คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Kick oFF.......6th Match
“น้องชายังชอบเอาหน้าไปรับลูกบอลเหมือนเดิมเลยนะ”
คนที่พึ่งตื่นจากการอาการมึนงง เหมือนโดนทุบซ้ำด้วยไม้นวมหากแต่ก็ทำให้ชะงักไปได้ คชาเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ปลายเตียงอย่างพูดไม่ถูกดวงตาเบิกกว้าง ปากบางอ้าแล้วหุบ เพราะนึกคำที่จะพูดไม่ออก จากที่เคยคิดมาตลอดว่าถ้าได้เจอพี่จ๋าอีกครั้งเขาจะงอนจะต่อว่าที่ทิ้งน้องหายไปเลย ไม่ติดต่อกลับมาปรารถนาจะพุ่งตัวเข้ากอดพี่ชายด้วยความคิดถึง หากเอาเข้าจริงมันไม่เคยเป็นเช่นนั้นพี่ชายจำเขาไม่ได้และไม่มีท่าทีจะจำได้มาก่อนแต่มาวันนี้อยู่ๆชายคนนี้ก็พูดขึ้นมาเหมือนรู้มาตลอดแต่กลับเงียบเฉย
“ทำไมไม่พูดกับพี่” เต๋าเดินเข้ามาใกล้หยุดลงข้างเตียง
“ทำไมพี่เต๋าจำได้แต่ไม่บอก” ความน้อยใจพุ่งขึ้นมาเต็มอก
“ก็พี่ไม่แน่ใจ เรานั่นแหละทำไมไม่ทักพี่ ทั้งที่เรารู้อยู่”
“ก็พี่เต๋าลืมชาแล้ว”
“ก็เราหน้าเปลี่ยน ถ้าพี่ไม่รู้เรื่องชื่อจริงประวัติเราจากพี่ตี๋เราก็คงเงียบไม่คิดจะบอกพี่ใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยแบบตัดพ้อบ้าง
“อย่ามาทำเสียงแบบนี้ใส่ชานะพี่เต๋า ตัวเองลืมเขาเองแท้ๆ” คชาทำเม้มปากใส่
“ถ้าพี่ลืมแล้วนี่อะไร พี่จะเอาใส่ไว้ทำไม หรือน้องชาจำของตัวเองไม่ได้” นกหวีดสีเขียวใสที่ดูก็รู้ว่าได้รับการดูแลอย่างดีแต่ตัวสีก็ซีดลงตามกาลเวลาถูกดึงออกมาให้เห็น
คชาไม่พูดอะไรอีกพุ่งตัวเข้าหาร่างสูงใหญ่แล้วกอดไว้เต็มอ้อม วางใบหน้าลงบ่ากว้างหลับตาลงเมื่อแขนแกร่งกอดตอบและมือใหญ่ยกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มบนศีรษะทุยเหมือนครั้งยังเด็กที่ยามพี่ชายอารมณ์ดีก็มักจะใจดีและอ่อนโยนด้วยเสมอ มือใหญ่กว่าที่แม้จะมอมแมมมากจะลูบศีรษะกล่อมหรือปลอบน้องน้อยเสมอ
“น้องชาคิดถึงพี่จ๋า คิดถึงพี่จ๋า” ความโหยหาคิดถึงถาโถมจนลืมตัวไปว่าบัดนี้เขาไม่ใช่น้องน้อยอีกแล้วไม่ใช่เด็กตัวเล็กที่จะวิ่งตามวิ่งอ้อนพี่ชายดั่งเดิม กาลเวลาราวย้อนกลับ
“พี่ก็คิดถึงน้องชา ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อกลับไป” เต๋ากอดน้องชายตัวเล็กอย่างเอ็นดู คชาเปลี่ยนไปโตขึ้นหากผอมบาง ใบหน้ากลมป้อมกลับเรียวรีขึ้น หน้าติดจะหวานละมุน ต่างกับใบหน้าบ๊องแบ๊วน่ารักยามเด็กน้อย หากน้องชายตัวน้อยของเขาก็ซ้อนทับกับเด็กหนุ่มคนนี้ได้อย่างพอดี
คชาผละตัวออกมาจากบ่ากว้างอย่างขัดเขินเล็กน้อยใบหน้าเปรอะไปด้วยน้ำตา มือเล็กยกขึ้นมาเช็ดออกลวกๆก่อนจะรับทิชชู่จากคนเป็นพี่ที่ส่งให้มาเช็ดซ้ำใบหน้าหวานแดงกล่ำจากการร้องไห้และอาการเขินตัวเองที่ซุกหน้าลงร้องไห้กับบ่าพี่ชายเหมือนตัวเองเป็นเด็กๆเล็กๆก็ไม่ปานเขารู้ว่าเวลานี้มันไม่เหมาะสมที่จะทิ้งตัวลงแดดิ้นให้พี่ชายอุ้มปลอบได้อีกแล้ว
“เด็กอะไรขี้แย เหมือนเดิม” เต๋าแซวและโยกศีรษะทุยเบา
“อะไรเล่า ” คชาเบ้ปากใส่ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะดังลั่นจากคนเป็นพี่
“นอกจากหน้าตาแล้วน้องชาไม่เปลี่ยนไปเลย”
“ไม่เหมือนพี่เต๋าใช่ไหม ที่เปลี่ยนไปทุกอย่าง”
“พี่ไม่ได้เปลี่ยนหรอก พี่ก็ยังเป็นคนเดิม แต่มีชีวิตที่ดีกว่าเดิมมาก”
“นั่นสิ ทุกวันนี้พี่เต๋าก็มีทุกอย่าง ได้เป็นนักฟุตบอลสมใจ” คชายิ้มให้บางๆ
“แล้วคุณน้าเป็นยังไงบ้าง พี่อยากไปเยี่ยมจัง” เต๋าเอ่ยถาม คุณน้าคนสวยใจดี ที่มักหยิบยื่นขนมอร่อยๆคอยช่วยเหลือและเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของแม่เขา
“มาม๊าสบายดี ยังถามถึงพี่เต๋าด้วยนะ แต่ชาบอกไปว่าพี่เต๋าลืมชาแล้ว”
“ไม่ได้ลืมสักหน่อย เด็กอะไรขี้ฟ้อง” เต๋าเอานิ้วจิ้มหน้าผากมนเบาๆ
“ไม่ได้ฟ้อง ไม่ได้ฟ้องจ้า ชาพูดความจริง”
ภาพคนตัวเล็กยกมือขึ้นโบกส่ายไปมาแล้วปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา เจนตา น้องชายตัวน้อย ที่เคยเป็นทั้งเพื่อนเล่น ลูกไล่ เป็นลูกสมุน และเป็นน้องน้อยให้คอยดูแล กลั่นแกล้ง หากก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าความผูกพันที่มีไม่เคยลบเลือนไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนๆทำอะไรห้วงความคิดนึง ชีวิตวัยเยาว์ที่มีคชาเป็นส่วนนึงก็จะผ่านเข้ามาเสมอ
“หึ!! ไอตัวแสบ แล้ววันนี้กลับยังไงรถเข้าศูนย์ไม่ใช่เหรอ”
“เค้นท์ไม่อยู่ มาม๊าคงมารับ” คชาบอกเงยหน้าดูนาฬิกานิดนึง
“งั้นโทรบอกมาม๊าเดี๋ยวพี่ไปส่ง คุณน้าจะได้รู้ว่าพี่ไม่ได้ลืมอย่างที่เด็กแสบบางคนฟ้องไว้” เต๋าสะดุดกับชื่อเค้นท์อีกครั้งแต่มันไม่ใช่เรื่องของเขาถ้าคชาจะมีใคร ถ้าเป็นคนดีเขาก็จะดีใจกับน้องชายของเขาด้วย ชายหนุ่มเอามือขยี้หัวคชาอย่างหมั่นเขี้ยวเมื่ออีกคนมองค้อนก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรโดยดี
“มาม๊าบอกให้ชวนพี่เต๋าไปกินข้าวที่บ้าน” คชาหันมาถามมือยังไม่วางโทรศัพท์
“ไปสิวันนี้พี่ว่าง”
“มาม๊าบอกจะทำไข่ตุ๋นสูตรเด็ดให้กินด้วย” คชาเอ่ยอย่างร่าเริง
“จะร้องเพลงล้อพี่อีกเหรอ”
“เปล่าสักหน่อย”
“พี่ไม่เคยลืมนะ ไม่เคยลืมเลยจริงๆ” ประโยคสุดท้ายแม้แผ่วเบาราวเสียงกระซิบหากกลับซึมซาบลงไปในหัวใจคนฟังทุกคำ
เต๋าและคชาตัดสินใจว่ากลับตอนนี้ก็คงไม่เป็นไรเพราะยังไงงานก็ใกล้เลิก หน้าผากมนยังมีรอยช้ำน้อยๆและคอก็เคล็ดนิดๆทั้งคู่จึงเดินไปเก็บข้าวของในล๊อคเกอร์ คชาเดินไปบอกพี่กิตเออาร์ที่ดูแลเขาว่าขอตัวกลับส่วนเต๋าก็ไปบอกโคช้ศรัทธาไว้
บ้านสองชั้นหลังขนาดกลางอยู่นอกเมืองออกมาเล็กน้อยแต่การเดินทางสะดวกรถยนต์สีขาวคันใหญ่จอดที่หน้าประตูบ้านซึ่งเปิดไฟสว่างไปทั่วคชาเดินลงไปเปิดประตูบ้านและยืนรอก่อนจะเดินเคียงกันเข้าไปในตัวบ้านที่จัดตกแต่งเรียบง่ายแต่น่ารัก
กลิ่นกับข้าวลอยอบอวลออกมาจากในครัวร่างเล็กเดินนำชายหนุ่มเข้าไปยังส่วนที่จัดไว้เป็นครัวทันทีภายในครัวค่อนข้างกว้างและโปร่ง หญิงวัยกลางคนรูปร่างผอมเพรียวยืนหันหลังอยู่หน้าเตาซึ่งอีกด้านนึงของเต๋ามีหม้อแกงควันฉุยขึ้นอยู่ บนโต๊ะมีกับข้าวที่ทำเสร็จแล้วสองอย่าง
“แม่ฮะมาแล้ว” คชาเดินไปกอดเอวบางของแม่แล้วเอียงคอจุ๊บแก้มผู้เป็นแม่
“อื้อ ชาแม่ตัวเหม็นกับข้าว” ร่างผอมเอียงตัวออกจากลูกขาย ปิดแก๊สและหันไปทักทายแขกคนพิเศษ
ร่างสูงที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังยกมือไหว้อย่างนอบน้อมทันทีที่เธอหันไปชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มหล่อเหลาตรงหน้าราวกับจะเป็นภาพซ้อนทับของเด็กชายข้างบ้านตัวน้อยที่แก่นเซี้ยวและสุดจะซนหากแต่กลับมีมุมที่อ่อนโยนน่ารัก จนลูกชายเธอติดนักหนาความผูกพันวัยเยาว์กลับไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลาและดูเหมือนการพบกันครั้งนี้เงาร่างความทรงจำนั้นชัดเจนขึ้น
“โอ้โห นี่เต๋าจอมแสบของน้าจริงๆเหรอเนี่ย โตขึ้นหล่อยังกับพระเอกหนัง” มือเรียวเอื้อมไปจับมือใหญ่มาบีบกุมไว้ยิ้มให้อย่างยินดี
“โธ่คุณน้าครับไม่หรอกครับ”
“อยากจะถามอะไรเยอะแยะเลย แต่เดี๋ยวคุยกันยาวตอนกินข้าวดีกว่า”
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” เต๋าถามตามความเคยชินเมื่อตอนเด็กเขามักจะได้มาเป็นลูกมือในครัวบ้านนี้บ่อยๆบางครั้งก็บ้านตัวเองโดยมีคนตัวเล็กคอยวิ่งวนรอบๆเขาและหางานทำให้เป็นประโยชน์บ้าง แม่ของเขาและคชาสนิทกันมากชอบแลกเปลี่ยนการทำอาหารกันบ่อยๆน่าแปลกที่เขาคิดว่าจะประหม่าขัดเขินเมื่อเจอกันแต่กลับเป็นตรงข้ามความเป็นกันเองความอบอุ่นใจดีไม่ได้ต่างจากวันวาน รู้สึกคุ้นเคยเหมือนไม่เคยจากไปที่ไหนมาก่อน
“เต๋าเนี่ยน่ารักเสมอ ส่วนเจ้าแสบของน้ามีแต่ถามว่า มีอะไรให้ชากินไหม”
“แม่อะ ให้ชาทำครัวก็พังพอดี ”
“จ้าๆแม่เชื่อ ยังสงสารเค้นท์ไม่หายเลยนะที่ต้องกินอาหารฝีมือเราและต้องทำความสะอาดครัว”
“ก็แม่ไม่อยู่ทำไมละ เกิดเป็นเค้นท์ต้องอดทน ต้องดูแลชา ถูกแล้ว”
“อะไรลูกคนนี้ ไปไปพาพี่เต๋าไปนั่งเล่นในสวน มายืนเถียงกันโชว์พี่เขาอยู่ได้ เดี๋ยวตั้งโต๊ะเสร็จแล้วแม่จะเรียกนะ”
“ให้ผมช่วยจัดโต๊ะดีกว่าครับ”
“น้าทำคนเดียวคล่องตัวกว่า ไปเถอะจ๊ะไปนั่งเล่นกันก่อน ชาหาน้ำให้พี่สิ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่หิว สบายๆดีกว่า” เต๋าเอ่ยยิ้มๆหลังยืนมองแม่ลูกเถียงกันคชาเอ่ยถึงชื่อคนคนนี้บ่อยแต่เขาก็อดสะดุดหูไม่ได้ทุกครั้งแต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าไม่ควรเอ่ยถามเรื่องส่วนตัวมากเกินไปในเวลานี้
“โอเคจ้ะ น้าไม่คิดว่าเต๋าเป็นแขกหรอกนะ คนกันเอง” น้าหันมายิ้มให้คนที่ไม่ใช่แขกและผลักหลังลูกชายให้เดินออกไป
สวนเล็กๆหน้าบ้านมีหญ้าถูกปูไว้จนเต็มพื้นที่และมีไม้พุ่มดัดปลูกล้อมติดรั้วบ้านและไม้ดอกในกระถางเรียงกันเป็นจุดๆแสงสว่างจากระเบียงหน้าบ้านและไฟสีส้มสองจุดในสวนพอทำให้เห็นความน่ารักของสวนน้อยๆนี้ตุ๊กตาดินเผารูปโอ่งรูปช้างรวมถึงรูปเด็กชายสองคนเอียงคอยิ้มประดับทำให้สวนเล็กๆดูน่าเอ็นดูไม่น้อยกลิ่นหอมอ่อนๆของต้นมะลิลอยมาตามลมให้พอสดชื่นที่สะดุดตาคือชิงช้าไม้สีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่นั่งได้สองคนติดกันนั้นเป็นต้นไม้ไม่สูงนักแต่ก็สูงกว่าตัวชิงช้าขึ้นไปพอให้ร่มเงาได้เมื่อเพ่งพิศดีดีก็เห็นว่าเป็นต้นตะขบรอยยิ้มติดขึ้นบนใบหน้าคมอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนที่คนทั้งคู่จะนั่งลงบนชิงช้าข้างกัน
"ต้นตะขบ" มือขาวจัดเอื้อมไปเด็ดลูกสุกปลั่งคาต้นลงมาสี่ห้าลูก
"ใช่ เค้นท์ไปหามาให้ชาบ่นอยากกินลูกตะขบแล้วเค้นท์ไปเจอในสวนบ้านเพื่อนเลยไปขอเขามาปลุกตอนมาใหม่ๆยังไม่สูงเท่านี้เลยนะ"คชาเล่าเรื่อยแบมือรับลูกกลมนิ่มสีม่วงเข้มที่คนข้างตัวส่งให้
"มันไม่กัดใช่ไหม" เต๋าแกล้งพูดเรียกให้คนที่กำลังเอาเข้าปากชะงัก
"ล้อกันอยู่ได้"คชาหันไปเบ้ปากใส่คนเป็นพี่ก่อนจะเอาลูกตะขบเข้าปากดูดน้ำหวานๆจากลูกเล็กนั้นจนแก้มตอบโดยเต๋าก็ทำเหมือนกันและอาจจะเป็นครั้งแรกที่สองคนนึกถึงช่วงเวลาวัยเยาว์ที่เคยผ่านมาพร้อมกันในเรื่องราวเดียวกันความทรงจำที่อยู่ในหัวใจเสมอแม้จะไม่ได้ถูกนึกถึงบ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยจางหาย
สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าบนพื้นที่ด้านหลังของหมู่บ้านที่ยังไม่ได้มีการสร้างอะไรลานด้านหลังถางไว้โล่งเตียนมีหญ้าขึ้นประปรายและต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่ยังไม่ถูกตัดเป็นสถานที่เล่นของเด็กๆในหมู่บ้านจักรยานคันเก่งสภาพไม่ใหม่นักที่นั่งท้ายรถมีเด็กผู้ชายตัวน้อยนั่งอยู่มือป้อมเกาะเอวคนปั่นแน่นแม้แดดจะแรงจนใบหน้าใสขึ้นสีแดงไม่แพ้คนผิวขาวจัดที่ปั่นอยู่ซึ่งแดงเพราะแดดไม่แพ้กันแต่ลมเย็นๆที่พัดผ่านมาช่วยคลายความร้อนได้ส่วนนึงเด็กน้อยยิ้มให้กับทุกสิ่งรอบตัวอย่างตื่นเต้นเพราะไม่เคยได้ย่างกรายมาด้านหลังนี้เลยสักครั้ง
จักรยานคันเก่งสีแดงขับเข้าไปจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาแผ่กว้างเย็นสบายข้างกันมีต้นไม้ไม่ใหญ่มากนักมีใบเต็มอยู่สองสามต้นใต้ต้นมีลูกเล็กกลมๆหล่นกลิ้งเต็มไปหมดเด็กชายอีกสามคนกำลังเก็บลูกเล็กๆบนต้นไม้นั้น
"เฮ้ยไอเต๋า เอามาด้วยทำไมวะ"เด็กชายตัวสูงโย่งหน้าตาต่างจากคนอื่นด้วยเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษแต่ออกไปทางเชื้อชาติฝรั่งมากกว่าไทยอย่างชัดเจนเอ่ยขึ้น
"สงสารน้องมัน" เต๋าตอบปัดๆขณะจอดรถแต่ก็ยังใจดีจับรถไว้ให้คนตัวเล็กลงได้สะดวก
"เอาตัวถ่วงมาด้วยแบบนี้เล่นไม่สนุกกันพอดี"ด้วยนิสัยเด็กฝรั่งที่มักจะพูดตรงๆทำให้พูดโหล่งออกไปโดยใจจริงก็ไม่ได้คิดอะไร
"ไอพี่เบน ไอฝรั่งใจร้าย"คนถูกหาว่าเป็นตัวถ่วงแว๊ดใส่ทันทีก่อนจะสะบัดหน้าใส่และเดินงอนๆไปนั่งใต้ต้นไม้
"ไม่ได้ใจร้าย แต่ตรงนี้มันไม่เหมาะกับเด็ก" เบนโต้
"เดี๋ยวกูดูเอง พวกมึงไม่ต้องห่วง"เต๋าบอกขณะเดินมาเก็บลูกบางอย่างบนต้นไม้บางลูกต้องเอื้อมสุดแขนเมื่อได้แล้วก็ใช้เสื้อรองไว้
"ไอเบนมึงชอบแหย่เดี่ยวน้องมันร้องขึ้นมากูจะให้มึงโอ๋"พี่โปเต้ซึ่งกำลังแกะเปลือกเจ้าลูกเล็กๆที่คชาไม่รู้จักแล้วยกขึ้นส่องดูพูดบ้าง
"ใครไม่ดูแลเดี๋ยวพี่ดูเอง"เด็กผู้ชายหน้าดุตัวโตกว่าใครเอ่ยเมื่อห้อยตัวลงมาจากต้นไม้ยิ้มให้ คชาจึงยิ้มตอบพี่ตั้มหน้าดุแต่ใจดี ไม่ชอบแหย่แกล้งคชาเหมือนพี่เบน
เจ้าตัวน้อยนั่งขัดสมาธิมองพี่ชายตัวขาวที่กำลังง่วนอยู่กับการเลือกเก็บลูกกลมๆเล็กสีแดงบ้างชมพูบ้างส้มบ้างบางลูกก็เข้มจัดจนดำมาใส่ในเสื้อที่ยกขึ้นแทนภาชนะรองเขาเห็นพี่ๆคนอื่นก็เก็บแต่ทุกคนเก็บแล้วก็เอาใส่ปากไม่ได้เก็บใส่ไว้ในเสื้อเหมือนพี่จ๋าของเขา
"อ่ะ" พี่ชายเดินมานั่งขัดสมาธิลงตรงหน้าและเลือกลูกสีแดงเข้มจัดจนเกือบม่วงที่เก็บมาส่งให้สองสามลูก
"อะไรอะพี่จ๋า" คชารับมาเอานิ้วจิ้มๆพบว่ามันนิ่มๆสีเข้มน่ากลัวแล้วเงยหน้าถาม
"เขาเรียกตะขบ"
"มันจะกัดไหมอะ" คำถามซื่อนั้นเรียกรอยยิ้มขำของคนเป็นพี่
"ฮ่าๆ โอ้ยลูกตะขบกัดเกิดมาพึ่งเคยได้ยิน" หัวโจกหน้าฝรั่งหัวเราะลั่นออกมาทันที
"ก็มาม๊าบอกว่า ขบ แปลว่า กัด ลูกตะขบมันก็ต้องกัดสิไอพี่เบนบ้า"คชาแหวลั่นท่ามกลางเสียงหัวเราะ
"ไม่กัดหรอก อร่อยด้วยนี่กินแบบนี้"เต๋าหันมาตอบเลิกขำก่อนที่ตัวเล็กจะอาละวาดด้วยเสียงร้องไห้ถ้าเถียงแพ้เบน
เขาจึงยกลูกผลไม้นิ่มขึ้นดูดกินน้ำหวานโดยการกัดเปลือกให้แตกก่อนโดยมีอีกคนนั่งมองอย่างสนใจ
"มันไม่เน่าใช่ไหมพี่จ๋า" เด็กน้อยมองลูกนิ่มๆสีไม่สวยในมืออย่างลังเลใจ
"ไม่เน่าหรอก ลองกินดู"พี่ชายบอกและผลักมือเล็กให้ยกเข้าปากคชาทำหน้าลำบากใจแต่เมื่อมองพี่จ๋ายังกินเอากินเอาพี่เบนใจร้ายก็เก็บไม่เลิกพี่เต้แบ่งกันกินกับพี่ตั้มมันคงไม่กัดจริงๆนะแหละถ้ามันกัดคชาจะให้พี่จ๋าจัดการว่าแล้วเจ้าลูกตะขบสุกปลั่งสีเข้มในมือก็ถูกยกให้ฟันเล็กกัดจนเนื้อในปริออกก่อนจะดูดกลืนน้ำหวานที่ทะลักเข้าปากความหวานหอมสดชื่นของเจ้าผลไม้ชื่อแปลกถูกใจนัก
ไม่นานลูกตะขบจากเสื้อพี่จ๋าก็เป็นอันต้องย้ายมาอยู่บนเสื้อเขาแทนร่างเล็กนั่งกินลูกตะขบเล็กๆในมือที่พี่จ๋าเก็บมาให้นอกเหนือจากชอบในรสชาติหวานแล้วก็ยังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ไม่รู้จักมาก่อนจนยอมปล่อยให้พี่ชายปีนเก็บมะม่วงโดยไม่ตามไปกวนและความหวานก็เริ่มเหนียวคอขณะที่กำลังมองหาพี่ชายมือขาวมอมแมมที่ไปปืนป่ายต้นมะม่วงกับพี่เบนก็ยื่นกระติกน้ำสีเขียวสดของคชาที่วางไว้ติดในตะกร้ารถจักรยานจากมาม๊าส่งให้
"อ่ะหิวน้ำปะ" เสียงห้าวห้วนแต่ท่าทางเปิดน้ำส่งให้น้องนั้นกลับนุ่มนวล
คชารับน้ำในขวดมาดื่มอย่างดีใจก่อนจะส่งแบ่งให้พี่จ๋าได้ดื่มบ้างและคนอื่นๆก็พลอยได้รับอานิสงค์ไปด้วยร่างเล็กนั่งมองพี่ชายใจดีที่เป็นเพื่อนเล่น เป็นครูเป็นฮีโร่ด้วยสายตาเป็นประกายทั้งรักและชื่นชม
ความเอื้ออาทรที่ได้รับจากพี่ชายหาเคยมีใครเสมอเหมือนไม่!
"พี่เต๋าเป็นยังไงบ้างหลังจากย้ายบ้านไป"คชาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อนลูกตะขบที่เหลือถูกนำมาคลึงเล่นขณะเอ่ยถาม
"จะเริ่มเล่ายังไงดีละ ตอนครอบครัวพี่ต้องย้ายจากโคราชกลับกาฬสินชีวิตมันแย่กว่าเดิมมาก เรากลับบ้านเกิดพ่อเพื่อทำนาดูแลสวนต่อจากปู่กับย่าปีแรกที่ไปผลผลิตมันไม่ได้เลยเพราะแล้งจัดไม่มีน้ำใช้ โชคดีที่พี่ได้ทุนนักกีฬาเลยเรียนฟรีช่วยแบ่งเบาภาระพ่อกับแม่ไปได้ และจากนั้นก็ได้ทุนมาโดยตลอดจนพี่ได้เป็นนักกีฬาของจังหวัดเลยได้ทุนมาเรียนมหาลัยเอกชนราคามหาโหดอย่างที่ชารู้แต่มันไม่ง่ายหรอกนะ สังคมที่เด็กบ้านนอกอย่างพี่ต้องปรับตัวไหนจะเรียนรักษาเกรดเพื่อทุนกีฬาที่ห้ามตกเด็ดขาด ไม่ได้มีเงินใช้อย่างลูกคนรวยคนอื่นเขาช่วงแรก กดดันแทบบ้าตาย ห่วงพ่อแม่จะไม่มีคนช่วยงานด้วย แทบจะทิ้งทุนกลับบ้านนอก แต่แม่ก็ขอร้องพี่ไว้ให้พี่อดทนเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น จนพี่มีวันนี้ โชคดีนะที่พี่โตมาฟุตบอลในลีคบ้านเราได้รับการพัฒนาและนิยม พี่ถึงยึดมันเป็นอาชีพได้และถึงไม่ได้พี่ก็มีวิชาความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เป็นใบปริญญาที่พ่อแม่พี่ภูมิใจ"
คชารับฟังคนข้างกายอย่างตั้งใจเขาอยากจะรู้ๆทุกอย่างในช่วงที่ผ่านมา พี่ชายเติบโตมาลำบากกว่าเขามากนักในชีวิตต้องต่อสู้ดิ้นรนสำหรับคชาถึงจะเสียพ่อไปหากแต่เงินประกันและกิจการของพ่อก็ช่วยให้ครอบครัวเขาอยู่ได้อย่างสบายสิ่งลำบากสำหรับคชาคงเป็นแค่การตื่นเช้าไปเรียน หรือการอ่านหนังสือสอบให้ทัน ต่างกับพี่ชายมากนัก
“ตอนพี่เต๋าเริ่มแข่งยูลีคกว่าจะได้เป็นตัวจริงนานไหม” คชาถามต่อเมื่อเต๋าเงียบไป
“กว่าจะได้เป็นตัวจริงแทบต่อยปากกับกัปตันคนก่อน ฮ่าๆ นอกจากจะเป็นนักบอลแล้วพี่ยังเป็นนักมวยด้วยนะ อย่างที่ชารู้พี่เคยสับสนระหว่างบาสกับบอล”
“หรือมวยวัด” คชาพูดแทรกแล้วหัวเราะ
“มวยวัดคงไม่ต้องเรียนนะ มันต้องเป็นได้เองเด็กบ้านนอกก็ไม่ยอมให้ใครมารังแก พี่รักทั้งสองอย่างแต่เส้นทางสายฟุตบอลมันรุ่งโรจน์มากกว่าตอนพี่ไปคัดตัวก็ได้แต่ลงตัวสำรองไม่ค่อยได้ลงเป็นตัวจริง มีแต่คนดูถูกนักกีฬาทุนบ้านนอก จะสู้เด็กเมืองหลวงได้ แต่สุดท้ายโอกาสมันก็มาถึงพี่เมื่อตัวหลักในทีมเจ็บและเป็นตำแหน่งที่พี่ต้องได้ลง ที่สำคัญมันเป็นแมตต์ชิงแชมป์ พี่ทำสองประตูและส่งอีกหนึ่ง นับจากวันนั้นตำแหน่งตัวจริงก็เป็นของพี่มาตลอด จนได้มาอยู่เอเอฟยูไนเต็ดเพราะเขาซื้อตัวมาไม่งั้นพี่ต้องอยู่ใช่ทุนอีกหลายปีกว่าจะได้เป็นอิสระแบบนี้”
“แล้วชาละเป็นไงถึงได้มาประกวดจนเป็นนักร้องแบบนี้ได้ แต่พี่ไม่ตื่นเต้นนะ เพราะตอนเด็กชาก็เป็นนักร้อง” เต๋าพูดแล้วหยุดให้คนที่นั่งฟังตาแป๋วเอียงคอมองอย่างสงสัย
“ก็เป็นนักร้องไห้ไง พอโตมา กลายเป็นนักร้องเพลงไปได้”
“ไอพี่เต๋า” คชาขึ้นเสียงใส่เมื่อถูกล้อก่อนจะเอ่ยถามบางสิ่ง
“แล้วตอนนั้นพี่จ๋า คิดถึงน้องชาบ้างไหม” เสียงหวานทอดถามแผ่วเบาใบหน้าเรียวละมุนเหม่อมองไปที่อื่นเพื่อรอคอยคำตอบ
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงนั้นทำให้ชายหนุ่มชะงักตาคมทอดมองน้องน้อยของเขา ความรู้สึกผูกพันเอ็นดูท่วมท้นในหัวใจ ที่ผ่านมาบางช่วงเขาก็ยังนึกถึงใบหน้ากลมใสที่มักจะยิ้มแป้น หรือเสียงแหลมเล็กที่ร้องเรียกหา พี่จ๋า พี่จ๋า เสมอ แม้จะไม่ใช่ตลอดเวลา เมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้งเขาดีใจเหมือนได้เจอน้องชายที่จากกันไปนาน หากความรู้สึกอยากดูแลปกป้องเหมือนเดิมก็หวนกลับมาด้วย
“พี่คะ..คิด” มือใหญ่ที่ยกขึ้นจะดึงให้คนตัวเล็กหันมาชะงัก เมื่อเสียงเรียกดังมาจากในตัวบ้าน
“เด็กๆมากินข้าวได้แล้วจ้ะ” เสียงลอบถอนหายใจแผ่วเบาก่อนที่คชาจะลุกขึ้นก่อนและเดินนำชายหนุ่มเข้าไปในตัวบ้านตามเสียงเรียกของมารดา
จากวันนั้นคชาและเศรษฐพงศ์ก็ได้เจอกันบ่อยขึ้นเพราะต้องไปซ้อมคิวเตรียมสำหรับงานประจำปีของบริษัทที่โปรโมทขายบัตรไปแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่บัตรจะขายหมดภายในเวลา 1 ชั่วโมงเพราะทั้งนักร้องดาวรุ่งที่กำลังดังแฟนคลับมากมายและนักฟุตบอลหนุ่มรูปหล่ออนาคตไกลกับเหล่าศิลปินคนอื่นๆมีพลังมากพอจะดึงดูดแฟนคลับและแฟนบอล
แม้งานโปรโมทเพลงจะเหนื่อยเพราะต้องทำซิงเกิ้ลที่สองคู่กันไปด้วยและเตรียมคิวแสดงโชว์ในงานแทบจะกินพลังงานในตัวคชาทั้งหมดไปจนเกลี้ยงหากแต่เมื่อถึงเวลาไปซ้อมที่สนามเดอะเน็ทพลังเขากลับเพิ่มพูนขึ้นมากมาย ช่วงที่รถยังไม่เสร็จเมื่อเลิกซ้อมพี่ชายก็จะขับรถไปส่งที่บ้านทุกครั้งบางทีก็แวะกินข้าวเย็นด้วยกันเสมอ
วันนี้เป็นวันซ้อมวันสุดท้ายแล้วคชาขับรถมาจอดที่สนามข้างกับรถคันใหญ่ที่สีขาวคุ้นตา มือเรียวกดดับเครื่องยนต์ก่อนจะมองไปนอกหน้าต่างและเห็นร่างสูงขาวจัดในชุดฟุตบอลเต็มยศลงมาจากรถสปอร์ตคันหรูสีบอนซ์ทองกำลังโบกมือให้คนขับก่อนจะเดินเข้าสนามไปคชามองไม่เห็นคนในรถ ร่างเล็กก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้แล้วคว้าเป้ลงจากรถตัวเองบ้าง
“อ้าวน้องชา” เสียงห้าวทักมาจากข้างหลังเมื่อหันไปก็เห็นว่าเป็นร่างโย่งของเบนจมินทร์ อดีตคู่ปรับของเขา
“พี่เบน” คชายิ้มให้ไม่นานขายาวกว่าก็สาวเท้าเข้ามาจนเดินข้างกัน
เบนจมินทร์ตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าเขาคือเด็กตัวเล็กที่ชอบวิ่งตามเรียกพี่จ๋าและคอยก่อกวนอยู่กับกลุ่มของตัวเองในวัยเด็ก ชายหนุ่มลูกครึ่งบอกว่าเปลี่ยนไปจนจำไม่ได้ ความจริงแล้วคชารู้ว่าพี่เบนคงไม่ได้นึกถึงเด็กชายคนนั้นสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อพี่เต๋าย้ายไปคชาก็ไม่ได้ออกไปเล่นกับพวกพี่ๆคนอื่นเหมือนเคย เมื่อไม่มีพี่จ๋าใครเล่าจะคอยมาพาน้องไปด้วยให้ต้องคอยดูแลแม้มีบางครั้งที่พี่ตั้มผ่านมาแต่ก็ไม่นานก่อนคชาจะย้ายเข้ากรุงเทพ พี่เบนและพี่เต๋ามาเจอกันอีกทีตอนมหาลัยและด้วยความสนิทกันแต่เด็กก็กลับมาสนิทกันได้ไม่ยาก โดยเพื่อนวัยเด็กทุกคนก็ยังติดต่อกันอยู่ เพิ่มเพื่อนสนิทคนใหม่อย่างพี่น้ำแข็ง ตอนย้ายมาอยู่ทีมเอเอฟยูไนเต็ดด้วยกัน
“วันนี้ไม่ลงสนามเหรอ” เบนถามเมื่อเห็นว่าคนตัวบางอยู่ในชุดคอนเซ็ปเต็มยศใบหน้าหวานละมุนยังกรีดอายไลน์เนอร์เส้นคมขับให้ใบหน้าใสนั้นดูหวานซึ้งกว่าเดิมอีกหลายเท่าจนเขาอดมองซ้ำไม่ได้
“ไม่ต้องลงครับ วันนี้ชาต้องซ้อมบล็อกกิ้ง แต่อยากลงไปสะดุดหญ้าเล่นเลยเอาชุดมาเปลี่ยนด้วย”
“พี่สั่งตัดหญ้าไปแล้ววันนี้ไม่สะดุดหรอก” เบนเย้ายิ้มๆ มองร่างบางในชุดสีดำรัดแนบทุกสัดส่วน หากมองข้างหลังแทบจะไม่รู้เลยว่าเป็นผู้ชาย แต่ใบหน้าหวานใสก็ทำให้สับสันได้หากมองเพียงแว่บแรก
“ชามาแล้วเหรอ” เสียงห้าวทุ้มทักขึ้น ทำให้คนตัวเล็กเปิดยิ้มเต็มที่ส่งให้ทันทีก่อนจะซอยเท้าเข้าไปหาพี่ชายที่นั่งอยู่เก้าอี้พักสนามโดยลืมไปเลยว่าเดินเคียงมากับใคร
“มาแล้วแต่วันนี้ต้องซ้อมบล็อกกิ้งชาเลยยังไม่ได้เปลี่ยนชุด เสร็จงานก็มาเลย”
“ไปเปลี่ยนไหมจะได้สบายตัว” เต๋าถามขณะที่ขยับที่ให้ร่างเล็กนั่งลงข้างกันและรับกระเป๋าเป้มาวางไว้ให้ เงยหน้าโบกมือทักทายเพื่อนสนิทที่เดินมาข้างหลัง
“ไปเปลี่ยนดีกว่า” คชาลุกขึ้นไปรื้อค้นของในเป้และทำหน้ายุ่งเม้มปากแล้วยื่นออก
“เป็นอะไรทำปากเป็ดฮะ” เต๋าแกล้งเอามือไปป้ายปากยื่นๆอีกคน ทำให้หน้าเรียวขมวดคิ้วใส่ยิ่งกว่าเดิม
“แหวะเค็ม สกปรกจริงๆพี่เต๋านี่ อื้อ ” เต๋าหัวเราะและแกล้งโยกหัวทุยเบาๆ
“ตกลงเป็นอะไรฮะ”
“ชาลืมเอาผ้าเช็ดตัวมาอ้ะ อยากอาบน้ำหน่อยๆไหนๆก็เปลี่ยนชุดแล้ว” แน่ละห้องน้ำห้องแต่งตัวสนามกีฬาระดับนี้กว้างขวางสะดวกสบายร่างเล็กจึงอยากจะอาบน้ำก่อนเพราะมาก่อนเวลาเกือบสองชั่วโมง
“ใช้ของพี่ก่อนไหม” เบนที่นั่งเงียบมานานเอ่ยแทรกขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ ชาไม่อาบดีกว่า”
“เอาของพี่แล้วกันพี่ยังไม่ได้ใช้นะมีสองผืนแบ่งกัน” เต๋าเอ่ยขึ้นมา
“ชาใช้ของพี่เต๋าดีกว่ามีสองผืน ไปเอาให้หน่อย” คชาดึงแขนพี่ชายให้ลุกขึ้นแล้วแบกเป้ตัวเองเดินไปทางห้องน้ำ
เบนจมินทร์ได้แต่มองตามความสนิทสนมของพี่น้องคู่นี้ ที่ยังดูเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิมด้วยความรู้สึกในหัวใจที่บอกไม่ถูก ก่อนที่เขาจะปัดความรู้สึกแปลกๆพวกนั้นทิ้ง เดินไปวอร์มข้างสนามกับน้ำแข็งที่วอร์มอยู่ก่อนแล้วแทน
หลังจากซ้อมคิวเสร็จคชาก็ลงเตะบอลกับทีมงานและนักเตะของเอเอฟยูไนเต็ดที่ลงเตะเล่นๆกันแบบพอเรียกเหงื่อนักเตะส่วนใหญ่น่ารักสนุกสนานต่างกับภาพลักษณ์เวลาลงสนามที่จริงจัง ทุกคนใจดีกับนักร้องยอดหญ้าแบบเขาเป็นฉายาที่เหล่าๆพี่ตั้งให้เพราะตัวคชานั้นล้มคลุกสนามบ่อยครั้งจนได้ฉายานี้มา มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยคุยกันเลย คือศูนย์หน้าของทีม ที่คชาไม่รู้ไปเหยียบตาปลาเขาตอนไหน เวลาเจอกันก็ชอบเอาแต่มองคชาสายตาดุๆ แต่เขาเองก็ไม่สนใจ ทั้งสนามแค่พี่จ๋าใจดีกับเขาคนเดียวก็พอ
“ชาลุย” เสียงกองกลางตัวขาวเจ้าของฉายาอินทรีย์หิมะส่งสัญญาณเรียกและปล่อยบอลจากเท้ามาเข้าเท้าเขาพอดิบพอดีราวกับจับวางเรื่องฝีมือการเตะบอลของเต๋าเขาว่าแน่แล้ว ยิ่งเห็นเวลาชายหนุ่มตั้งใจส่งบอลให้แม่นยังกับวัดมาก่อน
“อย่าขวางนะพี่น้ำแข็ง อ๊าก” คชาวิ่งมาแต่โดนน้ำแข็งมาดักสกัด เขายังไม่ล้มมีสติพอจะส่งบอลคืนพี่จ๋าที่วิ่งประกบมา
“เฮ้ย ไอเต๋าเจอกู” น้ำแข็งเปลี่ยนทิศทางทันที ตอนแรกคิดว่าหวานหมูแล้วได้สกัดคชา แต่พอต้องเปลี่ยนไปแย่งลูกจากเท้ากัปตันทีมบ้าเลือดเขาต้องออกแรงเพิ่มขึ้นอีก
“พี่จ๋า พี่เต๋า” คชาวิ่งสปีดอ้อมหลังน้ำแข็งและเบนที่มัวแต่สกัดเต๋าไปยืนหน้าประตูที่ตอนนี้พี่ชะม้อยเฝ้าเสาร์อยู่โดยมีบอสตามมาสมทบ
“ยิงชา” เต๋าเลี้ยงลูกหลบเพื่อนมาได้ก็ส่งบอลเข้าเท้าคชาซึ่งรออยู่หน้าประตู โดยบอสวิ่งมาเตะหลอกทำให้ผู้รักษาประตูเสียทิศล้มลงไป คชาจึงได้จังหวะยิงเข้าไปเต็ม
“เย้ เย้ เย้ อ๊ากกกก ชา ยิงเข้า ชายิงได้” คนยิงได้ประตูแรกแถมตัวช่วยมหาศาลไม่สน กระโดดดึ๋งๆขึ้นลงด้วยความดีใจ ก่อนจะวิ่งแทคมือกับพี่ชายตัวขาวที่ยื่นมือรออยู่ก่อนแล้วกระโดดไปรอบๆด้วยความดีใจ
“น้องชาลูกแรก ทำดีใจ คราวหน้าพี่ไม่อ่อยแล้วนะ” น้ำแข็งเดินมาแกล้งหยอก คนดีใจไม่สนได้แต่ร้องว่า ชายิง ชายิง อย่างน่ารักไปทั่วสนาม เป็นที่น่าเอ็นดูในสายตาคนมองไม่น้อย
“คราวหน้าไม่พลาดแน่เตี้ย” เบนจมินทร์หันไปพูดกับบอส เพราะเจ็บใจที่ถูกนักร้องตัวเล็กหลอกจนหลุดการประกบทำให้บอสลงไปช่วยคชาได้ทัน มันเป็นเกมส์สนุกๆแต่ฝีเท้านักร้องตัวเล็กคนนี้ไม่เบาเลย
“หึ ก็เอาสิครับโย่ง” บอสเถียงอย่างไม่ยอม
“หึ”
“เหอะ”
“กวนประสาทฉันเหรอ”
“แล้วแต่จะคิด” พูดจบบอสก็เดินหันหลังออกจากสนาม ตามหลังคชาและเต๋าที่เดินนำอยู่ก่อน ไม่สนใจเบนจมินทร์อีก
คชาอาบน้ำเสร็จก็เก็บข้าวของรอพี่ชายที่นัดกันว่าจะไปกินข้าวที่สโมสรก่อนจะแยกกันกลับ ทีมงานคนอื่นกลับไปก่อนแล้วนอกเวลางานไม่มีใครมาสนใจอะไรกันอีก ยิ่งรู้ว่าคชากับกัปตันทีมคนใหม่สนิทกันอยู่แล้ว คนอื่นจึงไม่ห่วงอะไร ตี๋เองก็อยากตามมากินด้วยแต่เขามีนัดกับสาวๆแล้วจึงแยกตัวไปก่อน
“อารมณ์ดีนะเรา” เต๋าเดินพาดผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวเล็กนั่งหน้าผ่องสดชื่นเล่นโทรศัพท์รออยู่แล้ว
“วันนี้พี่เต๋าเลี้ยงนะ ฉลองประตูแรกของชา”
“ชาสิ ต้องเลี้ยงพี่ เพราะพี่ส่งลูกนี้ให้นะชาถึงยิงได้” เต๋าบอกและขำเมื่อคนตัวเล็กทำหน้ายุ่ง
“แต่ชาเป็นคนยิงได้นะ ถึงบอลจะมาจากพี่เต๋าก็เถอะ ไม่รู้ละเลี้ยงเลยนะ” คชามัดมือชกอย่างไม่สนใจ
“ก็ได้ กินน้อยๆละ พี่จน”
“เอาน่าชากินไม่ให้พี่เต๋าต้องขายบ้านเลี้ยงหรอก แค่ขายรถก็พอ” ร่างเล็กแหย่กลับอย่างอารมณ์ดี คชาร่าเริงสดใสยามอยู่ใกล้เต๋าและดูเป็นน้องน้อยตัวเล็กน่าเอ็นดูที่มีแววตาเป็นประกายชื่นชมศรัทธาในอินทรีหิมะ อย่างที่ไม่เป็นกับใครอื่นทั้งนั้น ความช่างพูดช่างแหย่ดูจะมีให้กับเต๋าคนเดียว กับคนอื่นเพียงแต่สุภาพเย้าแหย่บ้างแต่ไม่ถึงต่อปากต่อคำเหมือนเวลาอยู่กับพี่ชายคนนี้
“ต่อไปคงต้องเดินมาซ้อมแล้วละ”
RrrrrrrrrrrrrrrRrrrrrrrrr เสียงโทรศัพท์ของเต๋าที่อยู่ในล๊อคเกอร์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของคนในห้องแต่งตัวขึ้นมา
....เซเรน่า.....
“ครับ” เต๋ากดรับสายเสียงอ่อนโยน
“ซ้อมเสร็จรึยังคะ” เสียงหวานถามมาตามสาย และมันดังทะลุจากโทรศัพท์ให้คนใกล้ๆพอได้ยิน
“ซ้อมเสร็จแล้วครับ”
“วันนี้เรน่าว่างงานยกเลิกกะทันหัน มาดินเนอร์กันนะคะที่คอนโด เรน่าสั่งของที่คุณชอบไว้ด้วย”
“เต๋ามีนัดกินข้าวกับเพื่อนแล้วนะครับ ไว้พรุ่งนี้ได้ไหม”
“ไม่เอาอะ เรน่าสั่งอาหารมาแล้วนะคะ เราไม่ได้ดินเนอร์กันนานแล้วนะ นะคะ นะคะ” แฟนสาวอ้อนมาตามสาย ชายหนุ่มเหลือบตามองร่างบางที่นั่งกอดกระเป๋าแววตาลุแก่โทษ
“โอเคก็ได้ครับ งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ” เต๋าไม่เคยทนการอ้อนของคนรักได้นานสุดท้ายเขาก็ใจอ่อน
ร่างสูงกดวางสายและหันมามองคนที่นั่งรออยู่อย่างอึดอัดใจนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็เอ่ยปากบอก
“ชามื้อนี้พี่ติดไว้ก่อนได้ไหม” ชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนตรงข้างเก้าอี้
“ไม่เป็นไรครับ พี่เต๋าไปเถอะ” คชาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ หากลึกลงไปในแววตาประกายสุกสายมันหม่นวูบลงแต่แค่แป๊บเดียวคนที่ยืนอยู่ไม่ทันสังเกตเห็น
“น้องชาไปกับพวกพี่ก็ได้” เบนเดินเข้ามาชวนพร้อมน้ำแข็งที่ตามมาสมทบ
“ไม่ดีกว่าครับ ชากับไปกินข้าวกับมาม๊าดีกว่า ขอบคุณนะครับพี่เบน พี่น้ำแข็ง” คชายิ้มให้
“พี่ไปส่งที่รถนะ” เต๋าบอกและดันหลังร่างบางที่หันไปเอ่ยลาคนอื่นให้เดินนำออกไป
ท้องฟ้ามืดสนิทแสงไฟสปอร์ตไลท์ฉายเป็นดวงๆเท่านั้นสาดส่องให้เห็นทางคชานึกขอบคุณความมืดที่ทำให้เขาซ่อนแววตาน้อยใจไม่ให้พี่ชายเห็น เขารู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์จะลงไปดิ้นโยเยเหมือนเดิมว่าให้พี่ตามใจ ต้องยอมรับว่าเวลานี้แม้ความเอื้ออาทรยังเหมือนเดิมความใจดียังแจ่มชัด หากไม่มีอะไรเหมือนเดิมทั้งหมด เวลาเปลี่ยนชีวิตคนก็เปลี่ยน พี่เต๋ามีคนที่ต้องดูแลและเขาต้องยอมรับมัน
“ขอโทษทีนะ มื้อหน้าสัญญาจะขายบ้านเลี้ยง” เต๋าเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถมินิสีน้ำเงินลายขาว
“จะถล่มให้หมดตัวเลยคอยดู” คชายิ้มลาคนเดินมาส่งก่อนสตาร์ทเครื่องรถและหันมาโบกมือให้อย่างร่าเริง
เมื่อรถแล่นพ้นมาตาคู่สวยเหลือบมองกระจกหลังร่างสูงเดินกลับไปขึ้นรถ ดวงตาร่าเริงเมื่อครู่ก็แปรเป็นเรียบนิ่งอีกครั้งรอยยิ้มที่ริมฝีปากลางเลือนลง อยากเหลือเกินที่จะกลับไปแล้วร้องบอกพี่ชายว่า อย่าไป พี่เต๋าต้องอยู่กับน้องชา อย่าทิ้งน้องหากรู้ดีแก่หัวใจตัวเองว่าทำไม่ได้ เขาไม่อาจยึดพี่ชายให้เป็นของเขาเหมือนครั้งวัยเด็กได้อีกแล้ว!!
To Be con
Talk wiz Me
มาลงแล้วนะคะ ไม่หายไปนานเท่าไหร่เนอะตอนนี้
ขอบคุณสำำหรับคอมเม้นท์ทั้งทางนี้และทางทวิตเตอร์
ยอดไลค์ยอมดวิว ขอบคุณที่ชอบคิก ออฟ จากนี้ฝากเอาใจช่วยน้องชา กับพี่จ๋าด้วยนะคะ
ขอหายตัวไป
ลุยกับดาร์กเนสก่อนนะคะุ่้ถ้าเสร็จโปรเจคแล้วจะรีบกลับมา ไม่สามารถแต่งคู่กันไปได้
เพราะเนื้อเรื่องต่างกัน ราวดิน กับ ใต้ดิน และนักเขียนทุกคนจัดเต็ม ทุกฉาก ทุกซีน
ฝาก Darkness ไว้ด้วยนะคะ
รักคนอ่าน
Rosana Keane
ความคิดเห็น