คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Kick OFF..... 1st Match
เสียงโห่ร้องกึกก้องไปทั่วทั้งสนามหญ้ากว้างขนาดมาตรฐาน The Nest ที่รายล้อมด้วย อัฒจันทร์ ที่มีผู้คนแน่นขนัดตาสีแดงของเสื้อที่บรรดากองเชียร์ใส่เข้ามาร่วมเชียร์ทีมโปรดแดงเข้มจัดตัดกับสีเขียวเข้มของพื้นหญ้าตรงหน้าเหนือไปบนสุดของอัฒจันทร์ด้านนึงประดับด้วยธงสีแดงที่มีสัญลักษณ์ของทีมเจ้าบ้านธงที่เรียงรายอยู่โบกสะบัดรับกัน ราวกับปีกของนกอินทรีย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทีม กำลังสยายปีกกว้างเพื่อโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
“มาถึงแล้วนะครับวันนี้ที่แฟนบอลรอคอย นัดแรกของการเปิดฤดูกาลใหม่ ของทีมที่ได้รองแชมป์เมื่อปีที่แล้วด้วยสถิติใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะแพ้เพียงลูกได้เสีย ไปหนึ่งลูก ในขณะที่คะแนนเท่ากัน”
“และในปีนี้ เอ เอฟ ยูไนเต็ด ได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างที่ทุกคนรู้กันดี เมื่อ บอย พิษณุ กัปตันทีมคนเก่าได้ปลดเกษียณตัวเองจากการเล่นมายาวนาน และได้มอบปลอกแขนกัปตันทีมคนใหม่ให้กับ เศรษฐพงศ์ เพียงพอ นักเตะอนาคตไกล ฝีเท้าเยี่ยม ซึ่งติดทีมชาติเยาวชนอายุไม่เกิน 19ปี ตั้งแต่อายุเพียง16 ปี และพาทีมมหาลัยได้ที่หนึ่งในยูลีคติดต่อกันสี่ปีซ้อน”
“เรียกได้ว่าแม้อายุจะยังน้อยแต่ฝีเท้าไม่เป็นสองรองใครและได้รับการยอมรับ จนสามารถก้าวขึ้นมาทำลายสถิติอีกครั้ง คือการเป็นกัปตันทีมในลีคอาชีพด้วยอายุที่น้อยที่สุดในประวัตศาสตร์ เพียง 24 ปี กับตำแหน่งมิดฟิลล์ตัวรุกที่มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน แข็งแกร่ง การตัดบอลที่เฉียบขาด และ การวางบอลที่แม่นยำราวจับวาง จนได้ฉายาว่า “ อินทรีย์หิมะ” เพราะผิวที่ขาวจัดกับใบหน้าคมคายรวมไปถึงสไตล์การเล่นที่ ราวกับพญาอินทรีย์ของเขา”
เฮ !!! เฮ!!!
เสียงโห่ เฮ ของบรรดาแฟนบอล ทั้งหนุ่มๆและสาวน้อยสาวใหญ่ที่เป็นสาวกของกัปตันทีมคนใหม่ดังกระหึ่มไปทั่วสนามขนาดใหญ่ ทั้งเสียงกลอง เสียงเป่าแตร ด้วยความปลาบปลื้มเมื่อโฆษกได้เอ่ยถึงคุณสมบัติของผู้นำคนใหม่ของทีม
เอาละครับขณะนี้ได้เวลาแล้ว ทีมแรกที่เดินออกมาจากอุโมงค์เป็นทีมเจ้าบ้านของเรานี่เอง นำทีมโดยกัปตันทีมสุดหล่อสุดฮอต เศรษฐพงศ์ เพียงพอ ในชุดแข่งประจำทีมที่แขนซ้ายสวมด้วยปลอกแขนกัปตันทีมสีขาว เดินนำหน้าลูกทีมออกมาแล้วครับ
สิ้นเสียงโฆษกประกาศเสียงโห่ร้องกึกก้องดังขึ้นทั้งเสียงโห่เชียร์และเสียงกรีดร้องของเหล่ากองเชียร์ชายหญิง
พร้อมเสียงกลองตีเป็นจังหวะ และมาร์ชเชียร์ประจำทีมที่ดังประสานกันเป็นจังหวะกึกก้องข่มขวัญผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี
We're flying We're flying จงโบยบินอัศวินวิหคกล้า
ดั่งพญาอินทรีย์ผู้ผยอง คนเลี้ยงนกโบกธงศึกคึกคะนอง
แหงนหน้ามองเหล่าปักษาล่าตะวัน
Here we go Af united ความสำเร็จก่อเกิดปาฏิหาริย์
เทวดาแห่งโชคชัยให้รางวัล รอวิหคหวนคืนรังฉลองชัย
“ บางกอกกล๊าซทีมผู้มาเยือนก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน กำลังเดินออกมาที่สนามนำทีมโดยกัปตันทีม ศุภชัย คมศิลป์ ในชุดแข่งสีเขียวขาว ขนดาราตัวเก่งมาครบทีม ทั้ง ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย ศูนย์หน้าชื่อดังซึ่งประกาศกับสื่อก่อนลงแข่งว่าวันนี้จะเก็บกลับบ้านสองเม็ดเป็นอย่างต่ำ ท่าทางมาดมั่นของทีม เจ้ากระต่าย ไม่ได้เกรงกลัวศักดิ์ศรีของทีมเจ้าบ้านอย่างพญาอินทรีย์แม้แต่น้อย นับว่าเป็น แมทต์เปิดฤดูกาล ที่ฟูลทีมจริงๆครับ ขณะนี้ทั้งสองทีม เดินลงไปในสนามเรียบร้อยแล้วนะครับ”
“เวลาที่ทุกคนรอคอยกำลังจะมาถึงการเปิดศึกนัดแรกของฤดูกาลระหว่างทีมเจ้าบ้านอินทรีย์ผยอง กับทีมเยือนอย่าง เดอะ แร๊บบิท ทีมใดจะสามารถคว้าสามแต้มแรกได้ก่อน เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง อีกไม่ถึงสามนาทีเราจะได้รู้กันแล้วนะครับว่า กระต่ายจะเป็นฝ่ายมีชัยเหนือพญาอินทรีย์ได้หรือไม่”
“ก่อนลงสนาม โค๊ชศรัทธา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการเล่นวันนี้ว่า จะเล่นแบบ 4-4-2 โดยกัปตันทีมซึ่งเล่นตำแหน่งมิลล์ฟิลตัวรุกสามารถเติมเกมส์บุกขึ้นไปได้ตลอด และเอเอฟยูไนเต็ดก็ยังมีศูนย์หน้าตัวเก่งซึ่งมีจุดเด่นคือความเร็ว อย่าง ต้น ณัฐวัตร ดีวงกิจ เจ้าของฉายา อินทรีย์ถลาลม ”
ชายหนุ่มร่างสูงผู้มีผิวขาวเจิดจ้าราวกับหิมะยืนโดดเด่นเป็นสง่าอยู่หัวแถว ในฐานะกัปตัน รูปร่างกำยำสมส่วนนักกีฬาในชุดแข่งสีแดงเลือดนกที่ขับให้ผิวขาวนั้นเจิดจ้า สมฉายาอินทรีย์หิมะใบหน้าหล่อเหลาคมคายด้วยจมูกใหญ่แต่โด่งได้รูป ริมฝีปากหนาหยักและที่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้านั้น คือดวงตา คมกล้า ราวกับตาของพญาอินทรีย์
ร่างเล็กบางเดินตามหลังรุ่นพี่เข้ามาในสนามกีฬาของบริษัท อคาเดมี แฟนตาเซีย ที่เขาสังกัดอยู่เสียงโห่เชียร์ดังกึกก้องจนอดประหลาดใจไม่ได้ ว่าฟุตบอลลีคอาชีพของไทยจะมีกองเชียร์แน่นหนาไม่ต่างจากลีคดังๆของยุโรป
อัฒจันทร์ทั้งสองฟากแน่นขนัดไปด้วยผู้คนในชุดตามสีของทีมรักที่ตนเองเชียร์
“เป็นไงคชา พี่บอกแล้วว่าไม่ผิดหวัง ทีมของบริษัทเราดังและโดดเด่นมากนะในไทยลีค” ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เดินนำหน้าหันมาบอกและเอ่ยยิ้มให้กับนักร้องปั้นคนใหม่ของบริษัท
“นึกว่าอยู่ แสตมป์ฟอร์ดบริจด์เลยนะพี่” ร่างเล็กเอ่ยตอบขณะที่ตาคู่สวยก็มองบรรยากาศรอบสนามเป็นประกายระริกอย่างตื่นเต้น
สีเขียวขาวของทีมเยือนและสีแดงเลือดนกของทีมเหย้า ตัดกันโดดเด่น ขณะที่เขาเดินเข้ามาในสนามเป็นเวลาที่เกมส์เริ่มเล่นไปแล้ว เกือบสิบห้านาที คชา นนทนันท์ เข้ามาเป็นนักร้องใหม่ในสังกัดของบริษัท ทรู อคาเดมี่ แฟนตาเชียร์ ด้วยการชนะการประกวดและได้ตำแหน่งขวัญใจเอฟซีพ่วงมาเป็นของแถม เขารู้ว่าบริษัทมีกิจการมากมายรวมถึงทีมฟุตบอลแต่ด้วยความยุ่งกับการทำเพลงและเดินสายโปรโมท จึงยังไม่เคยมีโอกาสได้เข้ามาดูอย่างจริงจัง
จนวันนี้พี่ตี๋ นักร้องหนุ่มรุ่นพี่ที่สนิทกันเอ่ยปากชวน เมื่อถ่ายสปอทสั้นๆการโปรโมทเสร็จเร็วพร้อมบัตรวีไอพี ติดขอบสนามของศิลปินในค่าย จริงๆแล้วคชาไม่ได้สนใจนัก เพราะคิดว่าคงเป็นการแข่งขันธรรมดาๆ แต่เมื่อรุ่นพี่หนุ่มคะยั้นคะยอและคุยเล่าถึงความเก่งความยิ่งใหญ่ของบอลลีคอาชีพของไทยที่ก้าวไปไกลกว่าเดิม บวกกับชอบกีฬานี้ไปทุนเดิมเขาจึงยอมตามมา
“ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละไอน้อง นี่คือ เดอะเนสท์ รังนก ของเหล่าอินทรีย์ผยอง เอเอฟยูไนเต็ด” ตี๋พูดอย่างภูมิใจในทีมของบริษัท ใบหน้าหล่อนั้นยิ้มอย่างยินดี
“ครับๆ รักสถาบันจริงพี่”
“มันคือสายเลือดเว้ย เลือดเอเอฟ แกก็ด้วยคอยดูเถอะ จบแมทต์นี้ขี้คร้านจะขอบัตรทุกนัด”
“ขนาดนั้นเลยเหรอพี่ ” ร่างเล็กยิ้มขำกับท่าทีโอเวอร์แอคของรุ่นพี่ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้หมายเลขยี่สิบสามบนแถวที่สามข้างกัน ซึ่งในตำแหน่งนี้ทำให้มองเห็นวิวในสนามได้เป็นมุมกว้างอย่างชัดเจน
เสียงพูดคุยระหว่างสองหนุ่มเงียบลง เมื่อเริ่มตั้งสมาธิกับการดูเกมส์ ขณะที่เสียงกองเชียร์ฝั่งอินทรีย์ผยองโห่ดังขึ้นเกินปกติ สายตาทุกคู่ของกองเชียร์ในสนาม จับจ้องไปยังจุดเดียวกัน เมื่อร่างสูงขาวโดดเด่น กำลังพาบอลบุกขึ้นไปในแดนของฝ่ายตรงข้าม
“ขณะนี้ อินทรีย์หิมะ ครองบอลขึ้นไปในแดนฝ่ายตรงข้ามโดยสามารถสลัดหลุดจาก ศุภชัย คมศิลป์ กองหลังกัปตันทีมบางกอกกล๊าสขึ้นมา ขณะนี้เศรษฐพงศ์ มีทางเลือกสองทาง คือส่งบอลให้กับ ต้น ณัฐวัตร ศูนย์หน้าของทีมที่วิ่งทำทางไปแล้ว หรือ จะยิงประตูเอง ซึ่งในมุมนี้หากยิงต้องยิงเข้ามุมเสาสองเท่านั้น ”
เสียงกองเชียร์ในสนามเงียบลงพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ คชารู้สึกว่าแม้แต่เสียงลมหายใจก็หายไปราวกับทุกสิ่งหยุดนิ่งยกเว้นเกมส์ในสนามซึ่งด่านสุดท้าย ระหว่างกัปตันทีมอินทรีย์ผยองและผู้รักษาประตูเดอะ แร๊บบิทเท่านั้น
“อินทรีย์หิมะ เงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางของศูนย์หน้าตัวเก่งของทีม ขณะที่กำลังจะง้างเท้าส่งบอล กองหลังฝ่ายตรงข้ามก็วิ่งเข้ามาบังทางไว้ ทำให้เขาต้องเปลี่ยนไปใช้เท้าซ้ายที่ไม่ถนัด เพื่อเก็บบอลไว้กับตัวอีกครั้ง”
เสียงกรีดด ร้องและโห่เชียร์ ราวกับ สนามและอัฒจันทร์จะถล่มลงมาด้วยความลุ้น จนคนครึ่งค่อนสนามลุกยืนกำมือแน่น กับเกมส์ในสนามที่กำลังดุดันราวกับดูดวิญญาณ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยครับ อินทรีย์หิมะ เปลี่ยนเท้าในการควบคุมบอลกะทันหันเมื่อไม่สามารถส่งบอลได้ก่อนจะตัดสินใจ ง้างเท้ายิงประตูด้วยตัวเอง เสียบมุมเสาไปอย่างสวยงามด้วยความแรงและเร็ว แม้ผู้รักษาประตูจะพุ่งถูกทางก็ไม่สามรถ ป้องกันประตูไว้ได้”
“ลูกแรกของแมทต์นี้เป็นของ อินทรีย์ผยอง โดย เศรษฐพงศ์ เพียงพอที่หลุดเดี่ยวไปยิงเสียบมุมเสาสองอย่างสวยงาม ทำให้เอเอฟยูไนเต็ด ขึ้นนำไป 1-0 ในนาทีที่ 33”
เสียงเฮ ดังลั่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม จนร่างเล็กสะดุ้ง เสียงกลอง เสียงแตร เป่ากันสนั่นหวั่นไหว ร่างสูงสง่าของกัปตันทีมผู้ทำประตู กางแขนออก ก่อนจะวิ่งถลาเข้ามาที่ด้านข้างของอัฒจันทร์ ฝั่งกองเชียร์ของตัวเอง ฝูงชนลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจกับทีมรัก ก่อนเสียงเพลงมาร์ชดังลั่นขึ้นทั้งสนามจนเขาขนลุก
นักเตะผิวขาวตาคม น่าชมเสียนี่กระไร
ลีลาเขาช่างถึงใจ บุกขึ้นไปในแดนศรัตรู
อินทรีย์หิมะรูปหล่อ ทีมไหนพ่อใครไม่รู้
ระวังอย่าให้เห็นรู!! ฮิ๊ว !! ระวังอย่าให้เห็นรู!!
เต๋าจะยิงประตูทันที!! เต๋าจะยิงประตูทันที !!
เสียงมาร์ชเชียร์ประจำตัวกัปตันทีม ทำเอาคชาอดไม่ได้จะยิ้มขำจนถึงกับหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินชัดๆในรอบที่สอง แต่สิ่งที่ทำให้ร่างเล็กตาโตไปกว่านั้น คือการที่ผู้คนฝั่ง เอเอฟ ยูไนเต็ด ต่างลุกขึ้นแล้ว เซิ้ง ไปซ้าย ขวา อย่างเมา มันส์ และพร้อมเพรียง
รวมไปถึง………….
ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ เขาด้วย……………………………
“เฮ้ย ชาลุกๆๆ” ตี๋สะกิดเรียกรุ่นน้องยิกๆ ขณะที่ตัวเองก็ลุกขึ้นเ.ซิ้งสุดมันส์ตามกองเชียร์และแหกปากโห่ลั่น
“มาแล้วครับเพลงมาร์ชประจำตัว ของกัปตันทีมสุดหล่อ พร้อมท่าเซิ้งที่แฟนๆทำตามกันทั้งอัฒจันทร์ พ่ออินทรีย์หิมะของเราก็ไม่น้อยหน้า วิ่งมาถลามาตรงหน้ากองเชียร์ของเขาก่อนจะเซิ้งไปซ้ายขวา อย่างหมดมาด และที่ขาดไม่ได้ทุกครั้งของการทำประตู คือ การเป่านกหวีด ที่อินทรีย์หิมะ เคยให้สัมภาษณ์ว่า นกหวีดพลาสติก สีเขียวสะท้อนแสงนี้ คือ เครื่องรางของเทวดาประจำตัวเขา”
ปี๊ด! ปี๊ด! ปี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!
เสียงอื้ออึงรอบตัวหายไปราวกับเนรมิตร ร่างเล็กมองลงไปยังชายหนุ่มผู้ทำประตูที่กำลังยืนเป่านกหวีดที่แขวนไว้ที่คอพร้อมเซิ้งไปกับกองเชียร์ของเขา ตาคู่สวยเอ่ยคลอไปด้วยน้ำตาอย่างไม่อาจห้ามได้ หัวใจกระตุกหยุดนิ่งก่อนจะเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอก
ผู้ชายคนนั้นคุ้นตาและหัวใจอย่างประหลาด หากนกหวีดในมือขาวนั้น คือสิ่งที่เขาไม่เคยลืม เวลาในวัยเยาว์ราวกับหมุนกลับมาช้าๆ ใบหน้าเรียวไม่สามารถละสายตาจากภาพตรงหน้าได้ ยิ่งมองหัวใจก็ยิ่งโหยหา ปรารถนาจะวิ่งลง
จากอัฒจันทร์เพื่อไปหาชายหนุ่มคนนั้น
----
----------------------------
เด็กชายตัวน้อยนั่งพับขาอยู่กับพื้นไม้ของศาลาริมน้ำ ตรงข้ามมีเด็กผู้ชายตัวโตกว่าผิวขาวจัดนั่งจับไหล่บางที่กำลังสะอื้นฮักไว้อย่างปลอบโยน
“คิดถึงน้องชาเมื่อไหร่ พี่เต๋าต้องเป่านกหวีดอันนี้นะ” มือเล็กๆสั่นเทายื่นนกหวีดพลาสติกสีเขียวให้พี่ชาย
มือใหญ่กว่ายื่นมารับไว้ในมือ ก่อนจะยกนิ้วปาดเช็ดน้ำตาจากใบหน้าใสอย่างอ่อนโยน
“พี่เต๋าจะเป็นอัศวินประจำตัว น้องชา ตลอดไป ฮือ” มือเล็กจับมือใหญ่แล้วยกไว้แนบแก้มที่เปรอะไปด้วยน้ำตา
“น้องชาจะเป็น เทวดา แห่งชัยชนะของพี่คนเดียว” เสียงทุ้มของพี่ชายอ่อนโยนเหลือแสนยามเอ่ยกับน้องตัวน้อย แม้ใบหน้าคมนั้นจะไม่มีน้ำตาหากก็แดงกล่ำราวกับสะกดกลั้นไว้อย่างเต็มที่
“พี่เต๋าต้องสัญญานะ ว่าจะไม่มีเทวดาคนใหม่”
“พี่สัญญา”
ฝากฟิคเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ลงตอนที่ 1 ให้อ่านกันไปก่อน
วันนี้ได้โอกาส มีไอโฟนมาแจกไวไฟ (แลดูยัยไร้ท์น่าสมเพชจริงๆ55)
เลยรีบมาลงก่อน จะมาต่อเรื่อยๆ เลิฟ ออ ลัท จบ ก็จะลุยเรื่องนี้เลยทันที
หวังว่าจะชอบกันน๊า ขอคอมเม้นท์เป็นกำลังใจด้วยน๊า จะได้มีกำลังใจตะเกียกตะกายหาเน็ทมาลงฟิคให้ ขอบคุณค่า
ความคิดเห็น