ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 13 : โฮมสคูลกับครูชาวเกาหลี

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 64


    TB

    13

    โฮมสคูลกับครูชาวเกาหลี 



    "เฮ้อ~ เบื่อจัง" ทิวาบ่นขณะที่ตัวเธอกำลังกลิ้งอยู่บนเตียงของกียุลไปมา

    "เบื่ออะไรอีกล่ะยัยลิง" กียุลที่นั่งทำงานของประธานนักเรียนอยู่หันมาถาม ทั้งๆที่มือก็เขียนเอกสารแต่ตาก็มองหญิงสาวนอนกลิ้งอยู่ตลอดเวลา นี่สินะเทพของแท้

    "ก็ฉันอยากไปเรียนนี่นา แต่ต้องมาหมกตัวอยู่ในห้องอย่างนี้มันน่าเบื่อ" ทิวากอดหมอนข้างแล้วกลิ้งหนักกว่าเดิม

    "อยากเรียนงั้นเหรอ?"

    "ช่าย~ อยู่เฉยๆมันน่าเบื่ออ่ะ"

    "ขอมาก็จัดให้" กียุลถอดแว่นหนาไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปหยุดตรงหน้าทิวาที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงแล้วช้อนตัวร่างบางขึ้นโดยที่เธอไม่ได้ทันตั้งตัว ทิวาดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของกียุล เขากระชับแขนให้แน่นขึ้นกลัวว่าลูกลิงที่ตนอุ้มอยู่จะหล่นลงมา ทำให้ทิวาดิ้นน้อยลงด้วยความเขินด้วย บวกกับแรงผู้หญิงจะสู้แรงผู้ชายได้ไงล่ะ ร่างบางจึงยอมให้ร่างสูงอุ้มแต่โดยดี

    กียุลค่อยๆวางทิวาลงบนเก้าอี้อย่างเบามือ แล้วเขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับทิวาพร้อมกับกองหนังสือเรียนสูงพอๆกับหอไอเฟล 

    "เอ้า! อยากเรียนวิชาอะไรเลือกเลย" กียุลสวมแว่นแล้วผายมือไปทางหอไอเฟลกองหนังสือที่วางบนโต๊ะ มีทั้งวิชาชีวะ อังกฤษ เศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี คณิต ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์ และetc. เลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียวเชียว..

    "เอ่อ... =<>=;" ทิวานั่งมองกองหนังสือพลางเหงื่อตก นี่มันอะไรกันเนี่ย!?

    "งั้นฉันเลือกให้ก็แล้วกันนะ เป็นวิชาที่พวกนั้นกำลังเรียนดีกว่า ประวัติศาสตร์" กียุลหยิบหนังสือเล่มหนาที่หน้าปกเขียนว่า history ตัวอักษรสีทองนูนสวยงาม ขนาดหน้าปกยังดูดี ข้างในจะยากขนาดไหนกัน

    "ก็ได้" ทิวาตอบแบบปัดๆไม่ค่อยอยากจะเรื่องมากสักเท่าไหร่

    "งั้นเรียนเรื่อง ประวัติศาสตร์ของโรมันละกันนะ" กียุลเปิดหนังสือหน้าที่จะเรียนแล้วยื่นให้ทิวา ส่วนเขาก็หยิบอีกเล่มขึ้นมาแล้วเปิดหน้าเดียวกัน

    "...ประวัติศาสตร์กรุงโรมโบราณเริ่มต้นขึ้นด้วยการล้มล้างจากกษัตริย์ต่างเมือง เมื่อ 509 ก่อนคริสต์ศักราช แต่ชาวโรมันต้องการบันทึกประวัติศาสตร์เมืองของพวกเขาย้อนไปถึงช่วงระยะเวลา 753 ปี ก่อนคริสต์ศักราช นั่นคือ เมื่อวีรบุรุษในตำนาน ชื่อ รอมิวลุส ได้รับการกล่าวกันว่าเป็นผู้ก่อตั้งกรุงโรม 

    ตำนานเป็นเรื่องเล่าที่ได้รับความนิยมจากยุคก่อนซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้  ตำนานเกี่ยวกับการสถาปนากรุงโรมเริ่มต้นด้วยอีเนียส วีรบุรุษของสงครามเมืองทรอยที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศอิตาลีหลังจากที่เมืองทรอยถูกทำลาย.."

    "..." ทิวาก้มหน้าเลคเชอร์ส่วนสำคัญตามที่กียุลพูด

    "ตำนานเดินเรื่องโดยฝาแฝดรอมิวลุสและเรมุส ลูกหลานของอีเนียสผู้ก่อตั้งกรุงโรม พวกเขาถูกแม่ทิ้ง แต่ได้รับการช่วยเหลือจากหมาป่า เมื่อฝาแฝดเติบโตขึ้นพวกเขาได้แย่งชิงสถานที่ตั้งกรุงโรม รอมิวลุสได้ฆ่าน้องชายของเขาและได้ลากเส้นขอบเขตของกรุงโรมรอบเนินเขา Palatine.."

    "..."

    "หลังจากรอมิวลุสเสียชีวิต กษัตริย์โรมันก็ได้ปกครองเมืองมาเป็นลำดับ  อย่างไรก็ตาม ในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช  พวกอีทรัสคัน จากภาคเหนือของอิตาลี ได้พิชิตกรุงโรม ชาวโรมันได้โค่นล้มกษัตริย์ชาวอีทรัสคันและก่อรูปแบบสาธารณรัฐเมื่อ 509 ปี ก่อนคริสต์ศักราช เพื่อฟื้นฟูการปกครองตนเอง สาธารณรัฐ คือ รัฐ ซึ่งประชาชนเลือกตัวแทนมาปกครองในนามของพวกเขา.."

    "..."

    "ดูเธอไม่ค่อยมีอารมณ์อยากเรียนเลยนะทิวา ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?" กียุลที่คอยสังเกตพฤติกรรมทิวาตลอดก็ทักเธอขึ้น ทำให้คนโดนทักสะดุ้งนิดๆแต่ก็ปั้นรอยยิ้มไว้บนหน้าของเธอที่ดูก็รู้แล้วว่า 'ฝืนยิ้ม'

    "ไม่มีอะไรหรอก เรียนต่อเถอะ-"

    "ไม่บอกฉันไม่สอนต่อ" กียุลปิดหนังสือดังปังแล้วจ้องหน้าทิวาเขม็ง

    "เอ่อ..."

    "อย่าอ้ำอึ้ง บอกมา"

    "ฉันแค่.. อยากเรียนนอกห้อง อยากออกไปข้างนอกน่ะ อยู่ในห้องมันน่าเบื่อจะตาย" ทิวาตอบอย่างหงอยๆ

    "...ไว้ถ้าเรียนเสร็จเดี๋ยวฉันพาไปที่ที่เธออยากไปละกัน ตอนนี้ต้องเรียนก่อน" กียุลเงียบไปสักพักแล้วตอบทิวาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    "อืม"

    "เธออยากเรียนอะไรล่ะ?"

    "ยังไงอ่ะ?"

    "ก็วิชาไหนที่เธออยากเรียน ในตอนนี้ อะไรประมาณนี้น่ะ ถ้าเธอมีความสุขในการเรียนฉันก็จะได้สอนได้ง่ายขึ้น แล้วก็แฮปปี้ขึ้นด้วยนะ :)"

    "เอ่อ.. ฉันชอบภูมิศาสตร์ เอาภูมิศาสตร์ละกัน -//-" รอยยิ้มของกียุลที่ส่งมาให้ทิวาเมื่อกี้ทำหญิงสาวแก้มขึ้นสีนิดๆ คนอะไรจะเพอร์เฟคต์ขนาดนี้ -////-

    "งั้นเรามาเล่นเกมตอบคำถามกัน เกี่ยวกับความรู้รอบตัวเรื่องภูมิศาสตร์ ถือว่าเป็นการเรียนรู้ไปในตัวด้วยเลยแล้วกัน" 

    "เอาสิ! นายแพ้ฉันแน่ตาตี๋!!"

    "เหอะๆ รอดูตอนจบแล้วกันว่าจะจบแบบไหน อ้อ ฉันต่อให้ เธอสามารถใช้หนังสือเป็นตัวช่วยได้นะ" กียุลยื่นหนังสือเล่มหนาปานกลางหน้าปกสลักด้วยตัวอักษรสีทองนูนว่า Geography ให้ทิวา

    "ต่อได้น่าเกลียดมาก หาว่าฉันโง่รึไง!!"

    "เปล่าครับ งั้นมาเริ่มเกมกัน ใครแพ้ต้องโดนคนชนะทำโทษ"

    "ได้เลย! ฉันเปิดก่อนละกัน เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มขึ้นของแก๊สเรือนกระจกในบรรยากาศคืออะไร?" ทิวาประเดิมเปิดคำถามแรก ทำเอากียุลสะอึกไปครู่นึง แต่คำถามแค่นี้ไม่คณามือเขาหรอก

    "การปฏิวัติอุตสาหกรรม"

    "ถูกอ่ะ.. ตานายละ" ทิวาจิ๊ปากไม่พอใจแล้วเปิดโอกาสให้กียุลถามคำถามต่อ

    "เอาง่ายๆละกัน ประเทศที่ปลูกข้าวสาลีมากที่สุดในยุโรป คืออะไร?"

    "ยูเครน! แค่นี้ของกล้วยๆ" ทิวาตอบอย่างเหนือๆ

    "ถูกต้อง ตาเธอแล้ว ไม่ถามต่อล่ะ?"

    "นึกแปบสิตาตี๋! หากต้องการศึกษาทะเลสาบน้ำเค็มควรไปที่ทะเลสาบใด?"

    "อืม.. ทะเลสาบบัลคาช สาธารณรัฐคาซัคสถาน"

    "ฉลาดดีนี่"

    "ก็ไม่เท่าไหร่หรอก การศึกษาเกี่ยวกับภูเขาไฟที่มีพลังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควรดำเนินการในประเทศไหนบ้าง?"

    "อ่า... อินโดกับฟิลิปปินส์?"

    "ถูกต้อง!"

    "เย้!!" ทิวาร้องเย้ด้วยความดีใจและปลื้มปริ่ม 

    "เธอก็เก่งเหมือนกันนะ"

    "แน่นอนอยู่แล้ว!"

    "อย่างนี้ฉันยิ่งหลงรักเลย.." กียุลพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาและเดาใจไม่ออก เขาค่อยยื่นหน้าให้เข้าใกล้ใบหน้าทิวามากขึ้น ร่างบางได้แต่นั่งแข็งทื่อด้วยใบหน้าที่แดงก่ำอยู่กับที่ ทั้งๆที่สมองสั่งการให้รีบวิ่งหนีออกไปจากพันธนาการตรงนี้ แต่ทำไมขาไม่ยอมทำตามคำสั่งก็ไม่รู้ เพราะว่าไม่รังเกียจที่จะโดนเขาจู่โจมแบบนี้เหรอ? ไม่ใช่สิ!! ต้องหาทางหนี

    "0////0" 


    'หน้าใกล้ขนาดนี้หนูกลัวจนขยับไม่ได้แล้วค่า T_T'


    "T/////T"

    "โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้" กียุลหลุบตาลงแล้วถอยกลับไปนั่งที่เดิม เปิดโอกาสให้ทิวาได้หายใจให้ทั่วท้อง เมื่อกี้เกือบทำเธอหัวใจวายตายเลยนะน่ะ 

    "นายนี่ชอบทำให้ใจฉันหวั่นๆอยู่เรื่อยเลย!"

    "แล้วไม่ชอบเหรอ"

    "ไม่รู้! ฉันถามต่อละกัน"

    "อัญเชิญเปิดการ์ดคำถามเลยครับ" กียุลตอบกลับอย่างกวนประสาท

    "-*- หากเวลาที่ประเทศ A คือ 9.00 น. ประเทศซึ่งอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออก 15 องศาจะเป็นเวลาใด?"

    "มาซะเป็นคณิตศาสตร์เลยนะยัยลิง ขอคิดแปบนึง" กียุลหยิบปากกาแล้วเขียนๆบางอย่างอยู่ เหมือนจะทดเลขแต่ก็ไม่น่าจะใช่ ทิวาก็ชะเง้อคอมองสิ่งที่ชายหนุ่มเขียนตลอด เขาก็พยายามบังไม่ให้คนที่กำลังชะเง้อคอมองเห็นสิ่งที่เขาเขียน

    "หาคำตอบเจอยัง~"

    "ได้แล้ว 10.00 น. ใช่มั้ยล่ะ?"

    "ว้า~ ดันถูกซะได้ -3-" ทิวาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

    "ยัยลิงกัง! -*-"

    หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ผลัดกันตั้งคำถามและตอบกันมาจนเวลาล่วงเลยไปประมาณ 20 ข้อได้ ไม่มีใครผิดเลยสักคน เกมนี้จะยังไม่จบง่ายๆแน่ถ้าไม่มีใครผิด ทิวาที่เริ่มขี้เกียจเล่นแล้วก็นึกในใจว่าควรจะจบได้แล้วเพราะว่ามันใช้เวลายาวนานมาก ต้องหาคำถามที่กียุลไม่ค่อยรู้ อืม.. 

    "ตาฉันสินะ" ทิวาเหยียดยิ้มอย่างผู้มีชัยแล้วเริ่มเอ่ยคำถามกับกียุล "จงบอกชื่อเต็มของกรุงเทพมา!"

    "หา!?"

    "ว่ามาๆฉันรอฟังอยู่~" ทิวาทำท่าเอามือมาแนบกับหลังหูเหมือนกำลังฟังบางอย่างที่เสียงเบาเยาะเย้ยชายหนุ่มที่นั่งเหงื่อตกอยู่ตรงข้าม


    'นี่เราจะมาตกม้าตายเพราะชื่อเต็มของกรุงเทพบ้านเกิดยัยลิงกังเนี่ยนะ!? ไม่ได้ๆ คิดสิคิด กียุลคิด!!!'


    "..กรุงเทพมหานคร.. อะ..อมรรัตนโกสินทร์.." กียุลกล่าวช้าๆเพื่อไม่ให้ตอบผิด ในสมองกำลังประมวลผลนึกชื่อเต็มๆ 

    "ต่อ~"

    "มหินทรายุธยา...  มหาดิลกภพ เอ่อ....นพรัตนราชธานี..บูรีรมย์?"

    "ต่อๆ"

    "ขอนึกแปบ อะ..อุดมราชนิเวศน์มหา..สถาน อมรพิมานอวตารสถิต... สักกะทัตติยวิษณุกรรมมะสิทธิ์!"

    "ผิด!!!!"

    "ห๊ะ!!??" อย่างกับเกมโชว์withคุณปัญญา กียุลอุทานดังลั่นห้องเมื่อรู้ว่าตัวเองตอบผิด เขาว่าเขาตอบถูกแล้วนะ ตอบอย่างมั่นใจและก็ผิดอย่างมั่นใจ(?) มีเสียงเพล้งลอยมาเบาๆพร้อมกับความหน้าแตกของประธานหนุ่ม

    "ประโยคสุดท้ายนายตอบผิด มันต้องเป็น สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ต่างหาก! ฉันชนะ!!!! เย้!!!!!!!" ทิวาตะโกนอย่างสะใจ ในชีวิตนี้เธอชนะกียุลได้น้อยครั้งมาก การชนะแต่ละทีก็นำมาซึ่งความปลื้มปริ่มปิติยินดีแก่ตัวทิวาอย่างยิ่ง ร่างบางกระโดดโหยงเหยงไปมาด้วยความดีใจเหมือนเด็กน้อยที่ได้รับของเล่นชิ้นใหม่


    'เฮ้อ.. ยัยลิงก็เป็นยัยลิงอยู่ดีล่ะนะ'


    "ฉันแพ้แล้วล่ะ ให้ฉันทำอะไรสั่งมาเลย"

    "อืม.. อะไรดีน้า~ เยอะแยะจนเลือกไม่ถูกเลยล่ะ!!" ทิวายิ้มอย่างมีเลศนัย

    "ได้ทีเอาใหญ่เลยนะยัยลิง! -*-"

    "พูดมากนะนายตี๋ ฉันยังคิดไม่ออกอ่ะ เอาเป็นว่าถ้าคิดออกเมื่อไหร่เดี๋ยวจะบอกเอง"

    "ฉันว่ามันต้องเป็นเรื่องประหลาดๆแน่ๆ"

    "นายตี๋ปากเสีย!!" ทิวาด่ากียุลแล้วกอดอกสะบัดหน้าใส่

    "งอนเหรอ"

    "ไม่ได้งอน แค่ไม่อยากคุยด้วย!"


    'งอนชัดๆ =_='


    "หาย--" กียุลพูดไม่ทันจบประโยคทิวาก็ขัดขึ้นมาอย่างดื้อๆ

    "ฉันอยากไปเดินเล่นข้างนอก นายจะไปด้วยมั้ย?"

    "เอ่อ..." ทิวาที่ได้ยินกียุลพูดว่า เอ่อ.. มานานแล้วก็หันกลับไปดูบนโต๊ะทำงานของเขา ก็เห็นกองเอกสารขนาดเท่าเอเวอเรสได้ งานเยอะสุดๆเลยนี่หว่า "ขอฉันทำงานเสร็จก่อนนะเดี๋ยวจะพาไป"

    "แต่ฉันอยากไปตอนนี้เลยอ่ะ"

    "งั้น.. ถ้าฉันทำกองนี้เสร็จเดี๋ยวพาไป" กียุลแบ่งกองเอกสารออกมาส่วนนึงแล้วชูให้ทิวาเห็น

    "โห อีกนานอ่ะ ฉันจะไปตอนนี้! จะไปตอนนี้!!!"

    "อย่าเอาแต่ใจสิทิวา!!" กียุลตะคอกใส่ทิวา ทำเอาเธอชะงักและเงียบลงทันที นานครั้งที่ชายหนุ่มจะตะคอกใส่เธอ เจอแบบนี้ก็ต้องมีอึ้งกันบ้างแหละ

    "..."

    "..."

    "ฉันขอโทษ เดี๋ยวฉันไปเองละกัน จะเอาอะไรรึเปล่า?"

    "ไม่เป็นไร แต่ว่าเธอต้องระวังตัวให้ดีนะ มีอะไรก็เข็มกลัดเลย ระวังตัวดีๆล่ะ เดี๋ยวถ้าเสร็จกองนี้ฉันจะรีบตามไป" กียุลย้ำด้วยความเป็นห่วง

    "ได้เลย งั้นฉันไปก่อนนะ"

    "เป็นห่วงนะทิวา!" จู่ๆกียุลก็ตะโกนขึ้น คำพูดที่ออกจากปากชายหนุ่มเมื่อกี้ทำหญิงสาวหน้าขึ้นสี แล้วยิ้มกว้าง มันฟังแล้วดูเขินๆแต่ว่าอบอุ่นมากๆ

    "ขอบคุณนะ กียุล"

    "โชคดีนะ" สิ้นสุดคำบอกลา ทิวาก็เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกจากห้องไป


    ปัง!


    'อ่าว เราหยิบปิ่นปักผมติดมือมาทำไม แต่ช่างเถอะขี้เกียจเดินกลับแล้ว =_= ใส่กระเป๋ากางเกงไว้นี่แหละ'


    "เฮ้อ..."


    'ให้ตายสิ เอาแต่ใจแบบนี้ต้องลงโทษให้หลาบจำหน่อยแล้ว ยัยลิงกัง :)'


    20 นาทีผ่านไป

    [กียุล กียุลอยู่มั้ยจ้ะ] เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากเข็มกลัดที่ติดอยู่บนเสื้อนอกของกียุล

    "ยอโบเซโย อยู่ครับ แม่ไอริณ" กียุลใช้มือสัมผัสเข็มกลัดแล้วพูด

    [จำกล่องสีทองที่แม่ฝากทิวาไว้เมื่อวันก่อนได้มั้ยจ๊ะ?]

    "ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ"

    [วานกียุลเอามาให้แม่หน่อยได้มั้ยจ๊ะ น่าจะอยู่ที่ทิวานะ]

    "ได้ครับ แล้วเอาไปให้ที่ไหนเหรอครับ"

    [ห้องแม่นี่แหละจ้ะ ตอนนี้แม่ทำงานอยู่น่ะเคาะประตูแล้วเข้ามาได้เลย ขอบคุณมากนะจ๊ะ]

    "ได้เลยครับ"


    'กล่องสีทอง.. เหมือนเห็นยัยลิงถือออกไปเมื่อกี้นะ'


    กียุลกำลังจะลุกขึ้นไปหากล่อง แต่ก็ฉุดคิดได้ว่า ถ้าจะค้นของๆใครก็ควรจะขออนุญาตเขาก่อน ชายหนุ่มจึงทำการติดต่อผ่านทางเข็มกลัดทันที

    "ฮัลโหลยัยลิง"

    [คำก็ยัยลิงสองคำก็ยัยลิงนะยะ มีอะไรตาตี๋ -*-] เสียงใสจากปลายสายพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด

    "ตอนนี้เธออยู่ไหน?"

    [Hot n' Cold Café น่ะ มีอะไร?]

    "แม่เธอบอกว่าจะเอากล่องสีทองน่ะ มันอยู่ไหนเหรอ?"

    [กล่องสีทอง? อ๋อ.. อยู่ในลิ้นชักหัวเตียงน่ะ]

    "หัวเตียงไหน?"

    [ในห้องนั้นมันก็มีอยู่เตียงเดียวนั่นแหละจะเตียงไหนอีกล่ะ!]


    'แสดงว่าไม่ได้หยิบไปสินะ'


    "เตียงที่เรานอนด้วยกันเหรอ?"

    [เออเว้ย!! -////-]

    "ฮ่าๆๆโอเคๆ แค่นี้แหละ บาย"

    [บาย]

    "เป็นห่วงนะ"

    [รู้แล้วย่ะ!! -//////-]

    แล้วทิวาก็กดวางสายใส่กียุล


    'แกล้งยัยลิงนี่มันสนุกดีจริงๆ แต่ก็เป็นห่วงจริงๆล่ะนะ..'


    Hot n' Cold Café 

    ภายในร้านคาเฟ่ที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลอ่อน-ขาวสไตล์ธรรมชาติ มักจะมีลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย และหนึ่งในนั้นก็มีทิวาอยู่ด้วย ร่างบางที่อยู่ในร่างของชายหนุ่มอายุประมาณ 18 ปีกำลังนั่งเล่นเกมพัซเซิลอยู่ในมุมหนังสือของร้าน เป็นมุมที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามานั่ง เธอจึงเลือกนั่งตรงนี้เพื่อที่จะได้ไม่มีคนเห็นเธอมากนัก บนโต๊ะมีเพียงแก้วชาเขียวปั่นวางอยู่ แต่อีกไม่นานก็คงมีจานขนมมาเสิร์ฟบนโต๊ะตามสไตล์ของทิวาแน่ๆ

    "พีนัทบัตเตอร์โทสต์ได้แล้วค่ะ~" พนักงานสาวค่อยๆวางขนมลงบนโต๊ะของทิวาอย่างมีมารยาท

    "ขอบคุณฮะ" อยู่ข้างนอกก็ต้องตามน้ำไปเพื่อการปลอมตัวที่แนบเนียน ทิวากล่าวขอบคุณโดยเปลี่ยนหางเสียง จะได้ดูเหมือนผู้ชาย

    "เอ... คุณลูกค้าหน้าเหมือนผู้หญิงเลยนะคะ" พนักงานสาวทัก ทำทิวาแทบสะดุ้ง

    "อ่ะ..เอ่อ... แต่ผมเป็นผู้ชายนะฮะ ^^;"

    "คือฉันชมน่ะค่ะ ขนาดผู้ชายยังหน้าสวยได้ขนาดนี้ ถ้าเกิดคุณเป็นผู้หญิงฉันว่าต้องสวยมากแน่ๆเลยค่ะ ดูท่าคุณจะดูแลตัวเองดีเลยนะคะ" พนักงานสาวยิ้มให้ทิวาอย่างเดียงสา

    "ขอบคุณฮะ ^^"

    "ขอโทษที่รบกวนนะคะ เชิญรับประทานอาหารให้อร่อยนะคะ" เธอโค้งให้ทิวาแล้วเดินออกไป


    'ฟู่ว.. เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ =_=;'


    [ฮัลโหลยัยลิง] เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นจากเข็มกลัด

    "คำก็ยัยลิงสองคำก็ยัยลิงนะยะ มีอะไรตาตี๋ -*-"

    "พีนัทบัตเตอร์โทสต์นี่อร่อยจริงๆเลยน้า~" ทิวานั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์เมื่อกินโทสต์ชิ้นสุดท้ายเสร็จ ใบหน้าของหญิงสาวดูอิ่มเอมมากๆ

    "ขออนุญาตเก็บจานนะคะ" พนักงานสาวคนเดิมเดินมาเก็บจานที่โต๊ะทิวา

    "เช็คบิลเลยนะฮะ"

    "ได้เลยค่ะ" พนักงานสาวเก็บจานแล้วเดินหายไป ทิวานั่งรออยู่ครู่นึงเธอก็เดินมาพร้อมกับบิลเงินสด

    "ทั้งหมด 244 บาทค่ะ"

    "แปบนะฮะ" ทิวาล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบเงินกับเศษเหรียญจำนวนพอดีกับราคา "นี่ครับ"

    "244 บาทพอดีนะคะ ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ ไว้คราวหน้ากลับมาใช้บริการได้ใหม่นะคะ ^^" พนักงานสาวโค้งคำนับให้ทิวา

    "ฮะ ^^" ทิวาเก็บของแล้วเดินออกไป ในหัวกำลังคิดว่าจะไปไหนต่อดี โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตัวเธอเองได้ทำอะไรบางอย่างหล่นเอาไว้

    "เอ๊ะ?" พนักงานสาวที่เห็นของหล่นก็จะหันไปเรียกทิวา "คุณลูกค้าคะ! อย่าเพิ่ง-!" เธอหยิบบางสิ่งที่อยู่บนเก้าอี้ที่ทิวาเพิ่งลุกออกไปแล้วเรียกเจ้าของของชิ้นนี้ แต่ก็โดนดึงคอเสื้อโดยใครบางคนก่อนที่จะตะโกนออกไป

    "ของชิ้นนั้นเดี๋ยวฉันจะเก็บมันไว้เองค่ะ" 

    "คุณบลองค์ชาร์ด!?"

    "สวัสดีค่ะราเควล ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ^^" คนที่มีนามว่าบลองค์ชาร์ดกล่าวทักทายพนักงานสาวอย่างคุ้นเคยตามประสาตัวเอง

    "สวัสดีค่ะคุณบลองค์ชาร์ด มาหาฉันถึงที่ต้องมีอะไรแน่ๆ" ราเควลทักทายตอบ

    "ตอนแรกก็ไม่มีหรอกค่ะ แต่ว่าพอมีของในมือเท่านั้นแหละ มีเลยค่ะ ^^"

    "สิ่งที่ชายคนเมื่อกี้ทำหล่นไว้น่ะเหรอคะ?" ราเควลยื่นของที่อยู่ในมือให้คู่สนทนาดู

    ไลลา บลองค์ชาร์ด หัวหน้าแก๊งฟักทองทมิฬ ผู้กบดานลำดับที่ 1(?) เป็นผู้ดูแลร้าน Hot n' Cold Café แต่ก็เป็นแค่ฉากบังตาเท่านั้น เบื้องหลังจริงๆเธอและพรรคพวกได้ทำงานผิดกฏหมายโดยใช้ชื่อแก๊งที่เธอตั้งขึ้นว่า ฟักทองทมิฬ ซึ่งเป็นแก๊งที่ตอนนี้องค์กรรัฐบาลโลกกำลังตามจับอยู่ ไลลามีเป้าหมายที่จะช่วงชิงของที่หายไปทั้ง 5 

    ราเควล ผู้กบดานลำดับที่ 2(??)เป็นพนักงานเสิร์ฟร้าน Hot n' Cold Café หนึ่งในลูกทีมทั้งหกของแก๊งฟักทองทมิฬ ที่มี 'ไลลา บลองค์ชาร์ด' เป็นหัวหน้าแก๊ง หญิงสาวผู้มีความสามารถในการเล่นละครตบตาคนขนาดนักแสดงฮอลลีวูดต้องขอเป็นลูกศิษย์ ชนิดที่กวาดรางวัลออสการ์มาครอบครองได้ถึง 13 สมัย(=_=?) แต่ถึงอย่างนั้นนิสัยจริงๆของเธอเป็นคนเรียบร้อยและมีมารยาทพอๆกับยูริเลยล่ะ

    การที่จะมีผู้หญิงอยู่บนเรือโนอาห์ได้นั้นมีได้แค่ 2 กรณีเท่านั้น 

    1.ครูผู้สอน จะต้องผ่านการทดสอบสุดโหดจากผู้อำนวยการได้เท่านั้นจึงจะถูกบรรจุเป็นครูในโนอาห์นี้ได้ ครูที่เป็นผู้หญิงก็มีครูโซลอี้ที่ปรากฎตัวในตอนที่ 2 นั่นเอง

    2.เจ้าของกิจการ และลูกจ้าง ในที่นี้ไลลาได้ใช้ร้านคาเฟ่ของพี่ชายเป็นฉากบังหน้า และให้ลูกทีมของตนมาทำงานในร้าน จึงไม่มีใครสงสัยอะไรในตรงนี้

    "น่าจะใช่นะคะ เหมือนกับปิ่นปักผมโบราณที่หายไปเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน" ไลลาหยิบปิ่นปักผมจากมือราเควลแล้วพลิกดูไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    "ดูถ้าจะขายในตลาดมืดได้ราคาดีเลยนะคะ ไว้ยังไงก็แบ่งให้บ้างนะคะ ก็ฉันเป็นคนเจอนี่นา"

    "ได้เลยค่ะ แล้วทางราเควลได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆมาบ้างมั้ยคะ"

    "ไม่มีเลยค่ะ ข้อมูลที่พนักงานชายในร้านให้ก็ไม่มีอะไรใหม่ๆเลย คงต้องสืบต่ออีกนาน"

    "น่าเสียดายจัง งั้นพอจะรู้มั้ยคะว่า'เขา'อยู่ไหน?"

    "ในสวนพฤกษศาสตร์ค่ะ ถ้าไปตอนนี้ยังไม่มีคน ต้องรีบไปหน่อยแล้วล่ะค่ะ"

    "ขอบคุณมากค่ะราเควล จะเอาปิ่นปักผมนี่ไปเช็คซะหน่อยว่าใช่รึเปล่า ไปก่อนนะคะ" ไลลาบอกลาราเควลแล้วเดินออกจากร้านไป พนักงานสาวมองร่างเล็กจนลับสายตาตนแล้วจึงหันหลังทำงานต่อ


    'เกมเริ่มแล้วสินะคะ คุณบลองค์ชาร์ด'


    ร่างเล็กวิ่งไปตามทางเดินภายในเรือ ระหว่างทางไร้ผู้คนเพราะได้เวลาเริ่มเรียนคาบแรกแล้ว เสียงกุ๊งกิ๊งของกระดิ่งดังกังวาลขึ้นเป็นจังหวะที่เธอวิ่ง เท้าเล็กๆได้ย่างก้าวมาหยุดตรงหน้าประตูทางเข้าที่มีป้ายเขียนไว้ว่าสวนพฤกษศาสตร์ เธอยืนอ่านป้ายอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเดินเข้าไป หญิงสาวเดินเข้าไปในสวนเรื่อยๆจนถึงศาลาสีขาวมุมสวน ซึ่งตั้งอยู่แถวๆต้นพิกุลต้นใหญ่

    ในขณะที่ไลลาจะเดินเข้าไปในศาลา สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นต้นไม้พุ่มเตี้ยที่เติบโตแถวๆโคนต้นพิกุล เธอนั่งยองๆแล้วใช้มือเล็กสัมผัสดอกมันอย่างเบามือ ก่อนจะกระชากดอกออกมาทั้งช่อแล้วขยี้จนมันช้ำและขาดจนไม่เหลือชิ้นดี ความเคียดแค้นที่อัดอั้นมานานถูกระบายผ่านทางมือส่งไปถึงดอกไม้ที่เพิ่งถูกทำลายไปเมื่อกี้ ดอกนั้นก็คือดอก'ทิวา'นั่นเอง

    "หนอย... ยัยทิวา.. เพราะเธอ!! ถึงทำให้ฉันเป็นอย่างทุกวันนี้!!! เธอพรากทุกอย่างไปจากชั้น!!! เธอเป็นที่ 1 ของทุกคนแทนที่จะเป็นฉัน!!!!!" ไลลาระบายโทสะลงกับดอกทิวาที่ถูกเธอทำลายไปเมื่อกี้ เธอทั้งทุบมัน ขยี้มัน เหยียบมัน จนไม่เหลือสภาพดอกไม้แม้แต่น้อย

    "ทางนี้ผมยังไม่ได้ถ่ายเลยครับ~"


    'แย่แล้ว!? มีคนมา!?'


    เสียงของใครบางคนดังขึ้นทำให้ไลลารีบหาที่ซ่อนตัวโดยเร็ว เธอวิ่งเข้าไปในศาลาแล้วเข้าไปหลบในประตูลับใต้ดินที่เชื่อมต่อกับประตูทางออกโดยไม่สนว่าจะใช่ทางที่ถูกหรือไม่ ขอแค่หลบพ้นก็พอ 


    'โชคดีที่ให้พี่ชายทำทางลับไว้ให้ ไม่งั้นเมื่อกี้ซวยแน่ๆเลยเรา'


    ร่างเล็กคลานมาตามทางเรื่อยๆจนเจอแสงสว่างที่ปลายทาง เมื่อเธอออกมาจากทางลับก็มาโผล่ตรงต้นสนข้างประตูทางออกสวน หญิงสาวรีบวิ่งออกมาจากสวนให้ห่างที่สุดแล้วเช็คสภาพตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปเจอกับผู้คน แต่เธอก็เพิ่งมารู้ตัวว่าบางสิ่งได้หายไปจากมือเธอ

    "ปิ่น!? ปิ่นปักผมไปไหนแล้ว!? โธ่เว้ย!!!!" ไลลาสบถอย่างหัวเสียสุดๆ เธอทำปิ่นปักผมหล่นไว้ตรงต้นทิวาแน่ๆ ขออย่าให้ใครไปเจอมันเลย นี่เธอจะนกอีกแล้วเหรอ

    ไลลาขยี้หัวตัวเองแรงๆแก้หงุดหงิดแล้วเดินกับร้านคาเฟ่ของตนไปในสภาพที่ปลงอย่างแรงสุดๆ

    "ทุกคน!! ดูสิพวกผมเจออะไร!!!" ดันเต้วิ่งไปหากลุ่มเพื่อนโดยมีนาซิสซ่าวิ่งตามมาติดๆ ในมือชูปิ่นปักผมที่ตัวเองเจอเมื่อครู่ให้เพื่อนๆได้เห็น

    "อะไรของยูอีกล่ะดันเต้ หือ!?" คริสโตเฟอร์หันมาพูดกับเพื่อนซี้อย่างเบื่อหน่าย แต่ดวงตาเขาก็เบิกกว้างเพราะของในมือเขามันไม่ใช่ของธรรมดา

    "เฮ้ย!!!???" ทั้งหกอุทานพร้อมกันดังลั่นสวน

    "ผมไปเจอมาใต้ต้นทิวาน่ะครับ ไม่รู้ว่าใช่รึเปล่าแต่ก็หยิบมาแล้วน่ะครับ แหะๆ" ดันเต้หัวเราะแห้งๆ

    "แล้วมันมาอยู่ตรงนั้นได้ไงล่ะน่อ?" เหมยฮัวถาม

    "นั่นน่ะสิ ใครจะเอามาวางไว้ล่ะ แถมเลดี้ทิวาก็ตัวติดกับกียุลตลอด ไม่น่าจะไปไหนมาไหนคนเดียว(คิดผิดแล้วลูกเอ้ย) ในสวนนี้ก็ไม่มีใครนอกจากพวกเราด้วย" คริสโตเฟอร์พูด

    "ฉันว่าพวกเรากลับกันก่อนมั้ย ชักจะใจไม่ดีแล้วสิ" โรซารี่มีสีหน้าที่ตึงเครียดสุดๆ

    "ยูริว่ากลับก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ! ยูริเป็นห่วงคุณทิวา"

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    "หืม? ฉันเหรอ? ก็สบายดีนี่ตาตี๋ดูแลดีนะ (' ')" ทิวานั่งดูทีวีตาใสแป๋วอยู่บนเตียงนอน ผิดกับเพื่อนๆของเธอที่วิ่งแทบจะลากเลือดจากชั้นดาดฟ้ามาถึงชั้นที่ 2 ที่ห้องของกียุล

    "คุณทิวาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วน่ะขอรับ พวกกระผมเป็นห่วง ^^;" ฮอรัสพูดไปปาดเหงื่อไป

    "ว่าแต่พวกเธอมามีอะไรเหรอ ยังไม่เลิกเรียนเลยนี่?"

    "ทำไมวันนี้คุณทิวาปล่อยผมล่ะครับ?" อเล็กเซถาม

    "อ๋อ พอดีแท่งปิ่นปักผมฉันหายน่ะ เลยไม่มีอะไรมัดผม"

    "นี่ใช่ปิ่นที่หายไปรึเปล่าครับ?" ดันเต้ยื่นปิ่นปักผมให้ทิวาดู 

    "เฮ้ย!? นี่ปิ่นปักผมของฉันนี่! นายไปเจอมันที่ไหนอ่ะดันเต้!?" ทิวารีบหยิบปิ่นปักผมจากมือดันเต้แล้วพลิกมันดูไปมา 

    "เอ่อ.. ในสวนพฤกษศาสตร์น่ะครับ คุณทิวาได้ไปที่นั่นบ้างรึเปล่า?"

    "ไม่ได้ไปเลยนะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าสวนนั่นตั้งอยู่ส่วนไหนของเรือ"

    "เหรอครับ..."


    ก๊อก! ก๊อก!


    "เชิญค่า!" ทิวาตะโกน ประตูถูกเปิดโดยเจ้าของห้องๆนี้ กียุลนั่นเอง

    "อ้าว? ไหงพวกนายมาสุมหัวอยู่ห้องฉันกันหมดทุกคนล่ะน่ะ" มาถึงก็ปากเสียใส่เพื่อนทันที กียุลค่อยๆปิดประตูแล้วเดินไปหาพวกเพื่อน

    "พวกฉันมาเยี่ยมทิวาน่ะ" โรซารี่ตอบ

    "แถมผมก็ยังเจอสิ่งนี้ตกอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์ด้วยนะครับ" ดันเต้พูด

    "อะไร?" กียุลเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

    "ปิ่นปักผมของฉันน่ะ สงสัยคงทำตกตอนจ่ายเงินที่คาเฟ่" ทิวาชูปิ่นให้กียุลดู

    "ทำหล่นที่คาเฟ่? แล้วมันไปโผล่ที่สวนพฤกษศาสตร์ได้ยังไง?"

    "ฉันจะไปรู้เรอะนายตี๋!"

    "เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเธอไปดูกล้องวงจรปิดกับฉัน แต่ตอนนี้ขอเคลียร์เรื่องนี้ก่อน" กียุลตัดบทอย่างนิ่งสงบ

    "เรื่องอะไร?"

    "ผอ.ไนติงเกลบอกว่าของที่อยู่ในนี้คือหนึ่งในของที่หายสาปสูญไปเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน พวกเธอลองเปิดดูสิ" กียุลส่งกล่องสีทองไปให้ทิวา

    "บทจะง่ายก็เจอง่ายเลยนะ -*-;"

    "ยังไงก็เปิดก่อนเถอะเจ้าค่ะ"

    "กียุลไม่มาดูด้วยกันเหรอ?" โรซารี่ถาม

    "ไม่ล่ะ ฉันดูแล้ว"

    "โอเค ฉันจะเปิดแล้วนะ" ทิวาค่อยๆเปิดฝากล่องออก ภายในกล่องสี่เหลี่ยมมีปิ่นปักผมที่ทำด้วยทองแท้อยู่ รูปร่างลักษณะเหมือนปิ่นปักผมของทิวาราวกับพิมพ์เดียวกัน เว้นแต่ว่าปิ่นปักผมชิ้นนี้ไม่มีโซ่สองเส้นห้อย สร้างความตกใจให้ทุกคนมากโดยเฉพาะทิวา ส่วนกียุลน่ะเหรอ เขาตกใจไปเรียบร้อยแล้วล่ะ -_-


    "นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย.. ทำไมมีปิ่นปักผมถึงสองอัน..!?"


    ________________________________________________________________________________________

         ขอขอบคุณสำหรับแรงตอบรับจากนักอ่านทุกท่านนะคะ ยังไงก็คอมเม้นท์ให้กำลังใจกัน กดfavได้ ยินดีให้กดอย่างยิ่งเลยค่ะ วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่า~ ^0^


         ปล.พรุ่งนี้มีตอนสเปเชี่ยลของคนบางคนด้วยน้า ทายกันได้นะคะว่าเป็นใคร~ :D คำใบ้เป็นผู้ชายค่ะ อิอิ~


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×