ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #28 : ตอนที่ 17.5 : เส้นทางสายลับของเจ้าหญิงอาณาจักรน้ำผึ้ง

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 65


    SQW

    17.5

    เส้นทางสายลับของเจ้าหญิงอาณาจักรน้ำผึ้ง


    *FYI - ตอนตอนนี้ถูกเพิ่มขึ้นมาทีหลัง เป็นเนื้อเรื่องส่วนข้อมูลเพิ่มเติมของตัวละครนั้นๆ ซึ่งบางเนื้อหาอาจจะมีความสำคัญในภายหลัง อยากให้ผู้อ่านได้อ่านกันนะคะ*


    การแข่งขันฮันนี่แรลลี่ดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงการแข่งครั้งสุดท้าย ‘มิเอเล่’ หญิงสาวเจ้าของผมยาวสีบลอนด์ทองราวกับน้ำผึ้ง ใส่เครื่องประดับที่ทำจากโอปอลของทั้งสองทีมกำลังยืนมองท้องฟ้ากับเพื่อนๆที่ตอนนี้ถูกย้อมให้เป็นสีชมพู เพราะจำนวนโคมลอยสีแดงและสีขาวเท่ากัน บ่งบอกว่าผลการแข่งขันครั้งนี้คือ ‘เสมอกัน’ และคฑาแห่งพรอบโพลิสก็ได้ถูกส่งคืนให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ

    ไม่กี่วันต่อมา มิเอเล่ต้องเข้าพิธีรับการแต่งตั้งตำแหน่งเจ้าหญิงอีกครั้ง พูดกันง่ายๆคืองานเลี้ยงฉลองการกลับมาของมิเอเล่นั่นแหละ พระราชาแบรนดอน ผู้เป็นประมุขแห่งอาณาจักรพรอบโพลิสและผู้เป็นพ่อของมิเอเล่ดีใจมากจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แน่นอนว่าเหล่าชาวบ้านก็ดีใจไม่แพ้กัน เจ้าหญิงที่แสนซนของพวกเขาได้กลับมาแล้ว

    แต่ดูมีคนนึงที่ทำหน้าอมทุกข์ไม่ดีใจกับการกลับมาของเจ้าหญิงองค์นี้เลย


    ใครกันน้าาาาาาา :)))


    “นี่นาย จะไม่ดีใจกับฉันหน่อยเหรอ? วันนี้วันดีเชียวนะ”

    มิเอเล่พูดกับคนตรงหน้าอย่างน้อยอกน้อยใจและเป็นกันเอง คนตรงหน้ายังทำหน้าบูดบึ้งอยู่ แต่ทำได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ต้องร้องไห้โฮออกมาแล้วเข้าไปโผกอดอย่างดีใจสุดขีด

    “ฮึก!... ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ เพื่อนของฉันกลับมาทั้งคน ฮึก รู้มั้ยฉันโกรธมาก ที่เธอหายไป แต่พอ ฮึก พอรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว มันก็ดีใจมากๆเลย มากจนฉันหายโกรธไปเลย” คนคนนั้นกอดมิเอเล่แน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้น แล้วกอดเขาตอบ เธอเข้าใจว่าเธอหายไปนานขนาดไหน และการหายไปมันสร้างบาดแผลให้คนรอบตัวเธอแย่มากแค่ไหน

    “โห ถ้านายยังโกรธฉันอยู่ ฉันโดนนายฆ่าตายแน่ๆเบดี้ ยิ่งนายเป็นคนโกรธยากแต่หายยาก ซุปเปอร์หายนะ”

    “ยังพูดติดตลกได้อยู่เหรอเนี่ย เดี๋ยวฆ่าตายซะหรอก”

    “ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่า อย่าฆ่าฉันเลย เราต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน :P”

    “ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก ยินดีต้อนรับกลับมาอีกครั้งนะ มิเล่

    “ขอบคุณมากนะ ป่ะเข้าไปในงานกันเถอะ”

    มิเอเล่ดันหลังเบดี้ ผู้เป็นเพื่อนสมัยเด็กและเพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของมิเอเล่ที่ได้รับการไว้วางใจจากพระราชาแบรนดอนให้อยู่ติดกับมิเอเล่ได้ตลอดเวลา เอาเข้าจริงๆคนที่มาอยู่ติดกลับเป็นมิเอเล่มากกว่า ทั้งสองสนิทกันมากจนมีชื่อเล่นไว้ใช้เรียกกันเฉพาะสองคนคือ มิเล่และเบดี้

    เบดี้ หรือเบดิเวอร์ วินด์เซอร์ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของอัศวินคนสนิทของพระราชาแบรนดอน และยังเป็นเพื่อนคนแรกๆในชีวิตของมิเอเล่ เติบโตและเรียนรู้อะไรไปพร้อมกับเธอ เบดิเวอร์มีผมสีบลอนด์ทอง ปรกหน้าลงมานิดหน่อย มีดวงตาโตพอประมาณสีฟ้าราวกับท้องนภาในฤดูร้อน ใบหน้าที่ดูดี มีเค้าโครงของชาวยุโรปเพราะเชื้อสายต้นตระกูลของเขาเป็นชนชั้นสูงในประเทศอังกฤษ รูปร่างที่สุขภาพดี ไม่ผอมหรือกำยำเกินไป แต่มีพละกำลังที่มากและทักษะการต่อสู้ที่แพรวพราว แถมยังสูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ชายยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของเขาน่าเกรงขามและสง่างามในเวลาเดียวกัน 

    ถึงแม้จะดูน่าเกรงขามสำหรับคนอื่น แต่เวลาอยู่กับมิเอเล่ เขาก็เป็นแค่ลูกหมาตัวเล็กๆที่ชอบโดนมิเอเล่แกล้งและหาปัญหามาให้บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารำคาญในตัวเธอเลย (เพราะโดนมิเอเล่สั่งว่าห้ามรำคาญ//หยอกๆ)

    “จบงานนี้เธอต้องเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง โดยละเอียด เข้าใจมั้ย!”

    “ค่าๆคุณเพื่อน จะเล่าให้จนไม่มีอะไรจะเล่าเลย!”

    หลังจากงานเลี้ยงจบลง มิเอเล่กลับมาเป็นเจ้าหญิงเต็มตัวอีกครั้ง เธอต้องเรียนรู้ทุกอย่าง ตามข่าวสารบ้านเมืองให้ทันเพื่อทดแทนตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่เธอหายไป เวลาว่างๆก็ชอบออกไปเที่ยวเล่นกับชาวบ้านเพื่อพักผ่อนและเรียนรู้จากการทำงานจริงไปในตัว 

    .

    .

    .

    ไลน์!

    “หืม ใครทักมาน่ะ” มิเอเล่ละสายตาจากกองภูเขาหนังสือมาสนใจโทรศัพท์ตัวเอง

    [Tiwa Putp sent you a picture]

    [Tiwa Putp sent you a message]

    [Tiwa Putp sent you a message]

    “อ๋าา ยัยทิวานี่เอง ดูซิส่งอะไรมา”

    เมื่อหญิงสาวเปิดไลน์ก็พบว่าข้อความที่เพื่อนตัวแสบของเขาส่งมาก็คือรูปของพวกเจ้าหญิงและเจ้าชายทั้ง 10 คนยืนถ่ายด้วยกันที่ท่าเรือ โดยคริสโตเฟอร์เป็นคนถือกล้องเพื่อเซลฟี่เพราะแขนยาวสุด ทุกคนยิ้มแฉ่งให้กลับกล้องโดยมีสองคนทีทำท่าแปลกๆคือเหมยฮัวที่แกล้งหยิบผมยาวๆของฮอรัสมาทำเป็นหนวดกับกียุลที่แอบชูสองนิ้วหลังหัวทิวาทำเป็นหูสองหูคล้ายๆกระต่าย (เอ๊ะหรือเป็นเขา อันนี้ไม่แน่ใจกียุลเขาแฮะ)


    Tiwa Putp : ตาตี๋กับพวกราชาจะกลับโรงเรียนกันแล้ว ฉันเลยถ่ายส่งมาให้ดูน่ะ ทุกคนคิดถึงเธอมากๆเลยนะ

    Tiwa Putp : พวกเจ้าชายก็ฝากความคิดถึงมาหาเธอนะ กียุลบอกว่าให้เธอทำตัวดีๆให้สมเป็นเจ้าหญิงหน่อย อย่าทำตัวป่วนแบบฉัน


    “ฮ่าๆ เจ้าพวกนี้ยังตลกเหมือนเดิมเลยแฮะ”


    Miélé : ฉันอยากเจอพวกเธอแล้ว คิดถึงมาก ฝากบอกพวกเจ้าชายด้วยว่าเดินทางปลอดภัย

    Tiwa Putp : อะไรกันน ผ่านไปอาทิตย์เดียวเองก็อยากเจอแล้วเหรอ

    Miélé : ใช่ไง ทำไม

    Tiwa Putp : ฉันก็อยาก ฮ่าๆๆ

    Miélé : ว่าแต่เธอเถอะ เอะอะก็กียุล แถมในรูปกียุลก็แกล้งเธออีก อันนี้มันยังไงเหรออออ เพื่อนสงสัย

    Tiwa Putp : ไม่มีอะไร๊ร๊ร๊ ตานั่นก็กวนประสาทตามฉบับแหละ

    Miélé : อ่ะจ้าาา

    Tiwa Putp : พวกเจ้าชายจะขึ้นเรือละ ไว้คุยกันนะ

    Miélé : ได้ๆ ไว้คุยกัน


    “ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว” คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานที่ไม่ไกลออกไปเอ่ยถามหญิงสาว

    “เพื่อนฉันที่ลาฟลอร่าส่งรูปมาให้ดูน่ะ” มิเอเล่พูดแล้วชูรูปให้ดู

    “อ๋อ พวกนักเรียนจากลาฟลอร่าและโนอาห์ที่มาแข่งที่พรอบโพลิสใช่ป่ะ”

    “รู้เยอะจริงนะเบดี้ ใช่”

    “ฉันก็อยู่ประเทศนี้ตอนมีงานแข่งนะ ไม่ให้ไม่รู้ได้ไงฟะ”

    “เออน่ะ เรื่องของฉัน ว่าแต่นายเถอะ ทำไมถึงมาอยู่ห้องฉันได้!”

    มิเอเล่ถามเสียงดังใส่คนตรงหน้าที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการมีอยู่ของโต๊ะทำงานเขาและตัวเขา

    “ฝ่าบาทให้ฉันติดอยู่กับเธอ เธอจะได้ไม่ไปทำเรื่องวุ่นวายอีก”

    “... -*-; ” หญิงสาวหมดคำจะพูด เถียงก็ไม่ได้เพราะเรื่องจริง ท่านพ่อนะท่านพ่อ

    “ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ได้เวลาเรียนการต่อสู้แล้ว”

    “ห๊ะ!!! ได้เวลาแล้วเหรอ ทำไมไวขนาดนี้!?” มิเอเล่ตะโกนลั่นห้องทำงานแล้วหันไปดูนาฬิกา พบว่าได้เวลาแล้วจริงๆ ตนใช้เวลาคุยกับทิวาไปเกือบชม. 

    ถึงแม้ว่ามิเอเล่จะฉลาดและเรียนรู้ได้ไวเป็นเลิศ แต่สิ่งที่เกลียดที่สุดคือการต่อสู้ ถึงแม้เธอจะทำได้ดี แต่เกลียดก็คือเกลียด มันเหนื่อยยย

    ทั้งสองเดินไปจนถึงสนามซ้อมของเหล่าทหารที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ มีเพียงชายวัยกลางคนผู้นึงที่หน้าตาคล้ายกับเบดิเวอร์ทุกประการ เพียงแต่แต่งตัวเหมือนอัศวินยืนรอพวกเขาอยู่

    “มาแล้วค่ะ”

    “พาตัวป่วนมาได้แล้วครับท่านพ่อ”

    “นี่นาย!”

    “เบดิเวอร์ ลูกควรมีมารยาทกับเลดี้หน่อยสิ” ผู้ที่เบดิเวอร์เรียกว่าท่านพ่อและเป็นครูฝึกให้ทั้งสองดุลูกของตนเบาๆ

    “จัดการมันเลยค่ะคุณน้า” มิเอเล่ใช้นิ้วโป้งชี้ไปที่ชายหนุ่มแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นพลางทำหน้าเซ็ง

    “ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

    “มิเล่!!”

    “เอาเถอะๆ มาเริ่มกันดีกว่า วันนี้พร้อมสำหรับท่าใหม่มั้ยพ่ะย่ะค่ะ” อัศวินท่านนั้นพูดพลางแจกดาบไม้ให้ทั้งสอง

    “เอ่อ.. ไม่ค่อยน่ะค่ะ แต่เรียนได้ค่ะ!”

    “ดีมากพ่ะย่ะค่ะ งั้นเรามาทวนท่าเก่ากันก่อนดีกว่า”

    ทั้งสามทบทวนความรู้เก่าก่อนจะเริ่มเรียนรู้กระบวนท่าใหม่ การเรียนเป็นไปได้ค่อนข้างลำบากสำหรับมิเอเล่ที่ยังไม่ถนัดการใช้ดาบดีนัก ผิดกับเบดิเวอร์ที่คล่องแคล่วเพราะฝึกมาตั้งแต่เด็กบวกกับมีพ่อเป็นอัศวิน จึงโดนพ่อขัดเกลามากเป็นพิเศษ

    มีเสียงของไม้กระทบกันดังตลอดทั้งบ่ายของวัน มีการดวลกันบ้าง และฝึกกันเองกับหุ่น ตามตัวมีบาดแผลเล็กน้อยจากการโดนดาบไม้ตี แต่มิเอเล่ดูจะมีอาการปวดตัวหนักมาก การเรียนวันนั้นจึงจบเร็วกว่าที่ควร


    แปะ


    “โอ๊ยเย็น!” หญิงสาวสะดุ้งเพราะมีอะไรเย็นๆมาแปะที่แก้ม พอเงยหน้าไปมอง ก็เห็นเพื่อนสนิทของตนยืนถือขวดน้ำเย็นอยู่ เธอจึงรับไปแล้วรีบดื่มเพราะกระหายน้ำ ชายหนุ่มจึงนั่งลงอยู่ข้างๆ ส่วนครูฝึกของพวกเขาขอตัวกลับไปทำงานต่อจนทำให้เหลือพวกเขาอยู่แค่สองคน

    “ค่อยๆดื่มสิ วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง”

    “ฮ้า! เหนื่อยมากกก ปวดไปทั้งตัวแล้วเนี่ย กลับไปต้องแช่น้ำอุ่นซะแล้ว แล้วนายล่ะ”

    “ก็ชิลๆนะ” เขาพูดพลางยิ้มมุมปากแล้วหันไปมองพระอาทิตย์ตกดิน

    “ชิ หมั่นไส้”

    “เอาน่า ไว้ฉันสอนให้ก็ได้ ฉันเก่งออกนะ”

    “ตามใจนาย”

    “ฮะๆ งั้นถือว่าเธอตกลง พระอาทิตย์ตกดินสวยจริงๆ”

    “อืม สวยจริงๆ”

    ทั้งสองไม่พูดอะไรแล้วนั่งมองดวงอาทิตย์ที่กำลังลับฟ้าไปอย่างเงียบๆ พอฟ้ามืด ทั้งสองก็พากันกลับบ้าน (เรียกว่าพระราชวังถึงจะถูก ^^;)

    ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเคลิ้มกับบรรยากาศยามเย็น ก็มีสองชีวิตเฝ้าดูพวกเขาผ่านหน้าต่างแก้วใสอยู่ชั้นบนของพระราชวัง พระราชาแบรนดอนและอัศวินคนสนิทผู้เป็นพ่อของเบดิเวอร์นี่เอง

    “ได้เห็นทั้งสองกลับมาอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขจริงๆ ว่ามั้ยไคย่า”

    “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

    “บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้พูดเป็นกันเองน่ะ”

    “เฮ้อ ก็ได้แบรนดอน นายนี่มันดื้อจริงๆ เดี๋ยวคนอื่นก็มองไม่ดีหรอก”

    “ทำไมล่ะ ก็นายเป็นเพื่อนของฉันนี่”

    ผู้เป็นพ่อทั้งสองเถียงกันแต่สายตาก็ยังไม่ละไปจากลูกๆ จนเด็กทั้งสองเดินออกไปจึงกลับมาสนใจตัวเองต่อ

    ชีวิตของมิเอเล่ดำเนินไปแบบนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งเบดิเวอร์อายุได้ 14 เขาได้รับบัตรเชิญเข้าเรียนจากโนอาห์ แต่ด้วยความที่มิเอเล่ขอร้องให้อยู่กับเธอต่อ บวกกับที่เขาไม่ได้มีความคิดจะไปโนอาห์อยู่แล้วก็ปฏิเสธไป

    เวลาผ่านไปนานขึ้น แต่ทักษะการต่อสู้ของมิเอเล่ไม่มีท่าทีจะดีขึ้นเลย พระราชาแบรนดอนที่เห็นอย่างนั้นจึงปรึกษากับไอริณ แม่ของทิวา ว่าจะช่วยเหลือลูกสาวของเขาได้ยังไงบ้าง ไอริณจึงเสนอให้มิเอเล่มาฝึกที่องค์กรรัฐบาลโลก เพราะที่องค์กรจะได้ฝึกการต่อสู้หลายแขนงมากๆ มิเอเล่อาจจะเจอสิ่งที่ตัวเองถนัดจากที่นี่ก็ได้

    หลังจากการพูดคุย มิเอเล่ก็สนใจและเห็นด้วย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอติดใจอยู่คือเธอต้องจากพรอบโพลิสและครอบครัวที่รักอีกแล้ว ตัวเธอคิดไม่ตกว่าควรจะไปดีหรือไม่ ปรึกษาเพื่อนๆลาฟลอร่ากับโนอาห์ก็แล้วอะไรก็แล้ว ความเครียดก็ยังไม่หาย จนกระทั่งวันหนึ่ง เบดิเวอร์ได้รับบัตรเชิญจากโนอาห์อีกรอบ แต่คราวนี้มาแบบรุนแรงนิดนึง ทะลุเพดานห้องทำงานลงมาเลย เหมือนจะยืนยันว่า ‘อยากได้มึงเข้าไปเรียนโว้ยยย!!’

    มิเอเล่กับเบดิเวอร์ที่อึ้งกิ้มกี่อยู่ในห้องก็ได้แต่ยอมรับคำเชิญไป พลางคิดในแง่ดีว่านี่เป็นโอกาสที่ดีและอาจจะไม่มีอีกแล้ว พอเบดิเวอร์ตอบรับบัตรเชิญ มิเอเล่จึงตกลงที่จะร่วมเข้าฝึกกับไอริณ เพราะถ้าเบดี้ของเธอไม่อยู่ เธอก็ไม่รู้จะอยู่กับใคร

    ที่ผ่านมาทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่ดีต่อกันมาก มากจนใครหน้าไหนก็จับแยกไม่ขาด พวกเขาก็เกิดเสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันต่อ แต่มันจะน่าเสียดายกว่าถ้าไม่คว้าโอกาสตรงหน้าไว้ สองวันก่อนหน้าที่ต่างคนต่างต้องออกเดินทาง พวกเขาตกลงจะไปปิคนิคกันบนเขาแห่งหนึ่ง มีทุ่งหญ้าที่มีเฉพาะพื้นหญ้านุ่มๆสีทองแวววาวกับดอกไม้สีขาวราวกับไข่มุกเติบโตขึ้น สองมือของเบดิเวอร์ที่ตอนนี้เขาได้เป็นองครักษ์หนุ่มประจำตัวองค์หญิงแก่นเซี้ยวคนนี้ปูผ้ารองนั่งลายตารางสีขาวแดงแล้วจัดที่นั่งปิคนิคให้เรียบร้อย

    พวกเขานั่งลงและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทิ้งมาดเจ้าหญิงและองครักษ์ไป เหลือเพียงเด็กหนุ่มสาวสองคนที่ผ่านอะไรมาด้วยกัน จนมิเอเล่เล่าเรื่องในอดีตของตนที่หายตัวไป

    “พอมองภูเขาลูกนี้แล้วฉันก็นึกอะไรบางอย่างได้”

    “?”

    “จำที่เคยเล่าได้มั้ย ตอนเด็กๆ ฉันแอบออกไปที่โกดังเก็บน้ำผึ้งตอนกลางคืน แล้วเผลอทำไฟไหม้ ฉันกลัวท่านพ่อดุมากเลยไปหลบที่หน้าผา แต่โชคร้ายกลับตกลงไปในทะเล แล้วก็มีกลุ่มคนมาช่วยฉันไว้ อย่างกับปาฏิหารย์เลยเนอะ”

    “...”

    “ฉันรู้สึกผิดกับทุกคนมากเลยโดยเฉพาะท่านพ่อ ฉันทำให้ทุกคนเดือดร้อน ทุกวันนี้ยังรู้สึกผิดอยู่เลย” เธอพูดด้วยสีหน้าเศร้า

    เบดิเวอร์ไม่พูดอะไรก่อนจะกระชับมือมิเอเล่เป็นการให้กำลังใจ “ฉันจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นเป็นครั้งที่สองอีกเป็นอันขาด”

    “...”

    “เธอรู้มั้ย ตั้งแต่ที่เธอหายไป ฉันเสียใจมาก ร้องไห้อยู่เป็นอาทิตย์จนฝ่าบาทกับท่านพ่อต้องมาปลอบฉันก่อนเข้านอนทุกคืน ฉันใช้เวลาทุกวันทุ่มอยู่กับการฝึกต่อสู้ ในหัวคิดแต่ว่าอยากจะแข็งแกร่ง อยากปกป้องเธอ ถึงแม้มันจะสายไป แต่ฉันก็ได้กลับมาเจอเธออีกครั้ง คราวนี้ฉันจะไม่ยอมให้เธอตายเด็ดขาดมิเล่” ดวงตาสีฟ้าสุกใสราวกับน้ำทะเลจ้องลึกไปในดวงตาสีอะเมทิสต์ของหญิงสาวอย่างหนักแน่น

    เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ เต้นเร็วกว่าปกติ พร้อมหน้าที่ขึ้นสีกับคำพูดอันอ่อนหวานชวนฝัน พลางคิดไปว่าเขาคงเป็นห่วงเราแหละ เขาอาจจะไม่ได้คิดว่าเราเป็นคนพิเศษในใจ เพราะเขาเป็นองครักษ์นี่นา หารู้ไม่ หัวใจของชายหนุ่มก็เต้นเร็วผิดปกติเหมือนกับของหญิงสาวเหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้สัมผัสถึงความรู้สึกชอบพอกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก็คิดเหมือนกัน ไม่ทันไร มิเอเล่ก็คอยเฝ้ามองเบดิเวอร์ทุกครั้งที่มีโอกาส 

    จนกระทั่งวันที่ทั้งสองต้องออกเดินทาง ทั้งมิเอเล่และเบดิเวอร์ไม่ได้พูดอะไรมาก บอกเพียงแค่โชคดี เดินทางปลอดภัย แล้วสวมกอดลา เพราะทั้งสองเค้าไปสั่งเสียนอกรอบกันเรียบร้อยแล้ว :)

    “ห้ามลืมตอบแชทฉันนะ!”

    “ไม่ลืมหรอกครับองค์หญิง”

    “ดีมาก ฉันไปแล้วนะเบดี้”

    หญิงสาวเดินขึ้นเครื่องไปก่อน ชายหนุ่มที่ยืนส่งอยู่ที่เกทก็ยืนรอจนหญิงสาวลับตาไป รู้สึกใจหายวูบที่จะไม่ได้เจอกันอีกนาน แต่เขาเชื่อว่าจะต้องได้เจอกันอีกครั้ง และก็ภาวนาอย่าให้เจ้าตัวแอบไปมีแฟนก่อน ไม่งั้นเขาคงเศร้าเพราะอกหักตายแน่ๆ

    ดูหนังบนเครื่องบินไปได้ไม่กี่เรื่อง เครื่องก็ลงจอดที่สนามบินของประเทศหนึ่งแถบออสเตรเลีย ไอริณยืนรออยู่ทางประตูทางออกพร้อมกับเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับมิเอเล่ถือป้ายที่เขียนตัวโตๆว่า Miélé ma laew ja 


    ‘ให้ตายเถอะน้าไอริณ = =;’


    เด็กสาวยิ้มแห้งๆให้กับคนคุ้นเคยของตัวเองที่กำลังยืนรอที่ประตูทางออก ในใจแอบขำปนอาย แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะสิ่งนี้สามารถบ่งบอกเธอได้เป็นอย่างดีว่าคนที่มารับที่สนามบินเป็นตัวจริงไม่ได้มีใครปลอมตัวมา

    “สวัสดีค่ะน้าไอริณ”

    “สวัสดีจ้ามิเอเล่ คิดถึงจังเลย มาให้กอดสักที ^^”

    “คิดถึงเหมือนกันค่าา แล้วคนข้างๆใครเหรอคะ”

    “อ้อ ลืมแนะนำเลย คนนี้คือเพื่อนที่มิเอเล่จะฝึกด้วยกันที่หน่วยฝึกหัดจ้ะ”

    “ฉันชื่อโซเล่ ยินดีที่ได้รู้จัก!” เด็กหนุ่มที่ชื่อโซเล่ยิ้มกว้างแล้วยื่นมือทักทาย

    “มิเอเล่ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันนะ”

    “โอเค รู้จักชื่อกันแล้ว เราไปขึ้นรถกันมั้ยจ๊ะ แล้วค่อยไปคุยกันในรถ”

    “ได้ค่ะ”

    “พร้อมมั้ยจ๊ะมิเอเล่ กับการฝึกที่กำลังจะเริ่มต้น” ไอริณถามมิเอเล่เหมือนกับที่ครูฝึกเคยถามเมื่อครั้งจะเรียนเพลงดาบใหม่ มันทำให้เธอหวั่นใจ แต่เมื่อตัดสินใจมาแล้ว เธอก็ต้องทำให้ดีที่สุด

    “พร้อมค่ะ! :)”

    และการเดินทางของสายลับสาวในมาดเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรน้ำผึ้งก็เริ่มต้นขึ้น


    ___________________________________________________________________________________________________

              สวัสดีค่า ผู้อ่านบางคนอาจจะงงๆนิดหน่อยว่าทำไมตอนนี้ถูกเพิ่มมาทีหลัง เดินทีตอนนี้เป็นตอนที่เราชี้แจงข่าวบางอย่างค่ะ แต่เห็นว่ามันไม่จำเป็นแล้ว เลยคิดอยู่นานว่าจะทำยังไงดี จนนึกได้ว่าอยากจะเขียนเบื้องลึกเบื้องหลังของตัวละครบางตัวค่ะ เลยกลายเป็นตอน 17.5 อย่างนี้ ในอนาคตก็จะมีตอนแบบนี้อีกนะคะ อดใจรอได้เลยว่าเป็นของใคร

              เรามีภาพยัยมิเล่กับเจ้าเบดี้มาฝากด้วยค่ะ เบดี้จะทรงประมาณนี้ ทรงผมอาจจะงงๆนิดหน่อยนะคะเพราะวาดให้ตามที่เราต้องการยากมาก ขออภัยด้วยค่ะ YwY



                 ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านและทุกกำลังใจนะคะ ดีใจมากเลย ขอให้สนุกกับเนื้อเรื่องแยกของน้องมิเล่นะคะ อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันด้วยน้า


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×