คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : ตอนที่ 31 : อดใจไม่ไหว
31
อดใจไม่ไหว
“เอ่อ… เราจะต่อจากตอนกลางวันจริงๆเหรอกียุล” เสียงใสของหญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มคนข้างๆ ยิ่งมือของพวกเขากำลังเกาะกุมกันอยู่ในขณะที่พูดถึงเรื่องนั้น ยิ่งทำให้ความเห่อร้อนบนใบหน้าของพวกเขาทวีคูณ
“ฉันอยากนะ แต่ถ้าเธอไม่สบายใจค่อยไว้วันหลังก็ได้”
“ก็ไม่ได้ไม่สบายใจอะไรขนาดนั้นหรอก” ทิวาทิ้งช่วงไปสักพักก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา “ก็แค่.. เขินนิดหน่อย”
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองไปทางแฟนสาวของตน ก็พบว่าเธอเขินจริงๆ ดูจากทั้งแก้มใสและใบหูทั้งสองที่ถูกแต้มด้วยสีแดงฉ่า มันยิ่งทำให้เขารู้สึก
‘น่ารักชะมัด’
“เธออย่าทำท่าทางอย่างนั้นดิ ฉันไม่ชอบนะรู้มั้ย”
“ทำไมยะ ฉันก็แค่พูดตามความจริงเอง นายไม่ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ เพราะมันจะทำให้ฉันทนไม่ไหวเอา” อ้อมแขนแกร่งคว้าร่างของหญิงสาวมาไว้ในอ้อมกอดแล้วซุกใบหน้าของเขาไปยังซอกคอของเธอทันที
“ดะ เดี๋ยวซี่!!! หยุดนะเดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก!!” ทิวารีบยันตัวกียุลออกทันที แต่ชายหนุ่มก็ยังดื้อไม่ยอมปล่อยจนเธอต้องหยิกไปที่แขนแรงๆหนึ่งทีก่อนที่เขาจะยอมปล่อยแต่โดยดี
“แถวนี้ไม่มีใครหรอกน่า”
“ยังจะเถียงอีกนะ แล้วไม่เห็นพวกนั้นที่เดินกันขวักไขว่รึไง!?” ทิวาชี้ไปทางสุดปลายของทางเดินที่มีนักเรียนโนอาห์เดินอยู่เป็นกลุ่ม
“โอเคๆยอมแล้ว ฉันไม่เห็นพวกนั้นเอง แล้วจะเข้าห้องได้ยัง ฉันอยากจะกอดเธอจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”
“ต้องเข้าห้องก่อนนะ เข้าใจมั้ย?” ทิวาทำตาแข็งใส่กียุล ส่วนเจ้าตัวก็พยักหน้าเข้าใจโดยดี
ทั้งสองเดินต่อกันจนถึงประตูหน้าห้องพักของราชาทั้ง 5 กียุลรีบไขประตูแล้วดึงทิวาให้เข้าไปทันที ในวินาทีที่แขนทั้งสองของเขากำลังจะโอบกอดหญิงสาว สติสัมปชัญญะเสี้ยวนึงของชายหนุ่มก็รับรู้ได้ว่า ห้องนี้มันเป็นห้องนั่งเล่นรวมของพวกเขานี่หว่า!
“จะทำอะไรกันน่ะทั้งสอง” โรซารี่ที่นั่งจิบชาอยู่ที่โต๊ะแถวๆประตูทักพวกเขาขึ้น ทำให้นาซิสซ่า ยูริและเหมยฮัวที่นั่งดูหนังในห้องหันมามองเป็นตาเดียว
“อ่า... เอ่อ… ยัยลิงแย่งของฉันไปซ่อนอยู่ข้างหลังน่ะสิ ใช่มั้ยยัยลิง”
“เอ่อ… ใช่ๆๆๆ ฉันแย่งของมา”
“เหรอ”
“ช่ายยย...”
“ถ้าพวกเธอว่าอย่างนั้นก็โอเค เดี๋ยวรอพวกผู้ชายไปซื้อของกินแปบนึงก็ออกมากินกันได้เลยนะ” โรซารี่พยักหน้าแล้วหันไปสนใจถ้วยชาในมือของเธอต่อ
“โอเค งั้นเดี๋ยวไปรอในห้องนะ ถ้าเสร็จแล้วเรียกด้วย”
ทิวาตอบรับแล้วรีบเดินเข้าห้องทันที โดยที่กียุลก็รีบเดินตามไปติดๆ
“อากียุลดูท่าจะรอไม่ไหวแล้วนะน่อ”
“นั่นสิยะ/เจ้าคะ”
พูดจบทั้งสามก็หันไปดูหนังต่อ
.
.
.
“นายทำบ้าอะไรเนี่ย!?”
“ขอโทษ ก็ฉันอยากกอดเธอนี่นา แถมลืมไปด้วยว่าเวลาเข้าห้องมันจะเจอห้องนั่งเล่นก่อน ก่อนที่จะเป็นห้องนอนพวกฉัน”
“เฮ้อ...” ตอนแรกคำด่าก็ลอยเต็มอยู่ในหัวเลยนะ แต่พอเห็นกียุลทำปากยู่คอตกแล้วน้ำเสียงออดอ้อนก็ทำให้ทิวาไม่กล้าเปิดปากว่าเลย
“งั้นตอนนี้ ฉันกอดเธอได้แล้วใช่มั้ย”
“ไม่อะ”
“อ้าว” กียุลยิ่งคอตกหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำปฏิเสธจากทิวา
สวบ!
“ไม่ให้ไม่กอดหรอก!”
“โธ่ยัยลิง!”
เมื่อกี้ก็เป็นแค่มุกแกล้งเล่นๆของทิวาเท่านั้น สาวเจ้าก็แค่อยากเอาคืนชายหนุ่มเฉยๆ เธอรีบเข้าไปสวมกอดเขาทันทีก่อนที่เขาจะเสียใจไปมากกว่านี้ ฝั่งกียุลที่รู้ว่าโดนแกล้งก็กอดตอบแล้วรัดเธอแน่นด้วยความมันเขี้ยว
“แสบนักนะ!!”
“ก็นายแสบใส่ฉันก่อนนี่นา อ๊ะ!?”
ร่างสูงอุ้มตัวของร่างบางขึ้นแล้วเดินไปยังเตียงนอนที่ตั้งอยู่กลางห้อง เขาค่อยๆวางเธอลงบนเตียงอย่างช้าๆแล้วอ้อมตัวขึ้นไปนั่งอยู่ตรงหัวนอน แผ่นหลังแกร่งพิงกับหัวเตียงบุนวมนิ่มด้วยผ้าสักหลาดสีครีมก่อนจะดึงคนตัวเล็กให้เข้ามาอยู่ในตักแล้วโอบกอด
“ทำไม ตกใจรึไง”
“ก็นิดหน่อย เห็นนายชอบพูดว่าทนไม่ไหวๆ”
“ฮ่าๆ ฉันทนไม่ไหวจริงๆนั่นแหละ แต่ฉันก็ไม่อยากรีบร้อนอะไร รู้อยู่หรอกว่าเธอยังไม่พร้อม” มือหนาลูบหัวของหญิงสาวเบาๆก่อนจะวางคางของตนลงบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม
“ขอบคุณนะที่คิดถึงฉัน”
“ฉันคิดถึงเธอตลอดอยู่แล้วมั้ยยัยลิง”
“ไม่ใช่คิดถึงแบบนั้นย่ะ หมายถึงขอบคุณที่แคร์ความรู้สึกฉันน่ะ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว ฉันน่ะมีความสุภาพบุรุษเต็มเปี่ยมแถมยังมีจิตใจที่งดงาม”
“ให้เดานะนายคงเก๊กทำหน้าเชิดอยู่แน่ๆ”
“หนอยยัยลิ๊ง!!!” กียุลหยิกแก้มทั้งสองข้างของทิวาด้วยความมันเขี้ยวทันทีจนแก้มแทบจะยืดเป็นโมจิ
“เอบอ๊าาา (เจ็บน้าาา)”
“เธอมาว่าฉันก่อนทำไมล่ะ”
“ก็นายขี้เก๊กจริงๆนี่นา” มือของหญิงสาวลูบที่แก้มเพื่อคลายความเจ็บ แถมเธอยังสัมผัสได้ถึงความบวมหน่อยๆอีกด้วย
“เลิกทำแก้มป่องจะได้มั้ยยัยลิง”
“ฉันไม่ได้ทำ! นายนั่นแหละมาดึงแก้มฉันจนป่องเองอะ” ปากของร่างเล็กยู่พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเพื่อแสดงความไม่พอใจพลางทำเสียงฟึดฟัดออกมา แต่ท่าทางอย่างนั้นบวกกับแก้มที่แดงๆเพราะโดนหยิกมันโคตรจะน่ารักสำหรับกียุลเลย
“ทำปากยู่อย่างนี้จะยั่วให้จูบรึไง”
“แล้วใครบอกว่าไม่ให้จูบล่ะ”
หญิงสาวพุ่งตัวเข้าไปประทับจูบบนริมฝีปากของเขาภายในเวลาอันรวดเร็วแล้วถอนจูบออก เหนือความคาดหมายของชายหนุ่มนิดหน่อยเพราะเขาไม่ได้ทันตั้งตัวว่าทิวาจะพุ่งมาจุ๊บแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาก็ชอบที่โดนจูบก่อนนี่แหละ
“ทำไมแปบเดียวเองอะยัยลิง”
“ก็ฉันเขินนี่นา! ไม่เคยจูบใครก่อนด้วยเลยยังทำไม่ค่อยเป็น..” ทิวาตะโกนเสียงดังในต้นประโยค แต่คำพูดต่อมากลับเบาลงเรื่อยๆเพราะไม่อยากให้ร่างสูงได้ยิน
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินหมดเลย
“ไม่เป็นก็ฝึกสิ แบบนี้ไง”
ชายหนุ่มประคองที่ท้ายทอยของหญิงสาวแล้วค่อยๆโน้มตัวลงมา ระยะห่างลดน้อยลงเรื่อยๆจนถูกแทนที่ด้วยความหวานที่ร้อนผ่าวจากริมฝีปากของทั้งสอง เขาขยับตัวของร่างเล็กให้ใกล้ชิดตัวมากขึ้น ส่วนตัวเธอก็ค่อยๆนำแขนสองข้างโอบล้อมรอบคอของเขา ทั้งสองแลกเปลี่ยนรสหวานด้วยกันระยะนึงจึงค่อยๆผละออกอย่างอ้อยอิ่ง
“หน้าเธอแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศอีกนะ เขินฉันรึไง”
“รู้คำตอบอยู่แล้วแล้วจะมาถามทำซากอะไรเล่า”
“พูดไม่เพราะเลยนะ ต้องโดนทำโทษดีมั้ยนะ”
“ไม่ดีค่ะ!” เอ้าพูดเพราะเฉย
“ไม่ล่ะ โดนทำโทษนั่นแหละดีแล้ว เธอจะได้ไม่พูดไม่เพราะอีก”
“ถ้างั้นก่อนจะไม่ได้พูดไม่เพราะอีก ขอพื้นที่ให้ฉันพูดหน่อยนะ”
“ห๊ะ?”
“อีตาตี๋แว่นขี้เก๊ก @#$%^&*()(*&^%$#@!!!!” ทิวาไม่รอให้คนตรงหน้ายินยอมก็สาดคลังคำด่าออกมาใส่หน้าเขาอย่างกับปาพจนานุกรมใส่ แล้วแต่ละคำมันคือคำด่ากียุลทั้งนั้นเลยนี่หว่า
“ยัยลิงกั๊ง!!!!!!”
.
.
.
ทางฝั่งของห้องนั่งเล่นรวม
“คุณเหมยฮัวเลือกเรื่องที่มันน่าสนุกหน่อยสิเจ้าคะ เรื่องเมื่อกี้น่าเบื่อมากเลย”
“ฉันเห็นด้วยกับยัยยูริ ดูแล้วจะหลับ”
“เอ้า ก็อั๊วไม่รู้ว่ามันจะน่าเบื่อขนาดนั้น เห็น trailer มันสนุกดีอะน่อ”
“ยัยลิงกั๊ง!!!!!!”
“!!??” จู่ๆเสียงกอริลล่ากียุล(?)ก็ดังลั่นออกมาจากห้องนอนของเขาชนิดที่เฟอร์นิเจอร์ในห้องสั่นกันเป็นแถบ
“Oh my god สองคนนั้นมันทำอะไรกันน่ะกียุลถึงได้โมโหขนาดนั้น” โรซารี่ถึงกับอุทานออกมา
“ไม่รู้สิน่อ รู้แค่แค่ได้ยินเสียงแบบนั้น อาทิวาก็น่าจะสู่ขิตในไม่ช้า”
“ร่วมอวยพรให้คุณทิวาไปสู่สุข-”
“ยัยลิงยังไม่ตายย่ะเธอนี่!!”
โป๊ก!
“โอ๊ย!! คุณนาซิสซ่าตียูริทำไมเจ้าคะ” นาซิสซ่าจัดการฟาดพัดอันสวยหรูของตนลงตรงกลางกระหม่อมของยูริพอดิบพอดี ความเจ็บแสบมหาศาลแล่นปรี๊ดเข้าสู่โซนความรู้สึกภายในเวลาไม่กี่เสี้ยววิพร้อมกับน้ำตาที่เล็ดออกมาจากดวงตา “หัวโนเลยฮือ”
“ก็เธอไปพูดเหมือนกับยัยลิงจะตาย มันไม่สมควรพูดนะยะ!”
“เอาเถอะๆ แต่เสียงมันเงียบไปแล้วหนิ” พอโรซารี่พูดจบ ทุกคนก็เงี่ยหูฟังอีกรอบ ซึ่งมันก็เงียบลงแล้วจริงๆ
“คุณทิวาขิตแล้วเหรอเจ้าคะ”
“ยัยยูริ ฉันบอกว่าห้ามพูด!!!”
“อ๊ากก คุณนาซิสซ่าอย่าฆ่ายูริน้า”
.
.
.
ภายในห้องพักของประธานนักเรียนคลาสดุ๊ก
“อึก! อื้อ… อื้อ...”
“นี่ทิวา เบาเสียงลงหน่อยสิ” ชายหนุ่มเอื้อมตัวมากระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา มันทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่าง
“อือ….”
“นั่นแหละ ดีมาก” เขาเอ่ยชมคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างพึงพอใจพลางเหยียดยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ
“โอ๊ย! นายตี๋ เบาๆ ฉันเจ็บ”
“ตรงไหน ตรงนี้เหรอ?”
“เออใช่ๆแถวนั้นแหละ ฉันปวดมาหลายวันแล้ว”
“ไปซนอีท่าไหนถึงเส้นได้ยึดเนี่ยฮะยัยลิง”
“ถามแม่ฉันสิ ให้ฉันซ้อมจะเป็นจะตายเนี่ย!”
ใช่แล้ว… เสียงข้างต้นที่ดังออกมานั้น เป็นเพราะกียุลกำลังนวดให้ทิวาอยู่นั่นเอง
ในตอนแรกชายหนุ่มวางแผนในหัวไว้หลายสเต็ปเลยว่าจะทำโทษแบบไหน ทำยังไง แรงมั้ย นั่งหรือนอน แต่พอถึงจังหวะที่เขากอดรัดญิงสาวแน่นและเธอก็ดันตัวเขาออกสุดฤทธิ์ จู่ๆหลังเจ้ากรรมของหญิงสาวก็ปวดแปล๊บขึ้นมากะทันหันจนทำให้เธอต้องร้องจ๊าก กียุลที่ยังพอมีความรู้น้อยนิดเกี่ยวกับการนวดก็ช่วยนวดคลายเส้นให้เธอ และพับการลงโทษในฝันของเขาลงไว้ตรงนั้น
‘คอยดูเถอะ ครั้งหน้าเธอไม่รอดแน่ยัยลิง’
“ดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ ขอบใจนะ”
“ไม่มีปัญหา”
“แล้วนายปวดตรงไหนบ้างป่ะ” ทิวาค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งแล้วขยับหลังไปมาเบาๆ ถอนหายใจพลางรู้สึกโล่งสุดๆแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอาจริงก็ปวดหลังเหมือนกันนะ น่าจะใกล้เป็น office syndrome แล้วแหละ”
“อายุเท่านี้ปวดหลังแล้วเหรอ”
“คอกับไหล่ด้วย”
“เฉียบ!” ทั้งสองไฮไฟฟ์กันทันทีที่กียุลตบมุก ให้มันได้อย่างนี้สิไอคุณแฟน! โบ๊ะบ๊ะจัดจัด
“เออชอบๆ นานๆทีจะส่งมุกกันได้เพอร์เฟค”
“ใช่ป่ะ สรุปปวดหลังใช่มั้ย ฉันจะได้นวดให้” หญิงสาวจับชายหนุ่มนอนคว่ำกับเตียงแล้วเลิกเสื้อของเขาขึ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังที่กระชับไปด้วยกล้ามเนื้อ
‘โอ้โหอะไรจะดีขนาดนี้ เดี๋ยวๆตั้งสติก่อนทิวา เลิกจ้องก่อน!!’
สองมือเล็กของหญิงสาวบรรจงคลึงตรงบริเวณที่หลังของชายหนุ่มปวด เธอค่อยๆลงน้ำหนักแรงขึ้นแต่ก็ไม่ถึงขั้นเจ็บมาก ก่อนจะไล่ลงมาจนถึงช่วงล่างของหลัง
“อย่าโดนก้นฉันนะยัยลิง”
“ใครมันจะไปจับก้นนายล่ะยะ!?”
“เผื่อเธอคิดจะจับไง”
“สมองนายคิดได้แค่นี้รึไง เดี๋ยวก็หยุดนวดซะหรอก” ทิวา(แกล้งทำเป็น)งอนแล้วชักมือออก ทำให้กียุลต้องรีบคว้ามือหญิงสาวไว้แล้วเอามาวางตรงที่ที่ปวด
“ขอโทษครับ ไม่พูดแล้ว นวดต่อให้หน่อย”
“ก็ได้”
.
.
.
“กลับมาแล้วคร้าบบ” ดันเต้เปิดประตูออกพร้อมกับถุงใส่อาหารประมาณสี่ถุงใหญ่ๆ ซึ่งเพื่อนๆที่เหลือก็ถือถุงอาหารที่ใหญ่พอๆกันมาเหมือนกัน
“ซื้อมาได้มั้ย” นาซิสซ่าถาม
“ให้ฮอรัสกับคริสซื้อให้น่ะครับ พวกนั้นซื้อได้แล้ว” ดันเต้ตอบกลับก่อนจะหยิบกล่องบรรจุไวน์สีดำทึบ บนกล่องสลักชื่อไวน์ด้วยตัวอักษรภาษาฝรั่งเศสสีทองหรูหรามาวางไว้ตรงหน้าแฟนสาวของตนอย่างทะนุถนอม “ไวน์ที่สั่ง ได้แล้วครับ”
“อืม.. Domaine de la Romanée Conti เซ้นส์นายนี่ดีเกินคาดเลยนะ ขอบคุณนะดันเต้”
“ยินดีครับ”
“โชคดีที่เลดี้นาซิสซ่าชอบ ไม่งั้นยูตายแน่มายเฟรนด์” คริสโตเฟอร์กระซิบเบาๆกับดันเต้ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“นั่นดิครับ นึกว่าจะตายแล้ว” ดันเต้แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามีชีวิตรอดไปอีกหนึ่งวันแล้วเพราะเจ้าตัวดันโดนรับสั่งให้ไปหาซื้อไวน์ที่คุณภาพดีและต้องถูกใจคุณหนูอย่างนาซิสซ่า โดยที่เธอไม่บอกอะไรเลยแม้กระดั่งชื่อยี่ห้อหรืออยากได้ไวน์ขาวหรือไวน์แดง ทำให้ชีวิตเขาแทบจะแขวนอยู่บนเส้นด้ายเลยทีเดียว
“ทำไมทำหน้าเครียดอย่างนั้นล่ะ” นาซิสซ่าที่เดินตามหนุ่มอเมริกันและอิตาลีมาข้างหลังทักขึ้น ทำให้พวกเขาดีดตัวออกจากกันทันที
“เหนื่อยนิดหน่อยน่ะครับ แหะๆ”
“เหนื่อยเหรอ ก็แหงสิ วันนี้พวกนายต้องถ่ายรูปทั้งวันโดยไม่ได้พักเลยนี่นา” หญิงสาวก้มตัวลงไปหยิบแก้วไวน์สี่แก้วจากเค้าเตอร์บาร์ชั้นล่างก่อนจะนำมันวางไว้บนถาด
“ดันเต้ มานี่หน่อยสิ” นาซิสซ่ากวักมือเรียกชายหนุ่ม
“มีอะไรเหรอครับ”
จุ๊บ!
“เอ๋!?”
“หวังว่านายจะหายเหนื่อยบ้างนะ แล้วก็ขอบใจที่ไปซื้อไวน์ให้ฉันด้วย :)” หญิงสาวดึงตัวชายหนุ่มให้มาใกล้ๆแล้วมอบจุมพิตให้เขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว เป็นเหตุให้ใบหน้าขาวสไตล์ตะวันตกขึ้นสีพีชจางๆ ทำให้นาซิสซ่าถึงกับอมยิ้มในผลงานของเธอ
“คะ คุณนาซิสซ่าอย่าแย่งจูบผมอย่างนี้สิ!”
“Whoaaaaa Oh my god!! I need to tell everyone about this!!” คริสโตเฟอร์ที่อยู่ในเหตุการณ์หน้าแดงแปร๊ดยิ่งกว่าคู่รักที่เพิ่งจูบกันแล้วทำท่าจะวิ่งไปป่าวประกาศเรื่องนี้ให้โลกรู้แต่ก็ถูกนาซิสซ่ากระชากคอเสียก่อน
“แอ้ก!!!”
“ถ้านายเอาเรื่องนี้ไปล้อ นายตายแน่!” รังสีอำมหิตถูกแผ่ไปทั่วบริเวณจนทำให้ทุกคนที่อยู่แถวนั้นขนลุกซู่กันเป็นแถบ
“คะ คร้าบบบบ!!”
“เสียงดังอะไรกันเนี่ยน่อ” จู่ๆเหมยฮัวก็โผล่มาข้างหลังพวกเขาทั้งสามพร้อมฮอรัส
“แค่จะสั่งสอนคริสนิดหน่อยน่ะ”
“งั้นช่วยสั่งสอนเขาแรงๆด้วยนะขอรับคุณนาซิสซ่า เดี๋ยวพวกผมขอใช้ครัวหน่อย พอดีพวกผมจะทำมาม่าหม้อไฟน่ะขอรับ” ฮอรัสระบายยิ้มให้นาซิสซ่าแต่สายตาส่งมาบอกว่า ‘เอาให้ตายไปเลยนะ’ นาซิสซ่าก็เข้าใจได้ไม่ยากแล้วพยักหน้าพร้อมส่งตอบไปว่า ‘ขอมาก็จัดให้’
“ไม่รักเพื่อนกันเลยเหรอฟะพวกยูเนี่ย!!”
“ไปกันเถอะขอรับคุณเหมยฮัว”
“โอเคน่อ” ร่างสูงผู้มีเรือนผมสีเขียวเข้มจูงมือแฟนสาวของตนเข้าไปในครัว
“งั้นเราก็ไปกันบ้างดันเต้”
“ครับที่รัก” ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวชาวฝรั่งเศสก็ชวนแฟนหนุ่มของตนกลับไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นโดยไม่ลืมที่จะลากหูของเพื่อนหัวส้มตัวแสบตามมาด้วย
“โอ๊ยๆๆๆๆไอเจ็บนะนาซิสซ่า! ยูริจางช่วยด้วยยย”
.
.
.
ภายในห้องครัวกลางของราชาทั้ง 5
“แน่ใจเหรอน่อที่จะไม่ให้อั๊วช่วย?” หญิงสาวชาวจีนเอ่ยถามคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆในขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำมาม่าหม้อไฟ
“ขอรับ คุณเหมยฮัวแค่ยืนคุมอยู่ข้างๆก็ได้ คราวนี้ผมอยากลองทำดูน่ะ”
“เห็นว่าเมนูนี้ไม่ยากมากหรอกนะน่อ อั๊วถึงยอมให้ลื้อทำเองคนเดียว”
“ขอบคุณขอรับ”
หญิงสาวกระโดดดึ๋งขึ้นไปนั่งตรงเค้าเตอร์บาร์พร้อมกับแกว่งขาอย่างสบายใจ พลางนำแอปเปิ้ลสามสี่ลูกมาโยนจั๊กกลิ้งแบบที่เคยทำสมัยอยู่ชมรมกายกรรม ส่วนชายหนุ่มที่ง่วนอยู่กับการทำอาหารก็หันมาดุเธอเบาๆแต่ก็อดหัวเราะกับท่าทีที่เหมือนเด็กของเธอไม่ได้
“ฮ่าๆ คุณเหมยฮัวลงมาเดี๋ยวนี้นะขอรับ เดี๋ยวก็โดนน้ำซุปกระเด็นใส่หรอก”
“จะดุหรือจะขำเอาสักอย่างสิน่อ”
“จะเอาคุณเหมยฮัวขอรับ”
“พูดอะไรน่ะอาฮอรัส!!??” หญิงสาวขึ้นเสียงแล้วรีบปาแอปเปิ้ลในมือใส่ชายหนุ่มอย่างลนลาน
“โอ๊ยๆๆๆใจเย็นขอรับ กระผมเจ็บ”
“ก็ลื้อพูดอะไรน่าอายออกมาได้หน้าตาเฉยได้ไง”
“กระผมพูดจริงนะครับ แล้วตอนนี้ก็กำลังอดใจอยู่ด้วย”
“หมายความว่าไงน่อ” ถึงน้ำเสียงจะอ่อนลงมาบ้าง แต่มือของหญิงสาวก็ยังปาของใส่ชายหนุ่มไม่หยุด
“ก็หมายความว่า” ร่างสูงเดินไปจนชิดกับเค้าเตอร์บาร์ หน้าท้องของเขากำลังแนบกับขาของคนตัวเล็กจนเธอสามารถสัมผัสได้ถึงกล้ามหน้าท้องลางๆ สองมือรีบคว้าข้อมือของเธอให้หยุด ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้ใบหน้าของเธอเรื่อยๆ “ถ้าคุณเหมยฮัวไม่หยุดปา งั้นกระผมก็จะไม่หยุดแล้วนะขอรับ”
“...”
“...”
“หยะ หยุดก็ได้น่อ แล้วเอาหน้าออกไปสักทีสิ อั๊วเขิน” เหมยฮัวยอมลดมือลงแล้ววางของกลับเข้าที่แต่โดยดี
“ดีมากขอรับ งั้นกระผมขอทำหม้อไฟต่อก่อน เดี๋ยวไหม้”
“โอเคน่อ”
บรรยากาศกลับมาปกติอีกครั้ง สายตาของหญิงสาวจับจ้องไปที่หม้อขนาดใหญ่ที่กำลังเดือดปุดๆ เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและส่วนประกอบต่างๆอย่างเช่นอาหารทะเลเด้งขึ้นลงตามการแตกตัวของฟองอากาศราวกับกำลังเต้นระบำอยู่ท่ามกลางน้ำซุป กลิ่นหอมของเหล่าเครื่องปรุงลอยโชยมากระตุ้นความอยากอาหารของทั้งสองคนเป็นอย่างดี
เสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อกดังขึ้นมาจากทั้งสองพร้อมกัน ฮอรัสจึงเปิดประเด็นชวนคุยขึ้น เผื่อจะลืมความหิวไปได้บ้าง
“คุณเหมยฮัวไปฝึกจั๊กกลิ้งมาจากไหนเหรอขอรับ”
“อ๋อ เพราะอั๊วอยู่ชมรมกายกรรมตอนคลาสพริ้นเซสน่ะ เลยเล่นเป็น แต่ตอนนี้อั๊วไม่ได้อยู่แล้ว”
“อ้าว ทำไมล่ะขอรับ”
“อั๊วอยากลองอยู่ชมรมอื่นบ้างน่ะ แถมหารุ่นน้องที่ฝีมือดีมารับช่วงต่อได้แล้วเลยออกมา ตอนนี้อั๊วอยู่ชมรมบอร์ดเกม”
“โห คนละขั้วกับกายกรรมเลยนะขอรับ”
“ใช่แล้วน่อ แต่ก็ผ่อนคลายดีนะ ลื้อเคยเล่นเปล่า”
“เคยแต่นานๆครั้งขอรับ แค่งานสภานักเรียนก็หืดขึ้นคอแล้ว”
“โห ก็จริงน่อ พวกลื้อควรพักบ้างนะ แล้วอย่างนี้อากียุลงานไม่หนักแย่เหรอน่อ เป็นถึงประธานนักเรียน”
“คนนั้นงานหนักสุดน่ะสิขอรับ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าหาเวลาว่างไปอยู่กับคุณทิวาบ่อยๆได้ไง” ฮอรัสตักน้ำซุปมาเล็กน้อยก่อนจะเป่าแล้วยื่นให้เหมยฮัวชิม “ลองชิมดูหน่อยขอรับว่าได้รึยัง”
“...”
“...”
“อืมมม ยังขาดความเข้มข้นไปน่อ ใส่พวกซองๆที่ให้มากับบะหมี่เพิ่มอีกหน่อยก็น่าจะได้แล้ว” เหมยฮัวรับรสอยู่พักนึงก่อนจะแนะนำฮอรัสไป ส่วนชายหนุ่มก็ใส่เครื่องปรุงเพิ่มตามที่เธอบอก
“โอเคขอรับ ว่าแต่คุณเหมยฮัวชอบครัวแบบไหนเหรอ”
“ทำไมอะน่อ”
“เห็นคุณเหมยฮัวชอบทำอาหาร เลยคิดว่าคุณน่าจะมีครัวในฝันที่อยากจะมีอยู่น่ะขอรับ”
“อ๋อ อั๊วชอบครัวที่กว้าง มีพื้นที่เดินเยอะ และก็ต้องมีอุปกรณ์ครบครันด้วยน่อ อั๊วไม่ชอบห้องครัวที่ตกแต่งรกๆน่ะมันทำความสะอาดลำบาก ไม่ก็แนวมินิมอลก็ได้”
“ชอบอะไรคล้ายๆกระผมเลยนะขอรับ ไว้ในอนาคตเรามาสร้างครัวแบบนั้นด้วยกันนะขอรับ”
“เอาสิน่อ ทำอาหารด้วยกันน่าจะสนุกแน่เลย”
“แล้วรสชาติแบบนี้คุณเหมยฮัวพอกินได้มั้ยขอรับ” ชายหนุ่มตักหม้อไฟลงชามสองชาม ชามนึงสำหรับคนที่ไม่กินเผ็ด ส่วนอีกชามสำหรับคนชอบรสรุนแรงเฉกเช่นสาวชาวจีนอย่างเหมยฮัว
“ได้นะน่อ ก็อร่อยดีนะ”
“โล่งอกไปทีขอรับ กระผมจะได้ไม่กังวลมากเวลาทำอาหารให้คุณกิน”
“ไม่ต้องหรอกน่อ อั๊วชอบทำอาหาร ให้อั๊วทำให้กินดีกว่า เดี๋ยวมือลื้อจะบาดเจ็บเอาด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ กระผมอยากตื่นมาทำอาหารเช้าง่ายๆให้คุณกินบ้าง กระผมอยากเป็นสามีที่ดีที่ทำอาหารให้ที่รักผมกินทุกเช้าน่ะขอรับ”
“คิดไปถึงอนาคตเลยเหรออาฮอรัส อั๊วดีใจอยู่หรอกที่ลื้อคิด แต่ว่ามันจะไม่น่าเสียดายเหรอถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งพวกเราเลิกกันไปก่อนที่อนาคตพวกนั้นจะเกิดขึ้น”
“ไม่หรอกขอรับ” ฮอรัสละมือจากเครื่องครัวแล้วกุมมือของหญิงสาว ดวงตาสีม่วงของเขามองใบหน้าของเธอแล้วระบายยิ้มให้อ่อนๆ เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงจังแต่ก็อ่อนโยนที่ส่งผ่านมามาทางแววตาของเขา
“ไม่มีวันที่จะเกิดขึ้นแน่นอน เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าผมอยากจะยืนอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป และคุณก็น่าจะรู้อยู่แล้นะครับว่าถ้าผมตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ผมจะทำมันอย่างเต็มที่และสุดชีวิต ผมรู้สึกโชคดีที่มีคุณอยู่ข้างๆ ได้โปรดอย่าคิดแบบนั้นอีกเลยนะขอรับ”
“อื้ม อั๊วสัญญาว่าจะไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว ขอบคุณนะที่คอยอยู่ข้างๆอั๊ว”
เพีงแค่คำไม่กี่สิบคำที่ธรรมดา ไม่ได้ถูกประดิษฐ์ให้สวยหรู แต่มันกลับมีความหมายมากซะจนทำให้หัวใจของหญิงสาวพองโตและมีชีวิตชีวาขึ้น
ตั้งแต่วินาทีที่ชายหนุ่มเอ่ยประโยคนั้นออกมา หญิงสาวก็รู้สึกโชคดีที่สุดในโลกที่มีเขาอยู่ข้างๆเช่นกัน
_________________________________________________________________
สวัสดีค่าผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกันอีกแล้วว ตอนนี้ไรท์มีรูปวาดมาฝากกันด้วยค่ะ
คู่อาหมวยกับหนุ่มอียิปต์เรานั่นเองค่า ขอโทษที่ทำให้รอคู่นี้นานนะคะ หวังว่าจะชอบรูปกันน้า
หลังจากตอนนี้เราอาจจะทำการอัพช้าลงกว่าแต่ก่อนค่ะ เนื่องจากภารกิจทางการเรียน+การทำงานของไรท์ (แต่ไรท์ยังไม่แก่นะ! ยังวัยเรียนอยู่วว) ทำให้มีเวลาว่างน้อยลงค่ะ อาจจะ 1-2 อาทิตย์จะอัพตอนนึง แต่ว่าไรท์จะชดเชยด้วยการมีรูปประกอบให้ในบางตอน หวังว่าผู้อ่านจะไม่โกรธไรท์กันนะคะ ;--;
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ตามอ่านกันมา ทุกกำลังใจทำให้ไรท์มีแรงเขียนต่อ ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า <3
ความคิดเห็น