ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #37 : ตอนที่ 26 : ปาร์ตี้ชุดนอนของเหล่าเจ้าหญิง (ขอเวลาเม้าท์สักคืนนะคะเจ้าชาย ;))

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 65


    TB

    26

    ปาร์ตี้ชุดนอนของเหล่าเจ้าหญิง (ขอเวลาเม้าท์สักคืนนะคะเจ้าชาย ;))


    ห้องของประธานนักเรียนหนุ่มตกอยู่ในความเงียบโดยทันทีที่เจ้าตัวกำจัดตัวปัญหาอย่างพ่อหนุ่มหัวส้มผู้บ้าฮีโร่ออกไปจากห้อง หญิงสาวที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็ได้แต่อึ้งกิมกี่กับอะไรก็ไม่รู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า คิ้วข้างขวาเลิกขึ้นพร้อมกับคิ้วข้างซ้ายที่ถูกกดลงแสดงให้เห็นถึงความงงงวยอย่างชัดเจน สายตาของเธอจ้องไปที่ชายหนุ่มโดยที่ถ้าดวงตาของเธอพูดได้คงพูดประมาณว่า ‘What the f**k...’ หรือ ‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?’ ไม่ก็ ‘ช่วยอธิบายสิ่งวุ่นวายเมื่อกี้ทีเถอะ’ อะไรทำนองนั้นแน่ๆ

    กียุลถอนหายใจด้วยความเวทนาตัวเองแล้วอธิบายให้หญิงสาวฟัง

    “เมื่อกี้ถือว่าช่วยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปทีนะ ฉันไม่ได้โกรธไอคริสมันแรงถึงขั้นนั้นบ่อยๆหรอก”

    “ยิ่งไม่ได้โกรธบ่อยๆยิ่งต้องจำเลยย่ะ”

    “ยัยลิงนี่ เดี๋ยวเถอะ! -*-” กียุลกำลังจะเดินไปหยิกแก้มทิวาด้วยความมันเขี้ยว แต่แล้วเสียงของคนตรงหน้าก็หยุดการกระทำของเขาลงซะก่อน

    “ว่าแต่นายจะโกรธขนาดนั้นทำไมอะ คริสพูดอะไรผิดเหรอ”

    “...”

    “ว่าไง?”

    ทิวาที่ถามคำถามจี้จุดมองหน้าชายหนุ่มอย่างเค้นคำตอบ กียุลได้แต่เงียบไปชั่วครู่ ในหัวคิดอยู่แค่ว่าจะบอกความจริงไปเลยหรือว่าโกหกดี แต่ถ้าบอกไปมันก็น่าอาย แต่ก็ไม่อยากโกหกหญิงสาว แถมหาข้ออ้างลำบากอีก

    ความคิดตีกันในหัวไม่นานเขาจึงเอ่ยปากพูดเพื่อไม่ให้หญิงสาวรอนานไปกว่านี้

    “ฉันแค่… หงุดหงิดสิ่งที่คริสมันพูดกับเธอน่ะ”

    “พูดตอนไหนเหรอ”

    “เธอนี่มันบ๊องหรือบ๊องกันเนี่ย”

    “ก็เพราะไม่รู้ไงถึงได้ถามเนี่ย!”

    “อะๆโอเคๆ ก็ตอนที่ฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องไง ที่ไอคริสมันขอให้เธอไปเป็นแขกของมัน”

    “ฮะ อ่อ...” ทิวาเรียบเรียงเหตุการณ์ในหัวไม่นานก็นึกออก แล้วก็หลุดขำออกมาจนตัวเธอต้องรีบปิดปาก “พรูด! ฮ่าๆๆ อุ๊บ ฮ่าๆ >x<”

    “ขำอะไรยัยลิงกัง -***-”

    “คะ คือนายจะบอกว่า นาย ‘หึง’ ฉันกับคริสเพราะประโยคนั้นเหรอ? ฮ่าๆ”

    “เลิกขำซักทีได้มั้ย! และ ฉันไม่ได้หึงโว้ย แค่อารมณ์ไม่ดี!”

    “นั่นแหละเขาเรียกหึง เลิกเก๊กซะทีเถอะตาตี๋”

    “-/////-;” กียุลไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ยืนอายกับคำพูดของทิวา

    “คริสไม่ได้มาขอฉันหรอกนะ นายน่ะเข้าใจผิดแล้ว พวกเราแค่คุยกันเรื่องวันจบอีกสองวันข้างหน้าเฉยๆ”

    “อ่าว แล้วที่คริสมันพูดว่า...”

    “อันนั้นฉันเป็นคนบอกให้คริสพูดเองแหละ เขาก็แค่เล่าตอนไปขอยูริเป็นแขกน่ะว่าขอยังไง นี่นายเข้าใจว่าคริสมาขอฉันรึไง ฉันไม่ได้ฮอตขนาดนั้นซะหน่อย” ถึงแม้ปากของทิวาจะบอกว่าตัวเองไม่ได้ฮอต แต่เจ้าตัวก็โพสต์ท่าเท้าเอวและเชิดหน้าไปด้านข้างอย่างภาคภูมิในตัวเอง

    “เออฉันเข้าใจผิด ขอโทษละกัน แล้วก็เลิกย้ำซักทีได้มั้ย ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหนแล้วเนี่ย =_=;”

    “นายนี่ขอโทษไม่จริงใจเอาซะเลยนะ แต่ก็ช่างเถอะ” ทิวาเดินไปบีบจมูกกียุลแล้วบิดไปมาสองสามทีก่อนจะปล่อยมือออก “ฉันกับคริสทำส่วนของวันนี้กับพรุ่งนี้ครึ่งนึงเสร็จหมดแล้ว อยู่บนโต๊ะ เช็คได้ ฉันไปนอนละ”

    “ดะ เดี๋ยวสิ!” มือหนาของชายหนุ่มรีบคว้ามือของหญิงสาวไว้ทันทีที่เธอหันหลัง

    “ฮะ?”

    “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ขอคุยแปบนึงได้มั้ย” กียุลมองทิวาด้วยสายตาที่จริงจัง จนทำให้หญิงสาวงงกับท่าทางที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของชายคนนี้


    ‘อะไรเนี่ย ตอนแรกไหนบอกอาย ต้องนี้จ้องตาแทบจะทะลุ เราไปทำอะไรผิดมาหว่า - -;’


    “ค่อยคุยวันอื่นได้มั้ยอะ ฉันเหนื่อย อยากนอนแล้ว” ทิวาที่กลัวๆว่าจะโดนด่าอะไรมั้ยก็รีบขอตัวไปนอน เพราะแทบทุกครั้งที่เธอได้ยินคำว่า ‘ขอคุยด้วยได้มั้ย’ จากปากใครก็ตาม แฟลชแบ๊คความผิดที่เธอเคยก่อตั้งแต่ยังเป็นเอมบริโอ(เวอร์)ก็ฉายขึ้นมาในหัวทันควัน

    “นะ นะ นะครับนะ”

    “อย่าคิดว่าทำเสียงอ้อนเป็นแมวขนาดนี้แล้วใครจะใจเต้นนะยะ! -////-”

    “แต่ก็มีแล้วคนนึงไม่ใช่เหรอครับที่กำลังหน้าแดงเพราะใจเต้นอยู่? :)” กียุลยิ้มกริ่มพร้อมกับดึงทิวาเข้าไปใกล้ตัวมากขึ้นจนหญิงสาวเก็บอาการเขินของตัวเองไม่อยู่

    “อะ อะ อะไรเนี่ย!! ไม่ต้องมาค้งมาครับเลย!! ฉันจะไปนอนแล้ว คืนนี้ไม่ต้องมานอนกับฉันนะ!” ทิวารีบสะบัดตัวเองออกจากพันธนาการของชายหนุ่มแล้วรีบเดินไปที่เตียงโดยไม่สนใจคนข้างหลังที่งอแงเลยสักนิด

    “ยัยลิงอย่าเพิ่งไป!! ฉันขอโทษ!”

    “ไม่ต้องมายุ่งงงง แล้วทั้งคืนนี้และพรุ่งนี้ห้าม-กอด-ฉัน-เด็ด-ขาด!!” ทิวาตะโกนสุดเสียงแล้วรีบกระโดดลงเตียงทันทีโดยที่ไม่ลืมเอาผ้าห่มคลุมโปงแก้เขิน

    “เห้ย! โกรธกันขนาดนี้เลยเรอะ!? ถ้าฉันไม่ได้กอดเธอฉันต้องขาดใจตายแน่ๆ T^T” กียุลรีบวิ่งไปหาทิวาแล้วร้องอ้อนวอนอย่างสุดชีวิต เผื่อหญิงสาวจะใจอ่อนขึ้นมาบ้าง

    “เป็นกียุลต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย!” ง่ะ ไม่ได้ใจอ่อนขึ้นเลย

    “ให้ฉันโดนชนตายเถอะถ้าจะห้ามกอดกันเป็นวันขนาดนี้ T____T”

    “ไม่รู้ไม่ชี้! โทษฐานที่นายมาล้อฉันว่าหน้าแดง ไปนอนโซฟาเลย แบร่! ;P” ทิวาเปิดผ้าห่มมาแลบลิ้นใส่กียุลแล้วรีบปิดผ้าห่มหนีทันที จะดึงออกก็ดึงไม่ได้เพราะน่าจะโดนโกรธหนักกว่าเดิม

    “ก็ได้ ยัยลิงใจร้ายชะมัด” กียุลยอมแพ้แล้วถอยออกไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองแต่โดยดี แต่ไม่วายมีไปว่าหญิงสาวหน่อยๆ

    เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้สนใจตนเลย เขาจึงตัดสินใจเคลียร์งานในวันนี้และเขียนสคริปต์สำหรับพิธีจบการศึกษาต่อ โดยที่เขาหันไปมองที่ทิวาเป็นระยะๆ แต่เมื่อผ่านไปสักพัก เขาเห็นว่าหญิงสาวได้หลับลงแล้วจริงๆ เขาจึงได้แต่บอกฝันดีเธอจากไกลๆแล้วกลับมาโฟกัสกับงานตรงหน้าต่อ


    ‘สรุปวันนี้ก็ไม่ได้เชิญยัยลิงไปเป็นแขกในวันจบสักที หวังว่าพรุ่งนี้ฉันจะไม่ลืมนะ’


    เช้าวันต่อมา

    “ครับ ขอโทษที่บอกช้านะครับ ครับ รักนะครับ ไว้เจอกันครับ” เสียงชายหนุ่มชาวเกาหลีคุยโทรศัพท์ดังขึ้นตรงระเบียงห้องยามเช้า เส้นผมสีน้ำตาลแดงของเขาปลิวไปตามลมอ่อนๆที่พัดมา ไออุ่นยามเช้าเป็นสิ่งที่เขาคนนี้ชอบที่จะออกมาเอ็นจอยกับมันอยู่บ่อยๆ

    หลังจากที่กียุลวางสายโทรศัพท์ลง เขาได้เดินกลับเข้ามาในห้อง เสียงของประตูที่ถูกปิดลงปลุกให้ร่างบางที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียงตื่นขึ้นแล้วยันตัวเองให้อยู่ในท่านั่งด้วยความงัวเงีย

    “อือ...”

    “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะ” กียุลที่สังเกตเห็นว่าหญิงสาวตื่นขึ้นเพราะเขาก็รีบเดินไปหาแล้วนั่งข้างๆบนเตียง

    “กี่โมงแล้วอ่า” ทิวาถามด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนเหมือนลูกแมว(แต่ไม่ได้ตั้งใจทำ มันเป็นเองเพราะง่วง -_-;//ทิวา)จนกียุลตั้งตัวไม่ถูก หน้าของเขาค่อยๆเริ่มขึ้นสีแต่ก็รีบดึงหน้าให้กลับมาเป็นปกติ


    ‘หัวใจแทบจะวายกับเสียงนั่น ยัยลิงเอ๊ย’


    “เจ็ดโมงห้าสิบแล้ว อีกแปบนึงฉันต้องไปแล้วล่ะ”

    “อ๋อ… งืมๆ”

    “เออใช่ทิวา เมื่อกี้ฉันเพิ่งคุยกับแม่ของฉันเสร็จ ฉันเลยนึกอะไรขึ้นได้น่ะ”

    “ว่า?”

    “พรุ่งนี้อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าสวยๆไว้นะ เพราะเธอเป็นแขกของฉัน”

    “อ้าว ฉันเป็นแขกของนายเหรอ ไม่เห็นนายจะมาบอกอะไรซักนิด -_-”

    “แล้วเธอจะไปเป็นแขกของผู้ชายคนอื่นรึไง ฉันไม่ให้หรอกนะ!” กียุลหยิกแก้มทิวาด้วยความมันเขี้ยวจนคนโดนหยิกร้องเสียงหลง

    “โอ๊ย! เจ็บนะยะ!! ToT โอเคๆเดี๋ยวฉันให้แม่เอาชุดมาให้”

    “ดีมาก แล้วก็เตรียมตัวเจอพ่อแม่สามีในอนาคตได้เลยนะ ฉันไปล่ะ :)” กียุลทิ้งท้ายอย่างมีเลศนัยแล้วรีบตรงดิ่งออกจากห้องไปทันทีโดยปล่อยให้ทิวานั่งหน้าแดงกับประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่

    “นายหมายความว่ายังไง!!??”

    .

    .

    .

    ถึงแม้กียุลจะ(เผ่น)ออกจากห้องไปสองชั่วโมงแล้ว ทิวาก็ยังไม่มีท่าทีจะลุกออกจากเตียงเลยสักนิด หญิงสาวนอนกลิ้งอยู่บนเตียงไปมาพลางดูไลฟ์สตรีมเกมที่เจ้าตัวชอบไปเรื่อยๆจนท้องเจ้ากรรมร้อง ความปวดแสบเพราะหิวพุ่งขึ้นมาจนทิวาจำใจลุกออกจากเตียงนุ่มนิ่มน่านอนไปหาอะไรลงท้อง

    ระหว่างทางที่ไปห้องครัว หางตาของเธอก็ไปสะดุดกับแผ่นโพสอิทสี่เหลี่ยมเล็กๆสีเหลืองแสบตาใบนึงอยู่บนโต๊ะทำงานของกียุล ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะใช้โพสอิทเตือนความจำหรืออะไรเลยเพราะกียุลเป็นคนที่มีความจำดี ด้วยความสงสัยทิวาจึงเดินเข้าไปดูและก็พบว่าเป็นกระดาษเตือนความจำจริงๆ


    ‘พรุ่งนี้อย่าลืมขอยัยลิงเป็นแขกเด็ดขาด! ถ้าลืมมีตายแน่ไอ้กียุล’


    “ฮะๆ ให้ตายสิ ขนาดเขียนก็ยังเขียนว่ายัยลิงเหรอเนี่ย แย่จริงๆ” ถึงแม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าของทิวากลับแสดงในสิ่งที่ตรงกันข้าม เธออดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเจ้าของกระดาษใบนี้ เธอวางกระดาษไว้ที่เดิมแต่ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้หน่อย แล้วจึงเดินเข้าครัวไปหาอะไรกิน เพราะกลัวว่าถ้ากียุลรู้เนี่ย เขาต้องงอนแน่ๆเลยจริงมะ


    ห้องของมิคาเอลิส (มิเอเล่นั่นแหละ แต่ป้ายชื่อห้องเขียนไว้อย่างนี้) เวลา 18.00 น.

    “ทุกคนนน ฉันมาแล้ววว” ทิวาที่อยู่ในร่างเด็กหนุ่มเปิดประตูห้องของมิเอเล่กว้างแล้วทักทายเพื่อนๆในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ที่หลังมากระเป๋าเป้สีดำขนาดกลางสะพายอยู่พร้อมกับถุงของกินในมือข้างซ้าย

    “มาช้านะยะยัยลิงกัง” นาซิสซ่าเปิดการทักทายด้วยการต่อว่าเพื่อนสนิทของตัวเองก่อนจะหยิบพัดมาป้องปากตามนิสัย

    “เงียบไปเลยยัยกิ้งก่า ใช่ว่าฉันอยากจะมาสายนะ”

    “แล้วทำไมเธอถึงมาสายล่ะยะ”

    “ก็ตาตี๋น่ะสิ! ถามฉันอยู่นั่นแหละว่าไปนอนกับใคร กี่คน มีผู้ชายมั้ยนู่นนั่นนี่ ทำตัวยิ่งกว่าพ่อ”

    “แหม หวงเธอออกนอกหน้าขนาดนี้ พ่อเธอคงไม่ต้องมาหวงเธอต่อแล้วมั้ง” โรซารี่แซว

    “ฉันก็คิดเหมือนกันเนี่ย ช่างเถอะๆ เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า แล้วมากินกัน! ตาตี๋เขาสปอนเซอร์ด้วยนะ!” ทิวาชูถุงที่ใส่เค้กปอนด์ครึ่งก้อนหนึ่งกับชานมไข่มุกหวานน้อยแบบที่สาวๆชอบหกแก้วและผลไม้ต่างๆที่ไว้ทานได้ยันปีหน้าขึ้น ทำให้ห้าสาวที่เหลือตาลุกวาวเป็นประกายออกมาทันที

    “กรี๊ดดดดด กียุลนี่สุดยอดไปเลย!! ฝากขอบคุณเขาด้วยนะ!!” มิเอเล่ตาลุกวาวกับเสบียงที่ได้มาฟรีแถมเป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น เธอรีบลุกไปหยิบถุงพวกนั้นแล้ววางไว้บนโต๊ะ และวิ่งไปในครัวเพื่อไปหยิบจานพร้อมกินทันที

    ในตอนนี้สาวๆทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องมิเอเล่เพื่อที่จะจัดปาร์ตี้ชุดนอนในคืนนี้ ยูริผู้เป็นเจ้าของไอเดียนี้เห็นว่าทุกคนอยู่ในภาวะตึงเครียดไม่มีพักตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้น (น่าจะมีแต่กียุลทิวาล่ะมั้งที่สวีทกันอยู่ทุกวัน -w-) แถมพวกเธอก็แทบไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบส่วนตัวเลยเพราะทุกครั้งที่เจอกัน จะมีพวกเจ้าชายอยู่กับพวกเธอเสมอ นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเธอจะได้มาเม้าท์มอยกันก่อนจะต้องปลอมตัวเป็นนักเรียนคลาสคิงต่อ

    “เค้กมาแล้วน่อ~” เหมยฮัวที่วิ่งไปช่วยมิเอเล่ในครัวเดินออกมากับเค้กบัตเตอร์ที่มีดอกเดซี่สีขาวห้าดอกและผึ้งตัวน้อยบินอยู่บนเหล่าดอกไม้ 

    “ซูชิเซ็ตใหญ่และไดฟุกุสตรอว์เบอร์รี่สปอนเซอร์จากคริสโตเฟอร์เทพบุตรพ่อทูนหัวของยูริก็มาแล้วจ้า~” มิเอเล่เดินตามหลังเหมยฮัวออกมาพร้อมกับของกินในมือที่ดูละลานตา 

    “เวอร์ไปแล้วเจ้าคะคุณมิเอเล่ ถึงมันจะจริงก็เถอะเจ้าค่ะ >////<”

    “พวกผู้ชายก็ซื้อของกินให้พวกเราเยอะเหมือนกันนะเนี่ย พวกเราแทบไม่ต้องออกเงินซื้อเองเลย” โรซารี่เอ่ยก่อนจะหยิบไดฟุกุลูกหนึ่งเข้าปาก

    “งั่มๆ ใอ้ๆ อะอ่อยอ้ากอ้วย อู๊อึกอีอุดๆ (งั่มๆ ใช่ๆ อร่อยมากด้วย รู้สึกดีสุดๆ)” ลิงกังของกลุ่มยัดซูชิคำโตเข้าปาก เคี้ยวๆแล้วพูดแทบไม่เป็นภาษาจนนาซิสซ่าต้องตักเตือนไปยกใหญ่

    “เคี้ยวเสร็จแล้วค่อยพูดสิยะ เพื่อนๆไม่หายไปไหนหรอก ดูสิอาหารจะกระเด็นออกจากปากอยู่แล้ว ทำไมนิสัยกินแล้วพูดนี่มันแก้ไม่หายเลยนะ ครูมารีก็เคยลงโทษเธอเพราะสิ่งนี้เธอไม่เข็ดอีกเหรอ ฉันล่ะเบื่อจริงๆกับเรื่องนี้”

    “เอ่อ.... เธอหยุดว่าฉันเถอะ ฉันขอโทษ จะไม่ทำอีกแล้ว -_-;” ทิวายอมจำนนกับเสียงบ่นของเพื่อนชาวฝรั่งเศสของตนแล้วนั่งกินอาหารอย่างเรียบร้อยโดยทันที

    “เออว่าแต่ พรุ่งนี้พวกเธอเป็นแขกให้พวกราชาทั้ง 5 ใช่มั้ย” โรซารี่ถามขึ้นขณะแบ่งเค้กให้เพื่อนๆ เรียกความสนใจห้ทุกคนหันมามองหน้าเธอแล้วพยักหน้าลงพร้อมกัน


    หงึก หงึก (‘ ‘) (. .)


    “เดี๋ยวนะยะ เธอด้วยเหรอมิเอเล่?” นาซิสซ่าเลิกคิ้วขึ้นแล้วชี้พัดไปทางมิเอเล่

    “ใช่ ทำไมอะ”

    “พรุ่งนี้คุณมิเอเล่ไม่ต้องขึ้นไปรับเหรอเจ้าคะ เพราะก็มีชื่อที่คุณมิเอเล่ใช้ตอนเป็นผู้ชายอยู่ด้วย”

    “เรื่องนี้สบายมาก!” มิเอเล่กอดอกแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ “ฉันจะมีทหารคนสนิทไว้ทำไมล่ะ”

    “โอโห ใช้อำนาจทางการเมืองในทางที่ผิดชัดๆ -3-” ทิวายู่ปากใส่เพื่อนของตนจนมิเอเล่่ต้องเขกหัวทิวาหนึ่งทีเพราะไอประโยคบ้าๆชวนเข้าใจผิด


    โป๊ก!


    “จะบ้ารึไงยะ! ฉันก็แค่หาคนที่หน้าตากับรูปทรงคล้ายๆฉันไปขึ้นรับแทนเฉยๆ เพราะยังไงวันจริงพวกนักเรียนก็ไม่ได้นั่งกับเพื่อนตัวเองอยู่แล้ว”

    “โอ๊ย!! เจ็บนะยะ เดี๋ยวสมองฉันก็ฝ่อหรอก!”

    “สม! :P”

    “แล้วเธอเป็นแขกของใครเหรอ?” โรซารี่ถาม ทำให้ทุกคนหันมามองหน้ามิเอเล่อย่างพร้อมเพรียงอีกเช่นเคย แต่คราวนี้พวกเธอกลับส่งสายตากดดันจนหญิงสาวทนไม่ไหว

    “อะ เอ่อ...”

    “ *____* ”

    “เพื่อนของฉันเองน่ะ เพื่อนสมัยเด็ก ชื่อเบดี้”

    “ทำหน้าเลิ่กลั่กแบบนั้นไม่น่าใช่แค่เพื่อนสมัยเด็กนะน่อ~”

    “จะบ้าเหรอ! เพื่อนสมัยเด็กนี่แหละ แค่สนิทกันเฉยๆ!”

    “จ้าๆ อย่าร้อนตัวสิ พวกเรายังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ ^^” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของโรซารี่ทำให้มิเอเล่รู้ตัวว่าตัวเองเริ่มออกอาการ จึงได้แต่นั่งเงียบพร้อมกับความร้อนรนที่ปะทุขึ้นในใจ

    “เล่ามาเลยนะยะว่าเป็นไงมาไง เดี๋ยวนี้เธอก็แอบแซ่บเหมือนกันเหรอ”

    “นาซิสซ่า เลือกใช้คำให้มันดีๆหน่อยได้มั้ยเนี่ย -////-”

    “ไม่ต้องเบี่ยงเบนเลยนะ! เล่ามาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะไปฟ้องแม่ว่าเธอไปทำจานแตกที่ร้า- อุ๊บ!! OxO”

    “เงียบไปเลยนะยะยัยลิง!! เออๆเล่าก็ได้” มิเอเล่จัดการเอาซูชิชิ้นใหญ่ยัดปากทิวาหวังให้เธอหยุดพูดแล้วยอมแพ้ต่อเพื่อนๆ “คืองี้...”

    .

    .

    .

    ย้อนกลับไปเมื่อวันสุดท้ายของการสำรวจเรือ (ตออนที่ 22)

    “งั้นฉันขอตัวก่อนนะ ไว้คุยกันในแชท”

    “อื้ม” สิ้นเสียงตอบรับของมิเอเล่ ทั้งสองคนก็เดินแยกย้ายกันไปคนละทาง

    มิเอเล่เดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องของตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมไปซ้อมกับไอริณเช่นเคย แต่ในขณะที่เธอกำลังจัดของในกระเป๋า เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็ดังขึ้น


    ไลน์!


    [ยัยมิเล่ แอบหลอกฉันขนาดนี้ ไม่คิดจะขอโทษบ้างเลยเหรอ :( :( :( T_T ;_;]

    “ฮะๆๆดูเขาสิ อิโมจิหน้าบึ้งอะไรเนี่ย” เนื่องจากมิเอเล่ไม่ได้บอกความจริงกับเพื่อนตัวเองเกี่ยวกับที่เธอมาเรียนที่โนอาห์ โดยบอกไปว่าไปเรียนที่ออสเตรเลียแถมนานๆทีจะตอบแชท เบดี้จึงรู้สึกน้อยใจหน่อยๆแล้วส่งอิโมจิเศร้ามาเป็นขบวน

    [โอ๋ๆ ขอโทษน้า ฉันต้องทำยังไงนายาถึงจะหายโกรธล่ะ?]

    [เลี้ยงข้าวฉันก็ได้นะ ช่วงนี้พ่อก็ไม่ค่อยส่งเงินมาให้ ไม่ได้กินอะไรอร่อยๆเลย :(]

    [ว้ายๆๆ เสียใจด้วยนะยะ แล้วจะไปกินตอนไหน]

    [ตอนนี้เลย! ป่ะ]

    [ไม่ได้ๆ ตอนนี้น้าไอริณนัดฉันซ้อมต่อสู้ คงไม่ว่างจนถึงพรุ่งนี้เลย ;_;]

    [คุณน้าที่เป็นเพื่อนกับพ่อฉันและฝ่าบาทน่ะเหรอ ฝากทักทายเขาด้วยนะ บอกทีว่าฉันคิดถึงม้ากก ^o^]

    “อะจ้าาาา พ่อหนุ่ม” มิเอเล่ถึงกับต้องเอ่ยปากแซวเพื่อนสนิทตัวเองอย่างอดไม่ได้

    [ไม่หรอกย่ะ เดี๋ยวน้าจะไม่รักฉันแล้วไปรักนายแทน ไปล่ะ!]

    มิเอเล่ปิดโทรศัพท์แล้วจัดการกับของในกระเป๋าต่อ ไม่นานเธอจึงไปที่สถานที่ฝึกซ้อม

    เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วโมงจนพระอาทิตย์ตกดิน ร่างที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อของหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งเดินโซซัดโซเซมาที่ห้อง เมื่อเปิดประตูเข้ามาเธอก็ล้มตัวลงนอนทันที เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆกดลงมาจนกระทั่งเธอเข้าสู่ความฝันโดยสมบูรณ์


    เวลา 1.04 น.

    “อืม...” เสียงของหญิงสาวดังออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก ดวงตาของเธอค่อยๆเปิดขึ้น มือซ้ายกวาดหาโทรศัพท์ของตน เมื่อดูนาฬิกาบนหน้าจอก็พบว่าขณะนั้นเป็นเวลาแค่ตีหนึ่งนิดๆ เธอร้องชิออกมาอย่างไม่พอใจพร้อมกับนึกในใจว่าเธอตื่นมากลางดึกอีกแล้ว

    มันกลายเป็นอาการที่แก้ไม่หายสำหรับมิเอเล่ที่ตื่นกลางดึก เพราะเกิดจากความเครียดมากเกินไปและความหดหู่ที่สามารถเจอได้บ่อยๆขณะปฏิบัติงาน หญิงสาวพยายามข่มตาหลับเป็นเวลาหลายนาทีแต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงตัดสินใจทักหาใครบางคน แต่ก็ไม่ได้หวังให้เขาตอบเพราะมันก็ดึกมากแล้ว

    [เบดี้ นายนอนยัง]

    “เฮ้อ หมอนั่นคงไม่ตอบหรอก ทักไปตอนนี้”

    “...”

    “...”

    “...”


    ไลน์!


    [ยัง แล้วทำไมเธอยังไม่นอนสักที หัดนอนดึกเหรอเดี๋ยวนี้]

    “ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหมอนั่นมาจากไกลๆเลยนะ = =;”

    [ฉันไม่ได้นอนดึกย่ะ ฉันนอนไปแล้ว แล้วตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วนอนไม่หลับ]

    [อ่อ ก็แล้วไป แล้วมีอะไรเหรอ]

    “จะตอบหมอนั่นว่าไงดีนะ… ไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันอยากเจอเขาตอนนี้ซะด้วยสิ แต่มันก็เหงาอะ ทำไงดีนะ” มิเอเล่สองจิตสองใจอยู่นานจึงตัดสินใจถามเบดี้ไปตรงๆ

    [นอนไม่หลับ ไปเดินเล่นกันมั้ย]

    “หวังว่านี่จะไม่ดูน่าเกลียดเกินไปนะ”

    [เอาสิ แล้วเธออยู่ห้องไหน เดี๋ยวฉันไปหา]

    [โซน 10 หน้าห้องเขียนว่ามิคาเอลิสแล้วที่ป้ายมีรูปผึ้งอยู่ มาถูกนะ]

    [ระดับที่ฉันเป็นองครักษ์ของเธอแล้ว สบาย]

    “ยังมั่น as always เลยจริงๆ”

    [จ้าๆ รีบมาด้วยล่ะ]

    มิเอเล่นอนกลิ้งไปกลิ้งมารอเบดี้อยู่บนเตียง ประมาณ 6 นาทีก็มีเสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะเหมือนกับที่อันนาเคาะประตูห้องเอลซ่า แล้วประตูก็เปิดออกพร้อมกับแขกผู้มาเยือนในชุดนอนแขนขายาวสีทองขอบดำ ชายหนุ่มสวมเสื้อโค้ทยาวสีดำอยู่ข้างนอกพร้อมกับสลิปเปอร์รูปฉลามน่ารักมุ้งมิ้ง

    “เอ่อ… ฉลามเนี่ยนะ? - -;” มิเอเล่ที่สังเกตเห็นก็ถามพร้อมกับเหงื่อตก

    “ทำไมล่ะ น่ารักดีออก!” พูดจบเขาก็หมุนตัวรอบนึงคล้ายบาร์บี้เจ้าหญิงหงส์ขาว

    “อ่า จ้าๆ”

    “แล้วเธออยากจะไปไหนเหรอ”

    “ไปหาอะไรกินแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้ากันมั้ย อากาศน่าจะกำลังดี”

    .

    .

    .

    “บรื๋อออ หนะ.. หนาว…กำ…ลัง...ดี...เลย” มิเอเล่ยืนสั่นอยู่ตรงรั้วบนชั้นดาดฟ้าที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่เลยนอกจากพวกเขาสองคน สองมือกอดอกตัวเองแน่นแต่มือข้างขวาของเธอก็ไม่วายจับโคนไอศกรีมรูปดอกกุหลาบรสช็อคโกแลตและราสเบอร์รี่แน่น 

    เบดี้ที่ยืนอยู่ข้างๆถอนหายใจให้กับความดื้อดึงของคนข้างๆที่ไม่ยอมเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ เพราะเจ้าตัวบอกว่าแข็งแรงพอที่จะทนกับความหนาวได้ ตอนแรกเขาว่าเขาจะถอดเสื้อโค้ทให้หญิงสาวใส่ แต่เขาก็มีไอเดียบางไอเดียที่น่าสนใจกว่านั้น

    “มิเล่”

    “ว่า?”

    “มานี่มา” เบดี้อ้าแขนกว้างแล้วบอกให้มิเอเล่ไปหาเขา หญิงสาวที่โดนเรียกเมื่อกี้ถึงกับหน้าขึ้นสีเพราะนี่มันเหมือนกับการชวนเธอไปกอดชัดๆ

    “อะ อะไรของนายเนี่ย!? ///-///”

    “จะยืนจนแข็งตายหรือจะมาดีๆ นี่ดูไม่ออกรึไงว่าฉันกำลังแบ่งความอบอุ่นให้เธอน่ะ” เบดี้อ้าแขนกว้างกว่าเดิมแล้วทำหน้าออดอ้อนจนหัวใจมิเอเล่เริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ


    ‘โอ๊ยยยย ใจเต้นแล้วเฟ้ย! ไม่คิดอะไรก็อย่ามาทำแบบนี้ได้มั้ย!!’


    “มะ ไม่เอา!!”

    “ไม่มาฉันจะไปฟ้องฝ่าบาทเรื่องที่เธอแอบขึ้นเรือสำราญที่มีแต่ผู้ชายนะ”

    “จะบ้าเหรอ ฉันทำงานนะยะ! ไม่ใช่ขึ้นสุ่มสี่สุ่มห้า”

    “อะๆไม่พูดแล้วครับ ว่าแต่จะมาได้ยัง เมื่อยแล้วนะ”

    “เออๆ ก็ได้ -////-” หญิงสาวจำใจเดินไปแต่โดยดี เมื่อระยะห่างของทั้งสองคนน้อยลงพอประมาณ เบดี้ก็ใช้เสื้อโค้ทยาวๆคลุมที่ตัวของหญิงสาว ทำให้ตอนนี้ร่างของเธอและเขาแทบจะชิดติดในภายใต้เสื้อโค้ทสีดำ โดยมีไอศกรีมรูปดอกกุหลาบสีดำแดงเป็นตัวกั้นระหว่างพวกเขาเท่านั้น

    “...” มิเอเล่แทบจะไม่กล้าเงยหน้าขึ้ไปมองเจ้าของอ้อมกอดเลยซักนิด เพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอมองขึ้นไป เบดี้จะรู้ทันทีว่าเธอกำลังเขิน

    “ไม่กินไอติมแล้วเหรอ เดี๋ยวละลายนะ”

    “กินไม่สะดวกหรอก เดี๋ยวโดนเสื้อนายจะลำบาก”

    “งั้นหันหลังกินก็ได้” เบดี้จับตัวมิเอเล่พลิกไปอีกด้านทันที ถึงหญิงสาวจะงงงวยกับสิ่งที่เกิดแต่ก็ยอมยืนกินไอศกรีมดีๆ

    ไม่นานมิเอเล่ก็จัดการไอศกรีมของเธอจนเกือบหมด เหลือไว้แต่สุดโคนที่เป็นส่วนที่เธอไม่ชอบที่สุด เธอจึงหันหลังกลับไปหาเบดี้ที่กำลังชื่นชมท้องฟ้ายามราตรีด้วยความสบายใจ

    “นายช่วยกินให้หน่อยได้มั้ย ฉันไม่ชอบส่วนนี้”

    “ทุกครั้งเลยนะเธอเนี่ย แล้วทำไมไม่ใส่ถ้วยกินล่ะ”

    “ก็ฉันชอบโคนตรงต้นๆนี่นา แต่ตอนท้ายๆมันแข็ง เจ็บฟัน”

    “อะๆ ก็ได้ๆ” พูดเสร็จเบดี้ก็งับโคนส่วนที่เหลือไปจากมือมิเอเล่

    “...”

    “อร่อยดีออก ยิ่งกินจากมือเธอยิ่งอร่อย”

    “พูดมาได้”

    “แปบนะ” เบดี้ชะงักเล็กน้อยก่อนจะใช้มือข้างนึงเื้อมไปเช็ดปากส่วนที่เลอะของมิเอเล่แล้วนำมาเลียก่อนจะยิ้มให้คนตรงหน้า เป็นยิ้มที่นิ่งๆแต่ละมุนขัดกับภายในใจของหญิงสาวที่เต้นจนแทบจะทะลุออกมา “ตรงนี้ก็อร่อย เธอว่างั้นมั้ย? :)”

    “ทำบ้าอะไรเนี่ย! ไม่พูดด้วยแล้ว!!” มิเอเล่หันหลังจะเดินหนีแต่ก็ถูกมือหนาทั้งสองรั้งไว้ เบดี้เดินมาใกล้ตัวมิเอเล่แล้วโน้มตัวลงกอดหญิงสาวจากข้างหลัง เธอไม่พูดอะไรแล้วยืนให้คนตัวสูงกอด แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความร้อนรนภายในใจเพราะหูของเธอแดงยิ่งกว่าลูกตำลึงสุกซะอีก

    “นี่มิเอเล่ วันจบน่ะ เธอต้องมาร่วมยินดีกับฉันให้ได้เลยนะ”

    “...”

    “...”

    “ทำไมเป็นฉันที่เป็นแขกของนายล่ะ?” มิเอเล่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบ

    “จำที่ฉันบอกไม่ได้เหรอ ว่าแขกของฉันคือคนที่พิเศษสำหรับฉัน และเธอก็คือหนึ่งในนั้น ฉันจึงอยากจะมีเธอในวันสำคัญวันหนึ่งในชีวิต”

    “งั้นก็แสดงว่าอีกสามคนที่เหลือก็เป็นผู้หญิงในสต๊อกนายรึเปล่า”

    “ฉันเคยมีผู้หญิงที่ไหนล่ะ ชีวิตฉันมีแต่เรียนกับทำงาน =_=”

    “...”


    ‘อย่างที่คิดเลย เขาคงคิดแค่สองเรื่องนี้ทั้งชีวิตนี่แหละ’


    “แล้วก็เธอ”

    “ห๊ะ”

    “ชีวิตฉันมีแต่เรียน ทำงาน และเธอ ได้ยินชัดรึยัง”

    “อะ อื้ม”

    “ส่วนอีกสามคนที่เหลือก็เป็นฝ่าบาท พ่อของฉัน และคุณน้าไอริณไง”

    “นายไปขอน้าไอริณตอนไหนเนี่ย!?”

    “ก็ตอนที่เธอบอกว่าจะไปซ้อม ฉันก็ติดต่อหาเขาเลย แถมคุณน้าก็บอกจัดไปไว้เจอกัน!”

    “ไวยิ่งกว่าแสงอีกนะ” มิเอเล่ขำเบาๆให้กับสปีดเหนือชั้นของชายหนุ่ม

    “ระดับองครักษ์ซะอย่าง” เบดี้วิ้งค์ให้มิเอเล่ก่อนจะจูงมือหญิงสาวแล้ววิ่งไปที่ลิฟต์ “หนาวแล้ว ไปเล่นที่ห้องเธอต่อกันเถอะ!”

    “เดี๋ยว!! ฉันยังไม่อนุญาตเลยนะย้าาาา”

    .

    .

    .

    “แล้วเรื่องมันก็เป็นประการฉะนี้แล -///-;” มิเอเล่เล่าไปหน้าแดงไป ผิดกับห้าสาวที่เหลือที่นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อพร้อมกับตาที่ลุกวาวเป็นประกาย

    “กรี๊ดดดดดด ฟินมากเลยอ้ะะะ >0<”

    “อิจฉาอามิเอเล่เลยน่ออออ”

    “ยูริก็อยากมีโมเม้นต์หวานๆแบบนั้นบ้างเจ้าค่าาาา”

    “เห็นด้วยกับเหมยฮัว อิจฉาเธอจริงๆเลยนะเนี่ย”

    “เพื่อนเธอก็ร้ายใช่ย่อยนะหล่อน! มีอะไรอีกมั้ยจ๊ะ”

    “พอเลยพวกเธอทุกคน!!!! ให้คนอื่นเล่ามั่งสิ ฉันเขินจะตายอยู่แล้วเนี่ย! -/////-” มิเอเล่ขึ้นเสียงด้วยใบหน้าที่แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เพื่อนๆของเธอกลัวเลย กลับกันพวกเธอกลับหัวเราะออกมาเพราะท่าทีที่น้านนนนนานทีจะเห็น

    “อะๆๆ พวกฉันไม่แกล้งเธอละ ถือว่ารอบนี้ให้เธอได้พัก ต่อไป ยูริ!” โรซารี่ทำท่าดันแว่นที่ไม่มีแว่นแล้วชี้ไปที่ยูริทันที ต่อมาสายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่บูริราวจะจับเธอกินถ้าไม่ยอมเล่าเรื่องฟินๆอะไรออกมา

    “ยะ.. อย่ามองยูริอย่างนั้นสิเจ้าค้าา! T[]T”

    และปาร์ตี้ชุดนอนในค่ำคืนอันมืดสนิทของเหล่าเจ้าหญิง ก็คลุ้งไปด้วยเรื่องเล่าจากความทรงจำและเสียงหัวเราะไปทั้งคืน


    ________________________________________________________________________________


    สวัสดีค่าผู้อ่านทุกท่าน สุขสันต์วันวาเลนไทน์และตรุษจีนย้อนหลังนะคะ หวังว่าทุกคนจะมีความสุขในเทศกาลและทุกๆวันนะคะ

    ในตอนนี้ไรท์อยากจะแสดงความน่ารักของมิเอเล่และเจ้าหนุ่มเบดี้ให้ผู้อ่านได้อ่านกันบ้าง หวังว่าจะชอบกันนะคะ (เมนมิเอเล่1)

    ไว้พบกันในตอนหน้านะคะ สุดท้ายนี้ขอบคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ เป็นกำลังใจที่สุดยอดของไรท์เลย ขอบคุณมากๆนะคะ ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×