ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #42 : ตอนที่ 31 : อดใจไม่ไหว

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 65


    TB

    31

    อดใจไม่ไหว



    “เอ่อ… เราจะต่อจากตอนกลางวันจริงๆเหรอกียุล” เสียงใสของหญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มคนข้างๆ ยิ่งมือของพวกเขากำลังเกาะกุมกันอยู่ในขณะที่พูดถึงเรื่องนั้น ยิ่งทำให้ความเห่อร้อนบนใบหน้าของพวกเขาทวีคูณ

    “ฉันอยากนะ แต่ถ้าเธอไม่สบายใจค่อยไว้วันหลังก็ได้”

    “ก็ไม่ได้ไม่สบายใจอะไรขนาดนั้นหรอก” ทิวาทิ้งช่วงไปสักพักก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา “ก็แค่.. เขินนิดหน่อย”

    ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองไปทางแฟนสาวของตน ก็พบว่าเธอเขินจริงๆ ดูจากทั้งแก้มใสและใบหูทั้งสองที่ถูกแต้มด้วยสีแดงฉ่า มันยิ่งทำให้เขารู้สึก


    ‘น่ารักชะมัด’


    “เธออย่าทำท่าทางอย่างนั้นดิ ฉันไม่ชอบนะรู้มั้ย”

    “ทำไมยะ ฉันก็แค่พูดตามความจริงเอง นายไม่ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “ก็ใช่น่ะสิ เพราะมันจะทำให้ฉันทนไม่ไหวเอา” อ้อมแขนแกร่งคว้าร่างของหญิงสาวมาไว้ในอ้อมกอดแล้วซุกใบหน้าของเขาไปยังซอกคอของเธอทันที 

    “ดะ เดี๋ยวซี่!!! หยุดนะเดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก!!” ทิวารีบยันตัวกียุลออกทันที แต่ชายหนุ่มก็ยังดื้อไม่ยอมปล่อยจนเธอต้องหยิกไปที่แขนแรงๆหนึ่งทีก่อนที่เขาจะยอมปล่อยแต่โดยดี

    “แถวนี้ไม่มีใครหรอกน่า”

    “ยังจะเถียงอีกนะ แล้วไม่เห็นพวกนั้นที่เดินกันขวักไขว่รึไง!?” ทิวาชี้ไปทางสุดปลายของทางเดินที่มีนักเรียนโนอาห์เดินอยู่เป็นกลุ่ม

    “โอเคๆยอมแล้ว ฉันไม่เห็นพวกนั้นเอง แล้วจะเข้าห้องได้ยัง ฉันอยากจะกอดเธอจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”

    “ต้องเข้าห้องก่อนนะ เข้าใจมั้ย?” ทิวาทำตาแข็งใส่กียุล ส่วนเจ้าตัวก็พยักหน้าเข้าใจโดยดี

    ทั้งสองเดินต่อกันจนถึงประตูหน้าห้องพักของราชาทั้ง 5 กียุลรีบไขประตูแล้วดึงทิวาให้เข้าไปทันที ในวินาทีที่แขนทั้งสองของเขากำลังจะโอบกอดหญิงสาว สติสัมปชัญญะเสี้ยวนึงของชายหนุ่มก็รับรู้ได้ว่า ห้องนี้มันเป็นห้องนั่งเล่นรวมของพวกเขานี่หว่า!

    “จะทำอะไรกันน่ะทั้งสอง” โรซารี่ที่นั่งจิบชาอยู่ที่โต๊ะแถวๆประตูทักพวกเขาขึ้น ทำให้นาซิสซ่า ยูริและเหมยฮัวที่นั่งดูหนังในห้องหันมามองเป็นตาเดียว

    “อ่า... เอ่อ… ยัยลิงแย่งของฉันไปซ่อนอยู่ข้างหลังน่ะสิ ใช่มั้ยยัยลิง”

    “เอ่อ… ใช่ๆๆๆ ฉันแย่งของมา”

    “เหรอ”

    “ช่ายยย...”

    “ถ้าพวกเธอว่าอย่างนั้นก็โอเค เดี๋ยวรอพวกผู้ชายไปซื้อของกินแปบนึงก็ออกมากินกันได้เลยนะ” โรซารี่พยักหน้าแล้วหันไปสนใจถ้วยชาในมือของเธอต่อ

    “โอเค งั้นเดี๋ยวไปรอในห้องนะ ถ้าเสร็จแล้วเรียกด้วย” 

    ทิวาตอบรับแล้วรีบเดินเข้าห้องทันที โดยที่กียุลก็รีบเดินตามไปติดๆ

    “อากียุลดูท่าจะรอไม่ไหวแล้วนะน่อ”

    “นั่นสิยะ/เจ้าคะ”

    พูดจบทั้งสามก็หันไปดูหนังต่อ

    .

    .

    .


    “นายทำบ้าอะไรเนี่ย!?”

    “ขอโทษ ก็ฉันอยากกอดเธอนี่นา แถมลืมไปด้วยว่าเวลาเข้าห้องมันจะเจอห้องนั่งเล่นก่อน ก่อนที่จะเป็นห้องนอนพวกฉัน”

    “เฮ้อ...” ตอนแรกคำด่าก็ลอยเต็มอยู่ในหัวเลยนะ แต่พอเห็นกียุลทำปากยู่คอตกแล้วน้ำเสียงออดอ้อนก็ทำให้ทิวาไม่กล้าเปิดปากว่าเลย

    “งั้นตอนนี้ ฉันกอดเธอได้แล้วใช่มั้ย”

    “ไม่อะ”

    “อ้าว” กียุลยิ่งคอตกหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำปฏิเสธจากทิวา


    สวบ!


    “ไม่ให้ไม่กอดหรอก!”

    “โธ่ยัยลิง!”

    เมื่อกี้ก็เป็นแค่มุกแกล้งเล่นๆของทิวาเท่านั้น สาวเจ้าก็แค่อยากเอาคืนชายหนุ่มเฉยๆ เธอรีบเข้าไปสวมกอดเขาทันทีก่อนที่เขาจะเสียใจไปมากกว่านี้ ฝั่งกียุลที่รู้ว่าโดนแกล้งก็กอดตอบแล้วรัดเธอแน่นด้วยความมันเขี้ยว

    “แสบนักนะ!!”

    “ก็นายแสบใส่ฉันก่อนนี่นา อ๊ะ!?”

    ร่างสูงอุ้มตัวของร่างบางขึ้นแล้วเดินไปยังเตียงนอนที่ตั้งอยู่กลางห้อง เขาค่อยๆวางเธอลงบนเตียงอย่างช้าๆแล้วอ้อมตัวขึ้นไปนั่งอยู่ตรงหัวนอน แผ่นหลังแกร่งพิงกับหัวเตียงบุนวมนิ่มด้วยผ้าสักหลาดสีครีมก่อนจะดึงคนตัวเล็กให้เข้ามาอยู่ในตักแล้วโอบกอด

    “ทำไม ตกใจรึไง”

    “ก็นิดหน่อย เห็นนายชอบพูดว่าทนไม่ไหวๆ”

    “ฮ่าๆ ฉันทนไม่ไหวจริงๆนั่นแหละ แต่ฉันก็ไม่อยากรีบร้อนอะไร รู้อยู่หรอกว่าเธอยังไม่พร้อม” มือหนาลูบหัวของหญิงสาวเบาๆก่อนจะวางคางของตนลงบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม

    “ขอบคุณนะที่คิดถึงฉัน”

    “ฉันคิดถึงเธอตลอดอยู่แล้วมั้ยยัยลิง”

    “ไม่ใช่คิดถึงแบบนั้นย่ะ หมายถึงขอบคุณที่แคร์ความรู้สึกฉันน่ะ”

    “ของมันแน่อยู่แล้ว ฉันน่ะมีความสุภาพบุรุษเต็มเปี่ยมแถมยังมีจิตใจที่งดงาม”

    “ให้เดานะนายคงเก๊กทำหน้าเชิดอยู่แน่ๆ”

    “หนอยยัยลิ๊ง!!!” กียุลหยิกแก้มทั้งสองข้างของทิวาด้วยความมันเขี้ยวทันทีจนแก้มแทบจะยืดเป็นโมจิ

    “เอบอ๊าาา (เจ็บน้าาา)”

    “เธอมาว่าฉันก่อนทำไมล่ะ”

    “ก็นายขี้เก๊กจริงๆนี่นา” มือของหญิงสาวลูบที่แก้มเพื่อคลายความเจ็บ แถมเธอยังสัมผัสได้ถึงความบวมหน่อยๆอีกด้วย 

    “เลิกทำแก้มป่องจะได้มั้ยยัยลิง”

    “ฉันไม่ได้ทำ! นายนั่นแหละมาดึงแก้มฉันจนป่องเองอะ” ปากของร่างเล็กยู่พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเพื่อแสดงความไม่พอใจพลางทำเสียงฟึดฟัดออกมา แต่ท่าทางอย่างนั้นบวกกับแก้มที่แดงๆเพราะโดนหยิกมันโคตรจะน่ารักสำหรับกียุลเลย

    “ทำปากยู่อย่างนี้จะยั่วให้จูบรึไง”

    “แล้วใครบอกว่าไม่ให้จูบล่ะ” 

    หญิงสาวพุ่งตัวเข้าไปประทับจูบบนริมฝีปากของเขาภายในเวลาอันรวดเร็วแล้วถอนจูบออก เหนือความคาดหมายของชายหนุ่มนิดหน่อยเพราะเขาไม่ได้ทันตั้งตัวว่าทิวาจะพุ่งมาจุ๊บแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาก็ชอบที่โดนจูบก่อนนี่แหละ

    “ทำไมแปบเดียวเองอะยัยลิง”

    “ก็ฉันเขินนี่นา! ไม่เคยจูบใครก่อนด้วยเลยยังทำไม่ค่อยเป็น..” ทิวาตะโกนเสียงดังในต้นประโยค แต่คำพูดต่อมากลับเบาลงเรื่อยๆเพราะไม่อยากให้ร่างสูงได้ยิน

    แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินหมดเลย

    “ไม่เป็นก็ฝึกสิ แบบนี้ไง” 

    ชายหนุ่มประคองที่ท้ายทอยของหญิงสาวแล้วค่อยๆโน้มตัวลงมา ระยะห่างลดน้อยลงเรื่อยๆจนถูกแทนที่ด้วยความหวานที่ร้อนผ่าวจากริมฝีปากของทั้งสอง เขาขยับตัวของร่างเล็กให้ใกล้ชิดตัวมากขึ้น ส่วนตัวเธอก็ค่อยๆนำแขนสองข้างโอบล้อมรอบคอของเขา ทั้งสองแลกเปลี่ยนรสหวานด้วยกันระยะนึงจึงค่อยๆผละออกอย่างอ้อยอิ่ง

    “หน้าเธอแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศอีกนะ เขินฉันรึไง”

    “รู้คำตอบอยู่แล้วแล้วจะมาถามทำซากอะไรเล่า”

    “พูดไม่เพราะเลยนะ ต้องโดนทำโทษดีมั้ยนะ”

    “ไม่ดีค่ะ!” เอ้าพูดเพราะเฉย

    “ไม่ล่ะ โดนทำโทษนั่นแหละดีแล้ว เธอจะได้ไม่พูดไม่เพราะอีก”

    “ถ้างั้นก่อนจะไม่ได้พูดไม่เพราะอีก ขอพื้นที่ให้ฉันพูดหน่อยนะ”

    “ห๊ะ?”

    “อีตาตี๋แว่นขี้เก๊ก @#$%^&*()(*&^%$#@!!!!” ทิวาไม่รอให้คนตรงหน้ายินยอมก็สาดคลังคำด่าออกมาใส่หน้าเขาอย่างกับปาพจนานุกรมใส่ แล้วแต่ละคำมันคือคำด่ากียุลทั้งนั้นเลยนี่หว่า

    “ยัยลิงกั๊ง!!!!!!”

    .

    .

    .


    ทางฝั่งของห้องนั่งเล่นรวม

    “คุณเหมยฮัวเลือกเรื่องที่มันน่าสนุกหน่อยสิเจ้าคะ เรื่องเมื่อกี้น่าเบื่อมากเลย”

    “ฉันเห็นด้วยกับยัยยูริ ดูแล้วจะหลับ”

    “เอ้า ก็อั๊วไม่รู้ว่ามันจะน่าเบื่อขนาดนั้น เห็น trailer มันสนุกดีอะน่อ”

    “ยัยลิงกั๊ง!!!!!!”

    “!!??” จู่ๆเสียงกอริลล่ากียุล(?)ก็ดังลั่นออกมาจากห้องนอนของเขาชนิดที่เฟอร์นิเจอร์ในห้องสั่นกันเป็นแถบ

    “Oh my god สองคนนั้นมันทำอะไรกันน่ะกียุลถึงได้โมโหขนาดนั้น” โรซารี่ถึงกับอุทานออกมา

    “ไม่รู้สิน่อ รู้แค่แค่ได้ยินเสียงแบบนั้น อาทิวาก็น่าจะสู่ขิตในไม่ช้า”

    “ร่วมอวยพรให้คุณทิวาไปสู่สุข-”

    “ยัยลิงยังไม่ตายย่ะเธอนี่!!”


    โป๊ก!


    “โอ๊ย!! คุณนาซิสซ่าตียูริทำไมเจ้าคะ” นาซิสซ่าจัดการฟาดพัดอันสวยหรูของตนลงตรงกลางกระหม่อมของยูริพอดิบพอดี ความเจ็บแสบมหาศาลแล่นปรี๊ดเข้าสู่โซนความรู้สึกภายในเวลาไม่กี่เสี้ยววิพร้อมกับน้ำตาที่เล็ดออกมาจากดวงตา “หัวโนเลยฮือ”

    “ก็เธอไปพูดเหมือนกับยัยลิงจะตาย มันไม่สมควรพูดนะยะ!”

    “เอาเถอะๆ แต่เสียงมันเงียบไปแล้วหนิ” พอโรซารี่พูดจบ ทุกคนก็เงี่ยหูฟังอีกรอบ ซึ่งมันก็เงียบลงแล้วจริงๆ

    “คุณทิวาขิตแล้วเหรอเจ้าคะ”

    “ยัยยูริ ฉันบอกว่าห้ามพูด!!!”

    “อ๊ากก คุณนาซิสซ่าอย่าฆ่ายูริน้า”

    .

    .

    .


    ภายในห้องพักของประธานนักเรียนคลาสดุ๊ก

    “อึก! อื้อ… อื้อ...”

    “นี่ทิวา เบาเสียงลงหน่อยสิ” ชายหนุ่มเอื้อมตัวมากระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา มันทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่าง

    “อือ….”

    “นั่นแหละ ดีมาก” เขาเอ่ยชมคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างพึงพอใจพลางเหยียดยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ

    “โอ๊ย! นายตี๋ เบาๆ ฉันเจ็บ”

    “ตรงไหน ตรงนี้เหรอ?”

    “เออใช่ๆแถวนั้นแหละ ฉันปวดมาหลายวันแล้ว”

    “ไปซนอีท่าไหนถึงเส้นได้ยึดเนี่ยฮะยัยลิง”

    “ถามแม่ฉันสิ ให้ฉันซ้อมจะเป็นจะตายเนี่ย!”

    ใช่แล้ว… เสียงข้างต้นที่ดังออกมานั้น เป็นเพราะกียุลกำลังนวดให้ทิวาอยู่นั่นเอง

    ในตอนแรกชายหนุ่มวางแผนในหัวไว้หลายสเต็ปเลยว่าจะทำโทษแบบไหน ทำยังไง แรงมั้ย นั่งหรือนอน แต่พอถึงจังหวะที่เขากอดรัดญิงสาวแน่นและเธอก็ดันตัวเขาออกสุดฤทธิ์ จู่ๆหลังเจ้ากรรมของหญิงสาวก็ปวดแปล๊บขึ้นมากะทันหันจนทำให้เธอต้องร้องจ๊าก กียุลที่ยังพอมีความรู้น้อยนิดเกี่ยวกับการนวดก็ช่วยนวดคลายเส้นให้เธอ และพับการลงโทษในฝันของเขาลงไว้ตรงนั้น


    ‘คอยดูเถอะ ครั้งหน้าเธอไม่รอดแน่ยัยลิง’


    “ดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ ขอบใจนะ”

    “ไม่มีปัญหา”

    “แล้วนายปวดตรงไหนบ้างป่ะ” ทิวาค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งแล้วขยับหลังไปมาเบาๆ ถอนหายใจพลางรู้สึกโล่งสุดๆแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    “เอาจริงก็ปวดหลังเหมือนกันนะ น่าจะใกล้เป็น office syndrome แล้วแหละ”

    “อายุเท่านี้ปวดหลังแล้วเหรอ”

    “คอกับไหล่ด้วย”

    “เฉียบ!” ทั้งสองไฮไฟฟ์กันทันทีที่กียุลตบมุก ให้มันได้อย่างนี้สิไอคุณแฟน! โบ๊ะบ๊ะจัดจัด

    “เออชอบๆ นานๆทีจะส่งมุกกันได้เพอร์เฟค”

    “ใช่ป่ะ สรุปปวดหลังใช่มั้ย ฉันจะได้นวดให้” หญิงสาวจับชายหนุ่มนอนคว่ำกับเตียงแล้วเลิกเสื้อของเขาขึ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังที่กระชับไปด้วยกล้ามเนื้อ 


    ‘โอ้โหอะไรจะดีขนาดนี้ เดี๋ยวๆตั้งสติก่อนทิวา เลิกจ้องก่อน!!’


    สองมือเล็กของหญิงสาวบรรจงคลึงตรงบริเวณที่หลังของชายหนุ่มปวด เธอค่อยๆลงน้ำหนักแรงขึ้นแต่ก็ไม่ถึงขั้นเจ็บมาก ก่อนจะไล่ลงมาจนถึงช่วงล่างของหลัง

    “อย่าโดนก้นฉันนะยัยลิง”

    “ใครมันจะไปจับก้นนายล่ะยะ!?”

    “เผื่อเธอคิดจะจับไง”

    “สมองนายคิดได้แค่นี้รึไง เดี๋ยวก็หยุดนวดซะหรอก” ทิวา(แกล้งทำเป็น)งอนแล้วชักมือออก ทำให้กียุลต้องรีบคว้ามือหญิงสาวไว้แล้วเอามาวางตรงที่ที่ปวด

    “ขอโทษครับ ไม่พูดแล้ว นวดต่อให้หน่อย”

    “ก็ได้”

    .

    .

    .


    “กลับมาแล้วคร้าบบ” ดันเต้เปิดประตูออกพร้อมกับถุงใส่อาหารประมาณสี่ถุงใหญ่ๆ ซึ่งเพื่อนๆที่เหลือก็ถือถุงอาหารที่ใหญ่พอๆกันมาเหมือนกัน

    “ซื้อมาได้มั้ย” นาซิสซ่าถาม

    “ให้ฮอรัสกับคริสซื้อให้น่ะครับ พวกนั้นซื้อได้แล้ว” ดันเต้ตอบกลับก่อนจะหยิบกล่องบรรจุไวน์สีดำทึบ บนกล่องสลักชื่อไวน์ด้วยตัวอักษรภาษาฝรั่งเศสสีทองหรูหรามาวางไว้ตรงหน้าแฟนสาวของตนอย่างทะนุถนอม “ไวน์ที่สั่ง ได้แล้วครับ”

    “อืม.. Domaine de la Romanée Conti เซ้นส์นายนี่ดีเกินคาดเลยนะ ขอบคุณนะดันเต้”

    “ยินดีครับ” 

    “โชคดีที่เลดี้นาซิสซ่าชอบ ไม่งั้นยูตายแน่มายเฟรนด์” คริสโตเฟอร์กระซิบเบาๆกับดันเต้ให้ได้ยินกันแค่สองคน

    “นั่นดิครับ นึกว่าจะตายแล้ว” ดันเต้แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามีชีวิตรอดไปอีกหนึ่งวันแล้วเพราะเจ้าตัวดันโดนรับสั่งให้ไปหาซื้อไวน์ที่คุณภาพดีและต้องถูกใจคุณหนูอย่างนาซิสซ่า โดยที่เธอไม่บอกอะไรเลยแม้กระดั่งชื่อยี่ห้อหรืออยากได้ไวน์ขาวหรือไวน์แดง ทำให้ชีวิตเขาแทบจะแขวนอยู่บนเส้นด้ายเลยทีเดียว

    “ทำไมทำหน้าเครียดอย่างนั้นล่ะ” นาซิสซ่าที่เดินตามหนุ่มอเมริกันและอิตาลีมาข้างหลังทักขึ้น ทำให้พวกเขาดีดตัวออกจากกันทันที

    “เหนื่อยนิดหน่อยน่ะครับ แหะๆ”

    “เหนื่อยเหรอ ก็แหงสิ วันนี้พวกนายต้องถ่ายรูปทั้งวันโดยไม่ได้พักเลยนี่นา” หญิงสาวก้มตัวลงไปหยิบแก้วไวน์สี่แก้วจากเค้าเตอร์บาร์ชั้นล่างก่อนจะนำมันวางไว้บนถาด

    “ดันเต้ มานี่หน่อยสิ” นาซิสซ่ากวักมือเรียกชายหนุ่ม

    “มีอะไรเหรอครับ”


    จุ๊บ!


    “เอ๋!?” 

    “หวังว่านายจะหายเหนื่อยบ้างนะ แล้วก็ขอบใจที่ไปซื้อไวน์ให้ฉันด้วย :)” หญิงสาวดึงตัวชายหนุ่มให้มาใกล้ๆแล้วมอบจุมพิตให้เขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว เป็นเหตุให้ใบหน้าขาวสไตล์ตะวันตกขึ้นสีพีชจางๆ ทำให้นาซิสซ่าถึงกับอมยิ้มในผลงานของเธอ

    “คะ คุณนาซิสซ่าอย่าแย่งจูบผมอย่างนี้สิ!”

    Whoaaaaa Oh my god!! I need to tell everyone about this!!” คริสโตเฟอร์ที่อยู่ในเหตุการณ์หน้าแดงแปร๊ดยิ่งกว่าคู่รักที่เพิ่งจูบกันแล้วทำท่าจะวิ่งไปป่าวประกาศเรื่องนี้ให้โลกรู้แต่ก็ถูกนาซิสซ่ากระชากคอเสียก่อน 

    “แอ้ก!!!”

    “ถ้านายเอาเรื่องนี้ไปล้อ นายตายแน่!” รังสีอำมหิตถูกแผ่ไปทั่วบริเวณจนทำให้ทุกคนที่อยู่แถวนั้นขนลุกซู่กันเป็นแถบ

    “คะ คร้าบบบบ!!”

    “เสียงดังอะไรกันเนี่ยน่อ” จู่ๆเหมยฮัวก็โผล่มาข้างหลังพวกเขาทั้งสามพร้อมฮอรัส 

    “แค่จะสั่งสอนคริสนิดหน่อยน่ะ”

    “งั้นช่วยสั่งสอนเขาแรงๆด้วยนะขอรับคุณนาซิสซ่า เดี๋ยวพวกผมขอใช้ครัวหน่อย พอดีพวกผมจะทำมาม่าหม้อไฟน่ะขอรับ” ฮอรัสระบายยิ้มให้นาซิสซ่าแต่สายตาส่งมาบอกว่า ‘เอาให้ตายไปเลยนะ’ นาซิสซ่าก็เข้าใจได้ไม่ยากแล้วพยักหน้าพร้อมส่งตอบไปว่า ‘ขอมาก็จัดให้’

    “ไม่รักเพื่อนกันเลยเหรอฟะพวกยูเนี่ย!!”

    “ไปกันเถอะขอรับคุณเหมยฮัว”

    “โอเคน่อ” ร่างสูงผู้มีเรือนผมสีเขียวเข้มจูงมือแฟนสาวของตนเข้าไปในครัว

    “งั้นเราก็ไปกันบ้างดันเต้”

    “ครับที่รัก” ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวชาวฝรั่งเศสก็ชวนแฟนหนุ่มของตนกลับไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นโดยไม่ลืมที่จะลากหูของเพื่อนหัวส้มตัวแสบตามมาด้วย

    “โอ๊ยๆๆๆๆไอเจ็บนะนาซิสซ่า! ยูริจางช่วยด้วยยย”

    .

    .

    .


    ภายในห้องครัวกลางของราชาทั้ง 5

    “แน่ใจเหรอน่อที่จะไม่ให้อั๊วช่วย?” หญิงสาวชาวจีนเอ่ยถามคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆในขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำมาม่าหม้อไฟ

    “ขอรับ คุณเหมยฮัวแค่ยืนคุมอยู่ข้างๆก็ได้ คราวนี้ผมอยากลองทำดูน่ะ”

    “เห็นว่าเมนูนี้ไม่ยากมากหรอกนะน่อ อั๊วถึงยอมให้ลื้อทำเองคนเดียว”

    “ขอบคุณขอรับ”

    หญิงสาวกระโดดดึ๋งขึ้นไปนั่งตรงเค้าเตอร์บาร์พร้อมกับแกว่งขาอย่างสบายใจ พลางนำแอปเปิ้ลสามสี่ลูกมาโยนจั๊กกลิ้งแบบที่เคยทำสมัยอยู่ชมรมกายกรรม ส่วนชายหนุ่มที่ง่วนอยู่กับการทำอาหารก็หันมาดุเธอเบาๆแต่ก็อดหัวเราะกับท่าทีที่เหมือนเด็กของเธอไม่ได้

    “ฮ่าๆ คุณเหมยฮัวลงมาเดี๋ยวนี้นะขอรับ เดี๋ยวก็โดนน้ำซุปกระเด็นใส่หรอก”

    “จะดุหรือจะขำเอาสักอย่างสิน่อ”

    “จะเอาคุณเหมยฮัวขอรับ”

    “พูดอะไรน่ะอาฮอรัส!!??” หญิงสาวขึ้นเสียงแล้วรีบปาแอปเปิ้ลในมือใส่ชายหนุ่มอย่างลนลาน 

    “โอ๊ยๆๆๆใจเย็นขอรับ กระผมเจ็บ”

    “ก็ลื้อพูดอะไรน่าอายออกมาได้หน้าตาเฉยได้ไง”

    “กระผมพูดจริงนะครับ แล้วตอนนี้ก็กำลังอดใจอยู่ด้วย”

    “หมายความว่าไงน่อ” ถึงน้ำเสียงจะอ่อนลงมาบ้าง แต่มือของหญิงสาวก็ยังปาของใส่ชายหนุ่มไม่หยุด

    “ก็หมายความว่า” ร่างสูงเดินไปจนชิดกับเค้าเตอร์บาร์ หน้าท้องของเขากำลังแนบกับขาของคนตัวเล็กจนเธอสามารถสัมผัสได้ถึงกล้ามหน้าท้องลางๆ สองมือรีบคว้าข้อมือของเธอให้หยุด ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้ใบหน้าของเธอเรื่อยๆ “ถ้าคุณเหมยฮัวไม่หยุดปา งั้นกระผมก็จะไม่หยุดแล้วนะขอรับ”

    “...”

    “...”

    “หยะ หยุดก็ได้น่อ แล้วเอาหน้าออกไปสักทีสิ อั๊วเขิน” เหมยฮัวยอมลดมือลงแล้ววางของกลับเข้าที่แต่โดยดี 

    “ดีมากขอรับ งั้นกระผมขอทำหม้อไฟต่อก่อน เดี๋ยวไหม้”

    “โอเคน่อ”

    บรรยากาศกลับมาปกติอีกครั้ง สายตาของหญิงสาวจับจ้องไปที่หม้อขนาดใหญ่ที่กำลังเดือดปุดๆ เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและส่วนประกอบต่างๆอย่างเช่นอาหารทะเลเด้งขึ้นลงตามการแตกตัวของฟองอากาศราวกับกำลังเต้นระบำอยู่ท่ามกลางน้ำซุป กลิ่นหอมของเหล่าเครื่องปรุงลอยโชยมากระตุ้นความอยากอาหารของทั้งสองคนเป็นอย่างดี

    เสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อกดังขึ้นมาจากทั้งสองพร้อมกัน ฮอรัสจึงเปิดประเด็นชวนคุยขึ้น เผื่อจะลืมความหิวไปได้บ้าง

    “คุณเหมยฮัวไปฝึกจั๊กกลิ้งมาจากไหนเหรอขอรับ”

    “อ๋อ เพราะอั๊วอยู่ชมรมกายกรรมตอนคลาสพริ้นเซสน่ะ เลยเล่นเป็น แต่ตอนนี้อั๊วไม่ได้อยู่แล้ว”

    “อ้าว ทำไมล่ะขอรับ”

    “อั๊วอยากลองอยู่ชมรมอื่นบ้างน่ะ แถมหารุ่นน้องที่ฝีมือดีมารับช่วงต่อได้แล้วเลยออกมา ตอนนี้อั๊วอยู่ชมรมบอร์ดเกม”

    “โห คนละขั้วกับกายกรรมเลยนะขอรับ”

    “ใช่แล้วน่อ แต่ก็ผ่อนคลายดีนะ ลื้อเคยเล่นเปล่า”

    “เคยแต่นานๆครั้งขอรับ แค่งานสภานักเรียนก็หืดขึ้นคอแล้ว”

    “โห ก็จริงน่อ พวกลื้อควรพักบ้างนะ แล้วอย่างนี้อากียุลงานไม่หนักแย่เหรอน่อ เป็นถึงประธานนักเรียน” 

    “คนนั้นงานหนักสุดน่ะสิขอรับ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าหาเวลาว่างไปอยู่กับคุณทิวาบ่อยๆได้ไง” ฮอรัสตักน้ำซุปมาเล็กน้อยก่อนจะเป่าแล้วยื่นให้เหมยฮัวชิม “ลองชิมดูหน่อยขอรับว่าได้รึยัง”

    “...”

    “...”

    “อืมมม ยังขาดความเข้มข้นไปน่อ ใส่พวกซองๆที่ให้มากับบะหมี่เพิ่มอีกหน่อยก็น่าจะได้แล้ว” เหมยฮัวรับรสอยู่พักนึงก่อนจะแนะนำฮอรัสไป ส่วนชายหนุ่มก็ใส่เครื่องปรุงเพิ่มตามที่เธอบอก

    “โอเคขอรับ ว่าแต่คุณเหมยฮัวชอบครัวแบบไหนเหรอ”

    “ทำไมอะน่อ”

    “เห็นคุณเหมยฮัวชอบทำอาหาร เลยคิดว่าคุณน่าจะมีครัวในฝันที่อยากจะมีอยู่น่ะขอรับ”

    “อ๋อ อั๊วชอบครัวที่กว้าง มีพื้นที่เดินเยอะ และก็ต้องมีอุปกรณ์ครบครันด้วยน่อ อั๊วไม่ชอบห้องครัวที่ตกแต่งรกๆน่ะมันทำความสะอาดลำบาก ไม่ก็แนวมินิมอลก็ได้”

    “ชอบอะไรคล้ายๆกระผมเลยนะขอรับ ไว้ในอนาคตเรามาสร้างครัวแบบนั้นด้วยกันนะขอรับ”

    “เอาสิน่อ ทำอาหารด้วยกันน่าจะสนุกแน่เลย”

    “แล้วรสชาติแบบนี้คุณเหมยฮัวพอกินได้มั้ยขอรับ” ชายหนุ่มตักหม้อไฟลงชามสองชาม ชามนึงสำหรับคนที่ไม่กินเผ็ด ส่วนอีกชามสำหรับคนชอบรสรุนแรงเฉกเช่นสาวชาวจีนอย่างเหมยฮัว

    “ได้นะน่อ ก็อร่อยดีนะ”

    “โล่งอกไปทีขอรับ กระผมจะได้ไม่กังวลมากเวลาทำอาหารให้คุณกิน”

    “ไม่ต้องหรอกน่อ อั๊วชอบทำอาหาร ให้อั๊วทำให้กินดีกว่า เดี๋ยวมือลื้อจะบาดเจ็บเอาด้วย”

    “ไม่เป็นไรหรอกขอรับ กระผมอยากตื่นมาทำอาหารเช้าง่ายๆให้คุณกินบ้าง กระผมอยากเป็นสามีที่ดีที่ทำอาหารให้ที่รักผมกินทุกเช้าน่ะขอรับ”

    “คิดไปถึงอนาคตเลยเหรออาฮอรัส อั๊วดีใจอยู่หรอกที่ลื้อคิด แต่ว่ามันจะไม่น่าเสียดายเหรอถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งพวกเราเลิกกันไปก่อนที่อนาคตพวกนั้นจะเกิดขึ้น”

    “ไม่หรอกขอรับ” ฮอรัสละมือจากเครื่องครัวแล้วกุมมือของหญิงสาว ดวงตาสีม่วงของเขามองใบหน้าของเธอแล้วระบายยิ้มให้อ่อนๆ เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงจังแต่ก็อ่อนโยนที่ส่งผ่านมามาทางแววตาของเขา

    “ไม่มีวันที่จะเกิดขึ้นแน่นอน เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าผมอยากจะยืนอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป และคุณก็น่าจะรู้อยู่แล้นะครับว่าถ้าผมตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ผมจะทำมันอย่างเต็มที่และสุดชีวิต ผมรู้สึกโชคดีที่มีคุณอยู่ข้างๆ ได้โปรดอย่าคิดแบบนั้นอีกเลยนะขอรับ” 

    “อื้ม อั๊วสัญญาว่าจะไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว ขอบคุณนะที่คอยอยู่ข้างๆอั๊ว”

    เพีงแค่คำไม่กี่สิบคำที่ธรรมดา ไม่ได้ถูกประดิษฐ์ให้สวยหรู แต่มันกลับมีความหมายมากซะจนทำให้หัวใจของหญิงสาวพองโตและมีชีวิตชีวาขึ้น

    ตั้งแต่วินาทีที่ชายหนุ่มเอ่ยประโยคนั้นออกมา หญิงสาวก็รู้สึกโชคดีที่สุดในโลกที่มีเขาอยู่ข้างๆเช่นกัน


    _________________________________________________________________


    สวัสดีค่าผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกันอีกแล้วว ตอนนี้ไรท์มีรูปวาดมาฝากกันด้วยค่ะ


    คู่อาหมวยกับหนุ่มอียิปต์เรานั่นเองค่า ขอโทษที่ทำให้รอคู่นี้นานนะคะ หวังว่าจะชอบรูปกันน้า

    หลังจากตอนนี้เราอาจจะทำการอัพช้าลงกว่าแต่ก่อนค่ะ เนื่องจากภารกิจทางการเรียน+การทำงานของไรท์ (แต่ไรท์ยังไม่แก่นะ! ยังวัยเรียนอยู่วว) ทำให้มีเวลาว่างน้อยลงค่ะ อาจจะ 1-2 อาทิตย์จะอัพตอนนึง แต่ว่าไรท์จะชดเชยด้วยการมีรูปประกอบให้ในบางตอน หวังว่าผู้อ่านจะไม่โกรธไรท์กันนะคะ ;--;

    ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ตามอ่านกันมา ทุกกำลังใจทำให้ไรท์มีแรงเขียนต่อ ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า <3


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×