ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #50 : ตอนที่ 39 : Rooftop Bar กับความจริงที่เหลือ (1)

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 65


    39

    Rooftop Bar กับความจริงส่วนที่เหลือ (1)


    ‘แม่ไม่พักสักหน่อยเหรอคะ วันนี้เหนื่อยมาเยอะแล้วนะ’ ทิวาเอ่ยถามผู้เป็นแม่ขณะก้าวลงจากรถพร้อมอาทิตย์

    ‘ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แม่ยังมีคดีต้องไปทำกับน้าแอริณอีก เสร็จแล้วจะรีบกลับมานอนนะ’

    ‘หักโหมอีกแล้วอะ ไม่ดีเลย’

    ‘เอาน่า อย่าทำแก้มป่องอย่างนั้นสิ แม่รู้สึกผิดนะรู้มั้ย’

    ‘รู้สึกผิดก็กลับมาพักสิคะ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาหนูเห็นแม่ทำแต่งานตลอดเลย’

    ‘งั้นเดี๋ยวคืนนี้แม่จะรีบทำงานรีบกลับมานอนเลย ได้มั้ย’

    ‘ก็ได้ค่ะ’ เฮ้อ ต่อให้ห้ามไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังดีที่เธอบอกว่าจะกลับมาพักผ่อนล่ะนะ


    “เหม่ออะไรอยู่น่ะพี่” บนยานพาหนะสี่ล้อคันหรู แอริณผู้เป็นคนขับกล่าวถามคนด้านข้างที่เท้าตรงกับประตูรถดูท่าทางเบื่อหน่าย

    “นึกถึงคำพูดทิวานิดหน่อยน่ะ” ลมโกรกยามค่ำคืนชวนให้ร่างกายเยือกแข็ง แต่เธอก็ชอบมันอยู่ดี ปอยผมที่เล็ดรอดออกมาจากกลุ่มผมม้าเต้นรำไปตามสายลม ดวงตาสีทับทิมสะท้อนส่องประกายกับแสงตามเสาไฟและตึกรามข้างทาง

    มีเวลาอยู่เล็กน้อยที่อนุญาตให้เธอได้อยู่กับตัวเอง เธอจึงดื่มด่ำกับมันอย่างเต็มอิ่ม

    “ทิวาพูดอะไรเหรอ”

    “ไม่มีอะไรมากหรอก” ไอริณตอบเสียงเรียบ “ก็แค่ดุฉันที่ไม่ยอมพัก”

    “พี่ดีจังมีลูกน่ารัก เอาจริงๆแกก็มาดุฉันเหมือนกันว่าทำไมไม่พักงานบ้าง”

    “ไอพักมันก็อยากพักอยู่หรอก แต่ภารกิจมันทำให้เราพักไม่ได้น่ะสิ”

    “ก็จริง ว่าแต่”

    “?”

    “อาทิตย์หายไปไหนของมัน พี่รู้ป่ะ”

    “อ่อ…” อยู่ด้วยกันมาทั้งวัน ไม่รู้ก็แปลกๆแล้ว “นางกำลังขับรถไปส่งทิวาที่บ้าน”

    “อ่อ” แอริณพยักหน้ารับรู้ก่อนจะจดจ่อกับการขับรถต่อ

    “แต่อาทิตย์ทำหน้าแปลกๆใส่ฉันก่อนจะออกรถไป”

    “ทำหน้ายังไง”

    “ยกยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า ‘ไว้เจอกันครับน้า’ แถมหรี่ตาลงด้วยนะ เหมือนคนสายตาสั้นที่หรี่ตามองกระดานดำอะ”

    “อุ๊ปส์ ฮ่าๆๆๆ นึกออกเลย นางก็แค่เก๊กตามประสารึเปล่า แบบมองด้วยหางตาแล้วส่งสายตาเจ้าเล่ห์”

    “ฉันว่าไม่นะ” หญิงสาวกลับไปเท้าคางดังเดิม “แววตามันดูไม่แน่ใจเอาซะเลย เหมือนวิตกกังวลและอยากขอความช่วยเหลือยังไงยังงั้น”

    “พี่ดูออกได้ไง”

    “ฉันเลี้ยงมันมากับมือนะ เอาจริงๆตั้งแต่มันเกิดใหม่ๆแล้ว บ้านไม้งาม ตระกูลของอาทิตย์ก็ไม่เห็นมีใครแยแสเด็กคนนั้น”

    “...”

    “ฉันสงสารเขาก็เลยคอยเลี้ยงมาตลอด จนพอเขาโตขึ้นระดับนึง ก็พาย้ายออกมา ขนาดวันที่ฉันไปทำเรื่องย้ายทะเบียนบ้านก็ไม่มีใครโต้แย้งอะไรเลย”

    “...”

    “ราวกับว่าพวกเขาไม่ต้องการอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ”

    “...” แอรฺิณไม่พูดอะไร เพราะที่ไอริณพูดมา มันเป็นความจริงทั้งหมดที่ทั้งเธอและพี่สาวประสบเจอมาเป็นสิบปี

    “งั้นฉันก็ต้องเตรียมรถให้พร้อมตลอดเวลาสินะ”

    “ต้องอย่างนี้แหละน้องรัก รู้งานจริงๆ!”

    .

    .

    .



    2 hours later

    “ขอบคุณมากครับคุณนักสืบ!” เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานแสดงความขอบคุณเสียงดัง เขาไม่เคยพบเคยเจอคดีที่ปิดเสร็จเร็วขนาดนี้มาก่อน เป็นไปได้ยังไงเนี่ย!

    “ไม่เป็นไรหรอกค่า ดีใจที่ได้ช่วยเหลือนะคะ” ไอริณยิ้มตอบ

    “มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะค้า” แอริณกล่าวอย่างเริงร่าก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างลงกระเป๋าเอกสาร

    “ได้เลยครับ ขอบคุณอีกครั้งจริงๆครับ” เจ้าหน้าที่คนเดิมขอบคุณอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากสถานที่เกิดเหตุไป

    “ฮึบบบบ เสร็จไปอีกคดีสิน้า ไปดื่มกันมั้ย” แอริณยืดร่างกายคลายความเมื่อยก่อนจะหันมาชวนคนเป็นพี่

    “เอาสิ จะชวนเด็กๆไปด้วยมั้ย”

    “พวกเพื่อนๆทิวาน่ะเหรอ”

    “อื้ม คนเยอะน่าจะสนุกนะ”

    “เอาสิ อยากพาเด็กๆเที่ยวอยู่พอดี”

    ผู้เป็นน้องเดินฮัมเพลงอย่างสบายใจ มือขวาปลดล็อครถแล้วก้าวขึ้นอย่างเคยชิน 

    “เอ้อพี่! น้องว่านะ…”

    “อะไร?” เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ต่อบทสนทนา เธอเลยต้องตอบ

    “ตำรวจประเทศนี้มันไม่ได้เรื่องเลยอะ เขาถึงต้องส่งเรื่องมาให้องค์กรโลกช่วยทำ”

    “ชู่ว! เบาๆหน่อยสิ! เดี๋ยวพวกนั้นก็ได้ยินหรอก!” นัยน์ตากลมโตชายตามองไปทางตำรวจที่ยืนเฝ้าที่เกิดเหตุหลายสิบนาย ก่อนจะใช้นิ้วชี้ป้องปากเป็นการให้เงียบ

    “ก็มันจริงนี่นา…”

    “เข้าใจ แต่เราไปคุยเรื่องนี้ที่อื่นดีกว่า เธอก็รู้ว่าประเทศนี้มันบ้าอำนาจ ขืนไปมีเรื่องล่ะก็ น่าจะวุ่นไปทั้งโลก”

    “ก็ได้ เห็นแก่ความมั่นคงของโลกหรอกนะ”

    แอริณงอนแก้มป่องแต่ก็ออกรถไปแต่โดยดี เมื่อทั้งสองมั่นใจว่าทิ้งระยะห่างกับกลุ่มตำรวจท้องถิ่นแล้ว คนน้องจึงเริ่มบทสนทนาที่ค้างไว้อีกครั้ง

    “ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมไม่ตั้งใจทำงานกันขนาดนี้ ชีวิตประชาชนเลยนะ”

    “นั่นสิ…” ไอริณเห็นด้วย

    ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลโลก เธอก็ถูกบ่มเพาะให้ทำงานอย่างยุติธรรม ถูกต้องและเห็นแก่ส่วนรวมเป็นสำคัญ

    ต่างกับที่ประเทศนี้ลิบลับ ทั้งโกงกิน ไร้ความรับผิดชอบ ทำงานส่งๆ แถมขี้ประจบสอพลอ

    ถ้าจะแก้จริงๆคงต้องแก้ไปถึงต้นตอ

    ซึ่งต้นตอมันก็

    “เฮ้อ!” ถอนหายใจแรงๆรอบที่ล้าน คิดเรื่องนี้ทีไรเป็นอันปวดหัวทุกที

    ต้องรอให้พวกนั้นหายไปจากโลกให้หมดสินะถึงจะแก้ปัญหานี้ได้

    “เอาน่า อย่าคิดมากเลย” ไอริณปราม “เราไปหาไรกินคลายเครียดดีกว่า”

    “ก็ดีเหมือนกันพี่”

    .

    .

    .



    Dicoffier’s Rooftop Bar & Bistro

    “Wow! Thank you so much Ms.Airin and Ms.Aerin for taking us here!” คริสโตเฟอร์ร้องร่า ดวงตาสีส้มลุกวาวราวกับดวงอาทิตย์ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ขึ้นบาร์ดาดฟ้าแบบนี้ เปิดประสบการณ์เขาสุดๆ

    “ไม่เป็นไรจ้า อยากดื่มอะไรสั่งได้เลยนะ”

    “คุณโรซารี่ฮะ ดูข้างล่างสิ พวกรถดูเล็กมากเหมือนมดเลย”

    “จริงด้วย!” เมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มผมยาวชื่นชมทิวทัศน์อย่างตื่นตา เธอจึงขอร่วมวงด้วย

    ถึงแม้จะเป็นที่ที่คนเยอะ แต่ได้ดูอะไรสวยงามตอนกลางคืนด้วยกันมันก็ดีไปอีกแบบนะ

    ไอริณเดินไปยังบาร์เครื่องดื่มที่มีบาร์เทนเดอร์ประจำการอยู่ ใบหน้ารูปไข่สไตล์ยุโรปละความสนใจจากโทรศัพท์ก่อนจะต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แสงไฟในร้านตกกระทบกับเส้นผมสีบลอนด์ช่วยส่งให้เขาดูโดดเด่นไม่แพ้ใคร ถึงแม้เครื่องแต่งกายจะเป็นแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อกั๊กเข้ารูปสีดำด้านเท่านั้น

    “ยินดีต้อนรับครับ วันนี้รับอะไรดีครับคุณผู้หญิง” สำเนียงไทยแปร่งฝรั่งเศสหน่อยๆเอ่ยขึ้น “วันนี้มีหลายตัวให้ลิ้มรสเลยนะครับ” มือเรียวผายไปยังเบื้องหลังของเขา ชักนำสายตาไอริณให้มองตาม

    ขวดแก้วสูงหลากทรงบรรจุแอลกอฮอล์หลายสีหลายรสชาติถูกเรียงรายตามชื่ออักษรภาษาอังกฤษตัวแรกของยี่ห้อของมัน ไอริณพินิจอยู่ครู่ใหญ่ มันน่าดื่มไปหมดเลยให้ตายสิ แถมพรุ่งนี้เป็นวันหยุดด้วย สักสิบแก้วดีมั้ยนะ?

    “อืม… ขอ Raspberry Hibicus แห่งดวงดาว 1 แก้ว กับ เซ็ตคานาเป้งานรื่นรมย์ 1 เซ็ต”

    “โอ้…”

    “ขอเยอะๆด้วยนะ พอดีพวกฉันมากันเยอะน่ะค่ะ” ไอริณป้องปากกระซิบ เธอขยิบตาหนึ่งทีก่อนจะมองไปทางเด็กๆที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศกรุงเทพยามค่ำคืน

    บาร์เทนเดอร์หนุ่มผู้นั้นมองตาม เขาเข้าใจก่อนจะรับออเดอร์นั้นมา

    “ได้เลยครับ งั้นรบกวนรอสักครู่นะครับ” เขางมหาบางอย่างใต้เค้าเตอร์ ก่อนจะยืดตัวเต็มความสูงพร้อมกุญแจสีทองสลักลวดลายเถาวัลย์สวยงาม

    “ไปกันเลยมั้ยครับ”

    “ได้ค่ะ”

    เนื่องจากแอริณบอกว่าเด็กๆขอชมวิวต่ออีกสักหน่อย เธอจึงให้ไอริณนำหน้าไปเชยชมเครื่องดื่มก่อน

    จากบริเวณทานข้าวกว้างขวาง สู่โต๊ะพูลสำหรับเล่นพูล พื้นที่เริ่มเล็กลงเรื่อยๆ ไม่นานหลังจากนั้นทางเดินก็เหลือเพียงแค่ทางแคบประดับโคมไฟสีเหลือนวลสลัวเท่านั้น

    “ขออนุญาตถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”

    “คะ?” เพราะบาร์เทนเดอร์คนนั้นเอ่ยขึ้นมากะทันหัน ทำให้เธอตกใจไม่น้อย

    “คุณเป็นคนละคนกับผู้หญิงที่อยู่ตรงระเบียงดาดฟ้าใช่มั้ยครับ”

    “อ๋อ…” คงหมายถึงแอริณสินะ “คนละคนกันค่ะ พอดีพวกฉันเป็นฝาแฝด”

    “ผมว่าแล้ว” เขากล่าว “เพราะเธอคนนั้นชอบมาที่นี่คนเดียว แต่วันนี้มาสองคน แถมถอดแบบกันเป๊ะเลย ผมเลยสับสนนิดหน่อยน่ะครับ แหะๆ”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หลายๆคนก็ตกใจเหมือนกัน หาว่าเรามีคาถาพันร่างแบบนินจาบ้างอะไรบ้าง”

    “ฮ่าๆๆๆ จริงเหรอครับเนี่ย”

    “ใช่ค่ะ”

    “ว่าแต่นี่เป็นครั้งแรกของคุณรึเปล่าครับที่มาที่นี่”

    “เปล่าค่ะ ครั้งนี้ครั้งที่สาม แต่ว่ามันก็นานมากแล้วนะที่มาครั้งสุดท้าย”

    “ยังไงก็ยินดีต้อนรับอีกครั้งนะครับ มาอีกบ่อยๆก็ได้เลยนะครับ” เขาตอบรับ 

    “ขอบคุณมากนะคะ”

    “ถึงแล้วครับ” ชายหนุ่มไขประตู แต่กลับพบว่าไขไม่ออก “อ่าว ผิดห้อง ขอโทษครับๆ”

    “ฮะๆ ไม่เป็นไรค่ะ” 

    ทั้งสองเดินต่อจนถึงห้องที่เปิดไว้ ระหว่างทางบทสนทนาถูกผลัดเปลี่ยนไปมาอย่างสนิทสนม ได้ความว่าแอริณชอบมาที่นี่บ่อยๆ แต่มักจะมาคนเดียว เธอชอบเปิดห้องไว้ดื่มกับดูหนังไปพลางๆและค่อนข้างสนิทกับเจ้าของร้าน 

    และ ‘Raspberry Hibicus แห่งดวงดาว 1 แก้ว กับ เซ็ตคานาเป้งานรื่นรมย์ 1 เซ็ต’ ก็เป็นโค้ดลับที่เอาไว้เปิดห้อง สำหรับแขก VIP เท่านั้น

    ตอนแรกชายหนุ่มผมบลอนด์คนนั้นตะขิดตะขวงใจเล็กๆว่าเธอรู้ได้ไง แต่พอรู้ความจริงที่ว่าแอริณกับไอริณเป็นฝาแฝดกัน เขาก็หายข้องใจแล้วล่ะ

    “ถึงจริงๆแล้วครับ นี่คือกุญแจ คุณถือไว้ได้เลยนะครับ”

    “ขอบคุณมากค่ะ”

    “เดี๋ยวอีกสักครู่จะนำอาหารมาเสิร์ฟนะครับ” เขากล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างออก “จะว่าไป ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ผมชื่อชาร์มองต์ ดิคอฟฟิแอร์ หรือเรียกว่าชาร์มองต์ก็ได้นะครับ” 

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณชาร์มองต์ ฉันชื่อไอริณค่ะ ไอริณ พุดพิชญา” ทั้งสองจับมือทำความรู้จักก่อนจะแลกเปลี่ยนรอยยิ้มให้กันและกัน

    .

    .

    .



    “วันนี้ไปไหนกันมาบ้างเหรอจ๊ะ” แอริณถามขณะป้อนนักเก็ตเข้าปาก

    “ไปสยามพารากอนมาค่ะ หนูช้อปปิ้งมาเยอะมากเลย เดี๋ยวให้ดูนะคะ” นาซิสซ่าเล่าเรื่องด้วยความตื่นเต้น มือสวยเปิดรูปในโทรศัพท์ เธอถ่ายของที่ไปช้อปปิ้งไว้เยอะเลย เพื่ออวดมามอง (แม่) โดยเฉพาะ!

    “โหหห สวยๆทั้งนั้นเลย”

    “ใช่มั้ยล่ะคะ หนูไปชิมน้ำปั่นร้านนี้มาด้วยค่ะ อร่อยอยู่นะคะ”

    “ร้านนี้น้าก็ชอบ!”

    ต้องขอบคุณไอเดียของโรซารี่และนาซิสซ่าที่เสนอว่า เราควรไปเที่ยวกันสักที่สองที่ กันไว้เผื่อครูไอริณถาม

    และมันก็เป็นตามที่พวกเธอคาดการณ์ไว้จริงๆด้วย

    คนที่เหลือถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวหลังกลับจากพิพิธภัณฑ์ คงไม่มีอะไรมาอ้างจริงๆ

    “ขออนุญาตนะครับ สเต็กเนื้อมีเดียมแรร์พริกไทยดำสองที่ได้แล้วครับ” ชาร์มองต์เปิดประตูเข้ามาเสิร์ฟอาหารตามปกติ แต่จู่ๆก็มีเงาตะครุ่มสีดำตามหลังเขามาอย่างรวดเร็ว

    “อ้ากกกก!!”

    “เกิดไรขึ้นน่ะ!?” มือหนาละจากจานสเต็กไม่ถึงสองวินาที เสียงร้องตะโกนสร้างความผวาให้ทุกคนในห้อง ชายหนุ่มร้องเสียงหลง ก่นด่าสิ่งที่โผล่มาด้านหลังกะไม่ให้ผุดให้เกิด

    “ไอ้คริส!! ไอเหี้x!! ปล่อยกู!!! ตกใจนะเว้ยไอ้เวรนี่!!!”

    “อะไรเนี่ย~ อย่าทำเสียงน่ากลัวอย่างนั้นสิ ผมกลัวนะรู้มั้ย” คนที่ถูกเรียกว่าคริสทำท่าทางออดอ้อน แต่ก็ไม่เป็นผลหรอกนะ!

    “นายก็อย่าทำให้ฉันตกใจสิ! ลูกค้าเต็มห้องเลยไม่เห็นเหรอ!?”

    “เห็นสิ แต่ว่า…” ดวงตาส่องประกาย เขาก้มลงมองส่วนล่างที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ ทำให้ชาร์มองต์ต้องก้มลงตาม และเขาก็พบว่า เจ้านี่มันอยากถึงขีดสุดแล้วนี่

    “ยะ อย่าบอกนะว่า?”

    “นะครับ~” ทำเสียงเล็กเสียงน้อย มือใหญ่พลางคลึงมือนิ่มของอีกฝ่าย

    “เฮ้อ…” ชาร์มองต์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ขอโทษลูกค้าทุกท่านด้วยนะครับที่ผมสร้างความวุ่นวาย ส่วนคริส นายตามมา!”

    “ฮี่ฮี่” ราวกับมีดอกไม้สีชมพูหมุนไปทั่ว ดวงตาหยียิ้ม ยิงฟันออกกว้าง เขาดีใจมากๆ ถ้ามีหางก็คงสั่นระริกไปมา

    “...”

    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน ยังตกใจไม่หายกับเหตุการณ์แปลกๆตรงหน้า

    “คนผมแดงคนนั้นชื่อคริสเหรอ” ดันเต้พูดขึ้นด้วยความสงสัย

    “I think so. Why?” คริสโตเฟอร์พยักหน้า ขาของเขายกขึ้นมาไขว่ห้าง

    “ก็เขาทั้งสูงชะลูด ร่างกายกำยำ หน้าตาดี ผมก็สวย แบบว่าดูดีอะ หล่อมาก”

    “จริงน่อ” เหมยฮัวเห็นด้วย

    “อืมๆๆ” โรซารี่และอเล็กเซเช่นกัน

    “พวกยูหาว่าไอไม่หล่อเหรอ????” คริสโตเฟอร์ตะโกนลั่นห้องอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

    “ก็… ยังไม่ได้พูดอย่างนั้นเลยนะยะ แค่ดันเต้บอกว่าเขาหล่อมากกกกก เท่านั้นเอง” นาซิสซ่าเสริม

    “แถมดูดีกว่าคุณคริสด้วยอีกนะเจ้าคะ”

    “ยูริจั๊งงง!?” หนุ่มอเมริกันเสียงโหยหวน ขนาดแฟนสุดที่รักยังเห็นพ้องต้องกันด้วยเหรอเนี่ย!?

    “ขนาดชื่อเดียวกันยังเทียบกันไม่ได้ คริสนั้นหล่อกว่าเยอะอะ” ดันเต้

    “สเป็คในฝันของน้าเลยล่ะ!” แอริณพูดด้วยความเพ้อฝัน มีหนุ่มหล่อสักคนจะตั้งใจทำงานหาเงินมาเลี้ยงเขาเลยล่ะ

    “ขนาดยูริเห็นแวบเดียวยังรู้สึกชอบเลยเจ้าค่ะ”

    “รสนิยมชั้นสูงเหมือนกันนะยะหล่อน ดีมาก ฉันชอบ!”

    “ทำไมทุกคนใจร้ายกับไอแบบเน้ ม่ายยยยยยยย” เจ้าหัวส้มแทบคลั่ง ไม่มีใครสนใจเขาเลย เอาแต่อวยไอหนุ่มหน้าหล่อที่ไหนไม่รู้ เขาหล่อกว่าตั้งเยอะ

    “ไอหล่อกว่ามาก หล่อกว่าพันเท่า เพราะฉะนั้นหยุดแกล้งไอได้แล้ว!!”

    “ไม่ได้แกล้งนะฮะ” อเล็กเซเอ่ยอย่างไร้เดียงสา

    “ละที่คุยอยู่ตอนนี้มันเรียกว่าอะไรล่ะ!”

    “อ๋อ…


    กำลังพูดความจริงไงฮะ”


    “อ๊ากกกกกกกกก!!!”


     

    _________________________________________________________________


     

    ในตอนนี้มี easter egg ของนิยายเรื่องใหม่ที่ไรท์จะเปิดเร็วๆนี้ด้วยนะคะ ทุกคนคงได้รู้จักตัวละครกันนิดหน่อยแล้ว ไว้นิยายเรื่องนั้นเปิดเป็นทางการเมื่อไหร่ ไรท์จะมาขายทุกท่านค่ะ! อย่าลืมไปชิมกันด้วยน้า อร่อยแน่นอน XD


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×