ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #47 : ตอนที่ 36 : พิพิธภัณฑ์นี้เข้าฟรี แต่ต้องแอบหน่อยนะ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 65


    TB

    36

    พิพิธภัณฑ์นี้เข้าฟรี แต่ต้องแอบหน่อยนะ

    *เนื้อหาภายในตอนนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่มีเจตนาอ้างอิงหรือบิดเบือนเรื่องราวของบุคคลจริงหรือเหตุการณ์จริง*


    “ตำรวจทุกนายตรวจสอบความเรียบร้อยให้พร้อม!! ปิดทางทุกทาง อย่าให้คนนอกเข้ามาแม้แต่คนเดียว!!”

    “รับทราบครับ!!!!”

    หลังจากตำรวจที่ดูยศสูงนายหนึ่งให้คำสั่ง ลูกน้องของพวกเขาก็กระจายตัวอย่างรวดเร็วทันทีราวกับลูกสนุ๊กที่ถูกชนกระจาย

    “บ้าเอ๊ย! พิพิธภัณฑ์มาปิดอะไรวันนี้วะ” คริสโตเฟอร์สบถด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้เขาและผองเพื่อนทั้งเก้ากำลังซ่อนตัวอยู่ตรงกำแพงไม่ไกลจากทางเข้า เขาเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติของสถานที่ มือหนาของหนุ่มอเมริกันจึงรีบบังเพื่อนที่เดินตามหลังให้หยุดเดินทันที 

    “เขามีงานอะไรกันเหรอคริส” ดันเต้ที่ยืนชิดกับคริสโตเฟอร์ถาม

    “I have no idea, but it seems like it’s closed for some unusual reasons. (ไม่รู้ว่ะ แต่ดูเหมือนมันจะปิดเพราะเหตุผลแปลกๆอะ)”

    “โอ๊ะ นั่นรถอะไรเหรอฮะ?” อเล็กเซสังเกตได้ถึงรถยนต์หลายคันขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่รถคันแรกและคันสุดท้ายมีหวอสีแดงน้ำเงิน ตกแต่งคล้ายรถตำรวจ และคันกลางๆเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและดูราคาแพง

    “รถรุ่นเฉิ่มชะมัด รถในโรงรถใต้ดินที่บ้านฉันยังเลิศกว่านี้อีก” นาซิสซ่าเบะปากพลางมองไปทางอื่น

    “เชื่อจ้าเชื่อแม่นางคนรวย” โรซารี่แซว

    “ถ้าให้ฉันคาดเดา อาจจะมีขบวนเสด็จรึเปล่า” ราตรีตั้งข้อสงสัย

    “ขบวน ขบวนอะไรเหรอน่อ” เหมยฮัวถาม

    “เพลาเหล่าขุนนาง หรือราชวงศ์เดินทาง เหล่าบริวารจะกั้นพื้นที่เยี่ยงนี้ เพื่อให้พวกเขาเดินทางได้สะดวก และฉันสันนิษฐานว่า ข้างๆนี้ที่เป็นพระราชวังคงมีคนมาพำนัก เหล่าตำรวจเลยปิดพิพิธภัณฑ์นี้ด้วยเช่นกัน” ราตรีที่ยืนฟังอย่างเงียบๆอธิบายให้เหมยฮัวฟัง

    “โอ้ย!!! พวกหล่อนมาเสด็จอะไรกันตอนนี้ยะ!!! แถมปิดถนนอีก ขับรถกันแบบคนปกติไม่เป็นรึไง!!!”

    “นาซิสซ่าเบาๆ!!” โรซารี่รีบปิดปากเพื่อนสาวผู้ปากไวก่อนจะโดนตำรวจแถวนั้นจับได้

    “อื้อ!!! อ่อยอั๊น!”

    “ถึงจะเสียงดังไปหน่อย แต่ขอบคุณนาซิสซ่ามากที่พูดแทนใจฉัน” ราตรีถึงกับยกนิ้วให้ เป็นคนประเทศสยามก็จะพูดอะไรได้ยากหน่อย เพราะมันเสี่ยงที่จะไปอยู่ฮ่องกง(ที่ไม่ใช่ฮ่องกง)นี่เนอะ

    “เฮ้อ! เกือบหายใจไม่ออกแล้วมั้ยล่ะยัยโรส! แต่ของมันแน่อยู่แล้วล่ะราตรี โฮะโฮะโฮะ” 

    “แล้วเราจะเข้าไปได้ยังไงล่ะ” ดันเต้เอ่ยถาม

    “อืม…” ในตอนนี้ทุกคนกำลังใช้ความคิดในการหาทางเข้าไป ถ้าจะให้ใครไปล่อให้พวกทหารออกมา ก็มีสิทธิ์ได้นอนในสถานีตำรวจแทนโรงแรม หรือถ้า stealth จากด้านหลังแล้วทำให้สลบ วิธีนี้จะเข้าไปได้ง่ายแต่ถ้ามีคนพบเห็นตำรวจที่สลบอยู่ ต้องวุ่นวายและหาทางออกมาไม่ได้แน่ๆ

    “ฮึ่ย… ทำยังไงดีนะ”

    ในขณะที่ทุกคนกำลังอับจนหนทาง จู่ๆกระเป๋าสะพายข้างยูริก็ขยับไปมาเองได้ ก่อนจะมีบางสิ่งพุ่งออกมา

    “เอ๊ะ เจ้านิล!?”

    “เมี้ยว~” เจ้านิลกระโดดออกมาจากกระเป๋าก่อนจะใช้ลำตัวถูบริเวณขาของสาวชาวญี่ปุ่น

    “มาได้ไงอะน่อ”

    “คุณทิวาฝากไว้น่ะเจ้าค่ะ ตอนที่อยู่ที่ร้านอาหาร ลืมไปเลยนะเนี่ยว่าพาเจ้านิลมาด้วย” สาวชาวญี่ปุ่นก้มลงเพื่อช้อนตัวเจ้าแมวสีขาวขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด พลางหยิบขนมแมวเลียที่พกติดตัวมาด้วยให้เจ้านิลได้กิน “หิวสินะเจ้าคะ”

    “เมี้ยว~”

    “โอ๊ะ! ผมนึกออกแล้วขอรับ!” ฮอรัสใช้กำปั้นขวาทุบที่ฝ่ามือด้านซ้าย แสดงออกว่าเจ้าตัวได้ผุดไอเดียอะไรบางอย่างขึ้น “ให้เจ้านิลล่อพวกตำรวจมั้ยขอรับ แล้วระหว่างนั้นพวกเราก็เข้าไปหาเบาะแสกัน อย่างนี้จะไม่มีใครจับได้ด้วยว่ามีคนแอบลักลอบเข้าไป”

    “ความคิดแจ๋ว!! ไอเห็นด้วยสุดๆ!”

    “ฉันก็เห็นด้วยนะ แต่เจ้านิลจะล่อพวกนั้นได้นานเหรอ ถ้าเราออกมาไม่ทันอาจจะโดนจับก็ได้นะ” โรซารี่แสดงความกังวลให้กลุ่มเพื่อนของเธอ ซึ่งพวกเขาอีกหลายคนก็นึกไม่ถึงเรื่องนี้เหมือนกัน

    “เอาอย่างนี้มั้ยล่ะเจ้าคะ เดี๋ยวยูริกับคุณคริสจะรออยู่ตรงร้านกาแฟฝั่งนู้น แล้วคอยสอดส่องให้ว่าเจ้านิลหยุดเล่นกับคุณเจ้าหน้าที่เมื่อไหร่”

    “ก็ดีนะ ถ้ามีอะไรผิดแปลก ให้พวกเธอติดต่อฉันผ่านเข็มกลัดนี่ทันที เข้าใจมั้ย” โรซารี่ชูเข็มกลัดสื่อสารที่ไอริณเคยให้ไว้ตอนปลอมตัวเป็นนักเรียนโนอาห์ให้ยูริและคริสโตเฟอร์ดู

    “ได้เจ้าค่ะ / Of course!” ทั้งสองตอบรับก่อนจะแยกตัวไปยังร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม โดยที่ไม่ลืมที่จะวางเจ้านิลลงบนพื้น “ฝากด้วยนะเจ้าคะ”

    “เมี้ยว~”

    เจ้านิลตอบรับแล้วรีบพุ่งหน้าไปยังตำรวจที่อยู่ใกล้ประตูทางเข้ามากที่สุด โชคดีที่มีแค่เขาคนเดียวที่เฝ้าระวังอยู่ 

    “เจ้านิลฟังออกด้วยเหรอขอรับ”

    “ว่าไป แมวตัวนี้ฉลาดนะ เผลอๆฉลาดกว่าเจ้าของอีกมั้ง ฮะๆ” กียุลเอ่ยแซว

    .

    .

    “แง้ว~”

    “อ้าว เจ้าแมว มาจากไหนเนี่ย” ตามที่คาดการณ์ไว้ ตำรวจนายนั้นให้ความสนใจกับเจ้านิลทันที ยิ่งตอนที่มันล้มตัวลงนอนเพื่อให้เขาเกาพุงให้ ยิ่งขโมยหัวใจของตำรวจนายนี้ไปเต็มร้อย “งุ้ยยยย เจ้าน่ารักจังเลย”

    “แง้วววว~”

    .

    .

    .

    “ฉันเข้าใจนะว่าการแอบเข้าไปมันลำบากน่ะ แต่ทำไมต้องให้ฉันมานั่งเป็นกขค.พวกนายด้วยยะ!?” นาซิสซ่าโวยวายอย่างไม่เข้าใจที่ตนถูกดึงออกมาจากวง เกือบจะได้โชว์สกิลสายลับแล้วเชียว!

    “แหะๆ พอดียูริต้องการคนอีกคนมาดูแลกระเป๋าของพวกคุณเหมยฮัวน่ะเจ้าค่ะ ยูริเลยชวนคุณนาซิสซ่ามา”

    “เธอลากฉันมาย่ะ!!”

    “แหะๆๆ เจ้าค่ะ ลากก็ลาก”

    “เอาน่ายู นั่งตรงนี้ไม่ร้อนด้วย ปล่อยให้แฟนสุดที่รักของยูไปทำหน้าที่อันทรงเกียรติแล้วเรารอเขาตรงนี้กันดีกว่า” คำโน้มน้าวที่ดูไม่จริงจังของคริสโตเฟอร์สะกิดต่อมสงสัยของสาวชาวฝรั่งเศสอย่างจัง ทำให้เธอกลับมาจดจ่อกับคนตรงหน้าที่กำลังหยิบคุกกี้ช็อคโกแลตเข้าปาก

    “นายหมายความว่าไง หน้าที่อันทรงเกียรติของตาบ้าเอเลี่ยนน่ะ”

    “เอ้า นี่หมอนั่นไม่ได้บอกเธอเหรอว่า…”

    .

    .

    .

    “ฮะ!? นายกับอเล็กเซจะแอบเข้าไปแฮคคอมพิวเตอร์ของพิพิธภัณฑ์เหรอ!?” หัวใจของกียุลแทบหล่นไปตาตุ่มเมื่อรู้ว่าเพื่อนตัวเองกำลังจะทำอะไรที่บ้าระห่ำเกินขอบเขต

    “ช่าย จะได้หาข้อมูลได้ง่ายๆไง” ดันเต้ตอบรับอย่างสดใส ไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    “จะบ้ารึไง นี่ไม่ใช่หนังนะ ที่จะทำอะไรเสี่ยงๆแบบนั้น”

    “แต่ถ้าไม่เสี่ยง ก็ยากที่จะได้อะไรที่มีประโยชน์กลับมาไม่ใช่เหรอ”

    “นั่นมันก็ใช่ แต่ฉันเป็นห่วงความปลอดภัยพวกนายนะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกฮะ พวกผมจะดูแลตัวเองให้ดี” อเล็กเซยืนยันกับกียุล แววตาสีเขียวมรกตฉายแววมุ่งมั่น ทำให้เพื่อนชาวเกาหลีปฏิเสธยากไปกันใหญ่

    “แต่…”

    “เอางี้ เดี๋ยวฉันไปด้วย” โรซารี่เสนอตัว “ฉันสามารถทำให้กล้องวงจรปิดหยุดทำงานได้ อย่างนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยแล้วนะ”

    “ถ้าเธอว่างั้นก็ได้ เฮ้อ” กียุลยอมแพ้ก่อนจะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “แล้วเธอจะใช้วิธีอะไรล่ะ”

    “ฉันเคยประดิษฐ์รีโมตเกมมาอันนึงให้ครูไอริณน่ะ เป็นเครื่องรบกวนเครื่องยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้ากดปุ่มนี้ เครื่องพวกนั้นมันจะหยุดทำงาน”  

    “เจ๋งไม่เบาเลยนะ แต่เธอช่วยปิดกล้องทุกตัวในพิพิธภัณฑ์ก่อนเลยได้มั้ย” หนุ่มเกาหลีเหงื่อตก เขาใช้สายตาภายใต้แว่นหนากวาดไปยังเพดานพิพิธภัณฑ์ เป็นสัญญาณให้เห็นว่า ‘ดูสิ กล้องเยอะยิ่งกว่าไปงาน met gala อีก’

    “เออว่ะ ลืมเลย” 


    ปิ๊บ!


    “Okay. Everything is clear.” 

    “ขอบคุุณมากนะโรซารี่ ถ้างั้นพวกเราแยกกันเลยมั้ย”

    “ได้”

    “งั้นพวกเธอก็ระวังตัวด้วยนะ ถ้าเสร็จแล้วก็ให้รีบออกมาแล้วมารวมตัวกับพวกเราล่ะ”

    “ไม่มีปัญหา” โรซารี่ตอบรับ ส่วนดันเต้และอเล็กเซพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะมุ่งหน้าหาทางไปห้องเก็บข้อมูล 

    “งั้นพวกเราก็ไปกันบ้างไหม” ราตรีเอ่ย

    “เอาสิ”


    15 นาทีผ่านไป

    “โซนนี้โซนสุดท้ายแล้วล่ะ ฉันคาดว่าน่าจะอยู่ตรงนี้นี่แหละ” พวกเขาเดินสำรวจรอบๆตึกอยู่สักพักหนึ่ง จนมาสุดอยู่ห้องโถงสุดท้ายที่อยู่ท้ายพิพิธภัณฑ์

    “ที่ผ่านมาพวกเราไม่เจออะไรเลย หวังว่าจะไม่มาผิดที่นะน่อ” เหมยฮัวกล่าวอย่างกังวล ถ้าพวกเขามาผิดที่จริงๆเท่ากับเสียเวลาอันมีค่าไปเป็นวันเลยนะ

    “ไม่หรอกขอรับ องค์กรโลกให้โลเคชั่นมาไม่ผิดแน่ๆ”

    “ถ้าลื้อว่างั้นก็ได้น่อ”

    พวกเขาเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ ตามโถงทางเดินทั้งสองข้างมีรูปปั้นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยขนาด 60 เซนติเมตรตั้งโชว์ในกระจกแก้วนิรภัย พร้อมสมบัติประจำตัวที่ถูกจัดแสดงในชั้นวางบิวท์อินคู่กัน

    “ในนี้มีผู้หญิงน้อยมากเลยน่อ พอๆกับประวัติศาสตร์ของจีนบ้านเกิดอั๊วเลย”

    “จริงด้วย ฉันก็เพิ่งสังเกต” กียุลตอบรับ “งั้นมันจะเป็นไปได้มั้ยว่า ของที่หายไปจริงๆจะเป็นของผู้หญิง องค์กรโลกบอกว่ามันคือชุดเครื่องประดับนี่”

    “ที่นายพูดค่อนข้างมีประเด็น งั้นเราลองสืบจากรูปปั้นที่เป็นผู้หญิงก่อนดีไหม?” ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ากียุลมักจะหัวไว แต่ราตรีก็ยังอึ้งอยู่กับการจับต้นชนปลายได้รวดเร็วของหนุ่มเกาหลีคนนี้อยู่ดี

    “เอาสิ”

    ทุกคนต่างแยกย้ายกันมุ่งหน้าไปยังรูปปั้นบุคคลที่เป็นผู้หญิง ไม่นานหญิงสาวชาวจีนก็พบกับสิ่งที่พวกเขากำลังค้นหามาทั้งวัน

    “พวกลื้อ! ใช่อันนี้รึเปล่าน่อ?” เหมยฮัวตะโกนพลางชี้ไปทางรูปปั้นอย่างลุกลี้ลุกลน เธอดีใจแทบไม่ไหวที่ได้เจอมันสักที

    “ไหนๆๆๆ” กียุลผู้ที่อยู่ใกล้ๆรีบวิ่งมาก่อนเพื่อน “เฮ้ย ใช่จริงด้วย”

    “ดูสิน่อ เหมือนกันเปี๊ยบเลย!”

    ภายในชั้นโชว์ที่ถูกปิดกั้นด้วยกระจกใส มีชุดเครื่องประดับสีทองอร่าม ประกอบไปด้วยสร้อยคอ กำไล ต่างหูและปิ่นปักผม ที่ทำไมดูคุ้นตาพวกเหมยฮัวพิกล

    “เดี๋ยวก่อนสิขอรับคุณเหมยฮัว ถ้าของที่พวกเราตามหามันหายไปจริงๆ แล้วทำไมมันยังอยู่ในพิพิธภัณฑ์ล่ะขอรับ”

    “แบบจำลองหรือเปล่า?” ราตรีที่มาเสริมคนสุดท้ายเอ่ยขึ้น “ทางรัฐบาลมักจะทำของลอกเลียนแบบขึ้นมาน่ะ ในกรณีที่ของสูญหาย”

    “อาจจะใช่อย่างที่อาราตรีพูดก็ได้น่อ” เหมยฮัวถดถอยจากชั้นวางอย่างเศร้าใจ ก่อนที่ปากสีชมพูพีชของเธอจะยู่ลง

    “โธ่ อย่าห่อเหี่ยวแบบนั้นสิขอรับ คุณเหมยฮัวเป็นคนหาเจอเลยน้า”

    ราตรีโน้มตัวลงอ่านประวัติที่ถูกสลักบนแผ่นเหล็กสีทองที่ติดอยู่ข้างเครื่องประดับ “เดี๋ยวฉันจะแปลสิ่งที่เขียนให้พวกนายฟังนะ”

    “เอาสิ” กียุลตอบ

    “ชุดเครื่องประดับทองคำ หรือ ชุดเครื่องประดับสุรนารี เป็นเครื่องประดับที่ท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม ได้รับพระราชทานจากกษัตริย์ในสมัยนั้นเนื่องจากสามารถต่อต้านการรุกรานของกองทัพเมืองศัตรูได้ โดยที่สร้อย ต่างหู และกำไลที่ทำมาจากทองคำแท้ ประดับเพชรพลอยหลากชนิด ถูกมอบโดยกษัตริย์ มีมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท หรือ 1.1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ส่วนปิ่น…” ราตรีเงียบไป สีหน้าของเธอตึงเครียดมากขึ้น คิ้วสองข้างเริ่มชนกัน เมื่อความรู้สึกเริ่มรับรู้สิ่งแปลกประหลาดในของชิ้นนี้

    “มีอะไรรึเปล่าน่อ”

    “เหมยฮัว… ฉันขอดูปิ่นนั่นอีกทีได้ไหม ปิ่นที่เธอให้ฉันดูเมื่อตอนอยู่บนรถไฟฟ้า”

    .

    .

    .

    ราว 2 ชั่วโมงก่อน

    BTS Siam, on the way to the museum

    ‘พวกเธอเจออะไรมาเยอะเหมือนกันนะ ยังซนเหมือนแต่ก่อนเลย’ ราตรีหัวเราะเล็กๆให้กับความเปิ่นของแก๊งเพื่อนของตน พลางโซซัดโซเซเล็กน้อยเมื่อรถไฟฟ้ากำลังเลี้ยว

    ‘จริงน่อ พวกอั๊วเหนื่อยโคตรๆเลย อ้อ! อั๊วมีของจะให้ดูด้วย’

    ‘อะไรรึ’

    ‘อั๊วไม่รู้หรอกว่ามันเกี่ยวกับคดีนี้มั้ย แต่อาครูไอริณก็แนะนำมาว่าให้เก็บติดตัวไว้จะดีกว่า อาทิวาเลยฝากไว้ที่อั๊วน่ะ’ 

    ‘ปิ่นปักผมรึ? คล้ายของอันที่ทิวาสวมประจำเลย’ ราตรีหยิบปิ่นปักผมลายไทยสีทองมาสำรวจดู ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปทั่วด้าม สิ่งที่แถมมากับความสวยงามคือความโบราณที่ราตรีหลงใหล แต่มันน่าแคลบเคลืองใจเพราะสิ่งที่สัมผัสได้มันดูโบราณเกินจากยุคสมัยปัจจุบันไปมากๆ

    ‘มันคล้ายๆแหละน่อ แต่ไม่ใช่อันเดียวกัน อันนี้พวกอั๊วเจอที่สวนพฤกษศาสตร์บนเรือดุ๊กของโนอาห์’ 

    ‘อ่อ… ช่างอภิรามยิ่ง (ช่างงดงามยิ่ง)’

    ‘ใช่มั้ยล่ะน่อ’

    ‘ฉันว่าเหมยฮัวเก็บไว้ก่อนดีกว่า ฉันยิ่งคลั่งไคล้ของโบราณอยู่ด้วย ถ้าหายจะไม่รับประกัน’

    ‘ฮ่าๆ ก็ได้น่อ’

    .

    .

    .

    “ได้น่อ” เหมยฮัวยื่นปิ่นปักผมให้ราตรี ส่วนสาวไทยผู้ชื่นชอบของโบราณรับมาแล้วใช้สายตาสำรวจของในมือกับประวัติบนแผ่นเหล็กให้ถี่ถ้วนอยู่หลายรอบ

    “อย่าบอกนะว่าปิ่นปักผมนี่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย!?” กียุลโพล่งขึ้น สายตาที่เบิกโพลงของเขาบ่งบอกความไม่เชื่อ

    “อืม เกรงว่ามันจะเกี่ยวข้องด้วยน่ะ นายยังหัวไวเยี่ยงเดิมเลยนะ” ราตรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูท่าเพื่อนของเธอดันเข้าไปพัวพันกับเรื่องใหญ่ระดับโลกอีกแล้วสิ “ดูสิ หน้าตาเหมือนในรูปภาพราวกับแกะ มันคืออันเดียวกันไม่ผิดแน่”

    “Oh shxt…”

    “ฉันจะแปลต่อนะ ส่วนปิ่น ที่ทำมาจากทองคำแท้ และฝังไปด้วยเพชรเม็ดเล็กมากมายจำนวน มากกว่าร้อยกะรัต ถูกมอบโดยราชินีในสามปีถัดมา มีมูลค่ามากกว่า 120 ล้านบาท หรือ 3.3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ พูดง่ายๆก็คือ ถ้าเรานับเป็นเงินบาท เจ้าปิ่นนี่ มูลค่ามันมากกว่าของสามชิ้นนี้รวมกันเสียอีก”

    “พระเจ้า นี่ล้อเล่นกันใช่มั้ย??” ฮอรัสช็อคจนทำอะไรไม่ถูก

    “อั๊วว่าพระเจ้าลื้อไม่น่าล้อเล่นแรงขนาดนี้นา”

    “ยังไม่จบ” ราตรีแปลบทความต่อ “แต่เนื่องจากปิ่นของจริงถูกเก็บรักษาโดยทายาทของท้าวสุรนารี ทำให้พิพิธภัณฑ์มีเพียงแค่รูปภาพและแบบจำลองนำมาแสดงเท่านั้น ส่วนเครื่องประดับของจริงที่เหลือหายสาปสูญไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 20xx หรือก็คือ สิบปีที่แล้วนับจากตอนนี้ ของที่จัดแสดงเป็นเพียงของจำลองเท่านั้น”

    “สิบปีงั้นเหรอ…”

    “อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันกลัวคืออะไรรู้มั้ย” สาวไทยผู้เชี่ยวชาญเรื่องของโบราณกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล มือเล็กของเธอยื่นกลับไปให้เพื่อนสาวชาวจีนเก็บรักษาไว้ “กลัวว่าสิ่งที่โจรตามหาจริงๆจะไม่ใช่สร้อย กำไลหรือต่างหูนั่น”

    “...”

    แต่เป็นปิ่นปักผมชิ้นนี้

    “แล้วพวกเราจะทำยังไงดีล่ะน่อ” เมื่อทุกคนได้ยินคำถามของเหมยฮัว ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ไม่มีแม้กระทั่งเสียงหายใจ

    “ฮอรัสอย่าหยุดหายใจดิ!!!”

    “ขะ ขอโทษขอรับกียุล เวลาผมช็อคหนักๆมักจะชอบลืมหายใจ”

    “ของแบบนี้มันลืมไม่ได้เพื่อนนน”


    บี๊บ บี๊บ


    “อะแฮ่มๆ ท่านประธาน!” เสียงกระแอมของดันเต้ดังออกมาจากเข็มกลัดติดหน้าอกของกียุล 

    “ฉันบอกกี่รอบแล้วว่าฉันไม่ได้เป็นประธานแล้วนะ ไอ้นี่”

    “แต่เดี๋ยวปีหน้าก็ได้เป็นอยู่ดีแหละน่า เข้าเรื่องกันดีกว่า อะแฮ่มๆ” ดันเต้จงใจกวนเพื่อนเกาหลีด้วยการกระแอมปลอมๆอีกครั้ง 

    “กวนบาทาชะมัดนะนายเนี่ย”

    “เราแฮคข้อมูลได้สำเร็จแล้วน้า แล้วได้ข้อมูลของของมาแล้วด้วย ตั้งนานกว่จะได้แน่ะ”

    “นายแฮคตั้งนาน?”

    “เหอะ อเล็กเซทำ ฉันทำแค่ต่อยเจ้าหน้าที่ไปสองสามหมัดจนเขาสลบแค่นั้นแหละ”

    “เชื่อเลย… ไหนได้อะไรมาบ้าง เอาอเล็กเซมาคุยดีกว่า คุยกับนายวันนี้ก็ไม่จบ”

    “ก็ได้ๆ อเล็กซี่!!”

    “คร้าบบบ ผมมาแล้วว” เสียงสดใสของอเล็กเซทำกียุลและเพื่อนๆหัวใจพองโตขึ้นเยอะ เพราะทุกครั้งที่เขาอารมณ์ดีราวกับถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หลังจากทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายเสร็จ แปลว่าเขาทำสำเร็จตามที่ดันเต้พูดไว้จริงๆ “เอาจริงๆผม copy ข้อมูลเอาไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ กลับโรงแรมไปเราค่อยดูรายละเอียดกัน ส่วนหลักๆที่ผมจะบอกคือ”

    “...”

    “ผมเจอประวัติของหาย ที่หายแบบนักท่องเที่ยวทำหาย ไม่ใช่โดนขโมยนะฮะ แล้วมันมีชิ้นนึงที่คล้ายกับปิ่นที่เราเจอกันที่สวนพฤกษศาสตร์ ของชิ้นนั้นมันหายไปตอนพฤษภาคมปี 20xx ปีเดียวกับที่ชุดเครื่องประดับหายไป แต่ชุดเครื่องประดับหายในเดือนธันวา ก็แปลว่าปิ่นหายก่อนชุดเครื่องประดับประมาณ 7 เดือนฮะ”

    “อ่อ… ฉันเริ่มงงแล้วแฮะ ที่ตู้โชว์บอกว่าปิ่นไม่เคยหาย แต่ถูกเก็บรักษาโดยทายาท”

    “อ่าวเหรอฮะ อาจจะคนละปิ่นก็ได้นะ ถ้ามันถูกเก็บโดยทายาทจริง มันไม่มีทางมาหายในนี้ได้หรอกฮะ”

    “ก็จริง”

    “แล้วข้อมูลที่เหลือที่ผมเจอมันตรงกับที่ตู้โชว์มั้ยครับ”

    “ตรงนะ โดยเฉพาะเวลาที่หาย เหมือนกันเป๊ะ”

    “งั้นก็ยืนยันได้แล้วนะฮะว่า เราเจอของที่กำลังหาไปอีกขั้นนึงแล้ว”

    “อื้ม”


    บิ๊บ บิ๊บ


    “แปบนึงนะอเล็กเซ ยูริทักมาก”

    กียุลแตะสองครั้งที่เข็มกลัดเป็นการวางสาย ก่อนจะแตะค้างหนึ่งครั้งเพื่อรับสายใหม่ที่เข้ามา

    “ยอโบเซโย”

    “คุณกียุลเจ้าคะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”

    “เกิดอะไรขึ้น!?” เสียงอุทานที่จู่ๆก็ดังขึ้นของกียุล เป็นเหตุให้ทั้งสามที่กำลังคุยสัพเพเหระหันขวับมายังชายหนุ่มทันที

    “คือพอดีเจ้านิลมันน่ารักเกินไปน่ะเจ้าค่ะ ตอนนี้เลยมีตำรวจประมาณสิบคนกำลังรุมเล่นกับเจ้านิล แถมสีหน้ามันเหมือนไม่อยากจะเล่นต่อแล้ว ยูริเลยจะถามว่าพวกคุณกียุลเสร็จยังน่ะเจ้าคะ ยูริจะได้ไปเอาตัวเจ้านิลออกมา ระหว่างนั้นพวกคุณก็รีบออกมาจากพิพิธภัณฑ์”

    “อ่อ ได้สิๆ เดี๋ยวพวกฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ เจอกันที่ร้านกาแฟนะ”

    “เจ้าค่ะ งั้นยูริไปรับเจ้านิลก่อนนะเจ้าคะ สงสารน้อง”

    “เข้าใจแล้ว”


    -Call ended-


    “มีอะไรเหรอน่อ ตะโกนซะดังเชียว” 

    “อ่อ…” ร่างสูงหันมาหาเพื่อนของตน ก่อนจะหลุดขำเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะมีคนสนใจแมวสีขาวสลับเทาตัวนั้นเยอะขนาดนี้ “เราต้องไปกันแล้วล่ะ พอดีเจ้านิลมันป๊อปปูล่าร์เกินไป”

    “ฮะ?”

    .

    .

    .

    “แง้ววววว!!!”

    “โอ๋ๆ ไม่งอนนะเจ้าคะเจ้านิล พวกยูริขอโทษน้า”

    “แง้ววววว!!!”

    ตอนนี้เหล่าเจ้าหญิงและเจ้าชายกำลังยืนรอรถไฟฟ้า และเจ้านิลในอ้อมอกของยูริกำลังโกรธสุดๆที่ปล่อยให้มันถูกจกพุงราวครึ่งชั่วโมงได้ มันเอาแต่ขู่ฟ่อๆใส่ทุกคน ยูริจึงต้องรีบป้อนขนมให้ เจ้านิลจึงจะหยุดขู่และหายโกรธ

    “รถไฟฟ้ามากันแล้ว ขึ้นกันเถอะขอรับ” ฮอรัสเตือนเพื่อนๆของตนที่กำลังเม้าท์มอยอย่างออกรสออกชาติให้รีบขึ้นรถก่อน


    'สถานีต่อไป อารีย์ Next Station, Ari.'


    “เฮ้อ… ถึงวันนี้จะเหนื่อยและเครียด แต่ก็สนุกดีนะขอรับ” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมยาวสีเขียวไบแคอ่อนเห็นว่าคนข้างๆซึมผิดปกติ จึงพยายามดึงความสนใจ หวังว่าจะทำให้เขาหันมาตอบรับตนได้บ้างก็ยังดี

    “อืม”

    “จดจ่อกับเสียงเครื่องยนต์เยอะไปมันไม่ดีนะขอรับ กียุล”

    “อืม ก็จริง” กียุลเห็นด้วย เขาก้มลงมองต่ำไปยังพื้นรถไฟสีครีมนวล “วิวกรุงเทพสวยดีเนอะ”

    “กรุงเทพไม่ได้อยู่บนพื้นขอรับ เดี๋ยวเถอะ”

    “ก็ได้ๆ” หลังจากโยนลูกบอลคำพูดใส่กันไปมา กียุลจึงถอดใจและเงยหน้ามองคู่สนทนาอย่างโดยดี

    “คุณดูซึมจังเลย คิดถึงคุณทิวาเหรอ”

    “ก็ด้วยแหละ แล้วก็คิดถึงความปลอดภัยของพวกนายด้วย ตั้งแต่ที่ฉันรู้ที่มาของของที่เราตามหา มันยิ่งทำให้ฉันวิตกกังวลไปอีกสิบเท่าอะ”

    “กระผมเข้าใจครับ กระผมก็เป็น” มือหนาของหนุ่มอียิปต์วางบนไหล่ของเพื่อนชาวเกาหลี สื่อว่าไม่ต้องกังวลไปหรอก “กระผมกังวลเกี่ยวกับครูไอริณด้วยเหมือนกัน เธอบอกว่าจะพาเรามาพักผ่อน ให้ไปเที่ยว แต่คนที่แทบไม่ได้พักเลยกลับเป็นเค้านะขอรับ”

    “จริง โน้มน้าวยังไงเธอก็ไม่ยอมพัก อ้อ!”

    “?”

    กียุลอุทานในจังหวะที่เขานึกอะไรบางอย่างออก ต้องรีบพูดก่อนจะลืม

    “ฮอรัส ฉันได้ของดีมาล่ะ”

    “อะไรเหรอขอรับ”

    “ไฟล์เกี่ยวกับคดีนี้ ฉันไปไถไออาทิตย์มา เดี๋ยวฉัน airdrop ไปให้ คืนนี้อย่าลืมเอาไปให้พวกนั้นดูด้วยนะ”

    “เดี๋ยวก่อนๆๆ คุณไปไถคุณอาทิตย์มา??? ให้ผมเดานะ ไฟล์พวกนี้มันคือความลับขององค์กรไม่ใช่เหรอ!?”

    “ใช่ ถึงนายทำเป็นพูดเหมือนไม่เห็นด้วย แต่ก็กดรับอย่างไวเลยนะ” กียุลชูโทรศัพท์ที่แจ้งเตือนขึ้นว่าข้อมูลได้ถูกส่งไปยัง Horus’s iPhone เรียบร้อยแล้ว

    “แหะๆ ของดีก็ต้องรีบคว้าไว้สิ จริงมั้ยขอรับ”


    กริ๊ง~

    -Mr.Sila is Calling-


    “มีคนโทรมา ขอเวลาแปบนึงนะ”

    “ได้ขอรับ”

    มือหนากดปุ่มรับสาย ก่อนจะใส่หูฟังไร้สายไว้ที่หูข้างขวา

    “สวัสดีครับ”

    [กียุลลูก คืนนี้ลูกว่างมั้ย] 

    “เอ่อ… ว่างครับ มีอะไรึเปล่าครับ”

    [อ๋อ พอดีว่า…] ศิลากระอักกระอ่วนใจที่จะพูดออกมา เขาจัดการกับความคิดของตัวเองอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจถามปลายสายไปตรงๆ [พ่อจะให้หนูมาเฝ้าคนไข้ค้างคืนที่คลินิคให้หน่อยน่ะ พอดีพ่อมีเคสกะทันหันที่โรงพยาบาลคืนนี้]

    “อะ เอ่อ….. แต่ผมไม่เคยดูแลคนไข้มาก่อนนะครับ”

    [คนนี้ไม่ต้องทำอะไร ลูกแค่มานั่งเฝ้าคลินิคก็พอน่ะ ไม่ต้องฉีดยาป้อมข้าวหรืออะไรเลย จะพาเพื่อนมาด้วยก็ได้นะ น้า นะนะ ช่วยพ่อที]

    “อ่า… ครับ งั้นเดี๋ยวผมพาเพื่อนไปคนนึงนะครับ”

    [ขอบคุณมากลูก! คีย์การ์ดเข้าบ้านจะซ่อนอยู่หลังกระถางต้นไม้ที่สามนับจากทางซ้ายนะ เดี๋ยวพ่อขอไปเตรียมของก่อนนะ มาเมื่อไหร่ก็ทำตัวตามสบายให้เหมือนบ้านตัวเองเลย]

    “ได้ครับคุณพ่อ”

    [ขอบคุณอีกครั้งจริงๆนะกียุล พ่อไปก่อนนะ]

    “ครับผม”

    “...”

    “...”

    “ใครโทรมาเหรอขอรับ”

    “พ่อของทิวาน่ะ บอกว่ามีงานเข้าที่โรงพยาบาล”

    “อ๋อ แล้วเขาโทรมาบอกกียุลทำไมเหรอขอรับ”

    “นั่นแหละประเด็น” มือแกร่งของหนุ่มเกาหลีคว้าเข้าที่ข้อมือของอีกฝ่ายอย่างแรง พร้อมกับสายตาที่จ้องไปยังเพื่อนของเขาด้วยความแรงที่ใกล้เคียงกัน “นาย ต้องไปกับฉัน”

    “ฮะ?? ไปไหน??”

    “ไปดูแลคนไข้ที่คลินิค”

    “ฮะ???? กระผมไม่เคยดูแลคนป่วยนะ”

    “ฉันก็ไม่เคยเหมือนกัน พ่อทิวาเขาบอกว่าแค่นั่งเฝ้าเฉยๆ คงไม่มีอะไรหรอก”

    “ฮะ… แค่นั้นเองเหรอขอรับ”

    “หวังว่าจะแค่นั้น”

    “เอาเถอะ กระผมไปด้วยก็ได้” ฮอรัสค่อยๆแกะมือของกียุลออก ก่อนจะยืนยันกับอีกฝ่ายว่าจะไปด้วยกันจริงๆ จนกียุลเริ่มมีท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้นมา “กระผมพูดจริงๆ ไม่เทหรอกน่า”

    “โอเค นายพูดแล้วนะ”


    “เฮ้อ… นอกจากจะต้องเป็นนักสืบจำเป็น แฮคเกอร์จำเป็น นักต่อสู้จำเป็น ยังต้องเป็นคุณหมอจำเป็นอีกด้วยเหรอขอรับ”

    “เอาน่า เรียนโรงเรียนเจ้าชาย คอนเท้นต์ในชีวิตก็เยอะอย่างนี้แหละ”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×