ยคนตัวสูงข้างตัวเสียงอ่อนลง มีเพียงรอยยิ้มจริงใจตอบกลับมา
“งั้นเจอกันที่ร้านนะคะ เรน่ารับรองไม่ผิดหวัง ถ้าไม่ได้เส้นเรน่าต้องรอคิวเป็นอาทิตย์นะคะ เดี๋ยวเรน่าโทรจองคอร์สอาหารไว้เลย มีใครทานอะไรไม่ได้ไหมเอ่ย” หญิงสาวสวยเอ่ยอย่างคล่องแคล่วมือก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกดโทร
“ทานได้หมดอยู่แล้วพวกผมอะ”
“พวกเบนอะเรน่าไม่ถามหรอก รู้ว่ากินได้ สากกะเบือยันเรือรบ” หญิงสาวหันมาค้อนใส่แล้วหันไปยิ้มกับคชา “น้องคชาทานอะไรไม่ได้ไหมเอ่ย เนื้อ หรือปลาดิบ แบบนี้”
“ผมทานได้หมดครับ คุณเรน่าไม่ต้องห่วง”
“เรียกพี่สิคะ เรียกคุณทำไม งั้นไปเจอกันที่ร้านนะคะ พี่โทรจองคอร์สพิเศษสุด” หญิงสาวควงแขนแฟนหนุ่มเดินไปที่รถที่จอดไม่ห่างกันนักเบนจมินทร์แย่งกุญแจรถคชามาขับเสียอายโดยเจ้าของรถล้าในหัวใจเกินกว่าจะโวยวายทำได้เพียงจำยอมขึ้นรถไป
ร้านอาหารของเพื่อนเซเรน่าเป็นร้านที่จัดแต่งสไตล์โมเดิร์นคลาสสิคเน้นสีธรรมชาติแบบเอิร์ธโทนทั้งร้านเป็นผนังปูนเปลือยประดับด้วยไม้เลื้อยเป็นเถาอยู่กำแพงหน้าร้าน ภายในร้านติดรูปภาพสวยในมุมแปลกตาส่วนใหญ่จะเป็นภาพสีจัดจ้านตัดกับสีผนัง ที่นั่งจัดมุมไม่สัดส่วนและเต็มทุกโต๊ะ หากแต่ไม่พลุกพล่านเนื่องจากร้านที่เสิร์ฟอาหารเป็นคอร์สจึงต้องมีการโทรจองล่วงหน้า
โต๊ะที่เซเร่น่าจองไว้อยู่มุมในสุดของร้านมีผนังปูนบางๆยื่นออกมากั้นจากตัวที่นั่งในร้านทั่วไปที่นั่งติดกับกระจกเห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นโซนที่เจ้าของร้านจัดไว้รองรับเพื่อนหรือครอบครัวและไม่เปิดให้ลูกค้าภายนอก ที่นั่งติดกับกระจกมองไปเห็นสวนของร้านที่ตกแต่งได้สบายตา
“นั่งเลยค่ะ วันนี้เราโชคดีมากเมนคอร์สมีแต่ของน่ากินทั้งนั้น เรน่าสั่งสเต๊กทูน่าบลูฟิน ของเต๋าเป็นมัตซึซากะสเต็ก เบน กับน้องคชาเอาอะไรดีคะ คอร์สหลักกับซุปเราเลือกเอง”
“เอามัสซึซากะสเต๊กเหมือนไอเต๋า ” เบนนั่งลงด้านนอกโดยมีคชานั่งชิดมุมกระจกตรงข้ามกับเต๋าเซเรน่านั่งมุมด้านนอกเพื่อจะได้ดูแลความสะดวกให้เพราะเธอคุ้นเคยกับร้านดี
“คชาละเอาอะไรดี” พี่ชายนั่งตรงข้ามเอ่ยถามพร้อมยิ้มให้
“ผมเอาเหมือนพี่เบนครับ ซุปเป็นครีมซุปหอยลาย ” ร่างบางตอบสั้นๆก่อนจะหันไปมองนอกหน้าตาทิ้งสายตาตัวเองจากใบหน้าพี่ชาย
อาหารทยอยมาเสิร์ฟทีละชุดตั้งแต่ซุปครีมที่เสิร์ฟมาในขนมปังกลมแบบฝรั่งเศส สลัดอกเป็ดรมควัน ของกินเล่นก่อนมื้อหลักเป็นกุ้งอบครีมซีสบราวน์ซอสในลูกมะเขือเทศที่อบจนนุ่มฉ่ำ เมนูนี้คชาขอผ่านเพราะไม่กินมะเขือเทศเบนจิมินทร์จึงรับไปจัดการเอง
“คชาทำไมกินน้อยจังไม่อร่อยเหรอ” พี่ชายถามน้ำเสียงห่วงใยดุจเคย
“เปล่าครับ คงไม่ค่อยหิวกินโค้กเยอะ อิ่มกลูโคส” คชาเงยหน้ายิ้มให้
“เอากุ้งตัวเองไป พี่รับผิดชอบมะเขือเทศให้แล้ว” เบนจิ้มกุ้งใส่จานวางเปล่าของคชาและยอกเย้าให้กิน
อาหารเมนหลักเสิร์ฟทุกคนในโต๊ะดูรื่นรมคุยกันสนุกสนานเพราะมีความหลังร่วมกันมา ความหลังในช่วงเวลาที่ไม่มีคชาด้านนอกฝนเริ่มตกลงเม็ดประปรายหยดน้ำเกาะพราวที่กระจกใส ทำให้แสงสีตรงหน้าพร่าเลือน คงไม่ต่างจากตัวเขาในตอนนี้ คชานึกขอบคุณเบนจมินทร์ที่ตามมาด้วยช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นมาก หากมีแค่เขามาลำพังมันคงแย่กว่านี้ เสต็กเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำกลับดูฝืดเฝื่อนในลำคอกว่าจะกลืนลงได้แต่ละคำ น้ำเสียงและบทสนทนาที่ฟังผ่านหูไม่ได้จับใจความอะไรได้เลย นอกจากความห่วงใย อ่อนหวาน หยอกเย้ากันของคู่รัก
เขายอมรับว่ากำลังอิจฉาผู้หญิงคนนี้มันเป็นความคิดที่น่าตกใจและน่ารังเกียจตัวเอง เมื่อสถานการณ์นี้ทำให้คชารู้ว่าหัวใจเขาไม่ได้รักพี่ชาย เพียงแค่พี่ชายอีกแล้ว กระบอกตาปวดร้าวไปหมดที่ต้องกลั้นฝืนความรู้สึกประทุขึ้นมาในอก อีกไม่นานตัวเขาคงระเบิดออกมา ถ้ามื้ออาหารนี้ไม่จบลงสักที
“เหนื่อยละสิน้องชา อย่าเพิ่งงอแงนะ เดี่ยวพี่พากลับบ้าน” เบนจมินทร์สังเกตใบหน้าหวานอยู่นานอย่างเข้าใจเขาจึงตัดบทเพื่อให้มื้อนี้จบลงจึงแกล้งเอ่ยแหย่ขึ้น
“เหนื่อยเหรอชา ถึงว่าเงียบเชียววันนี้ ไม่มีคนมาแกล้งพี่เลย” เต๋าหันมามองแล้วเอ่ยเย้า
“นั่นสิ วันนี้ก็เตะบอลแถมร้องเพลงทั้งวันเลย งั้นเดี๋ยวกลับกันเลยก็ได้ค่ะ” เซเรน่าหันไปเรียกพนักงานของร้านมาเคลียร์บิล
คชาขับรถกลับถึงบ้านด้วยความเคยชินเพราะสติและความรู้สึกตอนนี้มันด้านชาไปหมดกระบอกตาที่ร้อนผ่าวหากกลับไม่มีน้ำตาจะหยดเพราะสาเหตุแห่งการมีน้ำตาเป็นเรื่องที่เขาเองไม่อยากจะยอมรับ
..คิดถึงเธอในตอนเช้า คิดถึงเธอในตอนสาย.... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นริงโทนที่จำขึ้นใจคชาได้แต่หันมองแต่ไม่กดรับ เสียงโทรศัพท์ดังอยู่เนิ่นานจนตัดไปสามครั้ง ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาแทนในหน้าจอไลน์
“ถึงบ้านรึยังไม่รับสายพี่ เห็นข้อความแล้วตอบกลับด้วยนะ”
........เขากำลังหลงรักพี่ชาย รักเกินกว่าคำว่าพี่ มันไม่ควร ไม่ควรเกิดขึ้นเลย.....
ร่างบางโผเผมาทิ้งตัวลงบนเตียงสายตาเหลือบไปเห็นลูกฟุตบอลเก่าจนหนังนิ่มย้วยแม้จะดูแลรักษาดีแค่ไหนแต่กาลเวลาก็ทำให้มันเก่าลงอยู่ดีมือเรียวเอื้อมไปคว้าลูกบอลแห่งความหลังมากอดไว้ซบหน้าลงกับเนื้อหนังนิ่มราวกับปรารถนาการปลอบโยนจากมันหยดน้ำตาไหลรินราวทำนบทลายเมื่อได้อยู่ในที่ที่เป็นโลกของตัวเองอีกครั้ง
ลูกบอลหนังนิ่มที่เสื่อมลงตามการเวลาหากยังมีค่าเหลือเกินกับหัวใจเพราะมันเป็นเหมือนหนึ่งสิ่งตัวแทนความหลังที่งดงามที่เขาปรารถนาให้มันย้อนคืนกลับมาในวันที่หัวใจยังคงรักแค่พี่ชาย ได้รับความห่วงใยเอื้ออาทรแบบน้องเล็กพึงต้องการ ไม่ใช่ต้องการมากขึ้นมากขึ้นจนหัวใจปราถนาจะครอบครองในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้ แต่ใครเล่าเคยย้อนวันเวลาได้
คชาแน่ใจแล้วกับความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ซึ่งไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและเพราะอะไรหากรู้ดีว่าพี่ชายไม่ผิด ความปราณี เอื้ออาทรที่เคยมีให้ไม่ได้มีสิ่งใดเปลี่ยน คนที่ผิดคือตัวเขาเอง ตัวเขาเองที่เปลี่ยนไป
แค่หัวใจของคชาเท่านั้นที่ทำผิด!
To be con
Talk Wiz Me
ขอโทษจริงๆ ขอโทษที่สุดที่ทำให้รอนานมากๆมากๆ
หลังจากจบดาร์กเนสมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมายทั้งชีวิตจริง
และชีวิตติ่ง แรงบันดาลใจในการแต่งฟิคมันหดหายไปเยอะจริงๆค่ะ
กว่าจะเค้นตัวเองให้กลับมาก็ยากเหมือนกัน แต่สัญญานะคะ
ยังไงเราแต่งจนจบแน่นอนไม่ทิ้งคนอ่าน และกำลังใจที่มีให้เรา
ฝากน้องชา กับ พี่เต๋าด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้เรา และ น้องคชาด้วยนะคะ
จริงแต่งช๊อทฟิคไว้เรื่องนึง แต่มันเรทเกินกว่าจะเอามาลงในนี้
และเด็กดีมีกฎห้ามแปะลิ๊งค์ด้วยอีกอย่างเราก็อายที่จะลงมันเรทเกินกว่าฟิคที่เราแต่งมา
อาจจะเก็บไว้แถมในรวมเล่มเรท 25+ เลยทีเดียว ^^
เจอกันตอนหน้าสัญญาจะไม่ให้รอนานนะคะ
ความคิดเห็น