ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #30 : ตอนที่ 19 : วิธีนี้จะเวิร์คเหรอวะ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 64


    TB

    19

    วิธีนี้จะเวิร์คเหรอวะ


    ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลกำลังสาวเท้าอย่างเร่งรีบนิดหน่อยไปยังจุดหมายปลายทางที่เขาได้นัดกับเพื่อนร่วมห้องของตนไว้


    ‘ร้านนี้สินะ มาได้เวลาพอดีเลยแฮะ’


    คนที่ได้ชื่อว่าเป็นประธานนักเรียนยืนมองนาฬิกาเรือนสีชาประกายทองอ่อนๆ หน้าปัดสีขาวมุกพร้อมเข็มบอกเวลาสีดำชี้ไปที่เลขสิบสองเป็นสัญญาณว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง สลับกับมองไปยังร้านอาหารตรงหน้าที่คาดว่าเป็นจุดนัดพบของเขา 

    ร้านชาบูสไตล์ Loft ที่มีการตกแต่งด้วยอิฐหยาบๆสีเทาแซมดำ ตามเพดานของร้านมีท่อเหล็กสีน้ำตาลแดงเข้มโยงไปทั่วร้านอย่างมีระเบียบ โต๊ะอาหารที่มีตั้งแต่ขนาดสี่ที่นั่งไปจนถึงขนาดยี่สิบที่นั่งเพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่มากันเป็นหมู่คณะได้นั่งร่วมกัน แต่ละโต๊ะมีหม้อกลมๆตั้งอยู่ตรงกลาง บางหม้อมีควันสีขาวลอยโขมงขึ้นบ่งบอกว่ามีลูกค้ากำลังเอนจอยกับมื้ออาหาร 

    ใช่แล้ว ร้านชาบูนี้แหละ เป็นร้านที่กียุลและเพื่อนห้อง A ของเขาได้มากินด้วยกันสมัยยังอยู่คลาสดุ๊กปี 1 

    สองเท้าไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปในร้าน ดวงตาสีไพลินสอดส่องไปทั่วร้านผ่านแว่นหนาเตอะที่เป็นของคู่ใจของเขาจนไปเห็นโต๊ะๆนึงที่มีกลุ่มนักเรียนชายยนั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กียุลเดินเข้าไปแล้วทักเพื่อนๆของเขา

    “ไง รอนานมั้ยพวกนาย”

    “อ้าว! มาพอดีเลยพ่อหนุ่ม มานั่งมาๆ รออีกสามสี่คนก็จะครบละ” เพื่อนคนที่กียุลยืนหยุดอยู่ข้างหลังหันไปหาต้นเสียงแล้วเชิญชวนให้ชายหนุ่มนั่ง

    “ตั้งแต่ขึ้นปี 3 ไม่ได้กินข้าวกับพวกนายเลยนะว่ามั้ย” เพื่อนอีกคนเริ่มต้นบทสนทนาไปที่กียุล

    “ก็ใช่แหละ ตั้งแต่ที่พวกนายสาปส่งให้ฉันกับพวกคริสเป็นสภานักเรียนอีก พวกฉันเป็นมาทุกคลาสแล้วเนี่ย -_-”

    “ก็พวกนายเป็นคนที่พึ่งพาได้มากที่สุดอะ ถ้าให้พวกฉันทำนะ โรงเรียนล่มบอกเลย”

    “จริงอย่างที่มันบอก ฮ่าๆๆๆ” เพื่อนอีกคนในโต๊ะร่วมเสริม แล้วทุกคนก็หัวเราะกับความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า กียุลและพวกราชาทั้งห้าคือเดอะแบกของรุ่นจริงๆ

    “เออจริงสิ กียุล”

    “หืม” ชายหนุ่มขานรับเพื่อนตัวเองขณะคีบเนื้อในชามเข้าปาก

    “ไม่คิดจะมีแฟนบ้างรึไง?”

    “พรูดด!!!” กียุลถึงกับสำลักเนื้อที่ตนเพิ่งกินเข้าไปเพราะคำถามที่เพื่อนของเขาถามแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

    “เฮ้ยๆ ใจเย็นดิ แค่ถามเอง เพราะเห็นไอคริสมันมีไปแล้วน่ะ” เพื่อนคนเดิมรีบยื่นน้ำมาให้ ส่วนเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆก็ช่วยลูบหลังกียุล

    “แค่กๆ ขอบใจ แล้วทำไมถึงได้รู้ว่าไอ้นั่นมันมีแฟนแล้วอะ”

    “ก็แหม..” เพื่อนคนเดิมถอนสายตาจากกียุลแล้วเงยมองเพดานพร้อมพาดแขนทั้งสองข้างของเขาไปยังเก้าอี้ข้างตัว “มันเล่นอวดพวกฉันทุกวันเลยว่าแฟนมันน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วยิ่งตอนที่เราไปอยู่ลาฟลอร่า ก็เห็นคริสมันไปกระหนุงกระหนิงกับแฟนมันทุกวันเลย เห็นแล้วอิจฉา”

    “อ่อ...”

    “อย่าว่าแต่เพื่อนคริสน่ารักเลย แก๊งเพื่อนของแฟนคริสก็น่ารักทุกคนเลยอะ” เพื่อนอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกียุลพูดขึ้น

    “เออใช่ๆ ยิ่งคนผมสีน้ำตาลอะ โคตรน่ารั- อุ่ย” ยังไม่ทันจะได้พูดจบ สายตาอาฆาตของประธานหนุ่มก็จับจ้องไปยังเพื่อนตัวเองอย่างเลือดเย็น จนทำให้ทุกคนขนลุกซู่ไปทั้งแถบ

    “คนผมสีน้ำตาลไหน?” กียุลถามเพื่อนเจ้ากรรม สายตาเขาก็ยังจับจ้องอยู่อย่างนั้นอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    “เอ่อ… ชิบหายเลิ่กลั่กแล้วเนี่ย คนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มอะ ที่มีแมว...”


    ตึง!


    กียุลทุบโต๊ะไม่แรงมากแต่ก็พอจะทำให้เพื่อนของเขากลัวจนต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

    “อะแฮ่ม ไม่มีไร ถามไปงั้น” ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีจากเพื่อนแล้วก้มหน้ากินอาหารของตัวเองต่อ

    “โห อะไรวะ ทำอย่างกับนายชอบผู้หญิงคนนั้นอย่างนั้นแหละ” เพื่อนอีกคนเสริม

    “...”

    “...”

    “เออ ฉันชอบ จบมั้ย” หลังจากลังเลอยู่สักครู่นึง กียุลจึงตัดสินใจบอกความจริงกับเพื่อนไป ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่โต๊ะตกใจจนอุทานเสียงหลงลั่นร้าน

    “ห๊าา!!!!”

    “มึงชอบเค้าจริงอะ!?”

    “เชี่ย กียุลของกูมีคนที่ชอบแล้ว สุดยอด”

    “ในที่สุดกียุลของกูก็ไม่แห้งเหี่ยวตายแล้วว”

    “อะไรของพวกมึงเนี่ยยย” กียุลสบถให้กับความเล่นใหญ่เล่นเว่อร์ของเพื่อนของตนที่รู้ว่าตัวเขามีคนที่ชอบแล้ว


    ‘โอโห หลุดพูดกูมึงแบบนี้ แสดงว่าตกใจจริง =__=;’ กียุลคิดในใจ


    “อะไรไหนเล่า! ตั้งแต่ต้นเลยนะ เจอที่ไหนยังไง”

    “พวกมึงนี่ก็เสือ*ใช้ได้เลยนะ เออเล่าก็ได้ คนนั้นเค้าเป็นคนที่ฉันเต้นรำด้วยตอนคลาสพริ้นซ์ หลังจากนั้นก็ได้มาเจอกันอีกตอนที่แข่งฮันนี่แรลลี่”

    “เริ่มคุ้นละ คนที่ชื่อทิวาใช่ป่ะ” เพื่อนคนนึงทำท่านึกออกแล้วพูดชื่อของคนที่กียุลชอบขึ้น ทำให้เจ้าตัวหน้าขึ้นสีจนเพื่อนๆอดแซวไม่ได้

    “อะไรเนี่ยยย แค่พูดชื่อแค่นี้ก็เขินเลยเหรอ เฮ้ววววววว”

    “เฮ้วพ่อง!!”

    “คุณประธานอย่าหยาบคายสิคร้าบ แล้วคบกันยัง?” ทั้งโต๊ะทำตาเป็นประกายรอฟังคำตอบของกียุลอย่างใจจดใจจ่อ จะเรียกว่าเผือกอย่างใจจดใจจ่อก็ได้นะ - -;

    “เฮ้อ.. ยัง” กียุลถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แถมตอนนี้เพิ่งทะเลาะกันไปด้วย เธอยังไม่อยากจะคุยกับฉันเลย”

    “ง้อเธอคนนั้นยัง”

    “ยังเลย ไม่รู้จะง้อยังไง”

    “กูมีวิธี ฟังดีๆนะ!”

    .

    .

    .

    .

    .

    หนุ่มแดนกิมจิยืนอย่างเหม่อลอยอยู่หน้าทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต สมองของเขากำลังใช้ความคิดหนักว่าควรทำตามคำแนะนำของเพื่อนตัวเองมั้ยหรือทำตามที่ใจอยากทำดี


    ‘ตอนนี้พวกนายอยู่ไกลกันใช่มั้ยล่ะ กูมีวิธีที่เคยทำแล้วได้ผลนะ คือให้โทรไปหาคนที่ชอบ แล้วบอกว่า อยากฝึกกีต้าร์ เลือกเพลงมาให้หน่อยสักเพลง พยายามโน้มน้าวให้เธอบอกเพลงมาให้ได้ แต่พอถึงเวลาเล่นจริง ไม่ต้องเล่นเพลงนั้น ให้เล่นอีกเพลง เป็นเพลงที่นายอยากจะใช้ง้อ มีความหมายว่าขอโทษหรือคืนดีกันนะอะไรก็ได้ ลองดู!’


    “เฮ้อ.. ไอวิธีนั่นมันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่าฉันเล่นกีต้าร์ไม่เป็นนี่สิ แถมถ้าเกิดไปเล่นจริงๆยัยลิงคงเดินหนีแหงๆ” กียุลถอนหายใจยกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินตามแผนเดิม นั่นก็คือ ทำอาหารง้อทิวา

    ดวงตาคู่สวยวาดตามองสินค้ามากมายที่อยู่บนชั้นพลางนึกคิดเกี่ยวกับเมนูอาหารที่จะทำ ในใจลังเลว่าจะทำอาหารไทยหรือเกาหลีดี แต่อาหารไทยก็เคยทำไปแล้ว เจ้าตัวจึงตัดสินใจทำอาหารเกาหลีที่เป็นอีกสิ่งที่ถนัดของเขา โดยเขาจะทำเมนูง่ายๆเช่นต๊อกบกกีชีสกับไก่ทอดคลุกซอส เผื่อถ้าหญิงสาวยังไม่พอใจกับเมนู เขาจะได้เอามากินคู่กับเบียร์แก้อกหักแทน (พูดแล้วก็เศร้านะครับ T__T//กียุล)

    มือหนาเดินหยิบวัตถุดิบที่ต้องการทีละชิ้นสองชิ้นจนพอใจ สองเท้าเตรียมที่จะเดินไปจ่ายเงิน แต่สายตาแหลมคมคู่นี้ก็ไม่วายเหลือบไปเห็นซุ้มๆนึงที่เป็นที่น่าสนใจสำหรับเขา


    ‘ซื้อไปให้ทิวาดีกว่า’


    .

    .

    .

    .

    .

    “อาทิวา พวกอั๊วกลับมาแล้วน่อ!” เหมยฮัวเปิดประตูเข้ามาเป็นคนแรกพร้อมตะโกนทักทายเพื่อนสาวของเธอ ทุกคนที่เหลือค่อยๆเดินตามหลังสาวเจ้ามาจนครบทุกคนยกเว้นประธานนักเรียนหนุ่ม

    “ว่างาย เป็นไงบ้างวันนี้” ทิวาหันมาทักทายเพื่อนๆแต่ไม่วายใช้สองมือเล็กๆของเธอควบคุมจอยที่กำลังเล่นเกม open world กับไอริณผู้เป็นแม่

    “ทิวา! ข้างหน้ามีพวก mini boss จัดการมันเลยลูก!” ไอริณที่ร่วมเล่นเกมด้วยตะโกนเรียกชื่อลูกสาวก่อนจะบังคับจอยอย่างเมามันส์

    “จัดไปแม่!” ทิวาไม่รอช้า หันกลับไปโฟกัสกับเกมตรงหน้า

    “เกมเยอะจังเลยนะขอรับ” ฮอรัสทักไอริณขึ้นพลางวางวัตถุดิบสำหรับอาหารเย็นไว้ในครัว

    “ของคริสเขาน่ะ เห็นเล่นแล้วดูมันส์มากเลยเอามาเล่น แล้วก็มันส์จริงๆ” ไอริณพูดแต่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ ส่วนคริสโตเฟอร์เจ้าของเกมก็ยกนิ้วโป้งขึ้น วิ้งหนึ่งทีแล้วฉีกยิ้มให้ฮอรัสอย่างภูมิใจในเกมตัวเอง

    “แล้วกียุลยังไม่มาเหรอฮะ” อเล็กเซถามไอริณที่กำลังปิดทีวีและเก็จอยเกมหลังจากเล่นจบ

    “เห็นบอกว่าไปซื้อของ เดี๋ยวก็มาแล้วจ้ะ งั้นพวกเรามานั่งคุยกันก่อนมั้ยว่าวันนี้มีอะไรคืบหน้าบ้าง”

    “ได้ค่ะ นั่งกันตรงนี้ก็ได้นะคะ” หลังจากโรซารี่พูดจบ แต่ละคนก็เดินไปนั่งตรงโซฟาที่ทิวานั่งอยู่

    “พวกเธอคุยกันไปก่อนเลยนะ คืบหน้ายังไงบอกครูด้วย เจอกันจ้า” ไอริณบอกลาเด็กๆทุกคนแล้วเดินไปหอมแก้มทิวาก่อนจะเดินออกจากห้องไป


    แอ๊ด…


    “ฉันกลับมาแล้ว อ้าว ทุกคนมาไวกันจังนะ” กียุลที่เปิดประตูเข้ามาในห้องพักสังเกตว่าในห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยเพื่อนๆของเขาทุกคน

    “พวกผมกำลังจะคุยเรื่องวันนี้เลย รีบมานั่งสิ” ดันเต้กวักมือเรียกกียุล ขยับให้มีที่ว่างบนโซฟาแล้วตบแปะๆสองทีเป็นเชิงว่าให้ชายหนุ่มมานั่ง

    ในขณะที่กียุลปิดประตูแล้วกำลังมุ่งหน้าไปยังห้องครัว เขาสังเกตว่าทุกคนต่างก็หันมาทางประตูกันหมดเวลาตนเปิดประตูเมื่อกี้ มีเพียงแต่หญิงสาวที่เขาชอบเรียกว่ายัยลิงกังไม่หันมาแถมยังหันไปอีกด้านเพื่อจะชวนมิเอเล่คุยด้วย


    ‘ยังงอนไม่หายสินะทิวา :(’


    เขาสลัดความคิดทิ้งก่อนจะรีบจัดการธุระอย่างไวแล้วไปรวมตัวกับเพื่อนๆเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่กียุลได้ไปเจอมาในวันนี้

    “คุณกียุลบอกว่าวันนี้เจอคุณไลลาสินะครับ” อเล็กเซเปิดประเด็นขึ้น หญิงสาวชาวไทยผู้ที่นั่งฟังเงียบๆถึงกับสะอึกนิดนึงเมื่อได้ยินชื่อของคนที่เธอไม่อยากจะได้ยินมากที่สุด

    “อาทิวา ไหวมั้ยน่อ?” เหมยฮัวที่นั่งข้างๆทิวากระซิบเบาๆ ตัวเธอก็รู้ดีเหมือนกันว่าสาวเจ้าเกลียดชื่อนี้อย่างมาก

    “ไหวๆ ฉันอยากลองฟังต่อไปอีกนิดน่ะ” เธอตอบ ในใจคิดว่าอยากจะนั่งฟังไปอีกสักหน่อยเผื่อจะได้ข้อมูลใหม่ๆเพิ่มมาบ้าง ถึงแม้มันจะรู้สึกขยะแขยงหูก็ตาม

    “โอเคน่อ ถ้าไม่ไหวให้บีบแขนอั๊วอย่างนี้นะ” หญิงสาวชาวจีนว่าแล้วก็บีบแขนเพื่อนตัวเองเป็นตัวอย่าง ทำให้ทิวาสบายใจขึ้น เธอพยักหน้าแล้วตั้งใจฟังต่อ

    “ใช่ เจอตอนที่คุมพวกเด็กห้องเราที่ชั้น 6 ที่ Hot n’ Cold Café ไลลาเป็นเด็กเสิร์ฟน่ะ ไม่อยากจะนึกถึงเลย” กียุลขมวดคิ้วก่อนจะพูดตัดบทอย่งเซ็งๆแล้วทิ้งตัวพิงพนักโซฟา

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอขอรับ”

    “ก็ยัยนั่นอะดิ” กียุลเหลือบไปมองทิวาครู่นึงด้วยสายตาที่กังวล แต่ดูเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังเล่า เขาเลยตัดสินใจพูดต่อ “ทำตัวเหมือนจะอ่อยฉัน ไม่ได้น่ามองเลยสักนิด อย่าให้ฉันลงรายละเอียดเลย--”

    ยังไม่ทันที่กียุลจะพูดจบประโยค ทิวาก็บีบแขนเหมยฮัวแน่น เป็นการบอกว่าไม่อยากจะฟังแล้ว เหมยฮัวที่รู้อย่างนั้นจึงรีบลุกขึ้นแล้วพาเพื่อนสาวออกไปจากห้อง

    “โอ๊ย ปวดท้องจังเลยน่อ อาทิวา อายูริ มาเป็นเพื่อนอั๊วหน่อย” หลังจากพูดจบ เหมยฮัวก็รีบดึงแขนของทั้งสองแล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันที


    ‘ฉันว่าแล้ว ไม่น่าพูดออกไปเลยไอกียุลเอ๊ย’ กียุลคิดในใจพลางโทษตัวเอง


    “ยัยหมวยเป็นอะไรไปน่ะ” นาซิสซ่าสงสัยการกระทำแปลกๆของเหมยฮัวพลางเอาพัดมาป้องปากตามนิสัย

    “ท้องเสียมั้ง กียุลเล่าต่อเถอะ เดี๋ยวพวกนั้นกลับมาฉันเล่าให้ฟังอีกรอบเองก็ได้” โรซารี่ตอบ

    “โอเค ก็ ยัยนั่นมาทำตัวอ่อยๆตอนมารับเมนูฉัน แล้วก็หายไปเลย ตอนไปคิดเงินก็ไม่อยู่ในร้าน ตอนแรกฉันก็สงสัยว่าฉันตาฝาดรึเปล่า แต่ยัยนั่นมายืนอยู่ตรงหน้า คิดยังไงก็ไลลาชัดๆ ฉันเลยขอนามบัตรที่ร้านมาเผื่อน่ะ เผื่อเราอาจจะโทรหลอกถามอะไรได้บ้าง”

    “ผมว่าเราควรไปตรวจสอบร้านนั้นให้แน่ชัดอีกทีด้วยก็ดีนะฮะ อย่างเช่นตรวจสอบคนงานในร้านว่าตรงกับที่ลงประวัติการทำงานไว้รึเปล่า” อเล็กเซพูด

    “ฉันก็คิดเหมือนกัน เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ชั้น 6 เป็นชั้นของใคร”

    “ผมกับคุณนาซิสซ่าครับ” ดันเต้พูดพร้อมคล้องแขนนาซิสซ่าที่นั่งอยู่ข้างๆทำให้เจ้าตัวหน้าแดงระก่ำ

    “ทำบ้าอะไรเนี่ยดันเต้! >///<”

    “งั้นฝากให้พวกนายช่วยตรวจสอบด้วยนะ อย่าลืมปริ้นฐานข้อมูลมาให้เรียบร้อยก่อนพรุ่งนี้ด้วยล่ะ ถือว่าไปเดทกันก็ได้นะ~” กียุลยักคิ้วให้ดันเต้หนึ่งที ดันเต้ขยิบตาตอบเป็นอันรู้กัน แต่นาซิสซ่ากลับนั่งหน้าแดงก่ำเพราะโดนให้เดทกะทันหันเฉยเลย

    “กียุล นายนี่มัน! -////-*”


    ทางฝั่งของเหมยฮัว

    สองมือของสาวหมวยปิดประตูห้องของเธอกับฮอรัสลงก่อนที่จะเดินไปหาสองสาวที่นั่งรออยู่บนเตียงก่อนแล้ว เธอเดินไปนั่งอยู่ปลายเตียงแล้วเริ่มบทสนทนาขึ้น

    “อั๊วบอกให้ออกมาก่อนหน้านี้ก็ไม่เชื่อ”

    “เออน่ะ รู้งี้ฉันน่าจะทำตามที่เหมยฮัวบอก จะได้ไม่ต้องมาเจ็บอย่างนี้ เฮ้อ” ทิวาถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงนุ่มสีฟ้าอ่อน ก่อนจะมองเพดานอย่างเลื่อนลอยราวกับอยู่ในอวกาศที่ไร้แรงโน้มถ่วง

    “คุณทิวาเจ้าคะ...” ยูริเอ่ยเรียกเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

    “ฉันไม่เป็นไรมากหรอกยูริ เจ็บนิดนึง เดี๋ยวก็หาย”

    “แต่ถ้าไม่สบายใจก็พูดได้นะเจ้าคะ”

    “ใช่แล้วน่อ พวกอั๊วรับฟังเสมอ”

    “อืม.. ก็” ทิวาใช้ความคิดสักพักก่อนจะปล่อยหัวสมองของเธอไหลไปกับความรู้สึก “เมื่อกี้ที่กียุลพูดน่ะ มันทำให้ฉันนึกถึงอดีต ตอนที่เราต้องพรีเซ้นต์งานหัวข้อไข่มุก”

    “...”

    “ฉันยังจำความรู้สึกนั่นได้ดี ยังจำเหตุการณ์ที่ไลลาสร้างสถานการณ์ให้ฉันผิดได้ แถมยังมีการทำหน้าเยาะเย้ยใส่ประมาณว่า ‘สมน้ำหน้า เป็นไงล่ะ บทที่คู่กับกียุลต้องเป็นของฉันเท่านั้น’ ”

    “แต่อากียุลก็ดีนะน่อ ที่ไม่ปักใจเชื่ออาไลลาแต่กลับหาความจริงให้อาทิวา คนอย่างยัยนั่นต้องเจออั๊วต่อยสักชุดสองชุด” เหมยฮัวพูดพลางกำมือแน่นจนสั่น

    “อืม นายนั่นมันก็ดีอย่างนี้แหละ แล้วยิ่งที่ได้ยินกียุลพูดว่าทำตัวเหมือนอ่อยแต่ไม่ได้น่าดูสักนิด ตอนนั้นฉันรู้สึกดีบวกสะใจมากเลยนะ แต่ก็ทนฟังไม่ได้อยู่ดี ฉันไม่อยากจะได้ยินชื่อนั้นอีกแล้ว”

    “...”

    “ฉันเป็นห่วงทุกคนมากกว่า เพราะการมาของไลลา มักจะมีปัญหาตามมาทุกครั้งจนถึงขั้นบาดหมาง ฉันไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกแล้ว แล้วถ้ายิ่งไลลาเป็นคนของแก๊งฟักทอง ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าทุกคนจะตกอยู่ในอันตรายขนาดไหน โดยเฉพาะตาตี๋นั่น..” หลังจากสิ้นเสียงของหญิงสาว ขอบตาของเธอก็เริ่มร้อนๆ ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลางขึ้นเรื่อยๆบวกกับปริมาณน้ำตาที่กำลังเพิ่มขึ้นจนดวงตาคู่สวยกลั้นไว้ไม่อยู่ ภาพความทรงจำครั้งอดีตกลับมาทำร้ายเธออีกครั้ง หัวใจของทิวาเหมือนจะโดนฉีกเป็นชิ้นๆเมื่อดันไปคิดถึงความปลอดภัยของเพื่อนตัวเองที่แทบจะไม่เหลือแล้วตั้งแต่ที่พวกเธอและเหล่าราชาเข้ามาพัวพันในเหตุการณ์นี้โดยบัเงอิญ เธอไม่อยากให้ใครได้รับบาดเจ็บ ไม่อยากให้ใครต้องเป็นอะไรที่ถึงแก่ชีวิต เพราะคนที่ชื่อไลลา สามารถทำเรื่องเลวทรามดั่งเช่นฆ่าคนได้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    เหมยฮัวและยูริที่นั่งฟังอยู่เงียบๆก็จับมือทิวาและบีบมือเธอเบาๆเพื่อให้กำลังใจ ทั้งสองปล่อยให้ความโศกเศร้าไหลผ่านตัวทิวาไปจนหมด จนความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่ภายในห้อง ยูริจึงตัดสินใจชวนเพื่อนของเธอหาอะไรทำแก้เบื่อและฆ่าเวลาไปในตัว

    หลังจากที่พวกเธอตัดสินใจดูซีรี่ส์ไปสักพัก เวลาก็เริ่มเย็น ท้องก็เริ่มร้อง เหมยฮัวจึงอาสาทำอาหารเย็นด้วยของที่เหลือในห้องให้ หลังจากคิดเมนูได้เสร็จสรรพ หญิงสาวจึงจัดการล้างวัตถุดิบให้สะอาด หั่นวัตถุดิบ เตรียมเครื่องครัวและเครื่องปรุงรส เธอนำปลาแซลมอนที่ถูกแล่นาบลงไปกับกระทะอย่างเบามือ ทิ้งไว้สักพักให้ด้านที่ติดกระทะสุก จึงแซะและกลับด้านอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เนื้อปลาแตกออกจากกัน กลิ่นหอมของปลาแซลมอนลอยมาเตะจมูกของทิวาและยูริที่อยู่ตรงโซฟาจนทำให้ทั้งสองต้องเดินมาในครัว

    “โหหหห น่ากินม๊ากกกก *0*” ทิวาและยูริอุทานพร้อมกันพร้อมตาที่ลุกวาว

    “รออีกแปบนึงน่อ ใกล้เสร็จแล้ว” เหมยฮัวรีบเร่งมือทำอาหาร ไม่นานนัก เมนูอีกสองเมนูก็ถูกเสิร์ฟพร้อมกับปลาแซลมอนย่างพริกไทย นั่นก็คือต้มจืดเต้าหู้ไข่กับน้ำมะม่วงปั่น ทั้งสามนั่งกินข้าวเย็นด้วยกันอย่างมีความสุขเหมือนเรื่องเศร้าที่พวกเธอรับรู้เมื่อกี้แทบไม่ได้เกิดขึ้นเลย

    .

    .

    .

    .

    .

    “พวกนั้นจะกินข้าวกันรึยัง นี่ก็ทุ่มนึงแล้วนะ” โรซารี่ถามเพื่อนคนฝรั่งเศสของเธอพลางจิบชายามเย็น

    “เหมยฮัวไลน์มาในกลุ่มว่ากินกันแล้ว เธอไม่ได้เช็คโทรศัพท์เหรอยะ”

    “เอ่อ ไม่เห็น โทษที”

    “นี่ก็เย็นมากแล้ว พวกผมว่าพวกผมกลับห้องดีกว่าฮะ คุณโรซารี่ ไปกันมั้ยฮะ” เสียงใสๆของอเล็กเซเรียกแฟนสาวของตน

    “เอาสิ ฉันว่าก็จะกลับแล้ว บ๊ายบายกียุล บายทุกคน เจอกันพรุ่งนี้”

    “งั้นพวกไอก็ไปด้วยละกัน ไปแล้วนะ” คริสโตเฟอร์และผองเพื่อนโบกมือหยอยๆให้กียุลก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    “บาย” กียุลผู้เป็นเจ้าของห้องบอกลาทุกคนก่อนจะปิดประตูลง ในใจยังวิตกเรื่องของทิวาไม่หาย แต่ตอนนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้ จึงตัดสินใจไปเตรียมวัตถุดิบทำอาหารเกาหลีอยู่ในครัวเผื่อหญิงสาวจะกลับมา


    20 นาทีผ่านไป


    แอ๊ด…


    เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นเบาๆพร้อมกับเสียงปิดประตูที่เบาเช่นกันดึงความสนใจของประธานนักเรียนหนุ่มให้หันไปตามเสียง ร่างบางเดินเข้ามาในห้องก่อนจะหย่อนตัวลงที่โซฟาตัวเก่งที่มักจะเป็นที่ประชุมของเหล่าราชาทั้ง 5 เธอไม่แม้แต่จะหันไปทักทายเจ้าของห้องด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเศร้าใจไปอีกว่าเธอจะโกรธเขาไปอีกนานแค่ไหน

    “ทิวา กินข้าวมารึยัง หิวมั้ย?” กียุลตะโกนถามมาจากในครัว

    “ไม่...”


    โครก!


    ‘เจ้าท้องบ้า มาร้องอะไรตอนนี้ล่ะ! T^T’ ทิวาบ่นงุบงิบอยู่ในใจก่อนจะตีท้องตัวเองเบาๆสองทีเป็นการดุว่าทำไมต้องร้องไม่รู้เวลาด้วย


    “โอเค งั้นรอแป๊บนึงนะ ฉันทำใกล้เสร็จแล้ว”

    “อืม”


    [Tiwa]

    ความจริงแล้วฉันไม่ได้หิวเลยสักนิด ไม่ได้โกหกตาตี๋ด้วย เพราะเมื่อกี้ก่อนจะกลับมาที่ห้อง เหมยฮัวก็ทำมื้อเย็นชุดใหญ่ให้ฉันกับยูริกินกันอิ่มมากเลยล่ะ แต่พอเข้ามาในห้องปุ๊บ ก็ได้กลิ่นอาหารปั๊บ มันทำให้ต่อมอยากอาหารฉันตื่นขึ้นมาอีกแล้วสิ เฮ้อ หน้าแตกใส่ตาตี๋อีกจนได้ -///-

    มือฉันกดรีโมตเลือกตอนซีรี่ส์ดูไปเรื่อยๆ ก็มาเจอกับตอนที่ค้างไว้ เป็นตอนที่พระเอกนางเอกงอนกันอยู่ เหมือนฉันกับกียุลเลยแฮะ ความจริงฉันก็ไม่ได้โกรธตาตี๋นั่นมากหรอก หายนานแล้ว ตอนนี้แค่วางฟอร์มเฉยๆ อยากรู้ว่านายนั่นจะมาง้อฉันยังไง แกล้งนายนั่นก็สนุกดีเหมือนกันนะ

    ฉันนั่งดูซีรี่ส์ไม่นาน อาหารสองจานก็ถูกเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า นายตี๋ทำต๊อกบกกีชีสกับไก่ทอดสินะ น่ากินชะมัดเลยฮือ

    “เธอลองชิมสิ ฉันทำให้เลยนะ” กียุลยื่นจานพร้อมช้อนส้อมให้ฉันก่อนจะยิ้มอ่อนละมุนมาให้ โอย เขิน! แต่ต้องเก็บสีหน้าทำเป็นโกรธ ลำบากชะมัด (-//- )

    “อืมม ก็อร่อยดี” มันไม่ใช่แค่อร่อยดี มันอร่อยมากกก!!! โอ้ยยยย นายนี่มีความสามารถการทำอาหารดีเลิศขนาดนี้เลยเหรอ ตั้งแต่ต้มยำกุ้งแล้วนะ 

    “ดีใจที่เธอชอบนะ ว่าแต่ทิวา”

    “?”

    “เธอหายโกรธฉันยัง ฉัน.. ขอโทษนะ”

    “ขอโทษเรื่องอะไร” ฉันตอบไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แรงไปมั้ยนะ

    “เรื่องที่ฉันไม่ยอมฟังเธอ แล้วยังจะเอาเอกสารมาบังเพื่อไม่อยากให้เห็นเธออีก”

    “นายไม่อยากจะเห็นฉันขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “ไม่ใช่ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น..”

    “แล้วมันหมายความว่ายังไงล่ะ!” 

    “ทิวา..” กียุลเอื้อมมือหนาของเขามาจับมือของฉัน ก่อนที่ฉันทันจะได้คิด มือข้างนั้นก็สะบัดมือของกียุลออกไปแล้ว

    “เรื่องที่นายไม่ยอมฟังฉันยังพอหายโกรธได้ แต่พอมาได้ยินกับหูตัวเองว่านายไม่อยากเห็นหน้าฉันมัน..”

    แย่แล้ว ความรู้สึกฉันเริ่มสับสนไปหมดแล้ว ใจฉันอยากจะคุยกับตาตี๋ดีๆ แต่ว่าพอได้ยินคำว่าไม่อยากเห็นหน้า บวกกับเรื่องไลลาที่ตาตี๋เล่าไปเมื่อตอนเย็นมันยิ่งทำให้ฉันสับสนจนจะเป็นบ้า! ฉันเผลอไปคิดว่ากียุลจะมีใจให้ไลลา ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ายังไงก็ไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด แต่ทำไม…

    “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอเข้าใจแบบนั้น มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ยกโทษให้ฉันได้มั้ย” กียุลพยายามรั้งฉันที่จะเดินหนีออกจากโซฟาไว้ด้วยการกอดจากข้างหลัง เขาพูดขอโทษซ้ำไปซ้ำมาด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดจริงๆ แต่หัวใจฉันมันไม่ยอมยกโทษให้เขาง่ายๆไม่รู้ทำไม

    “ปล่อยนะ..”

    “ไม่ปล่อย”

    “ฉันบอกให้ปล่อย”

    “ไม่”

    “ฉันขออยู่คนเดียวก่อนได้มั้ย ปล่อย”

    “ให้ตายก็ไม่ปล่อย”

    “นายเป็นบ้ารึไงห๊ะ!!! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ ฉันบอกให้ปล่อย ฉันอยากอยู่คนเดียว!!” ขีดความอดทนฉันแตก ทำให้ฉันหันไปตวาดใส่กียุลโดยไม่ได้ตั้งใจ สีหน้าที่ถอดสีและดวงตาที่พร่ามัวเหมือนจะร้องไห้ออกมาตลอดเวลาของเขามันบีบเค้นหัวใจมาก นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปอีกแล้วนะ

    “ก็ได้ ถ้าเธออยากอยู่คนเดียว” กียุลปล่อยฉันออกจากอ้อมกอดก่อนจะเดินหายไปในครัว

    ทิวา เธอสร้างปัญหาให้กับตัวเองอีกแล้วจนได้

    [End-Tiwa]


    กียุลปล่อยทิวาออกจากอ้อมกอดตัวเองก่อนจะเดินไปที่ครัว ริมฝีปากของเขากัดแน่นเพื่อกลั้นความรู้สึกแย่ๆไม่ให้พรั่งพรูออกมาเหมือนก๊อกน้ำแตก เขาเดินไปที่ในครัวแล้วหยิบเครื่องดื่มที่สามารถช่วยให้เขาลืมเรื่องราวไปขณะหนึ่งได้มาสามสี่ขวด ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าเจ้าตัวหยิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่ม (*เด็กๆที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดไม่ควรดื่มนะคะ*)

    ‘เฮ้อ.. สุดท้ายก็ต้องกินไก่ทอดกับเบียร์จนได้สินะเรา’


    กียุลนึกในใจอย่างน้อยอกน้อยใจก่อนที่จะรินโซจูผสมกับเบียร์แก้วใหญ่ เขาชงให้เข้มที่สุดเพื่อที่จะได้ลืมเรื่องแย่ๆได้เร็วๆ หลังจากที่โซจูผสมเบียร์ได้ความเข้มที่พึงพอใจ เขาก็ยกซดรัวๆสลับกับกินไก่ทอด จนหมดไปหนึ่งแก้วใหญ่ ลมจากท้องที่ตีขึ้นมาทำให้เขารู้สึกอึดอัดหน้าอก ความมึนจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มเล่นงานเขาทีละนิดแต่เขาก็ไม่แคร์ กียุลจัดการชงแก้วที่สอง ที่สามให้ตัวเอง จนเบียร์ที่เขาซื้อมาหมด เขาก็จัดการซดโซจูเพียวๆต่อไม่หยุดโดยไม่สนใจลิมิตตัวเอง

    เวลาล่วงเลยไปสักพักใหญ่ หญิงสาวที่แสร้งทำเป็นนั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟาไม่ได้ยินเสียงซดน้ำหรือเสียงกินอาหารแล้ว จริงๆแล้วเธอเป็นห่วงชายหนุ่มจนไม่ยอมหลับต่างหาก เธอรอให้กียุลดื่มให้เสร็จแล้วกะว่าจะพาเขาเข้านอนอย่างดีๆ แต่เมื่อความเงียบที่กำลังปกคลุมมันกินเวลานานเกินไปจนทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อเธอหันไปก็พบกับสภาพของกียุลที่นอนฟุบโต๊ะหมดสภาพที่ห้องครัว เธอจึงรีบไปดูอาการของชายหนุ่ม หวังว่าเขาอย่าเพิ่งช็อคตายจากกินแอลกอฮอล์เกินขนาด

    ใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะฤทธิ์เหล้าฟุบอยู่บนแขนทั้งสองของกียุลที่วางไว้บนโต๊ะเป็นหมอนไว้หนุนนอน ดวงตาที่หนักอึ้งพยายามลืมตาขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงใครบางคนที่กำลังเดินมาหาเขา ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าเขาคือใคร แต่ดวงตาก็ไม่อนุญาตให้เขาได้มองเธออย่างชัดเจน น้ำใสๆที่อัดอั้นมาเป็นเวลานานเริ่มไหลออกมา ตลอดเวลากียุลเป็นคนที่จริงจัง เงียบขรึม แข็งแกร่ง แทบจะไม่แสดงด้านอ่อนแอให้โลกได้เห็น แต่ในตอนนี้เหลือเพียงแค่กียุลผู้เป็นมนุษย์คนนึงที่มีความอ่อนไหวเท่านั้น

    “กียุล..” 

    เสียงใสๆของคนที่ชายหนุ่มรักหมดใจเอ่ยชื่อของเขาขึ้น ยิ่งทำให้ความอ่อนไหวของเขาเพิ่มมากขึ้น เขาได้แต่สะอื้นให้กับความอบอุ่นของทิวาในขณะที่เธอกำลังลูบหัวปลอบใจกียุล มือบางๆที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนนี้ เขาอยากสัมผัสมันมากๆ อยากสัมผัสไปตลอด

    “ฮึก.. ทิวา เมื่อไหร่เธอจะหายโกรธฉันสักที”

    “...”

    “ทำไมต้องมีแต่ฉันคนเดียวที่เสียใจด้วยนะ”

    “...”

    “ฉันรักเธอนะทิวา เราคืนดีกันได้มั้ย...”

    สิ้นเสียงสะอื้นของชายหนุ่ม ริมฝีปากที่ร้อนรุ่มเพราะฤทธิ์เหล้าของกียุลก็ถูกประกบด้วยริมฝีปากที่นุ่มดั่งก้อนเมฆของทิวา ทั้งสองสัมผัสความอบอุ่นของกันและกัน สักพักหนึ่งทิวาจึงถอนจูบออก เธอส่งยิ้มละมุนให้ชายตรงหน้าจนใบหน้าของเขาเป็นสีแดงหนักกว่าเดิม มือบางลูบหัวกียุลอีกครั้งเพื่อต้องการให้เขาสบายใจ ทั้งสองไม่พูดอะไร มองหน้ากันและกันแล้วยิ้มให้กันอีกครั้ง พร้อมกับหัวใจที่พองโตขึ้นเรื่อยๆ


    ‘ถึงง้อด้วยการทำอาหารอาจจะไม่เวิร์ค แต่อย่างน้อยก็ได้คืนดีกับทิวาล่ะน่ะ’


    ___________________________________________________________________________________

    สวัสดีค่ะ ไรท์หายไปนานมากๆ ขอโทษที่ทิ้งนิยายไปกลางทางด้วยนะคะ T__T เนื่องด้วยหลายวันก่อนมีเทรนด์ #รียูเนี่ยนลาฟลอร่า ขึ้นในทวิต มันจุดประกายให้แต่งต่อให้เสร็จจนได้ค่ะ เพราะเราคือชิปเปอร์กียุลทิว--- เราคิดถึงทุกคนในลาฟลอร่ามากๆเลย เลยอยากจะมาเจอกันอีกครั้ง ผ่านนิยายก็ยังดี

    หลังจากนี้จะพยายามปรับเนื้อเรื่องให้สนุกและอ่านง่ายขึ้น + ฉากฟินระหว่างกียุลทิวาให้เยอะๆขึ้นนะคะ (<<สนองนีดตัวเองงด้วยแหละlol)

    ถ้ามีตรงไหนติชมหรือให้กำลังใจสามารถคอมเม้นท์กันได้นะคะ ตอนนี้ไรท์จะกลับมา active เหมือนเดิมแล้ว ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×