คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อดีตกาลแห่งความมืดที่เริ่มก่อตัว
อดีตกาลแห่งความมืดที่เริ่มก่อตัว
ในโลกนี้
ยังมีสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้ทุกคนยังเชื่อว่า โลกใบนี้
ยังมีพระเจ้าที่ทรงดูแลและปกป้องพวกเรา
แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่า
สิ่งนั่นอยู่ที่ไหน
ทุกคนทั้งหลายบนโลก ต่างแสวงหาสิ่งนั่น ก่อสงครามมากมายโดยที่บอกว่าเพื่อสันติภาพของโลกจึงควรนำมาเพื่อรักษา โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่า สิ่งนั่นอยู่ที่ใด สิ่งนั่นมีความหมายอย่างอย่างไร ไม่มีใครรู้ สิ่งนั่นมีจุดประสงค์เพื่ออะไร ไม่มีใครทราบ และสิ่งนั่นจะก่อความวินาศให้แก่โลกทั้งใบ หรือจะก่อให้เกิดความสุขสงบราวกับสวรรค์ตามที่เล่าขานกันมาหรือไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกอุปโลกน์ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุและจุดประสงค์ การดำรงอยู่เพื่ออะไร ใครจะแย่งชิง ใครจะปกป้อง ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเรื่องเช่นนี้ได้เลย
แม้แต่ตัวเราเองก็ตาม
หมู่บ้านเล็กๆในภูเขาอันเงียบสงบ
ตอนนี้เริ่มก่อเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่เริ่มลุกลามไปทั่ว ทั่วบริเวณนั่นถูกล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงไม่อาจหนีได้
ลุกลามไปถึงป่าที่มีเหล่าสัตว์น้อยใหญ่อาศัย ทุกชีวิตวิ่งเอาตัวรอดกันอลหม่าน
ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ หรืออาจจะยกเว้นก็ได้
สำหรับคนบางกลุ่มที่กำลังเข่นฆ่ากันเองเพียงเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่
เหล่าชายชุดทหารนับสิบรายเพียบพร้อมด้วยปืนบรรจุกระสุน
ยืนรายล้อมเหล่าคนกลุ่มหนึ่ง มีประมาณ 50 กว่าคน ซึ่งถือว่าเยอะ
แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะลุกขึ้นต่อต้านคนจำนวนเหล่านี้ จนกระทั่งมีนายทหารคนหนึ่งที่ดูมีอำนาจกว่าคนอื่นๆได้เดินเข้ามา
“ที่นี่อาจจะมีสิ่งนั่นหลบซ่อนอยู่...เพื่อความสงบสุขของโลก
พวกแกไม่มีสิทธิ์มาขัดขวางการกระทำของพวกเรา”ชายหนุ่มในชุดทหารถือปืนจ่อกลุ่มคนที่นั่งตัวสั่นอยู่ท่ามกลางกองเพลิง
“ขอร้องละ
โปรดฟังก่อน ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆเท่านั่น ไม่มีสิ่งที่ร่ำลือกันแน่นอน
ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราและยกกองกำลังของท่านกลับไปเถอะ”
ชายแก่พยายามที่จะลุกขึ้นยืนขึ้นอธิบาย
โดยมีมือทั้งหลายที่พยายามรั้งไว้ทั้งน้ำตา ก่อนที่จะมีเสียงปืนดังขึ้น
กระสุนปักเข้ากลางศีรษะชายผู้นั่นอย่างล้มทั้งยืน
กรี๊ดดดด!
“ผู้ใหญ่บ้าน!”
เสียงร้องระงมไปทั่วบริเวณก่อนจะถูกเสียงปืนที่ราวกับคำสั่งบอกให้เงียบลง
“มันต้องมีแน่นอน
ข้าคือตัวแทนแห่งพระเจ้า ไอ้พวกคนเลวที่คิดจะหลบซ่อนสิ่งนั่นอย่างพวกแก
โดนข้าพิพากษาก็เป็นบุญแล้ว!”
ชายหนุ่มผู้ไม่มีท่าทีอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าแฝงด้วยความเหย่อหยิ่งในตนและรอยยิ้มที่ไม่สะทกสะท้าน
กองกำลังทหารนายอื่นๆต่างพยายามพังประตูและกำแพงทั่วทุกหนแห่ง และสายลมที่เริ่มก่อตัวยิ่งโหมกระหน่ำไฟให้แรงมากขึ้นเท่าตัว
“ท่านนายพล
ถ้าอยู่นานกว่านี้
ไฟอาจจะลามไปที่สะพานข้ามภูเขาจนเราไม่อาจกลับได้นะครับ”นายทหารคนหนึ่งรีบรายงานสถานการณ์
“ที่นี่มันต้องมีแน่นอน
เฮ้ย! พวกแก รีบบอกที่ซ่อนมันออกมาซะ”ชายหนุ่มกระชากแขนเด็กน้อยคนหนึ่งมาจากอ้อมกอดของแม่
หญิงสาวพยายามรั้งเอาไว้แต่ก็ไร้ผล เขายิงขาหญิงสาวจนเด็กกรีดร้องด้วยความตกใจ
“ข้าให้เวลา
1นาที ต่อ 1คน เลือกเอาว่าจะบอกหรือไม่!”
“ขอร้องละ
สิ่งนั่นมันไม่มีจริงๆ ไม่มีใครทั้งเคยเห็น เคยพบ พวกเราไม่รู้อะไรจริงๆ!”ชายหนุ่มตะโกนบอกขึ้นมาอย่างสิ้นหวัง
ทุกคนต่างเริ่มร้องไห้เสียงดังแต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไรเลย
เขาพยายามมองหาว่าใครที่สามารถให้คำตอบเขาได้ จนกระทั้งครบ 1 นาที
ปัง!!
เด็กสาวที่ยังร้องไห้ก็ล้มลงทั้งน้ำตา
แม่ของเธอมองและกรีดร้องแทบขาดใจ คว้าร่างของเธอมากอดเอาไว้แน่น
“แก ไอ้เลว
คนอย่างแกต้องตกนรก!!”แม่ของเด็กสาวร่ำร้อง
“ไม่มีนรกสำหรับผู้ที่พระเจ้าเลือก”เขาเดินไปรอบๆ
คว้าร่างของหญิงชราขึ้นมา
“อย่าลืมละ คนละ1 นาที”
ทุกๆคนมองกันอย่างสิ้นหวัง
ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้
ทั้งๆที่ตั้งใจจะหนีจากสงครามเพื่อที่จะมาอาศัยอยู่อย่างสงบๆแล้วแท้ๆ
แต่ผู้กระหายสงครามยังไล่ล่ามาเอาชีวิต และสิ่งนั่น สิ่งที่พวกเขาไม่มีมัน
เวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆและเสียงปืนที่ดังขึ้น
พรากเสียงของผู้ที่ยังชีวิตไปทีละคน ทีละคน ไร้ความปราณี ไร้ความเมตตา
เปลวไฟตกลงมาเผาร่างของผู้ที่ดับสูญ ผู้ที่ยังเหลือกว่า20คน แทบจะสิ้นสติ เมื่อได้มองเพื่อนตัวเองล้มลง
ดูท่าจะไร้ประโยชน์สำหรับการขู่เข่นในเมื่อไม่มีใครพูดอะไรนอกจากร้องไห้เลย
“โฮ่
ปากแข็งกันจังเลยนะ ก็ดี จะได้ถึงกาลอวสานของพวกแกเร็วๆ”สิ้นคำนั่น
นายทหารก็วิ่งเข้าล้อมวง ทุกคนมองอย่างรู้ดีถึงวาระของตนเอง ได้แต่หลับตาลง
บางคนสวดอ้อนวอนถึงพระเจ้าบทสวดที่กล่าวทั้งน้ำตาอย่างห้ามไม่ได้ และตรงกลางวงที่นั่งกันอยู่นั่น
มีครอบครัวหนึ่งที่กอดร่างกันเอาไว้อย่างแน่น
ปังๆๆๆ!!
เหลือแต่เพียงเสียงแตกของไม้ที่โดนไฟ
เสียงรอยเท้าที่เดินรอบๆ เสียงปืนหยุดลง
เสียงสบถของกลุ่มคนและเสียงรถที่ขับเคลื่อนออกไป เพียงเท่านั่น
และก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
หลังจากนั่นผ่านไปซักพัก ฝนก็เริ่มเทลงมา ดับไฟที่กำลังลุกพร้อมล้างคราบเลือดที่เประเปื้อนไปทั่ว หยดน้ำเล็กๆที่ปลุกเด็กสาวคนหนึ่งให้รู้สึกตัว เด็กสาวที่ประคองร่างตนเองออกจากอ้อมกอด เธอไม่ได้รับอันตรายอะไร มองร่างของผู้เป็นแม่ที่มีรอยแผลกลางหลัง และร่างของผู้เป็นพ่อ ที่ยังกอดเธอเอาไว้แน่น พวกเขาพยายามปกป้องเธอไม่ให้พวกนั่นเห็นจนกระทั่งสิ้นลม
สายฝนที่เริ่มกระหน่ำลงมา ความเย็นของมันทำให้เธอดึงสติมองไปยังรอบๆ มองทุกๆคนรอบตัวที่เหลือแต่ร่างไร้วิญญาณ มองหมู่บ้านที่เหลือแต่ซาก
ปลอกกกระสุนกลิ้งอยู่บนพื้น คราบเลือดปะปนไปกับน้ำ และตัวเอง ที่สูญเสียทุกอย่าง
ท้องฟ้าไม่มีแม้แต่แสงแดด ภาพแห่งอดีตที่ย้อนเข้ามากรีดแทง น้ำตาและเสียงร้องที่เอ่อออกมาอย่างห้ามไม่ได้
นั่นคือจุดสิ้นสุดชีวิตอันไร้เดียงสาของเด็กสาวคนหนึ่ง
นับจากวันนั่น
ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว....
ความคิดเห็น