ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 22 : ลอบโจมตี

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 65


    TB

    22

    ลอบโจมตี



              ย้อนกลับไปเมื่อวันที่กียุลเจอกับไลลาโดยบังเอิญ (เอ๊ะหรือนางจงใจ?)

              “ออกมาได้แล้วมั้ยแม่คุณ -___-” อ๊อตโต้ผู้ซึ่งเป็นคนคิดเงินให้กียุลเรียกคนบางคนที่หลบอยู่ใต้เค้าเตอร์ให้ลุกออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

    “จะออกไปได้ไงล่ะยะ!!” เสียงของหญิงสาวที่มีผมสีนมชมพูแจ๋มออกมาจากใต้เค้าเตอร์โดยไม่สนใจเลยว่ามันจะดังหรือไม่

              “ไอหนุ่มตี๋เกาหลีมันไปแล้วมั้ยล่ะ”

    “โถ่พี่อ๊อตโต้! ละไม่บอกให้มันชัดเจนล่ะ!?”

    “สมน้ำหน้า โผล่หน้าไปมาจนเขาสงสัยเลยต้องมาหลบ”

    “พอเลยพี่!! ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไปเจอเจ้านั่น แค่เห็นมันหล่อเลยเดินเข้าไป ไม่คิดจะเป็นไอ้เกาหลีนั่น” อ่อ สรุปนางไม่ได้ตั้งใจสินะ


    กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง


    “เสียงกระดิ่งแกแม่งโคตรน่ารำคาญเลย” อ๊อตโต้พูดด้วยน้ำเสียงกวนๆแล้วแกล้งเอามือแคะหูเพื่อยั่วประสาทคนเป็นน้องสาว


    ฟึบ!

    หมับ!


    “จะตีพี่ เร็วไปร้อยปีจ่ะ” ไลลาง้างมือหมายจะฟาดลงบนแขนของชายหนุ่มตรงหน้า แต่เขาก็ใช้ความรวดเร็วที่เคยมีในฐานะโจรเก่ามาจับข้อมือได้อยู่หมัด จนทำให้ไลลาถึงกับหัวเสีย

    “อะไรวะ”

    “เงียบไปเลย พี่สร้างทางลับให้ที่สวนพฤกษศาสตร์ก็บุญแค่ไหนแล้ว ไปๆไปทำงาน มาใช้ร้านพี่บังหน้าก็ต้องทำงานด้วย”

    “เออๆๆ ไปแล้วก็ได้”

    “เดี๋ยว”

    “?” เสียงเรียกของผู้เป็นพี่เรียกหญิงสาวกะทันหัน จนเธอต้องหันมามองแล้วทำหน้า ‘มีไร?’

    “จบงานวันนี้ เราต้องคุยกันอีก ‘ยาว’ อย่าลืมมาเจอพี่ล่ะ”

    “เออ..”


    ‘ชิ-หายละสิไลลาเอ๊ย’


    เวลา 20.00 น. เวลาเปลี่ยนกะ

    อ๊อตโต้พาไลลามาเคลียร์กันที่มุมห้องครัว ชายหนุ่มบอกให้พนักงานทุกคนออกไปเฝ้าหน้าร้านก่อน เพราะเขามีเรื่องส่วนตัวสุดๆต้องคุยกับน้องสาวจอมจุ้นคนนี้ ทุกคนจึงออกไป แต่เอาเข้าจริงๆที่ทุกคนออกไปเพราะรังสีอำมหิตที่อ๊อตโต้แผ่ออกมาเรื่อยๆต่างหาก ขนาดไลลาที่เป็นคนในครอบครัวแท้ๆยังไม่ชินกับความน่ากลัวนี้เลย

    “จะทำยังไงต่อ?” ชายหนุ่มยืนกอดอกแล้วยิงคำถามใส่หญิงสาวทันที ส่วนคนโดนถามก็ได้แต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้ามามองคู่สนทนา

    “ไม่รู้ ขอโทษ”

    “ขอโทษฉันทำไม คนที่เธอควรขอโทษคือลูกน้องเธอ ที่ทำให้แผนมันดำเนินการยากขึ้น”

    “...” 

    “แล้วก็พูดกันตรงๆนะ พี่ไม่สนับสนุนเรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าเธอมัดมือชกพี่ด้วยการส่งลูกน้องมาเป็นพนักงานแม่งทุกสาขาในเรือนี้แถมยังขโมยสูตรอาหารทุกสูตรไปอีก ถ้าพี่ไม่กลัวร้านเจ๊งก็คงช่างมันไปนานละ แต่นี่ไม่ได้ไง นี่มันชีวิตใหม่พี่เลยนะ เลิกเอาพี่เข้าไปเอี่ยวด้วยได้ละ”

    “แต่ที่น้องทำอยู่ตอนนี้มันก็เพื่อเงิน น้องอยากเอาเงินมาให้พี่นะ!”

    “พี่จะไม่กลับไปทำเรื่องเลวๆแบบนั้นแล้ว”

    “ทำไม!?”

    “กูพูดกี่ครั้งแล้วว่ากูไม่สน!! อย่าให้ต้องพูดอีกนะ” คนเป็นพี่ที่เหลืออดกับความดื้อด้านของน้องถึงกับเผลอใช้คำไม่สุภาพโดยไม่ได้คิด ถึงแม้เขาจะอดกลั้นความโกรธไว้ด้วยการที่มือที่กอดอกกำลังกำแขนของตัวเองแน่น แต่แล้วเส้นความอดทนก็ขาดผึง ทำให้ไลลาถึงกับเหวอ

    “พี่..”

    “ไม่รู้ล่ะ คืนนี้ เธอเก็บของออกจากห้องพี่ออกให้หมด แล้วไปอยู่ที่อื่นซะ” อ๊อตโต้โยนกุญแจห้องให้ไลลาแล้วเดินออกจากครัวโดยไม่สนใจใยดีแล้วปิดประตูดังปัง จนทำให้หญิงสาวไม่พอใจอย่างมาก กระทืบเท้าไปมาแล้วตะโกนก่นด่าเจ้าของกุญแจอย่างเหลืออด

    “พี่!!!! ไอ้พีบ้า!!!! บ้าไปแล้ววรึไง แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหน!!!! กลับมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!!!! ทำไมไม่ช่วยกันเลยวะ!!!!”


    ณ ทางลับในสวนพฤกษศาสตร์ 

    “ฮึ่ย!! ไอ้พี่บ้า ทำกันได้ลงคอ!!” คนตัวเล็กกอดอกนั่งขัดสมาธิพลางกระดิกเท้าไปมา ใบหน้ายู่จนแทบจะรวมกันตรงกลางแสดงให้ถึงความหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมพี่ชายของตนถึงไม่ยอมช่วยเหลือ พวกเธอถึงกับต้องทะเลาะกันหลายครั้งเพราะเรื่องนี้

    “ใจเย็นๆก่อนค่ะคุณบลองค์ชาร์ด หงุดหงิดไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกค่ะ ทำใจให้วงบๆก่อนดีกว่านะ ^^” ราเควลผู้เป็นหนึ่งในลูกทีมของไลลา และผู้ที่เปรียบเสมือนที่ปรึกษาส่วนตัวของเธอกำลังพูดให้เจ้านายของเธอเย็นลงบ้าง ซึ่งมันก็ได้ผล ถึงแม้ไลลาจะหยุดตะโกนแล้ว แต่ว่าสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนท้องผูกก็ยังไม่หายไปอยู่ดี

    “เย็นลงบ้างแล้วค่ะราเควล เฮ้อ เกือบสติหลุดตะโกนลั่นสวนจนคนได้ยินแล้วมั้ยล่ะ”

    “รู้สึกตัวก็ดีนะคะ”

    “นี่!”

    “ฮิฮิ”

    ไลลาหันไปดุลูกทีมของเธอที่บังอาจมาพูดจาแทงใจดำเจ้าตัว แต่พอเห็นคนข้างๆยิ้มแฉ่งกลับมาให้ก็ดุไม่ลง จึงใช้สองมือประสานไว้ที่หลังหัวให้เป็นหมอนแล้วล้มตัวลงนอนบนพื้น

    เหตุที่ทั้งสองมานั่งอุดอู้กันอยู่ในทางลับสวนพฤกษศาสตร์ก็คือโดนอ๊อตโต้ไล่ออกมา ความจริงเขาไล่แค่น้องสาวของเขา แต่ราเควลเห็นว่าหญิงสาวผู้เป็นนายกำลังลำบาก ไร้ที่ซุกหัวนอน จึงเสนอให้มาอยู่ที่นี่ชั่วคราว แล้วตัวเองก็มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย

    ถึงแม้ว่าทางลับมันจะไม่ใช่ทางเดินขนาดใหญ่ที่สามารถลุกขึ้นเดินได้สบายใจเฉิบเพราะข้อจำกัดของพื้นที่ใต้สวน แต่ก็กว้างพอที่จะมีอากาศหายใจอยู่ ให้พอได้คลาน นั่ง นอนได้บ้าง แถมยังบังเอิญมีพื้นที่ว่างกว้างๆเอาไว้เผื่อกรณีแอบซ่อนของ(อาวุธเป็นต้น) ทำให้ทั้งสองสาวพอมีพื้นที่ในการกลิ้งหลงเหลืออยู่

    “ราเควลรู้มั้ย กว่าฉันจะไปเสาะหาคนมาเป็นพวกได้มันโคตรจะลำบากเลย เพราะดันไปมีเรื่องตอนอยู่โรงเรียนเก่า ทำให้พวกตำรวจไล่ล่าฉันอย่างกับพวกซอมบี้หิวกระหาย แถมบางครั้งฉันยังต้องไปนอนข้างถนนอีกเพราะพ่อแม่ตัดสินใจตัดหางปล่อยวัดฉัน!”  

    เจ้าของเรือนผมสีนมชมพูบ่นออกมาหารู้ไม่ว่านี่เป็นครั้งที่ยี่สิบสองแล้วที่เธอพูดเรื่องนี้ให้ลูกทีมคนสนิทของเธอฟัง แต่ราเควลก็ไม่ได้มีท่าทีจะหยุดเจ้านายคนนี้ แต่กลับเป็นผู้ฟังที่ดีที่นั่งฟังเงียบๆมากกว่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็มีบางครั้งที่เบื่อๆกับอะไรแบบนี้

    “ยิ่งฉันที่ไปเจอไอ้เกาหลีซื่อบื้อนั่นเมื่อวานมันยิ่งทำให้ความแค้นในใจฉันมันเพิ่มขึ้น แค้นไอ้พวกคนที่ทำฉันตกลงมาจากที่สูงสุด ไอพวกคนที่ลาฟลอร่า พวกมันแย่งทุกอย่างไปจากฉัน โดยเฉพาะไอคนผมสีน้ำตาลยาวที่เป็นที่รักของคนอื่นนักหนา ไม่เข้าใจทำไมคนถึงได้รักนางนั่นได้”

    ราเควลที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาตัวละครที่ไลลาพูดขึ้นมาแต่ละคนก็ได้แต่สงสัยอยู่ภายในใจ ถึงเธอจะไม่ได้เผชิญหน้าเหตุการณ์ด้วยตัวของเธอเองแต่ก็รู้สึกได้ว่าความแค้นที่อยู่ในตัวไลลามันคือของจริง แค้นพอที่จะทำลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าได้

    ไลลากัดฟันกรอด สายตาเขียวปั้ดมองไปด้านบนอย่างกับจะต่อยเพดานให้แตก นึกถึงคนที่ตัวเองเกลียดที่สุด คนที่ไม่อยากแม้จะเอ่ยชื่อออกมา แต่แล้วหญิงสาวก็มีไอเดียบางอย่างผุดขึ้นมา เธอรีบลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปหาราเควลด้วยสายตาที่เป็นประกายสุดขีด

    “ฉันนึกออกแล้ว!”

    “อะไรเหรอคะคุณบลองค์ชาร์ด?”

    “ก็ถ้าฉันแค้นยัยนั่น แต่ทำอะไรไม่ได้ เราก็ทำเจ้าเกาหลีนั่นแทน!!”

    “เอ่อ.. แล้วมันจะเกี่ยวกันตรงไหนเหรอคะ”

    “อ่อ เธอไม่รู้สินะคะ ว่าเจ้าหมอนี่มันมีเยื่อใยแปลกๆกับยัยนั่น พูดกันง่ายๆ ไอ้สองคนนั้นมันชอบกัน!”

    “อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นคงจะสิ้นหวังไม่น้อย”

    “ใช่แล้วค่ะ!! และพอมันสิ้นหวัง เราก็จัดการทำลายชีวิตมันซะเลย!”

    “ไอเดียเยี่ยมไปเลยค่ะ! ว่าแต่คุณบลองค์ชาร์ดจะทำยังไงเหรอคะ”

    คำถามที่ถูกถามโดยลูกทีมคนี้ทำให้ใบหน้าของไลลาเผยถึงความเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมขึ้น มุมปากของเธอยกขึ้นช้าๆพร้อมกับตาที่หยีจนเป็นรูปสระอิ หญิงสาวค่อยๆเอียงคอและพูดช้าๆออกมาว่า

    “ก็ฆ่ามันเลยสิ :)”


    วันสุดท้ายของการตรวจสอบเรือ

    และแล้วแผนการให้เด็กปี 3 ช่วยกันตรวจสอบเรือแบบเนียนๆก็มาถึงวันสุดท้าย ทุกคนดีใจมากๆที่กำลังจะทำงานกันเสร็จ คริสโตเฟอร์ถึงกับรีบไปซื้อขนมมาตุนไว้เพื่อปาร์ตี้ฉลองที่ทำงานเหนื่อย เว้นแต่พวกเด็กๆปี 3 คนอื่นที่ห่อเหี่ยวเพราะว่าตนอดได้เดินเล่นทั่วเรือกับเพื่อนแล้ว

    เวลาล่วงเลยไปจนถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนการเลิกตรวจเรือ ชายหนุ่มผมสีทองน้ำผึ้งที่มีหมวกปีกกว้างสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์สวมอยู่บนหัวกำลังยืนจับคางตัวเองไปมาเพื่อใช้ความคิดในขณะที่ตนยืนจ้องกล้องวงจรปิดที่ดูน่าสงสัยอยู่ตัวหนึ่ง เขาจ้องอยู่นานมากจนกล้องวงจรปิดถึงกับเหงื่อตกละคิดในใจว่า ‘จะจ้องอะไรกันนักหนาคร้าบ’ (กล้องพูดได้ด้วย?)

    “อืม… ไม่มีอะไรแปลกๆสินะ”

    ชายหนุ่มแตะค้างที่เข็มกลัดในเสื้อสูท เข็มกลัดกระพริบไฟสีเขียวสองครั้งก่อนที่มันจะมีเสียงที่ไม่ดังมากเล็ดลอดออกมา

    [ว่าไงจ๊ะมิเอเล่?] คนที่อยู่ปลายสายนี้เป็นไอริณ ผู้ที่มิเอเล่กำลังอยากคุยด้วย ณ ตอนนี้พอดี

    “น้าไอริณคะ กล้องตัวสุดท้ายนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แสดงว่าเรากำจัดกล้องของทางฝั่งนั้นไว้หมดแล้ว”

    [ดีมากจ้ะ ถ้างั้นก็คงไม่มีอะไรต้องทำแล้วแหละ เธอกลับมาที่ห้องได้เลยนะ แต่อย่าลืมบอกครูฌาแนตต์ก่อนด้วยนะว่าเธอเสร็จแล้ว]

    “ได้เลยค่ะ ไว้เจอกันที่ห้องนะคะ”

    ห้องที่ไอริณว่าก็คือห้องประชุมของราชาทั้ง 5 ที่เป็นที่รวมตัวเฉพาะกิจทุกเย็นเพื่อมาพูดคุยและสรุปข้อมูลว่ามีอะไรคืบหน้าหรืออยู่กับที่บ้าง หลังจากที่มิเอเล่บอกลาคนปลายสายและปล่อยมือออกจากเข็มกลัด หญิงสาวก็รีบเดินออกจากมุมตรงนั้นทันที เพราะมันเป็นมุมอับที่ไม่มีใครเดินผ่านไปมา อาจจะเกดอันตรายขึ้นก็ได้

    เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ดวงตาสีม่วงคู่สวยของเธอก็เบิกกว้างเพราะร่างสูงที่คุ้นตาตรงหน้ากำลังเดินมาหาเธอ ซึ่งเมื่อร่างสูงเห็นหญิงสาวยืนทำหน้าเหวอเพราะตนก็ตกใจไม่แพ้กัน ไม่คิดว่าจะกลับมาเจอกันในที่แบบนี้ แต่เขาก็รีบกู้สีหน้าให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะยกยิ้มอย่างพอใจ

    “โห.. ไม่คิดเลยนะครับ ว่าจะได้มาเจอเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรพรอบโพลิสที่นี่”

    “เบดี้?” ชื่อของชายผู้มาใหม่ถูกเรียกขึ้นเบาๆด้วยความตกอกตกใจ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มคนนั้นยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าคนตรงหน้าคือคนที่ตนรู้จักแน่ๆ



    หมับ!


    “คิดถึงนายจังเลยฮือออ T0T” มิเอเล่รีบวิ่งเข้าไปกอด ‘เบดี้’ ผู้เป็นเพื่อนสนิทสมัยเด็กของเจ้าตัวพร้อมกลับปล่อยโฮออกมาโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ชายหนุุ่มที่ตนกำลังปลอมตัวอยู่ (สงสัยว่าเบดี้คือใคร สามารถไปอ่านเรื่องราวได้ในตอนที่ 17.5 นะคะ)

    “ดะ.. เดี๋ยวสิ เธอร้องไห้ทำไม เฮ้อ..” เบดี้ถอนหายใจอย่างเอ็นดูกอดจะสวมกอดกลับแล้วลูบหัวมิอเล่ไปมา ส่วนตัวเธอก็ซบกับอกแกร่งของเขาแล้วร้องไห้อยู่สักครู่ “ยัยขี้แยเอ๊ย ยังเหมือนเดิมเลยนะ”

    “เงียบไปเลย”

    “เอ้อใช่ เธอน่ะ” ชายหนุ่มสะกิดหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดให้มองหน้าตน 

    “?”

    “ไหนบอกว่าไปเป็นสายสืบอยู่ที่ประเทศไกลแสนไกล ไหงมาอยู่ในโนอาห์”

    “เอ่อออ อ่าาาา” มิเอเล่เลิ่กลั่ก ดวงตามองซ้ายมองขวาเหมือนจะหาตัวช่วย ทำยังไงดี ไอริณกำชับเธอสุดชีวิตว่าห้ามให้คนนอกรู้เรื่องราวตอนนี้เด็ดขาด แม้แต่คนที่สนิทสุดๆ

    “ช่างเถอะ เธอค่อยบอกฉันวันหน้าละกัน แล้วก็ไหนๆเราก็เจอกันแล้ว” เบดี้คลายกอดจากมิเอเล่แล้วจับมือทั้งสองของหญิงสาวแทน “อีกอาทิตย์กว่าๆ ที่โนอาห์จะมีพิธีเรียนจบ ฉันอยากให้เธอมาเป็นแขกของฉัน ได้รึเปล่า?”

    “ใช่พิธีย้ายเรือป่ะ ฉันได้ยินพวกนักเรียนเขาพูดๆกัน”

    “ใช่ งานนั้นแหละ เพราะงานนี้นักเรียนจะเชิญแขกของตนมาได้แค่ไม่กี่คน ฉันเลยอยากจะชวนแค่คนสำคัญๆเท่านั้น และเธอก็หนึ่งในนั้นนะ ตกลงมั้ย :)”


    ‘โอย ยิ้มหวานมาขนาดนี้ใครจะปฏิเสธลงเล่า ขอร้องนะ =///=;’


    “เออๆ ก็ได้” มิเอเล่ตอบตกลงแล้วหันหน้าไปทางอื่นเพราะเธอรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังเขินจัดๆเพราะลูกอ้อนขอเพื่อนตัวเอง “งั้นฉันขอตัวก่อนนะ ไว้คุยกันในแชท” มิเอเล่สวมกอดเบดี้อีกหนึ่งทีก่อนจะวิ่งหายไปในฝูงชน

    “โอเค ไว้คุยกัน อย่าลืมตอบแชทฉันด้วยล่ะ”

    “นายนั่นแหละอย่าลืม!!”


    ห้องประชุมของราชาทั้ง 5 

    “เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้ข้อสรุปทุกอย่างจากครูไอริณแล้ว” กียุลที่ในที่สุดก็หายแฮ้งค์ (หายนานแล้วโว้ย -*-//กียุล) ยืนถือเอกสารที่ดูแล้วจะเป็นข้อสรุปที่เจ้าตัวได้พูดไปในข้างต้น ส่วนสมาชิกที่เหลือที่เสร็จสิ้นการปล่อยเพื่อนๆเข้าหอพักแล้วก็มานั่งฟังประธานนักเรียนกันอย่างเงียบเชียบ

    “ทุกอย่างดูเรียบร้อยดี กล้องวงจรปิดที่ไม่ใช่ของโนอาห์ถูกกำจัดหมด บุคคลต้องสงสัยก็สามารถระบุตัวและจับตามองได้แล้ว เหลือแค่หาโอกาสดีๆในการบุกจับ ส่วนเฟืองกำลังถูกเก็บรักษาโดยครูไอริณ เอาจริงๆก็ถูกเก็บที่ชั้น 7 ที่เป็นห้องพักเรานี่แหละ =_=; ระบบแสกนนิ้วมือและม่านตาปกติดี ที่เหลือก็ไม่น่ามีอะไรเป็นห่วงแล้ว เหลือเราแค่ต้องฝึกป้องกันตัวไว้เผื่อยามฉุกเฉินที่ต้องต่อสู้จริงๆ มีใครจะเสริมอะไรมั้ย”

    “กระผมขอรับ” ฮอรัสยกมือขึ้น กียุลพยักหน้าเป็นการให้อนุญาติ ฮอรัสจึงลุกขึ้นพูด “เรื่องเมื่อวันก่อนที่คุณเหมยฮัวกับคุณมิเอเล่ถกเถียงกัน กระผมไปขออนุญาตผอ.ให้แล้วขอรับว่าสามารถพบเด็กคนนั้นได้พรุ่งนี้เลย”

    “เย่! ดีมากน่ออาฮอรัส!! >0<”

    “ขอบคุณขอรับ ^^”

    “ขอบคุณนายมากนะ แล้วคนอื่นมีอะไรอีกมั้ย?”

    “...” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก

    “ถ้าเงียบแบบนี้ จะถือว่าไม่มีอะไรแล้วนะ งั้น...” กียุลเดินไปวางกองเอกสารที่โต๊ะทำงานของตัวเองก่อนจะเดินกลับมาที่เดิมพร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างเป็นรูปตัววี “ฉลองได้!”

    “เฮ!!!!” เสียงตะโกนดีใจลั่นห้อง เย่! ในที่สุดทุกคนก็หลุดพ้นจากการสำรวจเรือนี่สักที ใหญ่เป็นบ้า เดินกันขาแทบลาก TwT

    คริสโตเฟอร์ที่รอเวลานี้มานานก็รีบวิ่งไปเอาถุงขนมที่ตนตุนไว้ในครัวมาที่ห้องนั่งเล่น ทุกคนที่เหลือก็เอาพวกของกินที่ตนอยากกินถือมาด้วย นาซิสซ่า ทิวา ยูริและเหมยฮัวที่จองที่นั่งตรงกลางโซฟารูปตัว U กำลังเลือกหนังดูใน Metflix ส่วนพวกผู้ชายที่เหลือก็นั่งอยู่ที่ฝั่งซ้ายและขวาฝั่งละสองคน

    โรซารี่ที่ได้เวลาน้ำชายามเย็นของเจ้าตัวก็ปลีกตัวไปนั่งที่เก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลจากเพื่อนๆนัก ส่วนอเล็กเซก็ถือชั้นวางขนมสามชั้นที่มีทั้งมาการอง คุกกี้ เค้กและสโคนมาวางไว้ตรงโต๊ะแก้วใสเข้าชุดกับเก้าอี้ของทั้งสอง

    หนังที่นาซิสซ่าเลือกนั้นเป็นหนังระทึกขวัญที่เกี่ยวกับการไล่ฆ่าที่คนส่วนใหญ่ในห้องนั้นชอบ เว้นแต่ทิวาและยูริที่ขวัญอ่อนกัเรื่องแบบนี้จึงนั่งกอดเข่าคุดตัวอยู่ด้วยกันสองคน ในใจคิดใครใช้ให้เปิดอะไรน่ากลัวแบบนี้ดูกัน! 

    คริสโตเฟอร์ที่เห็นว่ายูริกลัวเอามากๆเลยดึงหญิงสาวให้มาอยู่ในอ้อมอก แล้วบอกว่าจะเล่นเกมในมือถือด้วยกัน จะได้ไม่ต้องไปสนใจสิ่งตรงหน้า ส่วนกียุลที่เห็นทิวาหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้มก็ดึงให้ทิวาไปนั่งด้วยเช่นกันแล้วให้หญิงสาวนอนตักดูอย่างอื่นไป แต่ยังมิวายก้มหน้าลงไปจุ๊บจนทิวาต้องตีขาแล้วรีบหลับตาแก้เขิน

    “คุณโรซารี่ครับ” อเล็กเซที่วางแก้วชาลงบนจานรองแก้วทักโรซารี่ขึ้น

    “หืม?”

    “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปเดินเล่นที่สวนพฤกษศาสตร์หน่อยน่ะครับ จะไปหาพืชมาทำโพชั่นด้วย คุณอยากไปด้วยมั้ยครับ”

    “น่าสนใจนะ แต่ว่าพรุ่งนี้ฉันกะว่าจะนอนทั้งวันน่ะ เหนื่อยมากเลย ขอโทษที่ให้ไปคนเดียวนะ”

    “ไม่เป็นไรครับๆ แต่ถ้าอยากได้อะไรก็บอกผมได้นะ เดี๋ยวซื้อกลับมาให้ครับ”

    “อื้ม ขอบคุณนะ ^^” โรซารี่ยิ้มตอบ

    ความจริงหนุ่มรัสเซียก็แอบผิดหวังอยู่น้อยๆว่าอดไปเดินที่สวนเรือนกระจกกับแฟนสาว แต่ก็คิดในแง่ดีว่าให้ตัวเธอพักผ่อนไปดีกว่า เขาไปเองคนเดียวได้ 

    แต่เขาไม่รู้เลยว่า สถานที่ที่เขากำลังจะไป มีอันตรายกำลังรอเล่นงานเขาอยู่


    วันต่อมา ณ สวนพฤกษศาสตร์

    ประตูเหล็กถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติเมื่อเซนเซอร์ของมันสัมผัสได้ว่ามีผู้มาเยือน อเล็กเซกระชับเสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อนของตนแล้วเดินเข้าไปในสวนอย่างอารมณ์ดี ดวงตาสีหยกของเขาเป็นประกายซะยิ่งกว่าดาวบนท้องฟ้าเมื่อดวงตาคู่นั้นสัมพันธ์กับเหล่าหมู่มวลดอกไม้และพืชนานาพันธุ์ที่อยู่กระจายรอบๆสวน ยิ่งทำให้ตัวเขากระโดดดึ๋งๆไปมาเหมือนกระต่ายน้อย

    “ฮื้ม~ เอาดอกไหนดีนะ~?” เมื่อชายหนุ่มมาถึงโซนของพืชที่สามารถนำกลับไปศึกษาต่อได้ เขาก็ค่อยๆกวาดตามองเหล่ากระถางต้นไม้ที่มีพืชอยู่ในนั้นเพื่อที่จะเลือกไปทำโพชั่น แต่หารู้ไม่ การที่เขาเหยียบย่ำเข้ามาในโซนนี้ มันทำให้สัญญาณเตือนบางอย่างดังขึ้นที่ทางลับใต้สวนพฤษศาสตร์


    ติ๊ด ติ๊ด


    “หืม ใครมาน่ะ?” เสียงใสของไลลาที่กำลังนั่งเล่นไพ่แก้เครียดกับลูกทีมอีกสามคนพูดขึ้น ทำให้เธอต้องออกไปแอบดูว่าคนที่เป็นเหตุของเสียงเตือนนั่นคือใคร

    “ใครเหรอลูกพี่?” เสียงทุ้มของลูกทีมคนหนึ่งถาม

    “หึหึ อะไรมันจะโชคดีขนาดนี้” ดวงตาปกติของเธอแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาที่มีความอาฆาตแค้นทันทีที่เห็นว่าคนๆนั้นเป็นอเล็กเซ “ไหนๆก็กำจัดไอ้เกาหลีนั่นไม่ได้ แถมเพื่อนสนิทมันก็มาหาเราถึงที่ ช่างเป็นโอกาสดีจริงๆ”

    “ให้จัดการเลยมั้ยครับ”

    “รออะไรอยู่ล่ะ!! ไปฆ่ามันสิ!!!”

    “รับทราบ!!”

    เสียงแสบแก้วหูของไลลาดังลั่นไปทั่วสวน แต่โชคไม่ดีที่อเล็กเซมัวแต่จดจ่อกับดอกไม้ตรงหน้ามากเกินไปจนไม่ได้ยินอะไรเลย

    ร่างของลูกทีมผู้ชายสองคน และผู้หญิงอีกหนึ่งกระโดดออกจากประตูลับใต้ต้นมะฮอกกานีและกระจายออกไปกันคนละทิศละทาง ร่างของหญิงคนนั้นตัดสินใจจู่โจมเข้าหาอเล็กเซด้วยมีดสั้นเคลือบยาพิษ เธอพุ่งตัวไปหวังจะแทงเข้าที่ท้อง แต่อเล็กเซไหวตัวทันเพราะรู้สึกถึงต้นไม้ที่สั่นไหวมาทางเขาแปลกๆก็กระโดดหลบไปทางด้านซ้าย เธอที่พลาดให้กับการหลบก็ร้องชิออกมาแต่ก็ไม่สนใจและรีบพุ่งเข้าหาชายหนุ่มอีกรอบทันที อเล็กเซที่เหลือบไปเห็นต้นกระบองเพชรข้างๆก็รีบทายาสลบที่พบติดตัวมาแล้วปาใส่ผู้หญิงคนนั้นทันทีจนหนามของมันทิ่มหน้าไปทั่วจนเธอต้องกรีดร้องออกมา ชายหนุ่มจึงใช้โอกาสนี้รีบวิ่งหนีแล้วล็อคประตูโซนนั้นซะ

    อเล็กเซรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นโดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามีชายร่างใหญ่คนนึงรอดักเขาอยู่หลังต้นไม้ข้างๆโซน เขารีบพุ่งตัวออกมาแล้วใช้ไม้หน้าสามฟาดลงไปที่หลังของอเล็กเซอยย่างแรงจนเขาล้มลงไปกับพื้น หน้าอกที่กระแทกพื้นเข้าอย่างจังทำให้เขาถึงกับจุกและหายใจไม่ออก 

    “อั้ก!!!!!” เสียงกระอักดังออกมาพร้อมกับเสียงที่ฟาดลงมาโดนหลังเขาอีกครั้งอย่างจัง ชายร่างใหญ่ที่เห็นว่าอเล็กเซนอนแน่นิ่งไปจึงเดินไปจับผมแถวท้ายทอยแล้วดึงขึ้นมาให้เผชิญหน้ากับเขา แต่แล้วสิ่งที่เขาเห็นก็คืออเล็กเซที่หน้าเปื้อนดินกำลังแสยะยิ้มให้ชายคนนั้นอย่างน่ากลัวพร้อมปืนในมือ

    “ไร้มนุษยธรรมจังเลยนะครับ”


    ปัง! ปัง!


    เสียงยิงปืนดังลั่นไปทั่วสวน แต่ตอนนี้อเล็กเซงงเป็นไก่ตาแตกเพราะปืนที่เขายิงออกไปไม่ใช่ปืนจริงแต่เป็นปืนอัดลมที่เอาไว้ซ้อม! โถ่เว้ย! ถ้าเขาไม่หยิบผิดกระบอกมา ไอ้หน้าหมานั่นคงหน้าทะลุตายไปแล้ว แต่โชคก็ยังเข้าข้างเขาอยู่บ้างที่กระสุนปืนอัดลมกระเด็นเข้าตาชายคนนั้นเต็มๆถึงสองนัดจนทำให้เขาต้องรีบปล่อยหัวอเล็กเซแล้วกุมตาร้องโอดครวญอย่างกับสุนัขที่โดนเหยียบหาง

    “โอ๊ยยยยย!!! แก!!!!!”

    ไม่รอช้าอเล็กเซรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ทางออกทันที ด้วยความเจ็บปวดจากหลังที่โดนฟาดพุ่งปรี๊ดทุกครั้งที่เขาขยับตัวเขาจึงใช้เวลานานมากกว่าจะไปถึงประตู


    ฉวบ!


    “อ๊ากกก!!!” อเล็กเซช้าเกินไป ช้าจนชายอีกคนที่หลบซ่อนอยู่ใกล้ประตูทางออกปามีดมาปาดเข้าที่แขนขวาของอเล็กเซอย่างจัง โชคดีที่มีดเล่มนั้นไม่มีพิษเคลือบไว้ มีดที่เปื้อนเลือดเล่มนั้นกลิ้งตกลงพื้น เขาจึงรีบเดินไปหยิบ แต่ก็แพ้ให้กับความเร็วของไอ้คนที่มันปามีด หลังจากได้มีดมาอยู่ในมือ เขาไม่รอช้า รีบพุ่งเข้าหาอเล็กเซหมายจะแทงลงบนหน้าทันที อเล็กเซที่อ่านการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามพอออกก็รีบหมอบและวิ่งหลบมาอยู่ด้านหลังและใช้เท้าถีบไปที่หลังคนๆนั้นอย่างจังจนเขาล้มหน้าคว่ำลงไปกับพื้น

    “ไอ้พวกบ้า!! ดีแต่ซ่อนกับพุ่งมาแทงอย่างเดียวรึไงวะ!!”

    อเล็กเซรีบวิ่งไปที่ประตูก่อนที่จะรีบกดปุ่มเปิดประตู แต่ประตูก็ไม่ยอมเปิดออก เขาถูกขังไว้ในนี้ซะแล้ว อเล็กเซคิดหาวิธีอยู่ไม่กี่วิก็รีบเอาโทรศัพท์ของตนเชื่อมต่อกับแผงควบคุมปุ่มเปิดปิดประตู จิ้มๆอะไรสักอย่างแล้วหน้าจอก็ขึ้นโหลด เขาได้แต่ภาวนาให้โทรศัพท์รีบโหลดเร็วๆก่อนที่ไอ้สามตัวอันตรายนั่นจะลุกขึ้นมาอีก

    “แกจะไปไหน!!!! มานี่!!!!” ชายที่โดนลูกกระสุนอัดลมอัดเข้าที่ตาสองข้างวิ่งมารวบคออเล็กเซแล้วยกขึ้น ทำให้ชายหนุ่มถูกล็อคอยู่ในวงแขน เขาดิ้นไปมาเพื่อที่จะหนีบวกกับอากาศหายใจที่เริ่มจะหมดทีละนิด มิหนำซ้ำ ชายอีกคนที่โดนลูกถีบของอเล็กเซก็ลุกขึ้นมาต่อยท้องเขาเข้าจังๆอีกหมัด แต่เขาก็เผลอไปเหยียบเท้าเพื่อนตัวเองจนชายคนนั้นร้องจ๊ากออกมาแล้วเผลอปล่อยอเล็กเซร่วงลงพื้น 

    ไม่ทันที่อเล็กเซได้ลุกขึ้นมาก็โดนกดคอกับพื้นโดยชายที่โดนเหยียบเท้า ส่วนชายอีกคนก็ถือมีดเล่มเดิมที่เปรอะเลือดอเล็กเซแล้วจี้เข้าที่คอ ทั้งสองแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัยก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามสุดๆ

    “แกเก่งดีนี่ แต่ก็มาได้แค่นี้แหละ”

    “ใครกันแน่ที่มาได้แค่นี้”


    ซ่า!


    “อ๊ากกกกกก!!!!” มือของอเล็กเซคลำๆอยู่ใต้ผ้าคลุมไม่นานก่อนที่เสียงของเหลวถูกสาดดังขึ้นตามด้วยกับเสียงกรีดร้องด้วยความทรมาน อเล็กเซสาดน้ำยาที่มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายชาทันทีที่สัมผัสใส่ชายร่างกำยำทั้งสองตรงหน้าแล้วรีบวิ่งไปที่ประตู โชคดีที่เขาพกติดตัวมาเพื่อจะเอามาเป็นตัวอย่างทำโพชั่น ฤทธิ์ของน้ำยานี้ถ้าสัมผัสแล้วจะรู้สึกแสบร้อนมากๆเหมือนโดนเปลวไฟกำลังเผาประมาณ 3 นาทีเพื่อให้คู่ต่อสู้หยุดชะงัก แล้วหลังจากนั้นทั้งร่างกายจะเป็นอัมพาตอยู่ 3 วัน ทางเดียวที่จะแก้ฤทธิ์ยาได้คือรอให้มันหายไปเอง แต่ไม่ต้องห่วงอันตรายเพราะมันไม่ได้สร้างบาดแผลใดๆให้กับร่างกาย ยกเว้นแผลใจอะนะ - -;

    ทางฝั่งไลลาที่เห็นว่าการแสดงน่าจะใกล้จบแล้ว จึงตัดสินใจลุกออกไปแจมด้วย แต่ในขณะที่เธอกำลังจะออกไปนั้น เสียงร้องโหยหวนของลูกทีมทั้งสองก็ดังเข้าสู่โสตประสาท ทำให้เธอกลัวและรีบกลับลงสู่ทางลับเหมือนเดิม

    เมื่อเห็นว่าเสียงร้องเงียบลง ไลลาก็ขึ้นมาจากทางลับแล้วพบว่าลูกทีมชายทั้งสองคนนอนแน่นิ่งหมดสภาพอยู่ใกล้ประตูทางออก เมื่อเธอตรวจสอบก็พบว่าประตูมันเปิดไม่ได้แล้ว ไลลาจึงสบถออกมาด้วยความโกรธแล้ววิ่งไปดูสภาพของลูกทีมทั้งสอง

    “อะไรเนี่ยแบรต!! แจ็คเกอรีน!! ปล่อยให้ถูกเล่นงานได้ไง”

    “ขะ.. ขอโทษครับ.. ไอ้คนนั้นมันเล่นงานเรา ตอนนี้ผมขยับไปไหนไม่ได้..” คนที่ชื่อแบรตพูดขึ้น

    “โถ่เว้ย!! แล้วสเตลล่าล่ะ!?”

    “น่าจะอยู่ในโซนนั้นครับ..” สายตาของแบรตมองไปที่โซนพืชที่นำกลับไปศึกษาต่อได้ หรือก็คือโซนที่อเล็กเซได้ขังหญิงแปลกหน้าไว้ เมื่อไลลาเข้าไปก็พบกับลูกทีมของเธอนอนหมดสภาพใบหน้าเต็มไปด้วยหนามกระบองเพชรอยู่กลางโซน ยิ่งทำให้ไลลายิ่งเดือดด้วยความไม่ได้เรื่องของลูกทีม

    “ไร้น้ำยาชิ-หายเลยไอ้พวกนี้!!!!”

    .

    .

    อเล็กเซที่ตอนนี้มีแผลฟกช้ำและรอยฟันเต็มตัวก็รีบกดโค้ดเปิดประตูแล้วรีบล็อคโดยใช้โค้ดที่ไม่มีใครเปิดได้นอกจากเขาทันทีเพื่อขังคนพวกนั้นให้ติดอยู่ในนั้น มือเล็กๆจับแขนส่วนที่โดนมีดปาดเพื่อไม่ให้เลือดหยดไปตามทาง เสื้อสีขาวของเขาถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน สองขาเดินกะเผลก เขากัดฟันแน่นอดทนต่อความเจ็บปวดที่พุ่งเข้ามาในสมองจนกระทั่งเขาเดินมาถึงห้องพักของตน 


    ปึงๆๆๆ!!


    อเล็กเซใช้เท้าที่กำลังพลิกของเขาแตะเข้าที่ประตูให้แรงและดังที่สุดเท่าที่จะดัง เขาไม่มีแรงแม้แต่จะบิดลูกบิดด้วยซ้ำ ดวงตาเริ่มฝ้าฟาง มองอะไรแทบไม่เห็น เหงื่อไหลเต็มตัวและเริ่มหายใจอ่อนลง เขาแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว 

    “อ๊ะ.. คุณ.. โรซารี่..” เมื่อประตูเปิดออก อเล็กเซก็เรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยอาการอ่อนแรงทันทีก่อนจะล้มลงไปข้างหน้า โรซารี่เห็นจึงร้องชื่อของเขาออกมาแล้วรีบวิ่งไปรับตัวทันที เมื่อเธอเห็นร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลและร่องรอยการต่อสู้ก็รีบพาอเล็กเซเข้าไปทำแผลและเรียกครูไอริณมาทันที

    “อเล็กเซ.. ขอร้องนะ ทำใจดีๆไว้”

    สิ่งสุดท้ายก่อนที่อเล็กเซรับรู้ก่อนจะสลบลงไปก็คือใบหน้าที่กำลังร้องไห้ของโรซารี่กำลังมองมาที่เขาและเรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมา หวังจะช่วยปลุกให้เขาได้ตื่น แต่เขาก็ทำเพื่อเธอให้ไม่ได้ บาดแผลมันเจ็บปวดเกินไป ดวงตาที่หนักอึ้งกำลังหลับลงอย่างช้าๆพร้อมกับความเจ็บปวดที่มลายหายไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องโกหก

    “อเล็กเซ!!!!!!”

    .

    .

    .

    .

    “เป็นยังไงบ้างคะครูไอริณ!?” โรซารี่รีบวิ่งพรวดมาหาทันทีที่เห็นไอริณเดินออกมาจากห้องนอนของอเล็กเซ

    “ปลอดภัยแล้วจ้ะ อีกสักพักคงฟื้น หนูเข้าไปเยี่ยมได้เลยนะ”

    “ขอบคุณมากค่ะ!!” โรซารี่รีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีแล้วพบกับร่างของแฟนหนุ่มกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือที่ยืมมาจากห้องพยาบาลโยงอยู่ข้างๆตัวเขา ร่างกายมีแผลเต็มตัว แต่โชคดีที่ไม่ได้โดนทำร้ายที่หัวมากนัก ผมเปียสีชมพูอ่อนของเขาถูกคลายออก หญิงสาวเดินไปนั่งข้างๆชายหนุ่มแล้วจัดการทัดปอยผมที่ปรกหน้าเขาให้ออกไปด้านข้าง โรซารี่กุมมือของอเล็กเซเบาๆ เธอไม่พูดอะไรแล้วนั่งเฝ้าชายหนุ่มจนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง

    .

    .

    .

    .

    “อือ..”


    ‘นี่เรายังไม่ตายเหรอ’


    อเล็กเซลืมตาขึ้นก็พบว่าเพดานที่ตนกำลังมองอยู่เป็นเพดานห้องนอนของตนก็โล่งอก เขาค่อยๆดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ความเจ็บจากหลังยังมีบ้างประปรายแต่ไม่รุนแรงเท่าเมื่อเช้า เขาหันไปเห็นร่างของแฟนสาวนอนฟุบจับมืออยู่ข้างๆก็อดอมยิ้มไม่ได้แล้วสะกิดเรียกให้เธอตื่น

    “คุณโรซารี่ครับ”

    “...”

    “คุณโรซารี่”

    “หืม… เอ๊ะ!?” เมื่อถูกแรงสะกิดเบาๆที่ไหล่ โรซารี่ก็ตื่นขึ้น แล้วก็พบว่าอเล็กเซฟื้นแล้ว สายตาที่กำลังฝ้าฟางเพราะเพิ่งตื่นกลับมองคนตรงหน้าชัดแจ๋วทันทีด้วยความตกใจ “อเล็กเซฟื้นแล้ว!?”

    “ครับ ขอโทษนะครับที่--”

    “ครูไอริณค้าาาาา!! อเล็กเซฟื้นแล้ว!!”

    “ทำให้เป็นห่วง...” พูดยังไม่ทันขาดคำ โรซารี่ก็รีบวิ่งออกไปหาไอริณนอกห้องทันที ปล่อยให้อเล็กเซหัวเราะกับท่าทีโก๊ะๆที่นานๆทีจะเห็นของหญิงสาวชาวอังกฤษคนนี้ มิหนำซ้ำ เสียงของเพื่อนๆของเขาตะโกนเรียกหาไอริณดังทะลุเข้ามาในห้อง โดยเฉพาะเสียงของคริส ดันเต้และทิวาที่ดูจะแพนิคกว่าเพื่อน

    ไอริณสั่งให้ทุกคนเงียบแล้วรีบวิ่งมาดูอาการอเล็กเซ เธอตรวจร่างกายเขาเสร็จสรรพก็ไม่พบความผิดปกติแล้วให้เพื่อนๆที่เหลือเข้ามาเยี่ยมเขาได้ ไอริณจึงขอให้อเล็กเซเล่าให้ฟังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

    อเล็กเซเริ่มเล่าตั้งแต่ที่มีหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งจู่โจมเขาด้วยมีดสั้นเคลือบยาพิษ แต่เขาก็ทำให้เธอสลบไปแล้ว จนถึงที่โดนขังแถมชายที่ไหนไม่รู้สองคนอัดเขาน่วมแล้วก็หนีออกมาด้วยการสาดน้ำยาแล้วขังพวกนั้นไว้ในสวน ไอริณจึงรีบส่งกองกำลังขององค์กรโลกไปที่ชั้น 8 ทันที เพราะเธอมั่นใจมากว่ากลุ่มคนที่อเล็กเซเจอเป็นสามในหกที่แอบแฝงตัวเข้ามา


    ปัง!


    ฮอรัสที่ออกไปทำธุระแต่เช้ารีบวิ่งเต็มสูบมาที่ห้องเมื่อรู้เรื่องอเล็กเซ ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องดังปัง ใบหน้าของเขาที่ควรจะดีใจกลับกลายเป็นผวา ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้ทุกคนในห้อง แต่ไม่ทันที่มีใครจะได้ถาม ฮอรัสก็ตะโกนลั่นขึ้นด้วยน้ำเสียงตระหนกสุดขีด


              “แย่แล้วขอรับ!! เด็กคนนั้นบอกที่อยู่ของเฟืองให้แก๊งฟักทองไปแล้ว!!!

    _________________________________________________________________________________________________

           กลับมากับอีกตอนที่ เอ่อ.. น้องอเล็กเซของเราโดนเล่นงานยับเลย // วิ่งหนีโรซารี่ที่ไล่เอาไม้หน้าสามฟาดโทษฐานทำร้ายอเล็กเซ T^T

    สำหรับตอนนี้เราไม่ได้มีภาพวาดมาให้ดูกันนะคะ แต่จะมีให้ในตอนหน้าค่ะ แอบสปอยล์ว่าเป็นฉากที่มาจากตอนนี้นี่แหละ แต่ไม่ใช่ฉากต่อสู้น้า

    ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านสำหรับทุกการสนับสนุนนะคะ แล้วพบกันในตอนหน้านะคะ! ><


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×