คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
“พี่วิวตื่นนะ คนบ้า ตื่นสิ”
“เรื่องบ้าอะไรแต่เช้าเนี่ย อะไรหนักหนานี่เธอจะบ้าหรือไง กว่าจะนอนก็เกือบค่อนคืน”
“หนูขึ้นมานอนบนนี้ได้ยังไง เมื่อคืนหนูปูที่นอนตรงนั้น”
“ก็เธอละเมอขึ้นมานอนกับฉันเอง” สมองประมวลผลอันรวดเร็วเมื่อเจ้าสาวตัวแสบของเขาโวยวายแต่เช้าตรู่ของวัน อารมณ์อยากแกล้ง อยากวีนอยากเหวี่ยงกลับมาหาเขาอีกครั้ง ถ้านอนไม่พอเป็นเรื่อง
“และเรื่องแค่นี้ที่เธอปลุกฉัน อย่ามาทำตัวไร้เดียงสามันไม่ใช่แล้ว เธอเลยสิ่งนั้นมาแล้ว” เสียงหัวเราะเยาะจากเขาก่อพายุย่อม ๆ ให้เธอไม่รู้ตัว ร่างเล็กหยิบหมอนข้างกระโดดขึ้นเตียงใส่แรงพิฆาตมาเต็มที่ฟาดแบบไม่ยั้งมาที่คนปากร้าย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะน้ำผึ้ง หยุด ฉันบอกให้หยุด” ร่างเล็กฟาดไม่ยั้ง ไม่ฟังเสียงใด จนคนสั่งโมโหจริงขึ้นมา จากที่จะแกล้งยั่ว
“พี่วิวพูดไม่ดีใส่คนอื่นก่อนทำไม ถ้ายังพูดไม่ดีอีกนะ หนูจะๆ ”
“อย่างเธอจะทำไมฉันได้ยายเปี๊ยก” มือยาวของเขาดันศีรษะทุยไว้ด้วยมือข้างเดียว
สงครายามเช้าจบที่ต่างฝ่ายต่างโดนฟันคมของกันและกัน วรุณเอาคืนเธอจริงแบบที่เคยพูดไว้ จะได้ไม่กล้ากัดเขาอีกต่อไป มธุรสเดินไปเตรียมชุดยามเช้าให้เขาตามที่มารดาสั่งสอนให้ดูแลสามีให้ดี เธอพยายามทำตามหน้าที่ให้ครบถ้วน ถึงแม้จะรู้อยู่แกใจว่าเขาไม่ได้เต็มใจมารับผิดชอบเธอก็ตาม แต่ด้วยความที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาแต่เด็กในเรื่องงานบ้านงานเรือนจึงต้องลุกแต่เช้าเพื่อทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัวก่อนจะออกไปดูและรีสอร์ทของเจ้านายสาวที่ติดตามสามีไปต่างประเทศหลังคืนแต่งงานของเธอ
“คราวหลังไม่ต้องรอทานมื้อเย็นนะ ฉันอาจจะกลับช้าหน่อย” หลังอาหารมื้อดึกผ่านไป เพราะล่วงเวลาเย็นมาหลายชั่วโมง ซึ่งเขาเพิ่งกลับถึงบ้านพัก คืนนี้เป็นคืนที่สองที่มานอนที่รีสอร์ทที่มาดูแลเนื่องจากหุ้นส่วนของเขาหรือเรียกอีกฐานว่าเพื่อนสนิทอย่างรันลดาติดตามสามีไปต่างประเทศ เป็นช่วงที่เขาพักจากฤดูเก็บเกี่ยวพอดีจึงไม่หนักนักในการทำงานไปพร้อม ๆ กันทั้งสองแห่ง
“ค่ะ พี่วิวอิ่มแล้วใช่ไหมคะ หนูจะได้เรียกแม่บ้านมาเก็บอาหาร”
ทำไมวันนี้ยายเด็กบ้าทานอาหารน้อยจริงหรือว่าเป็นเพราะเรามาผิดเวลา ช่างเถอะใครให้รอกัน ร่างสูงเดินผ่านภรรยาจำเป็นเข้าห้องพักก่อนจะเรียกไฟล์งานที่ต้องตรวจสอบมาดู และตรวจเช็คงานที่ผู้ช่วยของเขาส่งมาให้
“พี่วิวต้องการกาแฟไหมคะ”
“ดี” ร่างสูงก้มหน้าก้มตามองจอคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่วางไว้ที่โต๊ะทำงานและกดแป้นพิมพ์หยุกหยิกอยู่ครู่ก่อนจะมองตามคนร่วมห้องที่เดินออกไปชงกาแฟหอมกรุ่นเข้ามาให้และเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบ ๆ ก่อนจะทำเหมือนเดิมคือลากผ้าห่มพื้นหนามาปูนอนข้างเตียง
“ถ้าคิดจะอยู่ร่วมกันก็อย่าทำให้ฉันรู้สึกว่าเอาเปรียบกันหนักเลย นอนบนเตียงนั่นและ ฉันรับรองจะไม่แตะต้องตัวเธออย่างแน่นอน” มธุรสเดินกลับมาที่เตียงเอนตัวนอนอีกฝากอย่างเงียบ ๆ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการต่อล้อต่อเถียงกับเขา พูดไปอะไรก็ไม่ดีขึ้น เกือบสัปดาห์มานี้เธอกับเขาเถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนเหนื่อยใจ เรียนรู้ได้ว่าการเงียบดีที่สุดที่จะทำให้ผู้ชายคนนี้พึงใจ วรุณครุ่นคิดด้วยความแปลกใจที่คนเคยเถียงคำไม่ตกฟากอย่างน้ำผึ้งเงียบไป แต่ก็ดีเขาก็ไม่อยากสนทนาด้วยมากนักมีแต่จะทำให้บั่นทอนจิตใจ เขานึกย้อนไปเมื่อสองวันก่อนที่แม่ตัวดีจะเงียบไป
“อย่ามายุ่งกับโทรศัพท์ของฉันอีก และเรื่องส่วนตัวของฉันก็ไม่ควรมาก้าวก่าย เมื่อก่อนเราเคยเป็นอย่างไงก็ให้เป็นเหมือนเดิม จะไม่มีการยุ่งวุ่นวายเรืองส่วนตัวของกันและกันเข้าใจไหม”
“หนูไม่ได้ยุ่งเพียงแค่เห็นว่าคนที่โทรเข้ามาหลายครั้งคิดว่าอาจเป็นเรื่องด่วน หนูไม่เคยอยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่วิว”
“ก็ดีจำคำพูดของเธอไว้ อย่าทำให้ฉันรำคาญไปมากกว่านี้เข้าใจไหม ถึงแม้เราจะแต่งงานกันแต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยุ่งเรื่องของฉันได้”
“ต่อไปหนูจะไม่ทำอีก และขอให้รู้ไว้ว่าคนอย่างหนูไม่เคยคิดจะยุ่งเรื่องของใคร” น้ำตากคลอหน่วยตาแม้จะเป็นเพียงแวบเดียวแต่เขาก็คิดว่าไม่ได้ตาฝาด แต่จะให้ขอโทษก็เสียฟอร์ม แม่ตัวดีจะได้ใจ
“แล้วอีกอย่างเงินเดือนของพนักงานและรายรับรายจ่ายของรีสอร์ทไม่ต้องทำแล้วนะ รันเข้าให้ฉันรับสมัครพนักงานใหม่มาช่วยเธอแล้ว” เพื่อนเขาให้เหตุผลว่ากลัวว่ามธุรสจะเครียดเกินไป เพราะอยู่ในช่วงตั้งครรภ์อ่อน ๆ อีกอย่างห้องพัก และคนงานก็เพิ่มมากขึ้น การบริหารน่าจะเป็นสัดส่วนมากขึ้น มธุรสดูแลทั้งในฝ่ายต้อนรับติดต่อลูกค่า และพาไปเยี่ยมชมที่ต่าง ๆ ซึ่งเขาก็เห็นด้วยแต่เมื่อก่อนจำนวนบ้านพักยังไม่เยอะเท่าต้อนนี้ กิจการดีขึ้น แขกเข้ามาพักเต็มตลอดปี ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ไร่ของเขาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวชอบมาก เพราะเป็นการปลุกพืชแบบไร้สารพิษ ทั้งผัก ผลไม้ ดอกไม้ต่าง ๆ เพิ่งได้เริ่มลงมาให้เห็นเนื่องจากพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยงเชิงเกษตร ภพพัฒน์สามีของรันลดาแนะนำแบ่งพื้นที่ปลูกไม้ดอกเพิ่มเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติ
“อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกนะ พรุ่งนี้จะเข้าเมืองจะได้ซื้อเข้ามาให้”
“ค่ะ” หน้าเนียนใสนอนหันหลังให้คนที่นั่งทำงานอย่างคร่ำเคร่ง ก่อนจะปล่อยน้ำตาที่เก็บกักให้ไหลรินลงมา ยกมืองขึ้นมาปิดปากกันเสียงสะอื้นของตนจะทำให้อีกคนร่วมห้องได้ยินและเยาะเย้ยเธออีก
เช้าวันใหม่คนที่นอนเคียงข้างคงลุกไปนานแล้วสัมผัสได้จากความเย็นเยียบของที่ว่างข้างกาย หญิงสาวลุกขึ้นมามองที่แสงขอบฟ้าจากหน้าต่างห้องนอนที่เปิดไว้คงด้วยฝีมือของเขา งานที่เบาลงทำให้เธอมีเวลาคิดอะไรฟุ้งซ่านไปหมดเธอพยายามหยุดคิด ห้ามความรู้สึกแต่ก็ทำได้เพราะลมหายใจอยู่คู่กับความรู้สึก ตราบใดที่เราหายใจตราบนั้นเราก็ยังมีความรู้สึก เราไม่สามารถบังคับความรู้สึก ใจที่มีเขาอยู่เต็มหัวใจตั้งแต่เมื่อไรเธอก็ไม่รู้ แต่รู้ว่าก่อนหน้าที่เขาจะคบกับพี่สาวของเธอนั้น มธุรสคนนี้ได้แอบรักพี่ชายใจดีมาเนิ่นนาน ยอมรับว่าผิดหวังจนไม่อยากเห็นคนทั้งคู่เมื่อยามรักกัน ความหวานชื่นของคู่รักทำให้เธอเจ็บแทบจะไปจากที่ยืนอยู่ ณ ตรงนั้น แต่เพราะทั้งคู่เป็นคนที่เธอรักมธุรสจึงทำให้ให้สงบได้ไม่ยาก แต่ยิ่งห้ามใจใจก็ยิ่งทรยศ
“หนูน้ำผึ้งจ้ะ นายบอกไว้ว่าสิบโมงจะมีลูกค้าจากในเมืองเข้ามาดูบ้านพักนะจ้ะ” แม่บ้านเดินเข้ามาเมื่อเธอก้าวเข้ามาที่เคาเตอร์สำหรับรับลูกค้า
“ขอบใจจ้ะน้า รบกวนเตรียมบ้านลีลาวดีให้หน่อยนะจ้ะ เดี๋ยวจะพาลูกค้าไปชมค่ะ”
“ได้จ้ะหนูน้ำผึ้ง แล้วจะทานอาหารเช้าเลยไหม ป้าจะเตรียมให้”
“ยังดีกว่าจ้ะป้า เดี๋ยวถ้าหิวจะเข้าไปทานในครัวดีกว่า”
“อย่าช้านะ วันนี้ป้าจันทร์แกทำข้าวต้มปลากะพงไว้ให้”
“โอ้ยเล่นเอาเมนูโปรดมาบอกแบบนี้น้ำลายไหลเลยที่นี้” ใบหน้าใสคมเข้ม ยิ้มกริ่มให้กับแม่บ้านที่บอกเมนูที่อยากทานตั้งแต่เมื่อวาน อาหารหอมกรุ่นถูกยกมาว่างบนโต๊ะรับประทานอาหารในครัวก่อนที่เธอจะจัดการเรียบร้อยในเวลาไม่นาน น้ำผลไม้แก้วโตหลังอาหารตบท้าย จนอิ่มแปล้
“เป็นไงจ้ะ หนูน้ำผึ้ง ฝีมือป้าพอใช้ได้ไหม”
“ยิ่งกว่าใช้ได้อีกป้า ขอบคุณนะจ้ะ เสียงโทรศัพท์เดี๋ยวขอตัวก่อนนะคะ”
กว่าจะหมดวันร่างเล็กก็แทบหมดแรงเพราะต้องคอยดูแลแขกพิเศษของสามีที่ติดต่อเอาไว้ ผู้หญิงแสนสวยที่เลือกค่อนข้างมากต้องการหลายสิ่งหลายอย่าง และให้เธอพาเดินดูสวนผัก สวยดอกไม้อีก ยามบ่ายคุณเธอยังขอให้พาเดินชมไร่ แดดร้อน ๆ ทำให้ร่างกายอ่อนแอมากกว่าที่เคยเป็น อาการวิงเวียนตีตื่นขึ้นเนื่องด้วยพักผ่อนน้อย และภาวะตั้งครรภ์ของเธอ
“น้ำผึ้งขอตัวก่อนนะคะพี่วิว วันนี้ขอเสียมารยาทไม่รอทานอาหารละกัน” ร่างเล็กรีบทานอาหารเย็นและขึ้นห้องนอน วรุณเดินเข้ามาในห้องที่มืดมิดก่อนจะเปิดไฟหัวเตียงส่องให้เห็นใบหน้าภรรยานอนหลับพริ้ม หลายวันมานี้เขาค่อนข้างออกจากบ้านแต่เช้าเพราะมีธุระส่วนตัวกับใครบางคน กว่าจะกลับก็มืด บางคืนก็ดึกดื่น ความห่างเหินที่เริ่มมีมากขึ้นระหว่างกันทำให้มธุรสเหงาเศร้าลงไปมาก แต่คนเป็นสามีก็ไม่คิดว่าเขาผิดอะไร เพราะทุกสิ่งอย่างเขาดุแลไม่ขากตกบกพร่อง ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวอีกทั้งเด็กรับใช้ที่หามาให้อยู่เป็นเพื่อน บ้านหลังใหญ่ที่อยู่เพียงสี่คน ค่อนข้างเหงาหงอย ผู้ใหญ่อย่างแวววัน เริ่มสงสารลูกสะใภ้ เมื่ออย่างเข้าเดือนที่สองของการแต่งงาน แต่คู่สามีภรรยากลับแทบสนทนากันนับคำได้ เธอสอบถามจากเด็กรับใช้ก็บอกว่า ‘นายกลับค่ำบ้าง ดึกบ้างทุกคืน’ แม่สามีอย่างเธอก็ได้แต่มองดูเงียบ ๆ ถึงจะอยู่ร่วมบ้านแต่ก็ปลูกอีกหลังให้ติดกันแต่คนละฝั่งบ้านเพราะอยากให้ทั้งคู่มีพื้นที่ส่วนตัว ลูกสะใภ้เดินมาดูแลอาหารการกิน ไม่บกพร่องเวลาว่างก็มานั่งคุยบ้าง อ่านหนังสือให้ฟังเป็นประจำในวันหยุด เพราะเจ้าลูกชายตัวดีเอาแต่ทำงานไม่มีวันหยุด อาการป่วยที่เริ่มมากขึ้นก็ยังทำให้มีใจสู้เมื่ออยากรอดูหน้าหลาน เห็นลูกสะใภ้ที่ไรก็อดสงสารไม่ได้ ครั้นพูดเข้าคนเป็นลูกก็ก็อ้างว่ากำลังขยายไร่
“หนูน้ำผึ้งแม่อยากพักแล้ว พอเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาอ่านใหม่”
“ค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูเปิดหน้าต่างด้านข้างเตียงเพิ่มให้นะจ้ะ”
“ขอบใจมากลูก แม่ละสงสารจริงเชียว แต่งเข้ามาแทนทีจะมีความสุข เจ้าลูกชายแม่มันแย่จริง ๆ ”
“ไม่หรอกจ้ะ พี่วิวดีกับหนูมาก เพียงแค่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลากลับมาทานข้าวเย็นด้วย แต่พี่เขาดูแลหนูดีมาก” แววตาปั้นให้แจ่มใสแต่คนแก่ก็เห็นร่องรอยความเศร้า ก็เกิดความลังเลไม่แน่ใจ
“งั้นแม่ก็โล่งใจ กลัวจะเอาลูกสาวเขามาให้ทุกข์ใจไปพักผ่อนเถอะลูกเดี๋ยวแม่ก็เข้านอนแล้ว” หลังจากดูแลยาและส่งแม่สามีเข้านอนเรียบร้อย ว่าที่คุณแม่ก็เดินกลับมาทางบ้านฝั่งของตน ความเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาที่ไหลรินลงมาเมื่ออยู่คนเดียว ระเบียงห้องนอน ยื่นมาด้านข้าง ซึ่งสามารถมองเห็นหน้าบ้านบริเวณที่ชายหนุ่มนำรถเข้ามาจอดตรงลานหน้าบ้าน หลังแต่งงานความห่างเหินมิได้ลดลงแต่กลับเพิ่มมากขึ้น ทุกคืนเธอจะรอจนได้ยินเสียงรถของเขาเข้ามาจอดและนอนหลับไป ตอนเช้าก็เจอกันบ้างถ้าเขาไม่เข้าไร่แต่เช้าตรู่มากนัก
อาทิตย์ต่อมาอาการของแม่สามีเริ่มทรุดหนัก จากหวัดธรรมดาเป็นปอดบวม วรุณมีสีหน้าหนักใจ เพราะแวววันเป็นโรคเกี่ยวกับปอดมาหลายปี ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาจนต้องพ่นยาบ่อย ๆ
“ทำไมเพิ่งมาบอก เธอนี่นะดูแลแม่ฉันยังไงหืม” เสียงแม่บ้านที่จ้างมาดูแลโดนดุ ซึ่งก็คงกระทบมาถึงเธอด้วย เพราะหลัง ๆ มานี้เธอเป็นคนคอยดูแลแม่ของเขาแต่ไม่ได้บอกอาการที่ค่อนข้างจะหนักขึ้น เพราะแม่สามีไม่อยากให้ลูกชายเป็นกังวล จนอาการทรุดหนัก
“คือ เออแม่นาย ไม่ให้บอกนะจ้ะ กลัวนายเป็นกังวลอีกอย่างแม่นายก็ไม่ได้มีอาการอะไรมากหนัก หนูเลยไม่กล้าขัดคำสั่งแม่นาย”
“แล้วเป็นยังไงไม่กล้าขัดคำสั่ง อาการแม่ฉันเป็นขนาดนี้ มันน่าหนัก” วรุณเดินวนเวียนหน้าห้องฉุกเฉินที่แม่เข้าได้ถูกนำตัวเข้าไป อาการหายใจไม่ออก อยู่ ๆ ก็หนักขึ้นจนมธุรสโทรติดต่อเขาขณะอยู่ในไร่ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เธอนั่งเงียบเมื่อสบสายตาขุ่น ๆ ของสามี
“อย่าว่าเย็นใจเลยค่ะ แม่แววบออกไว้อย่างนั้นจริง ๆ หนูพยายามจะบอกพี่วิว แต่เราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน ถ้าจะมีคนผิด ก็คงเป็นหนูเอง”
“ฉันคงไว้ใจคนผิด ไม่น่าฝากแม่ไว้กับเธอเลย” แววตาสำนึกผิดของแม่บ้านที่คอยดูแลแวววันส่งมาถึงหญิงสาวที่นั่งเงียบหน้าตรงมุมหน้าห้องฉุกเฉิน ผ่านไป 2 ชั่วโมงอาการคนป่วยเริ่มทุเลาแต่ต้องพักอยู่โรงพยาบาลจนอาการดีขึ้น สมาชิกทุกคนสีหน้าผ่อนคลายเว้นแต่ชายหนุ่มร่างสูงเข้มผู้เป็นสามีหน้าบึ้งจนมธุรสไม่กล้าสบตาเขา ตั้งแต่นั่งกันมาเป็นชั่วโมงเขาส่งคำพูดนี้ให้กับเธอ น้ำตาผ่านจะไหลลงมาให้ได้เธอรีบลุกออกไปก่อนจะปล่อยน้ำตาลงมาให้อาย
ความคิดเห็น