ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #49 : ตอนที่ 38 : ตัวจริงของดีไซน์เนอร์

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 65


    38

    ตัวจริงของดีไซน์เนอร์


    “พวกคุณทั้งสอง มาจากลาฟลอร่ารึเปล่าคะ?”

    สิ้นน้ำเสียงทุ้มหวานของดีไซน์เนอร์สาว ไม่มีใครเอ่ยปากอะไร ไอริณจงใจที่จะไม่ตอบเพราะเธอตั้งใจจะเลี่ยงประเด็น เรื่องลับแบบนี้ไม่ควรพรั่งพรูให้คนนอกได้รับรู้ง่ายๆนี่นา

    “คะ???” เธอจึงย้ำถามให้แน่ชัด และสิ่งที่เธอได้ยินก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ

    “ฮะๆ พวกคุณน่าจะตกใจกันนะคะ 


    แสดงว่าพวกคุณมาจากลาฟลอร่า ใช่รึเปล่าคะ?”


    ในขณะที่ทิวากำลังแสดงสีหน้ากระสับกระส่ายอย่างชัดเจน ไอริณตัดสินใจตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา 

    “ที่นั่นที่ไหนเหรอคะ?”

    แต่ก็ต้องมีเล่นลิ้นกันหน่อยล่ะนะ

    “ฮะๆๆ”

    “...”

    “ลูกศิษย์ลาฟลอร่านี่แพรวพราวกันทุกคนเลยนะคะ” ลาแวร์หัวเราะอย่างพึงพอใจก่อนจะเผยต่างหูรูปมงกุฏสีทองให้ทั้งสองเห็น

    “ตะ ต่างหูรุ่น!?”

    “ฮิๆ ใช่ค่ะ” เธอจัดทรงผมสั้นสีเทาให้เข้าที่ดังเดิม ท่าทีตกใจของสองสาวมันทำให้เขารู้สึกสนุกยังไงไม่รู้สิ

    “แสดงว่าเขามาจากลาฟลอร่าจริงๆเหรอแม่” ทิวาป้องปากกระซิบที่หูไอริณ ซึ่งสาวเจ้าก็ทำแบบเดียวกันกับลูกสาวเช่นกัน

    “แม่ก็ว่างั้นแหละ รูปมงกุฏคุ้นขนาดนั้น”

    เจ้าหน้าที่รัฐบาลโลกหญิงกระแอมเบาๆก่อนจะหันมาต่อบทสนทนากับหญิงวัยกลางคนตรงหน้า

    “ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่า…”

    “ไม่เป็นไรๆ ฉันก็ผิดเองด้วยที่ไม่แนะนำตัวดีๆกับพวกคุณ งั้นขออนุญาตแนะนำใหม่นะคะ ดิฉันคือ-”

    “น้า! ทิวา! ฉันกลับมาแล้ว!” ชายหนุ่มวิ่งกลับมาด้วยรอยยิ้มสดใสราวกับพระอาทิตย์ เขากระโดดกอดทิวาจนพวกเขาแทบจะล้ม

    “โอ๊ย! อะไรเนี่ย!?”

    “แหะๆ พอดีไปเจอกับผู้กำกับคนนึงมา แล้วเขาทาบทามให้ฉันไปแคสต์หนังชิ้นต่อไปของเขาด้วยล่ะ!”

    “สุดยอดไปเลย!”

    “คุณไอริณคะ แล้วคุณมีแพลนจะกลับมาไทยอีกรึเปล่าคะ?” ลาแวร์ตั้งใจหลีกประเด็นเมื่อสักครู่ แต่ไอริณก็ส่ายหน้าก่อนจะตอบเธอ

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุยได้ เด็กคนนี้ก็เป็นนักเรียนโนอาห์เหมือนกัน”

    “อ๋อ… เข้าใจแล้วค่ะ ก็ว่าไม่ค่อยเห็นอาทิตย์รับงานที่ไทยเลย” เธอเกาแก้มแก้เขิน พลางนึกในใจว่าโดนเด็กรุ่นใหม่อ่านใจได้อีกแล้วสิ “ดิฉันเป็นนักเรียนลาฟลอร่ารุ่น 518 ค่ะ แถมมีเพื่อนสนิทเป็นครูสอนที่นั่นด้วยนะ”

    “ใครเหรอคะ!?” ทิวารีบถาม เธออยากรู้มากว่าใครจะโชคดีได้สนิทกับดีไซน์เนอร์ระดับโลก

    “หนูรู้จักคนที่ชื่อมารีมั้ยจ๊ะ มารี กีมาร์”

    “โห! รู้จักดีเลยสิคะ! หนูโดนไมค์โขกหัวประจำเลย”

    “ฮ่าๆๆ ยัยนั่นก็ยังเหมือนเดิมเลยนะ ชอบเอาข้าวของปาใส่คนอื่น”

    “คุณลาแวร์ก็โดนเหรอคะ”

    “ประจำเลย! มารีน่ะชอบเอาหนังสือเล่มหนาเท่าบ้านปาใส่ฉันน่ะสิ แต่ไม่รู้นะว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ก็ไม่ได้คุยมาตั้งนานแล้ว”

    “ไม่ได้คุยมาตั้งแต่ตอนไหนเหรอคะ”

    “ก็ประมาณ 4 เดือนที่แล้วได้”


    ‘อุ่ย ตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องแล้วหนีขึ้นเรือโนอาห์พอดีเลยนี่หว่า’


    “อ๋อ…”

    “พวกเธอรู้รึเปล่าจ๊ะว่ามารีสบายดีมั้ย”

    คำถามซึ่งยากที่จะตอบ ทั้งสามคนขยับลูกตามองกันไปมาราวกับโจรี่กำลังถูกตำรวจสอบสวน เลิ่กลั่กขนาดนี้ขนาดเด็กอนุบาลยังดูออก!

    “เฮ้อ บอกมาเถอะจ๊ะ เข้าไปมีเอี่ยวกับเรื่องวุ่นๆอีกแล้วสิ”

    “แหะๆ ค่ะ” ไอริณจำใจเล่าออกไป เธออธิบายอย่างคร่าวๆว่าเกิดอะไรขึ้นที่ผ่านมาบ้าง และย้ำในตอนสุดท้ายว่าถึงมันจะฟังดูอันตราย แต่ตอนนี้มารีก็อยู่ในความดูแลขององค์กรโลกเป็นอย่างดี

    .

    .

    .

    “มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้บ้างเหรอคะ ได้แต่อยู่เฉยๆแบบนี้แล้วฉันไม่สบายใจเอาซะเลย”

    “ไม่เป็นไรเลยค่ะ! เรื่องนี้พวกฉันรับมือเองดีกว่าค่ะ ไม่อยากให้คนสำคัญอย่างคุณต้องมาลำบา-”

    “ไม่ลำบากเลยนะคะ! ให้ดิฉันช่วยเถอะค่ะ!” ดวงตาสีแทนซาไนท์ส่องประกายความหนักแน่น ชนิดที่ว่าถ้าปฏิเสธอีกรอบ ฉันจะยกพวกไปถล่มบ้านเธอเลยคอยดู

    “กะ ก็ได้ค่ะ…” ไอริณตอบเสียงอ่อย “ไว้ถ้าพวกเราต้องการความช่วยเหลือ จะติดต่อไปนะคะ แต่ตอนนี้พวกเรายังรับมือกันไหวอยู่ ”

    “สัญญากันแล้วนะคะ! โรเบิร์ต ไปเอากระดาษมา! ฉันจะร่างสัญญาแล้วเซ็นตกลง!”

    “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่า!” ไอริณรีบห้ามปราม อีกนิดเดียวก็จะกลายเป็นสำนักกฏหมายแล้วมั้ยล่ะ “เดี๋ยวฉันจะติดต่อมาเองค่ะ แต่รับประกันไม่ได้นะคะว่าตอนไหน”

    “ได้เลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” รอยยิ้มกว้างถูกประดับบนใบหน้าของสาววัยสี่สิบปลาย เธอสดใสราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน

    .

    .

    .

    “โห ดีไซน์เนอร์คนนั้นแอบเจ้าเล่ห์เหมือนกันนะแม่” ระหว่างที่ทั้งสามกำลังเดินทางกลับที่พัก ทิวาเอ่ยระหว่างถอดสูทนอกออกแล้ววางไว้เบาะหลังรถ

    “จริง เหลี่ยมจัดเลย”

    “แต่มันก็ดีแล้วหนิน้า จะได้มีคนมาช่วยเพิ่มขึ้น” อาทิตย์ที่นั่งชันคางกับประตูข้างคนขับเสนอความคิด

    “มันก็จริง แต่ก็เท่ากับว่าเราเอาชีวิตเค้าไปเสี่ยงไม่ใช่เหรอ”

    “นั่นก็จริงแฮะ”

    “น้าคิดว่า คงให้เค้าทำงานที่ห่างจากเรามากที่สุดแหละ”

    “แล้วจะให้เขาทำอะไรล่ะ”

    “ไม่รู้สิ… ถึงเวลาคงคิดออกเองแหละ”

    .

    .

    .


    Putpidchaya’s House, Bangkok

    “กลับมาแล้วจ้า”

    “อ้าว? คุณทิวากลับมาคนเดียวเหรอขอรับ” ฮอรัสที่นั่งอ่านบางอย่างบนไอแพดรีบลุกขึ้นไปต้อนรับเธอ สองมือช่วยถือของเพราะเกรงว่าเธอจะรู้สึกหนัก

    “ก็นั่นแหละฮอรัส แล้วก็ เหมยฮัวฝากอันนี้มาให้ด้วย” สาวไทยยื่นกล่องขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลให้เพื่อนหนุ่มชาวอียิปต์

    “ขอบคุณขอรับ แล้ววันนี้คุณเหนื่อยมั้ย” เขาเดินนำไปทางโซฟา วางทุกอย่างไว้ตรงนั้นก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องครัว

    “เหนื่อยพอตัวเลยนะ ฉันเพิ่งเคยออกงานแบบนี้ครั้งแรกเลย แล้วฉันก็ไม่อยากไปอีกแล้ว”

    “กระผมเกรงว่าจะไม่ได้นะขอรับ”

    “อ้าว ทำไมล่ะ”

    “ก็…” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟาพร้อมน้ำส้มในมือทั้งสอง เขาเสมองไปทางด้านข้างเป็นเชิงให้หญิงสาวมานั่งด้วยกัน “คุณกียุลน่ะเป็นนักธุรกิจไม่ใช่เหรอขอรับ ในอนาคตก็คงต้องไปงานอะไรแบบนี้เยอะแน่ๆ เพราะที่บ้านผมก็เป็น”

    “เออว่ะจริงด้วย! โอ๊ยยยย” ทิวาโอดครวญอย่างเหนื่อยหน่าย เธอไม่อยากทำอะไรแบบนี้เป็นครั้งที่สองเลยให้ตายสิ “ฉันขอนอนอยู่บ้านจะได้มั้ยเนี่ย”

    “อันนี้ต้องไปขอเจ้าตัวเองนะขอรับ ขอกระผมไม่ได้หรอกน้า”

    “บู่ว” หญิงสาวรู้สึกเซ็ง ไม่รู้จะตอบอะไรต่อจึงคว้าน้ำส้มจากโต๊ะมาดื่มแก้หิว

    “...”

    “...”

    “ไม่ขึ้นไปนอนเหรอขอรับ คุณกียุลก็อยู่ข้างบนด้วยนะ”

    “อีกแปบนึงละกัน น้ำส้มนี่มันดันอร่อยเฉยเลย” เอาเท้าทั้งสองพาดขึ้นที่วางเท้า พลางทิ้งน้ำหนักตัวให้ไหลไปกับโซฟา จนร่างกายของเธออยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน สบายจนแทบอยากจะหลับซะตรงนี้เลย

    “ฮะๆ โอเคขอรับ งั้นกระผมนั่งเป็นเพื่อนละกัน”

    “ขอบใจนะ”

    น้ำส้มสองขวดใหม่ถูกเปิดฝาแล้วรินลงแก้วใสทรงสูง ร่างสูงเจ้าของผมยาวสีเขียวเข้มทิ้งตัวลงนั่งข้างเพื่อนสาวของตนอีกครั้ง แล้วปล่อยให้ตัวเองเข้าสู่โลกของตน ในขณะที่เธอคนด้านข้างนำหน้าเข้าโลกส่วนตัวไปก่อนแล้ว

    ฝ่ายนึงมีความสุขกับการเล่นเกมจากโทรศัพท์ของตน อีกฝ่ายบรรจงอ่านหนังสือที่ถูกเรียงร้อยด้วยความตั้งใจ ถึงแม้จะไม่มีใครพูดอะไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้สัมผัสถึงความอึดอัดระหว่างกันเลยแม้แต่น้อย

    นี่รึเปล่าคือความสบายใจ

    ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่สนิทหรือไม่ได้รู้จักกันมาก่อน คงอกแตกตายกับความเงียบกันไปข้างแน่ๆ


    ตุบ


    “?”


    ‘อา… หลับซะแล้วสิ’


    ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงบางอย่างที่ไม่หนักมากกระทบกับไหล่ เขาเหลือบตาลงมองเล็กน้อยก็พบว่าทิวากำลังกรนฟี้อยู่ข้างๆ เธอคงเหนื่อยมากสินะวันนี้

    ด้วยความที่เขาไม่อยากปลุกเธอ เขาจึงส่งข้อความหากียุลให้ลงมารับ โชตดีที่กียุลเป็นประเภทไม่เช้าไม่นอน เขาจึงเห็นข้อความและลงมาหาทันที

    “(ชู่ว… คร่อก… ตุบ)” หนุ่มอียิปต์ใช้นิ้วชี้ป้องปากพลางออกเสียงชู่ว แล้วทำท่าทางตอนทิวาฟุบหลับให้กียุลดู

    “(ไอ้นี่ ไม่ต้องเลียนแบบฉันก็พอนึกออกเว้ย)”

    “(ฮะๆ)”

    สองแขนแกร่งของหนุ่มเกาหลีค่อยๆช้อนตัวหญิงสาวขึ้นอย่างระมัดระวัง เขามุ่งตรงไปยังชั้นสอง ส่วนฮอรัสก็คอยระวังหลังให้พวกเขา เผื่อในกรณีที่พลัดตกบันได

    มือหนาของหนุ่มอียิปต์เปิดประตูด้วยความเบามือแล้วหลีกทางให้กียุลพาทิวาเขาไปนอน เขากำลังจะปืดประตูลง แต่เสียงของเพื่อนเกาหลีก็ขัดขึ้นเสียก่อน

    “เดี๋ยว”

    “อะไรขอรับ”

    “ช่วยฉันล้างหน้ายัยลิงหน่อยสิ นายล้างเครื่องสำอางเป็นนี่”

    “คุณกียุลไม่ลองทำดูเหรอขอรับ”

    “ฉันเหรอ?” นิ้วชี้ชี้เข้าตัวเองอย่างไม่เชื่อ “ฉันทำไม่เป็น นายก็รู้”

    “ทุกคนก็มีครั้งแรกกันทั้งนั้นแหละขอรับ” ฮอรัสเทน้ำยาล้างเครื่องสำอางลงบนสำลี หนึ่งแผ่นยื่นให้คนตรงหน้า อีกแผ่นใช้กับตนเอง “ขนาดเซ็กซ์ยังต้องมีครั้งแรกเลย จริงมั้ย”

    “จะบ้าเหรอ!? ฉันยังไม่มีเว้ย!”

    “เป็นไปได้?”

    “เป็นไปได้!”

    “สุดยอดเลยแฮะ เกินคาดกระผมไปมาก เช็ดตรงตาอย่างนี้ขอรับ เบาๆนะ” ฮอรัสแกล้งทำเป็นตกใจ พลางสอนกียุลในการลบเครื่องสำอาง เขาใช้สำลีเช็ดขอบตาตัวเอง อายไลเนอร์อันเป็นเอกลักษณ์ค่อยๆจางหายไป

    “ก็ฉันยังไม่เคยจริงๆ แล้วนายล่ะเคยยัง” มือหนาค่อยๆเช็ดดวงตาของหญิงสาวตามฮอรัสจนสะอาด

    “ ;) ” เขาไม่ตอบ เพียงหันมาขยิบตาให้กียุลหนึ่งที “ต่อไป เช็ดใบหน้ากับหน้าผาก ใช้แผ่นเดิมนี่แหละขอรับ”

    “จริงอะ!? ตอนไหนเนี่ย!?” เขาอึ้งกิมกี่ แต่มือก็ตั้งใจทำตามจนไร้ร่องรอยรองพื้น

    “แล้วทำไมผมต้องมาบอกคุณด้วยเนี่ยขอรับ เอ้า เช็ดปากกับคอ เสร็จแล้ว”

    “ก็ฉันอยากรู้อะ แล้วฉันจะอาบน้ำให้ทิวายังไงดีเนี่ย”

    “เช็ดตัวเอาก็ได้ขอรับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าให้เธอมาอาบเอง เช็ดตามจุดอับเช่นข้อพับ หรือซอกคอ สักรอบสองรอบ แล้วก็ให้เธอใส่ชุดสบายๆนอน”

    “ทำไมนายดูช่ำชองจัง เหมือนเคยทำมาหลายรอบอย่างนั้นแหละ”

    “ก็กระผมทำมาหลายรอบไง” มือหนาคว้าตุ๊กตาแถวเตียงมาหนึ่งตัวก่อนจะจากไป “แฟนกระผมเป็นจ้าวกังฟูที่ขี้เกียจอาบน้ำเชียวนะ กระผมก็ต้องเช็ดตัวให้เธอเวลาเธอแอบหลับในห้องตลอดแหละ ผมขอยืมตัวนี้นะ tisbah 'ala khair (good night)”

    잘자 (good night)” เขาอวยพรกลับ ก่อนจะวกมาปวดหัวกับแฟนสาวต่อ “เอาล่ะ จะจัดการกับลิงตัวนี้ยังไงดีนะ”

    สองมือของเขาบรรจงปลดกระดุมออกอย่างเบามือ ในตอนแรกเขาไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อผิวเนียนใสเริ่มเปิดเผยมากเท่าไหร่ สติที่ชอบคิดเกินเลยก็กลับมาทำงานอีกครั้ง

    แถมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพซะด้วย


    ‘หยุดคิดอะไรบ้าๆน่า! รีบเช็ดตัวให้ยัยลิงแล้วไปนอนดีกว่า’


    กียุลหลับตาหยีแล้วจับเสื้อผ้าไปมั่วๆ ใจนึงก็กลัวทิวาตื่น อีกใจก็กลัวตัวเองนี่แหละที่ตื่นเอง 

    ทุลักทุเลไปสักพักใหญ่ เขาจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แฟนสาวได้เรียบร้อย เหนื่อยเอาการเหมือนกันนะ

    “หรือฉันควรปลุกให้ยัยลิงมาอาบน้ำเอง จะง่ายกว่ามั้ยนะ”


    คร่อกกก…


    “ไม่ปลุกก็ได้ครับ กรนตอบดังขนาดนี้”

    เขาใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามร่างกายอย่างที่ฮอรัสเคยสอนไว้ จากตัวเธอที่ชุ่มเหงื่อและร้อนอบ ในตอนนี้มีแต่ความเย็นสบาย จนคนที่นอนหลับปุ๋ยเผลอยิ้มออกมาเลยล่ะ

    “อื้ม~” 

    “ฮ่าๆๆ สบายตัวขนาดนั้นเชียว” เขาหัวเราะให้กับการกระทำของทิวา แย่จริงๆ ขนาดนอนอยู่ยังทำตัวน่ารักขนาดนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย จะขี้โกงไปแล้วนะ

    ชายหนุ่มเก็บของทุกอย่างเข้าที่ ปิดไฟดวงหลัก เหลือเพียงแสงไฟสีส้มอ่อนจากโคมไฟหัวเตียง เขาหย่อนตัวลงด้านข้างเธอ ดวงตาสีน้ำทะเลลึกหรี่มองเธอโดยไม่ละสายตาไปที่ไหน รอยยิ้มบางๆถูกระบายบนใบหน้า มือหนาค่อยๆขยับขึ้นมาลูบผมนุ่มไปมา เขาจำไม่ได้หรอกว่าเริ่มมีความรู้สึกกับคนตรงหน้าเมื่อไหร่ เขารับรู้แค่ว่า พอมองเธอทีไร เขากลับเหมือนตกอยู่ในภวังค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกที

    และเขาก็รู้สึกแบบนี้แค่กับทิวาคนเดียวด้วย


    “ถ้าเธอไม่อยู่ตรงนี้กับฉัน ฉันจะทำยังไงต่อไปดีนะ”


    “รักเธอนะ”


    “รักมากเลยนะ ไว้เจอกันตอนเช้านะครับ ที่รัก”


    กียุลโน้มตัวลงก่อนจะจูบลาที่หน้าผากของหญิงสาว ริมฝีปากถูกประทับค้างอยู่ครู่หนึ่งจึงผละออก แต่ด้วยความอยากในใจ เขาจึงพรมจูบไปยังหน้าผากของทิวาอีกครั้ง ก่อนจะออกจากห้องไป

    “ชะ เชี่ย!” อุทานเสียงหลงอย่างลืมตัว ใบหน้าที่แดงจัดเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดอะไรออกไป ทำให้เขาแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนีซะตรงนั้นเลย!


    ‘ไม่อยากจะเชื่อ! ฉันพูดลงท้ายครับกับเรียกทิวาว่าที่รักไปแบบไม่รู้ตัวเหรอเนี่ย ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!’


    ก็บ้าไง บ้ารัก ยอมรับได้แล้วหนุ่มตี๋

    .

    .

    .


    “ยังไม่นอนอีกเหรอขอรับ”

    “อย่าพูดเหมือนฉันมากวนนายอย่างนั้นสิ” กียุลลากเก้าอี้มาข้างฮอรัสก่อนจะทิ้งตัวลง “ทำอะไรอยู่”

    “เฝ้าคนไข้ไงขอรับ”

    “ไม่ใช่ หมายถึงในไอแพดน่ะ ทำอะไรอยู่”

    “อ๋อ” หนุ่มอียิปต์หันหน้าจอให้เพื่อนของตนดู “อ่านไฟล์ที่คุณส่งมาให้เมื่อตอนเย็นไง”

    “แล้วสรุปมันเป็นยังไงบ้าง”

    “มันก็เหมือนกับที่คุณกังวลนั่นแหละขอรับ เพราะดูแล้วฝ่ายนั้นมีคนที่เก่งด้านล้างสมองคนพอสมควรเลย

    “เฮ้อ…”

    “เราลองอ่านมันอีกรอบแล้วหาวิธีแก้ไขกันมั้ย แล้วลองปรึกษากับคุณอาทิตย์ดู”

    “คงต้องอย่างนั้นแหละ” มือหนากุมขมับ ใช้ศอกเท้าบนโต๊ะก่อนจะข่มตาแน่นเพื่อสลัดความเครียดออกจากสมอง

    ทำไมนับวันเรื่องถึงยุ่งยากและซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆวะ เหมือนเดินในเขาวงกตหนามที่ไร้ซึ่งทางออก และมีสิ่งชั่วร้ายคอยกัดกินหัวใจอยู่เรื่อยๆ

    “ผมเข้าใจคุณนะ ผมก็เครียดเหมือนกัน เรามาดูหนังกันมั้ย” ฮอรัสหยิบคุกกี้จากในครัวมาให้เพื่อนสนิทของเขา ร่างสูงเดินไปเปิดโทรทัศนก่อนจะกลับมานั่งดังเดิม

    “ก็ได้”

    “เอ้อ ว่าแต่นะขอรับ”

    “อะไร” กียุลละจากคุกกี้มาสนใจคนด้านข้าง

    “ก็วันนี้ที่คุณอาทิตย์มาส่งคุณทิวาน่ะ เขาดูรีบร้อนออกรถไปไหนไม่รู้”

    “ไปหาครูไอริณรึเปล่า”


    “ไม่น่านะขอรับ เพราะต่อให้หน้าเขาจะนิ่งเหมือนอิฐเหมือนปูน แต่ท่าทางมันกระวนกระวายราวกับคนที่กำลังหลบซ่อนจากอะไรบางอย่างยังไงยังงั้น


    “ปวดขี้รึเปล่า”

    “จะบ้าเหรอ!”


         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×