ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #40 : ตอนที่ 29 : เล่นทีเผลอ

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 65


    TB

    29

    เล่นทีเผลอ


    เวลา 03.42 น. เช้ามืดของวันจบการศึกษา

    ท่ามกลางทางเดินที่เงียบสงัด มีบุคคลนึงกำลังสาวเท้าไปยังจุดหมายของเขา เสียงของส้นรองเท้าที่กระทบกับพื้นทุกครั้งที่ก้าวเดินดังก้องท่ามกลางความมืด ถึงแม้จะพยายามเดินเงียบแค่ไหนก็ต้องมีเสียงเล็ดลอดออกมาจนได้

    ดวงตาสีทับทิมประสานเข้ากับป้ายชื่อหน้าประตู อ่านมันในความมืดไม่กี่วิก่อนจะถือวิสาสะเปิดเข้าไป 

    ภายในห้องปรากฏให้เห็นร่างของเด็กสาวหกคนนอนอยู่เต็มห้อง ร่างของผู้มาใหม่อมยิ้มให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะเดินตรงไปหาเด็กสาวชาวอังกฤษที่มีเรือนผมสีฟ้าปลายเหลือง

    “โรซารี่ โรซารี่” ร่างนั้นเขย่าตัวโรซารี่สองสามทีจนหญิงสาวรู้สึกตัว เธอหยีตาแน่นก่อนจะหาวเพื่อคลายความง่วง เธอยันตัวขึ้นนั่งบนเตียงเสริมแล้วนั่งมองผู้มาใหม่แบบงงๆ

    “ครูไอริณเหรอคะ?”

    “จ้ะ ขอโทษที่มาปลุกเวลานี้นะ ครูจะถามว่าของที่ครูขอไป เสร็จรึยังจ๊ะ”

    “อ๋อ เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวหนูเปิดคอมแปบ” โรซารี่เดินไปหยิบโน้ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเปิดขึ้นมา เธอลดความสว่างหน้าจอก่อนจะเปิดไฟล์ไฟล์นึง เป็นรูปที่คล้ายกับแผนที่ของเรือพร้อมลูกศรหลากสี เพียงแต่รายละเอียดไม่ใช่แผนผังที่ที่นักเรียนอาศัยอยู่ กลับเป็นแผนผังโซนที่ไม่ค่อยมีคนใช้มากกว่า

    “อันนี้เป็นเส้นทางการลำเลียงเฟืองนะคะ ถ้าครูใช้เส้นนี้ น่าจะขึ้นไปได้ง่ายสุด” โรซารี่ชี้ไปที่เส้นลูกศรสีแดง “แต่ถ้าครูไปอีกเส้นนึง..” คราวนี้โรซารี่ชี้ไปที่ลูกศรเส้นสีน้ำเงิน “ทางนี้จะสั้นสุด แต่ขนขึ้นไปลำบากนิดหน่อย ต้องใช้คนช่วยเยอะกว่าเส้นทางแรกค่ะ”

    “โอเค ขอบคุณมากนะจ๊ะ เดี๋ยวครูขอไปคิดอีกทีก่อนว่าจะใช้เส้นไหน” ไอริณทำการ import ไฟล์เข้าโทรศัพท์ตัวเองแล้วขอบคุณโรซารี่

    “ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าครูไม่ให้พวกหนูสำรวจเรือกันตอนนั้น หนูก็คงไม่มีข้อมูลมาทำเส้นทางได้” โรซารี่เกาหัวอย่างเขินๆ “อ้อใช่ หนูกับอเล็กเซทำอันนี้มาให้ด้วยค่ะ” หญิงสาวยื่นแท่งรีโมตยาวสีาวที่มีลักษณะคล้ายกับคอนโทรลเลอร์เกมให้ไอริณห้าชิ้น

    “อะไรเหรอจ๊ะ?”

    “เป็นตัวส่งสัญญาณค่ะ ใช้ส่งรังสีที่สามารถรบวนการทำงานของเครื่องยนต์ให้หยุดทำงานได้ แต่จะใช้ได้เฉพาะในรัศมี 5 เมตรเท่านั้นนะคะ ตรงนี้มีสายที่เอาไว้รัดกับข้อมือจะได้ไม่หล่นหาย ส่วนเครื่องนี้จะเปิดตลอดเวลาพร้อมมใช้งานตลอด วิธีใช้ก็แค่ไปให้ใกล้กับสิ่งที่เราจะส่งรังสีไปหา แล้วปุ่มตรงนี้จะมีแสงสีฟ้าสว่างขึ้นมา พอมีแสงแล้วกดค้างตรงนี้ได้เลยค่ะ ค้างไว้ประาณห้าวิจนแสงเปลี่ยนเป็นสีเขียวก็ปล่อย แล้วสิ่งๆนั้นจะหยุดทำงานทันทีค่ะ” โรซารี่อธิบายวิธีการใช้ให้ไอริณอย่างยาวเหยียด ส่วนไอริณก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แต่แอบตกใจอยู่ลึกๆว่าเด็กอายุแค่นี้ก็สามารถประดิษฐ์อะไรแบบนี้ได้แล้วเหรอ


    ‘น่าสนใจมากๆ น่าจับมาอยู่องค์กรโลกซะจริงๆ’


    “ครูกำลังหาตัวช่วยเจ๋งๆอยู่พอดีเลย ขอบใจมากนะจ๊ะ อ้อแล้วก็” ไอริณที่กำลังจะเดินออกจากห้องก็นึกอะไรขึ้นได้จึงหันกลับมาหาโรซารี่

    “?”

    “ถ้าเกิดอะไรขึ้นแปลกๆแถวๆเรือ ไม่ต้องตกใจแล้วก็ไม่ต้องมาช่วยนะ ทางนี้ครูจัดการเอง”

    “อ่า.. ค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆเรียกพวกหนูได้นะคะ”

    “ได้เลยจ้ะ งั้นหนูไปนอนต่อเถอะ น่าจะนอนได้อีกสักครึ่งชั่วโมงนะ งั้นครูไปล่ะ เจอกันที่งานจ้า” พูดจบไอริณก็เปิดประตูออกจากห้องไปทันที ส่วนโรซารี่ก็หาวพลางปิดโน้ตบุ๊คก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง


    ‘หวังว่าจะขนของไปได้ด้วยดีนะ เฮ้อ’


    ในตอนแรกไอริณกะว่าจะกลับห้องไปนอนพักอีกสักตื่น แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เอาชุดไปให้ทิวา จึงตัดสินใจเดินกลับห้องไปเอาชุดแล้วเดินไปที่ห้องพักของราชาทั้ง 5 เพื่อฝากมันไว้กับกียุล

    เมื่อหญิงสาวเปิดประตูเข้าไปก็พบกับร่างสูงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ภายใต้ผ้าห่มสีเทาผืนใหญ่มีร่างของประธานนักเรียนหนุ่มนอนกอดตุ๊กตาวัวอยู่ เมื่อไอริณเห็นก็อดขำไม่ได้ เพราะตุ๊กตานั้นเป็นตัวที่เธอเคยซื้อให้ทิวาเมื่อครั้งที่ลูกสาวของเธอยังเป็นเด็ก เรียกง่ายๆว่าเป็นไอเน่าของทิวาก็ยังได้

    “บางทีกียุลก็มีมุมนี้เหมือนกันนะเนี่ย” ถึงแม้ภายนอกกียุลจะเป็นผู้ใหญ่ เคร่งขรึมเข้มงวดขนาดไหน สุดท้ายเขาก็เป็นเด็กคนนึงนี่ล่ะนะ

    .

    .

    .


    พิธีจบการศึกษาของนักเรียนคลาสดุ๊กปี 3 ณ เกาะส่วนตัว

    “พระราชาแบรนดอน เซอร์ไคย่า ทางนี้ค่ะ!” ไอริณยืนโบกมือให้กับผู้เป็นพ่อของมิเอเล่และเบดิเวอร์อยู่ที่ทางเข้าของฮอลล์

    “สวัสดีไอริณ ไม่เจอกันนานสบายดีมั้ย” พระราชาแบรนดอนทักขึ้น

    “สบายดีค่ะ แล้วพวกท่านทั้งสองสบายดีกันมั้ยคะ”

    “งานยุ่งทุกวันเลยล่ะ” ไคย่าหรือพ่อของเบดิเวอร์กุมขมับก่อนจะส่ายหัวไปมา

    “เหนื่อยหน่อยนะคะ แต่อย่างน้อยวันนี้ก็ได้พักน้า”

    “ก็จริง”

    “งั้นเชิญทั้งสองมาด้านนี้เลยค่ะ มิเอเล่นั่งรอที่ที่นั่งไว้แล้ว” พูดจบไอริณก็นำทางทั้งสองมาถึงที่นั่ง มิเอเล่ที่ได้เจอกับพ่อของตนที่นานๆทีจะเจอครั้งนึงก็กระโดดสวมกอดแล้วพูดคุยกันยกใหญ่

    ทั้งสี่พูดคุยกันระหว่างรอเริ่มงาน จนกระทั่งแม่ของกียุลเดินมาเจอไอริณ เธอจึงขอตัวไปคุยกับเพื่อนสมัยมหาลัยของตัวเองตามลำพัง

    เม้าท์กันได้ไม่นานนัก โทรศัพท์ของไอริณก็ดังขึ้น ทำให้เธอต้องปลีกตัวออกมารับโทรศัพท์ไกลๆ

    “ฮัลโหล”

    [พี่ น้องมาถึงเรือแล้วนะ กำลังให้คนลงไปเอาของอยู่]

    “ดีมากแอริณ รีบขนรีบกลับล่ะ เผื่อพวกนั้นจะตามมา” คนที่โทรมาไม่ใช่ใคร เขาคือแอริณ น้องสาวฝาแฝดของไอริณที่เป็นเจ้าหน้าที่องค์กรโลกเช่นเดียวกันนั่นเอง

    [ได้เลยพี่ ฝากกางบาเรียรอบเกาะให้หน่อยสิ น้องว่าเสียงน่าจะดังน่าดู]

    “โอเค เดี๋ยวเสร็จแล้วจะโทรไปบอก” ไอริณวางสายแล้วต่อสายใหม่ไปหาเหล่าลูกน้องของเธอที่แสตนบายรอทันที

    “...”

    [ครับหัวหน้า!]

    “เปิดบาเรียรอบเกาะแล้วคอยเฝ้าระวังพวกศัตรูไว้ให้ดี เป็นไปได้ให้ระวังตรงเรือสำราญเป็นพิเศษ เพราะทีมจากสำนักงานใหญ่กำลังขนสิ่งนั้นขึ้นไปแล้ว”

    [รับทราบครับ!!] สิ้นเสียงตอบรับ เหล่ากองกำลังเสริมก็รีบเดินทางไปทั่วเกาะเพื่อเปิดบาเรียที่พวกเขาติดตั้งไว้หลายคืนก่อนวันพิธี

    ไอริณวางสายโทรศัพท์แล้วเดินกลับไปหาแม่ของกียุลที่ยืนรออยู่ไม่ไกล

    “เสร็จแล้วล่ะ เราไปนั่งกันมั้ย งานใกล้เริ่มแล้วนะ”

    “เอาสิ ว่าแต่เมื่อกี้เธอไปคุยอะไรมา นานเชียว”

    “เรื่องงานที่มันยุ่งงงงงงงสุดสุดไปเลยน่ะสิ” ไอริณลากเสียงยาวพร้อมกับทำท่าเหน็ดเหนื่อย

    “มันต้องยุ่งเบอร์ไหนเธอถึงจะบ่นออกมาเนี่ย ปกติไม่เห็นบ่น”

    “ฉันก็บ่นตลอดนั่นแหละแค่ไม่ได้บ่นให้คนอื่นฟัง แต่ฉันก็ชอบงานนี้นะ ว่ากันไม่ได้หรอก”

    สองสาวเดินคุยกันไปจนถึงที่นั่ง เมื่อพวกเธอนั่งเสร็จ ไม่นานพิธีก็เริ่มขึ้นโดยที่ผู้อำนวยการเป็นคนเปิดงาน

    งานดำเนินการมาเรื่อยๆจนถึงช่วงที่นักเรียนแต่ละคนต้องขึ้นไปรับใบจบ จู่ๆก็มีสายโทรมาหาไอริณอีกครั้ง

    “ฮัลโหล”

    [พี่ แย่แล้ว!!! เรดาร์ของฮ.เราจับได้มีมีวัตถุแปลกปลอมกำลังมุ่งหน้ามาทางเกาะ คาดว่าน่าจะเป็นฝั่งพวกแก๊งฟักทอง พี่รีบมาช่วยหน่อย!!!]

    “รอก่อนนะ” ดวงตาของไอริณเบิกกว้างทันทีที่ได้ยิน เธอคิดไว้แล้วว่าพวกนั้นต้องบุกมาแน่ๆแต่ไม่คิดว่าจะบุกกันมากลางงานเนี่ยนะ!?

    “ราชาแบรนดอน เซอร์ไคย่า แล้วก็มิเอเล่ เดี๋ยวฉันมานะ”

    “ไปไหนเหรอครับ” เซอร์ไคย่าถาม

    “พอดีปวดท้องนิดหน่อยน่ะ ถ้างานเสร็จแล้วก็ไปหาเบดี้กันได้เลยนะ ไม่ต้องรอ” ไอริณแกล้งลูบท้องตัวเองแล้วส่งสายตาไปทางมิเอเล่เป็นเชิงว่า ‘มีเรื่อง เดี๋ยวมา’ มิเอเล่ที่เข้าใจสายตานั้นก็แสดงความกังวลแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรแล้วพยักหน้ากลับให้ไอริณ

    “ถ้าไม่ไหวบอกนะคะน้าไอริณ”

    “จ้ะ ฝากบอกเบดี้ด้วยนะ” พูดจบไอริณก็รีบวิ่งออกจากฮอลล์ไป 

    เมื่อไอริณเห็นว่าพ้นรัศมีฮอลล์จัดงานและคิดว่าไม่น่ามีใครสังเกตเธอแล้ว เธอจึงอัดสปีดเช่นเดอะแฟลชวิ่งไปที่ท่าเรือทันที

    “โอ๊ย!! ไอ้ส้นสูงนี่มัน @#bt$w3 จริงๆเลยโว้ย!!!! ทนไม่ไหวแล้ว!!!!” (เซนเซอร์คำหยาบไว้นิดนุง..)

    แต่ความเร็วมันยังไม่ได้ดั่งใจเพราะเจ้าส้นสูงทำให้วิ่งโคตรจะลำบาก! ไอริณสบถออกมาเป็นประโยคชนิดที่ว่าถ้าคนอื่นมาได้ยินคงได้อ้าปากค้างเป็นนาทีแน่ๆ เธอรีบสะบัดรองเท้าส้นสูงสีเงินของตัวเองทิ้งข้างทางแล้ววิ่งต่อไปโดยไม่คิดชีวิต

    “ไอ้แก๊งฟักทอง!!! เมิ๊งงงงงง!!! เล่นทีเผลอกันชัดๆไอ้พวกตาขาว!!! แน่จริงก็ลงมือตอนที่คนอื่นอยู่ครบทุกคนสิฟะ!!!!”

    ไอริณวิ่งมาจนถึงจุดเกิดเหตุ ภาพเบื้องหน้าของเธอคือฮ.ที่แอริณเป็นคนขับกำลังบินอยู่เหนือชั้นดาดฟ้าของเรือ โดยที่มีโซ่เหล็กห้อยลงมาเพื่อรับตัวเฟืองขึ้นไป รอบๆมีฮ.ขององค์กรโลกอยู่อีกสามลำคอยกำบังอยู่

    จู่ๆรอบๆตัวหญิงสาวก็มีลมพัดรุนแรงเกิดขึ้น พร้อมกับฮ.ลำนึงที่ค่อยๆบินลดระดับลงมา

    “หัวหน้าครับ! พวกผมมารับแล้ว!” เจ้าหน้าที่คนนึงเปิดประตูแล้วตะโกนออกมา

    “หึ ดีมาก รู้ใจฉันดีนี่” ไอริณกระโดดจับมือเจ้าหน้าที่คนนั้นแล้วดึงตัวเองให้ขึ้นไปในฮ. ส่วนเจ้าหน้าที่หญิงที่มาด้วยกันก็นำกระเป๋าที่บรรจุยูนิฟอร์มมาให้

    “ไปที่ฮ.ของแอริณเดี๋ยวนี้” ไอริณออกคำสั่งพลางเปลี่ยนชุดด้วยความเร็วแสง ชุดหนังรัดรูปสีน้ำเงินเข้มตัดกับสีชมพู แต่ก็สามารถทำให้ผู้ใส่เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วราวกับบินไปตามอากาศอย่างอิสระ 

    หญิงสาวผูกเครื่องแผ่รังสีรบกวนที่โรซารี่ให้มาไว้กับข้อมือก่อนที่จะส่งที่เหลือให้ลูกน้อง โดยที่เธอกำชับว่าให้เอาไปให้ลำที่สามารถเข้าประชิดตัวศัตรูได้พร้อมเล่าวิธีการใช้อย่างรวบรัดก่อนจะกระโดดลงไปที่ชั้นดาดฟ้าของเรือ

    “พี่!!! มาแล้วเหรอ!?” แอริณตะโกนทักจากฮ.ที่บินอยู่เหนือหัวไอริณ

    “น้ำเสียงดูดีใจมากเลยนะพอพี่มา เรียกกำลังเสริมมายัง”

    “ง่ะ น้องลืม” แอริณพูดพลางเกาหัวแล้วแลบลิ้นออกมาหน่อยๆ “แหะๆ”

    “ไม่ต้องมาแหะๆเลยย่ะ!! เดี๋ยวพี่เรียกเองละกัน แล้วต้องเรียกเท่าไหร่หว่า..” ในระหว่างที่ไอริณกำลังชั่งใจกับจำนวนกำลังเสริม เรดาร์ของฮ.ก็ตรวจจับได้อีกครั้งว่ากำลังมีวัตถุแปลกประหลาดกำลังบินมาทางพวกเขา เมื่อทั้งสองหันไปก็พบเจอกับฝูงเฮลิคอปเตอร์ไม่ได้รับเชิญประมาณ 20 ลำ

    “เชี่ย!?” แอริณร้องเสียงหลง

    “ฮัลโหล นี่ไอริณพูดนะ ขอกำลังเสริมด่วนที่สุด! เอามาให้เยอะที่สุดโดยที่ไม่ต้องสนงบประมาณ!!”

    เฟืองที่ถูกขนขึ้นมาด้วยเส้นทางที่โรซารี่หาให้ได้ขึ้นมาบนชั้นดาดฟ้าแล้ว เจ้าหน้าที่จึงรีบทำการผูกมันติดไว้กับโซ่แล้วรีบดึงขึ้นฮ.ทันที แต่ด้วยที่เฟืองมีขนาดที่ใหญ่ประมาณล้อรถบรรทุกและมีน้ำหนักเยอะ การดึงมันขึ้นไปจึงทำได้ล่าช้า

    ทางฝั่งของแก๊งฟักทองที่กำลังบินมาทางเกาะส่วนตัวด้วยความเร็วสูงสุดก็เตรียมปืนกลที่จะกราดยิงเป้าหมายตรงหน้า

    “โอ๊ะ ฉันเห็นแล้วล่ะ” เสียงใสของหัวโจกที่ชื่อไลลาดังขึ้นขณะที่เจ้าตัวใช้กล้องส่องทางไกลส่องไปที่ดาดฟ้าของเรือโนอาห์ “‘สิ่งนั้น’ ที่ฉันตามหามาตลอด ในที่สุดก็เจอมันแล้ว เฟืองโบราณของลีโอนาร์โด ดาวินชี เฟืองที่เป็นต้นแบบให้เฟืองในปัจจุบันทั่วโลก ที่มีมูลค่าสูงถึงหลายสิบล้านดอลล่าร์สหรัฐ! วะฮะฮ่า!! มันใกล้จะเป็นของฉันแล้ว!!!” ไลลานั่งหัวเราะร่าอยู่คนเดียวตรงเบาะหลังพลางพูดซ้ำไปซ้ำมาว่าในที่สุดก็เจอมันแล้ว จนลูกทีมที่ขับฮ.ให้ต้องเหงื่อตกกันไปตามๆกัน

    “เอ่อมึง ลูกพี่เขาเป็นบ้าไปแล้วเหรอ”

    “งี้แหละมึง ทำใจให้ชิน ทนๆไปเหอะ”

    “วะฮะฮ่า!!!!”


    ‘ยัง ยังไม่จบอีก’ ทั้งสองคิดพร้อมกัน เพิ่งรู้นะว่าลูกพี่เราก็ชอบเพ้อเหมือนกัน


    “ขับเร็วกว่านี้ได้มั้ย” ไลลาตะโกนสั่งมาจากด้านหลัง

    “ได้ครับ!”

    ท่ามกลางกองทัพฮ.ที่ไม่ได้รับเชิญ มีฮ.ลำนึงบินนำหน้าขึ้นมาแล้วตรงดิ่งไปยังฮ.ของแอริณทันทีราวกับจงใจจะชนมันให้ได้

    “อ้าวๆ จะเอามันไปแล้วเหรอ เสียใจด้วยนะ!” ไลลาที่สวมหน้ากากแก๊งฟักทองยื่นหน้าออกมาจากฮ.แล้วตะโกนลั่นใส่พวกของไอริณก่อนจะเล็งปากปืนไปที่โซ่ของฮ.ลำนั้น

    “ยิง!!! เอาให้คนตายพอ อย่าพังเรือ ฉันขี้เกียจจ่าย!!!” สิ้นเสียงสั่งของไลลา ฮ.ทุกลำของกราดกระสุนใส่ทันที โดยที่มีบางลำกราดยิงไปที่ฮ.ขององค์กรโลก และบางลำกำลังยิงไปที่ไอริณโดยตรง


    ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!


    “หนอย! ไอ้พวกนี้!!” ทุกคนที่อยู่บนดาดฟ้ากระโดดหลบลูกกระสุนที่หมายจะฝ่าทะลุร่างพวกเขา แอริณที่ควบคุมฮ.ก็ต้องรีบบินหนี โชคไม่ดีที่ลูกกระสุนมันยิงโดนโซ่มากเกินไปจนมันขาด ด้วยน้ำหนักที่มหาศาลทำให้เฟืองหล่นลงมายังดาดฟ้าเช่นเดิม

    ไอริณที่เห็นว่าเฟืองตกอยู่ตรงหน้าแต่ทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่กัดฟันกรอด สองมือกำแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือเป็นรอยม่วง แต่เมื่อตอนนี้เธอยังขยับไปไหนไม่ได้ งั้นก็ให้พวกที่ขยับได้ไปเล่นงานพวกนั้นแล้วกัน!

    เมื่อคิดได้อย่างนั้น ไอริณจึงรีบติดต่อไปที่ฮ.ทุกลำโดยสื่อสารผ่านนาฬิกาโฮโลแกรมของตน

    “ฮ.ทุกลำ ได้ยินมั้ย!!”

    [ครับ!/ค่ะ!] โชคดีที่สัญญาณยังมี เจ้าหน้าที่จากฮ.ทุกลำขานรับพร้อมกัน

    “ขอให้ฮ.ทุกลำสกัดแก๊งฟักทองให้ไกลจากเรือที่สุดเท่าที่จะทำได้!”

    [รับทราบ!!] เจ้าหน้าที่ทุกคนตอบอย่างหนักแน่น แต่แล้วก็มีคนนึงทักท้วงขึ้นมา [เอ่อหัวหน้าครับ..]

    “ว่า?”

    [ฮ.ฝั่งเรามีแค่ 5 ลำ จะทำยังไงดีครับ?]


    ‘จริงด้วยแฮะ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย คิดสิคิด ไอริณคิดสิ!’ ไอริณถึงกับหน้าเสียไปชั่วครู่หนึ่ง แต่ก็ดึงหน้ากลับมาให้เป็นปกติได้ภายในไม่กี่วินาที


    “เอาอย่างนี้ ตอนนี้กำลังเสริมกำลังมา ฉันอยากให้พวกเธอคอยยิงสกัดพวกนั้นไว้ แล้วพาไปให้ไกลที่สุด ถ้าเป็นไปได้ ใช้สิ่งที่ฉันให้ไปทันทีที่เข้าใกล้เป้าหมาย แล้วบาซูก้ามีกันทุกลำใช่มั้ย?”

    [ครับ!/ค่ะ!]

    “เดี๋ยวฉันจะขอกำลังเสริมทางน้ำเพิ่ม เมื่อฉันสั่งให้ยิง ยิงให้ตกทะเลทันที เข้าใจนะ?”

    [ครับ!/ค่ะ!]

    “ดีมาก ปฏิบัติการได้!!”


    ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!


    “โอ๊ยยยยยย ไอ้พวกนี้ก็ยิงอยู่ได้!! รวยกระสุนนักรึไง!!” ไอริณตะโกนอย่างหัวร้อนทันทีที่วางสาย

    หลังจากที่กระสุนเซ็ตล่าสุดถูกกราดลงมา ก็มีช่วงจังหวะนึงที่แก๊งฟักทอง ไอริณจึงใช้โอกาสนี้รีบวิ่งไปลากเฟืองมาซ่อนทันทีโดยที่มีเจ้าหน้าที่ที่หลบซ่อนอยู่แถวนั้นมาช่วยด้วย หลายมือพยายามลากอย่างสุดแรงเพื่อเอาไปซ่อนที่ไหนสักที แต่ก็ไม่ทันเพราะแก๊งฟักทองก็ดันรีโหลดกระสุนเสร็จซะก่อน

    “เอ้าๆจะเอาเฟืองไปไหนไอ้พวกแมลงทั้งหลาย!!!” เสียงไลลาตะโกนลั่นฟ้าพร้อมกับเสียงปืนกลที่กระหน่ำยิงไปทางไอริณอีกรอบ ทุกคนแตกกระจายออกไปทุกทิศทางราวกับลูกสนุ๊กเกอร์ที่กระจายเต็มโต๊ะ

    “อ๊ากกก!!” แต่ทว่า มือของไอริณปล่อยออกจากเฟืองช้าไป ทำให้ลูกกระสุนที่ยิงมาไปโดนเข้าที่แขนข้างซ้ายของหญิงสาวหนึ่งนัดเต็มๆแล้วทะลุออกแขนไปทันที ไอริณกรีดร้องด้วยความตกใจและเจ็บปวดก่อนจะวิ่งหลบไปในมุมมืดและให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่แถวนั้นปฐมพยาบาลให้

    “ทำยังไงดีครับหัวหน้า อย่างนี้เราจะตายกันหมดนะครับ”

    “ฮึ่ย...” ไอริณไม่ตอบอะไร กัดฟันทนความเจ็บที่แล่นเข้าสู่โสตประสาท น้ำตาใสๆค่อยเอ่อล้นที่ขอบตา แต่เธอก็รั้งมันไว้ไม่ให้ไหลลงมา

    “...”

    “เดี๋ยวฉันขอโทรเรียกกองกำลังเสริมทางน้ำก่อน” ไอริณรีบโทรไปหาสำนักงานใหญ่ทันทีเพราะรู้ตัวว่าตอนขอกำลังเสริม ไม่ได้ขอกำลังเสริมทางน้ำมาด้วย

    “ฮัลโหล นี่ไอริณ-”

    [คุณน้าเหรอคร้าบ~ ว่างาย~] เสียงชายหนุ่มที่แสนสดใสดังขึ้นทำให้คิ้วของไอริณขมวดกันด้วยความไม่เข้าใจ

    “นาย!? เดี๋ยวนะ นายมารับโทรศัพท์ได้ไง!?”

    [เอ๋ ก็คุณน้าเรียกผมมาไม่ใช่เหรอ?]

    “อย่าบอกนะว่านายจะมากับกองกำลังเสริมน่ะ!?”

    [ก็ใช่น่ะสิคร้าบ มาทั้งบกทั้งน้ำทั้งอากาศเลยนะ!]

    “แล้วได้รู้ได้ไงว่า...”

    [ผมรู้ตลอดแหละครับว่าน้าต้องการอะไร รออีกไม่นานเกินรอเลยครับ]

    “ฮะๆ ขอบคุณมากนะจ๊ะ”

    [อย่าซ่ามากนะครับ เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ลูกสาวตัวป่วนของน้าจะร้องไห้จ้าเอา]

    “ระดับนี้แล้ว ไม่น่ารอด ฮ่าๆๆ รีบมาได้แล้ว!”

    [ครับ!]

    หลังจากปลายสายวางสายลง สีหน้าของไอริณก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้มีความวิตกกังวลเท่ากับเมื่อหลายนาทีก่อนแล้ว

    จู่ๆก็มีแสงสีขาวแวบขึ้นมาจากนาฬิกาของไอริณ เมื่อมองดูก็พบว่าแอริณเป็นคนติดต่อมา

    [พี่! เป็นไงบ้าง!?]

    “โดนยิงเข้าที่แขนน่ะ แต่ว่าไม่เท่าไหร่หรอก”

    [ตายแล้ว! โดนไปแล้วเหรอ พี่อยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวน้องไปรับ!]

    “อื้ม”

    เมื่อทางแก๊งฟักทองหยุดยิงเพื่อรีโหลดกระสุนอีกครั้ง ฮ.ของแอริณก็บินวนมารับไอริณที่รออยู่บนดาดฟ้าทันที ในขณะเดียวกันก็มีฮ.ลำอื่นบินวนมารับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆเช่นกัน

    “โอ๊ะโอ พวกนั้นหนีแล้วแฮะ” ไลลาที่ยืนพิงประตูฮ.อย่างสบายใจเฉิบก็โยนไม้ของลูกอมลงทะเลแล้วพุ่งมาจับเบาะคนขับแน่น “ไมค์ บินไปเอาเฟืองเดี๋ยวนี้!” 

    “รับทราบ!” ร่างเล็กที่ตำแหน่งในแก๊งไม่เล็กออกปากสั่งลูกน้องที่ขับฮ.อยู่ให้บินไปใกล้เฟืองทันที ใบพัดหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับตะขอยักษ์ที่ค่อยๆหล่นลงมาเพื่อรอจังหวะโฉบเฟืองเหล็ก

    “พี่! พวกนั้นจะเอาเฟืองไปแล้ว!” แอริณที่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของฮ.ลำที่ไลลาสั่งการก็รีบตะโกนบอกไอริณทันที

    “หักเลี้ยวไปหาพวกนั้นเดี๋ยวนี้!!”

    “จัดไป!!” แอริณหักพวงมาลัยจนสุดชนิดที่ถ้าออกแรงอีกนิดก็หลุดออกมาให้ได้โยนเล่นกันแล้ว ลำตัวของฮ.หักเลี้ยวกะทันหันแล้วพุ่งตรงไปยังไลลาสุดแรง 

    ขณะเดียวกัน ไอริณก็ใช้ปืนกลที่อยู่บนฮ.กราดยิงกลับเพื่อสกัดไม่ให้แก๊งฟักทองเข้าใกล้เฟือง แต่ยิงเท่าไหร่ก็ดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยเพราะวัสดุที่ห่อหุ้มฮ.ฝั่งนั้นมันหนายิ่งกว่าผิวหนังของแรดซะอีก!

    “ไม่นะ!! จะไม่ทันแล้ว!!” ดวงตาของสองพี่น้องเบิกกว้างเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏให้เห็นว่าตะขอของแก๊งฟักทองกำลังจะถึงตัวเฟืองและคว้ามันไปอีกไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น


    ฉวบ!


    “เอ๋?”


    ตู้ม!!!!


    เสียงอุทานดังขึ้นจากทั้งฝั่งของแก๊งฟักทองและพวกไอริณ ภาพตรงหน้ามันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วกว่าเสียงเอ๋ของพวกเขาจะจบลงซะอีก

    จู่ๆก็มีลำแสงสีขาววิ่งผ่านโซ่ของฮ.ฝั่งแก๊งฟักทองด้วยความเร็วสูง โซ่ขาดออกเป็นสองท่อนพร้อมกับตะขอที่ร่วงหล่นลงทะเลอย่างจัง และฮ.ลำเก่งของแก๊งฟักทองที่หมุนติ้วเป็นลูกข่างแล้วกระเด็นไปตกลงที่ชายหาดของเกาะเพราะแรงเหวี่ยงอย่างแรงจากตะขอเหล็กที่หลุดไปเพราะฝีมือของใครบางคน

    “นะ นาย!?”


         
    โย่ว~ รอนานมั้ยคร้าบคุณน้าทั้งสอง ;)

    __________________________________________________________________________________________

         
         สวัสดีค่า สำหรับตอนนี้ค่อนข้างเข้มข้นเลย ถ้ามีอะไรติชมสามารถคอมเม้นท์ได้นะคะ ยังไม่ค่อยถนัดแนวนี้สักเท่าไหร่ ยังต้องฝึกฝีมืออีกเยอะเลยค่ะ ^^;
         
         สำหรับที่ใครนึกยูนิฟอร์มไม่ออก นี่คือรูปนะคะ จากลาฟลอร่าภาคแรกเล่ม 10 ค่า คุณน้าแอริณคือหล่อมากๆ แทบหัวใจวายตาย -/////-
         

         สุดท้ายนี้ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามกันนะคะ พบกันใหม่ในตอนหน้าค่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×