คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : ตอนที่ 27 : Prince Noah’s Graduation Day
27
Prince Noah’s Graduation Day
“อาฮอรัสอย่าลืมโบว์ประดับคอเสื้อด้วยน่อ!”
“ดันเต้ ไอบอกให้หยิบถุงเท้าคู่สีดำมา ไม่ใช่คู่แมวสีดำ! Oh My Gosh!!”
“ตาตี๋เมื่อไหร่จะหยุดขยับหัวเนี่ย! ฉันติดกิ๊บที่หมวกไม่ได้”
“อเล็กเซไม่ลืมอะไรนะ รองเท้าก็พร้อมแล้วใช่มั้ย”
“ครับคุณโรซารี่ ของผมครบแล้ว”
และเสียงอีกหลายเสียงที่โหวกเหวกโวยวายตั้งแต่เช้าตรู่
เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดอีกวันหนึ่งของนักเรียนโนอาห์ปี 3 ทุกคน นั่นก็คือพิธีย้ายเรือหรือพิธีจบการศึกษานั่นเอง ทำให้เหล่าเจ้าชายต้องตื่นมาเตรียมตัวกันตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ
ต้องขอบคุณแรงช่วยเหลือของเหล่าเจ้าหญิงที่ทั้งจัดแต่งทรงผม เตรียมชุดและเครื่องประดับ แต่งหน้าและเช็คความเรียบร้อยให้พวกเขา ทำให้จากที่สภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำกลายเป็นหงส์ขาวงามสง่าภายในไม่กี่ชั่วโมง
หัวใจของเหล่าชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสายตาหันไปเห็นนาฬิกาบนผนังบอกเวลาว่าอีกไม่นานก็ใกล้จะถึงเวลาเข้าแถวเตรียมตัวเข้าพิธี ทำให้พวกเขาแพนิคและคริสโตเฟอร์ผู้ที่มักจะลนลานกับอะไรง่ายๆก็เผลอตะโกนออกมาเสียงดัง
“อีกสิบนาทีแล้วพวกยู!! ไอจะทันมั้ยเนี่ยยย”
“ใครใช้ให้ตะโกนยะ!! ตกใจหมดตาคริส!!” นาซิสซ่าที่กำลังทำผมให้ฮอรัสหันมาตวาดใส่เพื่อนหนุ่มของตนพร้อมใบหน้าที่โมโหขั้นสุด เพราะเสียงดังๆของเขาทำให้นาซิสซ่าเผลอทำผมของฮอรัสพัง ต้องเริ่มทำใหม่ทั้งหมด
“ค่อยๆทำก็ได้ขอรับ ^^;”
ตึก ตึก ตึก ตึก
ฮอรัสสัมผัสได้ถึงแรงสะกิดที่ไหล่ที่ไม่ยอมหยุด เขาจึงค่อยๆหันหน้าไปหาต้นตอของแรง(ขยับแรงไม่ได้ขอรับเดี๋ยวคุณนาซิสซ่าด่า -_-;//ฮอรัส) พบว่ากียุล เพื่อนสุดที่รักของเขายืนเอาม้วนกระดาษสะกิดที่ไหล่เขาซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับรอยยิ้มธรรมดาแต่สายตาที่มองมามันค่อนข้างกวนประสาทใช้ได้
“คุณรอง เตรียม speech พร้อมยัง?”
“กระผมเขียนเสร็จตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้วขอรับ แล้วคุณล่ะ ไม่ใช่ว่าลืมแล้วรีบเขียนเหรอ กระดาษร้อนเชียว อูย.. เจ็บๆ” ออรัสแตะกระดาษในมือกียุลแล้วทำท่าร้อนแล้วชักมือตัวเองกลับ ยิ่งทำให้กียุลเริ่มหงุดหงิดกับการตอบรับที่กวนบาทา
“ไม่เถียงหรอก เพราะมันจริง แต่จะเขียนได้ดีเท่าฉันรึเปล่าล่ะ”
“อย่าเขียนเนื้อหาซ้ำกันก็พอขอรับ คนฟังเบื่อแย่”
“ก็จริง ฮ่าๆ”
“แต่ก็แปลกนะขอรับ” ผมสีเขียวแก่ของฮอรัสถูกรวบหางม้าต่ำไว้ข้างหลัง ทำให้เส้นผมของเขาทิ้งตัวตรงและเรียงเส้นสวย สองมือกระชับชุดครุยแล้วลุกขึ้นยืนคุยกับเพื่อนของตนอย่างอิสระหลังจากนาซิสซ่าจัดการกับผมของตนเสร็จ “เราแข่งเรียนกันแทบตาย สุดท้ายก็ได้เกรดรวมเท่ากัน แถมยังเป็น valedictorian เหมือนกันด้วยขอรับ”
“ก็จริง งั้นปีหน้าเอาใหม่มั้ย? รับรองฉันชนะแน่” กียุลพูดท้า มือขวาของเขากำหลวมๆแล้วชูขึ้นในระดับสายตารอการตอบรับจากอีกฝั่ง
“ได้เลยขอรับ คุณจะได้รู้ว่าผมเก่งกว่าคุณอยู่แล้ว” ฮอรัสกำมือหลวมๆแล้วชนไปที่มือกียุลเป็นอันตกลง ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนที่จะเดินออกจากห้องตามเสียงประกาศเรียก
[ขอให้นักเรียนคลาสดุ๊กปี 3 ทุกคนลงมาเตรียมตัวกัน ณ สถานที่จัดงานด้วยครับ]
สิ้นเสียงประกาศ ทุกคนที่อยู่บนเรือรวมถึงเหล่าเจ้าหญิงเดินลงจากเรือเพื่อไปยังสถานที่จัดงาน เนื่องจากวันนี้ทางโรงเรียนอนุญาตให้ผู้ที่เป็นแขกขึ้นไปหานักเรียนในช่วงเช้าได้ จึงไม่ได้เป็นการผิดสังเกตอะไรที่พวกเธอจะเดินลงมาโดยที่ไม่ได้ปลอมตัวเป็นผู้ชาย
งานในวันนี้จัดขึ้นที่เกาะส่วนตัวเล็กๆของ ผอ.โรงเรียนโนอาห์ที่เขาเคลมว่า ซื้อเกาะนี้มาเพื่อสำหรับการนี้โดยเฉพาะ! จริงๆแล้วเขาไม่ได้เพิ่งมาซื้อเอาปีนี้ แต่ได้ซื้อไว้เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว และทุกๆปีที่ผ่านมาก็มีงานจัดขึ้นบนเกาะจริงๆ โดยที่ผู้ปกครองและแขกที่มาร่วมงานสามารถพักบนเกาะได้เพราะทางโรงเรียนจัดเตรียมโรงแรมสำหรับรองรับแขกโดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ณ ใจกลางของเกาะมีโดมแก้วทรงกลมขนาดมหึมาตั้งตระหง่านซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ภายในฮอลล์ถูกสร้างด้วยหินอ่อนเป็นหลักและถูกออกแบบในสไตล์นีโอคลาสสิก เนื่องจากตัวตึกถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบคล้ายๆคฤหาสน์หรูของชนชั้นสูงตะวันตกสมัยก่อน แต่ก็แฝงความโมเดิร์นไว้กับโดมแก้วซึ่งเป็นหลังคาของตึกนี้
รอบๆฮอลล์ทั้งภายนอกและภายในถูกตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ต่างๆที่แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่น เพราะธีมของงานที่รุ่นน้องจัดในครั้งนี้ก็คือ Kodomonohi หรือเทศกาลเด็กผู้ชายที่จัดขึ้นที่ญี่ปุ่น ที่พวกเขาเลือกธีมนี้ก็เพราะเป็นธีมที่ดูเข้ากับความเป็นชายล้วนของโรงเรียน และสัญลักษณ์ของเทศกาลนี้แสดงถึงความแข็งแรงและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า เปรียบเสมือนกับรุ่นพี่ที่พยายามกันมาอย่างหนักและพร้อมสำหรับการผจญภัยบทใหม่ของชีวิต
ตามทางเดินทั้งสองข้างทางถูกประดับด้วยธงปลาคาร์ฟหลายร้อยตัวและสายรุ้งหลากสี ชวนให้ทุกคนได้สัมผัสกับความเป็นเด็กอีกครั้ง
“งานนี้จัดสวยมากๆเลยนะเนี่ย ว้าววว *O*” ทิวาที่เดินอยู่ข้างๆกียุลเอ่ยขึ้น ท่าทางของเธอดี๊ด๊าราวกับเด็กน้อยที่ได้ของขวัญที่ตัวเองอยากได้
“ยอมรับว่างานออกมาดีมากๆเลยทีเดียว อย่างนี้ฉันก็ไม่ห่วงแล้ว”
“ไม่เห็นมีอะไรต้องห่วงเลย นายน่ะเลิกเป็นประธานนักเรียนบ้างเถอะ ให้คนอื่นได้แสดงฝีมือบ้าง”
“ฉันก็ไม่ได้เป็นทุกปีนะยัยลิง เฉพาะนักเรียนปีสูงสุดในแต่ละคลาสเท่านั้นแหละที่จะได้เป็นประธานนักเรียน”
“อ้าว แสดงว่าก็มีการเลือกประธานนักเรียนทุกปีน่ะสิ?”
“ใช่ โรงเรียนเธอไม่มีรึไง”
“ก็โรงเรียนฉันเปลี่ยนทุกๆสองปีครั้งนี่นา ไม่เหมือนกับของนาย”
“จริงเหรอ ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ย”
“พูดจริงป่ะ น้ำเสียงโคตรประชดเลย -_-;”
“จริงๆ จะประชดทำไมล่ะ”
ทั้งสองเดินเถียงกันไปเถียงกันมาจนเดินมาถึงเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ผู้ร่วมงาน พวกเขาทุกคนแยกย้ายกันไปหาผู้ปกครองของแต่ละคน โดยที่กียุลยืนโทรศัพท์คุยกับแม่ของเขาอยู่ตรงเก้าอี้แถวท้ายสุด
“เดี๋ยวพ่อกับแม่ฉันก็มาแล้วล่ะ”
“ระ.. เหรอ อึ๋ย...” คนตัวเล็กยืนสั่นเล็กน้อยพลางกุมมือทั้งสองข้างแล้วขยับไปมาอย่างกับคนที่กังวลอะไรบางอย่าง กียุลที่สังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปจึงเอ่ยถาม
“เธอเป็นอะไรน่ะ เกร็งเหรอ?”
“มั้ง ฉันทำตัวไม่ถูกแน่เลย ขนาดเจอกับที่บ้านเหมยฮัวฉันยังตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเลย”
“ไม่ต้องกลัวหรอก พ่อแม่ฉันไม่กัดเธอหรอก อีกอย่างเธอเคยเจ้าพวกเขาตอนแข่งฮันนี่แรลลี่เกี่ยวกับดอกไม้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นก็ใช่ แต่ฉันไม่ได้เจอพวกท่านนานแล้วนี่นา!”
“โอ๋ๆ ไม่ต้องเกร็งหรอกน่า ทำตัวสบายๆสิ” กียุลถอนหายใจเบาๆด้วยความเอ็นดูแล้วลูบหัวของทิวาเป็นการปลอบใจ คนถูกลูบหัวก็ยืนนิ่งแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วทำแก้มป่องเหมือนเด็ก
‘ก็ฉันเกร็งจริงๆนี่นา ให้ทำไงล่ะ’
“คิมกียุล! พ่อมาแล้ว!!” เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นข้างหลังทั้งสอง เมื่อพวกเขาหันไปก็พบกับพ่อแม่ของกียุลที่เดินมา โดยที่พ่อของเขาอ้าแขนกว้างหวังว่าจะกอดลูกชายของเขา
“นี่คุณ อย่าตะโกนเสียงดังสิ เกรงใจคนอื่นเขาบ้าง” แม่ของกียุลตีไปที่แขนของสามีตัวเองหนึ่งที
“นั่นสิพ่อ แถมอ้าแขนทำไม ไม่เมื่อยเหรอ” กียุลที่เห็นอย่างนั้นก็เล่นตามน้ำไปด้วย มิหนำซ้ำยังขยิบตาส่งไปให้แม่ของตนอีกด้วย
“แม่ลูกคู่นี้ดูพูดเข้า! พ่อก็แค่อยากกอดลูกเองนะ T_T”
“ฮ่าๆ ผมแค่ล้อเล่นเองครับ มาๆกอดๆ” กียุลหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดผู้ให้กำเนิดของเขา ไม่นานนักเขาก็ถอนกอดออกแต่ก็ยังจับมือพวกเขาหลวมๆ “พ่อครับ แม่ครับ นี่ทิวาเพื่อนผมเอง เธอก็เป็นหนึ่งในแขกที่ผมเชิญมาเหมือนกัน” กียุลละมือจากพ่อแม่ของตนแล้วผายมือไปทางทิวา หญิงสาวจึงโน้มตัวและกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ของกียุล”
“สวัสดีจ้ะ พ่อจำหนูได้ เราเคยเจอกันมาก่อนแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ เคยเจอกันเมื่องานฮันนี่แรลลี่ค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ แม่ก็จำหนูได้เหมือนกัน โตแล้วสวยขึ้นเยอะเลยนะ”
“ขอบคุณากค่ะ แหะๆ ^///^;” ทิวากล่าวขอบคุณด้วยความเคอะเขิน
“แม่ครับ แล้วมุนอาไม่มาเหรอ?” กียุลหันไปถามผู้เป็นแม่ของตน จะว่าไปตั้งแต่เจอกับพ่อแม่ เขาก็ยังไม่เห็นเจ้าน้องสาวตัวแสบของเขาเลย (*มุนอาเป็นตัวละครในเกาหลีสุดยอดค่ะ ถ้าไรท์จำไม่ผิดน่าจะเป็นน้องสาวช้างบ้าน ถ้าผิดก็ขอโทษด้วยนะคะ)
“ใครบอกว่าไม่มากันล่ะ!”
“เฮ้ย!?” เสียงใสตะโกนลั่นที่ข้างหูของชายหนุ่มจนทำให้เขาตกใจจนสะดุ้งโหยง หญิงสาวตัวเล็กเจ้าของเรือนผมสีชมพูม่วงเดินมาพร้อมกับตุ๊กตาหมีตัวเล็กใส่ชุดครุยในมือ
“축하…(ชูคา...) ทิวาออนนี่!?”
“เอ๋ มุนอาเหรอ!?”
มุนอาที่กำลังจะอวยพรและให้ของขวัญพี่ตัวเองก็เห็นทิวา คนที่ตัวเธอก็นับถือเช่นพี่สาวยืนอยู่ข้างกียุลก็ร้องเสียงหลงแล้วรีบวิ่งไปกอดทิวาทันที่ หญิงสาวที่ไม่ได้เจอมุนอามานานก็ตกใจไม่แพ้กันและวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ
“กรี๊ดดดดดด ไม่ได้เจอกันนานมาก! คิดถึงออนนี่มากเลยค่าาา! >w<”
“พี่ก็คิดถึงเหมือนกันนน ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยน้าาา”
“เอ่อ...” กียุลเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ไม่ใช่อะไร เขาจะท้วงเรื่องที่มุนอาจะพูดเมื่อกี้เฉยๆ -w-; “มุนอา เมื่อกี้จะพูดว่าอะไรเหรอ?”
“อ๋อ 축하합니다 (ชูคาฮับนิดะ) ค่ะโอปป้า นี่ของขวัญ ขอตัวไปคุยกับทิวาออนนี่ก่อนน้า!” มุนอาจัดการโยนตุ๊กตาหมีใส่มือกียุลแล้วลากทิวาออกไปในงาน แต่คนตัวเล็กก็ไม่ลืมที่จะขออนุญาตผู้ใหญ่ทั้งสองที่ยืนอยู่เช่นกัน
“คุณน้าคะ เดี๋ยวพวกหนูมานะคะ ไม่นานค่ะ! ^^”
“ขอโทษที่ทำตัวเสียมารยาทนะคะ หนูขออนุญาตไปกับมุนอาสักครู่นะคะ ^^;” ทิวายิ้มเหงื่อตกนิดๆเพราะเจอกันไม่ทันไร ก็เผลอแสดงด้านซนๆออกมาให้ผู้ใหญ่ได้เห็นซะแล้ว
“ไม่เป็นไรจ้ะ ไปเถอะ อย่าลืมกลับมาให้ทันงานเริ่มด้วยนะ” แม่ของกียุลยิ้มให้ ทิวาและมุนอาจึงโค้งคำนับเป็นการขอบคุณและวิ่งออกนอกงานไป
“เฮ้อ.. ยัยเด็กคนนี้นี่นะ ลืมพี่ตัวเองไปแล้วรึไง =_=”
“บ่นทำไม น้อยใจเหรอเรา น้อยใจมุนอาหรือหนูทิวาคนนั้นล่ะ” แม่ของกียุลใช้ไหล่ของตนกระแทกที่แขนของลูกชายตัวเองเป็นการแซว จนทำให้ใบหน้าของเขาขึ้นสีแทบจะทันที
“จะ จะบ้าเหรอแม่! ไม่มีทางหรอก!”
“ปฏิเสธแรงขนาดนี้ ใครดูไม่ออกก็บ้าแล้ว เนอะแม่เนอะ”
“ใช่เลยล่ะพ่อ”
“ลูกเรามีความรักกับเขาแล้ว~” ทั้งสองคนพูดพร้อมกันด้วยน้ำเสียงหวานสุดขีดพร้อมกับยิ้มแป้นสดใสยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ พวกเขาดีใจเกินกว่าจะบรรยายที่เห็นลูกชายสุดเย็นชาของตนมีความรู้สึกเหมือนคนอื่นทั่วไปสักทีก็แทบจะกระโดดโลดเต้นอยู่แล้ว
“พอเลยครับทั้งสองคน ผมบอกแล้วไงว่าทิวาเป็นเพื่อนของผม”
“จ้าๆๆ พ่อกับแม่เชื่อก็ได้”
“ขอบคุณครับ -///- แล้วก็ไปนั่งกันเถอะ จะถึงเวลาเริ่มงานแล้ว”
“เอาสิลูก แล้วเด็กๆสองคนนั้นล่ะ” พ่อของกียุลถาม
“เดี๋ยวผมโทรตามเองครับ เราไปที่นั่งกันก่อนดีกว่า”
ประธานนักเรียนหนุ่มพาพ่อแม่ของเขามาถึงที่นั่งของแขก ซึ่งถัดไปประมาณสามเก้าอี้ พวกเขาทั้งสามก็เจอกับไอริณที่นั่งคุยอยู่กับพระราชาแบรนดอน พ่อของเบดี้และมิเอเล่
แต่ที่น่าตกใจกว่าเมื่อแม่ของกียุลเห็นไอริณ เธอถึงกับตกใจและเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่ดีใจและดังลั่นจนคนแถวนั้นหันมามอง
“ไอริณ!!!”
“ใครเรียกนะ อ้าว จีฮโย!? ตายแล้ววว!!!” ไอริณบ่นกับตัวเองเบาๆก่อนจะหันมามองที่ต้นเสียง เมื่อเธอเห็นว่าผู้หญิงที่ชื่อ ‘จีฮโย’ เป็นคนเรียกตนก็กรี๊ดกร๊าดแล้วรีบวิ่งไปหาเธอคนนั้นทันที
“คิดถึงเธอจังเลยยย ทำไมไม่ตอบข้อความกันบ้างล่ะ!”
“ก็ฉันไม่ว่างนี่นา งานที่องค์กรโลกก็วุ่นวายมากๆด้วย ขอโทษทีนะ”
สองสาวยืนกรี๊ดกร๊าดกัน ปล่อยให้กียุลและพ่อของเขายืนกันงงๆพลางนึกในใจว่า
‘ทำไมฉากนี้มันคุ้นๆเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเลยฟะ =__=;;’ ทั้งคุณพ่อและลูกชายคิดเป็นเสียงเดียวกันในหัว มันแทบจะเป็นสถานการณ์แบบเดียวกับของมุนอาและทิวาเป๊ะ!
“แม่รู้จักกับครูไอริณเป็นการส่วนตัวเหรอครับพ่อ”
“รู้จักน่ะ เห็นบอกว่าเป็นเพื่อนสมัยมหาลัยที่สนิทกัน”
“โห ทำไมแม่ไม่บอก ผมไม่เห็นรู้เลย”
“ลูกรู้จักเธอเหรอ?”
“รู้จักสิครับ เขาเป็นครูผมและแม่ของทิวานะ”
“แม่ของหนูคนที่ลูกมองเขาด้วยสายตาหวานเยิ้มน่ะนะ?”
“พรูด!!” กียุลถึงกับสำลึกกับความจริงที่พุ่งมาด้วยน้ำมือของพ่อเขาเอง
“ฮ่าๆๆๆๆ แซวแค่นี้ก็ไปไม่ถูกแล้วเหรอ ฮ่าๆๆๆๆ” พ่อของกียุลขำก๊ากแล้วตบไปที่หลังของกียุลพลางกุมท้องจนตัวงอเพราะขำมากเกินไป
[พิธีจะเริ่มในอีก 10 นาที ขอให้นักเรียนทุกคนประจำจุดด้วยครับ]
“ไม่หยุดขำผมจะโกรธพ่อแล้วนะ แล้วก็ไปนั่งได้แล้ว เขาเรียกผมแล้ว! -////-” กียุลดันพ่อที่กำลังขำไปที่เก้าอี้แล้วรีบเดินหนีไปทางที่เพื่อนๆยืนรวมตัวกันอยู่
“เอ้ากียุล ยูมาแล้วเหรอ แล้วทำไมหน้าแดง?” คริสโตเฟอร์ทักเพื่อนของตน
“ก็พ่อแม่ฉันน่ะสิ แซวฉันกับทิวาอยู่นั่นแหละ ฉันถึงเป็นอย่างนี้ไง”
“ขนาดพ่อแม่ยูยังดูออกว่ายูชอบเลดี้ทิวาอะ ต้องเป็นแฟนกันได้แล้วนะ”
“นั่นสิครับ เหลือแค่คุณคนเดียวแล้วนะที่ยังไม่เป็นแฟนกับคุณทิวาสักที” อเล็กเซเสริม
“ใครว่าฉันไม่อยากล่ะ แต่ยัยลิงนั่นก็ยังไม่บอกฉันสักทีว่าพร้อม ตอนแนะนำตัวให้พ่อแม่เมื่อกี้ก็ต้องบอกว่าเธอเป็นเพื่อน เจ็บชะมัด”
“อย่าคิดมากเลยขอรับ ผมว่าอีกไม่นานหรอก” ฮอรัสบีบที่ไหล่สองสามครั้งเพื่อปลอบใจ
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”
ทางด้านไอริณและแม่ของกียุล
“ถ้าเธอมาที่นี่เธอก็น่าจะเจอกับลูกฉันแล้วด้วยนะ เพราะทิวาเป็นแขกให้ลูกของเธอ” ไอริณพูดขึ้น
“เจอแล้วล่ะ ลูกเธอเหมือนเธอเปี๊ยบเลยนะ เผลอๆยังเรียบร้อยกว่าเธออีก”
“นั่นเป็นเพราะเธอยังไม่เจอธาตุแท้ของทิวาไง!”
“อย่ามาขู่กันให้ยากเลย ไม่มีใครแสบเท่าเธออีกแล้ว”
“ไม่ได้ขู่นะ เออใช่ ฉันมีอะไรจะบอก” ไอริณเอื้อมตัวไปกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของเพื่อนของตน ไม่นานเธอก็ถอยกลับมาแล้วทำมือเป็นสัญลักษณ์โอเคขึ้น
“เธอโอเคมั้ย? :)”
เมื่อแม่ของกียุลได้ยินสิ่งที่ไอริณพูด ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง ปากที่อ้าออกเพราะความตกใจเริ่มเปลี่ยนเป็นยิ้มกริ่มแล้วทำมือตกลงตอบ
“โอเคอยู่แล้วสิ!”
ทางด้านของทิวาและมุนอา
“มุนอา โอปป้าของเธอส่งข้อความมาตามแล้ว เรากลับไปที่งานกันดีมั้ย?” ทิวาชูโทรศัพท์ที่แจ้งเตือนมีแต่กียุลให้มุนอาดู ดวงตาที่หยีเพราะยิ้มก็ต้องตกใจดังเฮือกเมื่อเห็นจำนวนว่ามันเยอะมาก! แต่แล้วใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสงสัยภายในเวลาไม่กี่วิเพราะว่า
“‘ตาตี๋แว่นขี้เก๊ก’ นี่ใครเหรอคะออนนี่?”
‘ชิบแล้ว! ลืมเปลี่ยนชื่อไลน์กียุล ToT’
“เพื่อนพี่มันแกล้งน่ะ! แหะๆ เขาก็คือกียุลนั่นแหละ เพื่อนพี่แค่แกล้งเปลี่ยนชื่อเฉยๆ ^^;” ทิวาแก้ตัวน้ำขุ่นๆแล้วรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
“อ่อค่ะ งั้นกลับกันเถอะค่ะ”
ทั้งสองรีบเดินกลับมาจนถึงในงาน โชคดีที่งานยังไม่เริ่มขึ้น ดวงตาของมุนอาสอดส่องหาคุณน้าของเธอทั้งสอง เมื่อพบแล้วว่าพวกท่านนั่งอยู่ที่ไหน พวกเธอก็รีบเดินไปทันที
“กลับมาแล้วค่ะ” มุนอาพูดขึ้นขณะนั่งลง ส่วนทิวานั่งลงข้างๆมุนอาอีกทีอย่างเงียบๆ
“ทันเวลาพอดีเลยนะจ๊ะ ว่าแต่หนูทิวา” แม่ของกียุลเรียกหญิงสาว
“คะ?”
“เย็นนี้หนูว่างมั้ยจ๊ะ พอดีครอบครัวเราจะพากียุลไปเลี้ยงฉลอง เลยอยากจะชวนหนูไปด้วยน่ะจ้ะ”
“เอ่อ.. ว่างค่ะ แต่จะไม่เป็นการรบกวนเหรอคะ”
“ไม่หรอกจ้ะ พวกเราอยากให้หนูไปนะ”
“ทิวาออนนี่มาเถอะ มีออนนี่ไปด้วยน่าจะสนุกนะ!”
ทั้งสองยิ้มกว้างให้ทิวา ส่วนหญิงสาวที่เห็นว่าพวกเขาตั้งใจชวนจริงๆก็ตอบรับคำเชิญแล้วยิ้ม
“งั้นได้ค่ะ ขอบคุณที่ชวนนะคะ”
...
หลังจากที่แขกที่มาร่วมงานและนักเรียนทุกคนเข้าประจำที่ ทางโรงเรียนก็ทำการเริ่มพิธีทันที โดยจะมีการเชิญผู้อำนวยการโรงเรียนและรองผู้อำนวยการ กลุ่มสภานักเรียนและ valedictorian ประจำปีเป็นผู้เปิดงาน ต่อมามีการกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆจากผู้เปิดงาน โดยที่กียุลและฮอรัสเป็นคนพูดในฐานะ valedictorian ส่วนอเล็กเซเป็นคนพูดในฐานะตัวแทนสภานักเรียน
เมื่อจบการพูดสุนทรพจน์แล้ว ทางโรงเรียนจะเชิญนักเรียนแต่ละคนขึ้นมารับ diploma หรือใบจบการศึกษาพร้อมตราสัญลักษณ์คลาสคิงที่เป็นเข็มกลัดวงรีทำจากทองคำแท้สลักรูปเรือสำราญและมงกุฎจักรพรรดิ หลังจากที่นักเรียนทุกคนรับใบจบแล้ว จะมีการรวมตัวกันหน้าฮอลล์เพื่อทำการถ่ายรูปและโยนหมวกสำเร็จการศึกษาขึ้นฟ้าด้วยกัน
“เฮ้!!! จบแล้ว!!!!”
หลังจากที่โยนหมวกขึ้นฟ้า ก็เป็นอันเสร็จพิธีทุกอย่าง นักเรียนจึงมีอิสระในการถ่ายรูปกับเหล่าแก๊งเพื่อนและครอบครัวตามอัธยาศัย เพราะในวันต่อไปพวกเขาทุกคนจะต้องทำการย้ายไปที่เรือคิงก่อนจะกลับบ้านกันในช่วงปิดเทอม
กียุลที่ตอนนี้สถานะได้เป็นอดีตประธานนักเรียนคลาสดุ๊กกำลังเดินสอดส่องหาครอบครัวของเขา เนื่องจากเมื่อกี้เขาถูกลากไปถ่ายรูปนู่นนั่นนี่มาเป็นร้อยที่ (ก็คนมันดังอะครับ//กียุล) เขาเดินไปเดินมารอบโดมจนกระทั่งดวงตาสีครามคู่สวยของเขาสะดุดเห็นมุนอาที่ยืนคุยกับทิวาและพ่อแม่ของตน โดยที่หญิงสาวยืนหันหลังให้ชายหนุ่มอยู่
“เจอตัวสักทีนะครับ หาแทบตาย” กียุลเดินมาข้างหลังทิวาแล้วจับที่ไหล่ ก่อนจะทักครอบครัวของเขา
“โอโห มือชุ่มยิ่งกว่าเอาน้ำมาราดไหล่ฉันอีกนะยะ ร้อนขนาดนั้นเลยรึไง? -_-” ทิวาต่อว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังหน่อยๆ
“อีกนิดก็ละลายแล้ว ร้อนเกิน”
“พ่อกับแม่กำลังคุยกันเลยจ้ะว่าคืนนี้จะไปกินข้าวที่ไหนดี บนเกาะนี้ก็มีหลายร้านซะด้วยสิ” แม่ของกียุลเอ่ย
“แล้วจะไปกินกันที่ไหนเหรอครับ”
“ไม่รู้สิจ๊ะ เห็นหนูทิวาบอกว่าผอ.เขาแนะนำ steak house มาที่นึง บอกว่าเบค่อนอร่อยมากๆ แต่มุนอาเขาไม่กินเนื้อ เลยยังไม่แน่ใจเลยจ้ะ” แม่ของกียุลถอนหายใจพลางกอดอกโดยที่มือข้างนึงเท้าคางอยู่
“งั้นร้านอาหารทะเลมั้ยคะ เพื่อนหนูไลน์มาบอกพอดีว่าร้านนี้ก็อร่อย” ทิวาเสนอความคิดหลังจากที่เงียบไปช่วงนึง
“ใครไลน์มา?” กียุลถามด้วยน้ำเสียงจับผิด
“ดันเต้ ทำไม หึงรึไง? (-<_- )”
“แค่ถามเฉยๆ ( = =)”
“เอาสิคะออนนี่ หนูชอบอาหารทะเล!”
“พ่อก็ชอบนะ สนมั้ยกียุล”
“ได้นะครับ แค่ทุกคนโอเคก็พอ”
“งั้นตกลงตามนี้นะจ๊ะ เรามาถ่ายรูปกันดีกว่า”
หลังจากทั้งห้าคนตกลงกันเรื่องร้านอาหารได้แล้ว แม่ของกียุลก็เสนอให้ถ่ายรูปด้วยกัน โดยที่รูปแรกเป็นรูปรวมทั้งห้าคน ส่วนรูปต่อๆมาเป็นรูปของกียุลและครอบครัวของเขาโดยที่ทิวาเป็นคนถ่ายให้
“หนูทิวาไม่ถ่ายกับกียุลเหรอจ๊ะ” ผู้เป็นแม่ถามหญิงสาวขึ้น
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ หนูถ่ายตอนรูปรวมไปแล้ว แค่นั้นพอแล้วค่ะ” ทิวาปฏิเสธยกใหญ่ แต่นั่นไม่ได้ทำให้กียุลอารมณ์ดีขึ้นเลยสักนิด กลับกันเขาหงุดหงิดว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมถ่ายรุปกับเขา ชายหนุ่มจึงเดินไปยืนข้างๆแล้วโอบเอวทิวาทันที
“ทำอะไรเนี่ย!?”
“ฉันเสียใจนะที่เธอไม่อยากถ่ายกับฉัน”
“ฉันไม่ได้หมายควา-”
“ยิ้มก่อนสิ แม่ฉันจะถ่ายรูปแล้ว”
“ถ้างั้นแปบนึง” ทิวารีบแกะมือของกียุลออก (เหนียวเป็นปลาหมึกเลยให้ตายสิ -_-;//ทิวา) แล้ววิ่งไปทางโต๊ะๆนึงที่มีสัมภาระวางอยู่ หญิงสาวกลับมาพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ
“อะ ให้ ยินดีด้วยนะที่เรียนจบแล้ว” ทิวายื่นช่อดอกคาเมเลียสีชมพูให้กียุล ภายในช่อมีดอกไม้อยู่หกดอกและมีดอกเดซี่เล็กๆกระจายอยู่รอบๆ ชายหนุ่มหยิบมันมาจากมือของเธอเบาๆแล้วยิ้มให้ ใบหน้าของทั้งสองคนขึ้นสีจนแทบจะเป็นสีเดียวกับดอกไม้
“ขอบคุณนะครับ :) ถ่ายรูปกันดีกว่า”
มือหนาของคนตัวสูงโอบไปที่เอวของคนตัวเล็กแล้วดึงให้เข้ามาชิดกับตัว ส่วนเธอไม่ได้มาท่าทีโวยวายอะไรแล้วยอนเขยิบไปใกล้ๆโดยดี ทั้งสองยิ้มให้กับกล้องพร้อมกับแก้มสีชมพูระเรื่อ กียุลยิ้มกว้างจนตาของเขาหยีเป็นสระอิคล้ายกับลูกหมาชิบะตัวน้อยเวลามีความสุขมากๆ
“ถ่ายเสร็จแล้วจ้า”
“ขอบคุณครับแม่ ว่าแต่หลังจากนี้แม่จะไปไหนมั้ยครับ” กียุลรับโทรศัพท์มาจากแม่ของเขาแล้วเช็คดูรูปภาพ
‘ทิวาน่ารักมาก!! ต้องอัดกรอบเก็บไว้แล้ว -///-’
“แม่ว่าจะกลับไปนอนเล่นที่ห้องหน่อยน่ะ เพราะลูกก็ต้องไปอยู่กับเพื่อนไม่ใช่เหรอ เอาไว้เจอกันตอนเย็นเลยก็ได้”
“ก็ได้ครับ งั้นไว้เจอกันตอนเย็นนะแม่ พ่อ มุนอาด้วย”
“จ้า/อื้ม/ค่า” ทั้งสามตอบรับก่อนจะขอตัวกลับที่พัก ทิวาที่เห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้วจึงจูงมือกียุลไปยืนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ๆที่ไม่ไกลนัก
“หืม มีอะไรเหรอ?”
จุ๊บ!
“เอ๊ะ!? O///O”
“เอ่อ… พอดีฉันไม่กล้าทำต่อหน้าพ่อแม่นายน่ะ แต่ยินดีด้วยอีกรอบนะ นายเก่งมากเลยที่ผ่านมาได้ คลาสหน้าก็ขยันแบบนี้อีกล่ะ ฉันจะเอาใจช่วย” ทิวาลุกลี้ลุกลนมองไปทางนั้นทางนี้ยกเว้นมองหน้าคนตรงหน้าตรงๆ ใบหน้าของเธอแดงก่ำไม่แพ้ใบหน้าของกียุลที่ถูกจุ๊บที่แก้มเมื่อกี้เลย ในใจพลางคิดว่าตัวเองทำอะไรลงไป ทำไมถึงกล้าได้ขนาดนี้
“^___^” กียุลไม่ตอบอะไร กลับยืนยิ้มแป้น จุ๊บเมื่อกี้มันรู้สึกดีมากๆจนเขาเก็บความรู้สึกไม่อยู่แล้ว!
“หยะ หยุดยิ้มได้แล้วย่ะ! ฉันก็อายเป็นนะ”
“อีกรอบได้มั้ย?”
“ห๊ะ!?”
“เธอจุ๊บฉันอีกรอบได้มั้ย”
“เอ่อ...” ทิวาเลิ่กลั่กกับคำขอของชายตรงหน้า หัวใจของเธอเต้นรัวยิ่งกว่ากลองยาวในขบวนแห่นาคซะอีก
“นะครับ นะ ถือว่าเป็นของขวัญวันเรียนจบนะ”
“กะ ก็ได้!” หญิงสาวตอบตกลงก่อนจะยืนทำใจอยู่ครู่นึง กียุลโน้มใบหน้ามาใกล้ๆแล้วหลับตาพริ้มรอ เธอนับหนึ่งถึงสามในใจก่อนจะประทับรอยจูบบนแก้มของชายหนุ่มอีกรอบ
จุ๊บ! ♥
“ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับ ยัยลิงกังของผม :)”
_____________________________________________________________________
สวัสดีค่าผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกันเช่นเคย ^^
วันที่ 14 กุมภาที่ผ่านมา เราลืมอะไรไปหนึ่งอย่างค่ะ แล้วเราก็เพิ่งนึกได้ว่า วันที่ 14 กุมภาเป็นวันเกิดของกียุลและอเล็กเซของเรานั่นเองค่ะ! (ลืมจริงๆขอโทษนะคะทั้งสอง T__T)
สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะกียุลและอเล็กเซ มีความสุขมากๆ!
ในตอนนี้เหล่าเจ้าชายของเราก็เรียนจบกันแล้วนะคะ//ปรบมือออ ดีใจมากๆเลย ไรท์แอบอยากเห็นฉากเรียนจบในลาฟลอร่าบ้างเลยค่ะ คงจะน่ารักกันน่าดู แต่ก็ยังไม่อยากให้ลาฟลอร่าจบเลยค่ะ (อ้าว?)
ในตอนหน้าก็จะยังอยู่กับวันเรียนจบนะคะ ไหนๆเรียนจบแล้วขออยู่นานนิดนึง
รับรองความสนุกในตอนหน้าและตอนต่อๆไปแน่ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้ไรท์มากๆเลย แล้วพบกันในตอนต่อไปนะคะ ^^
ความคิดเห็น