คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : ตอนที่ 26 : ปาร์ตี้ชุดนอนของเหล่าเจ้าหญิง (ขอเวลาเม้าท์สักคืนนะคะเจ้าชาย ;))
26
ปาร์ตี้ชุดนอนของเหล่าเจ้าหญิง (ขอเวลาเม้าท์สักคืนนะคะเจ้าชาย ;))
ห้องของประธานนักเรียนหนุ่มตกอยู่ในความเงียบโดยทันทีที่เจ้าตัวกำจัดตัวปัญหาอย่างพ่อหนุ่มหัวส้มผู้บ้าฮีโร่ออกไปจากห้อง หญิงสาวที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็ได้แต่อึ้งกิมกี่กับอะไรก็ไม่รู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า คิ้วข้างขวาเลิกขึ้นพร้อมกับคิ้วข้างซ้ายที่ถูกกดลงแสดงให้เห็นถึงความงงงวยอย่างชัดเจน สายตาของเธอจ้องไปที่ชายหนุ่มโดยที่ถ้าดวงตาของเธอพูดได้คงพูดประมาณว่า ‘What the f**k...’ หรือ ‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?’ ไม่ก็ ‘ช่วยอธิบายสิ่งวุ่นวายเมื่อกี้ทีเถอะ’ อะไรทำนองนั้นแน่ๆ
กียุลถอนหายใจด้วยความเวทนาตัวเองแล้วอธิบายให้หญิงสาวฟัง
“เมื่อกี้ถือว่าช่วยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปทีนะ ฉันไม่ได้โกรธไอคริสมันแรงถึงขั้นนั้นบ่อยๆหรอก”
“ยิ่งไม่ได้โกรธบ่อยๆยิ่งต้องจำเลยย่ะ”
“ยัยลิงนี่ เดี๋ยวเถอะ! -*-” กียุลกำลังจะเดินไปหยิกแก้มทิวาด้วยความมันเขี้ยว แต่แล้วเสียงของคนตรงหน้าก็หยุดการกระทำของเขาลงซะก่อน
“ว่าแต่นายจะโกรธขนาดนั้นทำไมอะ คริสพูดอะไรผิดเหรอ”
“...”
“ว่าไง?”
ทิวาที่ถามคำถามจี้จุดมองหน้าชายหนุ่มอย่างเค้นคำตอบ กียุลได้แต่เงียบไปชั่วครู่ ในหัวคิดอยู่แค่ว่าจะบอกความจริงไปเลยหรือว่าโกหกดี แต่ถ้าบอกไปมันก็น่าอาย แต่ก็ไม่อยากโกหกหญิงสาว แถมหาข้ออ้างลำบากอีก
ความคิดตีกันในหัวไม่นานเขาจึงเอ่ยปากพูดเพื่อไม่ให้หญิงสาวรอนานไปกว่านี้
“ฉันแค่… หงุดหงิดสิ่งที่คริสมันพูดกับเธอน่ะ”
“พูดตอนไหนเหรอ”
“เธอนี่มันบ๊องหรือบ๊องกันเนี่ย”
“ก็เพราะไม่รู้ไงถึงได้ถามเนี่ย!”
“อะๆโอเคๆ ก็ตอนที่ฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องไง ที่ไอคริสมันขอให้เธอไปเป็นแขกของมัน”
“ฮะ อ่อ...” ทิวาเรียบเรียงเหตุการณ์ในหัวไม่นานก็นึกออก แล้วก็หลุดขำออกมาจนตัวเธอต้องรีบปิดปาก “พรูด! ฮ่าๆๆ อุ๊บ ฮ่าๆ >x<”
“ขำอะไรยัยลิงกัง -***-”
“คะ คือนายจะบอกว่า นาย ‘หึง’ ฉันกับคริสเพราะประโยคนั้นเหรอ? ฮ่าๆ”
“เลิกขำซักทีได้มั้ย! และ ฉันไม่ได้หึงโว้ย แค่อารมณ์ไม่ดี!”
“นั่นแหละเขาเรียกหึง เลิกเก๊กซะทีเถอะตาตี๋”
“-/////-;” กียุลไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ยืนอายกับคำพูดของทิวา
“คริสไม่ได้มาขอฉันหรอกนะ นายน่ะเข้าใจผิดแล้ว พวกเราแค่คุยกันเรื่องวันจบอีกสองวันข้างหน้าเฉยๆ”
“อ่าว แล้วที่คริสมันพูดว่า...”
“อันนั้นฉันเป็นคนบอกให้คริสพูดเองแหละ เขาก็แค่เล่าตอนไปขอยูริเป็นแขกน่ะว่าขอยังไง นี่นายเข้าใจว่าคริสมาขอฉันรึไง ฉันไม่ได้ฮอตขนาดนั้นซะหน่อย” ถึงแม้ปากของทิวาจะบอกว่าตัวเองไม่ได้ฮอต แต่เจ้าตัวก็โพสต์ท่าเท้าเอวและเชิดหน้าไปด้านข้างอย่างภาคภูมิในตัวเอง
“เออฉันเข้าใจผิด ขอโทษละกัน แล้วก็เลิกย้ำซักทีได้มั้ย ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหนแล้วเนี่ย =_=;”
“นายนี่ขอโทษไม่จริงใจเอาซะเลยนะ แต่ก็ช่างเถอะ” ทิวาเดินไปบีบจมูกกียุลแล้วบิดไปมาสองสามทีก่อนจะปล่อยมือออก “ฉันกับคริสทำส่วนของวันนี้กับพรุ่งนี้ครึ่งนึงเสร็จหมดแล้ว อยู่บนโต๊ะ เช็คได้ ฉันไปนอนละ”
“ดะ เดี๋ยวสิ!” มือหนาของชายหนุ่มรีบคว้ามือของหญิงสาวไว้ทันทีที่เธอหันหลัง
“ฮะ?”
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ขอคุยแปบนึงได้มั้ย” กียุลมองทิวาด้วยสายตาที่จริงจัง จนทำให้หญิงสาวงงกับท่าทางที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของชายคนนี้
‘อะไรเนี่ย ตอนแรกไหนบอกอาย ต้องนี้จ้องตาแทบจะทะลุ เราไปทำอะไรผิดมาหว่า - -;’
“ค่อยคุยวันอื่นได้มั้ยอะ ฉันเหนื่อย อยากนอนแล้ว” ทิวาที่กลัวๆว่าจะโดนด่าอะไรมั้ยก็รีบขอตัวไปนอน เพราะแทบทุกครั้งที่เธอได้ยินคำว่า ‘ขอคุยด้วยได้มั้ย’ จากปากใครก็ตาม แฟลชแบ๊คความผิดที่เธอเคยก่อตั้งแต่ยังเป็นเอมบริโอ(เวอร์)ก็ฉายขึ้นมาในหัวทันควัน
“นะ นะ นะครับนะ”
“อย่าคิดว่าทำเสียงอ้อนเป็นแมวขนาดนี้แล้วใครจะใจเต้นนะยะ! -////-”
“แต่ก็มีแล้วคนนึงไม่ใช่เหรอครับที่กำลังหน้าแดงเพราะใจเต้นอยู่? :)” กียุลยิ้มกริ่มพร้อมกับดึงทิวาเข้าไปใกล้ตัวมากขึ้นจนหญิงสาวเก็บอาการเขินของตัวเองไม่อยู่
“อะ อะ อะไรเนี่ย!! ไม่ต้องมาค้งมาครับเลย!! ฉันจะไปนอนแล้ว คืนนี้ไม่ต้องมานอนกับฉันนะ!” ทิวารีบสะบัดตัวเองออกจากพันธนาการของชายหนุ่มแล้วรีบเดินไปที่เตียงโดยไม่สนใจคนข้างหลังที่งอแงเลยสักนิด
“ยัยลิงอย่าเพิ่งไป!! ฉันขอโทษ!”
“ไม่ต้องมายุ่งงงง แล้วทั้งคืนนี้และพรุ่งนี้ห้าม-กอด-ฉัน-เด็ด-ขาด!!” ทิวาตะโกนสุดเสียงแล้วรีบกระโดดลงเตียงทันทีโดยที่ไม่ลืมเอาผ้าห่มคลุมโปงแก้เขิน
“เห้ย! โกรธกันขนาดนี้เลยเรอะ!? ถ้าฉันไม่ได้กอดเธอฉันต้องขาดใจตายแน่ๆ T^T” กียุลรีบวิ่งไปหาทิวาแล้วร้องอ้อนวอนอย่างสุดชีวิต เผื่อหญิงสาวจะใจอ่อนขึ้นมาบ้าง
“เป็นกียุลต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย!” ง่ะ ไม่ได้ใจอ่อนขึ้นเลย
“ให้ฉันโดนชนตายเถอะถ้าจะห้ามกอดกันเป็นวันขนาดนี้ T____T”
“ไม่รู้ไม่ชี้! โทษฐานที่นายมาล้อฉันว่าหน้าแดง ไปนอนโซฟาเลย แบร่! ;P” ทิวาเปิดผ้าห่มมาแลบลิ้นใส่กียุลแล้วรีบปิดผ้าห่มหนีทันที จะดึงออกก็ดึงไม่ได้เพราะน่าจะโดนโกรธหนักกว่าเดิม
“ก็ได้ ยัยลิงใจร้ายชะมัด” กียุลยอมแพ้แล้วถอยออกไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองแต่โดยดี แต่ไม่วายมีไปว่าหญิงสาวหน่อยๆ
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้สนใจตนเลย เขาจึงตัดสินใจเคลียร์งานในวันนี้และเขียนสคริปต์สำหรับพิธีจบการศึกษาต่อ โดยที่เขาหันไปมองที่ทิวาเป็นระยะๆ แต่เมื่อผ่านไปสักพัก เขาเห็นว่าหญิงสาวได้หลับลงแล้วจริงๆ เขาจึงได้แต่บอกฝันดีเธอจากไกลๆแล้วกลับมาโฟกัสกับงานตรงหน้าต่อ
‘สรุปวันนี้ก็ไม่ได้เชิญยัยลิงไปเป็นแขกในวันจบสักที หวังว่าพรุ่งนี้ฉันจะไม่ลืมนะ’
เช้าวันต่อมา
“ครับ ขอโทษที่บอกช้านะครับ ครับ รักนะครับ ไว้เจอกันครับ” เสียงชายหนุ่มชาวเกาหลีคุยโทรศัพท์ดังขึ้นตรงระเบียงห้องยามเช้า เส้นผมสีน้ำตาลแดงของเขาปลิวไปตามลมอ่อนๆที่พัดมา ไออุ่นยามเช้าเป็นสิ่งที่เขาคนนี้ชอบที่จะออกมาเอ็นจอยกับมันอยู่บ่อยๆ
หลังจากที่กียุลวางสายโทรศัพท์ลง เขาได้เดินกลับเข้ามาในห้อง เสียงของประตูที่ถูกปิดลงปลุกให้ร่างบางที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียงตื่นขึ้นแล้วยันตัวเองให้อยู่ในท่านั่งด้วยความงัวเงีย
“อือ...”
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะ” กียุลที่สังเกตเห็นว่าหญิงสาวตื่นขึ้นเพราะเขาก็รีบเดินไปหาแล้วนั่งข้างๆบนเตียง
“กี่โมงแล้วอ่า” ทิวาถามด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนเหมือนลูกแมว(แต่ไม่ได้ตั้งใจทำ มันเป็นเองเพราะง่วง -_-;//ทิวา)จนกียุลตั้งตัวไม่ถูก หน้าของเขาค่อยๆเริ่มขึ้นสีแต่ก็รีบดึงหน้าให้กลับมาเป็นปกติ
‘หัวใจแทบจะวายกับเสียงนั่น ยัยลิงเอ๊ย’
“เจ็ดโมงห้าสิบแล้ว อีกแปบนึงฉันต้องไปแล้วล่ะ”
“อ๋อ… งืมๆ”
“เออใช่ทิวา เมื่อกี้ฉันเพิ่งคุยกับแม่ของฉันเสร็จ ฉันเลยนึกอะไรขึ้นได้น่ะ”
“ว่า?”
“พรุ่งนี้อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าสวยๆไว้นะ เพราะเธอเป็นแขกของฉัน”
“อ้าว ฉันเป็นแขกของนายเหรอ ไม่เห็นนายจะมาบอกอะไรซักนิด -_-”
“แล้วเธอจะไปเป็นแขกของผู้ชายคนอื่นรึไง ฉันไม่ให้หรอกนะ!” กียุลหยิกแก้มทิวาด้วยความมันเขี้ยวจนคนโดนหยิกร้องเสียงหลง
“โอ๊ย! เจ็บนะยะ!! ToT โอเคๆเดี๋ยวฉันให้แม่เอาชุดมาให้”
“ดีมาก แล้วก็เตรียมตัวเจอพ่อแม่สามีในอนาคตได้เลยนะ ฉันไปล่ะ :)” กียุลทิ้งท้ายอย่างมีเลศนัยแล้วรีบตรงดิ่งออกจากห้องไปทันทีโดยปล่อยให้ทิวานั่งหน้าแดงกับประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่
“นายหมายความว่ายังไง!!??”
.
.
.
ถึงแม้กียุลจะ(เผ่น)ออกจากห้องไปสองชั่วโมงแล้ว ทิวาก็ยังไม่มีท่าทีจะลุกออกจากเตียงเลยสักนิด หญิงสาวนอนกลิ้งอยู่บนเตียงไปมาพลางดูไลฟ์สตรีมเกมที่เจ้าตัวชอบไปเรื่อยๆจนท้องเจ้ากรรมร้อง ความปวดแสบเพราะหิวพุ่งขึ้นมาจนทิวาจำใจลุกออกจากเตียงนุ่มนิ่มน่านอนไปหาอะไรลงท้อง
ระหว่างทางที่ไปห้องครัว หางตาของเธอก็ไปสะดุดกับแผ่นโพสอิทสี่เหลี่ยมเล็กๆสีเหลืองแสบตาใบนึงอยู่บนโต๊ะทำงานของกียุล ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะใช้โพสอิทเตือนความจำหรืออะไรเลยเพราะกียุลเป็นคนที่มีความจำดี ด้วยความสงสัยทิวาจึงเดินเข้าไปดูและก็พบว่าเป็นกระดาษเตือนความจำจริงๆ
‘พรุ่งนี้อย่าลืมขอยัยลิงเป็นแขกเด็ดขาด! ถ้าลืมมีตายแน่ไอ้กียุล’
“ฮะๆ ให้ตายสิ ขนาดเขียนก็ยังเขียนว่ายัยลิงเหรอเนี่ย แย่จริงๆ” ถึงแม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าของทิวากลับแสดงในสิ่งที่ตรงกันข้าม เธออดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเจ้าของกระดาษใบนี้ เธอวางกระดาษไว้ที่เดิมแต่ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้หน่อย แล้วจึงเดินเข้าครัวไปหาอะไรกิน เพราะกลัวว่าถ้ากียุลรู้เนี่ย เขาต้องงอนแน่ๆเลยจริงมะ
ห้องของมิคาเอลิส (มิเอเล่นั่นแหละ แต่ป้ายชื่อห้องเขียนไว้อย่างนี้) เวลา 18.00 น.
“ทุกคนนน ฉันมาแล้ววว” ทิวาที่อยู่ในร่างเด็กหนุ่มเปิดประตูห้องของมิเอเล่กว้างแล้วทักทายเพื่อนๆในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ที่หลังมากระเป๋าเป้สีดำขนาดกลางสะพายอยู่พร้อมกับถุงของกินในมือข้างซ้าย
“มาช้านะยะยัยลิงกัง” นาซิสซ่าเปิดการทักทายด้วยการต่อว่าเพื่อนสนิทของตัวเองก่อนจะหยิบพัดมาป้องปากตามนิสัย
“เงียบไปเลยยัยกิ้งก่า ใช่ว่าฉันอยากจะมาสายนะ”
“แล้วทำไมเธอถึงมาสายล่ะยะ”
“ก็ตาตี๋น่ะสิ! ถามฉันอยู่นั่นแหละว่าไปนอนกับใคร กี่คน มีผู้ชายมั้ยนู่นนั่นนี่ ทำตัวยิ่งกว่าพ่อ”
“แหม หวงเธอออกนอกหน้าขนาดนี้ พ่อเธอคงไม่ต้องมาหวงเธอต่อแล้วมั้ง” โรซารี่แซว
“ฉันก็คิดเหมือนกันเนี่ย ช่างเถอะๆ เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า แล้วมากินกัน! ตาตี๋เขาสปอนเซอร์ด้วยนะ!” ทิวาชูถุงที่ใส่เค้กปอนด์ครึ่งก้อนหนึ่งกับชานมไข่มุกหวานน้อยแบบที่สาวๆชอบหกแก้วและผลไม้ต่างๆที่ไว้ทานได้ยันปีหน้าขึ้น ทำให้ห้าสาวที่เหลือตาลุกวาวเป็นประกายออกมาทันที
“กรี๊ดดดดด กียุลนี่สุดยอดไปเลย!! ฝากขอบคุณเขาด้วยนะ!!” มิเอเล่ตาลุกวาวกับเสบียงที่ได้มาฟรีแถมเป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น เธอรีบลุกไปหยิบถุงพวกนั้นแล้ววางไว้บนโต๊ะ และวิ่งไปในครัวเพื่อไปหยิบจานพร้อมกินทันที
ในตอนนี้สาวๆทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องมิเอเล่เพื่อที่จะจัดปาร์ตี้ชุดนอนในคืนนี้ ยูริผู้เป็นเจ้าของไอเดียนี้เห็นว่าทุกคนอยู่ในภาวะตึงเครียดไม่มีพักตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้น (น่าจะมีแต่กียุลทิวาล่ะมั้งที่สวีทกันอยู่ทุกวัน -w-) แถมพวกเธอก็แทบไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบส่วนตัวเลยเพราะทุกครั้งที่เจอกัน จะมีพวกเจ้าชายอยู่กับพวกเธอเสมอ นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเธอจะได้มาเม้าท์มอยกันก่อนจะต้องปลอมตัวเป็นนักเรียนคลาสคิงต่อ
“เค้กมาแล้วน่อ~” เหมยฮัวที่วิ่งไปช่วยมิเอเล่ในครัวเดินออกมากับเค้กบัตเตอร์ที่มีดอกเดซี่สีขาวห้าดอกและผึ้งตัวน้อยบินอยู่บนเหล่าดอกไม้
“ซูชิเซ็ตใหญ่และไดฟุกุสตรอว์เบอร์รี่สปอนเซอร์จากคริสโตเฟอร์เทพบุตรพ่อทูนหัวของยูริก็มาแล้วจ้า~” มิเอเล่เดินตามหลังเหมยฮัวออกมาพร้อมกับของกินในมือที่ดูละลานตา
“เวอร์ไปแล้วเจ้าคะคุณมิเอเล่ ถึงมันจะจริงก็เถอะเจ้าค่ะ >////<”
“พวกผู้ชายก็ซื้อของกินให้พวกเราเยอะเหมือนกันนะเนี่ย พวกเราแทบไม่ต้องออกเงินซื้อเองเลย” โรซารี่เอ่ยก่อนจะหยิบไดฟุกุลูกหนึ่งเข้าปาก
“งั่มๆ ใอ้ๆ อะอ่อยอ้ากอ้วย อู๊อึกอีอุดๆ (งั่มๆ ใช่ๆ อร่อยมากด้วย รู้สึกดีสุดๆ)” ลิงกังของกลุ่มยัดซูชิคำโตเข้าปาก เคี้ยวๆแล้วพูดแทบไม่เป็นภาษาจนนาซิสซ่าต้องตักเตือนไปยกใหญ่
“เคี้ยวเสร็จแล้วค่อยพูดสิยะ เพื่อนๆไม่หายไปไหนหรอก ดูสิอาหารจะกระเด็นออกจากปากอยู่แล้ว ทำไมนิสัยกินแล้วพูดนี่มันแก้ไม่หายเลยนะ ครูมารีก็เคยลงโทษเธอเพราะสิ่งนี้เธอไม่เข็ดอีกเหรอ ฉันล่ะเบื่อจริงๆกับเรื่องนี้”
“เอ่อ.... เธอหยุดว่าฉันเถอะ ฉันขอโทษ จะไม่ทำอีกแล้ว -_-;” ทิวายอมจำนนกับเสียงบ่นของเพื่อนชาวฝรั่งเศสของตนแล้วนั่งกินอาหารอย่างเรียบร้อยโดยทันที
“เออว่าแต่ พรุ่งนี้พวกเธอเป็นแขกให้พวกราชาทั้ง 5 ใช่มั้ย” โรซารี่ถามขึ้นขณะแบ่งเค้กให้เพื่อนๆ เรียกความสนใจห้ทุกคนหันมามองหน้าเธอแล้วพยักหน้าลงพร้อมกัน
หงึก หงึก (‘ ‘) (. .)
“เดี๋ยวนะยะ เธอด้วยเหรอมิเอเล่?” นาซิสซ่าเลิกคิ้วขึ้นแล้วชี้พัดไปทางมิเอเล่
“ใช่ ทำไมอะ”
“พรุ่งนี้คุณมิเอเล่ไม่ต้องขึ้นไปรับเหรอเจ้าคะ เพราะก็มีชื่อที่คุณมิเอเล่ใช้ตอนเป็นผู้ชายอยู่ด้วย”
“เรื่องนี้สบายมาก!” มิเอเล่กอดอกแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ “ฉันจะมีทหารคนสนิทไว้ทำไมล่ะ”
“โอโห ใช้อำนาจทางการเมืองในทางที่ผิดชัดๆ -3-” ทิวายู่ปากใส่เพื่อนของตนจนมิเอเล่่ต้องเขกหัวทิวาหนึ่งทีเพราะไอประโยคบ้าๆชวนเข้าใจผิด
โป๊ก!
“จะบ้ารึไงยะ! ฉันก็แค่หาคนที่หน้าตากับรูปทรงคล้ายๆฉันไปขึ้นรับแทนเฉยๆ เพราะยังไงวันจริงพวกนักเรียนก็ไม่ได้นั่งกับเพื่อนตัวเองอยู่แล้ว”
“โอ๊ย!! เจ็บนะยะ เดี๋ยวสมองฉันก็ฝ่อหรอก!”
“สม! :P”
“แล้วเธอเป็นแขกของใครเหรอ?” โรซารี่ถาม ทำให้ทุกคนหันมามองหน้ามิเอเล่อย่างพร้อมเพรียงอีกเช่นเคย แต่คราวนี้พวกเธอกลับส่งสายตากดดันจนหญิงสาวทนไม่ไหว
“อะ เอ่อ...”
“ *____* ”
“เพื่อนของฉันเองน่ะ เพื่อนสมัยเด็ก ชื่อเบดี้”
“ทำหน้าเลิ่กลั่กแบบนั้นไม่น่าใช่แค่เพื่อนสมัยเด็กนะน่อ~”
“จะบ้าเหรอ! เพื่อนสมัยเด็กนี่แหละ แค่สนิทกันเฉยๆ!”
“จ้าๆ อย่าร้อนตัวสิ พวกเรายังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ ^^” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของโรซารี่ทำให้มิเอเล่รู้ตัวว่าตัวเองเริ่มออกอาการ จึงได้แต่นั่งเงียบพร้อมกับความร้อนรนที่ปะทุขึ้นในใจ
“เล่ามาเลยนะยะว่าเป็นไงมาไง เดี๋ยวนี้เธอก็แอบแซ่บเหมือนกันเหรอ”
“นาซิสซ่า เลือกใช้คำให้มันดีๆหน่อยได้มั้ยเนี่ย -////-”
“ไม่ต้องเบี่ยงเบนเลยนะ! เล่ามาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะไปฟ้องแม่ว่าเธอไปทำจานแตกที่ร้า- อุ๊บ!! OxO”
“เงียบไปเลยนะยะยัยลิง!! เออๆเล่าก็ได้” มิเอเล่จัดการเอาซูชิชิ้นใหญ่ยัดปากทิวาหวังให้เธอหยุดพูดแล้วยอมแพ้ต่อเพื่อนๆ “คืองี้...”
.
.
.
ย้อนกลับไปเมื่อวันสุดท้ายของการสำรวจเรือ (ตออนที่ 22)
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะ ไว้คุยกันในแชท”
“อื้ม” สิ้นเสียงตอบรับของมิเอเล่ ทั้งสองคนก็เดินแยกย้ายกันไปคนละทาง
มิเอเล่เดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องของตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมไปซ้อมกับไอริณเช่นเคย แต่ในขณะที่เธอกำลังจัดของในกระเป๋า เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ไลน์!
[ยัยมิเล่ แอบหลอกฉันขนาดนี้ ไม่คิดจะขอโทษบ้างเลยเหรอ :( :( :( T_T ;_;]
“ฮะๆๆดูเขาสิ อิโมจิหน้าบึ้งอะไรเนี่ย” เนื่องจากมิเอเล่ไม่ได้บอกความจริงกับเพื่อนตัวเองเกี่ยวกับที่เธอมาเรียนที่โนอาห์ โดยบอกไปว่าไปเรียนที่ออสเตรเลียแถมนานๆทีจะตอบแชท เบดี้จึงรู้สึกน้อยใจหน่อยๆแล้วส่งอิโมจิเศร้ามาเป็นขบวน
[โอ๋ๆ ขอโทษน้า ฉันต้องทำยังไงนายาถึงจะหายโกรธล่ะ?]
[เลี้ยงข้าวฉันก็ได้นะ ช่วงนี้พ่อก็ไม่ค่อยส่งเงินมาให้ ไม่ได้กินอะไรอร่อยๆเลย :(]
[ว้ายๆๆ เสียใจด้วยนะยะ แล้วจะไปกินตอนไหน]
[ตอนนี้เลย! ป่ะ]
[ไม่ได้ๆ ตอนนี้น้าไอริณนัดฉันซ้อมต่อสู้ คงไม่ว่างจนถึงพรุ่งนี้เลย ;_;]
[คุณน้าที่เป็นเพื่อนกับพ่อฉันและฝ่าบาทน่ะเหรอ ฝากทักทายเขาด้วยนะ บอกทีว่าฉันคิดถึงม้ากก ^o^]
“อะจ้าาาา พ่อหนุ่ม” มิเอเล่ถึงกับต้องเอ่ยปากแซวเพื่อนสนิทตัวเองอย่างอดไม่ได้
[ไม่หรอกย่ะ เดี๋ยวน้าจะไม่รักฉันแล้วไปรักนายแทน ไปล่ะ!]
มิเอเล่ปิดโทรศัพท์แล้วจัดการกับของในกระเป๋าต่อ ไม่นานเธอจึงไปที่สถานที่ฝึกซ้อม
เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วโมงจนพระอาทิตย์ตกดิน ร่างที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อของหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งเดินโซซัดโซเซมาที่ห้อง เมื่อเปิดประตูเข้ามาเธอก็ล้มตัวลงนอนทันที เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆกดลงมาจนกระทั่งเธอเข้าสู่ความฝันโดยสมบูรณ์
เวลา 1.04 น.
“อืม...” เสียงของหญิงสาวดังออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก ดวงตาของเธอค่อยๆเปิดขึ้น มือซ้ายกวาดหาโทรศัพท์ของตน เมื่อดูนาฬิกาบนหน้าจอก็พบว่าขณะนั้นเป็นเวลาแค่ตีหนึ่งนิดๆ เธอร้องชิออกมาอย่างไม่พอใจพร้อมกับนึกในใจว่าเธอตื่นมากลางดึกอีกแล้ว
มันกลายเป็นอาการที่แก้ไม่หายสำหรับมิเอเล่ที่ตื่นกลางดึก เพราะเกิดจากความเครียดมากเกินไปและความหดหู่ที่สามารถเจอได้บ่อยๆขณะปฏิบัติงาน หญิงสาวพยายามข่มตาหลับเป็นเวลาหลายนาทีแต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงตัดสินใจทักหาใครบางคน แต่ก็ไม่ได้หวังให้เขาตอบเพราะมันก็ดึกมากแล้ว
[เบดี้ นายนอนยัง]
“เฮ้อ หมอนั่นคงไม่ตอบหรอก ทักไปตอนนี้”
“...”
“...”
“...”
ไลน์!
[ยัง แล้วทำไมเธอยังไม่นอนสักที หัดนอนดึกเหรอเดี๋ยวนี้]
“ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหมอนั่นมาจากไกลๆเลยนะ = =;”
[ฉันไม่ได้นอนดึกย่ะ ฉันนอนไปแล้ว แล้วตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วนอนไม่หลับ]
[อ่อ ก็แล้วไป แล้วมีอะไรเหรอ]
“จะตอบหมอนั่นว่าไงดีนะ… ไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันอยากเจอเขาตอนนี้ซะด้วยสิ แต่มันก็เหงาอะ ทำไงดีนะ” มิเอเล่สองจิตสองใจอยู่นานจึงตัดสินใจถามเบดี้ไปตรงๆ
[นอนไม่หลับ ไปเดินเล่นกันมั้ย]
“หวังว่านี่จะไม่ดูน่าเกลียดเกินไปนะ”
[เอาสิ แล้วเธออยู่ห้องไหน เดี๋ยวฉันไปหา]
[โซน 10 หน้าห้องเขียนว่ามิคาเอลิสแล้วที่ป้ายมีรูปผึ้งอยู่ มาถูกนะ]
[ระดับที่ฉันเป็นองครักษ์ของเธอแล้ว สบาย]
“ยังมั่น as always เลยจริงๆ”
[จ้าๆ รีบมาด้วยล่ะ]
มิเอเล่นอนกลิ้งไปกลิ้งมารอเบดี้อยู่บนเตียง ประมาณ 6 นาทีก็มีเสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะเหมือนกับที่อันนาเคาะประตูห้องเอลซ่า แล้วประตูก็เปิดออกพร้อมกับแขกผู้มาเยือนในชุดนอนแขนขายาวสีทองขอบดำ ชายหนุ่มสวมเสื้อโค้ทยาวสีดำอยู่ข้างนอกพร้อมกับสลิปเปอร์รูปฉลามน่ารักมุ้งมิ้ง
“เอ่อ… ฉลามเนี่ยนะ? - -;” มิเอเล่ที่สังเกตเห็นก็ถามพร้อมกับเหงื่อตก
“ทำไมล่ะ น่ารักดีออก!” พูดจบเขาก็หมุนตัวรอบนึงคล้ายบาร์บี้เจ้าหญิงหงส์ขาว
“อ่า จ้าๆ”
“แล้วเธออยากจะไปไหนเหรอ”
“ไปหาอะไรกินแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้ากันมั้ย อากาศน่าจะกำลังดี”
.
.
.
“บรื๋อออ หนะ.. หนาว…กำ…ลัง...ดี...เลย” มิเอเล่ยืนสั่นอยู่ตรงรั้วบนชั้นดาดฟ้าที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่เลยนอกจากพวกเขาสองคน สองมือกอดอกตัวเองแน่นแต่มือข้างขวาของเธอก็ไม่วายจับโคนไอศกรีมรูปดอกกุหลาบรสช็อคโกแลตและราสเบอร์รี่แน่น
เบดี้ที่ยืนอยู่ข้างๆถอนหายใจให้กับความดื้อดึงของคนข้างๆที่ไม่ยอมเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ เพราะเจ้าตัวบอกว่าแข็งแรงพอที่จะทนกับความหนาวได้ ตอนแรกเขาว่าเขาจะถอดเสื้อโค้ทให้หญิงสาวใส่ แต่เขาก็มีไอเดียบางไอเดียที่น่าสนใจกว่านั้น
“มิเล่”
“ว่า?”
“มานี่มา” เบดี้อ้าแขนกว้างแล้วบอกให้มิเอเล่ไปหาเขา หญิงสาวที่โดนเรียกเมื่อกี้ถึงกับหน้าขึ้นสีเพราะนี่มันเหมือนกับการชวนเธอไปกอดชัดๆ
“อะ อะไรของนายเนี่ย!? ///-///”
“จะยืนจนแข็งตายหรือจะมาดีๆ นี่ดูไม่ออกรึไงว่าฉันกำลังแบ่งความอบอุ่นให้เธอน่ะ” เบดี้อ้าแขนกว้างกว่าเดิมแล้วทำหน้าออดอ้อนจนหัวใจมิเอเล่เริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ
‘โอ๊ยยยย ใจเต้นแล้วเฟ้ย! ไม่คิดอะไรก็อย่ามาทำแบบนี้ได้มั้ย!!’
“มะ ไม่เอา!!”
“ไม่มาฉันจะไปฟ้องฝ่าบาทเรื่องที่เธอแอบขึ้นเรือสำราญที่มีแต่ผู้ชายนะ”
“จะบ้าเหรอ ฉันทำงานนะยะ! ไม่ใช่ขึ้นสุ่มสี่สุ่มห้า”
“อะๆไม่พูดแล้วครับ ว่าแต่จะมาได้ยัง เมื่อยแล้วนะ”
“เออๆ ก็ได้ -////-” หญิงสาวจำใจเดินไปแต่โดยดี เมื่อระยะห่างของทั้งสองคนน้อยลงพอประมาณ เบดี้ก็ใช้เสื้อโค้ทยาวๆคลุมที่ตัวของหญิงสาว ทำให้ตอนนี้ร่างของเธอและเขาแทบจะชิดติดในภายใต้เสื้อโค้ทสีดำ โดยมีไอศกรีมรูปดอกกุหลาบสีดำแดงเป็นตัวกั้นระหว่างพวกเขาเท่านั้น
“...” มิเอเล่แทบจะไม่กล้าเงยหน้าขึ้ไปมองเจ้าของอ้อมกอดเลยซักนิด เพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอมองขึ้นไป เบดี้จะรู้ทันทีว่าเธอกำลังเขิน
“ไม่กินไอติมแล้วเหรอ เดี๋ยวละลายนะ”
“กินไม่สะดวกหรอก เดี๋ยวโดนเสื้อนายจะลำบาก”
“งั้นหันหลังกินก็ได้” เบดี้จับตัวมิเอเล่พลิกไปอีกด้านทันที ถึงหญิงสาวจะงงงวยกับสิ่งที่เกิดแต่ก็ยอมยืนกินไอศกรีมดีๆ
ไม่นานมิเอเล่ก็จัดการไอศกรีมของเธอจนเกือบหมด เหลือไว้แต่สุดโคนที่เป็นส่วนที่เธอไม่ชอบที่สุด เธอจึงหันหลังกลับไปหาเบดี้ที่กำลังชื่นชมท้องฟ้ายามราตรีด้วยความสบายใจ
“นายช่วยกินให้หน่อยได้มั้ย ฉันไม่ชอบส่วนนี้”
“ทุกครั้งเลยนะเธอเนี่ย แล้วทำไมไม่ใส่ถ้วยกินล่ะ”
“ก็ฉันชอบโคนตรงต้นๆนี่นา แต่ตอนท้ายๆมันแข็ง เจ็บฟัน”
“อะๆ ก็ได้ๆ” พูดเสร็จเบดี้ก็งับโคนส่วนที่เหลือไปจากมือมิเอเล่
“...”
“อร่อยดีออก ยิ่งกินจากมือเธอยิ่งอร่อย”
“พูดมาได้”
“แปบนะ” เบดี้ชะงักเล็กน้อยก่อนจะใช้มือข้างนึงเื้อมไปเช็ดปากส่วนที่เลอะของมิเอเล่แล้วนำมาเลียก่อนจะยิ้มให้คนตรงหน้า เป็นยิ้มที่นิ่งๆแต่ละมุนขัดกับภายในใจของหญิงสาวที่เต้นจนแทบจะทะลุออกมา “ตรงนี้ก็อร่อย เธอว่างั้นมั้ย? :)”
“ทำบ้าอะไรเนี่ย! ไม่พูดด้วยแล้ว!!” มิเอเล่หันหลังจะเดินหนีแต่ก็ถูกมือหนาทั้งสองรั้งไว้ เบดี้เดินมาใกล้ตัวมิเอเล่แล้วโน้มตัวลงกอดหญิงสาวจากข้างหลัง เธอไม่พูดอะไรแล้วยืนให้คนตัวสูงกอด แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความร้อนรนภายในใจเพราะหูของเธอแดงยิ่งกว่าลูกตำลึงสุกซะอีก
“นี่มิเอเล่ วันจบน่ะ เธอต้องมาร่วมยินดีกับฉันให้ได้เลยนะ”
“...”
“...”
“ทำไมเป็นฉันที่เป็นแขกของนายล่ะ?” มิเอเล่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบ
“จำที่ฉันบอกไม่ได้เหรอ ว่าแขกของฉันคือคนที่พิเศษสำหรับฉัน และเธอก็คือหนึ่งในนั้น ฉันจึงอยากจะมีเธอในวันสำคัญวันหนึ่งในชีวิต”
“งั้นก็แสดงว่าอีกสามคนที่เหลือก็เป็นผู้หญิงในสต๊อกนายรึเปล่า”
“ฉันเคยมีผู้หญิงที่ไหนล่ะ ชีวิตฉันมีแต่เรียนกับทำงาน =_=”
“...”
‘อย่างที่คิดเลย เขาคงคิดแค่สองเรื่องนี้ทั้งชีวิตนี่แหละ’
“แล้วก็เธอ”
“ห๊ะ”
“ชีวิตฉันมีแต่เรียน ทำงาน และเธอ ได้ยินชัดรึยัง”
“อะ อื้ม”
“ส่วนอีกสามคนที่เหลือก็เป็นฝ่าบาท พ่อของฉัน และคุณน้าไอริณไง”
“นายไปขอน้าไอริณตอนไหนเนี่ย!?”
“ก็ตอนที่เธอบอกว่าจะไปซ้อม ฉันก็ติดต่อหาเขาเลย แถมคุณน้าก็บอกจัดไปไว้เจอกัน!”
“ไวยิ่งกว่าแสงอีกนะ” มิเอเล่ขำเบาๆให้กับสปีดเหนือชั้นของชายหนุ่ม
“ระดับองครักษ์ซะอย่าง” เบดี้วิ้งค์ให้มิเอเล่ก่อนจะจูงมือหญิงสาวแล้ววิ่งไปที่ลิฟต์ “หนาวแล้ว ไปเล่นที่ห้องเธอต่อกันเถอะ!”
“เดี๋ยว!! ฉันยังไม่อนุญาตเลยนะย้าาาา”
.
.
.
“แล้วเรื่องมันก็เป็นประการฉะนี้แล -///-;” มิเอเล่เล่าไปหน้าแดงไป ผิดกับห้าสาวที่เหลือที่นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อพร้อมกับตาที่ลุกวาวเป็นประกาย
“กรี๊ดดดดดด ฟินมากเลยอ้ะะะ >0<”
“อิจฉาอามิเอเล่เลยน่ออออ”
“ยูริก็อยากมีโมเม้นต์หวานๆแบบนั้นบ้างเจ้าค่าาาา”
“เห็นด้วยกับเหมยฮัว อิจฉาเธอจริงๆเลยนะเนี่ย”
“เพื่อนเธอก็ร้ายใช่ย่อยนะหล่อน! มีอะไรอีกมั้ยจ๊ะ”
“พอเลยพวกเธอทุกคน!!!! ให้คนอื่นเล่ามั่งสิ ฉันเขินจะตายอยู่แล้วเนี่ย! -/////-” มิเอเล่ขึ้นเสียงด้วยใบหน้าที่แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เพื่อนๆของเธอกลัวเลย กลับกันพวกเธอกลับหัวเราะออกมาเพราะท่าทีที่น้านนนนนานทีจะเห็น
“อะๆๆ พวกฉันไม่แกล้งเธอละ ถือว่ารอบนี้ให้เธอได้พัก ต่อไป ยูริ!” โรซารี่ทำท่าดันแว่นที่ไม่มีแว่นแล้วชี้ไปที่ยูริทันที ต่อมาสายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่บูริราวจะจับเธอกินถ้าไม่ยอมเล่าเรื่องฟินๆอะไรออกมา
“ยะ.. อย่ามองยูริอย่างนั้นสิเจ้าค้าา! T[]T”
และปาร์ตี้ชุดนอนในค่ำคืนอันมืดสนิทของเหล่าเจ้าหญิง ก็คลุ้งไปด้วยเรื่องเล่าจากความทรงจำและเสียงหัวเราะไปทั้งคืน
________________________________________________________________________________
สวัสดีค่าผู้อ่านทุกท่าน สุขสันต์วันวาเลนไทน์และตรุษจีนย้อนหลังนะคะ หวังว่าทุกคนจะมีความสุขในเทศกาลและทุกๆวันนะคะ
ในตอนนี้ไรท์อยากจะแสดงความน่ารักของมิเอเล่และเจ้าหนุ่มเบดี้ให้ผู้อ่านได้อ่านกันบ้าง หวังว่าจะชอบกันนะคะ (เมนมิเอเล่1)
ไว้พบกันในตอนหน้านะคะ สุดท้ายนี้ขอบคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ เป็นกำลังใจที่สุดยอดของไรท์เลย ขอบคุณมากๆนะคะ ^^
ความคิดเห็น