คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2(ต่อ)
“แทนมารับเราหน่อยได้ไหม เรามีเรื่องปรึกษาหน่อยนะ” ในเมื่อความเครียดรุมเร้าจนทนไม่ไหว มธุรสขอปรึกษาเพื่อนสนิทให้หายกลุ้ม รอไม่นานเพื่อนก็ออกมาร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วทันใจ การปลอบใจเริ่มขึ้นและจบลงด้วยรอยยิ้ม เรื่องเครียดจางหายไปและเริ่มใหม่ด้วยเรื่องที่ดูเครียดน้อยลงคือการเตรียมตัวสอบในรายวิชาสุดท้ายของภาคเรียนสุดท้ายก่อนที่จะจบการศึกษา
“เราคิดว่าเธอน่าจะดีขึ้นแล้วมั้ง ยิ้มออกแล้วนี่” ใบหน้าอ่อนใสไม่น่าจะกลายเป็นคุณแม่ในเร็ววันดูกระจ่างตา เมื่อมีรอยยิ้มที่แก้มบุ๋มทั้งสองข้างมาประดับ
“ก็นายนั่นและ ขยันหาเรื่องอะไรไม่รู้มาเล่า ว่าแต่ต้องรีบไปรับใครหรือเปล่า”
“ไม่วันนี้กายไม่อยู่เราว่างทั้งวัน”
“ดีเลย เดี๋ยวเราจะชวนไปเยี่ยมแม่แววด้วยกัน”
“ได้สิ เราขอไปซื้อของเยี่ยมก่อนนะ”
“ไปสิ เดี๋ยวเรารออยู่นี่นะ” ร้านกระจกใส ด้านหน้าด้านในจัดแบบแนวคลาสิคดูเพลินตา ทำให้ความเครียดที่มีผ่อนคลายลงไปได้มาก ดีกว่าต้องเจอหน้าคนหน้าบึ้งอยู่ตลอดเวลา
ชายหญิงวันเดียวกันที่เดินเคียงกันมาสะดุดตาวรุณไม่น้อย แต่จะให้สนใจมากเดี๋ยวจะหาว่าเขาสนใจ ชายหนุ่มชายตามองอีกครั้งก่อนจะนั่งหลังตรงมองนิ่ง ๆ ไปด้านหน้า
“พี่วิวคะ นี่แทนค่ะ เพื่อนที่มหาลัย”
“สวัสดีครับพี่” วรุณมองชายหนุ่มแต่งตัวสะอาดสะอานตรงหน้าที่เดินเคียงมากับภรรยาสาวน้อยของเขาใจก็เริ่มกระตุก นี่แม่ตัวดีหายหน้าไปเป็นชั่วโมงและเดินมากับผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกัน หน้านิ่งของเขาพยักน้อย ๆ ก่อนจะเงียบเหมือนเดิม มธุรสหน้าไม่ค่อยดีเมื่อเขานิ่งเฉยมากกว่าที่เคย เธอชวนเพื่อนให้นั่งอยู่สักพักก่อนที่เตียงคนไข้จะถูกเขนออกมาจากห้องฉุกเฉินเพื่อย้ายไปห้องพักพิเศษสำหรับผู้ป่วย
“แม่/แม่แววเป็นไงบ้าง” สองสามีภรรยาประสานเสียงออกมาพร้อมกัน คนป่วยยิ้มเซียวให้ก่อนจะยื่นมือมาจับลุกชายและลูกสะใภ้
“ดีขึ้นแล้ว อย่ากังวลมากนักเลยลูก” แพทย์ให้อยู่โรงพยาบาลต่อจนกว่าการหายใจจะดีขึ้น สภาพร่างกายค่อนข้างอ่อนเพลีย
“เดี๋ยวคืนนี้หนูนอนเฝ้าแม่แววเองนะคะ พี่วิวกลับไปนอนบ้านเถอะ จะได้พักผ่อนทำงานมาเหนื่อย ๆ”
“ให้แหวนเฝ้าแม่เถอะ ทั้งสองคนนั่นและกลับไปนอนที่บ้าน แม่ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว”
“เดี๋ยวผมจะอยู่เฝ้าแม่เอง ผมเป็นห่วง”
“อ้าว งั้นก็เฝ้าทั้งสองคนดีไหม ส่วนแกแหวนกลับไปนอนบ้านเดี๋ยวลูกชายกับลูกสะใภ้ฉันจะเฝ้า แกก็กลับไปเฝ้าบ้านเถอะไป”
“แหมไล่หนูเชียวคุณยาย”
“ไปนอนให้พอ คืนพรุ่งนี้จะได้มาเปลี่ยนลูกฉัน ไป ๆ กลับบ้าน”
คนป่วยหลับไปแล้ว แต่คนเผ้าสองคนยังคงนอนไม่หลับ ความใกล้ชิดและไอกายอุ่น ๆ ของเขาสร้างความตื่นเต้นให้เธอจนหัวใจเต้นรัว ร่างแกร่งตัวเล็กน้อยเมื่อขยับไปทางไหนก็ติดขัดไปหมด ร่างนุ่มข้างกายก็แทบไม่กระดุกกระดิกจนเขารำคาญ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างกายเธอก็ทำให้รู้สึกอยากจะดึงร่างเล็กมากอดแต่ติดที่ยายตัวบางคงจะกระโดดลงจากเตียงจนแทบตก เรื่องอะไรจะเสียฟอร์มชายหนุ่มค่อย ๆ พลิกตัวมามองหลังของคนร่วมเตียงที่เล็กมากเพราะใช้สำหรับนอนคนเดียว ร่างเล็กเคลิ้มหลับลงไปแล้วเนื่องจากอ่อนเพลียมากในระยะตั้งครรภ์ ตกดึกร่างเล็กที่นอนหันหลังให้ก็พลิกตัวมาแนบสนิท แถมยังยื่นแขนมาโอบรอบตัวเขาสะอีก วรุณยิ้มในความมืดก่อนจะเคลิ้มหลับสนิท
อาการคนป่วยดีขึ้นไวจนกลับบ้านได้ในสามวันต่อมา ชายหนุ่มอาสาเฝ้าไข้เอง มธุรสจึงต้องอยู่เป็นเพื่อน แวววันอาการอีขึ้น หน้าตาสดใสเมื่อเห็นลูกชายลูกสะใภ้กลมเกลียวกันดี วรุณดูเอาใจใส่ภรรยามากจนเธอคิดว่าคงกังวลมากไป
“แม่เห็นแบบนี้ก็สบายใจ นึกว่าลูกชายแม่จะไม่สนใจเมียสะแล้ว น้ำผึ้งอยากได้อะไรก็บอกพี่เขานะ คนเป็นผัวกันเมียกันมีอะไรก็บอกกัน แม่ดีใจจนบอกไม่ถูกที่เจ้าวิวหายซึมเศร้า เลิกดื่มเหล้าเป็นน้ำสะได้”
“เดี๋ยวนี้ไม่ดื่มหนักนะคะแม่ มีบางวันที่คนงานชวนจนขัดไม่ได้จ้ะ” บางวันที่ว่าก็น้อยเต็มที่ เหมือนเขาจะเข็ดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาดเพราะมันทำให้ขาดสติ ชายหนุ่มเป็นคนคออ่อนเธอรู้ดี ที่ดื่มหนักก็คงเพราะความเศร้า ผิดหวังจากรักครั้งเก่า แต่จะเรียกว่าเก่าคงเป็นไปไม่ได้เพราะเขาคงไม่มีทางลืมได้ง่าย ๆ เธอคงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาเลิกดื่ม เพราะได้เมียมาแบบไม่ตั้งใจ คิดถึงเหตุผลให้ได้มาแต่งงานกัน มธุรสก็หน้าเศร้า ก่อนจะปรับสีหน้าเมื่อแม่สามีหันมามองเธอ สองสาวต่างวัยเดินขึ้นเรือนในในส่วนที่พักของแม่สามีที่เด็กที่จ้างมาดูแลเตรียมที่นอนไว้ให้ ลูกสะใภ้จัดยาให้ก่อนจะหยิบหนังสือมาเตรียมอ่าน
“ไม่ต้องหรอกลูกเดี๋ยววันนี้แม่จะนอนไวสักหน่อย กินยาเสร็จก็ง่วงแล้ว”
“จ้ะ งั้นทานยาก่อนนอนเลยนะจ้ะแม่แวว หนูจัดไว้ให้แล้ว” หญิงสูงวัยไล่ลูกสะใภ้ไปนอน ก่อนจะหันมายิ้มคนเดียวเมื่อลับร่างลูกสะใภ้ไป
“แหมคุณยาย ตาแป๊วอยู่เลยไหนว่าง่วง” คนเฝ้าไข้ยิ้มทะเล้นอย่างรู้ทัน
“ทำเป็นรู้ดี นี่แน่” มะเหงกเขกที่ศีรษะดังโป๊กเป็นรางวัลให้คนรู้ดี ก่อนจะเดินไปปิดหน้าต่างบางบานให้ เพราะลมเริ่มแรง ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถของลูกชายเข้ามาจอด
“นายกลับมาแล้วจ้ะ แม่นาย” เด็กสาวหันมาบอกเมื่อได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดทางอีกฝั่งบ้าน
“ฉันได้ยินแล้วละนังแหวน เองง่วงหรือยัง ปิดไฟนอนกันเถอะเรา”
“ง่วงตั้งแต่หัวค่ำเลยจ้ะ แม่นายวันนี้หนูง่วงมาก ๆ ”
“ง่วงทุกวันนั่นและเอง นอนเป็นตาย นี่ถ้าฉันจะเอาอะไรตอนดึกปลุกแกจะได้ยินไหมเนี่ย” เด็กสาวยิ้มก่อนจะปูที่นอนข้างเตียง และลุกไปปิดไฟ
มธุรสรีบปิดไฟหัวเตียงก่อนจะนอนนิ่ง ๆ เมื่อร่างของสามีมาทิ้งตัวลงนอนข้างกาย ไม่ว่าจะกี่คืน เธอก็ยังเกรงว่าเขาจะลุกขึ้นมาขอใช้สิทธิ์ความเป็นสามี บอกตรง ๆ ว่าเธอกลัว ค่ำคืนแรกนั้นทำเอาประสบการณ์วัยสาวแตกกระเจิง แต่เขาก็นอนในฝั่งของตนและหายใจสม่ำเสมอหลับไปเมื่อผ่านไปไม่นาน ร่างเล็กชะโงกดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ไฟหัวเตียงถูกปิดไปแล้ว แสงจากพระจันทร์ข้างหน้าต่างส่งสว่างรำไร เสี้ยวหน้าคมเข้มมีเคราขึ้นปะปลาย ผิวคร้ามเข้มของเขาทำให้ดูเป็นคนโหดเถื่อนมากขึ้น ความไม่ใส่ใจในผิวพรรณตามประสาหนุ่มบ้านไร่ ทำให้สู้ความสำอางของหนุ่มเมืองกรุงไม่ได้ พี่สาวคนสวยของเธอจึงเลือกคนใหม่กะมัง นึกแล้วสงสารที่เขาต้องทนโดนพี่สาวต่างของเธอหลอกมานาน หญิงสาวมองเสี้ยวหน้าคมเข้มและเอามือดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มกายหนาให้ก่อนจะหลับตามไป ซึ่งหารู้ไม่ว่าเขายังไม่ได้หลับ แววตาคมเข้มทอดมองใบหน้านวลเนียนที่ต้องแสงจันทร์ยามหลับ มือใหญ่ยื่นไปสัมผัสใบหน้าเบา ๆ ก่อนจะดึงมือต้นกลับมา เมื่อนึกถึงคำพูดที่ได้ยินกับหูในวันวาน
ความคิดเห็น