ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #29 : ตอนที่ 18 : ขอไม่เข้าไปยุ่งด้วยแล้วกัน

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 65


    TB

      18

    ขอไม่เข้าไปยุ่งด้วยแล้วกัน


    "กียุลเร็วเข้าสิครับ! พวกเราต้องไปคุมพวกนักเรียนกันแล้วนะฮะ!!" อเล็กเซตะโกนเร่งผมให้รีบๆแต่งตัวแล้วออกไปคุมแถว ให้ตายสิทำอะไรในเวลารีบเร่งนี่มันลำบากชะมัด!! เข็มขัด เข็มขัด! เข้ารูสิอย่าดื้อ! ฉันรีบอยู่นะ! 

    "รู้แล้วๆๆ นายก็รีบๆเหมือนกันเหอะอเล็กเซ!!" ที่ผมตะโกนไปอย่างนั้นก็เพราะอเล็กเซก็ไม่ต่างจากผมหรอก เจ้าตัวก็รีบเร่งแต่งตัวอยู่เหมือนกัน โอ๊ย!! ไอ้เข็มขัดเจ้าปัญหาาา

    ถ้าสงสัยว่าทำไมผมกับอเล็กเซถึงมารีบเร่งอยู่อย่างนี้ก็มีเหตุผลเดียวครับ


    ตื่นสาย!!!! =____=


    แถมมาตื่นสายพร้อมกันอีก มันเป็นพรหมลิขิตหรืออะไรฟะเนี่ย!? ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมอเล็กเซถึงตื่นสาย แต่ที่ผมตื่นสายเนี่ย ก็เพราะเมื่อคืนผมทำงานดึกไป แถมลืมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ด้วย ซวยจริงๆ

    สายตาผมเหลือบมองไปที่นาฬิกาแขวนผนัง เข็มสั้นชี้เลขเก้ากึ่งๆเลขสิบนิดๆ เข็มยาวชี้เลขห้ากำลังจะไปเลขหก


    นั่นก็คือเวลา 09.29 น. นั่นเอง... ห๊ะ!?


    เดี๋ยวนะ..


    ผมนัดพวกนักเรียนไว้เก้าโมง...


    แสดงว่า....


    "ชิบ***าย!!!!"

    "อะไรฮะกียุล!?!?"

    "สายมา 29 นาทีแล้วอเล็กเซ รีบไปกันเร็ว!!"

    "อะ ครับๆๆๆ"

    "เดี๋ยวค่อยไปกินข้าวเช้าเอาดาบหน้าละกัน ตอนนี้รีบไปก่อนเถอะ" ผมหยิบเสื้อนอกสีขาวมาใส่ก่อนจะเปิดประตูแล้วลากตัวอเล็กเซให้เดินตามมา อีกก้าวนึงก่อนจะออกจากห้อง ผมเหลือบไปมองยัยลิงกังว่าทำอะไรอยู่ ก็เห็นว่าเธอนั่งเล่น PS Vita อยู่บนเตียงโดยไม่มองมาทางผมเลย คงยังโกรธผมอยู่สินะ แต่ผมก็ยังอยากจะคุยกับยัยลิงกังอยู่นะ ผมเลยตัดสินใจเปิดปากพูดออกไป 

    "ฉันไปก่อนนะทิวา"

    "ผมไปก่อนนะฮะคุณทิวา!" ประจวบเหมาะที่อเล็กเซก็บอกลาทิวาพอดี เลยอาจจะทำให้ทิวาตอบกลับมาก็ได้

    "อืม โชคดีนะ" ยัยลิงกังพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาสีทับทิมจดจ้องไปบนหน้าจอ PS Vita โดยไม่วางตาและไม่มองหน้าพวกผม 

    ผมรีบเดินออกมากับอเล็กเซก่อนจะมาถึงลิฟต์แก้วตัวใหญ่สองตัว ตอนนี้ตัวพวกผมอยู่ชั้น 7 ผมต้องลงไปชั้น 6 แต่อเล็กเซต้องขึ้นไปชั้น 8 พวกผมเลยแยกลิฟต์กันเพื่อความรวดเร็ว 


              พอประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 6 ผมเดินออกมาแล้วมองรอบๆ ก็เห็นพวกนักเรียนที่ผมนัดไว้นั่งรอที่จุดเซ็นเตอร์พ้อยท์ ผมจึงรีบบึ่งเข้าไปหาทันที

    "เอ่อ.. ขอโทษนะที่ฉันมาสายน่ะ" ผมรีบเอ่ยคำขอโทษออกไปทันทีที่ไปยืนหน้าพวกเขา ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่ทำตัวเป็นประธานนักเรียนที่ดีไม่ได้

    "ไม่เป็นไรหรอก ยังดีกว่านายไม่มานะ" เพื่อนคนนึงในห้อง A พูดขึ้น

    รู้สึกผิดขึ้นมาเต็มเปาเลยครับ

    "ทำไมวันนี้นายถึงสายล่ะ ปกติก็ตรงเวลาตลอดนี่นา?" เพื่อนอีกคนถามผม

    "ฉันตื่นสายน่ะ พอดีเพลินไปหน่อย"

    "เหรอ.."

    "ใช่ๆ"

    "ถ้างานนายหนักเกินไป ก็แบ่งมาให้พวกเราช่วยด้วยก็ได้นะ"

    "พวกเราเห็นนายทำงานหนักมาตลอด พวกเราอยากจะแบ่งเบาภาระนายบ้างน่ะ นายจะได้มีเวลาไปหาแฟนแบบพวกคริสบ้าง ^^"

    "หมายความว่าไง แต่ก็ขอบคุณพวกนายนะ แต่ว่าไม่เป็นอะไรหรอก ฉันยังไหวอยู่" ผมปฏิเสธพวกเพื่อนๆอย่างนุ่มนวลที่สุดแล้ว เพราะไม่อยากให้พวกนั้นคิดว่าผมอวดเก่ง

    "ถ้าไม่ไหวก็บอกพวกเรานะ"

    "ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ" ผมขอบคุณพวกเพื่อนๆอีกครั้ง

    "ก็แหงอยู่แล้ว นายเป็นเพื่อนของพวกเรานี่นา แถมเป็นประธานนักเรียนที่ดีมากๆด้วย"


    อา... พอผมได้ยินประโยคที่เพื่อนๆห้อง A พูดออกมานั้น มันทำให้หัวใจของผมพองโตขึ้นมาได้มากจริงๆ


    "ขอบคุณพวกนายมากเลยนะ!"

    "โถ่ แค่นี้เอง งั้นเดี๋ยวพวกฉันไปถ่ายรูปก่อนนะ ตอนเที่ยงนายจะไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันกับเรามะ?"กินข้าวเที่ยงกับพวกนั้นเหรอ ก็ดีเหมือนกันนะ นานๆจะได้กินข้าวกับเพื่อนในห้องบ้าง

    "เอาสิ ร้านไหนดีล่ะ?"

    "เอาร้านที่เคยกินตอนปี 1 ป่ะ ที่ตอนนั้นนัดกันมาเที่ยวที่หอปี 3 ที่ไปกินกันทั้งห้องอ่ะ" เพื่อนในห้องคนนึงเสนอ

    "ดีนะ! ตอนนี้เราก็อยู่ชั้นหอพักปี 3 ด้วย" เพื่อนอีกคนในห้องพูด

    "เหมือนย้อนเวลาไปเลยเนอะ" ผมพูดขึ้น พูดแล้วก็นึกถึงสมัยก่อนเหมือนกันนะ ความทรงจำเก่าๆกับเพื่อนๆน่ะ

    "งั้นเอาร้านนั้นละกัน เจอกันตอนเที่ยงนะประธาน"

    "จัดไป" ผมแทคมือกับพวกเพื่อนๆแล้วเดินไปคนละทางกับที่พวกมันไปถ่ายรูป ความจริงผมก็ต้องตามไปคุมพวกมันนั่นแหละ แต่ว่าตอนนี้ผมมีบางอย่างต้องคิดหนัก เลยขอออกไปนั่งที่สงบๆใช้สมาธิหน่อย แถมหิวด้วย จะไปกินข้าวเช้า

    เอาจริงๆผมก็คิดไม่ออกนะว่าจะไปไหนดี เพราะชั้นนี้เป็นชั้นของเด็กปี 3 ผมเดินจนบ่อยแล้วแหละ แต่วันนี้วันธรรมดาคนเลยดูเงียบๆ แล้วสายตาผมก็ดันไปสะดุดกับคาเฟ่ๆนึง ไม่เคยสังเกตเลยนะเนี่ย พอผมเดินเข้าไปใกล้ร้าน ผมก็เห็นชื่อร้านที่สุดจะคุ้นหูคุ้นตา นั่นก็คือ


    Hot n' Cold Café


    มันจะมีอยู่ทุกชั้นเลยรึไงฟะ!


    ผมมองเข้าไปในร้าน ก็ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ผมจึงตัดสินใจเข้าไปนั่งในร้านในมุมที่อับที่สุด ถ้าถามว่าทำไมผมชอบนั่งมุมอับ นั่นก็เพราะว่ามัน..


    อับสแตรค!!(Abstract)


    ล้อเล่นครับๆ นั่นก็เพราะว่ามันเป็นที่ๆมีแต่คนหล่อและฉลาดแบบผมมานั่งไง(เหรอ) ที่ผมมานั่งก็เพราะว่ามันไม่วุ่นวาย สงบดีต่างหาก 

    ทันทีที่ผมหย่อนก้นลงบนเก้าอี้นุ่มๆ พนักงานเสิร์ฟสาวก็เดินเข้ามาหาผมพร้อมเมนูอาหารอ้อมอกทันที


    โอ้โห รวดเร็วทันใจ


    "สวัสดีค่าคุณลูกค้า~" พนักงานสาวคนนั้นทักผมด้วยน้ำเสียง(ทำมา)หากินแบบสุดๆ ทำไมรู้สึกว่าน้ำเสียงแบบนี้ไม่ใช่น้ำเสียงที่มาดีเลยล่ะ

    "เอ่อ.. สวัสดีครับ"

    "ตอนนี้ทางร้านเรามีโปรโมชั่นมาสองแถมสตรอว์เบอร์รี่พาเฟ่ต์ดับเบิ้ลครีม มาเป็นทีมลด 20% จากราคาอาหาร มากับหวานใจมีเมนูพิเศษเฉพาะเลยค่า!" มาเป็นกลอน....

    ที่พนักงานคนนี้พูดได้ใช้สายตาไล่มองบ้างรึเปล่าว่าผมมาคนเดียว

    "เอ่อ... ครับ" ผมไม่รู้จะตอบอะไรไปเลยตอบไปแค่ครับอย่างเดียว

    "ถ้าคุณลูกค้ายังตัดสินใจไม่ได้เดี๋ยวลองดูเมนูก่อนก็ได้นะคะ!" พนักงานสาววางเมนูลงตรงหน้าผมแล้วยืนยิ้มแป้นสองมือพร้อมจดรายการอาหารที่ผมสั่งยังกะโรบอต

    "เอ่อ... ผมขอนั่งดูเมนูก่อนนะครับ เดี๋ยวถ้าผมจะสั่งเดี๋ยวผมเรียกคุณอีกที"

    "ได้เลยค่ะ!" พูดจบก็สะบัดผ้ากันเปื้อนหายไปหลังร้าน ดูไฮเปอร์ดีเหมือนกันนะเนี่ยพนักงานคนนี้

    ผมหยิบแว่นหนาขึ้นมาใส่ก่อนจะไล่สายตามองเมนูตรงหน้าผ่านเลนส์แว่น ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมใส่ก็เพราะไม่ต้องการเด่นเฉยๆ แต่ตอนนี้เวลาผมทำงานหรืออ่านหนังสือต้องใส่แล้วเพราะสายตาเริ่มเสีย ทำงานสภาก็มีข้อเสียเหมือนกันนะ เฮ้อ..

    แถมยังทำให้คนบางคนโกรธผมด้วย

    ถ้าไม่มีงานสภา ถ้าไม่เป็นประธานนักเรียน ถ้าไม่เป็นราชาทั้ง 5 คงไม่มีอะไรมาจุดชนวนทำให้เธอโกรธ หรอกนะ..?

    แต่ผมก็ได้แค่คิดนั่นแหละ ขนาดฮอรัสที่เก่งด้านวิชาการกับการบริหารยังโบกมือลากับตำแหน่งประธานนักเรียนเลย

    พอผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะกินอะไรก็จัดการเรียกพนักงานเพื่อจะสั่งอาหารทันที ผมโบกมือสองสามครั้งแล้วก็มีพนักงานคนนึงเห็นผมจึงเดินมาหา พนักงานคนนั้นเป็นผู้หญิงคนละคนกับคนเมื่อกี้

    ดะ..เดี๋ยวนะ.. รูปร่างหน้าตาเตี้ยๆอย่างนี้... ตาโตสีฟ้าหยั่งกะใส่บิ๊กอายอย่างนี้... ผมสีนมชมพูหยักศกอย่างนี้...


         ไอ้ชิบ***าย!!


    "เห้ย?" ผมอุทานออกมาเบาๆไม่ให้เธอได้ยิน มันใช่จริงๆเหรอ!? มันใช่จริงๆเหรอ!!!??? 

    นั่นใช่ 'ไลลา' จริงๆเหรอ!!?!?

    ดวงตาของผมเบิกกว้างซะยิ่งกว่าไข่ห่าน หัวใจกระตุกไม่เป็นจังหวะ ผมตกใจมากที่.. กลับมาเจอเธออีกครั้ง! 


    กลับมาเจอคนที่ทำให้เพื่อนผมต้องเดือดร้อนและเสียหายอีกครั้ง!


    "คุณลูกค้าจะรับอะไรดีคะ?" น้ำเสียงแป๋นๆดังออกมาจากปากของเธอ ผมอึ้งไปชั่วครู่แล้วรีบดึงสติกลับมาสั่งอาหาร

    "เอ่อ.. ที่นี่พอมีของฝากจากสระบุรีมั้ยครับ?"

    "สระบุรี? คุณเป็นคนไทยเหรอคะ?" ไอ้เธอคนนั้นถามอย่างแปลกใจ

    "ประมาณนั้น...ครับ" แถไปเรื่อยเลยผมมมม

    "แล้วมันคืออะไรเหรอคะเจ้าของฝากจากสระบุรีเนี่ย'?"

    "อ๋อ 'กะหรี่'ปั๊บน่ะครับ พอดีผมอยากกินอาหารบ้านเกิดขึ้นมา" ผมส่งยิ้มเป็นมิตร(เหรอ?)ไปให้เธอคนนั้น เธอเห็นรอยยิ้มผมก็สะดุ้งแล้วหน้าก็แดงนิดๆ เอ้า! เขินเฉยเลยวุ้ย

    "ขอประทานโทษนะคะ ที่นี่ไม่มีของที่คุณว่ามาหรอกค่ะ มีแต่ของในเมนู"

    "อ๋อเหรอครับ.. งั้นเอาข้าวแกง'กะหรี่'เทมปุระกุ้ง กับน้ำ'สตรอว์เบอร์รี่'โซดา ก็แล้วกันนะครับ"

    "ได้เลยค่ะ กรุณารออาหารประมาณ 20 นาทีอาหารจะมาเสิร์ฟนะคะ ขอบคุณมากค่ะ" เธอส่งรายการอาหารไปยังห้องครัวผ่านทางเครื่องจดบันทึกอะไรนั่นในมือของเธอแล้วก้มเก็บเมนูที่ผมวางไว้บนโต๊ะ ผลจากแรงโน้มถ่วงของโลกพลอยทำให้คอเสื้อของเธอห้อยลงมาจนเห็นมะม่วงอกร่องพร้อมสายเสื้อในสีใส 


    นี่กะจะอ่อยผมเหรอ?


    เธอตั้งใจจะทำอะไรกันแน่วะ ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ


    ระหว่างที่ผมนั่งรอ(ข้าวแกง)กะหรี่กับ(น้ำ)สตรอว์เบอร์รี่ ผมก็นั่งอ่านหนังสือแถวๆนั้นไปเรื่ยเปื่อย ผมรู้สึกถึงสายตาที่มองมาเป็นระยะๆ


    จ้องอะไรนักหนา


    เหมือนคนที่คอยจ้องมองผมจะรู้ตัวว่าผมรู้สึกตัวแล้วว่ามีคนมอง เขาก็รีบหลบตาผมแล้วแสร้งเป็นทำงานต่อ มองไปมองมาอยู่นั่นแหละ แต่ผมก็ไม่อยากจะสนใจแล้ว

      

    18 นาทีผ่านไป


    “ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะคะคุณลูกค้า” พนักงานสาวที่ผมไม่คุ้นหน้าเดินถือถาดอาหารที่มีเมนูที่ผมหลอกด่าคนบางคนไว้มาเสิร์ฟแล้ววางมันลงอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่ไลลาหรอกเหรอที่มาเสิร์ฟ 

    ผมมองไปแถวๆบาร์แคชเชียร์สีน้ำตาลแล้วก็เห็นแค่พนักงานของร้านนี้สามสี่คนแต่ไม่เห็นไลลา แล้วเจ้าตัวไปไหนของเขากันน่ะ

    “ขอบคุณครับ” ผมกล่าวขอบคุณพนักงาน 

    “รับประทานให้อร่อยนะคะ” เธอยิ้มให้ผมเล็กๆแล้วเดินกลับไป

    “เอ่อ.. เดี๋ยวครับ”

    “คะ?” พนักงานคนนั้นหันกลับมาตามเสียงที่ผมเรียกแบบงงๆ 

    ที่ผมเรียกเธอเพราะว่าต้องการจะถามหาถึงไลลา แต่จะถามยังไงไม่ให้เธอสงสัยดี ถ้าถามแบบนี้คงจะไม่สงสัยอะไรมั้ง


    “ขอ.. นามบัตรร้านไว้ได้มั้ยครับ? เผื่อไว้คราวหน้ามาที่ร้านอีก”

    “อ๋อ ได้ค่ะ” พนักงานสาวเดินกลับมาหาผมแล้วหยิบนามบัตรจากผ้ากันเปื้อนของเธอแล้วยื่นให้ผม

    “ขอบคุณครับ แล้วผมสามารถติดต่อเบอร์ในนามบัตรได้เลยใช่มั้ยครับ?”

    “ใช่ค่ะ คุณลูกค้าสามารถโทรเข้ามาที่เบอร์ของทางร้านได้เลย แล้วจะมีพนักงานรอรับสายอยู่ค่ะ”

    “แล้วผมโทรเข้ามาได้ทุกเวลาเลยมั้ยครับ เพราะเห็นทางร้านก็ยุ่งอยู่บ่อยๆ” พูดไปงั้นแหละ ความจริงผมไม่เคยเข้าของสาขานี้เลย -_-

    “ถึงทางร้านจะยุ่งแต่ก็มีคนรับสายอยู่แล้วค่ะ เพราะถ้าได้ยินเสียงโทรศัพท์ปุ๊บจะรีบวิ่งไปรับทันทีเลย” พนักงานสาวพูดติดตลก

    “อ่อ โอเคครับ แล้วปกติทางร้านมีพนักงานประจำการอยู่กี่คนเหรอครับ” 

    “ปกติก็มีตัวฉันแล้วก็ที่เห็นที่แคชเชียร์นี่แหละค่ะ พนักงานของเรามีน้อย” พนักงานสาวยิ้มแล้วชี้ไปที่แคชเชียร์ ก็ไม่มีไลลาอยู่

    “อ่อครับ...” ผมมองไปที่แคชเชียร์หลายรอบ ก็ไม่มีจริงๆอ่ะ จะบอกว่าตอนสั่งอาหารตาฝาดเหรอ คิดว่าตาไม่ฝาดนะ มายืนตรงหน้าซะขนาดนั้น

    “ถ้างั้นขออนุญาตไปรับออเดอร์โต๊ะอื่นก่อนนะคะ มีคำถามตรงไหนสามารถถามพนักงานทุกคนได้เลยนะคะ” พนักงานสาวยิ้มให้ผมอีกรอบก่อนจะโค้งตัวแล้วเดินออกไป

    “ขอบคุณมากๆครับ” เธอเดินไปแล้ว เฮ้อ.. ผมมองผิดเหรอ ผมว่าผมมองไม่ผิดนะ ยิ่งเธอมายืนรับเมนูอยู่ตรงหน้าเลย


    ผมว่าผมมองไม่ผิดคนหรอก ‘ไลลา บลองค์ชาร์ด’


    ไหนๆก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ผมเลยสลัดความคิดนั้นทิ้งชั่วคราวแล้วกินอาหารเช้าที่ผมสั่งมา ระหว่างที่กินผมก็นั่งเช็คข้อมูลไปเรื่อยๆ อืม.. วันนี้ก็วันที่ 4 แล้วที่ให้พวกปี 3 ไปถ่ายรูปให้ทั่วเรือ จากสามวันที่ผ่านมาก็ยังไม่เจออะไรที่แปลกหรือผิดปกตินอกจากที่ฮอรัสเจอเด็กปี 1 เมื่อวานงั้นเหรอ แถมฮอรัสยังบอกมาว่าเด็กปี 1 คนนั้นบอกว่าตอนตีสองเมื่อไม่นานมานี้เจอพนักงานขนเหล็ก น่าจะเป็นเหล็ก ขนาดใหญ่ อันนั้นน่าจะเป็นเฟืองนะผมรู้สึก เพราะผมสั่งให้พวกพนักงานขนเวลานั้นเองแหละ คนอื่นจะได้ไม่รู้ แต่เจ้าเด็กนั่นออกมาจากห้องทำอะไรตอนตีสอง ต้องเรียกมาคุยหน่อยละ แต่ไว้หลังจากเสร็จการถ่ายรูปของเด็กปี 3 ก่อนละกัน

    “จะว่าไปแกงกะหรี่ร้านนี้ก็อร่อยดีแฮะ” ผมพึมพัมกับตัวเองพลางตักแกงกะหรี่อีกคำเข้าปาก อยากให้ยัยลิงมาลองกินแกงกะหรี่ร้านนี้ดูจัง ยัยนั่นน่าจะชอบน่าดู

    พูดถึงยัยลิง เธอจะหายโกรธฉันยังนะ ไม่น่าดื้อไม่ฟังคำพูดของยัยนั่นเลย แต่ว่าเราก็งานเยอะจะปล่อยงานทิ้งไว้แล้วนอนนิ่งๆเดี๋ยวงานก็ไม่เสร็จ แต่ยังไงตอนนี้ที่สำคัญกว่าคือยัยลิงโกรธผมอยู่! ไม่รู้ว่าโกรธหนักขนาดไหนนะแต่ว่าผมต้องไปขอโทษ ไม่งั้นปล่อยค้างคาไว้มันน่าจะแย่แน่ ผมไม่ชอบที่ทำให้คนอื่นอารมณ์เสียด้วยนี่สิ

    หรือช่วงนี้ควรเพลาๆลงเรื่องจูบเรื่องจับกดหว่า กลัวแผลของยัยนั่นฉีกหนักกว่าเดิม โอยยยย ผมล่ะอยากหยิบแผลทุกแผลมาไว้บนตัวผมแทนมากก มันไม่ใช่ง่ายๆนะที่ต้องมาทนแผลที่โดนยิง แถมไม่ใช่แค่นัดเดียว ทรมานแทนทิวามากๆ

    หลายอารมณ์สับสนหมุนวนไปมาในหัวผมพร้อมๆกับที่ผมทานข้าวแกงกะหรี่เสร็จพอดี

     ผมรวบช้อนส้อมไว้ในจานให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นไปเช็คบิลที่เค้าเตอร์ ผมพยายามชะเง้อคอมองหาไลลาแต่ก็ไม่เห็นวี่แวว ทางพนักงานของร้านก็คิดเงินเสร็จพอดี เขาคงเห็นผมชะเง้อคอไปมาเขาเลยเอ่ยปากถามผมแบบงงๆ

    "เอ่อ... คุณลูกค้าครับ มองหาอะไรอยู่รึเปล่าครับ?"

    "อ่อ ผมแค่อยากดูวิธีทำอาหารในครัวน่ะครับ" ผมโกหกไปแบบเนียนๆ เนียนเปล่าไม่รู้ขอให้ได้โกหกไว้ก่อน

    "นี่เงินทอนครับ โอกาสหน้ากลับมาใช้บริการใหม่นะครับ" พนักงานคนเดิมยื่นเงินทอนมาให้ผมพร้อมกับใบเสร็จ บอกขอบคุณผมแล้วโค้งตัวให้ผมเล็กๆตามมารยาท

    "ขอบคุณครับ" ผมกล่าวขอบคุณแล้วเดินออกจากร้านไป


    ระหว่างที่ผมเดินเล่นไปมาบวกกับคอยดูพวกเพื่อนๆถ่ายรูปไปด้วยผมก็นึกบางอย่างออก ผมยังไม่ได้บอกเรื่องที่เจอไลลาแล้วไลลาก็หายไปให้ทุกคนฟังเลย ผมจึงแตะที่เข็มกลัดเพื่อติดต่อกับทุกคนรวมถึงครูไอริณด้วย


    เอาจริงๆก็ยังไม่กล้าเรียกแม่หรอก ถึงครูไอริณจะอนุญาตให้เรียกก็เถอะ ผมเขิน แถมยังไม่ได้เป็นแฟนกับทิวาจริงจังด้วย ยิ่งไม่กล้า


    [ฮัลโหลวโอปป้าา มีอะไรเหรออ] เสียงคริสแจ๋นออกมาจากเข็มกลัดเลย ให้ตายสิ

    "มาแค่คริสเหรอ คนอื่นเข้ามาในสายยัง"

    [ไม่รู้อ่ะ แต่เลดี้ยูริก็อยู่ด้วยกันกับไอนี่แหละ]

    [บอกให้เรียกว่ายูไงฮะ] ผมได้ยินเสียงของยูริแทรกขึ้นมาเบาๆ เห้อไอ้คริสจอมเอ๋อ 

    [สวัสดีคร้าบบบ/ฮัลโหลกียุล] เสียงของดันเต้กับนาซิสซ่าดังขึ้นพร้อมๆกัน

    "หวัดดี ตอนนี้พวกเธอสองคนได้อยู่ด้วยกันป่าว" ผมถามดันเต้กับนาซิสซ่าไป

    [เหอะ ฉันมาเข้าห้องน้ำ แต่ตอนนี้กำลังจะออกจากห้องน้ำแล้ว ดันเต้รอฉันไม่ไกลนี่แหละ]

    "โอเค เสร็จแล้วรีบกลับไปหาดันเต้นะ"

         [ฉันกำลังไปๆ]

    "นี่นาร์เซส เข้าห้องน้ำที่นี่เป็นยังไงบ้าง" ผมแกล้งถามนาซิสซ่าไปเพราะว่าบนเรือนี้แทบจะไม่มีห้องน้ำหญิงเลย อยากรู้ความรู้สึกผู้หญิงเข้าห้องน้ำชาย ฮ่าๆ

    [โอ้ย ฉันล่ะอยากจะโวยวาย ค่อยเล่าตอนกลับห้องละกัน]

    [ฮัลโหลขอรับ/ฮัลโหลฮะ] พอนาซิสซ่าพูดจบเสียงของฮอรัสกับอเล็กเซก็ดังขึ้นพอดี

    "พวกนายมาพอดีเลย พวกนายอยู่ด้วยกันนะ?" พวกนั้นที่ผมหมายถึงคือเหมยฮัวกับโรซารี่นั่นแหละ

    [อยู่จ้า/อยู่น่อ] ทั้งสองตอบ

    "โอเค อยู่กันทุกคนแล้วสินะ ฉันมีเรื่องจะมาบอก"

    [เรื่อง?] ทุกคนตอบ


    ผมรีบเอาหูฟังขึ้นมาใส่แล้วเดินทำเป็นว่าเดินคุยโทรศัพท์แล้วพูดเบาๆ กันคนมาแอบดักฟังผม


    "ฉันเจอไลลา"

    [!!!!] ทุกคนในสายตกใจกับสิ่งที่ผมพูด

              [Where??] คริสโตเฟอร์ได้สติเป็นคนแรกแล้วถามผม

              “เจอที่ร้าน Hot n’ Cold น่ะ ไลลาแสร้งเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้าน”

              [งั้นแสดงว่าที่พวกเราเจอในกล้องวงจรปิดก็เป็นไลลาจริงๆน่ะสิ] คราวนี้เป็นโรซารี่ที่พูด

              “ฉันก็เกรงว่าจะเป็นอย่างนั้น” ผมพูดออกไปเสียงเรียบ ความรู้สึกในใจตอนนี้มันวูบๆไปมา เหมือนสิ่งไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นจากเธอคนนั้น

              [เอาอย่างนี้ ไว้ให้จบการสำรวจวันนี้แล้วเรามานั่งคุยกันดีกว่า] โรซารี่สรุปแบบสั้นๆ ทุกคนรวมถึงผมก็เห็นด้วยกับเธอ หลังจากนั้นทุกคนก็วางสายกันแล้วไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง ส่วนผมก็เดินไปตามทางเรื่อยๆพลางมองร้านค้า 

              โซนที่ผมเดินเป็นโซนห้าง ซึ่งห่างจากโซนห้องเรียนไม่ไกล ทางเดินปูพื้นด้วยสีครีมอ่อนๆสะอาดตา รอบข้างเป็นร้านหรูหราและร้านแบรนด์เนมต่างๆซึ่งแพงหูฉี่ แต่คงไม่คณามือเจ้าพวกเด็กนักเรียนโนอาห์นักหรอก มีต้นไม้ประดับตามข้างๆเป็นระยะๆ พื้นที่ทางเดินถือว่ากว้างพอสมควร ผมเดินฆ่าเวลามานานสักพักนึงจนถึงโซนที่กำแพงเป็นกระจกใสสามารถมองผ่านไปยังท้องทะเลเบื้องล่างได้ จุดตรงนี้ถือว่าเป็นจุดอับสายตาพอสมควรเลยนะถึงจะมีกระจกใสรอบด้านก็เถอะ แต่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านโซนนี้มาเลย

              ผมตัดสินใจเดินกลับไปตามทางเดิมพลางหยิบโทรศัพท์ราคาแพงขึ้นมาดูเวลาก็พบว่าใกล้เวลาเที่ยงแล้ว ผมนัดพวกเพื่อนๆไว้ที่ร้านอาหารร้านนึงซึ่งห่างจากจุดที่ผมเดินอยู่ไปห้าล็อค สองเท้ารีบสาวก้าวให้ไวเพื่อให้ไปถึงตามเวลานัด แต่ถึงเห็นผมเดินสบายใจเฉิบอย่างนี้ในหัวผมคิดอยู่แต่เรื่องทิวาตลอด ทำยังไงคุณเธอถึงจะหายโกรธผมสักที แต่ทิวาเป็นคนโกรธใครไม่นาน ผมว่ากะจะซื้อวัตถุดิบไปทำอาหารให้เธอเย็นนี้เป็นการง้อสักหน่อยน่าจะโอเค


              ว่าแต่จะทำอะไรดีวะ?


              ทางอีกฝั่งหนึ่ง ณ ร้านคาเฟ่เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่โผล่มาทุกชั้น

              “ออกมาได้แล้วมั้ยแม่คุณ“ เสียงชายหนุ่มวัย(เกือบจะ)กลางคนพูดขึ้นมาลอยๆด้วยสีหน้าโคตรจะเบื่อหน่ายแต่จงใจให้คนบางคนที่อยู่ใต้เค้าท์เตอร์ได้ยิน

              “จะออกไปได้ไงล่ะยะ!!” เธอผู้จมปุ้กอยู่ใต้เค้าท์เตอร์กระซิบตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่กระแทกกระทั้น

              “ไอหนุ่มตี๋เกาหลีมันไปแล้วมั้ยล่ะ” ชายหนุ่มคนเดิมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายกำลังสอง เมื่อชายหนุ่มเห็นลูกค้าคนนึงเดินมาทางนี้พร้อมกับบิลในมือ มือหนาจึงรับบิลราคาจากลูกค้าตรงหน้ามาคิดเงินตามอัตโนมัติแล้วบอกราคากับลูกค้า 

              “สี่รายการ 340 บาทครับ” ลูกค้าคนนั้นหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์แบบพอดีจำนวนเป๊ะ เขานับเงินก่อนจะใส่เงินตามช่องต่างๆที่ยื่นออกมาจากเครื่องคิดเงินแล้วหยิบบิลให้ลูกค้าคนนั้น

              “ขอบคุณที่มาใช้บริการครับ ขอให้มีความสุขกับวันนี้ครับ” เขากล่าวขอบคุณแล้วยิ้มให้ลูกค้า โค้งตัวเล็กๆ ก่อนที่ลูกค้าคนนั้นจะเดินออกจากร้านไป


              ใช่แล้ว เขาคือพนักงานชายคนที่คิดเงินให้กียุลนั่นแหละ


              “โถ่พี่อ๊อตโต้! ละไม่บอกให้มันชัดเจนล่ะ!?” หญิงสาวในเครื่องแบบพนักงานเสิร์ฟโผล่ออกมาจากใต้เค้าท์เตอร์แล้วบ่นใส่ร่างสูงที่ยืนทำหน้าทะมึนแสดงความเบื่อขั้นสุดแล้วมายืนข้างๆชายหนุ่ม

    “สมน้ำหน้า โผล่หน้าไปมาจนเขาสงสัยเลยต้องมาหลบ”

    “พอเลยพี่!!” หญิงสาวทำท่าไม่พอใจพลางมีรีแอคชั่นกระทืบเท้านิดๆทำให้กระดิ่งที่ติดอยู่ตามชายเสื้อสั่นเป็นจังหวะ


              กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง


              “เสียงกระดิ่งโคตรน่ารำคาญเลย” ชายหนุ่มคนเดิมบ่น ทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาไม่พอใจกับสิ่งที่ตนได้ยิน(อีกรอบ) ผมสีนมชมพูสะบัดตามแรงหันของหน้าพร้อมมือบางที่ฟาดลงไปที่ต้นแขนของชายหนุ่ม


              ฟึบ!


              “จะตีพี่เร็วไปร้อยปีนะไลลา” อ๊อตโต้ใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จะโดนตีมารับมือของหญิงสาวอย่างว่องไวราวกับเคยถูกฝึกให้ชำนาญในเรื่องป้องกันตัวเอง ส่วนหญิงสาวที่เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ารับมือของตนได้ก็จิ๊ปากไม่พอใจก่อนจะวางมือลงแล้วกอดอกแบบผู้หญิงงอน

              “หงุดหงิดอ่ะ หงุดหงิดชะมัดเลย!” ไลลาบ่นด้วยความหัวเสีย

              “หงุดหงิดอะไร?”

              “ความเร็วพี่ยังดีอยู่แท้ๆ แต่ทำไมไม่เอามันมาใช้ให้เป็นประโยชน์? ทำไมไม่เอามาช่วยน้อง??”

              “ไม่ล่ะ” อ๊อตโต้ปฏิเสธ

              “ทำไม???” ไลลาถามด้วยความโคตรสงสัย

              “แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

          “เป็นพนักงานเสิร์ฟคิดเงินไปวันๆอย่างนี้อ่ะนะ เฮอะ!” ไลลาสบถ ไม่เหลือคราบความน่ารักตามภายนอกของตนเลยสักนิด

    “แล้วอะไรล่ะที่มันดี?” อ๊อตโต้ถามไลลากลับ

          “แน่นอนอยู่แล้ว.. ต้องขโมยของแล้วมาขายในตลาดมืด!”

          “ไม่ล่ะขอผ่าน" ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างเนือยๆแล้วยืนจิ้มเครื่องคิดเลขเล่น

              “ทั้งๆที่มันออกจะได้เงินดีแถมง่ายด้วยนะ!”

          “ไม่ได้โดนจับไม่เข้าใจหรอก!” ชายหนุ่มหันมาทางหญิงสาวด้วยสายตาเขียวปึ้ดก่อนจะถอนหายใจแล้วหันกลับไปเล่นกับเครื่องคิดเลขต่อ

              “อึก!” แต่สายตานั่นทำให้ไลลาถึงกับสะอึก


              เมื่อสี่ปีที่แล้ว หลังจากการแข่งขันฮันนี่แรลลี่จบลง หัวหน้าแก๊งฟักทองทมิฬอย่าง ‘อ๊อตโต้’ หนีจากการจับกุมไปได้ แล้วหนีไปกบดานตามประเทศต่างๆด้วยเงินที่เหลือติดตัว ด้วยอิทธิพลของตระกูลและมีการติดต่อไปยังลูกน้องที่อยู่ในการจับกุมบ้างนานๆครั้ง จนกระทั่งเขาได้ยินข่าวจากลูกน้องของตนว่าน้องสาวของตน ‘ไลลา’ ไปสร้างเรื่องทะเลาะวิวาทกับชาวบ้านชาวช่องซะจนโดนองค์กรรัฐบาลโลกจับ ด้วยความที่พี่ชายรักน้องสาวจึงยอมกลับไปที่องค์กรรัฐบาลโลกเพื่อยอมจับกุมแลกกับการที่ลดโทษของน้องสาวตนเองเพราะตนไปได้ยินมาว่าการทำโทษของที่นี่โหดร้ายชนิดที่ลากเลือดกันเลยทีเดียว และก็เป็นอย่างที่เขาเคยได้ยินมาจริงๆ บทจะโหดก็โหดกันได้ไม่เกรงใจสุขภาพกันเล้ย 


              และการมาของอ๊อตโต้ทำให้โทษของไลลาเบาลงก็คือ ระยะเวลาโทษเท่าเดิมแต่การลงโทษจะเบาขึ้น บางส่วนจะไปลงกับอ๊อตโต้แทน ตอนแรกทางองค์กรก็ไม่ยอมหรอกจนอ๊อตโต้กราบไหว้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนทางองค์กรใจอ่อน แต่จู่ๆไลลาก็ใช้ช่องว่างหาทางหนีไปจนได้ ส่วนอ๊อตโต้ก็โดนโทษไปสามปีเต็มๆ

              แต่ดูเหมือนหญิงสาวผมสีนมชมพูจะไม่ค่อยเข็ดสักเท่าไหร่ เธอกลับไปรวบรวมคนจากนักโทษที่เคยเจอในตอนโดนจับกุมแล้วดันไปเห็นดีเห็นงามกับเธอมาตั้งแก๊งหัวขโมยหน้าใหม่โดนยังจะใช้ชื่อแก๊งฟักทองทมิฬที่เป็นชื่อแก๊งพี่ชายตัวเองหน้าตาเฉย

              “เฮ้อ ช่างเถอะ จะทำอะไรก็เรื่องของเธอแล้วกัน ถ้าเกิดปัญหาอีกฉันจะไม่ช่วยแล้วนะ” ชายหนุ่มพูดกับหญิงสาวผู้เป็นน้องของตนที่กำลังยืนอึ้งทำหน้ารู้สึกผิดที่ไปพูดจี้จุดพี่ชาย

              “พี่จะไม่เข้ามาร่วมกับน้องจริงๆเหรอ?” ไลลาถามอีกรอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

              “ไม่ล่ะ ขอไม่เข้าไปยุ่งด้วยแล้วกัน ละก็อีกอย่างนะ แผนของเธอมันโคตรจะไม่ได้เรื่องเลย ใครเขาโจมตีกันตอนคนเยอะ เป็นฉันจะรอสืบเงียบๆไม่ใช่โผล่หัวไปมาให้โดนสงสัยแล้วเอาลูกน้องมากระจุกอยู่ในร้านของฉันแบบนี้ด้วยเฟ้ย!!” ที่อ๊อตโต้พูดก็ถูก ครึ่งนึงของจำนวนพนักงานในร้านคือลูกน้องของไลลา เขาจะหงุดหงิดก็ไม่แปลก

              “พี่!!”

              “เงียบไปเลย พี่สร้างทางลับให้ที่สวนพฤกษศาสตร์ก็บุญแค่ไหนแล้ว ไปๆไปทำงาน มาใช้ร้านพี่บังหน้าก็ต้องทำงานด้วย” อ๊อตโต้พูดกับไลลาพลางยีหัวคนตัวเล็กให้ยุ่งเหยิง ส่วนคนตัวเล็กก็โวยวายจัดทรงผมตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินสะบัดก้นหนีด้วยการทำแก้มป่องใส่ก่อนจะหายไปทำหน้าที่ของตนเอง ส่วนชายหนุ่มก็ได้แต่ยิ้มให้หลังกับภาพของน้องสาวของตนที่บทจะดีก็ดี บทจะแย่ก็แย้แย่


    ‘หน้าด้านซะจริงน้องฉัน’ (เดี๋ยว!!!! นี่ชมหรือด่าคะ!!??//ไลลา)




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×